Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๒. มหาสุญฺญตสุตฺตํ

    2. Mahāsuññatasuttaṃ

    ๑๘๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สเกฺกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเมฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ กปิลวตฺถุสฺมิํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เยน กาฬเขมกสฺส สกฺกสฺส วิหาโร เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหารายฯ เตน โข ปน สมเยน กาฬเขมกสฺส สกฺกสฺส วิหาเร สมฺพหุลานิ เสนาสนานิ ปญฺญตฺตานิ โหนฺติฯ อทฺทสา โข ภควา กาฬเขมกสฺส สกฺกสฺส วิหาเร สมฺพหุลานิ เสนาสนานิ ปญฺญตฺตานิฯ ทิสฺวาน ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘สมฺพหุลานิ โข กาฬเขมกสฺส สกฺกสฺส วิหาเร เสนาสนานิ ปญฺญตฺตานิฯ สมฺพหุลา นุ โข อิธ ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติฯ

    185. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sakkesu viharati kapilavatthusmiṃ nigrodhārāme. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya kapilavatthuṃ piṇḍāya pāvisi. Kapilavatthusmiṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto yena kāḷakhemakassa sakkassa vihāro tenupasaṅkami divāvihārāya. Tena kho pana samayena kāḷakhemakassa sakkassa vihāre sambahulāni senāsanāni paññattāni honti. Addasā kho bhagavā kāḷakhemakassa sakkassa vihāre sambahulāni senāsanāni paññattāni. Disvāna bhagavato etadahosi – ‘‘sambahulāni kho kāḷakhemakassa sakkassa vihāre senāsanāni paññattāni. Sambahulā nu kho idha bhikkhū viharantī’’ti.

    ๑๘๖. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อานโนฺท สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ฆฎาย สกฺกสฺส วิหาเร จีวรกมฺมํ กโรติฯ อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยน ฆฎาย สกฺกสฺส วิหาโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘สมฺพหุลานิ โข, อานนฺท, กาฬเขมกสฺส สกฺกสฺส วิหาเร เสนาสนานิ ปญฺญตฺตานิฯ สมฺพหุลา นุ โข เอตฺถ ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติ? ‘‘สมฺพหุลานิ, ภเนฺต, กาฬเขมกสฺส สกฺกสฺส วิหาเร เสนาสนานิ ปญฺญตฺตานิฯ สมฺพหุลา ภิกฺขู เอตฺถ วิหรนฺติฯ จีวรการสมโย โน, ภเนฺต, วตฺตตี’’ติฯ

    186. Tena kho pana samayena āyasmā ānando sambahulehi bhikkhūhi saddhiṃ ghaṭāya sakkassa vihāre cīvarakammaṃ karoti. Atha kho bhagavā sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yena ghaṭāya sakkassa vihāro tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘sambahulāni kho, ānanda, kāḷakhemakassa sakkassa vihāre senāsanāni paññattāni. Sambahulā nu kho ettha bhikkhū viharantī’’ti? ‘‘Sambahulāni, bhante, kāḷakhemakassa sakkassa vihāre senāsanāni paññattāni. Sambahulā bhikkhū ettha viharanti. Cīvarakārasamayo no, bhante, vattatī’’ti.

    ‘‘น โข, อานนฺท, ภิกฺขุ โสภติ สงฺคณิการาโม สงฺคณิกรโต สงฺคณิการามตํ อนุยุโตฺต คณาราโม คณรโต คณสมฺมุทิโตฯ โส วตานนฺท, ภิกฺขุ สงฺคณิการาโม สงฺคณิกรโต สงฺคณิการามตํ อนุยุโตฺต คณาราโม คณรโต คณสมฺมุทิโต ยํ ตํ เนกฺขมฺมสุขํ ปวิเวกสุขํ อุปสมสุขํ สโมฺพธิสุขํ 1 ตสฺส สุขสฺส นิกามลาภี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ โย จ โข โส, อานนฺท, ภิกฺขุ เอโก คณสฺมา วูปกโฎฺฐ วิหรติ ตเสฺสตํ ภิกฺขุโน ปาฎิกงฺขํ ยํ ตํ เนกฺขมฺมสุขํ ปวิเวกสุขํ อุปสมสุขํ สโมฺพธิสุขํ ตสฺส สุขสฺส นิกามลาภี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ

    ‘‘Na kho, ānanda, bhikkhu sobhati saṅgaṇikārāmo saṅgaṇikarato saṅgaṇikārāmataṃ anuyutto gaṇārāmo gaṇarato gaṇasammudito. So vatānanda, bhikkhu saṅgaṇikārāmo saṅgaṇikarato saṅgaṇikārāmataṃ anuyutto gaṇārāmo gaṇarato gaṇasammudito yaṃ taṃ nekkhammasukhaṃ pavivekasukhaṃ upasamasukhaṃ sambodhisukhaṃ 2 tassa sukhassa nikāmalābhī bhavissati akicchalābhī akasiralābhīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Yo ca kho so, ānanda, bhikkhu eko gaṇasmā vūpakaṭṭho viharati tassetaṃ bhikkhuno pāṭikaṅkhaṃ yaṃ taṃ nekkhammasukhaṃ pavivekasukhaṃ upasamasukhaṃ sambodhisukhaṃ tassa sukhassa nikāmalābhī bhavissati akicchalābhī akasiralābhīti – ṭhānametaṃ vijjati.

