Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) |
๔. มหาสุทสฺสนสุตฺตวณฺณนา
4. Mahāsudassanasuttavaṇṇanā
กุสาวตีราชธานีวณฺณนา
Kusāvatīrājadhānīvaṇṇanā
๒๔๒. โสวณฺณมยาติ สุวณฺณมยาฯ อยํ ปากาโรติ สพฺพรตนมโย ปากาโรฯ ตโย ตโยติ อโนฺต จ ตโย, พหิ จ ตโยติ ตโย ตโยฯ
242.Sovaṇṇamayāti suvaṇṇamayā. Ayaṃ pākāroti sabbaratanamayo pākāro. Tayo tayoti anto ca tayo, bahi ca tayoti tayo tayo.
เอสิกตฺถโมฺภ อินฺทขีโล นครโสภโน อลงฺการตฺถโมฺภฯ องฺคียติ ญายติ ปุถุลภาโว เอเตนาติ องฺคํ, ปริเกฺขโปฯ ติโปริสํ องฺคํ เอติสฺสาติ ติโปริสงฺคาฯ เตนาห ‘‘เตนา’’ติอาทิฯ เตน ปญฺจหตฺถปฺปมาเณน ติโปริเสนฯ ปณฺณผเลสุปีติ สพฺพรตนมยานํ ตาลานํ ปณฺณผเลสุปิฯ เอเสว นโยติ ‘‘ปเณฺณสุ เอกํ ปตฺตกํ โสวณฺณมยํ, เอกํ รูปิยมยํฯ ผเลสุปิ เอโก เลขาภาโว โสวณฺณมโย, เอโก รูปิยมโย’’ติอาทิโก อยมโตฺถ อติทิโฎฺฐฯ ปาการนฺตเรติ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ปาการานํ อนฺตเรฯ เอเกกา หุตฺวา ฐิตา ตาลปนฺติฯ
Esikatthambho indakhīlo nagarasobhano alaṅkāratthambho. Aṅgīyati ñāyati puthulabhāvo etenāti aṅgaṃ, parikkhepo. Tiporisaṃ aṅgaṃ etissāti tiporisaṅgā. Tenāha ‘‘tenā’’tiādi. Tena pañcahatthappamāṇena tiporisena. Paṇṇaphalesupīti sabbaratanamayānaṃ tālānaṃ paṇṇaphalesupi. Eseva nayoti ‘‘paṇṇesu ekaṃ pattakaṃ sovaṇṇamayaṃ, ekaṃ rūpiyamayaṃ. Phalesupi eko lekhābhāvo sovaṇṇamayo, eko rūpiyamayo’’tiādiko ayamattho atidiṭṭho. Pākārantareti dvinnaṃ dvinnaṃ pākārānaṃ antare. Ekekā hutvā ṭhitā tālapanti.
เฉโกติ ปฎุ สุวิสโท, โส จสฺส ปฎุภาโว มโนสาโรติ อาห ‘‘สุนฺทโร’’ติฯ รเญฺชตุนฺติ ราคํ อุปฺปาเทตุํฯ ขมเตวาติ โรจเตวฯ น พีภเจฺฉตีติ น ตเชฺชติ, โสตสุขภาวโต ปิยายิตโพฺพ จ โหติฯ กุมฺภถุณททฺทริกาทิ เอกตลํ ตูริยํฯ อุภยตลํ ปากฎเมวฯ สพฺพโต ปริโยนทฺธํ จตุรสฺสอมฺพณกํ, ปณวาทิ จฯ วํสาทีติ อาทิ-สเทฺทน สงฺขาทิกํ สงฺคณฺหาติฯ สุมุจฺฉิตสฺสาติ สุฎฺฐุ ปริยตฺตสฺสฯ ปมาเณติ นาติทฬฺหนาติสิถิลตาสงฺขาเต มชฺฌิเม มุจฺฉนปฺปมาเณ ฯ หตฺถํ วา ปาทํ วา จาเลตฺวาติ หตฺถลยปาทลเย สเชฺชตฺวาฯ นจฺจนฺตาติ สาขานจฺจํ นจฺจนฺตาฯ
Chekoti paṭu suvisado, so cassa paṭubhāvo manosāroti āha ‘‘sundaro’’ti. Rañjetunti rāgaṃ uppādetuṃ. Khamatevāti rocateva. Na bībhacchetīti na tajjeti, sotasukhabhāvato piyāyitabbo ca hoti. Kumbhathuṇadaddarikādi ekatalaṃ tūriyaṃ. Ubhayatalaṃ pākaṭameva. Sabbato pariyonaddhaṃ caturassaambaṇakaṃ, paṇavādi ca. Vaṃsādīti ādi-saddena saṅkhādikaṃ saṅgaṇhāti. Sumucchitassāti suṭṭhu pariyattassa. Pamāṇeti nātidaḷhanātisithilatāsaṅkhāte majjhime mucchanappamāṇe . Hatthaṃ vā pādaṃ vā cāletvāti hatthalayapādalaye sajjetvā. Naccantāti sākhānaccaṃ naccantā.
จกฺกรตนวณฺณนา
Cakkaratanavaṇṇanā
๒๔๓. อุโปสถํ วุจฺจติ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ สพฺพทิวเสสุ คหเฎฺฐหิ รกฺขิตพฺพสีลํ, สมาทานวเสน ตํ ตสฺส อตฺถีติ อุโปสถิโก, ตสฺส อุโปสถิกสฺสฯ เตนาห ‘‘สมาทินฺนอุโปสถงฺคสฺสา’’ติฯ ตทาติ ตสฺมิํ กาเลฯ กสฺมิํ ปน กาเลติ? ยสฺมิํ กาเล จกฺกวตฺติภาวสํวตฺตนิยทานสีลาทิปุญฺญสมฺภารสมุทาคมสมฺปโนฺน ปูริตจกฺกวตฺติวโตฺต กาลทีปเทสวิเสสปจฺจาชาติยา เจว กุลรูปโภคาธิปเตยฺยาทิคุณวิเสสสมฺปตฺติยา จ ตทนุรูเป อตฺตภาเว ฐิโต โหติ, ตสฺมิํ กาเลฯ ตาทิเส หิ กาเล จกฺกวตฺติภาวี ปุริสวิเสโส ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคโต ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิโตฺต วิสุทฺธสีโล อนุโปสถํ สตสหสฺสวิสฺสชฺชนาทินา สมฺมาปฎิปตฺติํ ปฎิปชฺชติ, น ยทา จกฺกรตนํ อุปฺปชฺชติ, ตทา เอวฯ อิเม จ วิเสสา สพฺพจกฺกวตฺตีนํ สาธารณวเสน วุตฺตาฯ เตนาห ‘‘ปาโตว…เป.… ธมฺมตา’’ติฯ โพธิสตฺตานํ ปน จกฺกวตฺติภาวาวหคุณาปิ จกฺกวตฺติคุณาปิ สาติสยาว โหนฺติฯ
243.Uposathaṃ vuccati aṭṭhaṅgasamannāgataṃ sabbadivasesu gahaṭṭhehi rakkhitabbasīlaṃ, samādānavasena taṃ tassa atthīti uposathiko, tassa uposathikassa. Tenāha ‘‘samādinnauposathaṅgassā’’ti. Tadāti tasmiṃ kāle. Kasmiṃ pana kāleti? Yasmiṃ kāle cakkavattibhāvasaṃvattaniyadānasīlādipuññasambhārasamudāgamasampanno pūritacakkavattivatto kāladīpadesavisesapaccājātiyā ceva kularūpabhogādhipateyyādiguṇavisesasampattiyā ca tadanurūpe attabhāve ṭhito hoti, tasmiṃ kāle. Tādise hi kāle cakkavattibhāvī purisaviseso yathāvuttaguṇasamannāgato rājā khattiyo muddhāvasitto visuddhasīlo anuposathaṃ satasahassavissajjanādinā sammāpaṭipattiṃ paṭipajjati, na yadā cakkaratanaṃ uppajjati, tadā eva. Ime ca visesā sabbacakkavattīnaṃ sādhāraṇavasena vuttā. Tenāha ‘‘pātova…pe… dhammatā’’ti. Bodhisattānaṃ pana cakkavattibhāvāvahaguṇāpi cakkavattiguṇāpi sātisayāva honti.
