Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๙๕] ๕. มหาสุทสฺสนชาตกวณฺณนา
[95] 5. Mahāsudassanajātakavaṇṇanā
อนิจฺจา วต สงฺขาราติ อิทํ สตฺถา ปรินิพฺพานมเญฺจ นิปโนฺน อานนฺทเตฺถรสฺส ‘‘มา, ภเนฺต, ภควา อิมสฺมิํ ขุทฺทกนครเก’’ตฺยาทิวจนํ (ที. นิ. ๒.๒๑๐) อารพฺภ กเถสิฯ ตถาคเต หิ เชตวเน วิหรเนฺต สาริปุตฺตเตฺถโร กตฺติกปุณฺณมายํ นาฬกคามเก ชาโตวรเก ปรินิพฺพายิ, มหาโมคฺคลฺลาโน กตฺติกมาสเสฺสว กาฬปกฺขอมาวสิยํฯ เอวํ ปรินิพฺพุเต อคฺคสาวกยุเค ‘‘อหมฺปิ กุสินารายํ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน ตตฺถ คนฺตฺวา ยมกสาลานมนฺตเร อุตฺตรสีสเก มญฺจเก อนุฎฺฐานเสยฺยาย นิปชฺชิฯ อถ นํ อายสฺมา อานนฺทเตฺถโร ‘‘มา, ภเนฺต, ภควา อิมสฺมิํ ขุทฺทกนครเก วิสเม อุชฺชงฺคลนครเก, สาขานครเก ปรินิพฺพายิ, อเญฺญสํ จมฺปาราชคหาทีนํ มหานครานํ อญฺญตรสฺมิํ ภควา ปรินิพฺพายตู’’ติ ยาจิฯ สตฺถา ‘‘มา, อานนฺท, อิมํ ‘ขุทฺทกนครกํ, อุชฺชงฺคลนครกํ สาขานครก’นฺติ วเทหิ, อหญฺหิ ปุเพฺพ สุทสฺสนจกฺกวตฺติราชกาเล อิมสฺมิํ นคเร วสิํ, ตทา อิทํ ทฺวาทสโยชนิเกน รตนปากาเรน ปริกฺขิตฺตํ มหานครํ อโหสี’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหรโนฺต มหาสุทสฺสนสุตฺตํ (ที. นิ. ๒.๒๔๑ อาทโย) กเถสิฯ
Aniccā vata saṅkhārāti idaṃ satthā parinibbānamañce nipanno ānandattherassa ‘‘mā, bhante, bhagavā imasmiṃ khuddakanagarake’’tyādivacanaṃ (dī. ni. 2.210) ārabbha kathesi. Tathāgate hi jetavane viharante sāriputtatthero kattikapuṇṇamāyaṃ nāḷakagāmake jātovarake parinibbāyi, mahāmoggallāno kattikamāsasseva kāḷapakkhaamāvasiyaṃ. Evaṃ parinibbute aggasāvakayuge ‘‘ahampi kusinārāyaṃ parinibbāyissāmī’’ti anupubbena cārikaṃ caramāno tattha gantvā yamakasālānamantare uttarasīsake mañcake anuṭṭhānaseyyāya nipajji. Atha naṃ āyasmā ānandatthero ‘‘mā, bhante, bhagavā imasmiṃ khuddakanagarake visame ujjaṅgalanagarake, sākhānagarake parinibbāyi, aññesaṃ campārājagahādīnaṃ mahānagarānaṃ aññatarasmiṃ bhagavā parinibbāyatū’’ti yāci. Satthā ‘‘mā, ānanda, imaṃ ‘khuddakanagarakaṃ, ujjaṅgalanagarakaṃ sākhānagaraka’nti vadehi, ahañhi pubbe sudassanacakkavattirājakāle imasmiṃ nagare vasiṃ, tadā idaṃ dvādasayojanikena ratanapākārena parikkhittaṃ mahānagaraṃ ahosī’’ti vatvā therena yācito atītaṃ āharanto mahāsudassanasuttaṃ (dī. ni. 2.241 ādayo) kathesi.