    ‘‘โส วตานนฺท, ภิกฺขุ สงฺคณิการาโม สงฺคณิกรโต สงฺคณิการามตํ อนุยุโตฺต คณาราโม คณรโต คณสมฺมุทิโต สามายิกํ วา กนฺตํ เจโตวิมุตฺติํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ อสามายิกํ วา อกุปฺปนฺติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ โย จ โข โส, อานนฺท, ภิกฺขุ เอโก คณสฺมา วูปกโฎฺฐ วิหรติ ตเสฺสตํ ภิกฺขุโน ปาฎิกงฺขํ สามายิกํ วา กนฺตํ เจโตวิมุตฺติํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ อสามายิกํ วา อกุปฺปนฺติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ

    ‘‘So vatānanda, bhikkhu saṅgaṇikārāmo saṅgaṇikarato saṅgaṇikārāmataṃ anuyutto gaṇārāmo gaṇarato gaṇasammudito sāmāyikaṃ vā kantaṃ cetovimuttiṃ upasampajja viharissati asāmāyikaṃ vā akuppanti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Yo ca kho so, ānanda, bhikkhu eko gaṇasmā vūpakaṭṭho viharati tassetaṃ bhikkhuno pāṭikaṅkhaṃ sāmāyikaṃ vā kantaṃ cetovimuttiṃ upasampajja viharissati asāmāyikaṃ vā akuppanti – ṭhānametaṃ vijjati.

    ‘‘นาหํ, อานนฺท, เอกํ รูปมฺปิ 3 สมนุปสฺสามิ ยตฺถ รตฺตสฺส ยถาภิรตสฺส รูปสฺส วิปริณามญฺญถาภาวา น อุปฺปเชฺชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสูปายาสาฯ

    ‘‘Nāhaṃ, ānanda, ekaṃ rūpampi 4 samanupassāmi yattha rattassa yathābhiratassa rūpassa vipariṇāmaññathābhāvā na uppajjeyyuṃ sokaparidevadukkhadomanassūpāyāsā.

    ๑๘๗. ‘‘อยํ โข ปนานนฺท, วิหาโร ตถาคเตน อภิสมฺพุโทฺธ ยทิทํ – สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อชฺฌตฺตํ สุญฺญตํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ 5ฯ ตตฺร เจ, อานนฺท, ตถาคตํ อิมินา วิหาเรน วิหรนฺตํ ภวนฺติ 6 อุปสงฺกมิตาโร ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย ราชาโน ราชมหามตฺตา ติตฺถิยา ติตฺถิยสาวกาฯ ตตฺรานนฺท, ตถาคโต วิเวกนิเนฺนเนว จิเตฺตน วิเวกโปเณน วิเวกปพฺภาเรน วูปกเฎฺฐน เนกฺขมฺมาภิรเตน พฺยนฺตีภูเตน สพฺพโส อาสวฎฺฐานีเยหิ ธเมฺมหิ อญฺญทตฺถุ อุโยฺยชนิกปฎิสํยุตฺตํเยว กถํ กตฺตา โหติฯ ตสฺมาติหานนฺท, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘อชฺฌตฺตํ สุญฺญตํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, เตนานนฺท, ภิกฺขุนา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺฐเปตพฺพํ สนฺนิสาเทตพฺพํ เอโกทิ กาตพฺพํ สมาทหาตพฺพํฯ

    187. ‘‘Ayaṃ kho panānanda, vihāro tathāgatena abhisambuddho yadidaṃ – sabbanimittānaṃ amanasikārā ajjhattaṃ suññataṃ upasampajja viharituṃ 7. Tatra ce, ānanda, tathāgataṃ iminā vihārena viharantaṃ bhavanti 8 upasaṅkamitāro bhikkhū bhikkhuniyo upāsakā upāsikāyo rājāno rājamahāmattā titthiyā titthiyasāvakā. Tatrānanda, tathāgato vivekaninneneva cittena vivekapoṇena vivekapabbhārena vūpakaṭṭhena nekkhammābhiratena byantībhūtena sabbaso āsavaṭṭhānīyehi dhammehi aññadatthu uyyojanikapaṭisaṃyuttaṃyeva kathaṃ kattā hoti. Tasmātihānanda, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘ajjhattaṃ suññataṃ upasampajja vihareyya’nti, tenānanda, bhikkhunā ajjhattameva cittaṃ saṇṭhapetabbaṃ sannisādetabbaṃ ekodi kātabbaṃ samādahātabbaṃ.

    ๑๘๘. ‘‘กถญฺจานนฺท, ภิกฺขุ อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺฐเปติ สนฺนิสาเทติ เอโกทิํ กโรติ 9 สมาทหติ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… ทุติยํ ฌานํ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ เอวํ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺฐเปติ สนฺนิสาเทติ เอโกทิํ กโรติ สมาทหติฯ โส อชฺฌตฺตํ สุญฺญตํ มนสิ กโรติฯ ตสฺส อชฺฌตฺตํ สุญฺญตํ มนสิกโรโต สุญฺญตาย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฎฺฐติ น วิมุจฺจติ ฯ เอวํ สนฺตเมตํ, อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘อชฺฌตฺตํ สุญฺญตํ โข เม มนสิกโรโต อชฺฌตฺตํ สุญฺญตาย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฎฺฐติ น วิมุจฺจตี’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ โส พหิทฺธา สุญฺญตํ มนสิ กโรติ…เป.… โส อชฺฌตฺตพหิทฺธา สุญฺญตํ มนสิ กโรติ …เป.… โส อาเนญฺชํ มนสิ กโรติฯ ตสฺส อาเนญฺชํ มนสิกโรโต อาเนญฺชาย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฎฺฐติ น วิมุจฺจติฯ เอวํ สนฺตเมตํ, อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘อาเนญฺชํ โข เม มนสิกโรโต อาเนญฺชาย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฎฺฐติ น วิมุจฺจตี’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ

    188. ‘‘Kathañcānanda, bhikkhu ajjhattameva cittaṃ saṇṭhapeti sannisādeti ekodiṃ karoti 10 samādahati? Idhānanda, bhikkhu vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati…pe… dutiyaṃ jhānaṃ… tatiyaṃ jhānaṃ… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Evaṃ kho, ānanda, bhikkhu ajjhattameva cittaṃ saṇṭhapeti sannisādeti ekodiṃ karoti samādahati. So ajjhattaṃ suññataṃ manasi karoti. Tassa ajjhattaṃ suññataṃ manasikaroto suññatāya cittaṃ na pakkhandati nappasīdati na santiṭṭhati na vimuccati . Evaṃ santametaṃ, ānanda, bhikkhu evaṃ pajānāti – ‘ajjhattaṃ suññataṃ kho me manasikaroto ajjhattaṃ suññatāya cittaṃ na pakkhandati nappasīdati na santiṭṭhati na vimuccatī’ti. Itiha tattha sampajāno hoti. So bahiddhā suññataṃ manasi karoti…pe… so ajjhattabahiddhā suññataṃ manasi karoti …pe… so āneñjaṃ manasi karoti. Tassa āneñjaṃ manasikaroto āneñjāya cittaṃ na pakkhandati nappasīdati na santiṭṭhati na vimuccati. Evaṃ santametaṃ, ānanda, bhikkhu evaṃ pajānāti – ‘āneñjaṃ kho me manasikaroto āneñjāya cittaṃ na pakkhandati nappasīdati na santiṭṭhati na vimuccatī’ti. Itiha tattha sampajāno hoti.

    ‘‘เตนานนฺท, ภิกฺขุนา ตสฺมิํเยว ปุริมสฺมิํ สมาธินิมิเตฺต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺฐเปตพฺพํ สนฺนิสาเทตพฺพํ เอโกทิ กาตพฺพํ สมาทหาตพฺพํฯ โส อชฺฌตฺตํ สุญฺญตํ มนสิ กโรติฯ ตสฺส อชฺฌตฺตํ สุญฺญตํ มนสิกโรโต อชฺฌตฺตํ สุญฺญตาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฎฺฐติ วิมุจฺจติฯ เอวํ สนฺตเมตํ, อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘อชฺฌตฺตํ สุญฺญตํ โข เม มนสิกโรโต อชฺฌตฺตํ สุญฺญตาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฎฺฐติ วิมุจฺจตี’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ โส พหิทฺธา สุญฺญตํ มนสิ กโรติ…เป.… โส อชฺฌตฺตพหิทฺธา สุญฺญตํ มนสิ กโรติ…เป.… โส อาเนญฺชํ มนสิ กโรติฯ ตสฺส อาเนญฺชํ มนสิกโรโต อาเนญฺชาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฎฺฐติ วิมุจฺจติฯ เอวํ สนฺตเมตํ, อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘อาเนญฺชํ โข เม มนสิกโรโต อาเนญฺชาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฎฺฐติ วิมุจฺจตี’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ

    ‘‘Tenānanda, bhikkhunā tasmiṃyeva purimasmiṃ samādhinimitte ajjhattameva cittaṃ saṇṭhapetabbaṃ sannisādetabbaṃ ekodi kātabbaṃ samādahātabbaṃ. So ajjhattaṃ suññataṃ manasi karoti. Tassa ajjhattaṃ suññataṃ manasikaroto ajjhattaṃ suññatāya cittaṃ pakkhandati pasīdati santiṭṭhati vimuccati. Evaṃ santametaṃ, ānanda, bhikkhu evaṃ pajānāti – ‘ajjhattaṃ suññataṃ kho me manasikaroto ajjhattaṃ suññatāya cittaṃ pakkhandati pasīdati santiṭṭhati vimuccatī’ti. Itiha tattha sampajāno hoti. So bahiddhā suññataṃ manasi karoti…pe… so ajjhattabahiddhā suññataṃ manasi karoti…pe… so āneñjaṃ manasi karoti. Tassa āneñjaṃ manasikaroto āneñjāya cittaṃ pakkhandati pasīdati santiṭṭhati vimuccati. Evaṃ santametaṃ, ānanda, bhikkhu evaṃ pajānāti – ‘āneñjaṃ kho me manasikaroto āneñjāya cittaṃ pakkhandati pasīdati santiṭṭhati vimuccatī’ti. Itiha tattha sampajāno hoti.

    ๑๘๙. ‘‘ตสฺส เจ, อานนฺท, ภิกฺขุโน อิมินา วิหาเรน วิหรโต จงฺกมาย จิตฺตํ นมติ, โส จงฺกมติ – ‘เอวํ มํ จงฺกมนฺตํ นาภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสวิสฺสนฺตี’ติ ฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ ตสฺส เจ, อานนฺท, ภิกฺขุโน อิมินา วิหาเรน วิหรโต ฐานาย จิตฺตํ นมติ, โส ติฎฺฐติ – ‘เอวํ มํ ฐิตํ นาภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสวิสฺสนฺตี’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ ตสฺส เจ, อานนฺท, ภิกฺขุโน อิมินา วิหาเรน วิหรโต นิสชฺชาย จิตฺตํ นมติ, โส นิสีทติ – ‘เอวํ มํ นิสินฺนํ นาภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสวิสฺสนฺตี’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ ตสฺส เจ, อานนฺท, ภิกฺขุโน อิมินา วิหาเรน วิหรโต สยนาย จิตฺตํ นมติ , โส สยติ – ‘เอวํ มํ สยนฺตํ นาภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสวิสฺสนฺตี’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ

    189. ‘‘Tassa ce, ānanda, bhikkhuno iminā vihārena viharato caṅkamāya cittaṃ namati, so caṅkamati – ‘evaṃ maṃ caṅkamantaṃ nābhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā anvāssavissantī’ti . Itiha tattha sampajāno hoti. Tassa ce, ānanda, bhikkhuno iminā vihārena viharato ṭhānāya cittaṃ namati, so tiṭṭhati – ‘evaṃ maṃ ṭhitaṃ nābhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā anvāssavissantī’ti. Itiha tattha sampajāno hoti. Tassa ce, ānanda, bhikkhuno iminā vihārena viharato nisajjāya cittaṃ namati, so nisīdati – ‘evaṃ maṃ nisinnaṃ nābhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā anvāssavissantī’ti. Itiha tattha sampajāno hoti. Tassa ce, ānanda, bhikkhuno iminā vihārena viharato sayanāya cittaṃ namati , so sayati – ‘evaṃ maṃ sayantaṃ nābhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā anvāssavissantī’ti. Itiha tattha sampajāno hoti.

