Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๗๗] ๗. มหาสุปินชาตกวณฺณนา

    [77] 7. Mahāsupinajātakavaṇṇanā

    ลาพูนิ สีทนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต โสฬส มหาสุปิเน อารพฺภ กเถสิฯ เอกทิวสํ กิร โกสลมหาราชา รตฺติํ นิทฺทูปคโต ปจฺฉิมยาเม โสฬส มหาสุปิเน ทิสฺวา ภีตตสิโต ปพุชฺฌิตฺวา ‘‘อิเมสํ สุปินานํ ทิฎฺฐตฺตา กิํ นุ โข เม ภวิสฺสตี’’ติ มรณภยตชฺชิโต สยนปิเฎฺฐ นิสินฺนโกว รตฺติํ วีตินาเมสิฯ

    Lābūnisīdantīti idaṃ satthā jetavane viharanto soḷasa mahāsupine ārabbha kathesi. Ekadivasaṃ kira kosalamahārājā rattiṃ niddūpagato pacchimayāme soḷasa mahāsupine disvā bhītatasito pabujjhitvā ‘‘imesaṃ supinānaṃ diṭṭhattā kiṃ nu kho me bhavissatī’’ti maraṇabhayatajjito sayanapiṭṭhe nisinnakova rattiṃ vītināmesi.

    อถ นํ ปภาตาย รตฺติยา พฺราหฺมณปุโรหิตา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สุขํ สยิตฺถ, มหาราชา’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ ‘‘กุโต เม อาจริยา สุขํ, อชฺชาหํ ปจฺจูสสมเย โสฬส มหาสุปิเน ปสฺสิํ, โสมฺหิ เตสํ ทิฎฺฐกาลโต ปฎฺฐาย ภยปฺปโตฺต’’ติฯ ‘‘วเทถ, มหาราช, สุตฺวา ชานิสฺสามา’’ติ วุตฺตํ พฺราหฺมณานํ ทิฎฺฐสุปิเน กเถตฺวา ‘‘กิํ นุ โข เม อิเมสํ ทิฎฺฐการณา ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิฯ พฺราหฺมณา หเตฺถ วิธุนิํสุฯ ‘‘กสฺมา หเตฺถ วิธุนถา’’ติ จ วุเตฺต ‘‘กกฺขฬา, มหาราช, สุปินา’’ติฯ ‘‘กา เตสํ นิปฺผตฺติ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘รชฺชนฺตราโย ชีวิตนฺตราโย โภคนฺตราโยติ อิเมสํ ติณฺณํ อนฺตรายานํ อญฺญตโร’’ติฯ ‘‘สปฺปฎิกมฺมา, อปฺปฎิกมฺมา’’ติ? ‘‘กามํ เอเต สุปินา อติผรุสตฺตา อปฺปฎิกมฺมา, มยํ ปน เต สปฺปฎิกเมฺม กริสฺสาม, เอเต ปฎิกฺกมาเปตุํ อสโกฺกนฺตานํ อมฺหากํ สิกฺขิตภาโว นาม กิํ กริสฺสตี’’ติฯ ‘‘กิํ ปน กตฺวา ปฎิกฺกมาเปสฺสถา’’ติ? ‘‘สพฺพจตุเกฺกน ยญฺญํ ยชิสฺสาม, มหาราชา’’ติฯ ราชา ภีตตสิโต ‘‘เตน หิ อาจริยา มม ชีวิตํ ตุมฺหากํ หเตฺถ โหตุ, ขิปฺปํ เม โสตฺถิํ กโรถา’’ติ อาหฯ พฺราหฺมณา ‘‘พหุํ ธนํ ลภิสฺสาม, พหุํ ขชฺชโภชฺชํ อาหราเปสฺสามา’’ติ หฎฺฐตุฎฺฐา ‘‘มา จินฺตยิตฺถ, มหาราชา’’ติ ราชานํ สมสฺสาเสตฺวา ราชนิเวสนา นิกฺขมิตฺวา พหินคเร ยญฺญาวาฎํ กตฺวา พหู จตุปฺปทคเณ ถูณูปนีเต กตฺวา ปกฺขิคเณ สมาหริตฺวา ‘‘อิทญฺจิทญฺจ ลทฺธุํ วฎฺฎตี’’ติ ปุนปฺปุนํ สญฺจรนฺติฯ

    Atha naṃ pabhātāya rattiyā brāhmaṇapurohitā upasaṅkamitvā ‘‘sukhaṃ sayittha, mahārājā’’ti pucchiṃsu. ‘‘Kuto me ācariyā sukhaṃ, ajjāhaṃ paccūsasamaye soḷasa mahāsupine passiṃ, somhi tesaṃ diṭṭhakālato paṭṭhāya bhayappatto’’ti. ‘‘Vadetha, mahārāja, sutvā jānissāmā’’ti vuttaṃ brāhmaṇānaṃ diṭṭhasupine kathetvā ‘‘kiṃ nu kho me imesaṃ diṭṭhakāraṇā bhavissatī’’ti pucchi. Brāhmaṇā hatthe vidhuniṃsu. ‘‘Kasmā hatthe vidhunathā’’ti ca vutte ‘‘kakkhaḷā, mahārāja, supinā’’ti. ‘‘Kā tesaṃ nipphatti bhavissatī’’ti? ‘‘Rajjantarāyo jīvitantarāyo bhogantarāyoti imesaṃ tiṇṇaṃ antarāyānaṃ aññataro’’ti. ‘‘Sappaṭikammā, appaṭikammā’’ti? ‘‘Kāmaṃ ete supinā atipharusattā appaṭikammā, mayaṃ pana te sappaṭikamme karissāma, ete paṭikkamāpetuṃ asakkontānaṃ amhākaṃ sikkhitabhāvo nāma kiṃ karissatī’’ti. ‘‘Kiṃ pana katvā paṭikkamāpessathā’’ti? ‘‘Sabbacatukkena yaññaṃ yajissāma, mahārājā’’ti. Rājā bhītatasito ‘‘tena hi ācariyā mama jīvitaṃ tumhākaṃ hatthe hotu, khippaṃ me sotthiṃ karothā’’ti āha. Brāhmaṇā ‘‘bahuṃ dhanaṃ labhissāma, bahuṃ khajjabhojjaṃ āharāpessāmā’’ti haṭṭhatuṭṭhā ‘‘mā cintayittha, mahārājā’’ti rājānaṃ samassāsetvā rājanivesanā nikkhamitvā bahinagare yaññāvāṭaṃ katvā bahū catuppadagaṇe thūṇūpanīte katvā pakkhigaṇe samāharitvā ‘‘idañcidañca laddhuṃ vaṭṭatī’’ti punappunaṃ sañcaranti.

    อถ โข มลฺลิกา เทวี ตํ การณํ ญตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘กิํ นุ โข, มหาราช, พฺราหฺมณา ปุนปฺปุนํ สญฺจรนฺตี’’ติ? ‘‘สุขิตา, ตฺวํ ภเทฺท, อมฺหากํ กณฺณมูเล อาสีวิสํ จรนฺตํ น ชานาสี’’ติฯ ‘‘กิํ เอตํ, มหาราชา’’ติ? มยา เอวรูปา ทุสฺสุปินา ทิฎฺฐา, พฺราหฺมณา ‘‘ติณฺณํ อนฺตรายานํ อญฺญตโร ปญฺญายตี’’ติ วตฺวา ‘‘‘เตสํ ปฎิฆาตาย ยญฺญํ ยชิสฺสามา’ติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ สญฺจรนฺตี’’ติฯ ‘‘กิํ ปน เต, มหาราช, สเทวเก โลเก อคฺคพฺราหฺมโณ สุปินปฎิกมฺมํ ปุจฺฉิโต’’ติ? ‘‘กตโร ปเนส, ภเทฺท, สเทวเก โลเก อคฺคพฺราหฺมโณ’’ติฯ ‘‘สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลํ สพฺพญฺญุํ วิสุทฺธํ นิกฺกิเลสํ มหาพฺราหฺมณํ น ชานาสิฯ โส หิ ภควา สุปินนฺตรํ ชาเนยฺย, คจฺฉ ตฺวํ ปุจฺฉ ตํ, มหาราชา’’ติฯ ‘‘สาธุ, เทวี’’ติ ราชา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิฯ

    Atha kho mallikā devī taṃ kāraṇaṃ ñatvā rājānaṃ upasaṅkamitvā pucchi ‘‘kiṃ nu kho, mahārāja, brāhmaṇā punappunaṃ sañcarantī’’ti? ‘‘Sukhitā, tvaṃ bhadde, amhākaṃ kaṇṇamūle āsīvisaṃ carantaṃ na jānāsī’’ti. ‘‘Kiṃ etaṃ, mahārājā’’ti? Mayā evarūpā dussupinā diṭṭhā, brāhmaṇā ‘‘tiṇṇaṃ antarāyānaṃ aññataro paññāyatī’’ti vatvā ‘‘‘tesaṃ paṭighātāya yaññaṃ yajissāmā’ti vatvā punappunaṃ sañcarantī’’ti. ‘‘Kiṃ pana te, mahārāja, sadevake loke aggabrāhmaṇo supinapaṭikammaṃ pucchito’’ti? ‘‘Kataro panesa, bhadde, sadevake loke aggabrāhmaṇo’’ti. ‘‘Sadevake loke aggapuggalaṃ sabbaññuṃ visuddhaṃ nikkilesaṃ mahābrāhmaṇaṃ na jānāsi. So hi bhagavā supinantaraṃ jāneyya, gaccha tvaṃ puccha taṃ, mahārājā’’ti. ‘‘Sādhu, devī’’ti rājā vihāraṃ gantvā satthāraṃ vanditvā nisīdi.