วุตฺตปฺปการปุญฺญกมฺมปจฺจยนฺติ จกฺกวตฺติภาวาวหทานทมสํยมาทิปุญฺญกมฺมเหตุกํฯ นีลมณิสงฺฆาตสทิสนฺติ อินฺทนีลมณิสญฺจยสมานํฯ ทิพฺพานุภาวยุตฺตตฺตาติ ทสฺสเนยฺยตา, มนุญฺญโฆสตา, อากาสคามิตา, โอภาสวิสฺสชฺชนา, อปฺปฎิฆาตตา, รโญฺญ อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺติการณตาติ เอวมาทีหิ ทิพฺพสทิเสหิ อานุภาเวหิ สมนฺนาคตตฺตา, เอเตน ทิพฺพํ วิยาติ ทิพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ น หิ ตํ เทวโลกปริยาปนฺนํฯ สหสฺสํ อรา เอตสฺสาติ วา สหสฺสารํฯ สเพฺพหิ อากาเรหีติ สเพฺพหิ สุนฺทเรหิ ปริปุณฺณาวยเว ลกฺขณสมฺปเนฺน จเกฺก อิจฺฉิตเพฺพหิ อากาเรหิฯ ปริปูรนฺติ ปริปุณฺณํ, สา จสฺสา ปาริปูริํ อิทาเนว วิตฺถาเรสฺสติฯ
Vuttappakārapuññakammapaccayanti cakkavattibhāvāvahadānadamasaṃyamādipuññakammahetukaṃ. Nīlamaṇisaṅghātasadisanti indanīlamaṇisañcayasamānaṃ. Dibbānubhāvayuttattāti dassaneyyatā, manuññaghosatā, ākāsagāmitā, obhāsavissajjanā, appaṭighātatā, rañño icchitatthanipphattikāraṇatāti evamādīhi dibbasadisehi ānubhāvehi samannāgatattā, etena dibbaṃ viyāti dibbanti dasseti. Na hi taṃ devalokapariyāpannaṃ. Sahassaṃ arā etassāti vā sahassāraṃ. Sabbehi ākārehīti sabbehi sundarehi paripuṇṇāvayave lakkhaṇasampanne cakke icchitabbehi ākārehi. Paripūranti paripuṇṇaṃ, sā cassā pāripūriṃ idāneva vitthāressati.
ปนาฬีติ ฉิทฺทํฯ สุทฺธสินิทฺธทนฺตปนฺติยา นิพฺพิวรายาติ อธิปฺปาโยฯ ตสฺสา ปน ปนาฬิยา สมนฺตโต ปสฺสสฺส รชตมยตฺตา สารรชตมยา วุตฺตาฯ ยสฺมา จสฺส จกฺกสฺส รถจกฺกสฺส วิย อโนฺตภาโว นาม นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุโภสุปิ พาหิรเนฺตสู’’ติฯ กตปริเกฺขปา โหติ ปนาฬีติ โยชนาฯ นาภิปนาฬิปริเกฺขปปเฎฺฎสูติ นาภิปริเกฺขปปเฎฺฎ เจว นาภิยา ปนาฬิปริเกฺขปปเฎฺฎ จฯ
Panāḷīti chiddaṃ. Suddhasiniddhadantapantiyā nibbivarāyāti adhippāyo. Tassā pana panāḷiyā samantato passassa rajatamayattā sārarajatamayā vuttā. Yasmā cassa cakkassa rathacakkassa viya antobhāvo nāma natthi, tasmā vuttaṃ ‘‘ubhosupi bāhirantesū’’ti. Kataparikkhepā hoti panāḷīti yojanā. Nābhipanāḷiparikkhepapaṭṭesūti nābhiparikkhepapaṭṭe ceva nābhiyā panāḷiparikkhepapaṭṭe ca.
เตสนฺติ อรานํฯ ฆฎกา นาม อลงฺการภูตา ขุทฺทกปุณฺณฆฎาฯ ตถา มณิกา นาม มุตฺตาวฬิกาฯ ปริเจฺฉทเลขา ตสฺส ตสฺส ปริเจฺฉททสฺสนวเสน ฐิตา ปริจฺฉินฺนเลขาฯ อาทิ-สเทฺทน มาลากมฺมาทิํ สงฺคณฺหาติฯ สุวิภตฺตาเนวาติ อญฺญมญฺญํ อสํกิณฺณตฺตา สุฎฺฐุ วิภตฺตานิฯ
Tesanti arānaṃ. Ghaṭakā nāma alaṅkārabhūtā khuddakapuṇṇaghaṭā. Tathā maṇikā nāma muttāvaḷikā. Paricchedalekhā tassa tassa paricchedadassanavasena ṭhitā paricchinnalekhā. Ādi-saddena mālākammādiṃ saṅgaṇhāti. Suvibhattānevāti aññamaññaṃ asaṃkiṇṇattā suṭṭhu vibhattāni.
‘‘สุรตฺตา’’ติอาทีสุ สุรตฺตคฺคหเณน มหานามวณฺณตํ ปฎิกฺขิปติ, สุทฺธคฺคหเณน สํงฺกิลิฎฺฐตํ, สินิทฺธคฺคหเณน ลูขตํฯ กามํ ตสฺส จกฺกรตนสฺส เนมิมณฺฑลํ อสนฺธิกเมว นิพฺพตฺตํ, สพฺพตฺถกเมว ปน เกวลํ ปวาฬวเณฺณน จ โสภตีติ ปกติจกฺกสฺส สนฺธิยุตฺตฎฺฐาเน สุรตฺตสุวณฺณปฎฺฎาทิมยาหิ วฎฺฎปริเจฺฉทเลขาหิ ปญฺญายมานาหิ สสนฺธิกา วิย ทิสฺสนฺตีติ อาห ‘‘สนฺธีสุ ปนสฺสา’’ติอาทิฯ
‘‘Surattā’’tiādīsu surattaggahaṇena mahānāmavaṇṇataṃ paṭikkhipati, suddhaggahaṇena saṃṅkiliṭṭhataṃ, siniddhaggahaṇena lūkhataṃ. Kāmaṃ tassa cakkaratanassa nemimaṇḍalaṃ asandhikameva nibbattaṃ, sabbatthakameva pana kevalaṃ pavāḷavaṇṇena ca sobhatīti pakaticakkassa sandhiyuttaṭṭhāne surattasuvaṇṇapaṭṭādimayāhi vaṭṭaparicchedalekhāhi paññāyamānāhi sasandhikā viya dissantīti āha ‘‘sandhīsu panassā’’tiādi.
เนมิมณฺฑลปิฎฺฐิยนฺติ เนมิมณฺฑลสฺส ปิฎฺฐิปเทเสฯ อากาสจาริภาวโต หิสฺส ตตฺถ วาตคฺคาหี ปวาฬทโณฺฑ โหติฯ ทสนฺนํ ทสนฺนํ อรานํ อนฺตเรติ ทสนฺนํ ทสนฺนํ อรานํ อนฺตเร สมีเป ปเทเสฯ ฉิทฺทมณฺฑลขจิโตติ มณฺฑลสณฺฐานฉิทฺทวิจิโตฺตฯ สุกุสลสมนฺนาหตสฺสาติ สุฎฺฐุ กุสเลน สิปฺปินา ปหตสฺส, วาทิตสฺสาติ อโตฺถฯ วคฺคูติ มโนรโมฯ รชนีโยติ สุณนฺตานํ ราคุปฺปาทโกฯ กมนีโยติ กโนฺตฯ สโมสริตกุสุมทามาติ โอลมฺพิตสุคนฺธกุสุมทามาฯ เนมิปริเกฺขปสฺสาติ เนมิปริยนฺตปริเกฺขปสฺสฯ นาภิปนาฬิยา ทฺวินฺนํ ปสฺสานํ วเสน ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ นาภิปนาฬีน’’นฺติ วุตฺตํฯ เอกา เอว หิ สา ปนาฬิฯ เยหีติ เยหิ ทฺวีหิ มุเขหิฯ ปุน เยหีติ เยหิ มุตฺตกลาเปหิฯ
Nemimaṇḍalapiṭṭhiyanti nemimaṇḍalassa piṭṭhipadese. Ākāsacāribhāvato hissa tattha vātaggāhī pavāḷadaṇḍo hoti. Dasannaṃ dasannaṃ arānaṃ antareti dasannaṃ dasannaṃ arānaṃ antare samīpe padese. Chiddamaṇḍalakhacitoti maṇḍalasaṇṭhānachiddavicitto. Sukusalasamannāhatassāti suṭṭhu kusalena sippinā pahatassa, vāditassāti attho. Vaggūti manoramo. Rajanīyoti suṇantānaṃ rāguppādako. Kamanīyoti kanto. Samosaritakusumadāmāti olambitasugandhakusumadāmā. Nemiparikkhepassāti nemipariyantaparikkhepassa. Nābhipanāḷiyā dvinnaṃ passānaṃ vasena ‘‘dvinnampi nābhipanāḷīna’’nti vuttaṃ. Ekā eva hi sā panāḷi. Yehīti yehi dvīhi mukhehi. Puna yehīti yehi muttakalāpehi.
โอธาปยมานนฺติ โสตุํ อวหิตานิ กุรุมานํฯ
Odhāpayamānanti sotuṃ avahitāni kurumānaṃ.
จโนฺท ปุรโต จกฺกรตนํ ปจฺฉาติ เอวํ ปุพฺพาปริเยน ปุพฺพาปรภาเวนฯ
Cando purato cakkaratanaṃ pacchāti evaṃ pubbāpariyena pubbāparabhāvena.
อเนฺตปุรสฺสาติ อนุราธปุเร รโญฺญ อเนฺตปุรสฺสฯ อุตฺตรสีหปญฺชรสทิเสติ ตทา รโญฺญ ปาสาเท ตาทิสสฺส อุตฺตรทิสาย สีหปญฺชรสฺส ลพฺภมานตฺตา วุตฺตํฯ สุเขน สกฺกาติ กิญฺจิ อนารุหิตฺวา, สรีรญฺจ อนุลฺลงฺฆิตฺวา ยถาฐิเตเนว หเตฺถน ปุปฺผมุฎฺฐิโย ขิปิตฺวา สุเขน สกฺกา โหติ ปูเชตุํฯ
Antepurassāti anurādhapure rañño antepurassa. Uttarasīhapañjarasadiseti tadā rañño pāsāde tādisassa uttaradisāya sīhapañjarassa labbhamānattā vuttaṃ. Sukhena sakkāti kiñci anāruhitvā, sarīrañca anullaṅghitvā yathāṭhiteneva hatthena pupphamuṭṭhiyo khipitvā sukhena sakkā hoti pūjetuṃ.
นานาวิราครตนปฺปภาสมุชฺชลนฺติ นานาวิธวิจิตฺตวณฺณรตโนภาสปภสฺสรํฯ อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปวเตฺตติ อาคนฺตฺวา ฐิตฎฺฐานโต อุปริ อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปวเตฺตฯ
Nānāvirāgaratanappabhāsamujjalanti nānāvidhavicittavaṇṇaratanobhāsapabhassaraṃ. Ākāsaṃ abbhuggantvā pavatteti āgantvā ṭhitaṭṭhānato upari ākāsaṃ abbhuggantvā pavatte.
๒๔๔. ราชายุตฺตาติ รโญฺญ กิเจฺจ อายุตฺตกปุริสาฯ
244.Rājāyuttāti rañño kicce āyuttakapurisā.
สิเนรุํ วามปเสฺสน กตฺวา ตสฺส ธุรตรํ คจฺฉโนฺต ‘‘วามปเสฺสน สิเนรุํ ปหายา’’ติ วุตฺตํฯ
Sineruṃ vāmapassena katvā tassa dhurataraṃ gacchanto ‘‘vāmapassena sineruṃ pahāyā’’ti vuttaṃ.
วินิเพฺพเธนาติ ติริยํ วินิวิชฺฌนวเสนฯ สนฺนิเวสกฺขโมติ ขนฺธาวารสนฺนิเวสโยโคฺยฯ สุลภาหารุปกรโณติ สุเขเนว ลทฺธพฺพธญฺญโครสทารุติณาทิโภชนสาธโนฯ
Vinibbedhenāti tiriyaṃ vinivijjhanavasena. Sannivesakkhamoti khandhāvārasannivesayogyo. Sulabhāhārupakaraṇoti sukheneva laddhabbadhaññagorasadārutiṇādibhojanasādhano.
ปรจกฺกนฺติ ปรสฺส รโญฺญ เสนา, อาณา วาฯ
Paracakkanti parassa rañño senā, āṇā vā.
อาคมนนนฺทโนติ อาคมเนน นนฺทิชนโนฯ คมเนน โสเจตีติ คมนโสจโนฯ อุปกเปฺปถาติ อุปรูปริ กเปฺปถ, สํวิทหถ อุปเนถาติ อโตฺถฯ อุปปริกฺขิตฺวาติ เหตุโตปิ สภาวโตปิ ผลโตปิ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกาทิอาทีนวโตปิ วีมํสิตฺวาฯ วิภาเวนฺติ ปญฺญาย อตฺถํ วิภูตํ กโรนฺตีติ วิภาวิโน, ปญฺญวโนฺตฯ อนุยนฺตาติ อนุวตฺตกา, อนุวตฺตกภาเวเนว, ปน รโญฺญ จ มหานุภาเวน เต ชิคุจฺฉนวเสน ปาปโต อโนรมนฺตาปิ เอกเจฺจ โอตฺตปฺปวเสน โอรมนฺตีติ เวทิตพฺพํฯ
Āgamananandanoti āgamanena nandijanano. Gamanena socetīti gamanasocano. Upakappethāti uparūpari kappetha, saṃvidahatha upanethāti attho. Upaparikkhitvāti hetutopi sabhāvatopi phalatopi diṭṭhadhammikasamparāyikādiādīnavatopi vīmaṃsitvā. Vibhāventi paññāya atthaṃ vibhūtaṃ karontīti vibhāvino, paññavanto. Anuyantāti anuvattakā, anuvattakabhāveneva, pana rañño ca mahānubhāvena te jigucchanavasena pāpato anoramantāpi ekacce ottappavasena oramantīti veditabbaṃ.
โอคจฺฉมานนฺติ โอสีทนฺตํฯ โยชนมตฺตนฺติ วิตฺถารโต โยชนมตฺตํ ปเทสํฯ คมฺภีรภาเวน ปน ยถา ภูมิ ทิสฺสติ, เอวํ โอคจฺฉติฯ เตนาห ‘‘มหาสมุทฺทตล’’นฺติอาทิฯ อเนฺต จกฺกรตนํ อุทเกน เสนาย อนโชฺฌตฺถรณตฺถํฯ ปุรตฺถิโม มหาสมุโทฺท ปริยโนฺต เอตสฺสาติ ปุรตฺถิมมหาสมุทฺทปริยโนฺต, ตํ ปุรตฺถิมมหาสมุทฺทปริยนฺตํ, ปุรตฺถิมมหาสมุทฺทํ ปริยนฺตํ กตฺวาติ อโตฺถฯ
Ogacchamānanti osīdantaṃ. Yojanamattanti vitthārato yojanamattaṃ padesaṃ. Gambhīrabhāvena pana yathā bhūmi dissati, evaṃ ogacchati. Tenāha ‘‘mahāsamuddatala’’ntiādi. Ante cakkaratanaṃ udakena senāya anajjhottharaṇatthaṃ. Puratthimo mahāsamuddo pariyanto etassāti puratthimamahāsamuddapariyanto, taṃ puratthimamahāsamuddapariyantaṃ, puratthimamahāsamuddaṃ pariyantaṃ katvāti attho.
จาตุรนฺตายาติ จตุสมุทฺทนฺตาย, ปุรตฺถิมทิสาทิจตุโกฎฺฐาสนฺตาย วาฯ โสภยมานํ วิยาติ วิย-สโทฺท นิปาตมตฺตํฯ อตฺตโน อจฺฉริยคุเณหิ โสภนฺตเมว หิ ตํ ติฎฺฐติฯ ปาฬิยมฺปิ หิ ‘‘อุปโสภยมานํ’’ เตฺวว วุตฺตํฯ
Cāturantāyāti catusamuddantāya, puratthimadisādicatukoṭṭhāsantāya vā. Sobhayamānaṃ viyāti viya-saddo nipātamattaṃ. Attano acchariyaguṇehi sobhantameva hi taṃ tiṭṭhati. Pāḷiyampi hi ‘‘upasobhayamānaṃ’’ tveva vuttaṃ.
หตฺถิรตนวณฺณนา
Hatthiratanavaṇṇanā
๒๔๖. หริจนฺทนาทีหีติ อาทิ-สเทฺทน จตุชฺชาติยคนฺธาทิํ สงฺคณฺหาติฯ อาคมนํ จิเนฺตถาติ วทนฺติ จกฺกวตฺติวตฺตสฺส ปูริตตาย ปริจิตตฺตาฯ กาฬติลกาทีนํ อภาเวน วิสุทฺธเสตสรีโรฯ สตฺตปติโฎฺฐติ ภูมิผุสนเกหิ วาลธิ, วรงฺคํ, หโตฺถติ อิเมหิ จ ตีหิ, จตูหิ ปาเทหิ จาติ สตฺตหิ อวยเวหิ ปติฎฺฐิตตฺตา สตฺตปติโฎฺฐฯ สพฺพกนิโฎฺฐติ สเพฺพหิ ฉทฺทนฺตกุลหตฺถีหิ หีโนฯ อุโปสถกุลา สพฺพเชโฎฺฐติ อุโปสถกุลโต อาคจฺฉโนฺต ตตฺถ สพฺพปฺปธาโน อาคจฺฉตีติ โยชนาฯ วุตฺตนเยนาติ ‘‘มหาทานํ ทตฺวา’’ติอาทินา วุเตฺตน นเยนฯ จกฺกวตฺตีนํ, จกฺกวตฺติปุตฺตานญฺจ จกฺกวตฺติํ อุทฺทิสฺส จินฺตยนฺตานํ อาคจฺฉติฯ อปเนตฺวาติ อตฺตโน อานุภาเวน อปเนตฺวาฯ คนฺธเมว หิ ตสฺส อิตเร หตฺถี น สหนฺติฯ
246.Haricandanādīhīti ādi-saddena catujjātiyagandhādiṃ saṅgaṇhāti. Āgamanaṃ cintethātivadanti cakkavattivattassa pūritatāya paricitattā. Kāḷatilakādīnaṃ abhāvena visuddhasetasarīro. Sattapatiṭṭhoti bhūmiphusanakehi vāladhi, varaṅgaṃ, hatthoti imehi ca tīhi, catūhi pādehi cāti sattahi avayavehi patiṭṭhitattā sattapatiṭṭho. Sabbakaniṭṭhoti sabbehi chaddantakulahatthīhi hīno. Uposathakulā sabbajeṭṭhoti uposathakulato āgacchanto tattha sabbappadhāno āgacchatīti yojanā. Vuttanayenāti ‘‘mahādānaṃ datvā’’tiādinā vuttena nayena. Cakkavattīnaṃ, cakkavattiputtānañca cakkavattiṃ uddissa cintayantānaṃ āgacchati. Apanetvāti attano ānubhāvena apanetvā. Gandhameva hi tassa itare hatthī na sahanti.
ฆรเธนุวจฺฉโก วิยาติ ฆเร ปริจิตเธนุยา ตเตฺถว ชาตสํวทฺธวจฺฉโก วิยฯ สกลปถวินฺติ สกลํ ชมฺพุทีปสญฺญิตํ ปถวิํฯ
Gharadhenuvacchako viyāti ghare paricitadhenuyā tattheva jātasaṃvaddhavacchako viya. Sakalapathavinti sakalaṃ jambudīpasaññitaṃ pathaviṃ.
อสฺสรตนวณฺณนา
Assaratanavaṇṇanā
๒๔๗. สินฺธวกุลโตติ สินฺธวสฺสาชานียกุลโตฯ
247.Sindhavakulatoti sindhavassājānīyakulato.
มณิรตนวณฺณนา
Maṇiratanavaṇṇanā
๒๔๘. สกฎนาภิสมปริณาหนฺติ ปริณาหโต มหาสกฎสฺส นาภิยา สมปฺปมาณํฯ อุโภสุ อเนฺตสูติ เหฎฺฐา, อุปริ จาติ ทฺวีสุ อเนฺตสุฯ กณฺณิกปริยนฺตโตติ ทฺวินฺนํ กญฺจนปทุมานํ กณฺณิกาย ปริยนฺตโตฯ มุตฺตาชาลเก ฐเปตฺวาติ สุวิสุเทฺธ มุตฺตมเย ชาลเก ปติฎฺฐาเปตฺวาฯ อรุณุคฺคมนเวลา วิยาติ อรุณุคฺคมนสีเสน สูริยอุทยกฺขณํ อุปลเกฺขติฯ
248.Sakaṭanābhisamapariṇāhanti pariṇāhato mahāsakaṭassa nābhiyā samappamāṇaṃ. Ubhosu antesūti heṭṭhā, upari cāti dvīsu antesu. Kaṇṇikapariyantatoti dvinnaṃ kañcanapadumānaṃ kaṇṇikāya pariyantato. Muttājālake ṭhapetvāti suvisuddhe muttamaye jālake patiṭṭhāpetvā. Aruṇuggamanavelā viyāti aruṇuggamanasīsena sūriyaudayakkhaṇaṃ upalakkheti.
อิตฺถิรตนวณฺณนา
Itthiratanavaṇṇanā
๒๔๙. ‘‘อิตฺถิรตนํ ปาตุภวตี’’ติ วตฺวา กุตสฺสา ปาตุภาโวติ ทเสฺสตุํ ‘‘มทฺทราชกุลโต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ มทฺทรฎฺฐํ กิร ชมฺพุทีเป อภิรูปานํ อิตฺถีนํ อุปฺปตฺติฎฺฐานํฯ ตถา หิ ‘‘สิญฺจยมหาราชสฺส เทวี, เวสฺสนฺตรมหาราชสฺส เทวี, ภทฺทกาปิลานี’’ติ เอวมาทิ อิตฺถิรตนํ มทฺทรเฎฺฐ เอว อุปฺปนฺนํฯ ปุญฺญานุภาเวนาติ จกฺกวตฺติรโญฺญ ปุญฺญเตเชนฯ
249. ‘‘Itthiratanaṃ pātubhavatī’’ti vatvā kutassā pātubhāvoti dassetuṃ ‘‘maddarājakulato’’tiādi vuttaṃ. Maddaraṭṭhaṃ kira jambudīpe abhirūpānaṃ itthīnaṃ uppattiṭṭhānaṃ. Tathā hi ‘‘siñcayamahārājassa devī, vessantaramahārājassa devī, bhaddakāpilānī’’ti evamādi itthiratanaṃ maddaraṭṭhe eva uppannaṃ. Puññānubhāvenāti cakkavattirañño puññatejena.
สณฺฐานปาริปูริยาติ หตฺถปาทาทิสรีราวยวานํ สุสณฺฐิตายฯ อวยวปาริปูริยา หิ สมุทายปาริปูริสิทฺธิ ฯ รูปนฺติ สรีรํ ‘‘รูปํ เตฺวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐๖) วิยฯ ทสฺสนียาติ สุรูปภาเวน ปสฺสิตพฺพยุตฺตาฯ เตนาห ‘‘ทิสฺสมานาวา’’ติอาทิฯ โสมนสฺสวเสน จิตฺตํ ปสาเทติ โยนิโส จิเนฺตนฺตานํ กมฺมผลสทฺธาย วเสนฯ ปสาทาวหตฺตาติ การณวจเนน ยถา ปาสาทิกตาย วณฺณโปกฺขรตาสิทฺธิ วุตฺตา, เอวํ ทสฺสนียตาย ปาสาทิกตาสิทฺธิ, อภิรูปตาย จ ทสฺสนียตาสิทฺธิ วตฺตพฺพาติ นยํ ทเสฺสติฯ ปฎิโลมโต วา วณฺณโปกฺขรตาย ปาสาทิกตาสิทฺธิ, ปาสาทิกตาย ทสฺสนียตาสิทฺธิ, ทสฺสนียตาย อภิรูปตาสิทฺธิ โยเชตพฺพาฯ เอวํ สรีรสมฺปตฺติวเสน อภิรูปตาทิเก ทเสฺสตฺวา อิทานิ สรีเร โทสาภาววเสนปิ เต ทเสฺสตุํ ‘‘อภิรูปา วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยถา ปมาณยุตฺตา, เอวํ อาโรหปริณาหโยคโต จ ปาสาทิกา นาติทีฆตาทโย, เอวํ มนุสฺสานํ ทิพฺพรูปตาสมฺปตฺติปีติ ‘‘อปฺปตฺตา ทิพฺพวณฺณ’’นฺติ วุตฺตํฯ
Saṇṭhānapāripūriyāti hatthapādādisarīrāvayavānaṃ susaṇṭhitāya. Avayavapāripūriyā hi samudāyapāripūrisiddhi . Rūpanti sarīraṃ ‘‘rūpaṃ tveva saṅkhaṃ gacchatī’’tiādīsu (ma. ni. 1.306) viya. Dassanīyāti surūpabhāvena passitabbayuttā. Tenāha ‘‘dissamānāvā’’tiādi. Somanassavasena cittaṃ pasādeti yoniso cintentānaṃ kammaphalasaddhāya vasena. Pasādāvahattāti kāraṇavacanena yathā pāsādikatāya vaṇṇapokkharatāsiddhi vuttā, evaṃ dassanīyatāya pāsādikatāsiddhi, abhirūpatāya ca dassanīyatāsiddhi vattabbāti nayaṃ dasseti. Paṭilomato vā vaṇṇapokkharatāya pāsādikatāsiddhi, pāsādikatāya dassanīyatāsiddhi, dassanīyatāya abhirūpatāsiddhi yojetabbā. Evaṃ sarīrasampattivasena abhirūpatādike dassetvā idāni sarīre dosābhāvavasenapi te dassetuṃ ‘‘abhirūpā vā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yathā pamāṇayuttā, evaṃ ārohapariṇāhayogato ca pāsādikā nātidīghatādayo, evaṃ manussānaṃ dibbarūpatāsampattipīti ‘‘appattā dibbavaṇṇa’’nti vuttaṃ.
อาโรหสมฺปตฺติ วุตฺตา อุเพฺพเธน ปาสาทิกภาวโตฯ ปริณาหสมฺปตฺติ วุตฺตา กิสถูลโทสาภาวโตฯ วณฺณสมฺปตฺติ วุตฺตา วิวณฺณตาภาวโตฯ กายวิปตฺติยาติ สรีรโทสสฺสฯ สตวารวิหตสฺสาติ สตฺตกฺขตฺตุํ วิหตสฺส, ‘‘สตวารวิหตสฺสา’’ติ จ อิทํ กปฺปาสปิจุวเสน วุตฺตํ, ตูลปิจุโน ปน วิหนนเมว นตฺถิฯ กุงฺกุมตครตุรุกฺขยวนปุปฺผานิ จตุชฺชาติฯ ‘‘ตมาลตครตุรุกฺขยวนปุปฺผานี’’ติ อปเรฯ
Ārohasampatti vuttā ubbedhena pāsādikabhāvato. Pariṇāhasampatti vuttā kisathūladosābhāvato. Vaṇṇasampatti vuttā vivaṇṇatābhāvato. Kāyavipattiyāti sarīradosassa. Satavāravihatassāti sattakkhattuṃ vihatassa, ‘‘satavāravihatassā’’ti ca idaṃ kappāsapicuvasena vuttaṃ, tūlapicuno pana vihananameva natthi. Kuṅkumatagaraturukkhayavanapupphāni catujjāti. ‘‘Tamālatagaraturukkhayavanapupphānī’’ti apare.
อคฺคิทฑฺฒา วิยาติ อาสนคเตน อคฺคินา ทฑฺฒา วิยฯ ปฐมเมวาติ ราชานํ ทิสฺวาปิ กิจฺจนฺตรปฺปสุตา อหุตฺวา กิจฺจนฺตรโต ปฐมเมว, ทสฺสนสมกาลํ เอวาติ อโตฺถฯ รโญฺญ นิสชฺชาย ปจฺฉา นิปาตนํ นิสีทนํ สีลํ เอติสฺสาติ ปจฺฉานิปาตินีฯ ตํ ตํ อตฺตนา รโญฺญ กาตพฺพกิจฺจํ ‘‘กิํ กโรมี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตาย กิํ กรณํ ปฎิสาเวตีติ กิํการปฎิสฺสาวินีฯ
Aggidaḍḍhā viyāti āsanagatena agginā daḍḍhā viya. Paṭhamamevāti rājānaṃ disvāpi kiccantarappasutā ahutvā kiccantarato paṭhamameva, dassanasamakālaṃ evāti attho. Rañño nisajjāya pacchā nipātanaṃ nisīdanaṃ sīlaṃ etissāti pacchānipātinī. Taṃ taṃ attanā rañño kātabbakiccaṃ ‘‘kiṃ karomī’’ti pucchitabbatāya kiṃ karaṇaṃ paṭisāvetīti kiṃkārapaṭissāvinī.
มาตุคาโม นาม เยภุเยฺยน สฐชาติโก, อิตฺถิรตนสฺส ปน ตํ นตฺถีติ ทเสฺสตุํ ‘‘สฺวาสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Mātugāmo nāma yebhuyyena saṭhajātiko, itthiratanassa pana taṃ natthīti dassetuṃ ‘‘svāssā’’tiādi vuttaṃ.
คุณาติ รูปคุณา เจว อาจารคุณา จฯ ปุริมกมฺมานุภาเวนาติ กตสฺส ปุริมกมฺมสฺสานุภาเวน อิตฺถิรตนสฺส ตพฺภาวสํวตฺตนิยสฺส ปุริมกมฺมสฺส อานุภาเวนฯ จกฺกวตฺติโนปิ ปริวารสมฺปตฺติสํวตฺตนิยํ ปุญฺญกมฺมํ ตาทิสสฺส ผลวิเสสสฺส อุปนิสฺสโย โหติเยวฯ เตนาห ‘‘จกฺกวตฺติโน ปุญฺญํ อุปนิสฺสายา’’ติ, เอเตน เสเสสุปิ สวิญฺญาณกรตเนสุ อตฺตโน กมฺมวเสน นิพฺพเตฺตสุปิ เตสํ เตสํ วิเสสานํ ตทุปนิสฺสยตา วิภาวิตา เอวาติ ทฎฺฐพฺพาฯ ปุเพฺพ เอกเทสวเสน ลพฺภมานา ปาริปูรี รโญฺญ จกฺกวตฺติภาวูปคมนโต ปฎฺฐาย สพฺพาการปริปูรา ชาตาฯ
Guṇāti rūpaguṇā ceva ācāraguṇā ca. Purimakammānubhāvenāti katassa purimakammassānubhāvena itthiratanassa tabbhāvasaṃvattaniyassa purimakammassa ānubhāvena. Cakkavattinopi parivārasampattisaṃvattaniyaṃ puññakammaṃ tādisassa phalavisesassa upanissayo hotiyeva. Tenāha ‘‘cakkavattinopuññaṃ upanissāyā’’ti, etena sesesupi saviññāṇakaratanesu attano kammavasena nibbattesupi tesaṃ tesaṃ visesānaṃ tadupanissayatā vibhāvitā evāti daṭṭhabbā. Pubbe ekadesavasena labbhamānā pāripūrī rañño cakkavattibhāvūpagamanato paṭṭhāya sabbākāraparipūrā jātā.
คหปติรตนวณฺณนา
Gahapatiratanavaṇṇanā
๒๕๐. ปกติยา วาติ สภาเวเนว จกฺกรตนปาตุภาวโต ปุเพฺพปิฯ ยาทิสํ รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ปุญฺญพลํ นิสฺสาย ยถาวุตฺตา จกฺกรตนานุภาวนิพฺพตฺติ, ตาทิสํ เอตสฺส ปุญฺญพลํ นิสฺสาย คหปติรตนสฺส กมฺมวิปากชํ ทิพฺพจกฺขุํ นิพฺพเตฺตตีติ อาห ‘‘จกฺกรตนานุภาวสหิต’’นฺติฯ การณสฺส หิ เอกสนฺตติปติตตาย, ผลสฺส จ สมานกาลิกตาย ตถาวจนํฯ
250.Pakatiyā vāti sabhāveneva cakkaratanapātubhāvato pubbepi. Yādisaṃ rañño cakkavattissa puññabalaṃ nissāya yathāvuttā cakkaratanānubhāvanibbatti, tādisaṃ etassa puññabalaṃ nissāya gahapatiratanassa kammavipākajaṃ dibbacakkhuṃ nibbattetīti āha ‘‘cakkaratanānubhāvasahita’’nti. Kāraṇassa hi ekasantatipatitatāya, phalassa ca samānakālikatāya tathāvacanaṃ.
ปริณายกรตนวณฺณนา
Pariṇāyakaratanavaṇṇanā
๒๕๑. ‘‘อยํ ธโมฺม, อยํ อธโมฺม’’ติอาทินา กมฺมสฺสกตาวโพธนสงฺขาตสฺส ปณฺฑิตภาวสฺส อตฺถิตาย ปณฺฑิโตฯ พาหุสจฺจพฺยตฺติยา พฺยโตฺตฯ สภาวสิทฺธาย เมธาสงฺขาตาย ปกติปญฺญาย อตฺถิตาย เมธาวีฯ อตฺตโน ยาถาวพุทฺธมตฺถํ ปเรสํ วิภาเวตุํ ปกาเสตุํ สมตฺถตาย วิภาวีฯ ววตฺถเปตุนฺติ นิจฺฉิตุํฯ
251. ‘‘Ayaṃ dhammo, ayaṃ adhammo’’tiādinā kammassakatāvabodhanasaṅkhātassa paṇḍitabhāvassa atthitāya paṇḍito. Bāhusaccabyattiyā byatto. Sabhāvasiddhāya medhāsaṅkhātāya pakatipaññāya atthitāya medhāvī. Attano yāthāvabuddhamatthaṃ paresaṃ vibhāvetuṃ pakāsetuṃ samatthatāya vibhāvī. Vavatthapetunti nicchituṃ.
จตุอิทฺธิสมนฺนาคตวณฺณนา
Catuiddhisamannāgatavaṇṇanā
๒๕๒. วิปจฺจนํ วิปาโก, วิปาโก เอว เวปาโก ยถา ‘‘วิกตเมว เวกต’’นฺติฯ สมํ นาติสีตนาจฺจุณฺหตาย อวิสมํ ภุตฺตสฺส เวปาโก เอติสฺสา อตฺถีติ สมเวปากินี, ตาย สมเวปากินิยาฯ
252. Vipaccanaṃ vipāko, vipāko eva vepāko yathā ‘‘vikatameva vekata’’nti. Samaṃ nātisītanāccuṇhatāya avisamaṃ bhuttassa vepāko etissā atthīti samavepākinī, tāya samavepākiniyā.
ธมฺมปาสาทโปกฺขรณิวณฺณนา
Dhammapāsādapokkharaṇivaṇṇanā
๒๕๓. ชนราสิํ กาเรตฺวา เตน ชนราสินา ขณิตฺวา น มาเปสิฯ กิญฺจรหีติ อาห ‘‘รโญฺญ ปนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ การณํ ปรโต อาคมิสฺสติฯ เอกาย เวทิกาย ปริกฺขิตฺตา โปกฺขรณิโย ฯ ปริเวณปริเจฺฉทปริยเนฺตติ เอตฺถ ปริเวณํ นาม สมนฺตโต วิวฎงฺคณภูตํ โปกฺขรณิยา ตีรํ, ตสฺส ปริเจฺฉทภูเต ปริยเนฺต เอกาย เวทิกาย ปริกฺขิตฺตา โปกฺขรณิโยฯ เอตทโหสีติ เอตํ ‘‘ยํนูนาหํ อิมาสุ โปกฺขรณีสู’’ติอาทิกํ อโหสีติฯ สโพฺพตุกนฺติ สเพฺพสุ อุตูสุ ปุปฺผนกํฯ นานาวณฺณอุปฺปลพีชาทีนีติ รตฺตนีลาทินานาวณฺณปุเปฺผน ปุปฺผนกอุปฺปลพีชาทีนิฯ ชลชถลชมาลนฺติ ชลชถลชปุปฺผมาลํฯ
253.Janarāsiṃ kāretvā tena janarāsinā khaṇitvā na māpesi. Kiñcarahīti āha ‘‘rañño panā’’tiādi. Tattha kāraṇaṃ parato āgamissati. Ekāya vedikāya parikkhittā pokkharaṇiyo . Pariveṇaparicchedapariyanteti ettha pariveṇaṃ nāma samantato vivaṭaṅgaṇabhūtaṃ pokkharaṇiyā tīraṃ, tassa paricchedabhūte pariyante ekāya vedikāya parikkhittā pokkharaṇiyo. Etadahosīti etaṃ ‘‘yaṃnūnāhaṃ imāsu pokkharaṇīsū’’tiādikaṃ ahosīti. Sabbotukanti sabbesu utūsu pupphanakaṃ. Nānāvaṇṇauppalabījādīnīti rattanīlādinānāvaṇṇapupphena pupphanakauppalabījādīni. Jalajathalajamālanti jalajathalajapupphamālaṃ.
๒๕๔. ปริจารวเสนาติ ตงฺขณิกปริจารวเสน, อิทญฺจ ปฐมํ ปฎฺฐปิตนิยาเมเนว วุตฺตํ, ปจฺฉา ปน ยานสยนาทีนิ วิย อิตฺถิโยปิ อตฺถิกานํ ปริจฺจตฺตา เอวฯ เตนาห ‘‘อิตฺถีหิปี’’ติอาทิฯ ปริจฺจาควเสนาติ นิรเปกฺขปริจฺจาควเสนฯ ทียตีติ ทานํ, เทยฺยวตฺถุฯ ตํ อคฺคียติ นิสฺสชฺชียติ เอตฺถาติ ทานคฺคํ, ปริเวสนฎฺฐานํฯ ตาทิสานิ อตฺถีติ ยาทิสานิ รโญฺญ ทานเคฺค โขมสุขุมาทีนิ วตฺถานิ, ตาทิสานิ เยสํ อตฺตโน สนฺตกานิ สนฺติฯ โอหายาติ ปหาย ตเตฺถว ฐเปตฺวาฯ อโตฺถ อตฺถิ เยสํ เตติ อตฺถิกาฯ เอวํ อนตฺถิกาปิ ทฎฺฐพฺพาฯ
254.Paricāravasenāti taṅkhaṇikaparicāravasena, idañca paṭhamaṃ paṭṭhapitaniyāmeneva vuttaṃ, pacchā pana yānasayanādīni viya itthiyopi atthikānaṃ pariccattā eva. Tenāha ‘‘itthīhipī’’tiādi. Pariccāgavasenāti nirapekkhapariccāgavasena. Dīyatīti dānaṃ, deyyavatthu. Taṃ aggīyati nissajjīyati etthāti dānaggaṃ, parivesanaṭṭhānaṃ. Tādisāni atthīti yādisāni rañño dānagge khomasukhumādīni vatthāni, tādisāni yesaṃ attano santakāni santi. Ohāyāti pahāya tattheva ṭhapetvā. Attho atthi yesaṃ teti atthikā. Evaṃ anatthikāpi daṭṭhabbā.
๒๕๕. กลหสโทฺทปีติ ปิ-สเทฺทน ทานาธิปฺปาเยน เคหโต นีหตํ ปุน เคหํ ปเวเสตุํ น ยุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ สมุเจฺจติฯ เตนาห ‘‘น โข เอตํ อมฺหากํ ปติรูป’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๕๕)ฯ
255.Kalahasaddopīti pi-saddena dānādhippāyena gehato nīhataṃ puna gehaṃ pavesetuṃ na yuttanti imamatthaṃ samucceti. Tenāha ‘‘na kho etaṃ amhākaṃ patirūpa’’ntiādi (dī. ni. 2.255).
๒๕๗. อุณฺหีสมตฺถเกติ สิขาปริยนฺตมตฺถเกฯ ปริเจฺฉทมตฺถเกติ ปาสาทงฺคณปริเจฺฉทสฺส มตฺถเกฯ
257.Uṇhīsamatthaketi sikhāpariyantamatthake. Paricchedamatthaketi pāsādaṅgaṇaparicchedassa matthake.
๒๕๘. หรตีติ อติวิย ปภสฺสรภาเวน จกฺขูนิ ปฎิหรนฺตํ ทุทฺทิกฺขตาย ทิฎฺฐิโย หรติ อปเนนฺตํ วิย โหติฯ ตํ ปน หรณํ เนสํ ปริปฺผนฺทเนนาติ อาห ‘‘ผนฺทาเปตี’’ติฯ
258.Haratīti ativiya pabhassarabhāvena cakkhūni paṭiharantaṃ duddikkhatāya diṭṭhiyo harati apanentaṃ viya hoti. Taṃ pana haraṇaṃ nesaṃ paripphandanenāti āha ‘‘phandāpetī’’ti.
ปฐมภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ฌานสมฺปตฺติวณฺณนา
Jhānasampattivaṇṇanā
๒๖๐. มหติยา อิทฺธิยาติ มหเนฺตน อิจฺฉิตตฺถสมิชฺฌเนนฯ เตสํเยว อิจฺฉิติจฺฉิตตฺถานํฯ ‘‘อนุภวิตพฺพาน’’นฺติ อิมินา อานุภาว-สทฺทสฺส กมฺมสาธนตํ ทเสฺสติฯ ปุเพฺพ สมฺปนฺนํ กตฺวา เทยฺยธมฺมปริจฺจาคสฺส กตภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สมฺปตฺติปริจฺจาคสฺสา’’ติ อาหฯ อตฺตานํ ทเมติ เอเตนาติ ทโมฯ
260.Mahatiyā iddhiyāti mahantena icchitatthasamijjhanena. Tesaṃyeva icchiticchitatthānaṃ. ‘‘Anubhavitabbāna’’nti iminā ānubhāva-saddassa kammasādhanataṃ dasseti. Pubbe sampannaṃ katvā deyyadhammapariccāgassa katabhāvaṃ dassento ‘‘sampattipariccāgassā’’ti āha. Attānaṃ dameti etenāti damo.
โพธิสตฺตปุพฺพโยควณฺณนา
Bodhisattapubbayogavaṇṇanā
อสฺสาติ มหาสุทสฺสนรโญฺญฯ เอโก เถโรติ อปฺปญฺญาโต นามโคตฺตโต อญฺญตโร ปุถุชฺชโน เถโรฯ เถรํ ทิสฺวาติ อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวาฯ กฎฺฐตฺถรณนฺติ กฎฺฐมยํ อตฺถรณํ, ทารุผลกนฺติ อโตฺถฯ
Assāti mahāsudassanarañño. Eko theroti appaññāto nāmagottato aññataro puthujjano thero. Theraṃ disvāti aññatarasmiṃ rukkhamūle nisinnaṃ disvā. Kaṭṭhattharaṇanti kaṭṭhamayaṃ attharaṇaṃ, dāruphalakanti attho.
ปริโภคภาชนนฺติ ปานียปริโภชนียาทิปริโภคโยคฺยํ ภาชนํฯ อารกณฺฎกนฺติ สูจิวิชฺฌนกกณฺฎกํฯ ปิปฺผลิกนฺติ ขุทฺทกสตฺถกํฯ อุทกตุมฺพกนฺติ กุณฺฑิกํฯ
Paribhogabhājananti pānīyaparibhojanīyādiparibhogayogyaṃ bhājanaṃ. Ārakaṇṭakanti sūcivijjhanakakaṇṭakaṃ. Pipphalikanti khuddakasatthakaṃ. Udakatumbakanti kuṇḍikaṃ.
กูฎาคารทฺวาเรเยว นิวเตฺตสีติ กูฎาคารํ ปวิฎฺฐกาลโต ปฎฺฐาย เตสํ มิจฺฉาวิตกฺกานํ ปวตฺติยา โอกาสํ นาทาสิฯ
Kūṭāgāradvāreyeva nivattesīti kūṭāgāraṃ paviṭṭhakālato paṭṭhāya tesaṃ micchāvitakkānaṃ pavattiyā okāsaṃ nādāsi.
๒๖๑. กสิณเมว ปญฺญายติ มหาปุริสสฺส ตตฺถ ตตฺถ กตาธิการตฺตา, เตสญฺจ ปเทสานํ สุปริกมฺมกตกสิณสทิสตฺตาฯ
261.Kasiṇameva paññāyati mahāpurisassa tattha tattha katādhikārattā, tesañca padesānaṃ suparikammakatakasiṇasadisattā.
๒๖๒. จตฺตาริ ฌานานีติ จตฺตาริ กสิณชฺฌานานิฯ กสิณชฺฌานปฺปมญฺญานํเยว วจนํ ตาสํ ตทา อาทรคารววเสน นิพฺพตฺติตตฺตาฯ มหาโพธิสตฺตานญฺหิ อรูปชฺฌาเนสุ อาทโร นตฺถิ, อภิญฺญาปทฎฺฐานตํ ปน สนฺธาย ตานิปิ นิพฺพเตฺตนฺติ, ตสฺมา มหาสโตฺต ตาปสปริพฺพาชกกาเล ยตฺตเก โลกิยคุเณ นิพฺพเตฺตติ, เต สเพฺพปิ ตทา นิพฺพเตฺตสิเยวฯ เตนาห ‘‘มหาปุริโส ปนา’’ติอาทิฯ
262.Cattāri jhānānīti cattāri kasiṇajjhānāni. Kasiṇajjhānappamaññānaṃyeva vacanaṃ tāsaṃ tadā ādaragāravavasena nibbattitattā. Mahābodhisattānañhi arūpajjhānesu ādaro natthi, abhiññāpadaṭṭhānataṃ pana sandhāya tānipi nibbattenti, tasmā mahāsatto tāpasaparibbājakakāle yattake lokiyaguṇe nibbatteti, te sabbepi tadā nibbattesiyeva. Tenāha ‘‘mahāpuriso panā’’tiādi.
จตุราสีตินครสหสฺสาทิวณฺณนา
Caturāsītinagarasahassādivaṇṇanā
๒๖๓. อภิหริตพฺพภตฺตนฺติ อุปเนตพฺพภตฺตํฯ
263.Abhiharitabbabhattanti upanetabbabhattaṃ.
๒๖๔. นิพทฺธวตฺตนฺติ ปุเพฺพ อุปนิพทฺธํ ปากวตฺตํฯ
264.Nibaddhavattanti pubbe upanibaddhaṃ pākavattaṃ.
สุภทฺทาเทวิอุปสงฺกมนวณฺณนา
Subhaddādeviupasaṅkamanavaṇṇanā
๒๖๕. อาวเฎฺฎตฺวาติ อติวิสิตฺวาฯ ยํ ยํ รโญฺญ อิจฺฉิตํ ทานูปกรณเญฺจว โภคูปกรณญฺจ, ตสฺส ตสฺส ตเถว สมิทฺธภาวํ วิตฺถวติฯ
265.Āvaṭṭetvāti ativisitvā. Yaṃ yaṃ rañño icchitaṃ dānūpakaraṇañceva bhogūpakaraṇañca, tassa tassa tatheva samiddhabhāvaṃ vitthavati.
๒๖๖. สเจ ปน ราชา ชีวิเต ฉนฺทํ ชเนยฺย, อิโต ปรมฺปิ จิรํ กาลํ ติเฎฺฐยฺย มหิทฺธิโก มหานุภาโวติ เอวํ มหชฺฌาสยา เทวี โภเคสุ, ชีวิเต จ ราชานํ สาเปกฺขํ กาตุํ วายมิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘มา เหว โข ราชา’’ติอาทิฯ เตเนวาห ‘‘ตสฺส กาลงฺกิริยํ อนิจฺฉมานา’’ติอาทิฯ ฉนฺทํ ชเนหีติ เอตฺถ ฉนฺท-สโทฺท ตณฺหาปริยาโยติ อาห ‘‘เปมํ อุปฺปาเทหี’’ติฯ อเปกฺขติ อารมฺมณํ เอตาย น วิสฺสเชฺชตีติ อเปกฺขา, ตณฺหาฯ
266. Sace pana rājā jīvite chandaṃ janeyya, ito parampi ciraṃ kālaṃ tiṭṭheyya mahiddhiko mahānubhāvoti evaṃ mahajjhāsayā devī bhogesu, jīvite ca rājānaṃ sāpekkhaṃ kātuṃ vāyami. Tena vuttaṃ ‘‘mā heva kho rājā’’tiādi. Tenevāha ‘‘tassa kālaṅkiriyaṃ anicchamānā’’tiādi. Chandaṃ janehīti ettha chanda-saddo taṇhāpariyāyoti āha ‘‘pemaṃ uppādehī’’ti. Apekkhati ārammaṇaṃ etāya na vissajjetīti apekkhā, taṇhā.
๒๖๗. ครหิตาติ เอตฺถ เกหิ ครหิตา, กสฺมา จ ครหิตาติ อโนฺตลีนํ โจทนํ วิสฺสเชฺชโนฺต ‘‘พุเทฺธหี’’ติอาทิมาห, เตน วิญฺญุครหิตตฺตา, ทุคฺคติสํวตฺตนิยโต จ สาเปกฺขกาลกิริยา ปริวเชฺชตพฺพาติ ทเสฺสติฯ
267.Garahitāti ettha kehi garahitā, kasmā ca garahitāti antolīnaṃ codanaṃ vissajjento ‘‘buddhehī’’tiādimāha, tena viññugarahitattā, duggatisaṃvattaniyato ca sāpekkhakālakiriyā parivajjetabbāti dasseti.
๒๖๘. เอกมนฺตํ คนฺตฺวาติ รโญฺญ จกฺขุปถํ วิชหิตฺวาฯ
268.Ekamantaṃ gantvāti rañño cakkhupathaṃ vijahitvā.
พฺรหฺมโลกูปคมนวณฺณนา
Brahmalokūpagamanavaṇṇanā
๒๖๙. โสณสฺสาติ โกฬิวีสสฺส โสณสฺสฯ เอกา ภตฺตปาตีติ เอกํ ภตฺตวฑฺฒิตกํฯ ตาทิสํ ภตฺตนฺติ ตถารูปํ ครุํ มธุรํ สินิทฺธํ ภตฺตํฯ ภุตฺตานนฺติ ภุตฺตวนฺตานํฯ
269.Soṇassāti koḷivīsassa soṇassa. Ekā bhattapātīti ekaṃ bhattavaḍḍhitakaṃ. Tādisaṃ bhattanti tathārūpaṃ garuṃ madhuraṃ siniddhaṃ bhattaṃ. Bhuttānanti bhuttavantānaṃ.
๒๗๑. ทาสมนุสฺสาติ ทาสา เจว อายุตฺตกมนุสฺสา จฯ
271.Dāsamanussāti dāsā ceva āyuttakamanussā ca.
อิทานิ ยถาวุตฺตาย รโญฺญ มหาสุทสฺสนสฺส โภคสมฺปตฺติยา กมฺมสริกฺขตํ อุทฺธรโนฺต ‘‘เอตานิ ปนา’’ติอาทิมาห, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Idāni yathāvuttāya rañño mahāsudassanassa bhogasampattiyā kammasarikkhataṃ uddharanto ‘‘etāni panā’’tiādimāha, taṃ suviññeyyameva.
๒๗๒. อาทิโต ปฎฺฐายาติ สมุทาคมนโต ปฎฺฐายฯ ยตฺถ ตํ ปุญฺญํ อายูหิตํ, ยโต สา สมฺปตฺติ นิพฺพตฺตา, ตโต ตติยตฺตภาวโต ปภุติฯ มหาสุทสฺสนสฺส ชาตกเทสนา หิ ตทา สมุทาคมนโต ปฎฺฐาย ภควตา เทสิตาติฯ ปํสฺวาคารกีฬํ วิยาติ ยถา นาม ทารกา ปํสูหิ วาปิเคหโภชนาทีนิ ทเสฺสนฺตา ยถารุจิ กีฬิตฺวา คมนกาเล สพฺพํ ตํ วิธํเสนฺตา คจฺฉนฺติ, เอวเมว ภควา มหาสุทสฺสนกาเล อตฺตนา อนุภูตํ ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสํ อจิเนฺตยฺยานุภาวสมฺปตฺติํ วิตฺถารโต ทเสฺสตฺวา ปุน อตฺตโน เทสนํ อาทีนวนิสฺสรณทสฺสนวเสน วิวฎฺฎาภิมุขํ วิปริวเตฺตโนฺต ‘‘สพฺพา สา สมฺปตฺติ อนิจฺจตาย วิปริณตา วิธํสิตา’’ติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปสฺสานนฺทา’’ติอาทิมาหฯ วิปริณตาติ วิปริณามํ สภาววิคมํ คตาฯ เตนาห ‘‘ปกติวิชหเนนา’’ติอาทิฯ ปกตีติ สภาวธมฺมานํ อุทยวยปริจฺฉิโนฺน กกฺขฬผุสนาทิสภาโว, โส ภงฺคกฺขณโต ปฎฺฐาย ชหิโต, ปริจฺจชโนฺต สพฺพโส นเตฺถวฯ เตนาห ‘‘นิพฺพุตปทีโป วิย อปญฺญตฺติกภาวํ คตา’’ติฯ
272.Āditopaṭṭhāyāti samudāgamanato paṭṭhāya. Yattha taṃ puññaṃ āyūhitaṃ, yato sā sampatti nibbattā, tato tatiyattabhāvato pabhuti. Mahāsudassanassa jātakadesanā hi tadā samudāgamanato paṭṭhāya bhagavatā desitāti. Paṃsvāgārakīḷaṃ viyāti yathā nāma dārakā paṃsūhi vāpigehabhojanādīni dassentā yathāruci kīḷitvā gamanakāle sabbaṃ taṃ vidhaṃsentā gacchanti, evameva bhagavā mahāsudassanakāle attanā anubhūtaṃ dibbasampattisadisaṃ acinteyyānubhāvasampattiṃ vitthārato dassetvā puna attano desanaṃ ādīnavanissaraṇadassanavasena vivaṭṭābhimukhaṃ viparivattento ‘‘sabbā sā sampatti aniccatāya vipariṇatā vidhaṃsitā’’ti dassento ‘‘passānandā’’tiādimāha. Vipariṇatāti vipariṇāmaṃ sabhāvavigamaṃ gatā. Tenāha ‘‘pakativijahanenā’’tiādi. Pakatīti sabhāvadhammānaṃ udayavayaparicchinno kakkhaḷaphusanādisabhāvo, so bhaṅgakkhaṇato paṭṭhāya jahito, pariccajanto sabbaso nattheva. Tenāha ‘‘nibbutapadīpo viya apaññattikabhāvaṃ gatā’’ti.
เอตฺตาวตาติ อาทิโต ปฎฺฐาย ปวเตฺตน เอตฺตเกน เทสนามเคฺคนฯ อเนกานิ วสฺสโกฎิสตสหสฺสานิเยว อุเพฺพโธ เอติสฺสาติ อเนกวสฺสโกฎิสตสหสฺสุเพฺพธาฯ อนิจฺจลกฺขณํ อาทายาติ ตํ สมฺปตฺติคตํ อนิจฺจลกฺขณํ เทสนาย คเหตฺวา วิภาเวตฺวาฯ ยถา นิเสฺสณิมุจฺจเน ตาทิสํ สตหตฺถุเพฺพธํ รุกฺขํ ปกติปุริเสน อาโรหิตุํ น สกฺกา, เอวํ อนิจฺจตาวิภาวเนน ตสฺสา สมฺปตฺติยา อเปกฺขานิเสฺสณิมุจฺจเน เกนจิ อาโรหิตุํ น สกฺกาติ อาห ‘‘อนิจฺจลกฺขณํ อาทาย นิเสฺสณิํ มุญฺจโนฺต วิยา’’ติฯ เตเนวาติ ยถาวุตฺตการเณเนว, อาทิโต สาติสยํ กาเมสุ อสฺสาทํ ทเสฺสตฺวาปิ อุปริ เนสํ ‘‘ปสฺสานนฺทา’’ติอาทินา อาทีนวํ, โอการํ, สํกิเลสํ, เนกฺขเมฺม อานิสํสญฺจ วิภาเวตฺวา เทสนาย นิฎฺฐาปิตตฺตาฯ ปุเพฺพติ อตีตกาเลฯ วสภราชาติ วสภนามโก สีหฬมหาราชาฯ
Ettāvatāti ādito paṭṭhāya pavattena ettakena desanāmaggena. Anekāni vassakoṭisatasahassāniyeva ubbedho etissāti anekavassakoṭisatasahassubbedhā. Aniccalakkhaṇaṃ ādāyāti taṃ sampattigataṃ aniccalakkhaṇaṃ desanāya gahetvā vibhāvetvā. Yathā nisseṇimuccane tādisaṃ satahatthubbedhaṃ rukkhaṃ pakatipurisena ārohituṃ na sakkā, evaṃ aniccatāvibhāvanena tassā sampattiyā apekkhānisseṇimuccane kenaci ārohituṃ na sakkāti āha ‘‘aniccalakkhaṇaṃ ādāya nisseṇiṃ muñcanto viyā’’ti. Tenevāti yathāvuttakāraṇeneva, ādito sātisayaṃ kāmesu assādaṃ dassetvāpi upari nesaṃ ‘‘passānandā’’tiādinā ādīnavaṃ, okāraṃ, saṃkilesaṃ, nekkhamme ānisaṃsañca vibhāvetvā desanāya niṭṭhāpitattā. Pubbeti atītakāle. Vasabharājāti vasabhanāmako sīhaḷamahārājā.
อุทกปุปฺผุฬาทโยติ อาทิ-สเทฺทน ติณเคฺค อุสฺสาวพินฺทุอาทิเก สงฺคณฺหาติฯ
Udakapupphuḷādayoti ādi-saddena tiṇagge ussāvabinduādike saṅgaṇhāti.
มหาสุทสฺสนสฺส ปนาติ ปน-สโทฺท วิเสสตฺถโชตโน, เตน มหาสุทสฺสนมหาราชา ฌานาภิญฺญาสมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตสิ, ตทเคฺคน ปริสุเทฺธ จ สมณภาเว ปติฎฺฐิโต, ยโต วิธุย เอว กามวิตกฺกาทิสมณภาวสํกิเลสํ สุญฺญาคารํ ปาวิสิ, เอวํภูตสฺสาปิ ตสฺส กาลํ กิริยโต สตฺตเม ทิวเส สพฺพา จกฺกวตฺติสมฺปตฺติ อนฺตรหิตา, น ตโต ปรํ, อโห อจฺฉริยมนุโสฺส อนญฺญสาธารณคุณวิเสโสติ อิมํ วิเสสํ ทเสฺสติฯ
Mahāsudassanassa panāti pana-saddo visesatthajotano, tena mahāsudassanamahārājā jhānābhiññāsamāpattiyo nibbattesi, tadaggena parisuddhe ca samaṇabhāve patiṭṭhito, yato vidhuya eva kāmavitakkādisamaṇabhāvasaṃkilesaṃ suññāgāraṃ pāvisi, evaṃbhūtassāpi tassa kālaṃ kiriyato sattame divase sabbā cakkavattisampatti antarahitā, na tato paraṃ, aho acchariyamanusso anaññasādhāraṇaguṇavisesoti imaṃ visesaṃ dasseti.
อนารุฬฺหนฺติ ‘‘ราชา กิร ปุเพฺพ คหปติกุเล นิพฺพตฺตี’’ติอาทินา, (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒๖๐) ‘‘ปุน เถรํ อามเนฺตสี’’ติอาทินา (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒๗๒) จ วุตฺตมตฺถํ สนฺธายาหฯ โส หิ อิมสฺมิํ สุเตฺต สงฺคีติํ อนารุโฬฺห, อญฺญตฺถ ปน อาคโต อิมิสฺสา เทสนาย ปิฎฺฐิวตฺตกภาเวนฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยํ เอวาติฯ
Anāruḷhanti ‘‘rājā kira pubbe gahapatikule nibbattī’’tiādinā, (dī. ni. aṭṭha. 2.260) ‘‘puna theraṃ āmantesī’’tiādinā (dī. ni. aṭṭha. 2.272) ca vuttamatthaṃ sandhāyāha. So hi imasmiṃ sutte saṅgītiṃ anāruḷho, aññattha pana āgato imissā desanāya piṭṭhivattakabhāvena. Yaṃ panettha atthato na vibhattaṃ, taṃ suviññeyyaṃ evāti.
มหาสุทสฺสนสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ
Mahāsudassanasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๔. มหาสุทสฺสนสุตฺตํ • 4. Mahāsudassanasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๔. มหาสุทสฺสนสุตฺตวณฺณนา • 4. Mahāsudassanasuttavaṇṇanā