    ‘‘ตสฺส เจ, อานนฺท, ภิกฺขุโน อิมินา วิหาเรน วิหรโต กถาย 11 จิตฺตํ นมติ, โส – ‘ยายํ กถา หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสํหิตา น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, เสยฺยถิทํ – ราชกถา โจรกถา มหามตฺตกถา เสนากถา ภยกถา ยุทฺธกถา อนฺนกถา ปานกถา วตฺถกถา สยนกถา มาลากถา คนฺธกถา ญาติกถา ยานกถา คามกถา นิคมกถา นครกถา ชนปทกถา อิตฺถิกถา สุรากถา วิสิขากถา กุมฺภฎฺฐานกถา ปุพฺพเปตกถา นานตฺตกถา โลกกฺขายิกา สมุทฺทกฺขายิกา อิติภวาภวกถา อิติ วา อิติ – เอวรูปิํ กถํ น กเถสฺสามี’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ ยา จ โข อยํ, อานนฺท, กถา อภิสเลฺลขิกา เจโตวินีวรณสปฺปายา 12 เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ, เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา สนฺตุฎฺฐิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปญฺญากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติญาณทสฺสนกถา อิติ – ‘เอวรูปิํ กถํ กเถสฺสามี’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ

    ‘‘Tassa ce, ānanda, bhikkhuno iminā vihārena viharato kathāya 13 cittaṃ namati, so – ‘yāyaṃ kathā hīnā gammā pothujjanikā anariyā anatthasaṃhitā na nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattati, seyyathidaṃ – rājakathā corakathā mahāmattakathā senākathā bhayakathā yuddhakathā annakathā pānakathā vatthakathā sayanakathā mālākathā gandhakathā ñātikathā yānakathā gāmakathā nigamakathā nagarakathā janapadakathā itthikathā surākathā visikhākathā kumbhaṭṭhānakathā pubbapetakathā nānattakathā lokakkhāyikā samuddakkhāyikā itibhavābhavakathā iti vā iti – evarūpiṃ kathaṃ na kathessāmī’ti. Itiha tattha sampajāno hoti. Yā ca kho ayaṃ, ānanda, kathā abhisallekhikā cetovinīvaraṇasappāyā 14 ekantanibbidāya virāgāya nirodhāya upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati, seyyathidaṃ – appicchakathā santuṭṭhikathā pavivekakathā asaṃsaggakathā vīriyārambhakathā sīlakathā samādhikathā paññākathā vimuttikathā vimuttiñāṇadassanakathā iti – ‘evarūpiṃ kathaṃ kathessāmī’ti. Itiha tattha sampajāno hoti.

    ‘‘ตสฺส เจ, อานนฺท, ภิกฺขุโน อิมินา วิหาเรน วิหรโต วิตกฺกาย จิตฺตํ นมติ, โส – ‘เย เต วิตกฺกา หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสํหิตา น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตนฺติ, เสยฺยถิทํ – กามวิตโกฺก พฺยาปาทวิตโกฺก วิหิํสาวิตโกฺก อิติ เอวรูเป วิตเกฺก 15 น วิตเกฺกสฺสามี’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ เย จ โข อิเม, อานนฺท, วิตกฺกา อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยนฺติ ตกฺกรสฺส สมฺมาทุกฺขกฺขยาย, เสยฺยถิทํ – เนกฺขมฺมวิตโกฺก อพฺยาปาทวิตโกฺก อวิหิํสาวิตโกฺก อิติ – ‘เอวรูเป วิตเกฺก 16 วิตเกฺกสฺสามี’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ

    ‘‘Tassa ce, ānanda, bhikkhuno iminā vihārena viharato vitakkāya cittaṃ namati, so – ‘ye te vitakkā hīnā gammā pothujjanikā anariyā anatthasaṃhitā na nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattanti, seyyathidaṃ – kāmavitakko byāpādavitakko vihiṃsāvitakko iti evarūpe vitakke 17 na vitakkessāmī’ti. Itiha tattha sampajāno hoti. Ye ca kho ime, ānanda, vitakkā ariyā niyyānikā niyyanti takkarassa sammādukkhakkhayāya, seyyathidaṃ – nekkhammavitakko abyāpādavitakko avihiṃsāvitakko iti – ‘evarūpe vitakke 18 vitakkessāmī’ti. Itiha tattha sampajāno hoti.

    ๑๙๐. ‘‘ปญฺจ โข อิเม, อานนฺท, กามคุณาฯ กตเม ปญฺจ? จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา… ฆานวิเญฺญยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยา รสา… กายวิเญฺญยฺยา โผฎฺฐพฺพา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม โข, อานนฺท, ปญฺจ กามคุณา ยตฺถ ภิกฺขุนา อภิกฺขณํ สกํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘อตฺถิ นุ โข เม อิเมสุ ปญฺจสุ กามคุเณสุ อญฺญตรสฺมิํ วา อญฺญตรสฺมิํ วา อายตเน อุปฺปชฺชติ เจตโส สมุทาจาโร’ติ? สเจ, อานนฺท, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ปชานาติ – ‘อตฺถิ โข เม อิเมสุ ปญฺจสุ กามคุเณสุ อญฺญตรสฺมิํ วา อญฺญตรสฺมิํ วา อายตเน อุปฺปชฺชติ เจตโส สมุทาจาโร’ติ, เอวํ สนฺตเมตํ 19, อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘โย โข อิเมสุ ปญฺจสุ กามคุเณสุ ฉนฺทราโค โส เม นปฺปหีโน’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ สเจ ปนานนฺท, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ปชานาติ – ‘นตฺถิ โข เม อิเมสุ ปญฺจสุ กามคุเณสุ อญฺญตรสฺมิํ วา อญฺญตรสฺมิํ วา อายตเน อุปฺปชฺชติ เจตโส สมุทาจาโร’ติ, เอวํ สนฺตเมตํ, อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘โย โข อิเมสุ ปญฺจสุ กามคุเณสุ ฉนฺทราโค โส เม ปหีโน’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ

    190. ‘‘Pañca kho ime, ānanda, kāmaguṇā. Katame pañca? Cakkhuviññeyyā rūpā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā, sotaviññeyyā saddā… ghānaviññeyyā gandhā… jivhāviññeyyā rasā… kāyaviññeyyā phoṭṭhabbā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā – ime kho, ānanda, pañca kāmaguṇā yattha bhikkhunā abhikkhaṇaṃ sakaṃ cittaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘atthi nu kho me imesu pañcasu kāmaguṇesu aññatarasmiṃ vā aññatarasmiṃ vā āyatane uppajjati cetaso samudācāro’ti? Sace, ānanda, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ pajānāti – ‘atthi kho me imesu pañcasu kāmaguṇesu aññatarasmiṃ vā aññatarasmiṃ vā āyatane uppajjati cetaso samudācāro’ti, evaṃ santametaṃ 20, ānanda, bhikkhu evaṃ pajānāti – ‘yo kho imesu pañcasu kāmaguṇesu chandarāgo so me nappahīno’ti. Itiha tattha sampajāno hoti. Sace panānanda, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ pajānāti – ‘natthi kho me imesu pañcasu kāmaguṇesu aññatarasmiṃ vā aññatarasmiṃ vā āyatane uppajjati cetaso samudācāro’ti, evaṃ santametaṃ, ānanda, bhikkhu evaṃ pajānāti – ‘yo kho imesu pañcasu kāmaguṇesu chandarāgo so me pahīno’ti. Itiha tattha sampajāno hoti.

    ๑๙๑. ‘‘ปญฺจ โข อิเม, อานนฺท, อุปาทานกฺขนฺธา ยตฺถ ภิกฺขุนา อุทยพฺพยานุปสฺสินา วิหาตพฺพํ – ‘อิติ รูปํ อิติ รูปสฺส สมุทโย อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม, อิติ เวทนา… อิติ สญฺญา… อิติ สงฺขารา… อิติ วิญฺญาณํ อิติ วิญฺญาณสฺส สมุทโย อิติ วิญฺญาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติฯ ตสฺส อิเมสุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสิโน วิหรโต โย ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อสฺมิมาโน โส ปหียติฯ เอวํ สนฺตเมตํ, อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘โย โข อิเมสุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อสฺมิมาโน โส เม ปหีโน’ติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ อิเม โข เต, อานนฺท, ธมฺมา เอกนฺตกุสลา กุสลายาติกา 21 อริยา โลกุตฺตรา อนวกฺกนฺตา ปาปิมตาฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, อานนฺท, กํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน อรหติ สาวโก สตฺถารํ อนุพนฺธิตุํ อปิ ปณุชฺชมาโน’’ติ 22? ‘‘ภควํมูลกา โน, ภเนฺต, ธมฺมา ภควํเนตฺติกา ภควํปฎิสรณา ฯ สาธุ วต, ภเนฺต, ภควนฺตํเยว ปฎิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถฯ ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติฯ

    191. ‘‘Pañca kho ime, ānanda, upādānakkhandhā yattha bhikkhunā udayabbayānupassinā vihātabbaṃ – ‘iti rūpaṃ iti rūpassa samudayo iti rūpassa atthaṅgamo, iti vedanā… iti saññā… iti saṅkhārā… iti viññāṇaṃ iti viññāṇassa samudayo iti viññāṇassa atthaṅgamo’ti. Tassa imesu pañcasu upādānakkhandhesu udayabbayānupassino viharato yo pañcasu upādānakkhandhesu asmimāno so pahīyati. Evaṃ santametaṃ, ānanda, bhikkhu evaṃ pajānāti – ‘yo kho imesu pañcasu upādānakkhandhesu asmimāno so me pahīno’ti. Itiha tattha sampajāno hoti. Ime kho te, ānanda, dhammā ekantakusalā kusalāyātikā 23 ariyā lokuttarā anavakkantā pāpimatā. Taṃ kiṃ maññasi, ānanda, kaṃ atthavasaṃ sampassamāno arahati sāvako satthāraṃ anubandhituṃ api paṇujjamāno’’ti 24? ‘‘Bhagavaṃmūlakā no, bhante, dhammā bhagavaṃnettikā bhagavaṃpaṭisaraṇā . Sādhu vata, bhante, bhagavantaṃyeva paṭibhātu etassa bhāsitassa attho. Bhagavato sutvā bhikkhū dhāressantī’’ti.