    สตฺถา มธุรสฺสรํ นิจฺฉาเรตฺวา ‘‘กิํ นุ โข, มหาราช, อติปฺปโคว อาคโตสี’’ติ อาหฯ อหํ, ภเนฺต, ปจฺจูสสมเย โสฬส มหาสุปิเน ทิสฺวา ภีโต พฺราหฺมณานํ อาโรเจสิํฯ พฺราหฺมณา ‘‘กกฺขฬา, มหาราช , สุปินา, เอเตสํ ปฎิฆาตตฺถาย สพฺพจตุเกฺกน ยญฺญํ ยชิสฺสามา’’ติ ยญฺญํ สเชฺชนฺติ, พหู ปาณา มรณภยตชฺชิตา, ตุเมฺห จ สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลา, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อุปาทาย นตฺถิ โส เญยฺยธโมฺม, โย โว ญาณมุเข อาปาถํ นาคจฺฉติฯ ‘‘เอเตสํ เม สุปินานํ นิปฺผตฺติํ กเถถ ภควา’’ติฯ ‘‘เอวเมตํ, มหาราช, สเทวเก โลเก มํ ฐเปตฺวา อโญฺญ เอเตสํ สุปินานํ อนฺตรํ วา นิปฺผตฺติํ วา ชานิตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิ, อหํ เต กเถสฺสามิ, อปิจ โข ตฺวํ ทิฎฺฐทิฎฺฐนิยาเมเนว สุปิเน กเถหี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ ราชา ทิฎฺฐนิยาเมเนว กเถโนฺต –

    Satthā madhurassaraṃ nicchāretvā ‘‘kiṃ nu kho, mahārāja, atippagova āgatosī’’ti āha. Ahaṃ, bhante, paccūsasamaye soḷasa mahāsupine disvā bhīto brāhmaṇānaṃ ārocesiṃ. Brāhmaṇā ‘‘kakkhaḷā, mahārāja , supinā, etesaṃ paṭighātatthāya sabbacatukkena yaññaṃ yajissāmā’’ti yaññaṃ sajjenti, bahū pāṇā maraṇabhayatajjitā, tumhe ca sadevake loke aggapuggalā, atītānāgatapaccuppannaṃ upādāya natthi so ñeyyadhammo, yo vo ñāṇamukhe āpāthaṃ nāgacchati. ‘‘Etesaṃ me supinānaṃ nipphattiṃ kathetha bhagavā’’ti. ‘‘Evametaṃ, mahārāja, sadevake loke maṃ ṭhapetvā añño etesaṃ supinānaṃ antaraṃ vā nipphattiṃ vā jānituṃ samattho nāma natthi, ahaṃ te kathessāmi, apica kho tvaṃ diṭṭhadiṭṭhaniyāmeneva supine kathehī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante’’ti rājā diṭṭhaniyāmeneva kathento –

    ‘‘อุสภา รุกฺขา คาวิโย ควา จ,

    ‘‘Usabhā rukkhā gāviyo gavā ca,

    อโสฺส กํโส สิงฺคาลี จ กุโมฺภ;

    Asso kaṃso siṅgālī ca kumbho;

    โปกฺขรณี จ อปากจนฺทนํฯ

    Pokkharaṇī ca apākacandanaṃ.

    ‘‘ลาพูนิ สีทนฺติ สิลา ปฺลวนฺติ, มณฺฑูกิโย กณฺหสเปฺป คิลนฺติ;

    ‘‘Lābūni sīdanti silā plavanti, maṇḍūkiyo kaṇhasappe gilanti;

    กากํ สุวณฺณา ปริวารยนฺติ, ตสา วกา เอฬกานํ ภยา หี’’ติฯ –

    Kākaṃ suvaṇṇā parivārayanti, tasā vakā eḷakānaṃ bhayā hī’’ti. –

    อิมํ มาติกํ นิกฺขิปิตฺวา กเถสิฯ

    Imaṃ mātikaṃ nikkhipitvā kathesi.

    (๑) อหํ, ภเนฺต, เอกํ ตาว สุปินํ เอวํ อทฺทสํ – จตฺตาโร อญฺชนวณฺณา กาฬอุสภา ‘‘ยุชฺฌิสฺสามา’’ติ จตูหิ ทิสาหิ ราชงฺคณํ อาคนฺตฺวา ‘‘อุสภยุทฺธํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ มหาชเน สนฺนิปติเต ยุชฺฌนาการํ ทเสฺสตฺวา นทิตฺวา คชฺชิตฺวา อยุชฺฌิตฺวาว ปฎิกฺกนฺตาฯ อิมํ ปฐมํ สุปินํ อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? ‘‘มหาราช, อิมสฺส วิปาโก เนว ตว, น มม กาเล ภวิสฺสติ, อนาคเต ปน อธมฺมิกานํ กปณราชูนํ อธมฺมิกานญฺจ มนุสฺสานํ กาเล โลเก วิปริวตฺตมาเน กุสเล โอสฺสเนฺน, อกุสเล อุสฺสเนฺน, โลกสฺส ปริหายนกาเล เทโว น สมฺมา วสฺสิสฺสติ, เมฆปาทา ปจฺฉิชฺชิสฺสนฺติ, สสฺสานิ มิลายิสฺสนฺติ, ทุพฺภิกฺขํ ภวิสฺสติ, วสฺสิตุกามา วิย จตูหิ ทิสาหิ เมฆา อุฎฺฐหิตฺวา อิตฺถิกาหิ อาตเป ปตฺถฎานํ วีหิอาทีนํ เตมนภเยน อโนฺตปเวสิตกาเล ปุริเสสุ กุทฺทาลปิฎกหเตฺถสุ อาฬิพนฺธนตฺถาย นิกฺขเนฺตสุ วสฺสนาการํ ทเสฺสตฺวา คชฺชิตฺวา วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรตฺวา เต อุสภา วิย อยุชฺฌิตฺวา อวสฺสิตฺวาว ปลายิสฺสนฺติฯ อยเมตสฺส วิปาโกฯ ตุยฺหํ ปน ตปฺปจฺจยา โกจิ อนฺตราโย นตฺถิ, อนาคตํ อารพฺภ ทิโฎฺฐ สุปิโน เอส, พฺราหฺมณา ปน อตฺตโน ชีวิตวุตฺติํ นิสฺสาย กถยิํสู’’ติ เอวํ สตฺถา สุปินสฺส นิปฺผตฺติํ กเถตฺวา อาห ‘‘ทุติยํ กเถหิ, มหาราชา’’ติฯ

    (1) Ahaṃ, bhante, ekaṃ tāva supinaṃ evaṃ addasaṃ – cattāro añjanavaṇṇā kāḷausabhā ‘‘yujjhissāmā’’ti catūhi disāhi rājaṅgaṇaṃ āgantvā ‘‘usabhayuddhaṃ passissāmā’’ti mahājane sannipatite yujjhanākāraṃ dassetvā naditvā gajjitvā ayujjhitvāva paṭikkantā. Imaṃ paṭhamaṃ supinaṃ addasaṃ, imassa ko vipākoti? ‘‘Mahārāja, imassa vipāko neva tava, na mama kāle bhavissati, anāgate pana adhammikānaṃ kapaṇarājūnaṃ adhammikānañca manussānaṃ kāle loke viparivattamāne kusale ossanne, akusale ussanne, lokassa parihāyanakāle devo na sammā vassissati, meghapādā pacchijjissanti, sassāni milāyissanti, dubbhikkhaṃ bhavissati, vassitukāmā viya catūhi disāhi meghā uṭṭhahitvā itthikāhi ātape patthaṭānaṃ vīhiādīnaṃ temanabhayena antopavesitakāle purisesu kuddālapiṭakahatthesu āḷibandhanatthāya nikkhantesu vassanākāraṃ dassetvā gajjitvā vijjulatā nicchāretvā te usabhā viya ayujjhitvā avassitvāva palāyissanti. Ayametassa vipāko. Tuyhaṃ pana tappaccayā koci antarāyo natthi, anāgataṃ ārabbha diṭṭho supino esa, brāhmaṇā pana attano jīvitavuttiṃ nissāya kathayiṃsū’’ti evaṃ satthā supinassa nipphattiṃ kathetvā āha ‘‘dutiyaṃ kathehi, mahārājā’’ti.

    (๒) ทุติยาหํ, ภเนฺต, เอวํ อทฺทสํ – ขุทฺทกา รุกฺขา เจว คจฺฉา จ ปถวิํ ภินฺทิตฺวา วิทตฺถิมตฺตมฺปิ รตนมตฺตมฺปิ อนุคฺคนฺตฺวาว ปุปฺผนฺติ เจว ผลนฺติ จฯ อิมํ ทุติยํ อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? มหาราช, อิมสฺสาปิ วิปาโก โลกสฺส ปริหายนกาเล มนุสฺสานํ ปริตฺตายุกกาเล ภวิสฺสติฯ อนาคตสฺมิญฺหิ สตฺตา ติพฺพราคา ภวิสฺสนฺติ, อสมฺปตฺตวยาว กุมาริโย ปุริสนฺตรํ คนฺตฺวา อุตุนิโย เจว คพฺภินิโย จ หุตฺวา ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒิสฺสนฺติฯ ขุทฺทกรุกฺขานํ ปุปฺผํ วิย หิ ตาสํ อุตุนิภาโว, ผลํ วิย จ ปุตฺตธีตโร ภวิสฺสนฺติฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, ตติยํ กเถหิ, มหาราชาติฯ

    (2) Dutiyāhaṃ, bhante, evaṃ addasaṃ – khuddakā rukkhā ceva gacchā ca pathaviṃ bhinditvā vidatthimattampi ratanamattampi anuggantvāva pupphanti ceva phalanti ca. Imaṃ dutiyaṃ addasaṃ, imassa ko vipākoti? Mahārāja, imassāpi vipāko lokassa parihāyanakāle manussānaṃ parittāyukakāle bhavissati. Anāgatasmiñhi sattā tibbarāgā bhavissanti, asampattavayāva kumāriyo purisantaraṃ gantvā utuniyo ceva gabbhiniyo ca hutvā puttadhītāhi vaḍḍhissanti. Khuddakarukkhānaṃ pupphaṃ viya hi tāsaṃ utunibhāvo, phalaṃ viya ca puttadhītaro bhavissanti. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, tatiyaṃ kathehi, mahārājāti.