ตทา ปน มหาสุทสฺสนํ สุธมฺมปาสาทา โอตริตฺวา อวิทูเร สตฺตรตนมเย ตาลวเน ปญฺญตฺตสฺมิํ กปฺปิยมญฺจเก ทกฺขิเณน ปเสฺสน อนุฎฺฐานเสยฺยาย นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ นครสหสฺสานิ กุสาวติราชธานิปฺปมุขานิ, เอตฺถ ฉนฺทํ กโรหี’’ติ สุภทฺทาย เทวิยา วุเตฺต มหาสุทสฺสโน ‘‘มา เทวิ เอวํ อวจ, อถ โข ‘เอตฺถ ฉนฺทํ วิเนหิ, มา อเปกฺขํ อกาสี’ติ เอวํ มํ โอวทา’’ติ วตฺวา ‘‘กิํการณา, เทวา’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘อชฺชาหํ กาลกิริยํ กริสฺสามี’’ติฯ อถ นํ เทวี โรทมานา อกฺขีนิ ปุญฺฉิตฺวา กิเจฺฉน กสิเรน ตถา วตฺวา โรทิ ปริเทวิฯ เสสาปิ จตุราสีติสหสฺสอิตฺถิโย โรทิํสุ ปริเทวิํสุฯ อมจฺจาทีสุปิ เอโกปิ อธิวาเสตุํ นาสกฺขิ, สเพฺพปิ โรทิํสุฯ โพธิสโตฺต ‘‘อลํ, ภเณ, มา สทฺทมกตฺถา’’ติ สเพฺพ นิวาเรตฺวา เทวิํ อามเนฺตตฺวา ‘‘มา ตฺวํ เทวิ โรทิ, มา ปริเทวิฯ ติลผลมโตฺตปิ หิ สงฺขาโร นิโจฺจ นาม นตฺถิ, สเพฺพปิ อนิจฺจา เภทนธมฺมา เอวา’’ติ วตฺวา เทวิํ โอวทโนฺต อิมํ คาถมาห –
Tadā pana mahāsudassanaṃ sudhammapāsādā otaritvā avidūre sattaratanamaye tālavane paññattasmiṃ kappiyamañcake dakkhiṇena passena anuṭṭhānaseyyāya nipannaṃ disvā ‘‘imāni te, deva, caturāsīti nagarasahassāni kusāvatirājadhānippamukhāni, ettha chandaṃ karohī’’ti subhaddāya deviyā vutte mahāsudassano ‘‘mā devi evaṃ avaca, atha kho ‘ettha chandaṃ vinehi, mā apekkhaṃ akāsī’ti evaṃ maṃ ovadā’’ti vatvā ‘‘kiṃkāraṇā, devā’’ti pucchito ‘‘ajjāhaṃ kālakiriyaṃ karissāmī’’ti. Atha naṃ devī rodamānā akkhīni puñchitvā kicchena kasirena tathā vatvā rodi paridevi. Sesāpi caturāsītisahassaitthiyo rodiṃsu parideviṃsu. Amaccādīsupi ekopi adhivāsetuṃ nāsakkhi, sabbepi rodiṃsu. Bodhisatto ‘‘alaṃ, bhaṇe, mā saddamakatthā’’ti sabbe nivāretvā deviṃ āmantetvā ‘‘mā tvaṃ devi rodi, mā paridevi. Tilaphalamattopi hi saṅkhāro nicco nāma natthi, sabbepi aniccā bhedanadhammā evā’’ti vatvā deviṃ ovadanto imaṃ gāthamāha –
๙๕.
95.
‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
‘‘Aniccā vata saṅkhārā, uppādavayadhammino;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติฯ
Uppajjitvā nirujjhanti, tesaṃ vūpasamo sukho’’ti.
ตตฺถ อนิจฺจา วต สงฺขาราติ ภเทฺท สุภทฺทาเทวิ, ยตฺตกา เกหิจิ ปจฺจเยหิ สมาคนฺตฺวา กตา ขนฺธายตนาทโย สงฺขารา, สเพฺพ เต อนิจฺจาเยว นามฯ เอเตสุ หิ รูปํ อนิจฺจํ…เป.… วิญฺญาณํ อนิจฺจํฯ จกฺขุ อนิจฺจํ…เป.… ธมฺมา อนิจฺจาฯ ยํกิญฺจิ สวิญฺญาณกํ อวิญฺญาณกํ รตนํ, สพฺพํ ตํ อนิจฺจเมวฯ อิติ ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ คณฺหฯ กสฺมา? อุปฺปาทวยธมฺมิโนติ, สเพฺพ เหเต อุปฺปาทธมฺมิโน เจว วยธมฺมิโน จ อุปฺปชฺชนภิชฺชนสภาวาเยว, ตสฺมา ‘‘อนิจฺจา’’ติ เวทิตพฺพาฯ ยสฺมา จ อนิจฺจา, ตสฺมา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, อุปฺปชฺชิตฺวา ฐิติํ ปตฺวาปิ นิรุชฺฌนฺติเยวฯ สเพฺพว เหเต นิพฺพตฺตมานา อุปฺปชฺชนฺติ นาม, ภิชฺชมานา นิรุชฺฌนฺติ นามฯ เตสํ อุปฺปาเท สติเยว จ ฐิติ นาม โหติ, ฐิติยา สติเยว ภโงฺค นาม โหติ, น หิ อนุปฺปนฺนสฺส ฐิติ นาม , นาปิ ฐิตํ อภิชฺชนกํ นาม อตฺถิฯ อิติ สเพฺพปิ สงฺขารา ตีณิ ลกฺขณานิ ปตฺวา ตตฺถ ตเตฺถว นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา สเพฺพปิเม อนิจฺจา ขณิกา อิตฺตรา อธุวา ปภงฺคุโน จลิตา สมีริตา อนทฺธนิยา ปยาตา ตาวกาลิกา นิสฺสารา, ตาวกาลิกเฎฺฐน มายามรีจิเผณสทิสาฯ เตสุ ภเทฺท สุภทฺทาเทวิ, กสฺมา สุขสญฺญํ อุปฺปาเทสิ, เอวํ ปน คณฺห เตสํ วูปสโม สุโขติ, สพฺพวฎฺฎวูปสมนโต เตสํ วูปสโม นาม นิพฺพานํ, ตเทเวกํ เอกนฺตโต สุขํ, ตโต อญฺญํ สุขํ นาม นตฺถีติฯ
Tattha aniccā vata saṅkhārāti bhadde subhaddādevi, yattakā kehici paccayehi samāgantvā katā khandhāyatanādayo saṅkhārā, sabbe te aniccāyeva nāma. Etesu hi rūpaṃ aniccaṃ…pe… viññāṇaṃ aniccaṃ. Cakkhu aniccaṃ…pe… dhammā aniccā. Yaṃkiñci saviññāṇakaṃ aviññāṇakaṃ ratanaṃ, sabbaṃ taṃ aniccameva. Iti ‘‘aniccā vata saṅkhārā’’ti gaṇha. Kasmā? Uppādavayadhamminoti, sabbe hete uppādadhammino ceva vayadhammino ca uppajjanabhijjanasabhāvāyeva, tasmā ‘‘aniccā’’ti veditabbā. Yasmā ca aniccā, tasmā uppajjitvā nirujjhanti, uppajjitvā ṭhitiṃ patvāpi nirujjhantiyeva. Sabbeva hete nibbattamānā uppajjanti nāma, bhijjamānā nirujjhanti nāma. Tesaṃ uppāde satiyeva ca ṭhiti nāma hoti, ṭhitiyā satiyeva bhaṅgo nāma hoti, na hi anuppannassa ṭhiti nāma , nāpi ṭhitaṃ abhijjanakaṃ nāma atthi. Iti sabbepi saṅkhārā tīṇi lakkhaṇāni patvā tattha tattheva nirujjhanti, tasmā sabbepime aniccā khaṇikā ittarā adhuvā pabhaṅguno calitā samīritā anaddhaniyā payātā tāvakālikā nissārā, tāvakālikaṭṭhena māyāmarīcipheṇasadisā. Tesu bhadde subhaddādevi, kasmā sukhasaññaṃ uppādesi, evaṃ pana gaṇha tesaṃ vūpasamo sukhoti, sabbavaṭṭavūpasamanato tesaṃ vūpasamo nāma nibbānaṃ, tadevekaṃ ekantato sukhaṃ, tato aññaṃ sukhaṃ nāma natthīti.
เอวํ มหาสุทสฺสโน อมตมหานิพฺพาเนน เทสนาย กูฎํ คเหตฺวา อวเสสสฺสปิ มหาชนสฺส ‘‘ทานํ เทถ, สีลํ รกฺขถ, อุโปสถกมฺมํ กโรถา’’ติ โอวาทํ ทตฺวา เทวโลกปรายโณ อโหสิฯ
Evaṃ mahāsudassano amatamahānibbānena desanāya kūṭaṃ gahetvā avasesassapi mahājanassa ‘‘dānaṃ detha, sīlaṃ rakkhatha, uposathakammaṃ karothā’’ti ovādaṃ datvā devalokaparāyaṇo ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สุภทฺทา เทวี ราหุลมาตา อโหสิ, ปริณายกรตนํ ราหุโล, เสสปริสา พุทฺธปริสา, มหาสุทสฺสโน ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā subhaddā devī rāhulamātā ahosi, pariṇāyakaratanaṃ rāhulo, sesaparisā buddhaparisā, mahāsudassano pana ahameva ahosi’’nti.
มหาสุทสฺสนชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ
Mahāsudassanajātakavaṇṇanā pañcamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๙๕. มหาสุทสฺสนชาตกํ • 95. Mahāsudassanajātakaṃ