    ๑๙๒. ‘‘น โข, อานนฺท, อรหติ สาวโก สตฺถารํ อนุพนฺธิตุํ, ยทิทํ สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ ตสฺส เหตุ 25ฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ทีฆรตฺตสฺส 26 หิ เต, อานนฺท, ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ ยา จ โข อยํ, อานนฺท, กถา อภิสเลฺลขิกา เจโตวินีวรณสปฺปายา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมา อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ, เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา สนฺตุฎฺฐิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปญฺญากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติญาณทสฺสนกถา – เอวรูปิยา โข, อานนฺท, กถาย เหตุ อรหติ สาวโก สตฺถารํ อนุพนฺธิตุํ อปิ ปณุชฺชมาโนฯ

    192. ‘‘Na kho, ānanda, arahati sāvako satthāraṃ anubandhituṃ, yadidaṃ suttaṃ geyyaṃ veyyākaraṇaṃ tassa hetu 27. Taṃ kissa hetu? Dīgharattassa 28 hi te, ānanda, dhammā sutā dhātā vacasā paricitā manasānupekkhitā diṭṭhiyā suppaṭividdhā. Yā ca kho ayaṃ, ānanda, kathā abhisallekhikā cetovinīvaraṇasappāyā ekantanibbidāya virāgāya nirodhāya upasamā abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati, seyyathidaṃ – appicchakathā santuṭṭhikathā pavivekakathā asaṃsaggakathā vīriyārambhakathā sīlakathā samādhikathā paññākathā vimuttikathā vimuttiñāṇadassanakathā – evarūpiyā kho, ānanda, kathāya hetu arahati sāvako satthāraṃ anubandhituṃ api paṇujjamāno.

    ‘‘เอวํ สเนฺต โข, อานนฺท, อาจริยูปทฺทโว โหติ, เอวํ สเนฺต อเนฺตวาสูปทฺทโว โหติ, เอวํ สเนฺต พฺรหฺมจารูปทฺทโว โหติฯ

    ‘‘Evaṃ sante kho, ānanda, ācariyūpaddavo hoti, evaṃ sante antevāsūpaddavo hoti, evaṃ sante brahmacārūpaddavo hoti.

    ๑๙๓. ‘‘กถญฺจานนฺท, อาจริยูปทฺทโว โหติ? อิธานนฺท, เอกโจฺจ สตฺถา วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรญฺญํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อโพฺภกาสํ ปลาลปุญฺชํฯ ตสฺส ตถาวูปกฎฺฐสฺส วิหรโต อนฺวาวตฺตนฺติ 29 พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จฯ โส อนฺวาวตฺตเนฺตสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ มุจฺฉํ นิกามยติ 30, เคธํ อาปชฺชติ, อาวตฺตติ พาหุลฺลายฯ อยํ วุจฺจตานนฺท, อุปทฺทโว 31 อาจริโยฯ อาจริยูปทฺทเวน อวธิํสุ นํ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา 32 สทรา ทุกฺขวิปากา อายติํ ชาติชรามรณิยาฯ เอวํ โข, อานนฺท, อาจริยูปทฺทโว โหติฯ

    193. ‘‘Kathañcānanda, ācariyūpaddavo hoti? Idhānanda, ekacco satthā vivittaṃ senāsanaṃ bhajati araññaṃ rukkhamūlaṃ pabbataṃ kandaraṃ giriguhaṃ susānaṃ vanapatthaṃ abbhokāsaṃ palālapuñjaṃ. Tassa tathāvūpakaṭṭhassa viharato anvāvattanti 33 brāhmaṇagahapatikā negamā ceva jānapadā ca. So anvāvattantesu brāhmaṇagahapatikesu negamesu ceva jānapadesu ca mucchaṃ nikāmayati 34, gedhaṃ āpajjati, āvattati bāhullāya. Ayaṃ vuccatānanda, upaddavo 35 ācariyo. Ācariyūpaddavena avadhiṃsu naṃ pāpakā akusalā dhammā saṃkilesikā ponobbhavikā 36 sadarā dukkhavipākā āyatiṃ jātijarāmaraṇiyā. Evaṃ kho, ānanda, ācariyūpaddavo hoti.

    ๑๙๔. ‘‘กถญฺจานนฺท, อเนฺตวาสูปทฺทโว โหติ? ตเสฺสว โข ปนานนฺท, สตฺถุ สาวโก ตสฺส สตฺถุ วิเวกมนุพฺรูหยมาโน วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรญฺญํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อโพฺภกาสํ ปลาลปุญฺชํฯ ตสฺส ตถาวูปกฎฺฐสฺส วิหรโต อนฺวาวตฺตนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จฯ โส อนฺวาวตฺตเนฺตสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ มุจฺฉํ นิกามยติ, เคธํ อาปชฺชติ, อาวตฺตติ พาหุลฺลายฯ อยํ วุจฺจตานนฺท, อุปทฺทโว อเนฺตวาสีฯ อเนฺตวาสูปทฺทเวน อวธิํสุ นํ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายติํ ชาติชรามรณิยาฯ เอวํ โข, อานนฺท, อเนฺตวาสูปทฺทโว โหติฯ

    194. ‘‘Kathañcānanda, antevāsūpaddavo hoti? Tasseva kho panānanda, satthu sāvako tassa satthu vivekamanubrūhayamāno vivittaṃ senāsanaṃ bhajati araññaṃ rukkhamūlaṃ pabbataṃ kandaraṃ giriguhaṃ susānaṃ vanapatthaṃ abbhokāsaṃ palālapuñjaṃ. Tassa tathāvūpakaṭṭhassa viharato anvāvattanti brāhmaṇagahapatikā negamā ceva jānapadā ca. So anvāvattantesu brāhmaṇagahapatikesu negamesu ceva jānapadesu ca mucchaṃ nikāmayati, gedhaṃ āpajjati, āvattati bāhullāya. Ayaṃ vuccatānanda, upaddavo antevāsī. Antevāsūpaddavena avadhiṃsu naṃ pāpakā akusalā dhammā saṃkilesikā ponobbhavikā sadarā dukkhavipākā āyatiṃ jātijarāmaraṇiyā. Evaṃ kho, ānanda, antevāsūpaddavo hoti.