    (๓) คาวิโย, ภเนฺต, ตทหุชาตานํ วจฺฉกานํ ขีรํ ปิวนฺติโย อทฺทสํฯ อยํ เม ตติโย สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ วิปาโก อนาคเต เอว มนุสฺสานํ เชฎฺฐาปจายิกกมฺมสฺส นฎฺฐกาเล ภวิสฺสติฯ อนาคตสฺมิญฺหิ สตฺตา มาตาปิตูสุ วา สสฺสุสสุเรสุ วา ลชฺชํ อนุปฎฺฐาเปตฺวา สยเมว กุฎุมฺพํ สํวิทหนฺตาว ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ มหลฺลกานํ ทาตุกามา ทสฺสนฺติ, อทาตุกามา น ทสฺสนฺติฯ มหลฺลกา อนาถา อสยํวสี ทารเก อาราเธตฺวา ชีวิสฺสนฺติ ตทหุชาตานํ วจฺฉกานํ ขีรํ ปิวนฺติโย มหาคาวิโย วิยฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, จตุตฺถํ กเถหิ, มหาราชาติฯ

    (3) Gāviyo, bhante, tadahujātānaṃ vacchakānaṃ khīraṃ pivantiyo addasaṃ. Ayaṃ me tatiyo supino, imassa ko vipākoti? Imassāpi vipāko anāgate eva manussānaṃ jeṭṭhāpacāyikakammassa naṭṭhakāle bhavissati. Anāgatasmiñhi sattā mātāpitūsu vā sassusasuresu vā lajjaṃ anupaṭṭhāpetvā sayameva kuṭumbaṃ saṃvidahantāva ghāsacchādanamattampi mahallakānaṃ dātukāmā dassanti, adātukāmā na dassanti. Mahallakā anāthā asayaṃvasī dārake ārādhetvā jīvissanti tadahujātānaṃ vacchakānaṃ khīraṃ pivantiyo mahāgāviyo viya. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, catutthaṃ kathehi, mahārājāti.

    (๔) ธุรวาเห, ภเนฺต, อาโรหปริณาหสมฺปเนฺน มหาโคเณยุคปรมฺปราย อโยเชตฺวา ตรุเณ โคทเมฺม ธุเร โยเชเนฺต อทฺทสํฯ เต ธุรํ วหิตุํ อสโกฺกนฺตา ฉเฑฺฑตฺวา อฎฺฐํสุ, สกฎานิ นปฺปวฎฺฎิํสุฯ อยํ เม จตุโตฺถ สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ วิปาโก อนาคเต เอว อธมฺมิกราชูนํ กาเล ภวิสฺสติฯ อนาคตสฺมิญฺหิ อธมฺมิกกปณราชาโน ปณฺฑิตานํ ปเวณิกุสลานํ กมฺมํ นิตฺถรณสมตฺถานํ มหามตฺตานํ ยสํ น ทสฺสนฺติฯ ธมฺมสภายํ วินิจฺฉยฎฺฐาเนปิ ปณฺฑิเต โวหารกุสเล มหลฺลเก อมเจฺจ น ฐเปสฺสนฺติ, ตพฺพิปรีตานํ ปน ตรุณตรุณานํ ยสํ ทสฺสนฺติ, ตถารูเป เอว วินิจฺฉยฎฺฐาเน ฐเปสฺสนฺติ, เต ราชกมฺมานิ เจว ยุตฺตายุตฺตญฺจ อชานนฺตา เนว ตํ ยสํ อุกฺขิปิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, น ราชกมฺมานิ นิตฺถริตุํฯ เต อสโกฺกนฺตา กมฺมธุรํ ฉเฑฺฑสฺสนฺติ, มหลฺลกาปิ ปณฺฑิตามจฺจา ยสํ อลภนฺตา กิจฺจานิ นิตฺถริตุํ สมตฺถาปิ ‘‘กิํ อมฺหากํ เอเตหิ, มยํ พาหิรกา ชาตา, อพฺภนฺตริกา ตรุณทารกา ชานิสฺสนฺตี’’ติ อุปฺปนฺนานิ กมฺมานิ น กริสฺสนฺติ, เอวํ สพฺพถาปิ เตสํ ราชูนํ หานิเยว ภวิสฺสติ, ธุรํ วหิตุํ อสมตฺถานํ วจฺฉทมฺมานํ ธุเร โยชิตกาโล วิย, ธุรวาหานญฺจ มหาโคณานํ ยุคปรมฺปราย อโยชิตกาโล วิย ภวิสฺสติฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, ปญฺจมํ กเถหิ, มหาราชาติฯ

    (4) Dhuravāhe, bhante, ārohapariṇāhasampanne mahāgoṇeyugaparamparāya ayojetvā taruṇe godamme dhure yojente addasaṃ. Te dhuraṃ vahituṃ asakkontā chaḍḍetvā aṭṭhaṃsu, sakaṭāni nappavaṭṭiṃsu. Ayaṃ me catuttho supino, imassa ko vipākoti? Imassāpi vipāko anāgate eva adhammikarājūnaṃ kāle bhavissati. Anāgatasmiñhi adhammikakapaṇarājāno paṇḍitānaṃ paveṇikusalānaṃ kammaṃ nittharaṇasamatthānaṃ mahāmattānaṃ yasaṃ na dassanti. Dhammasabhāyaṃ vinicchayaṭṭhānepi paṇḍite vohārakusale mahallake amacce na ṭhapessanti, tabbiparītānaṃ pana taruṇataruṇānaṃ yasaṃ dassanti, tathārūpe eva vinicchayaṭṭhāne ṭhapessanti, te rājakammāni ceva yuttāyuttañca ajānantā neva taṃ yasaṃ ukkhipituṃ sakkhissanti, na rājakammāni nittharituṃ. Te asakkontā kammadhuraṃ chaḍḍessanti, mahallakāpi paṇḍitāmaccā yasaṃ alabhantā kiccāni nittharituṃ samatthāpi ‘‘kiṃ amhākaṃ etehi, mayaṃ bāhirakā jātā, abbhantarikā taruṇadārakā jānissantī’’ti uppannāni kammāni na karissanti, evaṃ sabbathāpi tesaṃ rājūnaṃ hāniyeva bhavissati, dhuraṃ vahituṃ asamatthānaṃ vacchadammānaṃ dhure yojitakālo viya, dhuravāhānañca mahāgoṇānaṃ yugaparamparāya ayojitakālo viya bhavissati. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, pañcamaṃ kathehi, mahārājāti.

    (๕) ภเนฺต, เอกํ อุภโตมุขํ อสฺสํ อทฺทสํ, ตสฺส ทฺวีสุ ปเสฺสสุ ยวสํ เทนฺติ, โส ทฺวีหิ มุเขหิ ขาทติฯ อยํ เม ปญฺจโม สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเต อธมฺมิกราชกาเลเยว วิปาโก ภวิสฺสติฯ อนาคตสฺมิญฺหิ อธมฺมิกา พาลราชาโน อธมฺมิเก โลลมนุเสฺส วินิจฺฉเย ฐเปสฺสนฺติ, เต ปาปปุเญฺญสุ อนาทรา พาลา สภายํ นิสีทิตฺวา วินิจฺฉยํ เทนฺตา อุภินฺนมฺปิ อตฺถปจฺจตฺถิกานํ หตฺถโต ลญฺชํ คเหตฺวา ขาทิสฺสนฺติ อโสฺส วิย ทฺวีหิ มุเขหิ ยวสํฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, ฉฎฺฐํ กเถหิ, มหาราชาติฯ

    (5) Bhante, ekaṃ ubhatomukhaṃ assaṃ addasaṃ, tassa dvīsu passesu yavasaṃ denti, so dvīhi mukhehi khādati. Ayaṃ me pañcamo supino, imassa ko vipākoti? Imassāpi anāgate adhammikarājakāleyeva vipāko bhavissati. Anāgatasmiñhi adhammikā bālarājāno adhammike lolamanusse vinicchaye ṭhapessanti, te pāpapuññesu anādarā bālā sabhāyaṃ nisīditvā vinicchayaṃ dentā ubhinnampi atthapaccatthikānaṃ hatthato lañjaṃ gahetvā khādissanti asso viya dvīhi mukhehi yavasaṃ. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, chaṭṭhaṃ kathehi, mahārājāti.

    (๖) ภเนฺต, มหาชโน สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาติํ สมฺมชฺชิตฺวา ‘‘อิธ ปสฺสาวํ กโรหี’’ติ เอกสฺส ชรสิงฺคาลสฺส อุปนาเมสิ, ตํ ตตฺถ ปสฺสาวํ กโรนฺตํ อทฺทสํฯ อยํ เม ฉโฎฺฐ สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ วิปาโก อนาคเตเยว ภวิสฺสติฯ อนาคตสฺมิญฺหิ อธมฺมิกา วิชาติราชาโน ชาติสมฺปนฺนานํ กุลปุตฺตานํ อาสงฺกาย ยสํ น ทสฺสนฺติ, อกุลีนานํเยว ทสฺสนฺติฯ เอวํ มหากุลานิ ทุคฺคตานิ ภวิสฺสนฺติ, ลามกกุลานิ อิสฺสรานิฯ เต จ กุลีนปุริสา ชีวิตุํ อสโกฺกนฺตา ‘‘อิเม นิสฺสาย ชีวิสฺสามา’’ติ อกุลีนานํ ธีตโร ทสฺสนฺติ, อิติ ตาสํ กุลธีตานํ อกุลีเนหิ สทฺธิํ สํวาโส ชรสิงฺคาลสฺส สุวณฺณปาติยํ ปสฺสาวกรณสทิโส ภวิสฺสติฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, สตฺตมํ กเถหีติฯ

    (6) Bhante, mahājano satasahassagghanikaṃ suvaṇṇapātiṃ sammajjitvā ‘‘idha passāvaṃ karohī’’ti ekassa jarasiṅgālassa upanāmesi, taṃ tattha passāvaṃ karontaṃ addasaṃ. Ayaṃ me chaṭṭho supino, imassa ko vipākoti? Imassāpi vipāko anāgateyeva bhavissati. Anāgatasmiñhi adhammikā vijātirājāno jātisampannānaṃ kulaputtānaṃ āsaṅkāya yasaṃ na dassanti, akulīnānaṃyeva dassanti. Evaṃ mahākulāni duggatāni bhavissanti, lāmakakulāni issarāni. Te ca kulīnapurisā jīvituṃ asakkontā ‘‘ime nissāya jīvissāmā’’ti akulīnānaṃ dhītaro dassanti, iti tāsaṃ kuladhītānaṃ akulīnehi saddhiṃ saṃvāso jarasiṅgālassa suvaṇṇapātiyaṃ passāvakaraṇasadiso bhavissati. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, sattamaṃ kathehīti.

    (๗) ภเนฺต, เอโก ปุริโส รชฺชุํ วเฎฺฎตฺวา วเฎฺฎตฺวา ปาทมูเล นิกฺขิปติ, เตน นิสินฺนปีฐสฺส เหฎฺฐา สยิตา เอกา ฉาตสิงฺคาลี ตสฺส อชานนฺตเสฺสว ตํ ขาทติ, เอวาหํ อทฺทสํฯ อยํ เม สตฺตโม สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเตเยว วิปาโก ภวิสฺสติฯ อนาคตสฺมิญฺหิ อิตฺถิโย ปุริสโลลา สุราโลลา อลงฺการโลลา วิสิขาโลลา อามิสโลลา ภวิสฺสนฺติ ทุสฺสีลา ทุราจารา, ตา สามิเกหิ กสิโครกฺขาทีนิ กมฺมานิ กตฺวา กิเจฺฉน กสิเรน สมฺภตํ ธนํ ชาเรหิ สทฺธิํ สุรํ ปิวนฺติโย มาลาคนฺธวิเลปนํ ธารยมานา อโนฺตเคเห อจฺจายิกมฺปิ กิจฺจํ อโนโลเกตฺวา เคเห ปริเกฺขปสฺส อุปริภาเคนปิ ฉิทฺทฎฺฐาเนหิปิ ชาเร อุปธารยมานา เสฺว วปิตพฺพยุตฺตกํ พีชมฺปิ โกเฎฺฎตฺวา ยาคุภตฺตขชฺชกาทีนิ สมฺปาเทตฺวา ขาทมานา วิลุมฺปิสฺสนฺติ เหฎฺฐาปีฐเก นิปนฺนฉาตสิงฺคาลี วิย วเฎฺฎตฺวา วเฎฺฎตฺวา ปาทมูเล นิกฺขิตฺตรชฺชุํฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, อฎฺฐมํ กเถหีติฯ

    (7) Bhante, eko puriso rajjuṃ vaṭṭetvā vaṭṭetvā pādamūle nikkhipati, tena nisinnapīṭhassa heṭṭhā sayitā ekā chātasiṅgālī tassa ajānantasseva taṃ khādati, evāhaṃ addasaṃ. Ayaṃ me sattamo supino, imassa ko vipākoti? Imassāpi anāgateyeva vipāko bhavissati. Anāgatasmiñhi itthiyo purisalolā surālolā alaṅkāralolā visikhālolā āmisalolā bhavissanti dussīlā durācārā, tā sāmikehi kasigorakkhādīni kammāni katvā kicchena kasirena sambhataṃ dhanaṃ jārehi saddhiṃ suraṃ pivantiyo mālāgandhavilepanaṃ dhārayamānā antogehe accāyikampi kiccaṃ anoloketvā gehe parikkhepassa uparibhāgenapi chiddaṭṭhānehipi jāre upadhārayamānā sve vapitabbayuttakaṃ bījampi koṭṭetvā yāgubhattakhajjakādīni sampādetvā khādamānā vilumpissanti heṭṭhāpīṭhake nipannachātasiṅgālī viya vaṭṭetvā vaṭṭetvā pādamūle nikkhittarajjuṃ. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, aṭṭhamaṃ kathehīti.

    (๘) ภเนฺต, ราชทฺวาเร พหูหิ ตุจฺฉกุเมฺภหิ ปริวาเรตฺวา ฐปิตํ เอกํ มหนฺตํ ปูริตกุมฺภํ อทฺทสํฯ จตฺตาโรปิ ปน วณฺณา จตูหิ ทิสาหิ จตูหิ อนุทิสาหิ จ ฆเฎหิ อุทกํ อาหริตฺวา อาหริตฺวา ปูริตกุมฺภเมว ปูเรนฺติ, ปูริตปูริตํ อุทกํ อุตฺตริตฺวา ปลายติ, เตปิ ปุนปฺปุนํ ตเตฺถว อุทกํ อาสิญฺจนฺติ, ตุจฺฉกุเมฺภ ปน โอโลเกนฺตาปิ นตฺถิฯ อยํ เม อฎฺฐโม สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเตเยว วิปาโก ภวิสฺสติฯ อนาคตสฺมิญฺหิ โลโก ปริหายิสฺสติ, รฎฺฐํ นิโรชํ ภวิสฺสติ, ราชาโน ทุคฺคตา กปณา ภวิสฺสนฺติฯ โย อิสฺสโร ภวิสฺสติ, ตสฺส ภณฺฑาคาเร สตสหสฺสมตฺตา กหาปณา ภวิสฺสนฺติ, เต เอวํ ทุคฺคตา สเพฺพ ชานปเท อตฺตโนว กเมฺม กาเรสฺสนฺติ, อุปทฺทุตา มนุสฺสา สเก กมฺมเนฺต ฉเฑฺฑตฺวา ราชูนเญฺญว อตฺถาย ปุพฺพณฺณาปรณฺณานิ วปนฺตา รกฺขนฺตา ลายนฺตา มทฺทนฺตา ปเวเสนฺตา อุจฺฉุเขตฺตานิ กโรนฺตา ยนฺตานิ กโรนฺตา ยนฺตานิ วาเหนฺตา ผาณิตาทีนิ ปจนฺตา ปุปฺผาราเม จ ผลาราเม จ กโรนฺตา ตตฺถ ตตฺถ นิปฺผนฺนานิ ปุพฺพณฺณาทีนิ อาหริตฺวา รโญฺญ โกฎฺฐาคารเมว ปูเรสฺสนฺติ, อตฺตโน เคเหสุ ตุจฺฉโกเฎฺฐ โอโลเกนฺตาปิ น ภวิสฺสนฺติ, ตุจฺฉกุเมฺภ อโนโลเกตฺวา ปูริตกุเมฺภ ปูรณสทิสเมว ภวิสฺสติฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, นวมํ กเถหีติฯ

    (8) Bhante, rājadvāre bahūhi tucchakumbhehi parivāretvā ṭhapitaṃ ekaṃ mahantaṃ pūritakumbhaṃ addasaṃ. Cattāropi pana vaṇṇā catūhi disāhi catūhi anudisāhi ca ghaṭehi udakaṃ āharitvā āharitvā pūritakumbhameva pūrenti, pūritapūritaṃ udakaṃ uttaritvā palāyati, tepi punappunaṃ tattheva udakaṃ āsiñcanti, tucchakumbhe pana olokentāpi natthi. Ayaṃ me aṭṭhamo supino, imassa ko vipākoti? Imassāpi anāgateyeva vipāko bhavissati. Anāgatasmiñhi loko parihāyissati, raṭṭhaṃ nirojaṃ bhavissati, rājāno duggatā kapaṇā bhavissanti. Yo issaro bhavissati, tassa bhaṇḍāgāre satasahassamattā kahāpaṇā bhavissanti, te evaṃ duggatā sabbe jānapade attanova kamme kāressanti, upaddutā manussā sake kammante chaḍḍetvā rājūnaññeva atthāya pubbaṇṇāparaṇṇāni vapantā rakkhantā lāyantā maddantā pavesentā ucchukhettāni karontā yantāni karontā yantāni vāhentā phāṇitādīni pacantā pupphārāme ca phalārāme ca karontā tattha tattha nipphannāni pubbaṇṇādīni āharitvā rañño koṭṭhāgārameva pūressanti, attano gehesu tucchakoṭṭhe olokentāpi na bhavissanti, tucchakumbhe anoloketvā pūritakumbhe pūraṇasadisameva bhavissati. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, navamaṃ kathehīti.

    (๙) ภเนฺต, เอกํ ปญฺจวณฺณปทุมสญฺฉนฺนํ คมฺภีรํ สพฺพโต ติตฺถํ โปกฺขรณิํ อทฺทสํฯ สมนฺตโต ทฺวิปทจตุปฺปทา โอตริตฺวา ตตฺถ ปานียํ ปิวนฺติฯ ตสฺสา มเชฺฌ คมฺภีรฎฺฐาเน อุทกํ อาวิลํ, ตีรปฺปเทเสสุ ทฺวิปทจตุปฺปทานํ อกฺกมฎฺฐาเน อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํฯ เอวาหํ อทฺทสํฯ อยํ เม นวโม สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเตเยว วิปาโก ภวิสฺสติฯ อนาคตสฺมิญฺหิ ราชาโน อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติ, ฉนฺทาทิวเสน อคติํ คจฺฉนฺตา รชฺชํ กาเรสฺสนฺติ, ธเมฺมน วินิจฺฉยํ นาม น ทสฺสนฺติ, ลญฺชวิตฺตกา ภวิสฺสนฺติ ธนโลลา, รฎฺฐวาสิเกสุ เนสํ ขนฺติเมตฺตานุทฺทยา นาม น ภวิสฺสนฺติ, กกฺขฬา ผรุสา อุจฺฉุยเนฺต อุจฺฉุคณฺฐิกา วิย มนุเสฺส ปีเฬนฺตา นานปฺปกาเรน พลิํ อุปฺปาเทนฺตา ธนํ คณฺหิสฺสนฺติฯ มนุสฺสา พลิปีฬิตา กิญฺจิ ทาตุํ อสโกฺกนฺตา คามนิคมาทโย ฉเฑฺฑตฺวา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา วาสํ กเปฺปสฺสนฺติ, มชฺฌิมชนปโท สุโญฺญ ภวิสฺสติ, ปจฺจโนฺต ฆนวาโส เสยฺยถาปิ โปกฺขรณิยา มเชฺฌ อุทกํ อาวิลํ ปริยเนฺต วิปฺปสนฺนํฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, ทสมํ กเถหีติฯ

    (9) Bhante, ekaṃ pañcavaṇṇapadumasañchannaṃ gambhīraṃ sabbato titthaṃ pokkharaṇiṃ addasaṃ. Samantato dvipadacatuppadā otaritvā tattha pānīyaṃ pivanti. Tassā majjhe gambhīraṭṭhāne udakaṃ āvilaṃ, tīrappadesesu dvipadacatuppadānaṃ akkamaṭṭhāne acchaṃ vippasannaṃ anāvilaṃ. Evāhaṃ addasaṃ. Ayaṃ me navamo supino, imassa ko vipākoti? Imassāpi anāgateyeva vipāko bhavissati. Anāgatasmiñhi rājāno adhammikā bhavissanti, chandādivasena agatiṃ gacchantā rajjaṃ kāressanti, dhammena vinicchayaṃ nāma na dassanti, lañjavittakā bhavissanti dhanalolā, raṭṭhavāsikesu nesaṃ khantimettānuddayā nāma na bhavissanti, kakkhaḷā pharusā ucchuyante ucchugaṇṭhikā viya manusse pīḷentā nānappakārena baliṃ uppādentā dhanaṃ gaṇhissanti. Manussā balipīḷitā kiñci dātuṃ asakkontā gāmanigamādayo chaḍḍetvā paccantaṃ gantvā vāsaṃ kappessanti, majjhimajanapado suñño bhavissati, paccanto ghanavāso seyyathāpi pokkharaṇiyā majjhe udakaṃ āvilaṃ pariyante vippasannaṃ. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, dasamaṃ kathehīti.

    (๑๐) ภเนฺต, เอกิสฺสาเยว กุมฺภิยา ปจฺจมานํ โอทนํ อปากํ อทฺทสํ ‘‘อปาก’’นฺติ วิจาเรตฺวา วิภชิตฺวา ฐปิตํ วิย ตีหากาเรหิ ปจฺจมานํ, เอกสฺมิํ ปเสฺส อติกิลิโนฺน โหติ, เอกสฺมิํ อุตฺตณฺฑุโล, เอกสฺมิํ สุปโกฺกติฯ อยํ เม ทสโม สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเตเยว วิปาโก ภวิสฺสติฯ อนาคตสฺมิญฺหิ ราชาโน อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติ, เตสุ อธมฺมิเกสุ ราชยุตฺตาปิ พฺราหฺมณคหปติกาปิ เนคมชานปทาปีติ สมณพฺราหฺมเณ อุปาทาย สเพฺพ มนุสฺสา อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติ, ตโต เตสํ อารกฺขเทวตา, พลิปฎิคฺคาหิกา เทวตา, รุกฺขเทวตา, อากาสฎฺฐเทวตาติ เอวํ เทวตาปิ อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติฯ อธมฺมิกราชูนญฺจ รเชฺช วาตา วิสมา ขรา วายิสฺสนฺติ, เต อากาสฎฺฐวิมานานิ กเมฺปสฺสนฺติ, เตสุ กมฺปิเตสุ เทวตา กุปิตา เทวํ วสฺสิตุํ น ทสฺสนฺติ, วสฺสมาโนปิ สกลรเฎฺฐ เอกปฺปหาเรน น วสฺสิสฺสติ, วสฺสมาโนปิ สพฺพตฺถ กสิกมฺมสฺส วา วปฺปกมฺมสฺส วา อุปการโก หุตฺวา น วสฺสิสฺสติฯ ยถา จ รเฎฺฐ, เอวํ ชนปเทปิ คาเมปิ เอกตฬาเกปิ เอกสเรปิ เอกปฺปหาเรเนว น วสฺสิสฺสติ, ตฬากสฺส อุปริภาเค วสฺสโนฺต เหฎฺฐาภาเค น วสฺสิสฺสติ, เหฎฺฐา วสฺสโนฺต อุปริ น วสฺสิสฺสติฯ เอกสฺมิํ ภาเค สสฺสํ อติวเสฺสน นสฺสิสฺสติ, เอกสฺมิํ อวสฺสเนน มิลายิสฺสติ, เอกสฺมิํ สมฺมา วสฺสมาโน สมฺปาเทสฺสติฯ เอวํ เอกสฺส รโญฺญ รเชฺช วุตฺตสสฺสา ติปฺปการา ภวิสฺสนฺติ เอกกุมฺภิยา โอทโน วิยฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, เอกาทสมํ กเถหีติฯ

    (10) Bhante, ekissāyeva kumbhiyā paccamānaṃ odanaṃ apākaṃ addasaṃ ‘‘apāka’’nti vicāretvā vibhajitvā ṭhapitaṃ viya tīhākārehi paccamānaṃ, ekasmiṃ passe atikilinno hoti, ekasmiṃ uttaṇḍulo, ekasmiṃ supakkoti. Ayaṃ me dasamo supino, imassa ko vipākoti? Imassāpi anāgateyeva vipāko bhavissati. Anāgatasmiñhi rājāno adhammikā bhavissanti, tesu adhammikesu rājayuttāpi brāhmaṇagahapatikāpi negamajānapadāpīti samaṇabrāhmaṇe upādāya sabbe manussā adhammikā bhavissanti, tato tesaṃ ārakkhadevatā, balipaṭiggāhikā devatā, rukkhadevatā, ākāsaṭṭhadevatāti evaṃ devatāpi adhammikā bhavissanti. Adhammikarājūnañca rajje vātā visamā kharā vāyissanti, te ākāsaṭṭhavimānāni kampessanti, tesu kampitesu devatā kupitā devaṃ vassituṃ na dassanti, vassamānopi sakalaraṭṭhe ekappahārena na vassissati, vassamānopi sabbattha kasikammassa vā vappakammassa vā upakārako hutvā na vassissati. Yathā ca raṭṭhe, evaṃ janapadepi gāmepi ekataḷākepi ekasarepi ekappahāreneva na vassissati, taḷākassa uparibhāge vassanto heṭṭhābhāge na vassissati, heṭṭhā vassanto upari na vassissati. Ekasmiṃ bhāge sassaṃ ativassena nassissati, ekasmiṃ avassanena milāyissati, ekasmiṃ sammā vassamāno sampādessati. Evaṃ ekassa rañño rajje vuttasassā tippakārā bhavissanti ekakumbhiyā odano viya. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, ekādasamaṃ kathehīti.

    (๑๑) ภเนฺต, สตสหสฺสคฺฆนิกํ จนฺทนสารํ ปูติตเกฺกน วิกฺกิณเนฺต อทฺทสํฯ อยํ เม เอกาทสโม สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเตเยว มยฺหํ สาสเน ปริหายเนฺต วิปาโก ภวิสฺสติฯ อนาคตสฺมิญฺหิ ปจฺจยโลลา อลชฺชี ภิกฺขู พหู ภวิสฺสนฺติ, เต มยา ปจฺจยโลลุปฺปํ นิมฺมเถตฺวา กถิตธมฺมเทสนํ จีวราทิจตุปจฺจยเหตุ ปเรสํ เทเสสฺสนฺติ, ปจฺจเยหิ มุจฺฉิตา นิสฺสรณปเกฺข ฐิตา นิพฺพานาภิมุขํ กตฺวา เทเสตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, เกวลํ ‘‘ปทพฺยญฺชนสมฺปตฺติเญฺจว มธุรสทฺทญฺจ สุตฺวา มหคฺฆานิ จีวราทีนิ ทสฺสนฺติ’’ อิเจฺจวํ เทเสสฺสนฺติฯ อปเร อนฺตรวีถิจตุกฺกราชทฺวาราทีสุ นิสีทิตฺวา กหาปณอฑฺฒกหาปณปาทมาสกรูปาทีนิปิ นิสฺสาย เทเสสฺสนฺติฯ อิติ มยา นิพฺพานคฺฆนกํ กตฺวา เทสิตํ ธมฺมํ จตุปจฺจยตฺถาย เจว กหาปณฑฺฒกหาปณาทีนํ อตฺถาย จ วิกฺกิณิตฺวา เทเสนฺตา สตสหสฺสคฺฆนกํ จนฺทนสารํ ปูติตเกฺกน วิกฺกิณนฺตา วิย ภวิสฺสนฺติฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, ทฺวาทสมํ กเถหีติฯ

    (11) Bhante, satasahassagghanikaṃ candanasāraṃ pūtitakkena vikkiṇante addasaṃ. Ayaṃ me ekādasamo supino, imassa ko vipākoti? Imassāpi anāgateyeva mayhaṃ sāsane parihāyante vipāko bhavissati. Anāgatasmiñhi paccayalolā alajjī bhikkhū bahū bhavissanti, te mayā paccayaloluppaṃ nimmathetvā kathitadhammadesanaṃ cīvarādicatupaccayahetu paresaṃ desessanti, paccayehi mucchitā nissaraṇapakkhe ṭhitā nibbānābhimukhaṃ katvā desetuṃ na sakkhissanti, kevalaṃ ‘‘padabyañjanasampattiñceva madhurasaddañca sutvā mahagghāni cīvarādīni dassanti’’ iccevaṃ desessanti. Apare antaravīthicatukkarājadvārādīsu nisīditvā kahāpaṇaaḍḍhakahāpaṇapādamāsakarūpādīnipi nissāya desessanti. Iti mayā nibbānagghanakaṃ katvā desitaṃ dhammaṃ catupaccayatthāya ceva kahāpaṇaḍḍhakahāpaṇādīnaṃ atthāya ca vikkiṇitvā desentā satasahassagghanakaṃ candanasāraṃ pūtitakkena vikkiṇantā viya bhavissanti. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, dvādasamaṃ kathehīti.

    (๑๒) ภเนฺต, ตุจฺฉลาพูนิ อุทเก สีทนฺตานิ อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสปิ อนาคเต อธมฺมิกราชกาเล โลเก วิปริวตฺตเนฺตเยว วิปาโก ภวิสฺสติฯ ตทา หิ ราชาโน ชาติสมฺปนฺนานํ กุลปุตฺตานํ ยสํ น ทสฺสนฺติ, อกุลีนานํเยว ทสฺสนฺติ, เต อิสฺสรา ภวิสฺสนฺติ, อิตเร ทลิทฺทาฯ ราชสมฺมุเขปิ ราชทฺวาเรปิ อมจฺจสมฺมุเขปิ วินิจฺฉยฎฺฐาเนปิ ตุจฺฉลาพุสทิสานํ อกุลีนานํเยว กถา โอสีทิตฺวา ฐิตา วิย นิจฺจลา สุปฺปติฎฺฐิตา ภวิสฺสติฯ สงฺฆสนฺนิปาเตสุปิ สงฺฆกมฺมคณกมฺมฎฺฐาเนสุ เจว ปตฺตจีวรปริเวณาทิวินิจฺฉยฎฺฐาเนสุ จ ทุสฺสีลานํ ปาปปุคฺคลานํเยว กถา นิยฺยานิกา ภวิสฺสติ, น ลชฺชิภิกฺขูนนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ ตุจฺฉลาพุสีทนกาโล วิย ภวิสฺสติฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, เตรสมํ กเถหีติฯ

    (12) Bhante, tucchalābūni udake sīdantāni addasaṃ, imassa ko vipākoti? Imassapi anāgate adhammikarājakāle loke viparivattanteyeva vipāko bhavissati. Tadā hi rājāno jātisampannānaṃ kulaputtānaṃ yasaṃ na dassanti, akulīnānaṃyeva dassanti, te issarā bhavissanti, itare daliddā. Rājasammukhepi rājadvārepi amaccasammukhepi vinicchayaṭṭhānepi tucchalābusadisānaṃ akulīnānaṃyeva kathā osīditvā ṭhitā viya niccalā suppatiṭṭhitā bhavissati. Saṅghasannipātesupi saṅghakammagaṇakammaṭṭhānesu ceva pattacīvarapariveṇādivinicchayaṭṭhānesu ca dussīlānaṃ pāpapuggalānaṃyeva kathā niyyānikā bhavissati, na lajjibhikkhūnanti evaṃ sabbathāpi tucchalābusīdanakālo viya bhavissati. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, terasamaṃ kathehīti.

    (๑๓) ภเนฺต, มหนฺตมหนฺตา กูฎาคารปฺปมาณา ฆนสิลา นาวา วิย อุทเก ปฺลวมานา อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสปิ ตาทิเสเยว กาเล วิปาโก ภวิสฺสติฯ ตทา หิ อธมฺมิกราชาโน อกุลีนานํ ยสํ ทสฺสนฺติ, เต อิสฺสรา ภวิสฺสนฺติ, กุลีนา ทุคฺคตาฯ เตสุ น เกจิ คารวํ กริสฺสนฺติ, อิตเรสุเยว กริสฺสนฺติฯ ราชสมฺมุเข วา อมจฺจสมฺมุเข วา วินิจฺฉยฎฺฐาเน วา วินิจฺฉยกุสลานํ ฆนสิลาสทิสานํ กุลปุตฺตานํ กถา น โอคาหิตฺวา ปติฎฺฐหิสฺสติฯ เตสุ กเถเนฺตสุ ‘‘กิํ อิเม กเถนฺตี’’ติ อิตเร ปริหาสเมว กริสฺสนฺติฯ ภิกฺขุสนฺนิปาเตสุปิ วุตฺตปฺปกาเรสุ ฐาเนสุ เนว เปสเล ภิกฺขู ครุกาตเพฺพ มญฺญิสฺสนฺติ, นาปิ เตสํ กถา ปริโยคาหิตฺวา ปติฎฺฐหิสฺสติ, สิลานํ ปฺลวนกาโล วิย ภวิสฺสติฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, จุทฺทสมํ กเถหีติฯ

    (13) Bhante, mahantamahantā kūṭāgārappamāṇā ghanasilā nāvā viya udake plavamānā addasaṃ, imassa ko vipākoti? Imassapi tādiseyeva kāle vipāko bhavissati. Tadā hi adhammikarājāno akulīnānaṃ yasaṃ dassanti, te issarā bhavissanti, kulīnā duggatā. Tesu na keci gāravaṃ karissanti, itaresuyeva karissanti. Rājasammukhe vā amaccasammukhe vā vinicchayaṭṭhāne vā vinicchayakusalānaṃ ghanasilāsadisānaṃ kulaputtānaṃ kathā na ogāhitvā patiṭṭhahissati. Tesu kathentesu ‘‘kiṃ ime kathentī’’ti itare parihāsameva karissanti. Bhikkhusannipātesupi vuttappakāresu ṭhānesu neva pesale bhikkhū garukātabbe maññissanti, nāpi tesaṃ kathā pariyogāhitvā patiṭṭhahissati, silānaṃ plavanakālo viya bhavissati. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, cuddasamaṃ kathehīti.

    (๑๔) ภเนฺต , ขุทฺทกมธุกปุปฺผปฺปมาณา มณฺฑูกิโย มหนฺตมหเนฺต กณฺหสเปฺป เวเคน อนุพนฺธิตฺวา อุปฺปลนาเฬ วิย ฉินฺทิตฺวา ฉินฺทิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา คิลนฺติโย อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสปิ โลเก ปริหายเนฺต อนาคเต เอว วิปาโก ภวิสฺสติฯ ตทา หิ มนุสฺสา ติพฺพราคชาติกา กิเลสานุวตฺตกา หุตฺวา ตรุณตรุณานํ อตฺตโน ภริยานํ วเส วตฺติสฺสนฺติ, เคเห ทาสกมฺมกราทโยปิ โคมหิํสาทโยปิ หิรญฺญสุวณฺณมฺปิ สพฺพํ ตาสเญฺญว อายตฺตํ ภวิสฺสติฯ ‘‘อสุกํ หิรญฺญสุวณฺณํ วา ปริจฺฉทาทิชาตํ วา กห’’นฺติ วุเตฺต ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา โหตุ, กิํ ตุยฺหิมินา พฺยาปาเรน, ตฺวํ มยฺหํ ฆเร สนฺตํ วา อสนฺตํ วา ชานิตุกาโม ชาโต’’ติ วตฺวา นานปฺปกาเรหิ อโกฺกสิตฺวา มุขสตฺตีหิ โกเฎฺฎตฺวา ทาสเจฎเก วิย อตฺตโน วเส กตฺวา อตฺตโน อิสฺสริยํ ปวเตฺตสฺสนฺติฯ เอวํ มธุกปุปฺผปฺปมาณานํ มณฺฑูกโปติกานํ อาสีวิเส กณฺหสเปฺป คิลนกาโล วิย ภวิสฺสติฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, ปนฺนรสมํ กเถหีติฯ

    (14) Bhante , khuddakamadhukapupphappamāṇā maṇḍūkiyo mahantamahante kaṇhasappe vegena anubandhitvā uppalanāḷe viya chinditvā chinditvā maṃsaṃ khāditvā gilantiyo addasaṃ, imassa ko vipākoti? Imassapi loke parihāyante anāgate eva vipāko bhavissati. Tadā hi manussā tibbarāgajātikā kilesānuvattakā hutvā taruṇataruṇānaṃ attano bhariyānaṃ vase vattissanti, gehe dāsakammakarādayopi gomahiṃsādayopi hiraññasuvaṇṇampi sabbaṃ tāsaññeva āyattaṃ bhavissati. ‘‘Asukaṃ hiraññasuvaṇṇaṃ vā paricchadādijātaṃ vā kaha’’nti vutte ‘‘yattha vā tattha vā hotu, kiṃ tuyhiminā byāpārena, tvaṃ mayhaṃ ghare santaṃ vā asantaṃ vā jānitukāmo jāto’’ti vatvā nānappakārehi akkositvā mukhasattīhi koṭṭetvā dāsaceṭake viya attano vase katvā attano issariyaṃ pavattessanti. Evaṃ madhukapupphappamāṇānaṃ maṇḍūkapotikānaṃ āsīvise kaṇhasappe gilanakālo viya bhavissati. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, pannarasamaṃ kathehīti.

    (๑๕) ภเนฺต, ทสหิ อสทฺธเมฺมหิ สมนฺนาคตํ คามโคจรํ กากํ กญฺจนวณฺณตาย ‘‘สุวณฺณา’’ติ ลทฺธนาเม สุวณฺณราชหํเส ปริวาเรเนฺต อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเต ทุพฺพลราชกาเลเยว วิปาโก ภวิสฺสติฯ อนาคตสฺมิญฺหิ ราชาโน หตฺถิสิปฺปาทีสุ อกุสลา ยุเทฺธสุ อวิสารทา ภวิสฺสนฺติ, เต อตฺตโน รชฺชวิปตฺติํ อาสงฺกมานา สมานชาติกานํ กุลปุตฺตานํ อิสฺสริยํ อทตฺวา อตฺตโน ปาทมูลิกนฺหาปกกปฺปกาทีนํ ทสฺสนฺติ, ชาติโคตฺตสมฺปนฺนา กุลปุตฺตา ราชกุเล ปติฎฺฐํ อลภมานา ชีวิกํ กเปฺปตุํ อสมตฺถา หุตฺวา อิสฺสริเย ฐิเต ชาติโคตฺตหีเน อกุลีเน อุปฎฺฐหนฺตา วิจริสฺสนฺติ, สุวณฺณราชหํเสหิ กากสฺส ปริวาริตกาโล วิย ภวิสฺสติฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, โสฬสมํ กเถหีติฯ

    (15) Bhante, dasahi asaddhammehi samannāgataṃ gāmagocaraṃ kākaṃ kañcanavaṇṇatāya ‘‘suvaṇṇā’’ti laddhanāme suvaṇṇarājahaṃse parivārente addasaṃ, imassa ko vipākoti? Imassāpi anāgate dubbalarājakāleyeva vipāko bhavissati. Anāgatasmiñhi rājāno hatthisippādīsu akusalā yuddhesu avisāradā bhavissanti, te attano rajjavipattiṃ āsaṅkamānā samānajātikānaṃ kulaputtānaṃ issariyaṃ adatvā attano pādamūlikanhāpakakappakādīnaṃ dassanti, jātigottasampannā kulaputtā rājakule patiṭṭhaṃ alabhamānā jīvikaṃ kappetuṃ asamatthā hutvā issariye ṭhite jātigottahīne akulīne upaṭṭhahantā vicarissanti, suvaṇṇarājahaṃsehi kākassa parivāritakālo viya bhavissati. Itonidānampi te bhayaṃ natthi, soḷasamaṃ kathehīti.

    (๑๖) ภเนฺต, ปุเพฺพ ทีปิโน เอฬเก ขาทนฺติ, อหํ ปน เอฬเก ทีปิโน อนุพนฺธิตฺวา มุรุมุรูติ ขาทเนฺต อทฺทสํฯ อถเญฺญ ตสา วกา เอฬเก ทูรโตว ทิสฺวา ตสิตา ตาสปฺปตฺตา หุตฺวา เอฬกานํ ภยาปลายิตฺวา คุมฺพคหนาทีนิ ปวิสิตฺวา นิลียิํสุ, เอวาหํ อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสปิ อนาคเต อธมฺมิกราชกาเลเยว วิปาโก ภวิสฺสติฯ ตทา หิ อกุลีนา ราชวลฺลภา อิสฺสรา ภวิสฺสนฺติ, กุลีนา อปญฺญาตา ทุคฺคตาฯ เต ราชวลฺลภา ราชานํ อตฺตโน กถํ คาหาเปตฺวา วินิจฺฉยฎฺฐานาทีสุ พลวโนฺต หุตฺวา กุลีนานํ ปเวณิอาคตานิ เขตฺตวตฺถาทีนิ ‘‘อมฺหากํ สนฺตกานิ เอตานี’’ติ อภิยุญฺชิตฺวา เตสุ ‘‘น ตุมฺหากํ, อมฺหาก’’นฺติ อาคนฺตฺวา วินิจฺฉยฎฺฐานาทีสุ วิวทเนฺตสุ เวตฺตลตาทีหิ ปหราเปตฺวา คีวายํ คเหตฺวา อปกฑฺฒาเปตฺวา ‘‘อตฺตโน ปมาณํ น ชานาถ, อเมฺหหิ สทฺธิํ วิวทถ, อิทานิ โว รโญฺญ กเถตฺวา หตฺถปาทเจฺฉทนาทีนิ กาเรสฺสามา’’ติ สนฺตเชฺชสฺสนฺติฯ เต เตสํ ภเยน อตฺตโน สนฺตกานิ วตฺถูนิ ‘‘ตุมฺหากํเยเวตานิ คณฺหถา’’ติ นิยฺยาเทตฺวา อตฺตโน เคหานิ ปวิสิตฺวา ภีตา นิปชฺชิสฺสนฺติฯ ปาปภิกฺขูปิ เปสเล ภิกฺขู ยถารุจิ วิเหเฐสฺสนฺติ, เต เปสลา ภิกฺขู ปฎิสรณํ อลภมานา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา คหนฎฺฐาเนสุ นิลียิสฺสนฺติฯ เอวํ หีนชเจฺจหิ เจว ปาปภิกฺขูหิ จ อุปทฺทุตานํ ชาติมนฺตกุลปุตฺตานเญฺจว เปสลภิกฺขูนญฺจ เอฬกานํ ภเยน ตสวกานํ ปลายนกาโล วิย ภวิสฺสติฯ อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิฯ อยมฺปิ หิ สุปิโน อนาคตํเยว อารพฺภ ทิโฎฺฐฯ พฺราหฺมณา ปน น ธมฺมสุธมฺมตาย ตยิ สิเนเหน กถยิํสุ, ‘‘พหุธนํ ลภิสฺสามา’’ติ อามิสาเปกฺขตาย ชีวิตวุตฺติํ นิสฺสาย กถยิํสูติฯ

    (16) Bhante, pubbe dīpino eḷake khādanti, ahaṃ pana eḷake dīpino anubandhitvā murumurūti khādante addasaṃ. Athaññe tasā vakā eḷake dūratova disvā tasitā tāsappattā hutvā eḷakānaṃ bhayāpalāyitvā gumbagahanādīni pavisitvā nilīyiṃsu, evāhaṃ addasaṃ, imassa ko vipākoti? Imassapi anāgate adhammikarājakāleyeva vipāko bhavissati. Tadā hi akulīnā rājavallabhā issarā bhavissanti, kulīnā apaññātā duggatā. Te rājavallabhā rājānaṃ attano kathaṃ gāhāpetvā vinicchayaṭṭhānādīsu balavanto hutvā kulīnānaṃ paveṇiāgatāni khettavatthādīni ‘‘amhākaṃ santakāni etānī’’ti abhiyuñjitvā tesu ‘‘na tumhākaṃ, amhāka’’nti āgantvā vinicchayaṭṭhānādīsu vivadantesu vettalatādīhi paharāpetvā gīvāyaṃ gahetvā apakaḍḍhāpetvā ‘‘attano pamāṇaṃ na jānātha, amhehi saddhiṃ vivadatha, idāni vo rañño kathetvā hatthapādacchedanādīni kāressāmā’’ti santajjessanti. Te tesaṃ bhayena attano santakāni vatthūni ‘‘tumhākaṃyevetāni gaṇhathā’’ti niyyādetvā attano gehāni pavisitvā bhītā nipajjissanti. Pāpabhikkhūpi pesale bhikkhū yathāruci viheṭhessanti, te pesalā bhikkhū paṭisaraṇaṃ alabhamānā araññaṃ pavisitvā gahanaṭṭhānesu nilīyissanti. Evaṃ hīnajaccehi ceva pāpabhikkhūhi ca upaddutānaṃ jātimantakulaputtānañceva pesalabhikkhūnañca eḷakānaṃ bhayena tasavakānaṃ palāyanakālo viya bhavissati. Itonidānampi te bhayaṃ natthi. Ayampi hi supino anāgataṃyeva ārabbha diṭṭho. Brāhmaṇā pana na dhammasudhammatāya tayi sinehena kathayiṃsu, ‘‘bahudhanaṃ labhissāmā’’ti āmisāpekkhatāya jīvitavuttiṃ nissāya kathayiṃsūti.

    เอวํ สตฺถา โสฬสนฺนํ มหาสุปินานํ นิปฺผตฺติํ กเถตฺวา ‘‘น โข, มหาราช, เอตรหิ ตฺวเญฺญว อิเม สุปิเน อทฺทส, โปราณกราชาโนปิ อทฺทสํสุฯ พฺราหฺมณาปิ เนสํ เอวเมว อิเม สุปิเน คเหตฺวา ยญฺญมตฺถเก ขิปิํสุ, ตโต ปณฺฑิเตหิ ทินฺนนเยน คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิํสุฯ โปราณกา ปณฺฑิตาปิ เนสํ อิเม สุปิเน กเถนฺตา อิมินาว นิยาเมน กเถสุ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Evaṃ satthā soḷasannaṃ mahāsupinānaṃ nipphattiṃ kathetvā ‘‘na kho, mahārāja, etarahi tvaññeva ime supine addasa, porāṇakarājānopi addasaṃsu. Brāhmaṇāpi nesaṃ evameva ime supine gahetvā yaññamatthake khipiṃsu, tato paṇḍitehi dinnanayena gantvā bodhisattaṃ pucchiṃsu. Porāṇakā paṇḍitāpi nesaṃ ime supine kathentā imināva niyāmena kathesu’’nti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิญฺญา เจว สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส ฌานกีฬํ กีฬโนฺต วิหรติฯ ตทา พาราณสิยํ พฺรหฺมทโตฺต อิมินาว นิยาเมน อิเม สุปิเน ทิสฺวา พฺราหฺมเณ ปุจฺฉิฯ พฺราหฺมณา เอวเมว ยญฺญํ ยชิตุํ อารภิํสุฯ เตสุ ปุโรหิตสฺส อเนฺตวาสิกมาณโว ปณฺฑิโต พฺยโตฺต อาจริยํ อาห – ‘‘อาจริย, ตุเมฺหหิ มยํ ตโย เวเท อุคฺคณฺหาปิตา, นนุ เตสุ เอกํ มาเรตฺวา เอกสฺส โสตฺถิกมฺมสฺส การณํ นาม นตฺถี’’ติฯ ตาต, อิมินา อุปาเยน อมฺหากํ พหุธนํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตฺวํ ปน รโญฺญ ธนํ รกฺขิตุกาโม มเญฺญติฯ มาณโว ‘‘เตน หิ, อาจริย, ตุเมฺห ตุมฺหากํ กมฺมํ กโรถ, อหํ ตุมฺหากํ สนฺติเก กิํ กริสฺสามี’’ติ วิจรโนฺต รโญฺญ อุยฺยานํ อคมาสิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto udiccabrāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto isipabbajjaṃ pabbajitvā abhiññā ceva samāpattiyo ca nibbattetvā himavantappadese jhānakīḷaṃ kīḷanto viharati. Tadā bārāṇasiyaṃ brahmadatto imināva niyāmena ime supine disvā brāhmaṇe pucchi. Brāhmaṇā evameva yaññaṃ yajituṃ ārabhiṃsu. Tesu purohitassa antevāsikamāṇavo paṇḍito byatto ācariyaṃ āha – ‘‘ācariya, tumhehi mayaṃ tayo vede uggaṇhāpitā, nanu tesu ekaṃ māretvā ekassa sotthikammassa kāraṇaṃ nāma natthī’’ti. Tāta, iminā upāyena amhākaṃ bahudhanaṃ uppajjissati, tvaṃ pana rañño dhanaṃ rakkhitukāmo maññeti. Māṇavo ‘‘tena hi, ācariya, tumhe tumhākaṃ kammaṃ karotha, ahaṃ tumhākaṃ santike kiṃ karissāmī’’ti vicaranto rañño uyyānaṃ agamāsi.

    ตํ ทิวสเมว โพธิสโตฺตปิ ตํ การณํ ญตฺวา ‘‘อชฺช มยิ มนุสฺสปถํ คเต มหาชนสฺส พนฺธนา โมโกฺข ภวิสฺสตี’’ติ อากาเสน คนฺตฺวา อุยฺยาเน โอตริตฺวา สุวณฺณปฎิมา วิย มงฺคลสิลาตเล นิสีทิฯ มาณโว โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ปฎิสนฺถารมกาสิฯ โพธิสโตฺตปิ เตน สทฺธิํ มธุรปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กิํ นุ โข, มาณว, ราชา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ภเนฺต, ราชา นาม ธมฺมิโก, อปิจ โข ตํ พฺราหฺมณา อติเตฺถ ปกฺขนฺทาเป’’นฺติฯ ราชา โสฬส สุปิเน ทิสฺวา พฺราหฺมณานํ อาโรเจสิฯ พฺราหฺมณา ‘‘ยญฺญํ ยชิสฺสามา’’ติ อารทฺธาฯ กิํ นุ โข, ภเนฺต, ‘‘อยํ นาม อิเมสํ สุปินานํ นิปฺผตฺตี’’ติ ราชานํ สญฺญาเปตฺวา ตุมฺหากํ มหาชนํ ภยา โมเจตุํ น วฎฺฎตีติฯ มยํ โข, มาณว, ราชานํ น ชานาม, ราชาปิ อเมฺห น ชานาติฯ สเจ ปน อิธาคนฺตฺวา ปุเจฺฉยฺย, กเถยฺยามสฺส มยนฺติฯ มาณโว ‘‘อหํ, ภเนฺต, ตํ อาเนสฺสามิ, ตุเมฺห มมาคมนํ อุทิกฺขนฺตา มุหุตฺตํ นิสีทถา’’ติ โพธิสตฺตํ ปฎิชานาเปตฺวา รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มหาราช, เอโก อากาสจาริโก ตาปโส ตุมฺหากํ อุยฺยาเน โอตริตฺวา ‘ตุเมฺหหิ ทิฎฺฐสุปินานํ นิปฺผตฺติํ กเถสฺสามี’ติ ตุเมฺห ปโกฺกสตี’’ติ อาหฯ

    Taṃ divasameva bodhisattopi taṃ kāraṇaṃ ñatvā ‘‘ajja mayi manussapathaṃ gate mahājanassa bandhanā mokkho bhavissatī’’ti ākāsena gantvā uyyāne otaritvā suvaṇṇapaṭimā viya maṅgalasilātale nisīdi. Māṇavo bodhisattaṃ upasaṅkamitvā vanditvā ekamantaṃ nisīditvā paṭisanthāramakāsi. Bodhisattopi tena saddhiṃ madhurapaṭisanthāraṃ katvā ‘‘kiṃ nu kho, māṇava, rājā dhammena rajjaṃ kāretī’’ti pucchi. ‘‘Bhante, rājā nāma dhammiko, apica kho taṃ brāhmaṇā atitthe pakkhandāpe’’nti. Rājā soḷasa supine disvā brāhmaṇānaṃ ārocesi. Brāhmaṇā ‘‘yaññaṃ yajissāmā’’ti āraddhā. Kiṃ nu kho, bhante, ‘‘ayaṃ nāma imesaṃ supinānaṃ nipphattī’’ti rājānaṃ saññāpetvā tumhākaṃ mahājanaṃ bhayā mocetuṃ na vaṭṭatīti. Mayaṃ kho, māṇava, rājānaṃ na jānāma, rājāpi amhe na jānāti. Sace pana idhāgantvā puccheyya, katheyyāmassa mayanti. Māṇavo ‘‘ahaṃ, bhante, taṃ ānessāmi, tumhe mamāgamanaṃ udikkhantā muhuttaṃ nisīdathā’’ti bodhisattaṃ paṭijānāpetvā rañño santikaṃ gantvā ‘‘mahārāja, eko ākāsacāriko tāpaso tumhākaṃ uyyāne otaritvā ‘tumhehi diṭṭhasupinānaṃ nipphattiṃ kathessāmī’ti tumhe pakkosatī’’ti āha.

    ราชา ตสฺส กถํ สุตฺวา ตาวเทว มหเนฺตน ปริวาเรน อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตาปสํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน ปุจฺฉิ ‘‘ตุเมฺห กิร, ภเนฺต, มยา ทิฎฺฐสุปินานํ นิปฺผตฺติํ ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติฯ ‘‘เตน หิ กเถถา’’ติฯ ‘‘กเถมิ, มหาราช, ยถาทิเฎฺฐ ตาว สุปิเน มํ สาเวหี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ ราชา –

    Rājā tassa kathaṃ sutvā tāvadeva mahantena parivārena uyyānaṃ gantvā tāpasaṃ vanditvā ekamantaṃ nisinno pucchi ‘‘tumhe kira, bhante, mayā diṭṭhasupinānaṃ nipphattiṃ jānāthā’’ti? ‘‘Āma, mahārājā’’ti. ‘‘Tena hi kathethā’’ti. ‘‘Kathemi, mahārāja, yathādiṭṭhe tāva supine maṃ sāvehī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante’’ti rājā –

    ๗๗.

    77.

    ‘‘อุสภา รุกฺขา คาวิโย ควา จ,

    ‘‘Usabhā rukkhā gāviyo gavā ca,

    อโสฺส กํโส สิงฺคาลี จ กุโมฺภ;

    Asso kaṃso siṅgālī ca kumbho;

    โปกฺขรณี จ อปากจนฺทนํฯ

    Pokkharaṇī ca apākacandanaṃ.

    ‘‘ลาพูนิ สีทนฺติ สิลา ปฺลวนฺติ, มณฺฑูกิโย กณฺหสเปฺป คิลนฺติ;

    ‘‘Lābūni sīdanti silā plavanti, maṇḍūkiyo kaṇhasappe gilanti;

    กากํ สุวณฺณา ปริวารยนฺติ, ตสา วกา เอฬกานํ ภยา หี’’ติฯ –

    Kākaṃ suvaṇṇā parivārayanti, tasā vakā eḷakānaṃ bhayā hī’’ti. –

    วตฺวา ปเสนทิรญฺญา กถิตนิยาเมเนว สุปิเน กเถสิฯ

    Vatvā pasenadiraññā kathitaniyāmeneva supine kathesi.

    โพธิสโตฺตปิ เตสํ อิทานิ สตฺถารา กถิตนิยาเมเนว วิตฺถารโต นิปฺผตฺติํ กเถตฺวา ปริโยสาเน สยํ อิทํ กเถสิ –

    Bodhisattopi tesaṃ idāni satthārā kathitaniyāmeneva vitthārato nipphattiṃ kathetvā pariyosāne sayaṃ idaṃ kathesi –

    ‘‘วิปริยาโส วตฺตติ นยิธ มตฺถี’’ติ;

    ‘‘Vipariyāso vattati nayidha matthī’’ti;

    ตตฺรายมโตฺถ – อยํ, มหาราช, อิเมสํ สุปินานํ นิปฺผตฺติฯ ยํ ปเนตํ เตสํ ปฎิฆาตตฺถาย ยญฺญกมฺมํ วตฺตติ, ตํ วิปริยาโส วตฺตติ วิปรีตโต วตฺตติ, วิปลฺลาเสน วตฺตตีติ วุตฺตํ โหติฯ กิํการณา? อิเมสญฺหิ นิปฺผตฺติ นาม โลกสฺส วิปริวตฺตนกาเล, อการณสฺส การณนฺติ คหณกาเล, การณสฺส อการณนฺติ ฉฑฺฑนกาเล, อภูตสฺส ภูตนฺติ คหณกาเล, ภูตสฺส อภูตนฺติ ชหนกาเล, อลชฺชีนํ อุสฺสนฺนกาเล, ลชฺชีนญฺจ ปริหีนกาเล ภวิสฺสติฯ นยิธ มตฺถีติ อิทานิ ปน ตว วา มม วา กาเล อิธ อิมสฺมิํ ปุริสยุเค วตฺตมาเน เอเตสํ นิปฺผตฺติ นตฺถิฯ ตสฺมา เอเตสํ ปฎิฆาตาย วตฺตมานํ ยญฺญกมฺมํ วิปลฺลาเสน วตฺตติ, อลํ เตนฯ นตฺถิ เต อิโตนิทานํ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วาติ มหาปุริโส ราชานํ สมสฺสาเสตฺวา มหาชนํ พนฺธนา โมเจตฺวา ปุน อากาเส ฐตฺวา รโญฺญ โอวาทํ ทตฺวา ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐาเปตฺวา ‘‘อิโต ปฎฺฐาย, มหาราช, พฺราหฺมเณหิ สทฺธิํ เอกโต หุตฺวา ปสุฆาตยญฺญํ มา ยชี’’ติ ธมฺมํ เทเสตฺวา อากาเสเนว อตฺตโน วสนฎฺฐานํ อคมาสิฯ ราชาปิ ตสฺส โอวาเท ฐิโต ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโตฯ

    Tatrāyamattho – ayaṃ, mahārāja, imesaṃ supinānaṃ nipphatti. Yaṃ panetaṃ tesaṃ paṭighātatthāya yaññakammaṃ vattati, taṃ vipariyāso vattati viparītato vattati, vipallāsena vattatīti vuttaṃ hoti. Kiṃkāraṇā? Imesañhi nipphatti nāma lokassa viparivattanakāle, akāraṇassa kāraṇanti gahaṇakāle, kāraṇassa akāraṇanti chaḍḍanakāle, abhūtassa bhūtanti gahaṇakāle, bhūtassa abhūtanti jahanakāle, alajjīnaṃ ussannakāle, lajjīnañca parihīnakāle bhavissati. Nayidha matthīti idāni pana tava vā mama vā kāle idha imasmiṃ purisayuge vattamāne etesaṃ nipphatti natthi. Tasmā etesaṃ paṭighātāya vattamānaṃ yaññakammaṃ vipallāsena vattati, alaṃ tena. Natthi te itonidānaṃ bhayaṃ vā chambhitattaṃ vāti mahāpuriso rājānaṃ samassāsetvā mahājanaṃ bandhanā mocetvā puna ākāse ṭhatvā rañño ovādaṃ datvā pañcasu sīlesu patiṭṭhāpetvā ‘‘ito paṭṭhāya, mahārāja, brāhmaṇehi saddhiṃ ekato hutvā pasughātayaññaṃ mā yajī’’ti dhammaṃ desetvā ākāseneva attano vasanaṭṭhānaṃ agamāsi. Rājāpi tassa ovāde ṭhito dānādīni puññāni katvā yathākammaṃ gato.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘สุปินปจฺจยา เต ภยํ นตฺถิ, หเรตํ ยญฺญ’’นฺติ ยญฺญํ หาเรตฺวา มหาชนสฺส ชีวิตทานํ ทตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, มาณโว สาริปุโตฺต, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘supinapaccayā te bhayaṃ natthi, haretaṃ yañña’’nti yaññaṃ hāretvā mahājanassa jīvitadānaṃ datvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājā ānando ahosi, māṇavo sāriputto, tāpaso pana ahameva ahosi’’nti.

    ปรินิพฺพุเต ปน ภควติ สงฺคีติการกา ‘‘อุสภา’’ติอาทีนิ ตีณิ ปทานิ อฎฺฐกถํ อาโรเปตฺวา ‘‘ลาพูนี’’ติอาทีนิ จตฺตาริ ปทานิ เอกํ คาถํ กตฺวา เอกกนิปาตปาฬิํ อาโรเปสุนฺติฯ

    Parinibbute pana bhagavati saṅgītikārakā ‘‘usabhā’’tiādīni tīṇi padāni aṭṭhakathaṃ āropetvā ‘‘lābūnī’’tiādīni cattāri padāni ekaṃ gāthaṃ katvā ekakanipātapāḷiṃ āropesunti.

    มหาสุปินชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ

    Mahāsupinajātakavaṇṇanā sattamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๗๗. มหาสุปินชาตกํ • 77. Mahāsupinajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact