Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๔. มหาสุทสฺสนสุตฺตํ
4. Mahāsudassanasuttaṃ
๒๔๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กุสินารายํ วิหรติ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน อนฺตเรน ยมกสาลานํ ปรินิพฺพานสมเยฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มา, ภเนฺต, ภควา อิมสฺมิํ ขุทฺทกนครเก อุชฺชงฺคลนครเก สาขานครเก ปรินิพฺพายิฯ สนฺติ, ภเนฺต, อญฺญานิ มหานครานิฯ เสยฺยถิทํ – จมฺปา, ราชคหํ, สาวตฺถิ, สาเกตํ, โกสมฺพี, พาราณสี; เอตฺถ ภควา ปรินิพฺพายตุฯ เอตฺถ พหู ขตฺติยมหาสาลา พฺราหฺมณมหาสาลา คหปติมหาสาลา ตถาคเต อภิปฺปสนฺนา, เต ตถาคตสฺส สรีรปูชํ กริสฺสนฺตี’’ติฯ
241. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kusinārāyaṃ viharati upavattane mallānaṃ sālavane antarena yamakasālānaṃ parinibbānasamaye. Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘mā, bhante, bhagavā imasmiṃ khuddakanagarake ujjaṅgalanagarake sākhānagarake parinibbāyi. Santi, bhante, aññāni mahānagarāni. Seyyathidaṃ – campā, rājagahaṃ, sāvatthi, sāketaṃ, kosambī, bārāṇasī; ettha bhagavā parinibbāyatu. Ettha bahū khattiyamahāsālā brāhmaṇamahāsālā gahapatimahāsālā tathāgate abhippasannā, te tathāgatassa sarīrapūjaṃ karissantī’’ti.
๒๔๒. ‘‘มา เหวํ, อานนฺท, อวจ; มา เหวํ, อานนฺท, อวจ – ขุทฺทกนครกํ อุชฺชงฺคลนครกํ สาขานครก’’นฺติฯ
242. ‘‘Mā hevaṃ, ānanda, avaca; mā hevaṃ, ānanda, avaca – khuddakanagarakaṃ ujjaṅgalanagarakaṃ sākhānagaraka’’nti.
กุสาวตีราชธานี
Kusāvatīrājadhānī
‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน นาม อโหสิ ขตฺติโย มุทฺธาวสิโตฺต 1 จาตุรโนฺต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺต ฯ รโญฺญ, อานนฺท, มหาสุทสฺสนสฺส อยํ กุสินารา กุสาวตี นาม ราชธานี อโหสิฯ ปุรตฺถิเมน จ ปจฺฉิเมน จ ทฺวาทสโยชนานิ อายาเมน, อุตฺตเรน จ ทกฺขิเณน จ สตฺตโยชนานิ วิตฺถาเรนฯ กุสาวตี, อานนฺท, ราชธานี อิทฺธา เจว อโหสิ ผีตา จ พหุชนา จ อากิณฺณมนุสฺสา จ สุภิกฺขา จฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท , เทวานํ อาฬกมนฺทา นาม ราชธานี อิทฺธา เจว โหติ ผีตา จ 2 พหุชนา จ อากิณฺณยกฺขา จ สุภิกฺขา จ; เอวเมว โข, อานนฺท, กุสาวตี ราชธานี อิทฺธา เจว อโหสิ ผีตา จ พหุชนา จ อากิณฺณมนุสฺสา จ สุภิกฺขา จฯ กุสาวตี, อานนฺท , ราชธานี ทสหิ สเทฺทหิ อวิวิตฺตา อโหสิ ทิวา เจว รตฺติญฺจ, เสยฺยถิทํ – หตฺถิสเทฺทน อสฺสสเทฺทน รถสเทฺทน เภริสเทฺทน มุทิงฺคสเทฺทน วีณาสเทฺทน คีตสเทฺทน สงฺขสเทฺทน สมฺมสเทฺทน ปาณิตาฬสเทฺทน ‘อสฺนาถ ปิวถ ขาทถา’ติ ทสเมน สเทฺทนฯ
‘‘Bhūtapubbaṃ, ānanda, rājā mahāsudassano nāma ahosi khattiyo muddhāvasitto 3 cāturanto vijitāvī janapadatthāvariyappatto . Rañño, ānanda, mahāsudassanassa ayaṃ kusinārā kusāvatī nāma rājadhānī ahosi. Puratthimena ca pacchimena ca dvādasayojanāni āyāmena, uttarena ca dakkhiṇena ca sattayojanāni vitthārena. Kusāvatī, ānanda, rājadhānī iddhā ceva ahosi phītā ca bahujanā ca ākiṇṇamanussā ca subhikkhā ca. Seyyathāpi, ānanda , devānaṃ āḷakamandā nāma rājadhānī iddhā ceva hoti phītā ca 4 bahujanā ca ākiṇṇayakkhā ca subhikkhā ca; evameva kho, ānanda, kusāvatī rājadhānī iddhā ceva ahosi phītā ca bahujanā ca ākiṇṇamanussā ca subhikkhā ca. Kusāvatī, ānanda , rājadhānī dasahi saddehi avivittā ahosi divā ceva rattiñca, seyyathidaṃ – hatthisaddena assasaddena rathasaddena bherisaddena mudiṅgasaddena vīṇāsaddena gītasaddena saṅkhasaddena sammasaddena pāṇitāḷasaddena ‘asnātha pivatha khādathā’ti dasamena saddena.
‘‘กุสาวตี, อานนฺท, ราชธานี สตฺตหิ ปากาเรหิ ปริกฺขิตฺตา อโหสิฯ เอโก ปากาโร โสวณฺณมโย, เอโก รูปิยมโย, เอโก เวฬุริยมโย, เอโก ผลิกมโย, เอโก โลหิตงฺกมโย 5, เอโก มสารคลฺลมโย, เอโก สพฺพรตนมโยฯ กุสาวติยา, อานนฺท, ราชธานิยา จตุนฺนํ วณฺณานํ ทฺวารานิ อเหสุํฯ เอกํ ทฺวารํ โสวณฺณมยํ, เอกํ รูปิยมยํ, เอกํ เวฬุริยมยํ, เอกํ ผลิกมยํ ฯ เอเกกสฺมิํ ทฺวาเร สตฺต สตฺต เอสิกา นิขาตา อเหสุํ ติโปริสงฺคา ติโปริสนิขาตา ทฺวาทสโปริสา อุเพฺพเธนฯ เอกา เอสิกา โสวณฺณมยา, เอกา รูปิยมยา, เอกา เวฬุริยมยา, เอกา ผลิกมยา, เอกา โลหิตงฺกมยา, เอกา มสารคลฺลมยา, เอกา สพฺพรตนมยาฯ กุสาวตี, อานนฺท, ราชธานี สตฺตหิ ตาลปนฺตีหิ ปริกฺขิตฺตา อโหสิฯ เอกา ตาลปนฺติ โสวณฺณมยา, เอกา รูปิยมยา, เอกา เวฬุริยมยา, เอกา ผลิกมยา, เอกา โลหิตงฺกมยา, เอกา มสารคลฺลมยา, เอกา สพฺพรตนมยาฯ โสวณฺณมยสฺส ตาลสฺส โสวณฺณมโย ขโนฺธ อโหสิ, รูปิยมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ รูปิยมยสฺส ตาลสฺส รูปิยมโย ขโนฺธ อโหสิ, โสวณฺณมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ เวฬุริยมยสฺส ตาลสฺส เวฬุริยมโย ขโนฺธ อโหสิ, ผลิกมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ ผลิกมยสฺส ตาลสฺส ผลิกมโย ขโนฺธ อโหสิ, เวฬุริยมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ โลหิตงฺกมยสฺส ตาลสฺส โลหิตงฺกมโย ขโนฺธ อโหสิ, มสารคลฺลมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ มสารคลฺลมยสฺส ตาลสฺส มสารคลฺลมโย ขโนฺธ อโหสิ, โลหิตงฺกมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ สพฺพรตนมยสฺส ตาลสฺส สพฺพรตนมโย ขโนฺธ อโหสิ, สพฺพรตนมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ ตาสํ โข ปนานนฺท, ตาลปนฺตีนํ วาเตริตานํ สโทฺท อโหสิ วคฺคุ จ รชนีโย จ ขมนีโย 6 จ มทนีโย จฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, ปญฺจงฺคิกสฺส ตูริยสฺส สุวินีตสฺส สุปฺปฎิตาฬิตสฺส สุกุสเลหิ สมนฺนาหตสฺส สโทฺท โหติ วคฺคุ จ รชนีโย จ ขมนีโย จ มทนีโย จ , เอวเมว โข, อานนฺท, ตาสํ ตาลปนฺตีนํ วาเตริตานํ สโทฺท อโหสิ วคฺคุ จ รชนีโย จ ขมนีโย จ มทนีโย จฯ เย โข ปนานนฺท, เตน สมเยน กุสาวติยา ราชธานิยา ธุตฺตา อเหสุํ โสณฺฑา ปิปาสา, เต ตาสํ ตาลปนฺตีนํ วาเตริตานํ สเทฺทน ปริจาเรสุํฯ
‘‘Kusāvatī, ānanda, rājadhānī sattahi pākārehi parikkhittā ahosi. Eko pākāro sovaṇṇamayo, eko rūpiyamayo, eko veḷuriyamayo, eko phalikamayo, eko lohitaṅkamayo 7, eko masāragallamayo, eko sabbaratanamayo. Kusāvatiyā, ānanda, rājadhāniyā catunnaṃ vaṇṇānaṃ dvārāni ahesuṃ. Ekaṃ dvāraṃ sovaṇṇamayaṃ, ekaṃ rūpiyamayaṃ, ekaṃ veḷuriyamayaṃ, ekaṃ phalikamayaṃ . Ekekasmiṃ dvāre satta satta esikā nikhātā ahesuṃ tiporisaṅgā tiporisanikhātā dvādasaporisā ubbedhena. Ekā esikā sovaṇṇamayā, ekā rūpiyamayā, ekā veḷuriyamayā, ekā phalikamayā, ekā lohitaṅkamayā, ekā masāragallamayā, ekā sabbaratanamayā. Kusāvatī, ānanda, rājadhānī sattahi tālapantīhi parikkhittā ahosi. Ekā tālapanti sovaṇṇamayā, ekā rūpiyamayā, ekā veḷuriyamayā, ekā phalikamayā, ekā lohitaṅkamayā, ekā masāragallamayā, ekā sabbaratanamayā. Sovaṇṇamayassa tālassa sovaṇṇamayo khandho ahosi, rūpiyamayāni pattāni ca phalāni ca. Rūpiyamayassa tālassa rūpiyamayo khandho ahosi, sovaṇṇamayāni pattāni ca phalāni ca. Veḷuriyamayassa tālassa veḷuriyamayo khandho ahosi, phalikamayāni pattāni ca phalāni ca. Phalikamayassa tālassa phalikamayo khandho ahosi, veḷuriyamayāni pattāni ca phalāni ca. Lohitaṅkamayassa tālassa lohitaṅkamayo khandho ahosi, masāragallamayāni pattāni ca phalāni ca. Masāragallamayassa tālassa masāragallamayo khandho ahosi, lohitaṅkamayāni pattāni ca phalāni ca. Sabbaratanamayassa tālassa sabbaratanamayo khandho ahosi, sabbaratanamayāni pattāni ca phalāni ca. Tāsaṃ kho panānanda, tālapantīnaṃ vāteritānaṃ saddo ahosi vaggu ca rajanīyo ca khamanīyo 8 ca madanīyo ca. Seyyathāpi, ānanda, pañcaṅgikassa tūriyassa suvinītassa suppaṭitāḷitassa sukusalehi samannāhatassa saddo hoti vaggu ca rajanīyo ca khamanīyo ca madanīyo ca , evameva kho, ānanda, tāsaṃ tālapantīnaṃ vāteritānaṃ saddo ahosi vaggu ca rajanīyo ca khamanīyo ca madanīyo ca. Ye kho panānanda, tena samayena kusāvatiyā rājadhāniyā dhuttā ahesuṃ soṇḍā pipāsā, te tāsaṃ tālapantīnaṃ vāteritānaṃ saddena paricāresuṃ.
จกฺกรตนํ
Cakkaratanaṃ
๒๔๓. ‘‘ราชา , อานนฺท, มหาสุทสฺสโน สตฺตหิ รตเนหิ สมนฺนาคโต อโหสิ จตูหิ จ อิทฺธีหิฯ กตเมหิ สตฺตหิ? อิธานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส สีสํนฺหาตสฺส อุโปสถิกสฺส อุปริปาสาทวรคตสฺส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุรโหสิ สหสฺสารํ สเนมิกํ สนาภิกํ สพฺพาการปริปูรํฯ ทิสฺวา รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส เอตทโหสิ – ‘สุตํ โข ปเนตํ – ‘‘ยสฺส รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส สีสํนฺหาตสฺส อุโปสถิกสฺส อุปริปาสาทวรคตสฺส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุภวติ สหสฺสารํ สเนมิกํ สนาภิกํ สพฺพาการปริปูรํ, โส โหติ ราชา จกฺกวตฺตี’’ติฯ อสฺสํ นุ โข อหํ ราชา จกฺกวตฺตี’ติฯ
243. ‘‘Rājā , ānanda, mahāsudassano sattahi ratanehi samannāgato ahosi catūhi ca iddhīhi. Katamehi sattahi? Idhānanda, rañño mahāsudassanassa tadahuposathe pannarase sīsaṃnhātassa uposathikassa uparipāsādavaragatassa dibbaṃ cakkaratanaṃ pāturahosi sahassāraṃ sanemikaṃ sanābhikaṃ sabbākāraparipūraṃ. Disvā rañño mahāsudassanassa etadahosi – ‘sutaṃ kho panetaṃ – ‘‘yassa rañño khattiyassa muddhāvasittassa tadahuposathe pannarase sīsaṃnhātassa uposathikassa uparipāsādavaragatassa dibbaṃ cakkaratanaṃ pātubhavati sahassāraṃ sanemikaṃ sanābhikaṃ sabbākāraparipūraṃ, so hoti rājā cakkavattī’’ti. Assaṃ nu kho ahaṃ rājā cakkavattī’ti.
๒๔๔. ‘‘อถ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วาเมน หเตฺถน สุวณฺณภิงฺการํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หเตฺถน จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิริ – ‘ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตนํ, อภิวิชินาตุ ภวํ จกฺกรตน’นฺติฯ อถ โข ตํ, อานนฺท, จกฺกรตนํ ปุรตฺถิมํ ทิสํ ปวตฺติ 9, อนฺวเทว 10 ราชา มหาสุทสฺสโน สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนาย, ยสฺมิํ โข ปนานนฺท, ปเทเส จกฺกรตนํ ปติฎฺฐาสิ, ตตฺถ ราชา มหาสุทสฺสโน วาสํ อุปคจฺฉิ สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ เย โข ปนานนฺท, ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฎิราชาโน, เต ราชานํ มหาสุทสฺสนํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘เอหิ โข มหาราช, สฺวาคตํ เต มหาราช, สกํ เต มหาราช, อนุสาส มหาราชา’ติฯ ราชา มหาสุทสฺสโน เอวมาห – ‘ปาโณ น หนฺตโพฺพ, อทินฺนํ น อาทาตพฺพํ, กาเมสุ มิจฺฉา น จริตพฺพา, มุสา น ภณิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ, ยถาภุตฺตญฺจ ภุญฺชถา’ติ ฯ เย โข ปนานนฺท, ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฎิราชาโน, เต รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส อนุยนฺตา อเหสุํฯ อถ โข ตํ, อานนฺท, จกฺกรตนํ ปุรตฺถิมํ สมุทฺทํ อโชฺฌคาเหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา ทกฺขิณํ ทิสํ ปวตฺติ…เป.… ทกฺขิณํ สมุทฺทํ อโชฺฌคาเหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา ปจฺฉิมํ ทิสํ ปวตฺติ…เป.… ปจฺฉิมํ สมุทฺทํ อโชฺฌคาเหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา อุตฺตรํ ทิสํ ปวตฺติ, อนฺวเทว ราชา มหาสุทสฺสโน สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ ยสฺมิํ โข ปนานนฺท, ปเทเส จกฺกรตนํ ปติฎฺฐาสิ, ตตฺถ ราชา มหาสุทสฺสโน วาสํ อุปคจฺฉิ สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ เย โข ปนานนฺท, อุตฺตราย ทิสาย ปฎิราชาโน, เต ราชานํ มหาสุทสฺสนํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘เอหิ โข มหาราช, สฺวาคตํ เต มหาราช, สกํ เต มหาราช, อนุสาส มหาราชา’ติฯ ราชา มหาสุทสฺสโน เอวมาห – ‘ปาโณ น หนฺตโพฺพ, อทินฺนํ น อาทาตพฺพํ, กาเมสุ มิจฺฉา น จริตพฺพา, มุสา น ภณิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ , ยถาภุตฺตญฺจ ภุญฺชถา’ติฯ เย โข ปนานนฺท, อุตฺตราย ทิสาย ปฎิราชาโน , เต รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส อนุยนฺตา อเหสุํฯ
244. ‘‘Atha kho, ānanda, rājā mahāsudassano uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā vāmena hatthena suvaṇṇabhiṅkāraṃ gahetvā dakkhiṇena hatthena cakkaratanaṃ abbhukkiri – ‘pavattatu bhavaṃ cakkaratanaṃ, abhivijinātu bhavaṃ cakkaratana’nti. Atha kho taṃ, ānanda, cakkaratanaṃ puratthimaṃ disaṃ pavatti 11, anvadeva 12 rājā mahāsudassano saddhiṃ caturaṅginiyā senāya, yasmiṃ kho panānanda, padese cakkaratanaṃ patiṭṭhāsi, tattha rājā mahāsudassano vāsaṃ upagacchi saddhiṃ caturaṅginiyā senāya. Ye kho panānanda, puratthimāya disāya paṭirājāno, te rājānaṃ mahāsudassanaṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘ehi kho mahārāja, svāgataṃ te mahārāja, sakaṃ te mahārāja, anusāsa mahārājā’ti. Rājā mahāsudassano evamāha – ‘pāṇo na hantabbo, adinnaṃ na ādātabbaṃ, kāmesu micchā na caritabbā, musā na bhaṇitabbā, majjaṃ na pātabbaṃ, yathābhuttañca bhuñjathā’ti . Ye kho panānanda, puratthimāya disāya paṭirājāno, te rañño mahāsudassanassa anuyantā ahesuṃ. Atha kho taṃ, ānanda, cakkaratanaṃ puratthimaṃ samuddaṃ ajjhogāhetvā paccuttaritvā dakkhiṇaṃ disaṃ pavatti…pe… dakkhiṇaṃ samuddaṃ ajjhogāhetvā paccuttaritvā pacchimaṃ disaṃ pavatti…pe… pacchimaṃ samuddaṃ ajjhogāhetvā paccuttaritvā uttaraṃ disaṃ pavatti, anvadeva rājā mahāsudassano saddhiṃ caturaṅginiyā senāya. Yasmiṃ kho panānanda, padese cakkaratanaṃ patiṭṭhāsi, tattha rājā mahāsudassano vāsaṃ upagacchi saddhiṃ caturaṅginiyā senāya. Ye kho panānanda, uttarāya disāya paṭirājāno, te rājānaṃ mahāsudassanaṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘ehi kho mahārāja, svāgataṃ te mahārāja, sakaṃ te mahārāja, anusāsa mahārājā’ti. Rājā mahāsudassano evamāha – ‘pāṇo na hantabbo, adinnaṃ na ādātabbaṃ, kāmesu micchā na caritabbā, musā na bhaṇitabbā, majjaṃ na pātabbaṃ , yathābhuttañca bhuñjathā’ti. Ye kho panānanda, uttarāya disāya paṭirājāno , te rañño mahāsudassanassa anuyantā ahesuṃ.
๒๔๕. ‘‘อถ โข ตํ, อานนฺท, จกฺกรตนํ สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวิํ อภิวิชินิตฺวา กุสาวติํ ราชธานิํ ปจฺจาคนฺตฺวา รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส อเนฺตปุรทฺวาเร อตฺถกรณปมุเข อกฺขาหตํ มเญฺญ อฎฺฐาสิ รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส อเนฺตปุรํ อุปโสภยมานํฯ รโญฺญ, อานนฺท, มหาสุทสฺสนสฺส เอวรูปํ จกฺกรตนํ ปาตุรโหสิฯ
245. ‘‘Atha kho taṃ, ānanda, cakkaratanaṃ samuddapariyantaṃ pathaviṃ abhivijinitvā kusāvatiṃ rājadhāniṃ paccāgantvā rañño mahāsudassanassa antepuradvāre atthakaraṇapamukhe akkhāhataṃ maññe aṭṭhāsi rañño mahāsudassanassa antepuraṃ upasobhayamānaṃ. Rañño, ānanda, mahāsudassanassa evarūpaṃ cakkaratanaṃ pāturahosi.
หตฺถิรตนํ
Hatthiratanaṃ
๒๔๖. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส หตฺถิรตนํ ปาตุรโหสิ สพฺพเสโต สตฺตปฺปติโฎฺฐ อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม อุโปสโถ นาม นาคราชาฯ ตํ ทิสฺวา รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส จิตฺตํ ปสีทิ – ‘ภทฺทกํ วต โภ หตฺถิยานํ, สเจ ทมถํ อุเปยฺยา’ติฯ อถ โข ตํ, อานนฺท, หตฺถิรตนํ – เสยฺยถาปิ นาม คนฺธหตฺถาชานิโย ทีฆรตฺตํ สุปริทโนฺต, เอวเมว ทมถํ อุปคจฺฉิฯ ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ตเมว หตฺถิรตนํ วีมํสมาโน ปุพฺพณฺหสมยํ อภิรุหิตฺวา สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวิํ อนุยายิตฺวา กุสาวติํ ราชธานิํ ปจฺจาคนฺตฺวา ปาตราสมกาสิฯ รโญฺญ, อานนฺท, มหาสุทสฺสนสฺส เอวรูปํ หตฺถิรตนํ ปาตุรโหสิฯ
246. ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, rañño mahāsudassanassa hatthiratanaṃ pāturahosi sabbaseto sattappatiṭṭho iddhimā vehāsaṅgamo uposatho nāma nāgarājā. Taṃ disvā rañño mahāsudassanassa cittaṃ pasīdi – ‘bhaddakaṃ vata bho hatthiyānaṃ, sace damathaṃ upeyyā’ti. Atha kho taṃ, ānanda, hatthiratanaṃ – seyyathāpi nāma gandhahatthājāniyo dīgharattaṃ suparidanto, evameva damathaṃ upagacchi. Bhūtapubbaṃ, ānanda, rājā mahāsudassano tameva hatthiratanaṃ vīmaṃsamāno pubbaṇhasamayaṃ abhiruhitvā samuddapariyantaṃ pathaviṃ anuyāyitvā kusāvatiṃ rājadhāniṃ paccāgantvā pātarāsamakāsi. Rañño, ānanda, mahāsudassanassa evarūpaṃ hatthiratanaṃ pāturahosi.
อสฺสรตนํ
Assaratanaṃ
๒๔๗. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส อสฺสรตนํ ปาตุรโหสิ สพฺพเสโต กาฬสีโส มุญฺชเกโส อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม วลาหโก นาม อสฺสราชาฯ ตํ ทิสฺวา รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส จิตฺตํ ปสีทิ – ‘ภทฺทกํ วต โภ อสฺสยานํ สเจ ทมถํ อุเปยฺยา’ติฯ อถ โข ตํ , อานนฺท, อสฺสรตนํ เสยฺยถาปิ นาม ภโทฺท อสฺสาชานิโย ทีฆรตฺตํ สุปริทโนฺต, เอวเมว ทมถํ อุปคจฺฉิฯ ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ตเมว อสฺสรตนํ วีมํสมาโน ปุพฺพณฺหสมยํ อภิรุหิตฺวา สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวิํ อนุยายิตฺวา กุสาวติํ ราชธานิํ ปจฺจาคนฺตฺวา ปาตราสมกาสิฯ รโญฺญ, อานนฺท, มหาสุทสฺสนสฺส เอวรูปํ อสฺสรตนํ ปาตุรโหสิฯ
247. ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, rañño mahāsudassanassa assaratanaṃ pāturahosi sabbaseto kāḷasīso muñjakeso iddhimā vehāsaṅgamo valāhako nāma assarājā. Taṃ disvā rañño mahāsudassanassa cittaṃ pasīdi – ‘bhaddakaṃ vata bho assayānaṃ sace damathaṃ upeyyā’ti. Atha kho taṃ , ānanda, assaratanaṃ seyyathāpi nāma bhaddo assājāniyo dīgharattaṃ suparidanto, evameva damathaṃ upagacchi. Bhūtapubbaṃ, ānanda, rājā mahāsudassano tameva assaratanaṃ vīmaṃsamāno pubbaṇhasamayaṃ abhiruhitvā samuddapariyantaṃ pathaviṃ anuyāyitvā kusāvatiṃ rājadhāniṃ paccāgantvā pātarāsamakāsi. Rañño, ānanda, mahāsudassanassa evarūpaṃ assaratanaṃ pāturahosi.
มณิรตนํ
Maṇiratanaṃ
๒๔๘. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส มณิรตนํ ปาตุรโหสิฯ โส อโหสิ มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฎฺฐํโส สุปริกมฺมกโต อโจฺฉ วิปฺปสโนฺน อนาวิโล สพฺพาการสมฺปโนฺนฯ ตสฺส โข ปนานนฺท, มณิรตนสฺส อาภา สมนฺตา โยชนํ ผุฎา อโหสิฯ ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ตเมว มณิรตนํ วีมํสมาโน จตุรงฺคินิํ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา มณิํ ธชคฺคํ อาโรเปตฺวา รตฺตนฺธการติมิสาย ปายาสิฯ เย โข ปนานนฺท, สมนฺตา คามา อเหสุํ, เต เตโนภาเสน กมฺมเนฺต ปโยเชสุํ ทิวาติ มญฺญมานาฯ รโญฺญ, อานนฺท, มหาสุทสฺสนสฺส เอวรูปํ มณิรตนํ ปาตุรโหสิฯ
248. ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, rañño mahāsudassanassa maṇiratanaṃ pāturahosi. So ahosi maṇi veḷuriyo subho jātimā aṭṭhaṃso suparikammakato accho vippasanno anāvilo sabbākārasampanno. Tassa kho panānanda, maṇiratanassa ābhā samantā yojanaṃ phuṭā ahosi. Bhūtapubbaṃ, ānanda, rājā mahāsudassano tameva maṇiratanaṃ vīmaṃsamāno caturaṅginiṃ senaṃ sannayhitvā maṇiṃ dhajaggaṃ āropetvā rattandhakāratimisāya pāyāsi. Ye kho panānanda, samantā gāmā ahesuṃ, te tenobhāsena kammante payojesuṃ divāti maññamānā. Rañño, ānanda, mahāsudassanassa evarūpaṃ maṇiratanaṃ pāturahosi.
อิตฺถิรตนํ
Itthiratanaṃ
๒๔๙. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส อิตฺถิรตนํ ปาตุรโหสิ อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬิกา นาโจฺจทาตา อติกฺกนฺตา มานุสิวณฺณํ 13 อปฺปตฺตา ทิพฺพวณฺณํฯ ตสฺส โข ปนานนฺท, อิตฺถิรตนสฺส เอวรูโป กายสมฺผโสฺส โหติ, เสยฺยถาปิ นาม ตูลปิจุโน วา กปฺปาสปิจุโน วาฯ ตสฺส โข ปนานนฺท, อิตฺถิรตนสฺส สีเต อุณฺหานิ คตฺตานิ โหนฺติ, อุเณฺห สีตานิฯ ตสฺส โข ปนานนฺท, อิตฺถิรตนสฺส กายโต จนฺทนคโนฺธ วายติ, มุขโต อุปฺปลคโนฺธฯ ตํ โข ปนานนฺท, อิตฺถิรตนํ รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส ปุพฺพุฎฺฐายินี อโหสิ ปจฺฉานิปาตินี กิงฺการปฎิสฺสาวินี มนาปจารินี ปิยวาทินีฯ ตํ โข ปนานนฺท, อิตฺถิรตนํ ราชานํ มหาสุทสฺสนํ มนสาปิ โน อติจริ 14, กุโต ปน กาเยนฯ รโญฺญ, อานนฺท, มหาสุทสฺสนสฺส เอวรูปํ อิตฺถิรตนํ ปาตุรโหสิฯ
249. ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, rañño mahāsudassanassa itthiratanaṃ pāturahosi abhirūpā dassanīyā pāsādikā paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā nātidīghā nātirassā nātikisā nātithūlā nātikāḷikā nāccodātā atikkantā mānusivaṇṇaṃ 15 appattā dibbavaṇṇaṃ. Tassa kho panānanda, itthiratanassa evarūpo kāyasamphasso hoti, seyyathāpi nāma tūlapicuno vā kappāsapicuno vā. Tassa kho panānanda, itthiratanassa sīte uṇhāni gattāni honti, uṇhe sītāni. Tassa kho panānanda, itthiratanassa kāyato candanagandho vāyati, mukhato uppalagandho. Taṃ kho panānanda, itthiratanaṃ rañño mahāsudassanassa pubbuṭṭhāyinī ahosi pacchānipātinī kiṅkārapaṭissāvinī manāpacārinī piyavādinī. Taṃ kho panānanda, itthiratanaṃ rājānaṃ mahāsudassanaṃ manasāpi no aticari 16, kuto pana kāyena. Rañño, ānanda, mahāsudassanassa evarūpaṃ itthiratanaṃ pāturahosi.
คหปติรตนํ
Gahapatiratanaṃ
๒๕๐. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส คหปติรตนํ ปาตุรโหสิฯ ตสฺส กมฺมวิปากชํ ทิพฺพจกฺขุ ปาตุรโหสิ เยน นิธิํ ปสฺสติ สสฺสามิกมฺปิ อสฺสามิกมฺปิฯ โส ราชานํ มหาสุทสฺสนํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อโปฺปสฺสุโกฺก ตฺวํ, เทว, โหหิ, อหํ เต ธเนน ธนกรณียํ กริสฺสามี’ติฯ ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ตเมว คหปติรตนํ วีมํสมาโน นาวํ อภิรุหิตฺวา มเชฺฌ คงฺคาย นทิยา โสตํ โอคาหิตฺวา คหปติรตนํ เอตทโวจ – ‘อโตฺถ เม, คหปติ, หิรญฺญสุวเณฺณนา’ติฯ ‘เตน หิ, มหาราช, เอกํ ตีรํ นาวา อุเปตู’ติฯ ‘อิเธว เม, คหปติ, อโตฺถ หิรญฺญสุวเณฺณนา’ติฯ อถ โข ตํ, อานนฺท, คหปติรตนํ อุโภหิ หเตฺถหิ อุทกํ โอมสิตฺวา ปูรํ หิรญฺญสุวณฺณสฺส กุมฺภิํ อุทฺธริตฺวา ราชานํ มหาสุทสฺสนํ เอตทโวจ – ‘อลเมตฺตาวตา มหาราช, กตเมตฺตาวตา มหาราช, ปูชิตเมตฺตาวตา มหาราชา’ติ? ราชา มหาสุทสฺสโน เอวมาห – ‘อลเมตฺตาวตา คหปติ, กตเมตฺตาวตา คหปติ, ปูชิตเมตฺตาวตา คหปตี’ติฯ รโญฺญ , อานนฺท, มหาสุทสฺสนสฺส เอวรูปํ คหปติรตนํ ปาตุรโหสิฯ
250. ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, rañño mahāsudassanassa gahapatiratanaṃ pāturahosi. Tassa kammavipākajaṃ dibbacakkhu pāturahosi yena nidhiṃ passati sassāmikampi assāmikampi. So rājānaṃ mahāsudassanaṃ upasaṅkamitvā evamāha – ‘appossukko tvaṃ, deva, hohi, ahaṃ te dhanena dhanakaraṇīyaṃ karissāmī’ti. Bhūtapubbaṃ, ānanda, rājā mahāsudassano tameva gahapatiratanaṃ vīmaṃsamāno nāvaṃ abhiruhitvā majjhe gaṅgāya nadiyā sotaṃ ogāhitvā gahapatiratanaṃ etadavoca – ‘attho me, gahapati, hiraññasuvaṇṇenā’ti. ‘Tena hi, mahārāja, ekaṃ tīraṃ nāvā upetū’ti. ‘Idheva me, gahapati, attho hiraññasuvaṇṇenā’ti. Atha kho taṃ, ānanda, gahapatiratanaṃ ubhohi hatthehi udakaṃ omasitvā pūraṃ hiraññasuvaṇṇassa kumbhiṃ uddharitvā rājānaṃ mahāsudassanaṃ etadavoca – ‘alamettāvatā mahārāja, katamettāvatā mahārāja, pūjitamettāvatā mahārājā’ti? Rājā mahāsudassano evamāha – ‘alamettāvatā gahapati, katamettāvatā gahapati, pūjitamettāvatā gahapatī’ti. Rañño , ānanda, mahāsudassanassa evarūpaṃ gahapatiratanaṃ pāturahosi.
ปริณายกรตนํ
Pariṇāyakaratanaṃ
๒๕๑. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส ปริณายกรตนํ ปาตุรโหสิ ปณฺฑิโต วิยโตฺต เมธาวี ปฎิพโล ราชานํ มหาสุทสฺสนํ อุปยาเปตพฺพํ อุปยาเปตุํ, อปยาเปตพฺพํ อปยาเปตุํ, ฐเปตพฺพํ ฐเปตุํฯ โส ราชานํ มหาสุทสฺสนํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อโปฺปสฺสุโกฺก ตฺวํ, เทว, โหหิ, อหมนุสาสิสฺสามี’ติฯ รโญฺญ, อานนฺท, มหาสุทสฺสนสฺส เอวรูปํ ปริณายกรตนํ ปาตุรโหสิฯ
251. ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, rañño mahāsudassanassa pariṇāyakaratanaṃ pāturahosi paṇḍito viyatto medhāvī paṭibalo rājānaṃ mahāsudassanaṃ upayāpetabbaṃ upayāpetuṃ, apayāpetabbaṃ apayāpetuṃ, ṭhapetabbaṃ ṭhapetuṃ. So rājānaṃ mahāsudassanaṃ upasaṅkamitvā evamāha – ‘appossukko tvaṃ, deva, hohi, ahamanusāsissāmī’ti. Rañño, ānanda, mahāsudassanassa evarūpaṃ pariṇāyakaratanaṃ pāturahosi.
‘‘ราชา, อานนฺท, มหาสุทสฺสโน อิเมหิ สตฺตหิ รตเนหิ สมนฺนาคโต อโหสิฯ
‘‘Rājā, ānanda, mahāsudassano imehi sattahi ratanehi samannāgato ahosi.
จตุอิทฺธิสมนฺนาคโต
Catuiddhisamannāgato
๒๕๒. ‘‘ราชา, อานนฺท, มหาสุทสฺสโน จตูหิ อิทฺธีหิ สมนฺนาคโต อโหสิฯ กตมาหิ จตูหิ อิทฺธีหิ? อิธานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน อภิรูโป อโหสิ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต อติวิย อเญฺญหิ มนุเสฺสหิฯ ราชา, อานนฺท, มหาสุทสฺสโน อิมาย ปฐมาย อิทฺธิยา สมนฺนาคโต อโหสิฯ
252. ‘‘Rājā, ānanda, mahāsudassano catūhi iddhīhi samannāgato ahosi. Katamāhi catūhi iddhīhi? Idhānanda, rājā mahāsudassano abhirūpo ahosi dassanīyo pāsādiko paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgato ativiya aññehi manussehi. Rājā, ānanda, mahāsudassano imāya paṭhamāya iddhiyā samannāgato ahosi.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ทีฆายุโก อโหสิ จิรฎฺฐิติโก อติวิย อเญฺญหิ มนุเสฺสหิฯ ราชา, อานนฺท, มหาสุทสฺสโน อิมาย ทุติยาย อิทฺธิยา สมนฺนาคโต อโหสิฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, rājā mahāsudassano dīghāyuko ahosi ciraṭṭhitiko ativiya aññehi manussehi. Rājā, ānanda, mahāsudassano imāya dutiyāya iddhiyā samannāgato ahosi.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน อปฺปาพาโธ อโหสิ อปฺปาตโงฺก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย อติวิย อเญฺญหิ มนุเสฺสหิฯ ราชา, อานนฺท, มหาสุทสฺสโน อิมาย ตติยาย อิทฺธิยา สมนฺนาคโต อโหสิฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, rājā mahāsudassano appābādho ahosi appātaṅko samavepākiniyā gahaṇiyā samannāgato nātisītāya nāccuṇhāya ativiya aññehi manussehi. Rājā, ānanda, mahāsudassano imāya tatiyāya iddhiyā samannāgato ahosi.
‘‘ปุน จปรํ , อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน พฺราหฺมณคหปติกานํ ปิโย อโหสิ มนาโปฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, ปิตา ปุตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป, เอวเมว โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน พฺราหฺมณคหปติกานํ ปิโย อโหสิ มนาโปฯ รโญฺญปิ, อานนฺท, มหาสุทสฺสนสฺส พฺราหฺมณคหปติกา ปิยา อเหสุํ มนาปาฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, ปิตุ ปุตฺตา ปิยา โหนฺติ มนาปา, เอวเมว โข, อานนฺท, รโญฺญปิ มหาสุทสฺสนสฺส พฺราหฺมณคหปติกา ปิยา อเหสุํ มนาปาฯ
‘‘Puna caparaṃ , ānanda, rājā mahāsudassano brāhmaṇagahapatikānaṃ piyo ahosi manāpo. Seyyathāpi, ānanda, pitā puttānaṃ piyo hoti manāpo, evameva kho, ānanda, rājā mahāsudassano brāhmaṇagahapatikānaṃ piyo ahosi manāpo. Raññopi, ānanda, mahāsudassanassa brāhmaṇagahapatikā piyā ahesuṃ manāpā. Seyyathāpi, ānanda, pitu puttā piyā honti manāpā, evameva kho, ānanda, raññopi mahāsudassanassa brāhmaṇagahapatikā piyā ahesuṃ manāpā.
‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน จตุรงฺคินิยา เสนาย อุยฺยานภูมิํ นิยฺยาสิฯ อถ โข, อานนฺท, พฺราหฺมณคหปติกา ราชานํ มหาสุทสฺสนํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘อตรมาโน, เทว, ยาหิ, ยถา ตํ มยํ จิรตรํ ปเสฺสยฺยามา’ติฯ ราชาปิ, อานนฺท, มหาสุทสฺสโน สารถิํ อามเนฺตสิ – ‘อตรมาโน, สารถิ, รถํ เปเสหิ, ยถา อหํ พฺราหฺมณคหปติเก จิรตรํ ปเสฺสยฺย’นฺติฯ ราชา, อานนฺท, มหาสุทสฺสโน อิมาย จตุตฺถิยา 17 อิทฺธิยา สมนฺนาคโต อโหสิฯ ราชา, อานนฺท, มหาสุทสฺสโน อิมาหิ จตูหิ อิทฺธีหิ สมนฺนาคโต อโหสิฯ
‘‘Bhūtapubbaṃ, ānanda, rājā mahāsudassano caturaṅginiyā senāya uyyānabhūmiṃ niyyāsi. Atha kho, ānanda, brāhmaṇagahapatikā rājānaṃ mahāsudassanaṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘ataramāno, deva, yāhi, yathā taṃ mayaṃ cirataraṃ passeyyāmā’ti. Rājāpi, ānanda, mahāsudassano sārathiṃ āmantesi – ‘ataramāno, sārathi, rathaṃ pesehi, yathā ahaṃ brāhmaṇagahapatike cirataraṃ passeyya’nti. Rājā, ānanda, mahāsudassano imāya catutthiyā 18 iddhiyā samannāgato ahosi. Rājā, ānanda, mahāsudassano imāhi catūhi iddhīhi samannāgato ahosi.
ธมฺมปาสาทโปกฺขรณี
Dhammapāsādapokkharaṇī
๒๕๓. ‘‘อถ โข, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อิมาสุ ตาลนฺตริกาสุ ธนุสเต ธนุสเต โปกฺขรณิโย มาเปยฺย’นฺติฯ
253. ‘‘Atha kho, ānanda, rañño mahāsudassanassa etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ imāsu tālantarikāsu dhanusate dhanusate pokkharaṇiyo māpeyya’nti.
‘‘มาเปสิ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ตาสุ ตาลนฺตริกาสุ ธนุสเต ธนุสเต โปกฺขรณิโยฯ ตา โข ปนานนฺท, โปกฺขรณิโย จตุนฺนํ วณฺณานํ อิฎฺฐกาหิ จิตา อเหสุํ – เอกา อิฎฺฐกา โสวณฺณมยา, เอกา รูปิยมยา, เอกา เวฬุริยมยา, เอกา ผลิกมยาฯ
‘‘Māpesi kho, ānanda, rājā mahāsudassano tāsu tālantarikāsu dhanusate dhanusate pokkharaṇiyo. Tā kho panānanda, pokkharaṇiyo catunnaṃ vaṇṇānaṃ iṭṭhakāhi citā ahesuṃ – ekā iṭṭhakā sovaṇṇamayā, ekā rūpiyamayā, ekā veḷuriyamayā, ekā phalikamayā.
‘‘ตาสุ โข ปนานนฺท, โปกฺขรณีสุ จตฺตาริ จตฺตาริ โสปานานิ อเหสุํ จตุนฺนํ วณฺณานํ, เอกํ โสปานํ โสวณฺณมยํ เอกํ รูปิยมยํ เอกํ เวฬุริยมยํ เอกํ ผลิกมยํฯ โสวณฺณมยสฺส โสปานสฺส โสวณฺณมยา ถมฺภา อเหสุํ, รูปิยมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ รูปิยมยสฺส โสปานสฺส รูปิยมยา ถมฺภา อเหสุํ, โสวณฺณมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ เวฬุริยมยสฺส โสปานสฺส เวฬุริยมยา ถมฺภา อเหสุํ, ผลิกมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ ผลิกมยสฺส โสปานสฺส ผลิกมยา ถมฺภา อเหสุํ, เวฬุริยมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ ตา โข ปนานนฺท, โปกฺขรณิโย ทฺวีหิ เวทิกาหิ ปริกฺขิตฺตา อเหสุํ เอกา เวทิกา โสวณฺณมยา, เอกา รูปิยมยาฯ โสวณฺณมยาย เวทิกาย โสวณฺณมยา ถมฺภา อเหสุํ, รูปิยมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ รูปิยมยาย เวทิกาย รูปิยมยา ถมฺภา อเหสุํ, โสวณฺณมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ อถ โข, อานนฺท , รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อิมาสุ โปกฺขรณีสุ เอวรูปํ มาลํ โรปาเปยฺยํ อุปฺปลํ ปทุมํ กุมุทํ ปุณฺฑรีกํ สโพฺพตุกํ สพฺพชนสฺส อนาวฎ’นฺติฯ โรปาเปสิ โข , อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ตาสุ โปกฺขรณีสุ เอวรูปํ มาลํ อุปฺปลํ ปทุมํ กุมุทํ ปุณฺฑรีกํ สโพฺพตุกํ สพฺพชนสฺส อนาวฎํฯ
‘‘Tāsu kho panānanda, pokkharaṇīsu cattāri cattāri sopānāni ahesuṃ catunnaṃ vaṇṇānaṃ, ekaṃ sopānaṃ sovaṇṇamayaṃ ekaṃ rūpiyamayaṃ ekaṃ veḷuriyamayaṃ ekaṃ phalikamayaṃ. Sovaṇṇamayassa sopānassa sovaṇṇamayā thambhā ahesuṃ, rūpiyamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Rūpiyamayassa sopānassa rūpiyamayā thambhā ahesuṃ, sovaṇṇamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Veḷuriyamayassa sopānassa veḷuriyamayā thambhā ahesuṃ, phalikamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Phalikamayassa sopānassa phalikamayā thambhā ahesuṃ, veḷuriyamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Tā kho panānanda, pokkharaṇiyo dvīhi vedikāhi parikkhittā ahesuṃ ekā vedikā sovaṇṇamayā, ekā rūpiyamayā. Sovaṇṇamayāya vedikāya sovaṇṇamayā thambhā ahesuṃ, rūpiyamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Rūpiyamayāya vedikāya rūpiyamayā thambhā ahesuṃ, sovaṇṇamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Atha kho, ānanda , rañño mahāsudassanassa etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ imāsu pokkharaṇīsu evarūpaṃ mālaṃ ropāpeyyaṃ uppalaṃ padumaṃ kumudaṃ puṇḍarīkaṃ sabbotukaṃ sabbajanassa anāvaṭa’nti. Ropāpesi kho , ānanda, rājā mahāsudassano tāsu pokkharaṇīsu evarūpaṃ mālaṃ uppalaṃ padumaṃ kumudaṃ puṇḍarīkaṃ sabbotukaṃ sabbajanassa anāvaṭaṃ.
๒๕๔. ‘‘อถ โข, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อิมาสํ โปกฺขรณีนํ ตีเร นฺหาปเก ปุริเส ฐเปยฺยํ, เย อาคตาคตํ ชนํ นฺหาเปสฺสนฺตี’ติฯ ฐเปสิ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ตาสํ โปกฺขรณีนํ ตีเร นฺหาปเก ปุริเส, เย อาคตาคตํ ชนํ นฺหาเปสุํฯ
254. ‘‘Atha kho, ānanda, rañño mahāsudassanassa etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ imāsaṃ pokkharaṇīnaṃ tīre nhāpake purise ṭhapeyyaṃ, ye āgatāgataṃ janaṃ nhāpessantī’ti. Ṭhapesi kho, ānanda, rājā mahāsudassano tāsaṃ pokkharaṇīnaṃ tīre nhāpake purise, ye āgatāgataṃ janaṃ nhāpesuṃ.
‘‘อถ โข, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อิมาสํ โปกฺขรณีนํ ตีเร เอวรูปํ ทานํ ปฎฺฐเปยฺยํ – อนฺนํ อนฺนฎฺฐิกสฺส 19, ปานํ ปานฎฺฐิกสฺส, วตฺถํ วตฺถฎฺฐิกสฺส, ยานํ ยานฎฺฐิกสฺส, สยนํ สยนฎฺฐิกสฺส, อิตฺถิํ อิตฺถิฎฺฐิกสฺส, หิรญฺญํ หิรญฺญฎฺฐิกสฺส, สุวณฺณํ สุวณฺณฎฺฐิกสฺสา’ติฯ ปฎฺฐเปสิ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ตาสํ โปกฺขรณีนํ ตีเร เอวรูปํ ทานํ – อนฺนํ อนฺนฎฺฐิกสฺส, ปานํ ปานฎฺฐิกสฺส, วตฺถํ วตฺถฎฺฐิกสฺส, ยานํ ยานฎฺฐิกสฺส, สยนํ สยนฎฺฐิกสฺส, อิตฺถิํ อิตฺถิฎฺฐิกสฺส, หิรญฺญํ หิรญฺญฎฺฐิกสฺส, สุวณฺณํ สุวณฺณฎฺฐิกสฺสฯ
‘‘Atha kho, ānanda, rañño mahāsudassanassa etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ imāsaṃ pokkharaṇīnaṃ tīre evarūpaṃ dānaṃ paṭṭhapeyyaṃ – annaṃ annaṭṭhikassa 20, pānaṃ pānaṭṭhikassa, vatthaṃ vatthaṭṭhikassa, yānaṃ yānaṭṭhikassa, sayanaṃ sayanaṭṭhikassa, itthiṃ itthiṭṭhikassa, hiraññaṃ hiraññaṭṭhikassa, suvaṇṇaṃ suvaṇṇaṭṭhikassā’ti. Paṭṭhapesi kho, ānanda, rājā mahāsudassano tāsaṃ pokkharaṇīnaṃ tīre evarūpaṃ dānaṃ – annaṃ annaṭṭhikassa, pānaṃ pānaṭṭhikassa, vatthaṃ vatthaṭṭhikassa, yānaṃ yānaṭṭhikassa, sayanaṃ sayanaṭṭhikassa, itthiṃ itthiṭṭhikassa, hiraññaṃ hiraññaṭṭhikassa, suvaṇṇaṃ suvaṇṇaṭṭhikassa.
๒๕๕. ‘‘อถ โข, อานนฺท, พฺราหฺมณคหปติกา ปหูตํ สาปเตยฺยํ อาทาย ราชานํ มหาสุทสฺสนํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘อิทํ, เทว, ปหูตํ สาปเตยฺยํ เทวเญฺญว อุทฺทิสฺส อาภตํ, ตํ เทโว ปฎิคฺคณฺหตู’ติฯ ‘อลํ โภ, มมปิทํ ปหูตํ สาปเตยฺยํ ธมฺมิเกน พลินา อภิสงฺขตํ, ตญฺจ โว โหตุ, อิโต จ ภิโยฺย หรถา’ติฯ เต รญฺญา ปฎิกฺขิตฺตา เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม เอวํ สมจิเนฺตสุํ – ‘น โข เอตํ อมฺหากํ ปติรูปํ, ยํ มยํ อิมานิ สาปเตยฺยานิ ปุนเทว สกานิ ฆรานิ ปฎิหเรยฺยามฯ ยํนูน มยํ รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส นิเวสนํ มาเปยฺยามา’ติฯ เต ราชานํ มหาสุทสฺสนํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘นิเวสนํ เต เทว, มาเปสฺสามา’ติฯ อธิวาเสสิ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ตุณฺหีภาเวนฯ
255. ‘‘Atha kho, ānanda, brāhmaṇagahapatikā pahūtaṃ sāpateyyaṃ ādāya rājānaṃ mahāsudassanaṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘idaṃ, deva, pahūtaṃ sāpateyyaṃ devaññeva uddissa ābhataṃ, taṃ devo paṭiggaṇhatū’ti. ‘Alaṃ bho, mamapidaṃ pahūtaṃ sāpateyyaṃ dhammikena balinā abhisaṅkhataṃ, tañca vo hotu, ito ca bhiyyo harathā’ti. Te raññā paṭikkhittā ekamantaṃ apakkamma evaṃ samacintesuṃ – ‘na kho etaṃ amhākaṃ patirūpaṃ, yaṃ mayaṃ imāni sāpateyyāni punadeva sakāni gharāni paṭihareyyāma. Yaṃnūna mayaṃ rañño mahāsudassanassa nivesanaṃ māpeyyāmā’ti. Te rājānaṃ mahāsudassanaṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘nivesanaṃ te deva, māpessāmā’ti. Adhivāsesi kho, ānanda, rājā mahāsudassano tuṇhībhāvena.
๒๕๖. ‘‘อถ โข, อานนฺท, สโกฺก เทวานมิโนฺท รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย วิสฺสกมฺมํ 21 เทวปุตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม วิสฺสกมฺม, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส นิเวสนํ มาเปหิ ธมฺมํ นาม ปาสาท’นฺติฯ ‘เอวํ ภทฺทนฺตวา’ติ โข, อานนฺท, วิสฺสกโมฺม เทวปุโตฺต สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, เอวเมว เทเวสุ ตาวติํเสสุ อนฺตรหิโต รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิฯ อถ โข, อานนฺท, วิสฺสกโมฺม เทวปุโตฺต ราชานํ มหาสุทสฺสนํ เอตทโวจ – ‘นิเวสนํ เต เทว, มาเปสฺสามิ ธมฺมํ นาม ปาสาท’นฺติฯ อธิวาเสสิ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ตุณฺหีภาเวนฯ
256. ‘‘Atha kho, ānanda, sakko devānamindo rañño mahāsudassanassa cetasā cetoparivitakkamaññāya vissakammaṃ 22 devaputtaṃ āmantesi – ‘ehi tvaṃ, samma vissakamma, rañño mahāsudassanassa nivesanaṃ māpehi dhammaṃ nāma pāsāda’nti. ‘Evaṃ bhaddantavā’ti kho, ānanda, vissakammo devaputto sakkassa devānamindassa paṭissutvā seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, evameva devesu tāvatiṃsesu antarahito rañño mahāsudassanassa purato pāturahosi. Atha kho, ānanda, vissakammo devaputto rājānaṃ mahāsudassanaṃ etadavoca – ‘nivesanaṃ te deva, māpessāmi dhammaṃ nāma pāsāda’nti. Adhivāsesi kho, ānanda, rājā mahāsudassano tuṇhībhāvena.
‘‘มาเปสิ โข, อานนฺท, วิสฺสกโมฺม เทวปุโตฺต รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส นิเวสนํ ธมฺมํ นาม ปาสาทํฯ ธโมฺม, อานนฺท, ปาสาโท ปุรตฺถิเมน ปจฺฉิเมน จ โยชนํ อายาเมน อโหสิฯ อุตฺตเรน ทกฺขิเณน จ อฑฺฒโยชนํ วิตฺถาเรนฯ ธมฺมสฺส, อานนฺท, ปาสาทสฺส ติโปริสํ อุจฺจตเรน วตฺถุ จิตํ อโหสิ จตุนฺนํ วณฺณานํ อิฎฺฐกาหิ – เอกา อิฎฺฐกา โสวณฺณมยา, เอกา รูปิยมยา, เอกา เวฬุริยมยา, เอกา ผลิกมยาฯ
‘‘Māpesi kho, ānanda, vissakammo devaputto rañño mahāsudassanassa nivesanaṃ dhammaṃ nāma pāsādaṃ. Dhammo, ānanda, pāsādo puratthimena pacchimena ca yojanaṃ āyāmena ahosi. Uttarena dakkhiṇena ca aḍḍhayojanaṃ vitthārena. Dhammassa, ānanda, pāsādassa tiporisaṃ uccatarena vatthu citaṃ ahosi catunnaṃ vaṇṇānaṃ iṭṭhakāhi – ekā iṭṭhakā sovaṇṇamayā, ekā rūpiyamayā, ekā veḷuriyamayā, ekā phalikamayā.
‘‘ธมฺมสฺส, อานนฺท, ปาสาทสฺส จตุราสีติ ถมฺภสหสฺสานิ อเหสุํ จตุนฺนํ วณฺณานํ – เอโก ถโมฺภ โสวณฺณมโย, เอโก รูปิยมโย, เอโก เวฬุริยมโย, เอโก ผลิกมโยฯ ธโมฺม, อานนฺท, ปาสาโท จตุนฺนํ วณฺณานํ ผลเกหิ สนฺถโต อโหสิ – เอกํ ผลกํ โสวณฺณมยํ, เอกํ รูปิยมยํ, เอกํ เวฬุริยมยํ, เอกํ ผลิกมยํฯ
‘‘Dhammassa, ānanda, pāsādassa caturāsīti thambhasahassāni ahesuṃ catunnaṃ vaṇṇānaṃ – eko thambho sovaṇṇamayo, eko rūpiyamayo, eko veḷuriyamayo, eko phalikamayo. Dhammo, ānanda, pāsādo catunnaṃ vaṇṇānaṃ phalakehi santhato ahosi – ekaṃ phalakaṃ sovaṇṇamayaṃ, ekaṃ rūpiyamayaṃ, ekaṃ veḷuriyamayaṃ, ekaṃ phalikamayaṃ.
‘‘ธมฺมสฺส, อานนฺท, ปาสาทสฺส จตุวีสติ โสปานานิ อเหสุํ จตุนฺนํ วณฺณานํ – เอกํ โสปานํ โสวณฺณมยํ, เอกํ รูปิยมยํ, เอกํ เวฬุริยมยํ, เอกํ ผลิกมยํฯ โสวณฺณมยสฺส โสปานสฺส โสวณฺณมยา ถมฺภา อเหสุํ รูปิยมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ รูปิยมยสฺส โสปานสฺส รูปิยมยา ถมฺภา อเหสุํ โสวณฺณมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ เวฬุริยมยสฺส โสปานสฺส เวฬุริยมยา ถมฺภา อเหสุํ ผลิกมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ ผลิกมยสฺส โสปานสฺส ผลิกมยา ถมฺภา อเหสุํ เวฬุริยมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ
‘‘Dhammassa, ānanda, pāsādassa catuvīsati sopānāni ahesuṃ catunnaṃ vaṇṇānaṃ – ekaṃ sopānaṃ sovaṇṇamayaṃ, ekaṃ rūpiyamayaṃ, ekaṃ veḷuriyamayaṃ, ekaṃ phalikamayaṃ. Sovaṇṇamayassa sopānassa sovaṇṇamayā thambhā ahesuṃ rūpiyamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Rūpiyamayassa sopānassa rūpiyamayā thambhā ahesuṃ sovaṇṇamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Veḷuriyamayassa sopānassa veḷuriyamayā thambhā ahesuṃ phalikamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Phalikamayassa sopānassa phalikamayā thambhā ahesuṃ veḷuriyamayā sūciyo ca uṇhīsañca.
‘‘ธเมฺม, อานนฺท, ปาสาเท จตุราสีติ กูฎาคารสหสฺสานิ อเหสุํ จตุนฺนํ วณฺณานํ – เอกํ กูฎาคารํ โสวณฺณมยํ, เอกํ รูปิยมยํ, เอกํ เวฬุริยมยํ , เอกํ ผลิกมยํฯ โสวณฺณมเย กูฎาคาเร รูปิยมโย ปลฺลโงฺก ปญฺญโตฺต อโหสิ, รูปิยมเย กูฎาคาเร โสวณฺณมโย ปลฺลโงฺก ปญฺญโตฺต อโหสิ, เวฬุริยมเย กูฎาคาเร ทนฺตมโย ปลฺลโงฺก ปญฺญโตฺต อโหสิ, ผลิกมเย กูฎาคาเร สารมโย ปลฺลโงฺก ปญฺญโตฺต อโหสิฯ โสวณฺณมยสฺส กูฎาคารสฺส ทฺวาเร รูปิยมโย ตาโล ฐิโต อโหสิ, ตสฺส รูปิยมโย ขโนฺธ โสวณฺณมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ รูปิยมยสฺส กูฎาคารสฺส ทฺวาเร โสวณฺณมโย ตาโล ฐิโต อโหสิ, ตสฺส โสวณฺณมโย ขโนฺธ, รูปิยมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ เวฬุริยมยสฺส กูฎาคารสฺส ทฺวาเร ผลิกมโย ตาโล ฐิโต อโหสิ, ตสฺส ผลิกมโย ขโนฺธ, เวฬุริยมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ ผลิกมยสฺส กูฎาคารสฺส ทฺวาเร เวฬุริยมโย ตาโล ฐิโต อโหสิ, ตสฺส เวฬุริยมโย ขโนฺธ, ผลิกมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ
‘‘Dhamme, ānanda, pāsāde caturāsīti kūṭāgārasahassāni ahesuṃ catunnaṃ vaṇṇānaṃ – ekaṃ kūṭāgāraṃ sovaṇṇamayaṃ, ekaṃ rūpiyamayaṃ, ekaṃ veḷuriyamayaṃ , ekaṃ phalikamayaṃ. Sovaṇṇamaye kūṭāgāre rūpiyamayo pallaṅko paññatto ahosi, rūpiyamaye kūṭāgāre sovaṇṇamayo pallaṅko paññatto ahosi, veḷuriyamaye kūṭāgāre dantamayo pallaṅko paññatto ahosi, phalikamaye kūṭāgāre sāramayo pallaṅko paññatto ahosi. Sovaṇṇamayassa kūṭāgārassa dvāre rūpiyamayo tālo ṭhito ahosi, tassa rūpiyamayo khandho sovaṇṇamayāni pattāni ca phalāni ca. Rūpiyamayassa kūṭāgārassa dvāre sovaṇṇamayo tālo ṭhito ahosi, tassa sovaṇṇamayo khandho, rūpiyamayāni pattāni ca phalāni ca. Veḷuriyamayassa kūṭāgārassa dvāre phalikamayo tālo ṭhito ahosi, tassa phalikamayo khandho, veḷuriyamayāni pattāni ca phalāni ca. Phalikamayassa kūṭāgārassa dvāre veḷuriyamayo tālo ṭhito ahosi, tassa veḷuriyamayo khandho, phalikamayāni pattāni ca phalāni ca.
๒๕๗. ‘‘อถ โข, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ มหาวิยูหสฺส กูฎาคารสฺส ทฺวาเร สพฺพโสวณฺณมยํ ตาลวนํ มาเปยฺยํ, ยตฺถ ทิวาวิหารํ นิสีทิสฺสามี’ติฯ มาเปสิ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน มหาวิยูหสฺส กูฎาคารสฺส ทฺวาเร สพฺพโสวณฺณมยํ ตาลวนํ, ยตฺถ ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ ธโมฺม, อานนฺท , ปาสาโท ทฺวีหิ เวทิกาหิ ปริกฺขิโตฺต อโหสิ, เอกา เวทิกา โสวณฺณมยา, เอกา รูปิยมยาฯ โสวณฺณมยาย เวทิกาย โสวณฺณมยา ถมฺภา อเหสุํ, รูปิยมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ รูปิยมยาย เวทิกาย รูปิยมยา ถมฺภา อเหสุํ, โสวณฺณมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ
257. ‘‘Atha kho, ānanda, rañño mahāsudassanassa etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ mahāviyūhassa kūṭāgārassa dvāre sabbasovaṇṇamayaṃ tālavanaṃ māpeyyaṃ, yattha divāvihāraṃ nisīdissāmī’ti. Māpesi kho, ānanda, rājā mahāsudassano mahāviyūhassa kūṭāgārassa dvāre sabbasovaṇṇamayaṃ tālavanaṃ, yattha divāvihāraṃ nisīdi. Dhammo, ānanda , pāsādo dvīhi vedikāhi parikkhitto ahosi, ekā vedikā sovaṇṇamayā, ekā rūpiyamayā. Sovaṇṇamayāya vedikāya sovaṇṇamayā thambhā ahesuṃ, rūpiyamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Rūpiyamayāya vedikāya rūpiyamayā thambhā ahesuṃ, sovaṇṇamayā sūciyo ca uṇhīsañca.
๒๕๘. ‘‘ธโมฺม, อานนฺท, ปาสาโท ทฺวีหิ กิงฺกิณิกชาเลหิ 23 ปริกฺขิโตฺต อโหสิ – เอกํ ชาลํ โสวณฺณมยํ เอกํ รูปิยมยํฯ โสวณฺณมยสฺส ชาลสฺส รูปิยมยา กิงฺกิณิกา อเหสุํ, รูปิยมยสฺส ชาลสฺส โสวณฺณมยา กิงฺกิณิกา อเหสุํฯ เตสํ โข ปนานนฺท, กิงฺกิณิกชาลานํ วาเตริตานํ สโทฺท อโหสิ วคฺคุ จ รชนีโย จ ขมนีโย จ มทนีโย จฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, ปญฺจงฺคิกสฺส ตูริยสฺส สุวินีตสฺส สุปฺปฎิตาฬิตสฺส สุกุสเลหิ 24 สมนฺนาหตสฺส สโทฺท โหติ, วคฺคุ จ รชนีโย จ ขมนีโย จ มทนีโย จ, เอวเมว โข, อานนฺท, เตสํ กิงฺกิณิกชาลานํ วาเตริตานํ สโทฺท อโหสิ วคฺคุ จ รชนีโย จ ขมนีโย จ มทนีโย จฯ เย โข ปนานนฺท, เตน สมเยน กุสาวติยา ราชธานิยา ธุตฺตา อเหสุํ โสณฺฑา ปิปาสา, เต เตสํ กิงฺกิณิกชาลานํ วาเตริตานํ สเทฺทน ปริจาเรสุํฯ นิฎฺฐิโต โข ปนานนฺท, ธโมฺม ปาสาโท ทุทฺทิโกฺข อโหสิ มุสติ จกฺขูนิฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย วิเทฺธ วิคตวลาหเก เทเว อาทิโจฺจ นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโน 25 ทุทฺทิโกฺข 26 โหติ มุสติ จกฺขูนิ; เอวเมว โข, อานนฺท, ธโมฺม ปาสาโท ทุทฺทิโกฺข อโหสิ มุสติ จกฺขูนิฯ
258. ‘‘Dhammo, ānanda, pāsādo dvīhi kiṅkiṇikajālehi 27 parikkhitto ahosi – ekaṃ jālaṃ sovaṇṇamayaṃ ekaṃ rūpiyamayaṃ. Sovaṇṇamayassa jālassa rūpiyamayā kiṅkiṇikā ahesuṃ, rūpiyamayassa jālassa sovaṇṇamayā kiṅkiṇikā ahesuṃ. Tesaṃ kho panānanda, kiṅkiṇikajālānaṃ vāteritānaṃ saddo ahosi vaggu ca rajanīyo ca khamanīyo ca madanīyo ca. Seyyathāpi, ānanda, pañcaṅgikassa tūriyassa suvinītassa suppaṭitāḷitassa sukusalehi 28 samannāhatassa saddo hoti, vaggu ca rajanīyo ca khamanīyo ca madanīyo ca, evameva kho, ānanda, tesaṃ kiṅkiṇikajālānaṃ vāteritānaṃ saddo ahosi vaggu ca rajanīyo ca khamanīyo ca madanīyo ca. Ye kho panānanda, tena samayena kusāvatiyā rājadhāniyā dhuttā ahesuṃ soṇḍā pipāsā, te tesaṃ kiṅkiṇikajālānaṃ vāteritānaṃ saddena paricāresuṃ. Niṭṭhito kho panānanda, dhammo pāsādo duddikkho ahosi musati cakkhūni. Seyyathāpi, ānanda, vassānaṃ pacchime māse saradasamaye viddhe vigatavalāhake deve ādicco nabhaṃ abbhussakkamāno 29 duddikkho 30 hoti musati cakkhūni; evameva kho, ānanda, dhammo pāsādo duddikkho ahosi musati cakkhūni.
๒๕๙. ‘‘อถ โข, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ธมฺมสฺส ปาสาทสฺส ปุรโต ธมฺมํ นาม โปกฺขรณิํ มาเปยฺย’นฺติฯ มาเปสิ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ธมฺมสฺส ปาสาทสฺส ปุรโต ธมฺมํ นาม โปกฺขรณิํฯ ธมฺมา, อานนฺท, โปกฺขรณี ปุรตฺถิเมน ปจฺฉิเมน จ โยชนํ อายาเมน อโหสิ, อุตฺตเรน ทกฺขิเณน จ อฑฺฒโยชนํ วิตฺถาเรนฯ ธมฺมา, อานนฺท, โปกฺขรณี จตุนฺนํ วณฺณานํ อิฎฺฐกาหิ จิตา อโหสิ – เอกา อิฎฺฐกา โสวณฺณมยา, เอกา รูปิยมยา, เอกา เวฬุริยมยา, เอกา ผลิกมยาฯ
259. ‘‘Atha kho, ānanda, rañño mahāsudassanassa etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ dhammassa pāsādassa purato dhammaṃ nāma pokkharaṇiṃ māpeyya’nti. Māpesi kho, ānanda, rājā mahāsudassano dhammassa pāsādassa purato dhammaṃ nāma pokkharaṇiṃ. Dhammā, ānanda, pokkharaṇī puratthimena pacchimena ca yojanaṃ āyāmena ahosi, uttarena dakkhiṇena ca aḍḍhayojanaṃ vitthārena. Dhammā, ānanda, pokkharaṇī catunnaṃ vaṇṇānaṃ iṭṭhakāhi citā ahosi – ekā iṭṭhakā sovaṇṇamayā, ekā rūpiyamayā, ekā veḷuriyamayā, ekā phalikamayā.
‘‘ธมฺมาย, อานนฺท, โปกฺขรณิยา จตุวีสติ โสปานานิ อเหสุํ จตุนฺนํ วณฺณานํ – เอกํ โสปานํ โสวณฺณมยํ, เอกํ รูปิยมยํ, เอกํ เวฬุริยมยํ, เอกํ ผลิกมยํฯ โสวณฺณมยสฺส โสปานสฺส โสวณฺณมยา ถมฺภา อเหสุํ รูปิยมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ รูปิยมยสฺส โสปานสฺส รูปิยมยา ถมฺภา อเหสุํ โสวณฺณมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ เวฬุริยมยสฺส โสปานสฺส เวฬุริยมยา ถมฺภา อเหสุํ ผลิกมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ ผลิกมยสฺส โสปานสฺส ผลิกมยา ถมฺภา อเหสุํ เวฬุริยมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ
‘‘Dhammāya, ānanda, pokkharaṇiyā catuvīsati sopānāni ahesuṃ catunnaṃ vaṇṇānaṃ – ekaṃ sopānaṃ sovaṇṇamayaṃ, ekaṃ rūpiyamayaṃ, ekaṃ veḷuriyamayaṃ, ekaṃ phalikamayaṃ. Sovaṇṇamayassa sopānassa sovaṇṇamayā thambhā ahesuṃ rūpiyamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Rūpiyamayassa sopānassa rūpiyamayā thambhā ahesuṃ sovaṇṇamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Veḷuriyamayassa sopānassa veḷuriyamayā thambhā ahesuṃ phalikamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Phalikamayassa sopānassa phalikamayā thambhā ahesuṃ veḷuriyamayā sūciyo ca uṇhīsañca.
‘‘ธมฺมา, อานนฺท, โปกฺขรณี ทฺวีหิ เวทิกาหิ ปริกฺขิตฺตา อโหสิ – เอกา เวทิกา โสวณฺณมยา, เอกา รูปิยมยาฯ โสวณฺณมยาย เวทิกาย โสวณฺณมยา ถมฺภา อเหสุํ รูปิยมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ รูปิยมยาย เวทิกาย รูปิยมยา ถมฺภา อเหสุํ โสวณฺณมยา สูจิโย จ อุณฺหีสญฺจฯ
‘‘Dhammā, ānanda, pokkharaṇī dvīhi vedikāhi parikkhittā ahosi – ekā vedikā sovaṇṇamayā, ekā rūpiyamayā. Sovaṇṇamayāya vedikāya sovaṇṇamayā thambhā ahesuṃ rūpiyamayā sūciyo ca uṇhīsañca. Rūpiyamayāya vedikāya rūpiyamayā thambhā ahesuṃ sovaṇṇamayā sūciyo ca uṇhīsañca.
‘‘ธมฺมา, อานนฺท, โปกฺขรณี สตฺตหิ ตาลปนฺตีหิ ปริกฺขิตฺตา อโหสิ – เอกา ตาลปนฺติ โสวณฺณมยา, เอกา รูปิยมยา, เอกา เวฬุริยมยา, เอกา ผลิกมยา, เอกา โลหิตงฺกมยา, เอกา มสารคลฺลมยา, เอกา สพฺพรตนมยาฯ โสวณฺณมยสฺส ตาลสฺส โสวณฺณมโย ขโนฺธ อโหสิ รูปิยมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ รูปิยมยสฺส ตาลสฺส รูปิยมโย ขโนฺธ อโหสิ โสวณฺณมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ เวฬุริยมยสฺส ตาลสฺส เวฬุริยมโย ขโนฺธ อโหสิ ผลิกมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ ผลิกมยสฺส ตาลสฺส ผลิกมโย ขโนฺธ อโหสิ เวฬุริยมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ โลหิตงฺกมยสฺส ตาลสฺส โลหิตงฺกมโย ขโนฺธ อโหสิ มสารคลฺลมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ มสารคลฺลมยสฺส ตาลสฺส มสารคลฺลมโย ขโนฺธ อโหสิ โลหิตงฺกมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ สพฺพรตนมยสฺส ตาลสฺส สพฺพรตนมโย ขโนฺธ อโหสิ, สพฺพรตนมยานิ ปตฺตานิ จ ผลานิ จฯ ตาสํ โข ปนานนฺท, ตาลปนฺตีนํ วาเตริตานํ สโทฺท อโหสิ, วคฺคุ จ รชนีโย จ ขมนีโย จ มทนีโย จฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, ปญฺจงฺคิกสฺส ตูริยสฺส สุวินีตสฺส สุปฺปฎิตาฬิตสฺส สุกุสเลหิ สมนฺนาหตสฺส สโทฺท โหติ วคฺคุ จ รชนีโย จ ขมนีโย จ มทนีโย จ, เอวเมว โข, อานนฺท, ตาสํ ตาลปนฺตีนํ วาเตริตานํ สโทฺท อโหสิ วคฺคุ จ รชนีโย จ ขมนีโย จ มทนีโย จฯ เย โข ปนานนฺท, เตน สมเยน กุสาวติยา ราชธานิยา ธุตฺตา อเหสุํ โสณฺฑา ปิปาสา, เต ตาสํ ตาลปนฺตีนํ วาเตริตานํ สเทฺทน ปริจาเรสุํฯ
‘‘Dhammā, ānanda, pokkharaṇī sattahi tālapantīhi parikkhittā ahosi – ekā tālapanti sovaṇṇamayā, ekā rūpiyamayā, ekā veḷuriyamayā, ekā phalikamayā, ekā lohitaṅkamayā, ekā masāragallamayā, ekā sabbaratanamayā. Sovaṇṇamayassa tālassa sovaṇṇamayo khandho ahosi rūpiyamayāni pattāni ca phalāni ca. Rūpiyamayassa tālassa rūpiyamayo khandho ahosi sovaṇṇamayāni pattāni ca phalāni ca. Veḷuriyamayassa tālassa veḷuriyamayo khandho ahosi phalikamayāni pattāni ca phalāni ca. Phalikamayassa tālassa phalikamayo khandho ahosi veḷuriyamayāni pattāni ca phalāni ca. Lohitaṅkamayassa tālassa lohitaṅkamayo khandho ahosi masāragallamayāni pattāni ca phalāni ca. Masāragallamayassa tālassa masāragallamayo khandho ahosi lohitaṅkamayāni pattāni ca phalāni ca. Sabbaratanamayassa tālassa sabbaratanamayo khandho ahosi, sabbaratanamayāni pattāni ca phalāni ca. Tāsaṃ kho panānanda, tālapantīnaṃ vāteritānaṃ saddo ahosi, vaggu ca rajanīyo ca khamanīyo ca madanīyo ca. Seyyathāpi, ānanda, pañcaṅgikassa tūriyassa suvinītassa suppaṭitāḷitassa sukusalehi samannāhatassa saddo hoti vaggu ca rajanīyo ca khamanīyo ca madanīyo ca, evameva kho, ānanda, tāsaṃ tālapantīnaṃ vāteritānaṃ saddo ahosi vaggu ca rajanīyo ca khamanīyo ca madanīyo ca. Ye kho panānanda, tena samayena kusāvatiyā rājadhāniyā dhuttā ahesuṃ soṇḍā pipāsā, te tāsaṃ tālapantīnaṃ vāteritānaṃ saddena paricāresuṃ.
‘‘นิฎฺฐิเต โข ปนานนฺท, ธเมฺม ปาสาเท นิฎฺฐิตาย ธมฺมาย จ โปกฺขรณิยา ราชา มหาสุทสฺสโน ‘เย 31 เตน สมเยน สมเณสุ วา สมณสมฺมตา พฺราหฺมเณสุ วา พฺราหฺมณสมฺมตา’, เต สพฺพกาเมหิ สนฺตเปฺปตฺวา ธมฺมํ ปาสาทํ อภิรุหิฯ
‘‘Niṭṭhite kho panānanda, dhamme pāsāde niṭṭhitāya dhammāya ca pokkharaṇiyā rājā mahāsudassano ‘ye 32 tena samayena samaṇesu vā samaṇasammatā brāhmaṇesu vā brāhmaṇasammatā’, te sabbakāmehi santappetvā dhammaṃ pāsādaṃ abhiruhi.
ปฐมภาณวาโรฯ
Paṭhamabhāṇavāro.
ฌานสมฺปตฺติ
Jhānasampatti
๒๖๐. ‘‘อถ โข, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส เอตทโหสิ – ‘กิสฺส นุ โข เม อิทํ กมฺมสฺส ผลํ กิสฺส กมฺมสฺส วิปาโก, เยนาหํ เอตรหิ เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว’ติ? อถ โข, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส เอตทโหสิ – ‘ติณฺณํ โข เม อิทํ กมฺมานํ ผลํ ติณฺณํ กมฺมานํ วิปาโก, เยนาหํ เอตรหิ เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว, เสยฺยถิทํ ทานสฺส ทมสฺส สํยมสฺสา’ติฯ
260. ‘‘Atha kho, ānanda, rañño mahāsudassanassa etadahosi – ‘kissa nu kho me idaṃ kammassa phalaṃ kissa kammassa vipāko, yenāhaṃ etarahi evaṃmahiddhiko evaṃmahānubhāvo’ti? Atha kho, ānanda, rañño mahāsudassanassa etadahosi – ‘tiṇṇaṃ kho me idaṃ kammānaṃ phalaṃ tiṇṇaṃ kammānaṃ vipāko, yenāhaṃ etarahi evaṃmahiddhiko evaṃmahānubhāvo, seyyathidaṃ dānassa damassa saṃyamassā’ti.
‘‘อถ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน เยน มหาวิยูหํ กูฎาคารํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มหาวิยูหสฺส กูฎาคารสฺส ทฺวาเร ฐิโต อุทานํ อุทาเนสิ – ‘ติฎฺฐ, กามวิตกฺก, ติฎฺฐ, พฺยาปาทวิตกฺก, ติฎฺฐ, วิหิํสาวิตกฺกฯ เอตฺตาวตา กามวิตกฺก, เอตฺตาวตา พฺยาปาทวิตกฺก, เอตฺตาวตา วิหิํสาวิตกฺกา’ติฯ
‘‘Atha kho, ānanda, rājā mahāsudassano yena mahāviyūhaṃ kūṭāgāraṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā mahāviyūhassa kūṭāgārassa dvāre ṭhito udānaṃ udānesi – ‘tiṭṭha, kāmavitakka, tiṭṭha, byāpādavitakka, tiṭṭha, vihiṃsāvitakka. Ettāvatā kāmavitakka, ettāvatā byāpādavitakka, ettāvatā vihiṃsāvitakkā’ti.
๒๖๑. ‘‘อถ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน มหาวิยูหํ กูฎาคารํ ปวิสิตฺวา โสวณฺณมเย ปลฺลเงฺก นิสิโนฺน วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหาสิ, สโต จ สมฺปชาโน สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทสิ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ
261. ‘‘Atha kho, ānanda, rājā mahāsudassano mahāviyūhaṃ kūṭāgāraṃ pavisitvā sovaṇṇamaye pallaṅke nisinno vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsi. Vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsi. Pītiyā ca virāgā upekkhako ca vihāsi, sato ca sampajāno sukhañca kāyena paṭisaṃvedesi, yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti – ‘upekkhako satimā sukhavihārī’ti tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsi. Sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsi.
๒๖๒. ‘‘อถ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน มหาวิยูหา กูฎาคารา นิกฺขมิตฺวา โสวณฺณมยํ กูฎาคารํ ปวิสิตฺวา รูปิยมเย ปลฺลเงฺก นิสิโนฺน เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิฯ ตถา ทุติยํ ตถา ตติยํ ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชน ผริตฺวา วิหาสิฯ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป.… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป.… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ ตถา ทุติยํ ตถา ตติยํ ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชน ผริตฺวา วิหาสิฯ
262. ‘‘Atha kho, ānanda, rājā mahāsudassano mahāviyūhā kūṭāgārā nikkhamitvā sovaṇṇamayaṃ kūṭāgāraṃ pavisitvā rūpiyamaye pallaṅke nisinno mettāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā vihāsi. Tathā dutiyaṃ tathā tatiyaṃ tathā catutthaṃ. Iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ mettāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena pharitvā vihāsi. Karuṇāsahagatena cetasā…pe… muditāsahagatena cetasā…pe… upekkhāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā vihāsi tathā dutiyaṃ tathā tatiyaṃ tathā catutthaṃ. Iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ upekkhāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena pharitvā vihāsi.
จตุราสีติ นครสหสฺสาทิ
Caturāsīti nagarasahassādi
๒๖๓. ‘‘รโญฺญ, อานนฺท, มหาสุทสฺสนสฺส จตุราสีติ นครสหสฺสานิ อเหสุํ กุสาวตีราชธานิปฺปมุขานิ; จตุราสีติ ปาสาทสหสฺสานิ อเหสุํ ธมฺมปาสาทปฺปมุขานิ; จตุราสีติ กูฎาคารสหสฺสานิ อเหสุํ มหาวิยูหกูฎาคารปฺปมุขานิ; จตุราสีติ ปลฺลงฺกสหสฺสานิ อเหสุํ โสวณฺณมยานิ รูปิยมยานิ ทนฺตมยานิ สารมยานิ โคนกตฺถตานิ ปฎิกตฺถตานิ ปฎลิกตฺถตานิ กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณานิ สอุตฺตรจฺฉทานิ อุภโตโลหิตกูปธานานิ; จตุราสีติ นาคสหสฺสานิ อเหสุํ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ อุโปสถนาคราชปฺปมุขานิ; จตุราสีติ อสฺสสหสฺสานิ อเหสุํ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ วลาหกอสฺสราชปฺปมุขานิ; จตุราสีติ รถสหสฺสานิ อเหสุํ สีหจมฺมปริวารานิ พฺยคฺฆจมฺมปริวารานิ ทีปิจมฺมปริวารานิ ปณฺฑุกมฺพลปริวารานิ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ เวชยนฺตรถปฺปมุขานิ; จตุราสีติ มณิสหสฺสานิ อเหสุํ มณิรตนปฺปมุขานิ; จตุราสีติ อิตฺถิสหสฺสานิ อเหสุํ สุภทฺทาเทวิปฺปมุขานิ; จตุราสีติ คหปติสหสฺสานิ อเหสุํ คหปติรตนปฺปมุขานิ; จตุราสีติ ขตฺติยสหสฺสานิ อเหสุํ อนุยนฺตานิ ปริณายกรตนปฺปมุขานิ; จตุราสีติ เธนุสหสฺสานิ อเหสุํ ทุหสนฺทนานิ 33 ทุกูลสนฺทานานิ 34 กํสูปธารณานิ; จตุราสีติ วตฺถโกฎิสหสฺสานิ อเหสุํ โขมสุขุมานํ กปฺปาสิกสุขุมานํ โกเสยฺยสุขุมานํ กมฺพลสุขุมานํ ; (รโญฺญ, อานนฺท, มหาสุทสฺสนสฺส) 35 จตุราสีติ ถาลิปากสหสฺสานิ อเหสุํ สายํ ปาตํ ภตฺตาภิหาโร อภิหริยิตฺถฯ
263. ‘‘Rañño, ānanda, mahāsudassanassa caturāsīti nagarasahassāni ahesuṃ kusāvatīrājadhānippamukhāni; caturāsīti pāsādasahassāni ahesuṃ dhammapāsādappamukhāni; caturāsīti kūṭāgārasahassāni ahesuṃ mahāviyūhakūṭāgārappamukhāni; caturāsīti pallaṅkasahassāni ahesuṃ sovaṇṇamayāni rūpiyamayāni dantamayāni sāramayāni gonakatthatāni paṭikatthatāni paṭalikatthatāni kadalimigapavarapaccattharaṇāni sauttaracchadāni ubhatolohitakūpadhānāni; caturāsīti nāgasahassāni ahesuṃ sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni uposathanāgarājappamukhāni; caturāsīti assasahassāni ahesuṃ sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni valāhakaassarājappamukhāni; caturāsīti rathasahassāni ahesuṃ sīhacammaparivārāni byagghacammaparivārāni dīpicammaparivārāni paṇḍukambalaparivārāni sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni vejayantarathappamukhāni; caturāsīti maṇisahassāni ahesuṃ maṇiratanappamukhāni; caturāsīti itthisahassāni ahesuṃ subhaddādevippamukhāni; caturāsīti gahapatisahassāni ahesuṃ gahapatiratanappamukhāni; caturāsīti khattiyasahassāni ahesuṃ anuyantāni pariṇāyakaratanappamukhāni; caturāsīti dhenusahassāni ahesuṃ duhasandanāni 36 dukūlasandānāni 37 kaṃsūpadhāraṇāni; caturāsīti vatthakoṭisahassāni ahesuṃ khomasukhumānaṃ kappāsikasukhumānaṃ koseyyasukhumānaṃ kambalasukhumānaṃ ; (rañño, ānanda, mahāsudassanassa) 38 caturāsīti thālipākasahassāni ahesuṃ sāyaṃ pātaṃ bhattābhihāro abhihariyittha.
๒๖๔. ‘‘เตน โข ปนานนฺท, สมเยน รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส จตุราสีติ นาคสหสฺสานิ สายํ ปาตํ อุปฎฺฐานํ อาคจฺฉนฺติฯ อถ โข, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส เอตทโหสิ – ‘อิมานิ โข เม จตุราสีติ นาคสหสฺสานิ สายํ ปาตํ อุปฎฺฐานํ อาคจฺฉนฺติ, ยํนูน วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน เทฺวจตฺตาลีสํ เทฺวจตฺตาลีสํ นาคสหสฺสานิ สกิํ สกิํ อุปฎฺฐานํ อาคเจฺฉยฺยุ’นฺติฯ อถ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ปริณายกรตนํ อามเนฺตสิ – ‘อิมานิ โข เม, สมฺม ปริณายกรตน, จตุราสีติ นาคสหสฺสานิ สายํ ปาตํ อุปฎฺฐานํ อาคจฺฉนฺติ, เตน หิ, สมฺม ปริณายกรตน, วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน เทฺวจตฺตาลีสํ เทฺวจตฺตาลีสํ นาคสหสฺสานิ สกิํ สกิํ อุปฎฺฐานํ อาคจฺฉนฺตู’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, ปริณายกรตนํ รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส อปเรน สมเยน วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน เทฺวจตฺตาลีสํ เทฺวจตฺตาลีสํ นาคสหสฺสานิ สกิํ สกิํ อุปฎฺฐานํ อาคมํสุฯ
264. ‘‘Tena kho panānanda, samayena rañño mahāsudassanassa caturāsīti nāgasahassāni sāyaṃ pātaṃ upaṭṭhānaṃ āgacchanti. Atha kho, ānanda, rañño mahāsudassanassa etadahosi – ‘imāni kho me caturāsīti nāgasahassāni sāyaṃ pātaṃ upaṭṭhānaṃ āgacchanti, yaṃnūna vassasatassa vassasatassa accayena dvecattālīsaṃ dvecattālīsaṃ nāgasahassāni sakiṃ sakiṃ upaṭṭhānaṃ āgaccheyyu’nti. Atha kho, ānanda, rājā mahāsudassano pariṇāyakaratanaṃ āmantesi – ‘imāni kho me, samma pariṇāyakaratana, caturāsīti nāgasahassāni sāyaṃ pātaṃ upaṭṭhānaṃ āgacchanti, tena hi, samma pariṇāyakaratana, vassasatassa vassasatassa accayena dvecattālīsaṃ dvecattālīsaṃ nāgasahassāni sakiṃ sakiṃ upaṭṭhānaṃ āgacchantū’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, ānanda, pariṇāyakaratanaṃ rañño mahāsudassanassa paccassosi. Atha kho, ānanda, rañño mahāsudassanassa aparena samayena vassasatassa vassasatassa accayena dvecattālīsaṃ dvecattālīsaṃ nāgasahassāni sakiṃ sakiṃ upaṭṭhānaṃ āgamaṃsu.
สุภทฺทาเทวิอุปสงฺกมนํ
Subhaddādeviupasaṅkamanaṃ
๒๖๕. ‘‘อถ โข, อานนฺท, สุภทฺทาย เทวิยา พหุนฺนํ วสฺสานํ พหุนฺนํ วสฺสสตานํ พหุนฺนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน เอตทโหสิ – ‘จิรํ ทิโฎฺฐ โข เม ราชา มหาสุทสฺสโนฯ ยํนูนาหํ ราชานํ มหาสุทสฺสนํ ทสฺสนาย อุปสงฺกเมยฺย’นฺติฯ อถ โข, อานนฺท, สุภทฺทา เทวี อิตฺถาคารํ อามเนฺตสิ – ‘เอถ ตุเมฺห สีสานิ นฺหายถ ปีตานิ วตฺถานิ ปารุปถฯ จิรํ ทิโฎฺฐ โน ราชา มหาสุทสฺสโน, ราชานํ มหาสุทสฺสนํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสามา’ติฯ ‘เอวํ, อเยฺย’ติ โข, อานนฺท, อิตฺถาคารํ สุภทฺทาย เทวิยา ปฎิสฺสุตฺวา สีสานิ นฺหายิตฺวา ปีตานิ วตฺถานิ ปารุปิตฺวา เยน สุภทฺทา เทวี เตนุปสงฺกมิฯ อถ โข, อานนฺท, สุภทฺทา เทวี ปริณายกรตนํ อามเนฺตสิ – ‘กเปฺปหิ, สมฺม ปริณายกรตน, จตุรงฺคินิํ เสนํ, จิรํ ทิโฎฺฐ โน ราชา มหาสุทสฺสโน, ราชานํ มหาสุทสฺสนํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสามา’ติฯ ‘เอวํ, เทวี’ติ โข, อานนฺท, ปริณายกรตนํ สุภทฺทาย เทวิยา ปฎิสฺสุตฺวา จตุรงฺคินิํ เสนํ กปฺปาเปตฺวา สุภทฺทาย เทวิยา ปฎิเวเทสิ – ‘กปฺปิตา โข, เทวิ, จตุรงฺคินี เสนา, ยสฺสทานิ กาลํ มญฺญสี’ติฯ อถ โข, อานนฺท, สุภทฺทา เทวี จตุรงฺคินิยา เสนาย สทฺธิํ อิตฺถาคาเรน เยน ธโมฺม ปาสาโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา เยน มหาวิยูหํ กูฎาคารํ เตนุปสงฺกมิฯ อุปสงฺกมิตฺวา มหาวิยูหสฺส กูฎาคารสฺส ทฺวารพาหํ อาลมฺพิตฺวา อฎฺฐาสิฯ อถ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน สทฺทํ สุตฺวา – ‘กิํ นุ โข มหโต วิย ชนกายสฺส สโทฺท’ติ มหาวิยูหา กูฎาคารา นิกฺขมโนฺต อทฺทส สุภทฺทํ เทวิํ ทฺวารพาหํ อาลมฺพิตฺวา ฐิตํ, ทิสฺวาน สุภทฺทํ เทวิํ เอตทโวจ – ‘เอเตฺถว, เทวิ, ติฎฺฐ มา ปาวิสี’ติฯ อถ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสิ – ‘เอหิ ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, มหาวิยูหา กูฎาคารา โสวณฺณมยํ ปลฺลงฺกํ นีหริตฺวา สพฺพโสวณฺณมเย ตาลวเน ปญฺญเปหี’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, โส ปุริโส รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส ปฎิสฺสุตฺวา มหาวิยูหา กูฎาคารา โสวณฺณมยํ ปลฺลงฺกํ นีหริตฺวา สพฺพโสวณฺณมเย ตาลวเน ปญฺญเปสิฯ อถ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ทกฺขิเณน ปเสฺสน สีหเสยฺยํ กเปฺปสิ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโนฯ
265. ‘‘Atha kho, ānanda, subhaddāya deviyā bahunnaṃ vassānaṃ bahunnaṃ vassasatānaṃ bahunnaṃ vassasahassānaṃ accayena etadahosi – ‘ciraṃ diṭṭho kho me rājā mahāsudassano. Yaṃnūnāhaṃ rājānaṃ mahāsudassanaṃ dassanāya upasaṅkameyya’nti. Atha kho, ānanda, subhaddā devī itthāgāraṃ āmantesi – ‘etha tumhe sīsāni nhāyatha pītāni vatthāni pārupatha. Ciraṃ diṭṭho no rājā mahāsudassano, rājānaṃ mahāsudassanaṃ dassanāya upasaṅkamissāmā’ti. ‘Evaṃ, ayye’ti kho, ānanda, itthāgāraṃ subhaddāya deviyā paṭissutvā sīsāni nhāyitvā pītāni vatthāni pārupitvā yena subhaddā devī tenupasaṅkami. Atha kho, ānanda, subhaddā devī pariṇāyakaratanaṃ āmantesi – ‘kappehi, samma pariṇāyakaratana, caturaṅginiṃ senaṃ, ciraṃ diṭṭho no rājā mahāsudassano, rājānaṃ mahāsudassanaṃ dassanāya upasaṅkamissāmā’ti. ‘Evaṃ, devī’ti kho, ānanda, pariṇāyakaratanaṃ subhaddāya deviyā paṭissutvā caturaṅginiṃ senaṃ kappāpetvā subhaddāya deviyā paṭivedesi – ‘kappitā kho, devi, caturaṅginī senā, yassadāni kālaṃ maññasī’ti. Atha kho, ānanda, subhaddā devī caturaṅginiyā senāya saddhiṃ itthāgārena yena dhammo pāsādo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā dhammaṃ pāsādaṃ abhiruhitvā yena mahāviyūhaṃ kūṭāgāraṃ tenupasaṅkami. Upasaṅkamitvā mahāviyūhassa kūṭāgārassa dvārabāhaṃ ālambitvā aṭṭhāsi. Atha kho, ānanda, rājā mahāsudassano saddaṃ sutvā – ‘kiṃ nu kho mahato viya janakāyassa saddo’ti mahāviyūhā kūṭāgārā nikkhamanto addasa subhaddaṃ deviṃ dvārabāhaṃ ālambitvā ṭhitaṃ, disvāna subhaddaṃ deviṃ etadavoca – ‘ettheva, devi, tiṭṭha mā pāvisī’ti. Atha kho, ānanda, rājā mahāsudassano aññataraṃ purisaṃ āmantesi – ‘ehi tvaṃ, ambho purisa, mahāviyūhā kūṭāgārā sovaṇṇamayaṃ pallaṅkaṃ nīharitvā sabbasovaṇṇamaye tālavane paññapehī’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, ānanda, so puriso rañño mahāsudassanassa paṭissutvā mahāviyūhā kūṭāgārā sovaṇṇamayaṃ pallaṅkaṃ nīharitvā sabbasovaṇṇamaye tālavane paññapesi. Atha kho, ānanda, rājā mahāsudassano dakkhiṇena passena sīhaseyyaṃ kappesi pāde pādaṃ accādhāya sato sampajāno.
๒๖๖. ‘‘อถ โข, อานนฺท, สุภทฺทาย เทวิยา เอตทโหสิ – ‘วิปฺปสนฺนานิ โข รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส อินฺทฺริยานิ, ปริสุโทฺธ ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโต, มา เหว โข ราชา มหาสุทสฺสโน กาลมกาสี’ติ ราชานํ มหาสุทสฺสนํ เอตทโวจ –
266. ‘‘Atha kho, ānanda, subhaddāya deviyā etadahosi – ‘vippasannāni kho rañño mahāsudassanassa indriyāni, parisuddho chavivaṇṇo pariyodāto, mā heva kho rājā mahāsudassano kālamakāsī’ti rājānaṃ mahāsudassanaṃ etadavoca –
‘อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ นครสหสฺสานิ กุสาวตีราชธานิปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ ปาสาทสหสฺสานิ ธมฺมปาสาทปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ กูฎาคารสหสฺสานิ มหาวิยูหกูฎาคารปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ ปลฺลงฺกสหสฺสานิ โสวณฺณมยานิ รูปิยมยานิ ทนฺตมยานิ สารมยานิ โคนกตฺถตานิ ปฎิกตฺถตานิ ปฎลิกตฺถตานิ กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณานิ สอุตฺตรจฺฉทานิ อุภโตโลหิตกูปธานานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ, ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ นาคสหสฺสานิ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ อุโปสถนาคราชปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว , ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ อสฺสสหสฺสานิ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ วลาหกอสฺสราชปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหิฯ อิมานิ เต, เทว จตุราสีติ รถสหสฺสานิ สีหจมฺมปริวารานิ พฺยคฺฆจมฺมปริวารานิ ทีปิจมฺมปริวารานิ ปณฺฑุกมฺพลปริวารานิ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ เวชยนฺตรถปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ มณิสหสฺสานิ มณิรตนปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ อิตฺถิสหสฺสานิ อิตฺถิรตนปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ คหปติสหสฺสานิ คหปติรตนปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ ขตฺติยสหสฺสานิ อนุยนฺตานิ ปริณายกรตนปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ เธนุสหสฺสานิ ทุหสนฺทนานิ กํสูปธารณานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ วตฺถโกฎิสหสฺสานิ โขมสุขุมานํ กปฺปาสิกสุขุมานํ โกเสยฺยสุขุมานํ กมฺพลสุขุมานํฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ, ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ ถาลิปากสหสฺสานิ สายํ ปาตํ ภตฺตาภิหาโร อภิหริยติฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺขํ กโรหี’ติฯ
‘Imāni te, deva, caturāsīti nagarasahassāni kusāvatīrājadhānippamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ janehi jīvite apekkhaṃ karohi. Imāni te, deva, caturāsīti pāsādasahassāni dhammapāsādappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ janehi jīvite apekkhaṃ karohi. Imāni te, deva, caturāsīti kūṭāgārasahassāni mahāviyūhakūṭāgārappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ janehi jīvite apekkhaṃ karohi. Imāni te, deva, caturāsīti pallaṅkasahassāni sovaṇṇamayāni rūpiyamayāni dantamayāni sāramayāni gonakatthatāni paṭikatthatāni paṭalikatthatāni kadalimigapavarapaccattharaṇāni sauttaracchadāni ubhatolohitakūpadhānāni. Ettha, deva, chandaṃ janehi, jīvite apekkhaṃ karohi. Imāni te, deva, caturāsīti nāgasahassāni sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni uposathanāgarājappamukhāni. Ettha, deva , chandaṃ janehi jīvite apekkhaṃ karohi. Imāni te, deva, caturāsīti assasahassāni sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni valāhakaassarājappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ janehi jīvite apekkhaṃ karohi. Imāni te, deva caturāsīti rathasahassāni sīhacammaparivārāni byagghacammaparivārāni dīpicammaparivārāni paṇḍukambalaparivārāni sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni vejayantarathappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ janehi jīvite apekkhaṃ karohi. Imāni te, deva, caturāsīti maṇisahassāni maṇiratanappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ janehi jīvite apekkhaṃ karohi. Imāni te, deva, caturāsīti itthisahassāni itthiratanappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ janehi jīvite apekkhaṃ karohi. Imāni te, deva, caturāsīti gahapatisahassāni gahapatiratanappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ janehi jīvite apekkhaṃ karohi. Imāni te, deva, caturāsīti khattiyasahassāni anuyantāni pariṇāyakaratanappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ janehi jīvite apekkhaṃ karohi. Imāni te, deva, caturāsīti dhenusahassāni duhasandanāni kaṃsūpadhāraṇāni. Ettha, deva, chandaṃ janehi jīvite apekkhaṃ karohi. Imāni te, deva, caturāsīti vatthakoṭisahassāni khomasukhumānaṃ kappāsikasukhumānaṃ koseyyasukhumānaṃ kambalasukhumānaṃ. Ettha, deva, chandaṃ janehi, jīvite apekkhaṃ karohi. Imāni te, deva, caturāsīti thālipākasahassāni sāyaṃ pātaṃ bhattābhihāro abhihariyati. Ettha, deva, chandaṃ janehi jīvite apekkhaṃ karohī’ti.
๒๖๗. ‘‘เอวํ วุเตฺต, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน สุภทฺทํ เทวิํ เอตทโวจ –
267. ‘‘Evaṃ vutte, ānanda, rājā mahāsudassano subhaddaṃ deviṃ etadavoca –
‘ทีฆรตฺตํ โข มํ ตฺวํ, เทวิ, อิเฎฺฐหิ กเนฺตหิ ปิเยหิ มนาเปหิ สมุทาจริตฺถ; อถ จ ปน มํ ตฺวํ ปจฺฉิเม กาเล อนิเฎฺฐหิ อกเนฺตหิ อปฺปิเยหิ อมนาเปหิ สมุทาจรสี’ติฯ ‘กถํ จรหิ ตํ, เทว, สมุทาจรามี’ติ? ‘เอวํ โข มํ ตฺวํ, เทวิ, สมุทาจร – ‘‘สเพฺพเหว, เทว, ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว อญฺญถาภาโว, มา โข ตฺวํ, เทว, สาเปโกฺข กาลมกาสิ, ทุกฺขา สาเปกฺขสฺส กาลงฺกิริยา, ครหิตา จ สาเปกฺขสฺส กาลงฺกิริยาฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ นครสหสฺสานิ กุสาวตีราชธานิปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ ปาสาทสหสฺสานิ ธมฺมปาสาทปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต , เทว, จตุราสีติ กูฎาคารสหสฺสานิ มหาวิยูหกูฎาคารปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ ปลฺลงฺกสหสฺสานิ โสวณฺณมยานิ รูปิยมยานิ ทนฺตมยานิ สารมยานิ โคนกตฺถตานิ ปฎิกตฺถตานิ ปฎลิกตฺถตานิ กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณานิ สอุตฺตรจฺฉทานิ อุภโตโลหิตกูปธานานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ นาคสหสฺสานิ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ อุโปสถนาคราชปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ อสฺสสหสฺสานิ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ วลาหกอสฺสราชปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ รถสหสฺสานิ สีหจมฺมปริวารานิ พฺยคฺฆจมฺมปริวารานิ ทีปิจมฺมปริวารานิ ปณฺฑุกมฺพลปริวารานิ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ เวชยนฺตรถปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ มณิสหสฺสานิ มณิรตนปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ อิตฺถิสหสฺสานิ สุภทฺทาเทวิปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ คหปติสหสฺสานิ คหปติรตนปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ ขตฺติยสหสฺสานิ อนุยนฺตานิ ปริณายกรตนปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ เธนุสหสฺสานิ ทุหสนฺทนานิ กํสูปธารณานิฯ เอตฺถ เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ วตฺถโกฎิสหสฺสานิ โขมสุขุมานํ กปฺปาสิกสุขุมานํ โกเสยฺยสุขุมานํ กมฺพลสุขุมานํฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต เทว จตุราสีติ ถาลิปากสหสฺสานิ สายํ ปาตํ ภตฺตาภิหาโร อภิหริยติฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสี’’’ติฯ
‘Dīgharattaṃ kho maṃ tvaṃ, devi, iṭṭhehi kantehi piyehi manāpehi samudācarittha; atha ca pana maṃ tvaṃ pacchime kāle aniṭṭhehi akantehi appiyehi amanāpehi samudācarasī’ti. ‘Kathaṃ carahi taṃ, deva, samudācarāmī’ti? ‘Evaṃ kho maṃ tvaṃ, devi, samudācara – ‘‘sabbeheva, deva, piyehi manāpehi nānābhāvo vinābhāvo aññathābhāvo, mā kho tvaṃ, deva, sāpekkho kālamakāsi, dukkhā sāpekkhassa kālaṅkiriyā, garahitā ca sāpekkhassa kālaṅkiriyā. Imāni te, deva, caturāsīti nagarasahassāni kusāvatīrājadhānippamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti pāsādasahassāni dhammapāsādappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te , deva, caturāsīti kūṭāgārasahassāni mahāviyūhakūṭāgārappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti pallaṅkasahassāni sovaṇṇamayāni rūpiyamayāni dantamayāni sāramayāni gonakatthatāni paṭikatthatāni paṭalikatthatāni kadalimigapavarapaccattharaṇāni sauttaracchadāni ubhatolohitakūpadhānāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti nāgasahassāni sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni uposathanāgarājappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti assasahassāni sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni valāhakaassarājappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti rathasahassāni sīhacammaparivārāni byagghacammaparivārāni dīpicammaparivārāni paṇḍukambalaparivārāni sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni vejayantarathappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti maṇisahassāni maṇiratanappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti itthisahassāni subhaddādevippamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti gahapatisahassāni gahapatiratanappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti khattiyasahassāni anuyantāni pariṇāyakaratanappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti dhenusahassāni duhasandanāni kaṃsūpadhāraṇāni. Ettha deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti vatthakoṭisahassāni khomasukhumānaṃ kappāsikasukhumānaṃ koseyyasukhumānaṃ kambalasukhumānaṃ. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te deva caturāsīti thālipākasahassāni sāyaṃ pātaṃ bhattābhihāro abhihariyati. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsī’’’ti.
๒๖๘. ‘‘เอวํ วุเตฺต, อานนฺท, สุภทฺทา เทวี ปโรทิ อสฺสูนิ ปวเตฺตสิฯ อถ โข, อานนฺท, สุภทฺทา เทวี อสฺสูนิ ปุญฺฉิตฺวา 39 ราชานํ มหาสุทสฺสนํ เอตทโวจ –
268. ‘‘Evaṃ vutte, ānanda, subhaddā devī parodi assūni pavattesi. Atha kho, ānanda, subhaddā devī assūni puñchitvā 40 rājānaṃ mahāsudassanaṃ etadavoca –
‘สเพฺพเหว , เทว, ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว อญฺญถาภาโว, มา โข ตฺวํ, เทว, สาเปโกฺข กาลมกาสิ, ทุกฺขา สาเปกฺขสฺส กาลงฺกิริยา, ครหิตา จ สาเปกฺขสฺส กาลงฺกิริยาฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ นครสหสฺสานิ กุสาวตีราชธานิปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ ปาสาทสหสฺสานิ ธมฺมปาสาทปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ กูฎาคารสหสฺสานิ มหาวิยูหกูฎาคารปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ ปลฺลงฺกสหสฺสานิ โสวณฺณมยานิ รูปิยมยานิ ทนฺตมยานิ สารมยานิ โคนกตฺถตานิ ปฎิกตฺถตานิ ปฎลิกตฺถตานิ กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณานิ สอุตฺตรจฺฉทานิ อุภโตโลหิตกูปธานานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ นาคสหสฺสานิ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ อุโปสถนาคราชปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต , เทว, จตุราสีติ อสฺสสหสฺสานิ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ วลาหกอสฺสราชปฺปมุขานิ ฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห, ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ รถสหสฺสานิ สีหจมฺมปริวารานิ พฺยคฺฆจมฺมปริวารานิ ทีปิจมฺมปริวารานิ ปณฺฑุกมฺพลปริวารานิ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ เวชยนฺตรถปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ มณิสหสฺสานิ มณิรตนปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ อิตฺถิสหสฺสานิ อิตฺถิรตนปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห, ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต , เทว, จตุราสีติ คหปติสหสฺสานิ คหปติรตนปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ ขตฺติยสหสฺสานิ อนุยนฺตานิ ปริณายกรตนปฺปมุขานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ เธนุสหสฺสานิ ทุหสนฺทนานิ กํสูปธารณานิฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ วตฺถโกฎิสหสฺสานิ โขมสุขุมานํ กปฺปาสิกสุขุมานํ โกเสยฺยสุขุมานํ กมฺพลสุขุมานํฯ เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสิฯ อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ ถาลิปากสหสฺสานิ สายํ ปาตํ ภตฺตาภิหาโร อภิหริยติฯ เอตฺถ , เทว, ฉนฺทํ ปชห ชีวิเต อเปกฺขํ มากาสี’ติฯ
‘Sabbeheva , deva, piyehi manāpehi nānābhāvo vinābhāvo aññathābhāvo, mā kho tvaṃ, deva, sāpekkho kālamakāsi, dukkhā sāpekkhassa kālaṅkiriyā, garahitā ca sāpekkhassa kālaṅkiriyā. Imāni te, deva, caturāsīti nagarasahassāni kusāvatīrājadhānippamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti pāsādasahassāni dhammapāsādappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti kūṭāgārasahassāni mahāviyūhakūṭāgārappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti pallaṅkasahassāni sovaṇṇamayāni rūpiyamayāni dantamayāni sāramayāni gonakatthatāni paṭikatthatāni paṭalikatthatāni kadalimigapavarapaccattharaṇāni sauttaracchadāni ubhatolohitakūpadhānāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti nāgasahassāni sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni uposathanāgarājappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te , deva, caturāsīti assasahassāni sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni valāhakaassarājappamukhāni . Ettha, deva, chandaṃ pajaha, jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti rathasahassāni sīhacammaparivārāni byagghacammaparivārāni dīpicammaparivārāni paṇḍukambalaparivārāni sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni vejayantarathappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti maṇisahassāni maṇiratanappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti itthisahassāni itthiratanappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha, jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te , deva, caturāsīti gahapatisahassāni gahapatiratanappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti khattiyasahassāni anuyantāni pariṇāyakaratanappamukhāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti dhenusahassāni duhasandanāni kaṃsūpadhāraṇāni. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti vatthakoṭisahassāni khomasukhumānaṃ kappāsikasukhumānaṃ koseyyasukhumānaṃ kambalasukhumānaṃ. Ettha, deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsi. Imāni te, deva, caturāsīti thālipākasahassāni sāyaṃ pātaṃ bhattābhihāro abhihariyati. Ettha , deva, chandaṃ pajaha jīvite apekkhaṃ mākāsī’ti.
พฺรหฺมโลกูปคมํ
Brahmalokūpagamaṃ
๒๖๙. ‘‘อถ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน นจิรเสฺสว กาลมกาสิฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา มนุญฺญํ โภชนํ ภุตฺตาวิสฺส ภตฺตสมฺมโท โหติ, เอวเมว โข, อานนฺท, รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส มารณนฺติกา เวทนา อโหสิฯ กาลงฺกโต จ, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน สุคติํ พฺรหฺมโลกํ อุปปชฺชิฯ ราชา, อานนฺท, มหาสุทสฺสโน จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬํ 41 กีฬิฯ จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ โอปรชฺชํ กาเรสิฯ จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิฯ จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ คิหิภูโต 42 ธเมฺม ปาสาเท พฺรหฺมจริยํ จริ 43ฯ โส จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิฯ
269. ‘‘Atha kho, ānanda, rājā mahāsudassano nacirasseva kālamakāsi. Seyyathāpi, ānanda, gahapatissa vā gahapatiputtassa vā manuññaṃ bhojanaṃ bhuttāvissa bhattasammado hoti, evameva kho, ānanda, rañño mahāsudassanassa māraṇantikā vedanā ahosi. Kālaṅkato ca, ānanda, rājā mahāsudassano sugatiṃ brahmalokaṃ upapajji. Rājā, ānanda, mahāsudassano caturāsīti vassasahassāni kumārakīḷaṃ 44 kīḷi. Caturāsīti vassasahassāni oparajjaṃ kāresi. Caturāsīti vassasahassāni rajjaṃ kāresi. Caturāsīti vassasahassāni gihibhūto 45 dhamme pāsāde brahmacariyaṃ cari 46. So cattāro brahmavihāre bhāvetvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā brahmalokūpago ahosi.
๒๗๐. ‘‘สิยา โข ปนานนฺท, เอวมสฺส – ‘อโญฺญ นูน เตน สมเยน ราชา มหาสุทสฺสโน อโหสี’ติ, น โข ปเนตํ, อานนฺท, เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ อหํ เตน สมเยน ราชา มหาสุทสฺสโน อโหสิํฯ มม ตานิ จตุราสีติ นครสหสฺสานิ กุสาวตีราชธานิปฺปมุขานิ, มม ตานิ จตุราสีติ ปาสาทสหสฺสานิ ธมฺมปาสาทปฺปมุขานิ, มม ตานิ จตุราสีติ กูฎาคารสหสฺสานิ มหาวิยูหกูฎาคารปฺปมุขานิ, มม ตานิ จตุราสีติ ปลฺลงฺกสหสฺสานิ โสวณฺณมยานิ รูปิยมยานิ ทนฺตมยานิ สารมยานิ โคนกตฺถตานิ ปฎิกตฺถตานิ ปฎลิกตฺถตานิ กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณานิ สอุตฺตรจฺฉทานิ อุภโตโลหิตกูปธานานิ, มม ตานิ จตุราสีติ นาคสหสฺสานิ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ อุโปสถนาคราชปฺปมุขานิ, มม ตานิ จตุราสีติ อสฺสสหสฺสานิ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ วลาหกอสฺสราชปฺปมุขานิ, มม ตานิ จตุราสีติ รถสหสฺสานิ สีหจมฺมปริวารานิ พฺยคฺฆจมฺมปริวารานิ ทีปิจมฺมปริวารานิ ปณฺฑุกมฺพลปริวารานิ โสวณฺณาลงฺการานิ โสวณฺณธชานิ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนานิ เวชยนฺตรถปฺปมุขานิ, มม ตานิ จตุราสีติ มณิสหสฺสานิ มณิรตนปฺปมุขานิ, มม ตานิ จตุราสีติ อิตฺถิสหสฺสานิ สุภทฺทาเทวิปฺปมุขานิ, มม ตานิ จตุราสีติ คหปติสหสฺสานิ คหปติรตนปฺปมุขานิ, มม ตานิ จตุราสีติ ขตฺติยสหสฺสานิ อนุยนฺตานิ ปริณายกรตนปฺปมุขานิ, มม ตานิ จตุราสีติ เธนุสหสฺสานิ ทุหสนฺทนานิ กํสูปธารณานิ, มม ตานิ จตุราสีติ วตฺถโกฎิสหสฺสานิ โขมสุขุมานํ กปฺปาสิกสุขุมานํ โกเสยฺยสุขุมานํ กมฺพลสุขุมานํ, มม ตานิ จตุราสีติ ถาลิปากสหสฺสานิ สายํ ปาตํ ภตฺตาภิหาโร อภิหริยิตฺถฯ
270. ‘‘Siyā kho panānanda, evamassa – ‘añño nūna tena samayena rājā mahāsudassano ahosī’ti, na kho panetaṃ, ānanda, evaṃ daṭṭhabbaṃ. Ahaṃ tena samayena rājā mahāsudassano ahosiṃ. Mama tāni caturāsīti nagarasahassāni kusāvatīrājadhānippamukhāni, mama tāni caturāsīti pāsādasahassāni dhammapāsādappamukhāni, mama tāni caturāsīti kūṭāgārasahassāni mahāviyūhakūṭāgārappamukhāni, mama tāni caturāsīti pallaṅkasahassāni sovaṇṇamayāni rūpiyamayāni dantamayāni sāramayāni gonakatthatāni paṭikatthatāni paṭalikatthatāni kadalimigapavarapaccattharaṇāni sauttaracchadāni ubhatolohitakūpadhānāni, mama tāni caturāsīti nāgasahassāni sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni uposathanāgarājappamukhāni, mama tāni caturāsīti assasahassāni sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni valāhakaassarājappamukhāni, mama tāni caturāsīti rathasahassāni sīhacammaparivārāni byagghacammaparivārāni dīpicammaparivārāni paṇḍukambalaparivārāni sovaṇṇālaṅkārāni sovaṇṇadhajāni hemajālapaṭicchannāni vejayantarathappamukhāni, mama tāni caturāsīti maṇisahassāni maṇiratanappamukhāni, mama tāni caturāsīti itthisahassāni subhaddādevippamukhāni, mama tāni caturāsīti gahapatisahassāni gahapatiratanappamukhāni, mama tāni caturāsīti khattiyasahassāni anuyantāni pariṇāyakaratanappamukhāni, mama tāni caturāsīti dhenusahassāni duhasandanāni kaṃsūpadhāraṇāni, mama tāni caturāsīti vatthakoṭisahassāni khomasukhumānaṃ kappāsikasukhumānaṃ koseyyasukhumānaṃ kambalasukhumānaṃ, mama tāni caturāsīti thālipākasahassāni sāyaṃ pātaṃ bhattābhihāro abhihariyittha.
๒๗๑. ‘‘เตสํ โข ปนานนฺท, จตุราสีตินครสหสฺสานํ เอกเญฺญว ตํ นครํ โหติ, ยํ เตน สมเยน อชฺฌาวสามิ ยทิทํ กุสาวตี ราชธานีฯ เตสํ โข ปนานนฺท, จตุราสีติปาสาทสหสฺสานํ เอโกเยว โส ปาสาโท โหติ, ยํ เตน สมเยน อชฺฌาวสามิ ยทิทํ ธโมฺม ปาสาโทฯ เตสํ โข ปนานนฺท, จตุราสีติกูฎาคารสหสฺสานํ เอกเญฺญว ตํ กูฎาคารํ โหติ, ยํ เตน สมเยน อชฺฌาวสามิ ยทิทํ มหาวิยูหํ กูฎาคารํฯ เตสํ โข ปนานนฺท, จตุราสีติปลฺลงฺกสหสฺสานํ เอโกเยว โส ปลฺลโงฺก โหติ, ยํ เตน สมเยน ปริภุญฺชามิ ยทิทํ โสวณฺณมโย วา รูปิยมโย วา ทนฺตมโย วา สารมโย วาฯ เตสํ โข ปนานนฺท, จตุราสีตินาคสหสฺสานํ เอโกเยว โส นาโค โหติ, ยํ เตน สมเยน อภิรุหามิ ยทิทํ อุโปสโถ นาคราชาฯ เตสํ โข ปนานนฺท, จตุราสีติอสฺสสหสฺสานํ เอโกเยว โส อโสฺส โหติ, ยํ เตน สมเยน อภิรุหามิ ยทิทํ วลาหโก อสฺสราชาฯ เตสํ โข ปนานนฺท, จตุราสีติรถสหสฺสานํ เอโกเยว โส รโถ โหติ, ยํ เตน สมเยน อภิรุหามิ ยทิทํ เวชยนฺตรโถฯ เตสํ โข ปนานนฺท, จตุราสีติอิตฺถิสหสฺสานํ เอกาเยว สา อิตฺถี โหติ, ยา เตน สมเยน ปจฺจุปฎฺฐาติ ขตฺติยานี วา เวสฺสินี 47 วาฯ เตสํ โข ปนานนฺท, วาฯ เตสํ โข ปนานนฺท, จตุราสีติวตฺถโกฎิสหสฺสานํ เอกํเยว ตํ ทุสฺสยุคํ โหติ, ยํ เตน สมเยน ปริทหามิ โขมสุขุมํ วา กปฺปาสิกสุขุมํ วา โกเสยฺยสุขุมํ วา กมฺพลสุขุมํ วาฯ เตสํ โข ปนานนฺท, จตุราสีติถาลิปากสหสฺสานํ เอโกเยว โส ถาลิปาโก โหติ, ยโต นาฬิโกทนปรมํ ภุญฺชามิ ตทุปิยญฺจ สูเปยฺยํฯ
271. ‘‘Tesaṃ kho panānanda, caturāsītinagarasahassānaṃ ekaññeva taṃ nagaraṃ hoti, yaṃ tena samayena ajjhāvasāmi yadidaṃ kusāvatī rājadhānī. Tesaṃ kho panānanda, caturāsītipāsādasahassānaṃ ekoyeva so pāsādo hoti, yaṃ tena samayena ajjhāvasāmi yadidaṃ dhammo pāsādo. Tesaṃ kho panānanda, caturāsītikūṭāgārasahassānaṃ ekaññeva taṃ kūṭāgāraṃ hoti, yaṃ tena samayena ajjhāvasāmi yadidaṃ mahāviyūhaṃ kūṭāgāraṃ. Tesaṃ kho panānanda, caturāsītipallaṅkasahassānaṃ ekoyeva so pallaṅko hoti, yaṃ tena samayena paribhuñjāmi yadidaṃ sovaṇṇamayo vā rūpiyamayo vā dantamayo vā sāramayo vā. Tesaṃ kho panānanda, caturāsītināgasahassānaṃ ekoyeva so nāgo hoti, yaṃ tena samayena abhiruhāmi yadidaṃ uposatho nāgarājā. Tesaṃ kho panānanda, caturāsītiassasahassānaṃ ekoyeva so asso hoti, yaṃ tena samayena abhiruhāmi yadidaṃ valāhako assarājā. Tesaṃ kho panānanda, caturāsītirathasahassānaṃ ekoyeva so ratho hoti, yaṃ tena samayena abhiruhāmi yadidaṃ vejayantaratho. Tesaṃ kho panānanda, caturāsītiitthisahassānaṃ ekāyeva sā itthī hoti, yā tena samayena paccupaṭṭhāti khattiyānī vā vessinī 48 vā. Tesaṃ kho panānanda, vā. Tesaṃ kho panānanda, caturāsītivatthakoṭisahassānaṃ ekaṃyeva taṃ dussayugaṃ hoti, yaṃ tena samayena paridahāmi khomasukhumaṃ vā kappāsikasukhumaṃ vā koseyyasukhumaṃ vā kambalasukhumaṃ vā. Tesaṃ kho panānanda, caturāsītithālipākasahassānaṃ ekoyeva so thālipāko hoti, yato nāḷikodanaparamaṃ bhuñjāmi tadupiyañca sūpeyyaṃ.
๒๗๒. ‘‘ปสฺสานนฺท, สเพฺพเต สงฺขารา อตีตา นิรุทฺธา วิปริณตาฯ เอวํ อนิจฺจา โข, อานนฺท, สงฺขารา; เอวํ อทฺธุวา โข, อานนฺท, สงฺขารา; เอวํ อนสฺสาสิกา โข, อานนฺท, สงฺขารา! ยาวญฺจิทํ, อานนฺท , อลเมว สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทิตุํ, อลํ วิรชฺชิตุํ, อลํ วิมุจฺจิตุํฯ
272. ‘‘Passānanda, sabbete saṅkhārā atītā niruddhā vipariṇatā. Evaṃ aniccā kho, ānanda, saṅkhārā; evaṃ addhuvā kho, ānanda, saṅkhārā; evaṃ anassāsikā kho, ānanda, saṅkhārā! Yāvañcidaṃ, ānanda , alameva sabbasaṅkhāresu nibbindituṃ, alaṃ virajjituṃ, alaṃ vimuccituṃ.
‘‘ฉกฺขตฺตุํ โข ปนาหํ, อานนฺท, อภิชานามิ อิมสฺมิํ ปเทเส สรีรํ นิกฺขิปิตํ, ตญฺจ โข ราชาว สมาโน จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรโนฺต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปโตฺต สตฺตรตนสมนฺนาคโต, อยํ สตฺตโม สรีรนิเกฺขโปฯ น โข ปนาหํ, อานนฺท, ตํ ปเทสํ สมนุปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ยตฺถ ตถาคโต อฎฺฐมํ สรีรํ นิกฺขิเปยฺยา’’ติฯ อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘Chakkhattuṃ kho panāhaṃ, ānanda, abhijānāmi imasmiṃ padese sarīraṃ nikkhipitaṃ, tañca kho rājāva samāno cakkavattī dhammiko dhammarājā cāturanto vijitāvī janapadatthāvariyapatto sattaratanasamannāgato, ayaṃ sattamo sarīranikkhepo. Na kho panāhaṃ, ānanda, taṃ padesaṃ samanupassāmi sadevake loke samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya yattha tathāgato aṭṭhamaṃ sarīraṃ nikkhipeyyā’’ti. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
‘‘Aniccā vata saṅkhārā, uppādavayadhammino;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติฯ
Uppajjitvā nirujjhanti, tesaṃ vūpasamo sukho’’ti.
มหาสุทสฺสนสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ
Mahāsudassanasuttaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๔. มหาสุทสฺสนสุตฺตวณฺณนา • 4. Mahāsudassanasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๔. มหาสุทสฺสนสุตฺตวณฺณนา • 4. Mahāsudassanasuttavaṇṇanā