    ๑๙๕. ‘‘กถญฺจานนฺท, พฺรหฺมจารูปทฺทโว โหติ? อิธานนฺท, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควาฯ โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรญฺญํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อโพฺภกาสํ ปลาลปุญฺชํฯ ตสฺส ตถาวูปกฎฺฐสฺส วิหรโต อนฺวาวตฺตนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จฯ โส อนฺวาวตฺตเนฺตสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ น มุจฺฉํ นิกามยติ, น เคธํ อาปชฺชติ, น อาวตฺตติ พาหุลฺลายฯ ตเสฺสว โข ปนานนฺท, สตฺถุ สาวโก ตสฺส สตฺถุ วิเวกมนุพฺรูหยมาโน วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรญฺญํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อโพฺภกาสํ ปลาลปุญฺชํฯ ตสฺส ตถาวูปกฎฺฐสฺส วิหรโต อนฺวาวตฺตนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จฯ โส อนฺวาวตฺตเนฺตสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ มุจฺฉํ นิกามยติ, เคธํ อาปชฺชติ, อาวตฺตติ พาหุลฺลายฯ อยํ วุจฺจตานนฺท, อุปทฺทโว พฺรหฺมจารีฯ พฺรหฺมจารูปทฺทเวน อวธิํสุ นํ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายติํ ชาติชรามรณิยาฯ เอวํ โข, อานนฺท, พฺรหฺมจารูปทฺทโว โหติฯ

    195. ‘‘Kathañcānanda, brahmacārūpaddavo hoti? Idhānanda, tathāgato loke uppajjati arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā. So vivittaṃ senāsanaṃ bhajati araññaṃ rukkhamūlaṃ pabbataṃ kandaraṃ giriguhaṃ susānaṃ vanapatthaṃ abbhokāsaṃ palālapuñjaṃ. Tassa tathāvūpakaṭṭhassa viharato anvāvattanti brāhmaṇagahapatikā negamā ceva jānapadā ca. So anvāvattantesu brāhmaṇagahapatikesu negamesu ceva jānapadesu ca na mucchaṃ nikāmayati, na gedhaṃ āpajjati, na āvattati bāhullāya. Tasseva kho panānanda, satthu sāvako tassa satthu vivekamanubrūhayamāno vivittaṃ senāsanaṃ bhajati araññaṃ rukkhamūlaṃ pabbataṃ kandaraṃ giriguhaṃ susānaṃ vanapatthaṃ abbhokāsaṃ palālapuñjaṃ. Tassa tathāvūpakaṭṭhassa viharato anvāvattanti brāhmaṇagahapatikā negamā ceva jānapadā ca. So anvāvattantesu brāhmaṇagahapatikesu negamesu ceva jānapadesu ca mucchaṃ nikāmayati, gedhaṃ āpajjati, āvattati bāhullāya. Ayaṃ vuccatānanda, upaddavo brahmacārī. Brahmacārūpaddavena avadhiṃsu naṃ pāpakā akusalā dhammā saṃkilesikā ponobbhavikā sadarā dukkhavipākā āyatiṃ jātijarāmaraṇiyā. Evaṃ kho, ānanda, brahmacārūpaddavo hoti.

    ‘‘ตตฺรานนฺท, โย เจวายํ อาจริยูปทฺทโว, โย จ อเนฺตวาสูปทฺทโว อยํ เตหิ พฺรหฺมจารูปทฺทโว ทุกฺขวิปากตโร เจว กฎุกวิปากตโร จ, อปิ จ วินิปาตาย สํวตฺตติฯ

    ‘‘Tatrānanda, yo cevāyaṃ ācariyūpaddavo, yo ca antevāsūpaddavo ayaṃ tehi brahmacārūpaddavo dukkhavipākataro ceva kaṭukavipākataro ca, api ca vinipātāya saṃvattati.

    ๑๙๖. ‘‘ตสฺมาติห มํ, อานนฺท, มิตฺตวตาย สมุทาจรถ, มา สปตฺตวตายฯ ตํ โว ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ

    196. ‘‘Tasmātiha maṃ, ānanda, mittavatāya samudācaratha, mā sapattavatāya. Taṃ vo bhavissati dīgharattaṃ hitāya sukhāya.

    ‘‘กถญฺจานนฺท , สตฺถารํ สาวกา สปตฺตวตาย สมุทาจรนฺติ, โน มิตฺตวตาย? อิธานนฺท, สตฺถา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ อนุกมฺปโก หิเตสี อนุกมฺปํ อุปาทาย – ‘อิทํ โว หิตาย, อิทํ โว สุขายา’ติฯ ตสฺส สาวกา น สุสฺสูสนฺติ, น โสตํ โอทหนฺติ, น อญฺญา จิตฺตํ อุปฎฺฐเปนฺติ, โวกฺกมฺม จ สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติฯ เอวํ โข, อานนฺท, สตฺถารํ สาวกา สปตฺตวตาย สมุทาจรนฺติ, โน มิตฺตวตายฯ

    ‘‘Kathañcānanda , satthāraṃ sāvakā sapattavatāya samudācaranti, no mittavatāya? Idhānanda, satthā sāvakānaṃ dhammaṃ deseti anukampako hitesī anukampaṃ upādāya – ‘idaṃ vo hitāya, idaṃ vo sukhāyā’ti. Tassa sāvakā na sussūsanti, na sotaṃ odahanti, na aññā cittaṃ upaṭṭhapenti, vokkamma ca satthusāsanā vattanti. Evaṃ kho, ānanda, satthāraṃ sāvakā sapattavatāya samudācaranti, no mittavatāya.

    ‘‘กถญฺจานนฺท, สตฺถารํ สาวกา มิตฺตวตาย สมุทาจรนฺติ, โน สปตฺตวตาย? อิธานนฺท, สตฺถา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ อนุกมฺปโก หิเตสี อนุกมฺปํ อุปาทาย – ‘อิทํ โว หิตาย, อิทํ โว สุขายา’ติฯ ตสฺส สาวกา สุสฺสูสนฺติ, โสตํ โอทหนฺติ, อญฺญา จิตฺตํ อุปฎฺฐเปนฺติ, น จ โวกฺกม สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติฯ เอวํ โข, อานนฺท, สตฺถารํ สาวกา มิตฺตวตาย สมุทาจรนฺติ, โน สปตฺตวตายฯ

    ‘‘Kathañcānanda, satthāraṃ sāvakā mittavatāya samudācaranti, no sapattavatāya? Idhānanda, satthā sāvakānaṃ dhammaṃ deseti anukampako hitesī anukampaṃ upādāya – ‘idaṃ vo hitāya, idaṃ vo sukhāyā’ti. Tassa sāvakā sussūsanti, sotaṃ odahanti, aññā cittaṃ upaṭṭhapenti, na ca vokkama satthusāsanā vattanti. Evaṃ kho, ānanda, satthāraṃ sāvakā mittavatāya samudācaranti, no sapattavatāya.

    ‘‘ตสฺมาติห มํ, อานนฺท, มิตฺตวตาย สมุทาจรถ, มา สปตฺตวตายฯ ตํ โว ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ น โว อหํ, อานนฺท, ตถา ปรกฺกมิสฺสามิ ยถา กุมฺภกาโร อามเก อามกมเตฺตฯ นิคฺคยฺห นิคฺคยฺหาหํ, อานนฺท, วกฺขามิ; ปวยฺห ปวยฺห, อานนฺท, วกฺขามิ 37ฯ โย สาโร โส ฐสฺสตี’’ติฯ

    ‘‘Tasmātiha maṃ, ānanda, mittavatāya samudācaratha, mā sapattavatāya. Taṃ vo bhavissati dīgharattaṃ hitāya sukhāya. Na vo ahaṃ, ānanda, tathā parakkamissāmi yathā kumbhakāro āmake āmakamatte. Niggayha niggayhāhaṃ, ānanda, vakkhāmi; pavayha pavayha, ānanda, vakkhāmi 38. Yo sāro so ṭhassatī’’ti.

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ

    Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā ānando bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.

    มหาสุญฺญตสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ

    Mahāsuññatasuttaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.







    Footnotes:
    1. สโมฺพธสุขํ (สี. ปี.), สโมฺพธสุขํ จิเตฺตกคฺคตาสุขํ (ก.) อุปริ อรณวิภงฺคสุเตฺต ปน สโมฺพธิสุขเนฺตฺวว ทิสฺสติ
    2. sambodhasukhaṃ (sī. pī.), sambodhasukhaṃ cittekaggatāsukhaṃ (ka.) upari araṇavibhaṅgasutte pana sambodhisukhantveva dissati
    3. เอกรูปมฺปิ (สี.)
    4. ekarūpampi (sī.)
    5. วิหรตํ (ก. สี.), วิหรติ (สฺยา. กํ. ก.)
    6. ภควนฺตํ (สี. สฺยา. กํ. ก.)
    7. viharataṃ (ka. sī.), viharati (syā. kaṃ. ka.)
    8. bhagavantaṃ (sī. syā. kaṃ. ka.)
    9. เอโกทิกโรติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    10. ekodikaroti (sī. syā. kaṃ. pī.)
    11. ภสฺสาย (สี.), ภาสาย (สฺยา. กํ. ปี.)
    12. เจโตวิจารณสปฺปายา (สี. สฺยา. กํ.), เจโตวิวรณสปฺปายา (ปี.)
    13. bhassāya (sī.), bhāsāya (syā. kaṃ. pī.)
    14. cetovicāraṇasappāyā (sī. syā. kaṃ.), cetovivaraṇasappāyā (pī.)
    15. เอวรูเปน วิตเกฺกน (สี. สฺยา. กํ. ก.)
    16. เอวรูเปน วิตเกฺกน (ก.)
    17. evarūpena vitakkena (sī. syā. kaṃ. ka.)
    18. evarūpena vitakkena (ka.)
    19. เอวํ สนฺตํ (อฎฺฐ.)
    20. evaṃ santaṃ (aṭṭha.)
    21. ธมฺมา เอกนฺตกุสลายติกา (สพฺพตฺถ) อฎฺฐกถาฎีกา โอโลเกตพฺพา
    22. อปิ ปนุชฺชมาโนปีติ (ก. สี.), อปิ ปยุชฺชมาโนติ (สฺยา. กํ. ปี.)
    23. dhammā ekantakusalāyatikā (sabbattha) aṭṭhakathāṭīkā oloketabbā
    24. api panujjamānopīti (ka. sī.), api payujjamānoti (syā. kaṃ. pī.)
    25. เวยฺยากรณสฺส เหตุ (ก.)
    26. ทีฆรตฺตํ + อสฺสาติ ปทเจฺฉโท
    27. veyyākaraṇassa hetu (ka.)
    28. dīgharattaṃ + assāti padacchedo
    29. อนฺวาวฎฺฎนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    30. มุจฺฉติ กามยติ (สี. ปี.) อฎฺฐกถายํ ปน น ตถา ทิสฺสติ
    31. อุปทฺทุโต (สี. ปี.)
    32. โปโนภวิกา (สี. ปี.)
    33. anvāvaṭṭanti (sī. syā. kaṃ. pī.)
    34. mucchati kāmayati (sī. pī.) aṭṭhakathāyaṃ pana na tathā dissati
    35. upadduto (sī. pī.)
    36. ponobhavikā (sī. pī.)
    37. ปวยฺห ปวยฺห (สี. ปี.), ปคฺคยฺห ปคฺคยฺห อานนฺท วกฺขามิ (ก.)
    38. pavayha pavayha (sī. pī.), paggayha paggayha ānanda vakkhāmi (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. มหาสุญฺญตสุตฺตวณฺณนา • 2. Mahāsuññatasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๒. มหาสุญฺญตสุตฺตวณฺณนา • 2. Mahāsuññatasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact