Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๖. มหาสุปินสุตฺตวณฺณนา
6. Mahāsupinasuttavaṇṇanā
๑๙๖. ฉเฎฺฐ ธาตุโกฺขภกรณปจฺจโย นาม วิสภาคเภสชฺชเสนาสนาหาราทิปจฺจโยฯ อตฺถกามตาย วา อนตฺถกามตาย วาติ ปสนฺนา อตฺถกามตาย, กุทฺธา อนตฺถกามตายฯ อตฺถาย วา อนตฺถาย วาติ สภาวโต ภวิตพฺพาย อตฺถาย วา อนตฺถาย วาฯ อุปสํหรนฺตีติ อตฺตโน เทวานุภาเวน อุปเนนฺติฯ โพธิสตฺตมาตา วิย ปุตฺตปฎิลาภนิมิตฺตนฺติ ตทา กิร ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฎฺฐาย วิคตสุราปานํ มาลาคนฺธาทิวิภูติสมฺปนฺนํ นกฺขตฺตกีฬํ อนุภวมานา โพธิสตฺตมาตา สตฺตเม ทิวเส ปาโตว อุฎฺฐาย คโนฺธทเกน นหายิตฺวา สพฺพาลงฺการภูสิตา วรโภชนํ ภุญฺชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฎฺฐาย สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา สิริสยเน นิปนฺนา นิทฺทํ โอกฺกมมานา อิมํ สุปินํ อทฺทส – จตฺตาโร กิร นํ มหาราชาโน สยเนเนว สทฺธิํ อุกฺขิปิตฺวา อโนตตฺตทหํ เนตฺวา นหาเปตฺวา ทิพฺพวตฺถํ นิวาเสตฺวา ทิพฺพคเนฺธหิ วิลิเมฺปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ ปิฬเนฺธตฺวา ตโต อวิทูเร รชตปพฺพโต, ตสฺส อโนฺต กนกวิมานํ อตฺถิ, ตสฺมิํ ปาจีนโต สีสํ กตฺวา นิปชฺชาเปสุํฯ อถ โพธิสโตฺต เสตวรวารโณ หุตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก สุวณฺณปพฺพโต, ตตฺถ จริตฺวา ตโต โอรุยฺห รชตปพฺพตํ อารุหิตฺวา กนกวิมานํ ปวิสิตฺวา มาตรํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิณปสฺสํ ผาเลตฺวา กุจฺฉิํ ปวิฎฺฐสทิโส อโหสิฯ อิมํ สุปินํ สนฺธาย เอตํ วุตฺตํ ‘‘โพธิสตฺตมาตา วิย ปุตฺตปฎิลาภนิมิตฺต’’นฺติฯ
196. Chaṭṭhe dhātukkhobhakaraṇapaccayo nāma visabhāgabhesajjasenāsanāhārādipaccayo. Atthakāmatāya vā anatthakāmatāya vāti pasannā atthakāmatāya, kuddhā anatthakāmatāya. Atthāya vā anatthāya vāti sabhāvato bhavitabbāya atthāya vā anatthāya vā. Upasaṃharantīti attano devānubhāvena upanenti. Bodhisattamātā viya puttapaṭilābhanimittanti tadā kira pure puṇṇamāya sattamadivasato paṭṭhāya vigatasurāpānaṃ mālāgandhādivibhūtisampannaṃ nakkhattakīḷaṃ anubhavamānā bodhisattamātā sattame divase pātova uṭṭhāya gandhodakena nahāyitvā sabbālaṅkārabhūsitā varabhojanaṃ bhuñjitvā uposathaṅgāni adhiṭṭhāya sirigabbhaṃ pavisitvā sirisayane nipannā niddaṃ okkamamānā imaṃ supinaṃ addasa – cattāro kira naṃ mahārājāno sayaneneva saddhiṃ ukkhipitvā anotattadahaṃ netvā nahāpetvā dibbavatthaṃ nivāsetvā dibbagandhehi vilimpetvā dibbapupphāni piḷandhetvā tato avidūre rajatapabbato, tassa anto kanakavimānaṃ atthi, tasmiṃ pācīnato sīsaṃ katvā nipajjāpesuṃ. Atha bodhisatto setavaravāraṇo hutvā tato avidūre eko suvaṇṇapabbato, tattha caritvā tato oruyha rajatapabbataṃ āruhitvā kanakavimānaṃ pavisitvā mātaraṃ padakkhiṇaṃ katvā dakkhiṇapassaṃ phāletvā kucchiṃ paviṭṭhasadiso ahosi. Imaṃ supinaṃ sandhāya etaṃ vuttaṃ ‘‘bodhisattamātā viya puttapaṭilābhanimitta’’nti.
โกสลราชา วิย โสฬส สุปิเนติ –
Kosalarājāviya soḷasa supineti –
‘‘อุสภา รุกฺขา คาวิโย ควา จ,
‘‘Usabhā rukkhā gāviyo gavā ca,
อโสฺส กํโส สิงฺคาลี จ กุโมฺภ;
Asso kaṃso siṅgālī ca kumbho;
โปกฺขรณี จ อปากจนฺทนํ,
Pokkharaṇī ca apākacandanaṃ,
ลาพูนิ สีทนฺติ สิลาปฺลวนฺติฯ
Lābūni sīdanti silāplavanti.
‘‘มณฺฑูกิโย กณฺหสเปฺป คิลนฺติ,
‘‘Maṇḍūkiyo kaṇhasappe gilanti,
กากํ สุวณฺณา ปริวารยนฺติ;
Kākaṃ suvaṇṇā parivārayanti;
ตสา วกา เอฬกานํ ภยา หี’’ติฯ (ชา. ๑.๑.๗๗) –
Tasā vakā eḷakānaṃ bhayā hī’’ti. (jā. 1.1.77) –
อิเม โสฬส สุปิเน ปสฺสโนฺต โกสลราชา วิยฯ
Ime soḷasa supine passanto kosalarājā viya.
๑. เอกทิวสํ กิร โกสลมหาราชา รตฺติํ นิทฺทูปคโต ปจฺฉิมยาเม โสฬส มหาสุปิเน ปสฺสิ (ชา. อฎฺฐ. ๑.๑.๗๖ มหาสุปินชาตกวณฺณนา)ฯ ตตฺถ จตฺตาโร อญฺชนวณฺณา กาฬอุสภา ‘‘ยุชฺฌิสฺสามา’’ติ จตูหิ ทิสาหิ ราชงฺคณํ อาคนฺตฺวา ‘‘อุสภยุทฺธํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ มหาชเน สนฺนิปติเต ยุชฺฌนาการํ ทเสฺสตฺวา นทิตฺวา คชฺชิตฺวา อยุชฺฌิตฺวาว ปฎิกฺกนฺตาฯ อิมํ ปฐมํ สุปินํ อทฺทสฯ
1. Ekadivasaṃ kira kosalamahārājā rattiṃ niddūpagato pacchimayāme soḷasa mahāsupine passi (jā. aṭṭha. 1.1.76 mahāsupinajātakavaṇṇanā). Tattha cattāro añjanavaṇṇā kāḷausabhā ‘‘yujjhissāmā’’ti catūhi disāhi rājaṅgaṇaṃ āgantvā ‘‘usabhayuddhaṃ passissāmā’’ti mahājane sannipatite yujjhanākāraṃ dassetvā naditvā gajjitvā ayujjhitvāva paṭikkantā. Imaṃ paṭhamaṃ supinaṃ addasa.
๒. ขุทฺทกา รุกฺขา เจว คจฺฉา จ ปถวิํ ภินฺทิตฺวา วิทตฺถิมตฺตมฺปิ รตนมตฺตมฺปิ อนุคฺคนฺตฺวาว ปุปฺผนฺติ เจว ผลนฺติ จฯ อิมํ ทุติยํ อทฺทสฯ
2. Khuddakā rukkhā ceva gacchā ca pathaviṃ bhinditvā vidatthimattampi ratanamattampi anuggantvāva pupphanti ceva phalanti ca. Imaṃ dutiyaṃ addasa.
๓. คาวิโย ตทหุชาตานํ วจฺฉานํ ขีรํ ปิวนฺติโย อทฺทสฯ อยํ ตติโย สุปิโนฯ
3. Gāviyo tadahujātānaṃ vacchānaṃ khīraṃ pivantiyo addasa. Ayaṃ tatiyo supino.
๔. ธุรวาเห อาโรหปริณาหสมฺปเนฺน มหาโคเณ ยุคปรมฺปราย อโยเชตฺวา ตรุเณ โคทเมฺม ธุเร โยเชเนฺต อทฺทสฯ เต ธุรํ วหิตุํ อสโกฺกนฺตา ฉเฑฺฑตฺวา อฎฺฐํสุ, สกฎานิ นปฺปวตฺติํสุฯ อยํ จตุโตฺถ สุปิโนฯ
4. Dhuravāhe ārohapariṇāhasampanne mahāgoṇe yugaparamparāya ayojetvā taruṇe godamme dhure yojente addasa. Te dhuraṃ vahituṃ asakkontā chaḍḍetvā aṭṭhaṃsu, sakaṭāni nappavattiṃsu. Ayaṃ catuttho supino.
๕. เอกํ อุภโตมุขํ อสฺสํ อทฺทสฯ ตสฺส อุโภสุ ปเสฺสสุ ยวสํ เทนฺติ, โส ทฺวีหิปิ มุเขหิ ขาทติฯ อยํ ปญฺจโม สุปิโนฯ
5. Ekaṃ ubhatomukhaṃ assaṃ addasa. Tassa ubhosu passesu yavasaṃ denti, so dvīhipi mukhehi khādati. Ayaṃ pañcamo supino.
๖. มหาชโน สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาติํ สมฺมชฺชิตฺวา ‘‘อิธ ปสฺสาวํ กโรหี’’ติ เอกสฺส ชรสิงฺคาลสฺส อุปนาเมสิฯ ตํ ตตฺถ ปสฺสาวํ กโรนฺตํ อทฺทสฯ อยํ ฉโฎฺฐ สุปิโนฯ
6. Mahājano satasahassagghanikaṃ suvaṇṇapātiṃ sammajjitvā ‘‘idha passāvaṃ karohī’’ti ekassa jarasiṅgālassa upanāmesi. Taṃ tattha passāvaṃ karontaṃ addasa. Ayaṃ chaṭṭho supino.
๗. เอโก ปุริโส รชฺชุํ วเฎฺฎตฺวา ปาทมูเล นิกฺขิปติฯ เตน นิสินฺนปีฐสฺส เหฎฺฐา สยิตา ฉาตสิงฺคาลี ตสฺส อชานนฺตเสฺสว ตํ ขาทติฯ อิมํ สตฺตมํ สุปินํ อทฺทสฯ
7. Eko puriso rajjuṃ vaṭṭetvā pādamūle nikkhipati. Tena nisinnapīṭhassa heṭṭhā sayitā chātasiṅgālī tassa ajānantasseva taṃ khādati. Imaṃ sattamaṃ supinaṃ addasa.
๘. ราชทฺวาเร พหูหิ ตุจฺฉกุเมฺภหิ ปริวาเรตฺวา ฐปิตํ เอกํ มหนฺตํ ปูริตกุมฺภํ อทฺทสฯ จตฺตาโรปิ ปน วณฺณา จตูหิ ทิสาหิ จตูหิ อนุทิสาหิ จ ฆเฎหิ อุทกํ อาเนตฺวา ปูริตกุมฺภเมว ปูเรนฺติ, ปูริตํ ปูริตํ อุทกํ อุตฺตริตฺวา ปลายติฯ เตปิ ปุนปฺปุนํ ตเตฺถว อุทกํ อาสิญฺจนฺติ, ตุจฺฉกุเมฺภ โอโลเกนฺตาปิ นตฺถิฯ อยํ อฎฺฐโม สุปิโนฯ
8. Rājadvāre bahūhi tucchakumbhehi parivāretvā ṭhapitaṃ ekaṃ mahantaṃ pūritakumbhaṃ addasa. Cattāropi pana vaṇṇā catūhi disāhi catūhi anudisāhi ca ghaṭehi udakaṃ ānetvā pūritakumbhameva pūrenti, pūritaṃ pūritaṃ udakaṃ uttaritvā palāyati. Tepi punappunaṃ tattheva udakaṃ āsiñcanti, tucchakumbhe olokentāpi natthi. Ayaṃ aṭṭhamo supino.
๙. เอกํ ปญฺจปทุมสญฺฉนฺนํ คมฺภีรํ สพฺพโตติตฺถํ โปกฺขรณิํ อทฺทสฯ สมนฺตโต ทฺวิปทจตุปฺปทา โอตริตฺวา ตตฺถ ปานียํ ปิวนฺติฯ ตสฺส มเชฺฌ คมฺภีรฎฺฐาเน อุทกํ อาวิลํ, ตีรปฺปเทเส ทฺวิปทจตุปฺปทานํ อกฺกมนฎฺฐาเน อจฺฉํ วิปฺปสนฺนมนาวิลํฯ อยํ นวโม สุปิโนฯ
9. Ekaṃ pañcapadumasañchannaṃ gambhīraṃ sabbatotitthaṃ pokkharaṇiṃ addasa. Samantato dvipadacatuppadā otaritvā tattha pānīyaṃ pivanti. Tassa majjhe gambhīraṭṭhāne udakaṃ āvilaṃ, tīrappadese dvipadacatuppadānaṃ akkamanaṭṭhāne acchaṃ vippasannamanāvilaṃ. Ayaṃ navamo supino.
๑๐. เอกิสฺสาเยว กุมฺภิยา ปจฺจมานํ โอทนํ อปากํ อทฺทสฯ ‘‘อปาก’’นฺติ วิจาเรตฺวา วิภชิตฺวา ฐปิตํ วิย ตีหากาเรหิ ปจฺจมานํ เอกสฺมิํ ปเสฺส อติกิลิโนฺน โหติ, เอกสฺมิํ อุตฺตณฺฑุโล, เอกสฺมิํ สุปโกฺกติฯ อยํ ทสโม สุปิโนฯ
10. Ekissāyeva kumbhiyā paccamānaṃ odanaṃ apākaṃ addasa. ‘‘Apāka’’nti vicāretvā vibhajitvā ṭhapitaṃ viya tīhākārehi paccamānaṃ ekasmiṃ passe atikilinno hoti, ekasmiṃ uttaṇḍulo, ekasmiṃ supakkoti. Ayaṃ dasamo supino.
๑๑. สตสหสฺสคฺฆนกํ จนฺทนสารํ ปูติตเกฺกน วิกฺกิณเนฺต อทฺทสฯ อยํ เอกาทสโม สุปิโนฯ
11. Satasahassagghanakaṃ candanasāraṃ pūtitakkena vikkiṇante addasa. Ayaṃ ekādasamo supino.
๑๒. ตุจฺฉลาพูนิ อุทเก สีทนฺตานิ อทฺทสฯ อยํ ทฺวาทสโม สุปิโนฯ
12. Tucchalābūni udake sīdantāni addasa. Ayaṃ dvādasamo supino.
๑๓. มหนฺตมหนฺตา กูฎาคารปฺปมาณา ฆนสิลา นาวา วิย อุทเก ปฺลวมานา อทฺทสฯ อยํ เตรสโม สุปิโนฯ
13. Mahantamahantā kūṭāgārappamāṇā ghanasilā nāvā viya udake plavamānā addasa. Ayaṃ terasamo supino.
๑๔. ขุทฺทกมธุกปุปฺผปฺปมาณา มณฺฑูกิโย มหเนฺต กณฺหสเปฺป เวเคน อนุพนฺธิตฺวา อุปฺปลนาเฬ วิย ฉินฺทิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา คิลนฺติโย อทฺทสฯ อยํ จุทฺทสโม สุปิโนฯ
14. Khuddakamadhukapupphappamāṇā maṇḍūkiyo mahante kaṇhasappe vegena anubandhitvā uppalanāḷe viya chinditvā maṃsaṃ khāditvā gilantiyo addasa. Ayaṃ cuddasamo supino.
๑๕. ทสหิ อสทฺธเมฺมหิ สมนฺนาคตํ คามโคจรํ กากํ กญฺจนวณฺณวณฺณตาย ‘‘สุวณฺณา’’ติ ลทฺธนาเม สุวณฺณราชหํเส ปริวาเรเนฺต อทฺทสฯ อยํ ปนฺนรสโม สุปิโนฯ
15. Dasahi asaddhammehi samannāgataṃ gāmagocaraṃ kākaṃ kañcanavaṇṇavaṇṇatāya ‘‘suvaṇṇā’’ti laddhanāme suvaṇṇarājahaṃse parivārente addasa. Ayaṃ pannarasamo supino.
๑๖. ปุเพฺพ ทีปิโน เอฬเก ขาทนฺติฯ เต ปน เอฬเก ทีปิโน อนุพนฺธิตฺวา มุรมุราติ ขาทเนฺต อทฺทสฯ อถเญฺญ ตสา วกา เอฬเก ทูรโตว ทิสฺวา ตสิตา ตาสปฺปตฺตา หุตฺวา เอฬกานํ ภยา ปลายิตฺวา คุมฺพคหนานิ ปวิสิตฺวา นิลียิํสุฯ อยํ โสฬสโม สุปิโนฯ
16. Pubbe dīpino eḷake khādanti. Te pana eḷake dīpino anubandhitvā muramurāti khādante addasa. Athaññe tasā vakā eḷake dūratova disvā tasitā tāsappattā hutvā eḷakānaṃ bhayā palāyitvā gumbagahanāni pavisitvā nilīyiṃsu. Ayaṃ soḷasamo supino.
๑. ตตฺถ อธมฺมิกานํ ราชูนํ, อธมฺมิกานญฺจ มนุสฺสานํ กาเล โลเก วิปริวตฺตมาเน กุสเล โอสเนฺน อกุสเล อุสฺสเนฺน โลกสฺส ปริหานกาเล เทโว น สมฺมา วสิสฺสติ, เมฆปาทา ปจฺฉิชฺชิสฺสนฺติ, สสฺสานิ มิลายิสฺสนฺติ, ทุพฺภิกฺขํ ภวิสฺสติ, วสฺสิตุกามา วิย จตูหิ ทิสาหิ เมฆา อุฎฺฐหิตฺวา อิตฺถิกาหิ อาตเป ปตฺถฎานํ วีหิอาทีนํ เตมนภเยน อโนฺตปเวสิตกาเล ปุริเสสุ กุทาลปิฎเก อาทาย อาฬิพนฺธนตฺถาย นิกฺขเนฺตสุ วสฺสนาการํ ทเสฺสตฺวา คชฺชิตฺวา วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรตฺวา อุสภา วิย อยุชฺฌิตฺวา อวสฺสิตฺวาว ปลายิสฺสนฺติฯ อยํ ปฐมสฺส วิปาโกฯ
1. Tattha adhammikānaṃ rājūnaṃ, adhammikānañca manussānaṃ kāle loke viparivattamāne kusale osanne akusale ussanne lokassa parihānakāle devo na sammā vasissati, meghapādā pacchijjissanti, sassāni milāyissanti, dubbhikkhaṃ bhavissati, vassitukāmā viya catūhi disāhi meghā uṭṭhahitvā itthikāhi ātape patthaṭānaṃ vīhiādīnaṃ temanabhayena antopavesitakāle purisesu kudālapiṭake ādāya āḷibandhanatthāya nikkhantesu vassanākāraṃ dassetvā gajjitvā vijjulatā nicchāretvā usabhā viya ayujjhitvā avassitvāva palāyissanti. Ayaṃ paṭhamassa vipāko.
๒. โลกสฺส ปริหีนกาเล มนุสฺสานํ ปริตฺตายุกกาเล สตฺตา ติพฺพราคา ภวิสฺสนฺติ, อสมฺปตฺตวยาว กุมาริโย ปุริสนฺตรํ คนฺตฺวา อุตุนิโย เจว คพฺภินิโย จ หุตฺวา ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒิสฺสนฺติฯ ขุทฺทกรุกฺขานํ ปุปฺผํ วิย หิ ตาสํ อุตุนิภาโว, ผลํ วิย จ ปุตฺตธีตโร ภวิสฺสนฺติฯ อยํ ทุติยสฺส วิปาโกฯ
2. Lokassa parihīnakāle manussānaṃ parittāyukakāle sattā tibbarāgā bhavissanti, asampattavayāva kumāriyo purisantaraṃ gantvā utuniyo ceva gabbhiniyo ca hutvā puttadhītāhi vaḍḍhissanti. Khuddakarukkhānaṃ pupphaṃ viya hi tāsaṃ utunibhāvo, phalaṃ viya ca puttadhītaro bhavissanti. Ayaṃ dutiyassa vipāko.
๓. มนุสฺสานํ เชฎฺฐาปจายิกกมฺมสฺส นฎฺฐกาเล สตฺตา มาตาปิตูสุ วา สสฺสุสสุเรสุ วา ลชฺชํ อนุปฎฺฐเปตฺวา สยเมว กุฎุมฺพํ สํวิทหนฺตาว ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ มหลฺลกานํ ทาตุกามา ทสฺสนฺติ, อทาตุกามา น ทสฺสนฺติฯ มหลฺลกา อนาถา หุตฺวา อสยํวสี ทารเก อาราเธตฺวา ชีวิสฺสนฺติ ตทหุชาตานํ วจฺฉกานํ ขีรํ ปิวนฺติโย มหาคาวิโย วิยฯ อยํ ตติยสฺส วิปาโกฯ
3. Manussānaṃ jeṭṭhāpacāyikakammassa naṭṭhakāle sattā mātāpitūsu vā sassusasuresu vā lajjaṃ anupaṭṭhapetvā sayameva kuṭumbaṃ saṃvidahantāva ghāsacchādanamattampi mahallakānaṃ dātukāmā dassanti, adātukāmā na dassanti. Mahallakā anāthā hutvā asayaṃvasī dārake ārādhetvā jīvissanti tadahujātānaṃ vacchakānaṃ khīraṃ pivantiyo mahāgāviyo viya. Ayaṃ tatiyassa vipāko.
๔. อธมฺมิกราชูนํ กาเล อธมฺมิกราชาโน ปณฺฑิตานํ ปเวณิกุสลานํ กมฺมนิตฺถรณสมตฺถานํ มหามตฺตานํ ยสํ น ทสฺสนฺติ, ธมฺมสภายํ วินิจฺฉยฎฺฐาเนปิ ปณฺฑิเต โวหารกุสเล มหลฺลเก อมเจฺจ น ฐเปสฺสนฺติ, ตพฺพิปรีตานํ ปน ตรุณตรุณานํ ยสํ ทสฺสนฺติ, ตถารูเป เอว จ วินิจฺฉยฎฺฐาเน ฐเปสฺสนฺติฯ เต ราชกมฺมานิ เจว ยุตฺตายุตฺตญฺจ อชานนฺตา เนว ตํ ยสํ อุกฺขิปิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, น ราชกมฺมานิ นิตฺถริตุํฯ เต อสโกฺกนฺตา กมฺมธุรํ ฉเฑฺฑสฺสนฺติ, มหลฺลกาปิ ปณฺฑิตามจฺจา ยสํ อลภนฺตา กิจฺจานิ นิตฺถริตุํ สมตฺถาปิ ‘‘กิํ อมฺหากํ เอเตหิ, มยํ พาหิรกา ชาตา, อพฺภนฺตริกา ตรุณทารกา ชานิสฺสนฺตี’’ติ อุปฺปนฺนานิ กมฺมานิ น กริสฺสนฺติฯ เอวํ สพฺพถาปิ เตสํ ราชูนํ หานิเยว ภวิสฺสติ, ธุรํ วหิตุํ อสมตฺถานํ วจฺฉทมฺมานํ ธุเร โยชิตกาโล วิย ทูรวาหานญฺจ มหาโคณานํ ยุคปรมฺปราย อโยชิตกาโล วิย ภวิสฺสติฯ อยํ จตุตฺถสฺส วิปาโกฯ
4. Adhammikarājūnaṃ kāle adhammikarājāno paṇḍitānaṃ paveṇikusalānaṃ kammanittharaṇasamatthānaṃ mahāmattānaṃ yasaṃ na dassanti, dhammasabhāyaṃ vinicchayaṭṭhānepi paṇḍite vohārakusale mahallake amacce na ṭhapessanti, tabbiparītānaṃ pana taruṇataruṇānaṃ yasaṃ dassanti, tathārūpe eva ca vinicchayaṭṭhāne ṭhapessanti. Te rājakammāni ceva yuttāyuttañca ajānantā neva taṃ yasaṃ ukkhipituṃ sakkhissanti, na rājakammāni nittharituṃ. Te asakkontā kammadhuraṃ chaḍḍessanti, mahallakāpi paṇḍitāmaccā yasaṃ alabhantā kiccāni nittharituṃ samatthāpi ‘‘kiṃ amhākaṃ etehi, mayaṃ bāhirakā jātā, abbhantarikā taruṇadārakā jānissantī’’ti uppannāni kammāni na karissanti. Evaṃ sabbathāpi tesaṃ rājūnaṃ hāniyeva bhavissati, dhuraṃ vahituṃ asamatthānaṃ vacchadammānaṃ dhure yojitakālo viya dūravāhānañca mahāgoṇānaṃ yugaparamparāya ayojitakālo viya bhavissati. Ayaṃ catutthassa vipāko.
๕. อธมฺมิกราชกาเลเยว อธมฺมิกพาลราชาโน อธมฺมิเก โลลมนุเสฺส วินิจฺฉเย ฐเปสฺสนฺติ, เต ปาปปุเญฺญสุ อนาทรา พาลา สภายํ นิสีทิตฺวา วินิจฺฉยํ เทนฺตา อุภินฺนมฺปิ อตฺถปจฺจตฺถิกานํ หตฺถโต ลญฺชํ คเหตฺวา ขาทิสฺสนฺติ อโสฺส วิย ทฺวีหิ มุเขหิ ยวสํฯ อยํ ปญฺจมสฺส วิปาโกฯ
5. Adhammikarājakāleyeva adhammikabālarājāno adhammike lolamanusse vinicchaye ṭhapessanti, te pāpapuññesu anādarā bālā sabhāyaṃ nisīditvā vinicchayaṃ dentā ubhinnampi atthapaccatthikānaṃ hatthato lañjaṃ gahetvā khādissanti asso viya dvīhi mukhehi yavasaṃ. Ayaṃ pañcamassa vipāko.
๖. อธมฺมิกาเยว วิชาติราชาโน ชาติสมฺปนฺนานํ กุลปุตฺตานํ อาสงฺกาย ยสํ น ทสฺสนฺติ, อกุลีนานํเยว ทสฺสนฺติฯ เอวํ มหากุลานิ ทุคฺคตานิ ภวิสฺสนฺติ, ลามกกุลานิ อิสฺสรานิฯ เต จ กุลีนปุริสา ชีวิตุํ อสโกฺกนฺตา ‘‘อิเม นิสฺสาย ชีวิสฺสามา’’ติ อกุลีนานํ ธีตโร ทสฺสนฺติ, อิติ ตาสํ กุลธีตานํ อกุลีเนหิ สทฺธิํ สํวาโส ชรสิงฺคาลสฺส สุวณฺณปาติยํ ปสฺสาวกรณสทิโส ภวิสฺสติฯ อยํ ฉฎฺฐสฺส วิปาโกฯ
6. Adhammikāyeva vijātirājāno jātisampannānaṃ kulaputtānaṃ āsaṅkāya yasaṃ na dassanti, akulīnānaṃyeva dassanti. Evaṃ mahākulāni duggatāni bhavissanti, lāmakakulāni issarāni. Te ca kulīnapurisā jīvituṃ asakkontā ‘‘ime nissāya jīvissāmā’’ti akulīnānaṃ dhītaro dassanti, iti tāsaṃ kuladhītānaṃ akulīnehi saddhiṃ saṃvāso jarasiṅgālassa suvaṇṇapātiyaṃ passāvakaraṇasadiso bhavissati. Ayaṃ chaṭṭhassa vipāko.
๗. คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล อิตฺถิโย ปุริสโลลา สุราโลลา อลงฺการโลลา วิสิขาโลลา อามิสโลลา ภวิสฺสนฺติ ทุสฺสีลา ทุราจาราฯ ตา สามิเกหิ กสิโครกฺขาทีนิ กมฺมานิ กตฺวา กิเจฺฉน กสิเรน สมฺภตํ ธนํ ชาเรหิ สทฺธิํ สุรํ ปิวนฺติโย มาลาคนฺธวิเลปนํ ธารยมานา อโนฺตเคเห อจฺจายิกมฺปิ กิจฺจํ อโนโลเกตฺวา เคหปริเกฺขปสฺส อุปริภาเคนปิ ฉิทฺทฎฺฐาเนหิปิ ชาเร อุปธารยมานา เสฺว วปิตพฺพยุตฺตกํ พีชมฺปิ โกเฎฺฎตฺวา ยาคุภตฺตขชฺชกานิ ปจิตฺวา ขาทมานา วิลุมฺปิสฺสนฺติ เหฎฺฐาปีฐเก นิปนฺนฉาตสิงฺคาลี วิย วเฎฺฎตฺวา วเฎฺฎตฺวา ปาทมูเล นิกฺขิตฺตรชฺชุํฯ อยํ สตฺตมสฺส วิปาโกฯ
7. Gacchante gacchante kāle itthiyo purisalolā surālolā alaṅkāralolā visikhālolā āmisalolā bhavissanti dussīlā durācārā. Tā sāmikehi kasigorakkhādīni kammāni katvā kicchena kasirena sambhataṃ dhanaṃ jārehi saddhiṃ suraṃ pivantiyo mālāgandhavilepanaṃ dhārayamānā antogehe accāyikampi kiccaṃ anoloketvā gehaparikkhepassa uparibhāgenapi chiddaṭṭhānehipi jāre upadhārayamānā sve vapitabbayuttakaṃ bījampi koṭṭetvā yāgubhattakhajjakāni pacitvā khādamānā vilumpissanti heṭṭhāpīṭhake nipannachātasiṅgālī viya vaṭṭetvā vaṭṭetvā pādamūle nikkhittarajjuṃ. Ayaṃ sattamassa vipāko.
๘. คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล โลโก ปริหายิสฺสติ, รฎฺฐํ นิโรชํ ภวิสฺสติ, ราชาโน ทุคฺคตา กปณา ภวิสฺสนฺติฯ โย อิสฺสโร ภวิสฺสติ, ตสฺส ภณฺฑาคาเร สตสหสฺสมตฺตา ภวิสฺสนฺติฯ เต เอวํทุคฺคตา สเพฺพ ชานปเท อตฺตโนว กมฺมํ กาเรสฺสนฺติ, อุปทฺทุตา มนุสฺสา สเก กมฺมเนฺต ฉเฑฺฑตฺวา ราชูนํเยว อตฺถาย ปุพฺพณฺณาปรณฺณานิ วปนฺตา รกฺขนฺตา ลายนฺตา มทฺทนฺตา ปเวเสนฺตา อุจฺฉุเกฺขตฺตานิ กโรนฺตา ยนฺตานิ วาเหนฺตา ผาณิตาทีนิ ปจนฺตา ปุปฺผาราเม ผลาราเม จ กโรนฺตา ตตฺถ ตตฺถ นิปฺผนฺนานิ ปุพฺพณฺณาทีนิ อาหริตฺวา รโญฺญ โกฎฺฐาคารเมว ปูเรสฺสนฺติฯ อตฺตโน เคเหสุ ตุจฺฉโกเฎฺฐ โอโลเกนฺตาปิ น ภวิสฺสนฺติ, ตุจฺฉกุเมฺภ อโนโลเกตฺวา ปูริตกุมฺภปูรณสทิสเมว ภวิสฺสติฯ อยํ อฎฺฐมสฺส วิปาโกฯ
8. Gacchante gacchante kāle loko parihāyissati, raṭṭhaṃ nirojaṃ bhavissati, rājāno duggatā kapaṇā bhavissanti. Yo issaro bhavissati, tassa bhaṇḍāgāre satasahassamattā bhavissanti. Te evaṃduggatā sabbe jānapade attanova kammaṃ kāressanti, upaddutā manussā sake kammante chaḍḍetvā rājūnaṃyeva atthāya pubbaṇṇāparaṇṇāni vapantā rakkhantā lāyantā maddantā pavesentā ucchukkhettāni karontā yantāni vāhentā phāṇitādīni pacantā pupphārāme phalārāme ca karontā tattha tattha nipphannāni pubbaṇṇādīni āharitvā rañño koṭṭhāgārameva pūressanti. Attano gehesu tucchakoṭṭhe olokentāpi na bhavissanti, tucchakumbhe anoloketvā pūritakumbhapūraṇasadisameva bhavissati. Ayaṃ aṭṭhamassa vipāko.
๙. คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล ราชาโน อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติ, ฉนฺทาทิวเสน อคติํ คจฺฉนฺตา รชฺชํ กาเรสฺสนฺติ, ธเมฺมน วินิจฺฉยํ นาม น ทสฺสนฺติ ลญฺชวิตฺตกา ภวิสฺสนฺติ ธนโลลา, รฎฺฐวาสิเกสุ เตสํ ขนฺติเมตฺตานุทฺทยา นาม น ภวิสฺสนฺติ, กกฺขฬา ผรุสา อุจฺฉุยเนฺต อุจฺฉุภณฺฑิกา วิย มนุเสฺส ปีเฬนฺตา นานปฺปการํ พลิํ อุปฺปาเทตฺวา ธนํ คณฺหิสฺสนฺติฯ มนุสฺสา พลิปีฬิตา กิญฺจิ ทาตุํ อสโกฺกนฺตา คามนิคมาทโย ฉเฑฺฑตฺวา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา วาสํ กเปฺปสฺสนฺติฯ มชฺฌิมชนปโท สุโญฺญ ภวิสฺสติ, ปจฺจโนฺต ฆนวาโส เสยฺยถาปิ โปกฺขรณิยา มเชฺฌ อุทกํ อาวิลํ ปริยเนฺต วิปฺปสนฺนํฯ อยํ นวมสฺส วิปาโกฯ
9. Gacchante gacchante kāle rājāno adhammikā bhavissanti, chandādivasena agatiṃ gacchantā rajjaṃ kāressanti, dhammena vinicchayaṃ nāma na dassanti lañjavittakā bhavissanti dhanalolā, raṭṭhavāsikesu tesaṃ khantimettānuddayā nāma na bhavissanti, kakkhaḷā pharusā ucchuyante ucchubhaṇḍikā viya manusse pīḷentā nānappakāraṃ baliṃ uppādetvā dhanaṃ gaṇhissanti. Manussā balipīḷitā kiñci dātuṃ asakkontā gāmanigamādayo chaḍḍetvā paccantaṃ gantvā vāsaṃ kappessanti. Majjhimajanapado suñño bhavissati, paccanto ghanavāso seyyathāpi pokkharaṇiyā majjhe udakaṃ āvilaṃ pariyante vippasannaṃ. Ayaṃ navamassa vipāko.
๑๐. คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล ราชาโน อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติ, เตสุ อธมฺมิเกสุ ราชยุตฺตาปิ พฺราหฺมณคหปติกาปิ เนคมชานปทาปีติ สมณพฺราหฺมเณ อุปาทาย สเพฺพ มนุสฺสา อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติฯ ตโต เตสํ อารกฺขเทวตา, พลิปฎิคฺคาหิกเทวตา, รุกฺขเทวตา, อากาสฎฺฐเทวตาติ เอวํ เทวตาปิ อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติฯ อธมฺมิกราชูนํ รเชฺช วาตา วิสมา ขรา วายิสฺสนฺติ, เต อากาสฎฺฐกวิมานานิ กเมฺปสฺสนฺติฯ เตสุ กมฺปิเตสุ เทวตา กุปิตา เทวํ วสฺสิตุํ น ทสฺสนฺติฯ วสฺสมาโนปิ สกลรเฎฺฐ เอกปฺปหาเรเนว น วสฺสิสฺสติ, วสฺสมาโนปิ สพฺพตฺถ กสิกมฺมสฺส วา วปฺปกมฺมสฺส วา อุปกาโร หุตฺวา น วสฺสิสฺสติฯ ยถา จ รเฎฺฐ, เอวํ ชนปเทปิ คาเมปิ เอกตฬากสเรปิ เอกปฺปหาเรน น วสฺสิสฺสติ, ตฬากสฺส อุปริภาเค วสฺสโนฺต เหฎฺฐาภาเค น วสฺสิสฺสติ, เหฎฺฐา วสฺสโนฺต อุปริ น วสฺสิสฺสติฯ เอกสฺมิํ ภาเค สสฺสํ อติวเสฺสน นสฺสิสฺสติ, เอกสฺมิํ อวสฺสเนน มิลายิสฺสติ, เอกสฺมิํ สมฺมา วสฺสมาโน สมฺปาเทสฺสติฯ เอวํ เอกสฺส รโญฺญ รเชฺช วุตฺตสสฺสา วิปาโกฯ ติปฺปการา ภวิสฺสนฺติ เอกกุมฺภิยา โอทโน วิยฯ อยํ ทสมสฺส วิปาโกฯ
10. Gacchante gacchante kāle rājāno adhammikā bhavissanti, tesu adhammikesu rājayuttāpi brāhmaṇagahapatikāpi negamajānapadāpīti samaṇabrāhmaṇe upādāya sabbe manussā adhammikā bhavissanti. Tato tesaṃ ārakkhadevatā, balipaṭiggāhikadevatā, rukkhadevatā, ākāsaṭṭhadevatāti evaṃ devatāpi adhammikā bhavissanti. Adhammikarājūnaṃ rajje vātā visamā kharā vāyissanti, te ākāsaṭṭhakavimānāni kampessanti. Tesu kampitesu devatā kupitā devaṃ vassituṃ na dassanti. Vassamānopi sakalaraṭṭhe ekappahāreneva na vassissati, vassamānopi sabbattha kasikammassa vā vappakammassa vā upakāro hutvā na vassissati. Yathā ca raṭṭhe, evaṃ janapadepi gāmepi ekataḷākasarepi ekappahārena na vassissati, taḷākassa uparibhāge vassanto heṭṭhābhāge na vassissati, heṭṭhā vassanto upari na vassissati. Ekasmiṃ bhāge sassaṃ ativassena nassissati, ekasmiṃ avassanena milāyissati, ekasmiṃ sammā vassamāno sampādessati. Evaṃ ekassa rañño rajje vuttasassā vipāko. Tippakārā bhavissanti ekakumbhiyā odano viya. Ayaṃ dasamassa vipāko.
๑๑. คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺตเยว กาเล สาสเน ปริหายเนฺต ปจฺจยโลลา อลชฺชิกา พหู ภิกฺขู ภวิสฺสนฺติฯ เต ภควตา ปจฺจยโลลุปฺปํ นิมฺมเถตฺวา กถิตธมฺมเทสนํ จีวราทิจตุปจฺจยเหตุ ปเรสํ เทเสสฺสนฺติฯ ปจฺจเยหิ มุจฺฉิตฺวา นิตฺถรณปเกฺข ฐิตา นิพฺพานาภิมุขํ กตฺวา เทเสตุํ น สกฺขิสฺสนฺติฯ เกวลํ ‘‘ปทพฺยญฺชนสมฺปตฺติเญฺจว มธุรสทฺทญฺจ สุตฺวา มหคฺฆานิ จีวราทีนิ ทสฺสนฺติ’’อิเจฺจวํ เทเสสฺสนฺติฯ อปเร อนฺตรวีถิจตุกฺกราชทฺวาราทีสุ นิสีทิตฺวา กหาปณอฑฺฒกหาปณปาทมาสกรูปาทีนิปิ นิสฺสาย เทเสสฺสนฺติฯ อิติ ภควตา นิพฺพานคฺฆนกํ กตฺวา เทสิตํ ธมฺมํ จตุปจฺจยตฺถาย เจว กหาปณาทิอตฺถาย จ วิกฺกิณิตฺวา เทเสนฺตา สตสหสฺสคฺฆนกํ จนฺทนสารํ ปูติตเกฺกน วิกฺกิณนฺตา วิย ภวิสฺสนฺติฯ อยํ เอกาทสมสฺส วิปาโกฯ
11. Gacchante gacchanteyeva kāle sāsane parihāyante paccayalolā alajjikā bahū bhikkhū bhavissanti. Te bhagavatā paccayaloluppaṃ nimmathetvā kathitadhammadesanaṃ cīvarādicatupaccayahetu paresaṃ desessanti. Paccayehi mucchitvā nittharaṇapakkhe ṭhitā nibbānābhimukhaṃ katvā desetuṃ na sakkhissanti. Kevalaṃ ‘‘padabyañjanasampattiñceva madhurasaddañca sutvā mahagghāni cīvarādīni dassanti’’iccevaṃ desessanti. Apare antaravīthicatukkarājadvārādīsu nisīditvā kahāpaṇaaḍḍhakahāpaṇapādamāsakarūpādīnipi nissāya desessanti. Iti bhagavatā nibbānagghanakaṃ katvā desitaṃ dhammaṃ catupaccayatthāya ceva kahāpaṇādiatthāya ca vikkiṇitvā desentā satasahassagghanakaṃ candanasāraṃ pūtitakkena vikkiṇantā viya bhavissanti. Ayaṃ ekādasamassa vipāko.
๑๒. อธมฺมิกราชกาเล โลเก วิปริวตฺตเนฺตเยว ราชาโน ชาติสมฺปนฺนานํ กุลปุตฺตานํ ยสํ น ทสฺสนฺติ, อกุลีนานเญฺญว ทสฺสนฺติฯ เต อิสฺสรา ภวิสฺสนฺติ, อิตรา ทลิทฺทาฯ ราชสมฺมุเขปิ ราชทฺวาเรปิ อมจฺจสมฺมุเขปิ วินิจฺฉยฎฺฐาเนปิ ตุจฺฉลาพุสทิสานํ อกุลีนานํเยว กถา โอสีทิตฺวา ฐิตา วิย นิจฺจลา สุปฺปติฎฺฐิตา ภวิสฺสติฯ สงฺฆสนฺนิปาเตปิ สงฺฆกมฺมคณกมฺมฎฺฐาเนสุ เจว ปตฺตจีวรปริเวณาทิวินิจฺฉยฎฺฐาเนสุ จ ทุสฺสีลานํ ปาปปุคฺคลานํเยว กถา นิยฺยานิกา ภวิสฺสติ, น ลชฺชิภิกฺขูนนฺติ เอวํ สพฺพตฺถาปิ ตุจฺฉลาพูนํ สีทนกาโล วิย ภวิสฺสติฯ อยํ ทฺวาทสมสฺส วิปาโกฯ
12. Adhammikarājakāle loke viparivattanteyeva rājāno jātisampannānaṃ kulaputtānaṃ yasaṃ na dassanti, akulīnānaññeva dassanti. Te issarā bhavissanti, itarā daliddā. Rājasammukhepi rājadvārepi amaccasammukhepi vinicchayaṭṭhānepi tucchalābusadisānaṃ akulīnānaṃyeva kathā osīditvā ṭhitā viya niccalā suppatiṭṭhitā bhavissati. Saṅghasannipātepi saṅghakammagaṇakammaṭṭhānesu ceva pattacīvarapariveṇādivinicchayaṭṭhānesu ca dussīlānaṃ pāpapuggalānaṃyeva kathā niyyānikā bhavissati, na lajjibhikkhūnanti evaṃ sabbatthāpi tucchalābūnaṃ sīdanakālo viya bhavissati. Ayaṃ dvādasamassa vipāko.
๑๓. ตาทิเสเยว กาเล อธมฺมิกราชาโน อกุลีนานํ ยสํ ทสฺสนฺติฯ เต อิสฺสรา ภวิสฺสนฺติ, กุลีนา ทุคฺคตาฯ เตสุ น เกจิ คารวํ กริสฺสนฺติ, อิตเรสุเยว กริสฺสนฺติฯ ราชสมฺมุเข วา อมจฺจสมฺมุเข วา วินิจฺฉยฎฺฐาเน วา วินิจฺฉยกุสลานํ ฆนสิลาสทิสานํ กุลปุตฺตานํ กถา น โอคาหิตฺวา ปติฎฺฐหิสฺสติฯ เตสุ กเถเนฺตสุ ‘‘กิํ อิเม กเถนฺตี’’ติ อิตเร ปริหาสเมว กริสฺสนฺติฯ ภิกฺขุสนฺนิปาเตปิ วุตฺตปฺปกาเรสุ ฐาเนสุ เนว เปสเล ภิกฺขู ครุกาตเพฺพ มญฺญิสฺสนฺติ, นาปิ เนสํ กถา ปริโยคาหิตฺวา ปติฎฺฐหิสฺสติ, สิลานํ ปฺลวนกาโล วิย ภวิสฺสติฯ อยํ เตรสมสฺส วิปาโกฯ
13. Tādiseyeva kāle adhammikarājāno akulīnānaṃ yasaṃ dassanti. Te issarā bhavissanti, kulīnā duggatā. Tesu na keci gāravaṃ karissanti, itaresuyeva karissanti. Rājasammukhe vā amaccasammukhe vā vinicchayaṭṭhāne vā vinicchayakusalānaṃ ghanasilāsadisānaṃ kulaputtānaṃ kathā na ogāhitvā patiṭṭhahissati. Tesu kathentesu ‘‘kiṃ ime kathentī’’ti itare parihāsameva karissanti. Bhikkhusannipātepi vuttappakāresu ṭhānesu neva pesale bhikkhū garukātabbe maññissanti, nāpi nesaṃ kathā pariyogāhitvā patiṭṭhahissati, silānaṃ plavanakālo viya bhavissati. Ayaṃ terasamassa vipāko.
๑๔. โลเก ปริหายเนฺตเยว มนุสฺสา ติพฺพราคาทิชาติกา กิเลสานุวตฺตกา หุตฺวา ตรุณานํ อตฺตโน ภริยานํ วเส วตฺติสฺสนฺติฯ เคเห ทาสกมฺมการาทโยปิ โคมหิํสาทโยปิ หิรญฺญสุวณฺณมฺปิ สพฺพํ ตาสํเยว อายตฺตํ ภวิสฺสติฯ ‘‘อสุกํ หิรญฺญสุวณฺณํ วา ปริจฺฉทาทิชาตํ วา กห’’นฺติ วุเตฺต ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา โหตุ, กิํ ตุยฺหิมินา พฺยาปาเรน, ตฺวํ มยฺหํ ฆเร สนฺตํ วา อสนฺตํ วา ชานิตุกาโม ชาโต’’ติ วตฺวา นานปฺปกาเรหิ อโกฺกสิตฺวา มุขสตฺตีหิ โกเฎฺฎตฺวา ทาสเจฎเก วิย วเส กตฺวา อตฺตโน อิสฺสริยํ ปวเตฺตสฺสนฺติฯ เอวํ มธุกปุปฺผปฺปมาณานํ มณฺฑูกีนํ อาสิวิเส กณฺหสเปฺป คิลนกาโล วิย ภวิสฺสติฯ อยํ จุทฺทสมสฺส วิปาโกฯ
14. Loke parihāyanteyeva manussā tibbarāgādijātikā kilesānuvattakā hutvā taruṇānaṃ attano bhariyānaṃ vase vattissanti. Gehe dāsakammakārādayopi gomahiṃsādayopi hiraññasuvaṇṇampi sabbaṃ tāsaṃyeva āyattaṃ bhavissati. ‘‘Asukaṃ hiraññasuvaṇṇaṃ vā paricchadādijātaṃ vā kaha’’nti vutte ‘‘yattha vā tattha vā hotu, kiṃ tuyhiminā byāpārena, tvaṃ mayhaṃ ghare santaṃ vā asantaṃ vā jānitukāmo jāto’’ti vatvā nānappakārehi akkositvā mukhasattīhi koṭṭetvā dāsaceṭake viya vase katvā attano issariyaṃ pavattessanti. Evaṃ madhukapupphappamāṇānaṃ maṇḍūkīnaṃ āsivise kaṇhasappe gilanakālo viya bhavissati. Ayaṃ cuddasamassa vipāko.
๑๕. ทุพฺพลราชกาเล ปน ราชาโน หตฺถิสิปฺปาทีสุ อกุสลา ยุเทฺธสุ อวิสารทา ภวิสฺสนฺติฯ เต อตฺตโน ราชาธิปจฺจํ อาสงฺกมานา สมานชาติกานํ กุลปุตฺตานํ อิสฺสริยํ อทตฺวา อตฺตโน ปาทมูลิกนหาปนกปฺปกาทีนํ ทสฺสนฺติฯ ชาติโคตฺตสมฺปนฺนา กุลปุตฺตา ราชกุเล ปติฎฺฐํ อลภมานา ชีวิกํ กเปฺปตุํ อสมตฺถา หุตฺวา อิสฺสริเย ฐิเต ชาติโคตฺตหีเน อกุลีเน อุปฎฺฐหนฺตา วิจริสฺสนฺติ, สุวณฺณราชหํเสหิ กากสฺส ปริวาริตกาโล วิย ภวิสฺสติฯ อยํ ปนฺนรสมสฺส วิปาโกฯ
15. Dubbalarājakāle pana rājāno hatthisippādīsu akusalā yuddhesu avisāradā bhavissanti. Te attano rājādhipaccaṃ āsaṅkamānā samānajātikānaṃ kulaputtānaṃ issariyaṃ adatvā attano pādamūlikanahāpanakappakādīnaṃ dassanti. Jātigottasampannā kulaputtā rājakule patiṭṭhaṃ alabhamānā jīvikaṃ kappetuṃ asamatthā hutvā issariye ṭhite jātigottahīne akulīne upaṭṭhahantā vicarissanti, suvaṇṇarājahaṃsehi kākassa parivāritakālo viya bhavissati. Ayaṃ pannarasamassa vipāko.
๑๖. อธมฺมิกราชกาเลเยว จ อกุลีนาว ราชวลฺลภา อิสฺสรา ภวิสฺสนฺติ, กุลีนา อปญฺญาตา ทุคฺคตาฯ เต ราชานํ อตฺตโน กถํ คาหาเปตฺวา วินิจฺฉยฎฺฐานาทีสุ พลวโนฺต หุตฺวา ทุพฺพลานํ ปเวณิอาคตานิ เขตฺตวตฺถาทีนิ ‘‘อมฺหากํ สนฺตกานี’’ติ อภิยุญฺชิตฺวา เต ‘‘น ตุมฺหากํ, อมฺหาก’’นฺติ อาคนฺตฺวา วินิจฺฉยฎฺฐานาทีสุ วิวทเนฺต เวตฺตลตาทีหิ ปหราเปตฺวา คีวายํ คเหตฺวา อปกฑฺฒาเปตฺวา ‘‘อตฺตโน ปมาณํ น ชานาถ, อเมฺหหิ สทฺธิํ วิวทถ, อิทานิ โว ปหราเปตฺวา รโญฺญ กเถตฺวา หตฺถปาทเจฺฉทาทีนิ กาเรสฺสามา’’ติ สนฺตเชฺชสฺสนฺติฯ เต เตสํ ภเยน อตฺตโน สนฺตกานิ วตฺถูนิ ‘‘ตุมฺหากํเยว ตานิ, คณฺหถา’’ติ นิยฺยาเตตฺวา อตฺตโน เคหานิ ปวิสิตฺวา ภีตา นิปชฺชิสฺสนฺติฯ ปาปภิกฺขูปิ เปสเล ภิกฺขู ยถารุจิ วิเหเฐสฺสนฺติฯ เปสลา ภิกฺขู ปฎิสรณํ อลภมานา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา คหนฎฺฐาเนสุ นิลียิสฺสนฺติฯ เอวํ หีนชเจฺจหิ เจว ปาปภิกฺขูหิ จ อุปทฺทุตานํ ชาติมนฺตกุลปุตฺตานเญฺจว เปสลภิกฺขูนญฺจ เอฬกานํ ภเยน ตสวกานํ ปลายนกาโล วิย ภวิสฺสติฯ อยํ โสฬสมสฺส วิปาโกฯ เอวํ ตสฺส ตสฺส อนตฺถสฺส ปุพฺพนิมิตฺตภูเต โสฬส มหาสุปิเน ปสฺสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โกสลราชา วิย โสฬส สุปิเน’’ติฯ เอตฺถ จ ปุพฺพนิมิตฺตโต อตฺตโน อตฺถานตฺถนิมิตฺตํ สุปินํ ปสฺสโนฺต อตฺตโน กมฺมานุภาเวน ปสฺสติฯ โกสลราชา วิย โลกสฺส อตฺถานตฺถนิมิตฺตํ สุปินํ ปสฺสโนฺต ปน สพฺพสตฺตสาธารณกมฺมานุภาเวน ปสฺสตีติ เวทิตพฺพํฯ
16. Adhammikarājakāleyeva ca akulīnāva rājavallabhā issarā bhavissanti, kulīnā apaññātā duggatā. Te rājānaṃ attano kathaṃ gāhāpetvā vinicchayaṭṭhānādīsu balavanto hutvā dubbalānaṃ paveṇiāgatāni khettavatthādīni ‘‘amhākaṃ santakānī’’ti abhiyuñjitvā te ‘‘na tumhākaṃ, amhāka’’nti āgantvā vinicchayaṭṭhānādīsu vivadante vettalatādīhi paharāpetvā gīvāyaṃ gahetvā apakaḍḍhāpetvā ‘‘attano pamāṇaṃ na jānātha, amhehi saddhiṃ vivadatha, idāni vo paharāpetvā rañño kathetvā hatthapādacchedādīni kāressāmā’’ti santajjessanti. Te tesaṃ bhayena attano santakāni vatthūni ‘‘tumhākaṃyeva tāni, gaṇhathā’’ti niyyātetvā attano gehāni pavisitvā bhītā nipajjissanti. Pāpabhikkhūpi pesale bhikkhū yathāruci viheṭhessanti. Pesalā bhikkhū paṭisaraṇaṃ alabhamānā araññaṃ pavisitvā gahanaṭṭhānesu nilīyissanti. Evaṃ hīnajaccehi ceva pāpabhikkhūhi ca upaddutānaṃ jātimantakulaputtānañceva pesalabhikkhūnañca eḷakānaṃ bhayena tasavakānaṃ palāyanakālo viya bhavissati. Ayaṃ soḷasamassa vipāko. Evaṃ tassa tassa anatthassa pubbanimittabhūte soḷasa mahāsupine passi. Tena vuttaṃ ‘‘kosalarājā viya soḷasa supine’’ti. Ettha ca pubbanimittato attano atthānatthanimittaṃ supinaṃ passanto attano kammānubhāvena passati. Kosalarājā viya lokassa atthānatthanimittaṃ supinaṃ passanto pana sabbasattasādhāraṇakammānubhāvena passatīti veditabbaṃ.
กุทฺธา หิ เทวตาติ มหานาควิหาเร มหาเถรสฺส กุทฺธา เทวตา วิยฯ โรหเณ กิร มหานาควิหาเร มหาเถโร ภิกฺขุสงฺฆํ อนปโลเกตฺวาว เอกํ นาครุกฺขํ ฉินฺทาเปสิฯ รุเกฺข อธิวตฺถา เทวตา เถรสฺส กุทฺธา ปฐมเมว นํ สจฺจสุปิเนน ปโลเภตฺวา ปจฺฉา ‘‘อิโต เต สตฺตทิวสมตฺถเก อุปฎฺฐาโก ราชา มริสฺสตี’’ติ สุปิเน อาโรเจสิฯ เถโร ตํ กถํ อาหริตฺวา ราโชโรธานํ อาจิกฺขิฯ ตา เอกปฺปหาเรเนว มหาวิรวํ วิรวิํสุฯ ราชา ‘‘กิํ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ตา ‘‘เอวํ เถเรน วุตฺต’’นฺติ อาโรจยิํสุฯ ราชา ทิวสํ คณาเปตฺวา สตฺตาเห วีติวเตฺต เถรสฺส หตฺถปาเท ฉินฺทาเปสิฯ เอกนฺตํ สจฺจเมว โหตีติ ผลสฺส สจฺจภาวโต วุตฺตํ, ทสฺสนํ ปน วิปลฺลตฺถเมว ฯ เตเนว ปหีนวิปลฺลาสา ปุพฺพนิมิตฺตภูตมฺปิ สุปินํ น ปสฺสนฺติฯ ทฺวีหิ ตีหิปิ การเณหิ กทาจิ สุปินํ ปสฺสตีติ อาห ‘‘สํสคฺคเภทโต’’ติฯ ‘‘อเสขา น ปสฺสนฺติ ปหีนวิปลฺลาสตฺตา’’ติ วจนโต จตุนฺนมฺปิ การณานํ วิปลฺลาสา เอว มูลการณนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Kuddhā hi devatāti mahānāgavihāre mahātherassa kuddhā devatā viya. Rohaṇe kira mahānāgavihāre mahāthero bhikkhusaṅghaṃ anapaloketvāva ekaṃ nāgarukkhaṃ chindāpesi. Rukkhe adhivatthā devatā therassa kuddhā paṭhamameva naṃ saccasupinena palobhetvā pacchā ‘‘ito te sattadivasamatthake upaṭṭhāko rājā marissatī’’ti supine ārocesi. Thero taṃ kathaṃ āharitvā rājorodhānaṃ ācikkhi. Tā ekappahāreneva mahāviravaṃ viraviṃsu. Rājā ‘‘kiṃ eta’’nti pucchi. Tā ‘‘evaṃ therena vutta’’nti ārocayiṃsu. Rājā divasaṃ gaṇāpetvā sattāhe vītivatte therassa hatthapāde chindāpesi. Ekantaṃ saccameva hotīti phalassa saccabhāvato vuttaṃ, dassanaṃ pana vipallatthameva . Teneva pahīnavipallāsā pubbanimittabhūtampi supinaṃ na passanti. Dvīhi tīhipi kāraṇehi kadāci supinaṃ passatīti āha ‘‘saṃsaggabhedato’’ti. ‘‘Asekhā na passanti pahīnavipallāsattā’’ti vacanato catunnampi kāraṇānaṃ vipallāsā eva mūlakāraṇanti daṭṭhabbaṃ.
ตนฺติ สุปินกาเล ปวตฺตํ ภวงฺคจิตฺตํฯ รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณนฺติ กมฺมกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตโต อญฺญํ รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณํ น โหติฯ อีทิสานีติ ปจฺจกฺขโต อนุภูตปุพฺพปริกปฺปิตรูปาทิอารมฺมณานิ เจว ราคาทิสมฺปยุตฺตานิ จฯ สโพฺพหาริกจิเตฺตนาติ ปกติจิเตฺตนฯ
Tanti supinakāle pavattaṃ bhavaṅgacittaṃ. Rūpanimittādiārammaṇanti kammakammanimittagatinimittato aññaṃ rūpanimittādiārammaṇaṃ na hoti. Īdisānīti paccakkhato anubhūtapubbaparikappitarūpādiārammaṇāni ceva rāgādisampayuttāni ca. Sabbohārikacittenāti pakaticittena.
ทฺวีหิ อเนฺตหิ มุโตฺตติ กุสลากุสลสงฺขาเตหิ ทฺวีหิ อเนฺตหิ มุโตฺตฯ อาวชฺชนตทารมฺมณกฺขเณติ อิทํ ยาว ตทารมฺมณุปฺปตฺติ, ตาว ปวตฺตจิตฺตวารํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘สุปิเนเนว ทิฎฺฐํ วิย เม, สุตํ วิย เมติ กถนกาเล ปน อพฺยากโตเยว อาวชฺชนมตฺตเสฺสว อุปฺปชฺชนโต’’ติ วทนฺติฯ เอวํ วทเนฺตหิ ปญฺจทฺวาเร ทุติยโมฆวาเร วิย มโนทฺวาเรปิ อาวชฺชนํ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวา ชวนฎฺฐาเน ฐตฺวา ภวงฺคํ โอตรตีติ อธิเปฺปตนฺติ ทฎฺฐพฺพํ เอกจิตฺตกฺขณิกสฺส อาวชฺชนสฺส อุปฺปตฺติยํ ‘‘ทิฎฺฐํ วิย เม, สุตํ วิย เม’’ติ กปฺปนาย อสมฺภวโตฯ เอตฺถ จ ‘‘สุปินเนฺตปิ ตทารมฺมณวจนโต ปจฺจุปฺปนฺนวเสน อตีตวเสน วา สภาวธมฺมา สุปินเนฺต อารมฺมณํ โหนฺตี’’ติ วทนฺติฯ ‘‘ยทิปิ สุปินเนฺต วิภูตํ หุตฺวา อุปฎฺฐิเต รูปาทิวตฺถุมฺหิ ตทารมฺมณํ วุตฺตํ, ตถาปิ สุปินเนฺต อุปฎฺฐิตนิมิตฺตสฺส ปริกปฺปวเสน คเหตพฺพตาย ทุพฺพลภาวโต ทุพฺพลวตฺถุกตฺตาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ เกจิ ปน ‘‘กรชกายสฺส นิรุสฺสาหสนฺตภาวปฺปตฺติโต ตนฺนิสฺสิตหทยวตฺถุ น สุปฺปสนฺนํ โหติ, ตโต ตนฺนิสฺสิตาปิ จิตฺตปฺปวตฺติ น สุปฺปสนฺนา อสุปฺปสนฺนวฎฺฎินิสฺสิตทีปปฺปภา วิย, ตสฺมา ทุพฺพลวตฺถุกตฺตาติ เอตฺถ ทุพฺพลหทยวตฺถุกตฺตา’’ติ อตฺถํ วทนฺติฯ วีมํสิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํฯ
Dvīhi antehi muttoti kusalākusalasaṅkhātehi dvīhi antehi mutto. Āvajjanatadārammaṇakkhaṇeti idaṃ yāva tadārammaṇuppatti, tāva pavattacittavāraṃ sandhāya vuttaṃ. ‘‘Supineneva diṭṭhaṃ viya me, sutaṃ viya meti kathanakāle pana abyākatoyeva āvajjanamattasseva uppajjanato’’ti vadanti. Evaṃ vadantehi pañcadvāre dutiyamoghavāre viya manodvārepi āvajjanaṃ dvattikkhattuṃ uppajjitvā javanaṭṭhāne ṭhatvā bhavaṅgaṃ otaratīti adhippetanti daṭṭhabbaṃ ekacittakkhaṇikassa āvajjanassa uppattiyaṃ ‘‘diṭṭhaṃ viya me, sutaṃ viya me’’ti kappanāya asambhavato. Ettha ca ‘‘supinantepi tadārammaṇavacanato paccuppannavasena atītavasena vā sabhāvadhammā supinante ārammaṇaṃ hontī’’ti vadanti. ‘‘Yadipi supinante vibhūtaṃ hutvā upaṭṭhite rūpādivatthumhi tadārammaṇaṃ vuttaṃ, tathāpi supinante upaṭṭhitanimittassa parikappavasena gahetabbatāya dubbalabhāvato dubbalavatthukattāti vutta’’nti vadanti. Keci pana ‘‘karajakāyassa nirussāhasantabhāvappattito tannissitahadayavatthu na suppasannaṃ hoti, tato tannissitāpi cittappavatti na suppasannā asuppasannavaṭṭinissitadīpappabhā viya, tasmā dubbalavatthukattāti ettha dubbalahadayavatthukattā’’ti atthaṃ vadanti. Vīmaṃsitvā yuttataraṃ gahetabbaṃ.
สุปินนฺตเจตนาติ มโนทฺวาริกชวนวเสน ปวตฺตา สุปินนฺตเจตนาฯ สุปินญฺหิ ปสฺสโนฺต มโนทฺวาริเกเนว ชวเนน ปสฺสติ, น ปญฺจทฺวาริเกนฯ ปฎิพุชฺฌโนฺต จ มโนทฺวาริเกเนว ปฎิพุชฺฌติ, น ปญฺจทฺวาริเกนฯ นิทฺทายนฺตสฺส หิ มหาวฎฺฎิํ ชาเลตฺวา ทีเป จกฺขุสมีปํ อุปนีเต ปฐมํ จกฺขุทฺวาริกํ อาวชฺชนํ ภวงฺคํ น อาวเฎฺฎติ, มโนทฺวาริกเมว อาวเฎฺฎติฯ อถ ชวนํ ชวิตฺวา ภวงฺคํ โอตรติฯ ทุติยวาเร จกฺขุทฺวาริกอาวชฺชนํ ภวงฺคํ อาวเฎฺฎติ , ตโต จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ ชวนปริโยสานานิ ปวตฺตนฺติ, ตทนนฺตรํ ภวงฺคํ ปวตฺตติฯ ตติยวาเร มโนทฺวาริกอาวชฺชเนน ภวเงฺค อาวฎฺฎิเต มโนทฺวาริกชวนํ ชวติฯ เตน จิเตฺตน ‘‘กิํ อยํ อิมสฺมิํ ฐาเน อาโลโก’’ติ ชานาติฯ ตถา นิทฺทายนฺตสฺส กณฺณสมีเป ตูริเยสุ ปคฺคหิเตสุ , ฆานสมีเป สุคเนฺธสุ วา ทุคฺคเนฺธสุ วา ปุเปฺผสุ อุปนีเตสุ, มุเข สปฺปิมฺหิ วา ผาณิเต วา ปกฺขิเตฺต, ปิฎฺฐิยํ ปาณินา ปหาเร ทิเนฺน ปฐมํ โสตทฺวาริกาทีนิ อาวชฺชนานิ ภวงฺคํ น อาวเฎฺฎนฺติ, มโนทฺวาริกเมว อาวเฎฺฎติ, อถ ชวนํ ชวิตฺวา ภวงฺคํ โอตรติฯ ทุติยวาเร โสตทฺวาริกาทีนิ อาวชฺชนานิ ภวงฺคํ อาวเฎฺฎนฺติ, ตโต โสตฆานชิวฺหากายวิญฺญาณาทีนิ ชวนปริโยสานานิ ปวตฺตนฺติ, ตทนนฺตรํ ภวงฺคํ วตฺตติฯ ตติยวาเร มโนทฺวาริกอาวชฺชเนน ภวเงฺค อาวฎฺฎิเต มโนทฺวาริกชวนํ ชวติ, เตน จิเตฺตน ญตฺวา ‘‘กิํ อยํ อิมสฺมิํ ฐาเน สโทฺท, สงฺขสโทฺท เภริสโทฺท’’ติ วา ‘‘กิํ อยํ อิมสฺมิํ ฐาเน คโนฺธ, มูลคโนฺธ’’ติ วา ‘‘กิํ อิทํ มยฺหํ มุขํ ปกฺขิตฺตํ, สปฺปีติ วา ผาณิต’’นฺติ วา ‘‘เกนมฺหิ ปิฎฺฐิยํ ปหโฎ, อติพโทฺธ เม ปหาโร’’ติ วา วตฺตา โหติฯ เอวํ มโนทฺวาริกชวเนเนว ปฎิพุชฺฌติ, น ปญฺจทฺวาริเกนฯ สุปินมฺปิ เตเนว ปสฺสติ, น ปญฺจทฺวาริเกนฯ เสสเมตฺถ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Supinantacetanāti manodvārikajavanavasena pavattā supinantacetanā. Supinañhi passanto manodvārikeneva javanena passati, na pañcadvārikena. Paṭibujjhanto ca manodvārikeneva paṭibujjhati, na pañcadvārikena. Niddāyantassa hi mahāvaṭṭiṃ jāletvā dīpe cakkhusamīpaṃ upanīte paṭhamaṃ cakkhudvārikaṃ āvajjanaṃ bhavaṅgaṃ na āvaṭṭeti, manodvārikameva āvaṭṭeti. Atha javanaṃ javitvā bhavaṅgaṃ otarati. Dutiyavāre cakkhudvārikaāvajjanaṃ bhavaṅgaṃ āvaṭṭeti , tato cakkhuviññāṇādīni javanapariyosānāni pavattanti, tadanantaraṃ bhavaṅgaṃ pavattati. Tatiyavāre manodvārikaāvajjanena bhavaṅge āvaṭṭite manodvārikajavanaṃ javati. Tena cittena ‘‘kiṃ ayaṃ imasmiṃ ṭhāne āloko’’ti jānāti. Tathā niddāyantassa kaṇṇasamīpe tūriyesu paggahitesu , ghānasamīpe sugandhesu vā duggandhesu vā pupphesu upanītesu, mukhe sappimhi vā phāṇite vā pakkhitte, piṭṭhiyaṃ pāṇinā pahāre dinne paṭhamaṃ sotadvārikādīni āvajjanāni bhavaṅgaṃ na āvaṭṭenti, manodvārikameva āvaṭṭeti, atha javanaṃ javitvā bhavaṅgaṃ otarati. Dutiyavāre sotadvārikādīni āvajjanāni bhavaṅgaṃ āvaṭṭenti, tato sotaghānajivhākāyaviññāṇādīni javanapariyosānāni pavattanti, tadanantaraṃ bhavaṅgaṃ vattati. Tatiyavāre manodvārikaāvajjanena bhavaṅge āvaṭṭite manodvārikajavanaṃ javati, tena cittena ñatvā ‘‘kiṃ ayaṃ imasmiṃ ṭhāne saddo, saṅkhasaddo bherisaddo’’ti vā ‘‘kiṃ ayaṃ imasmiṃ ṭhāne gandho, mūlagandho’’ti vā ‘‘kiṃ idaṃ mayhaṃ mukhaṃ pakkhittaṃ, sappīti vā phāṇita’’nti vā ‘‘kenamhi piṭṭhiyaṃ pahaṭo, atibaddho me pahāro’’ti vā vattā hoti. Evaṃ manodvārikajavaneneva paṭibujjhati, na pañcadvārikena. Supinampi teneva passati, na pañcadvārikena. Sesamettha suviññeyyameva.
มหาสุปินสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mahāsupinasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
๑. สํขิตฺตสุตฺตํ • 1. Saṃkhittasuttaṃ
๒. วิตฺถตสุตฺตํ • 2. Vitthatasuttaṃ
๓. ทุกฺขสุตฺตํ • 3. Dukkhasuttaṃ
๔. ยถาภตสุตฺตํ • 4. Yathābhatasuttaṃ
๕. สิกฺขาสุตฺตํ • 5. Sikkhāsuttaṃ
๖. สมาปตฺติสุตฺตํ • 6. Samāpattisuttaṃ
๗. กามสุตฺตํ • 7. Kāmasuttaṃ
๘. จวนสุตฺตํ • 8. Cavanasuttaṃ
๙. ปฐมอคารวสุตฺตํ • 9. Paṭhamaagāravasuttaṃ
๑๐. ทุติยอคารวสุตฺตํ • 10. Dutiyaagāravasuttaṃ
๑. อนนุสฺสุตสุตฺตํ • 1. Ananussutasuttaṃ
๒. กูฎสุตฺตํ • 2. Kūṭasuttaṃ
๓. สํขิตฺตสุตฺตํ • 3. Saṃkhittasuttaṃ
๔. วิตฺถตสุตฺตํ • 4. Vitthatasuttaṃ
๕. ทฎฺฐพฺพสุตฺตํ • 5. Daṭṭhabbasuttaṃ
๖. ปุนกูฎสุตฺตํ • 6. Punakūṭasuttaṃ
๑. สํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา • 1. Saṃkhittasuttavaṇṇanā
๒. วิตฺถตสุตฺตวณฺณนา • 2. Vitthatasuttavaṇṇanā
๖. สมาปตฺติสุตฺตวณฺณนา • 6. Samāpattisuttavaṇṇanā
๗. กามสุตฺตวณฺณนา • 7. Kāmasuttavaṇṇanā
๘. จวนสุตฺตวณฺณนา • 8. Cavanasuttavaṇṇanā
๙. ปฐมอคารวสุตฺตวณฺณนา • 9. Paṭhamaagāravasuttavaṇṇanā
๑๐. ทุติยอคารวสุตฺตวณฺณนา • 10. Dutiyaagāravasuttavaṇṇanā
๑. อนนุสฺสุตสุตฺตวณฺณนา • 1. Ananussutasuttavaṇṇanā
๒. กูฎสุตฺตวณฺณนา • 2. Kūṭasuttavaṇṇanā
๓. สํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา • 3. Saṃkhittasuttavaṇṇanā
๔. วิตฺถตสุตฺตวณฺณนา • 4. Vitthatasuttavaṇṇanā
๕. ทฎฺฐพฺพสุตฺตวณฺณนา • 5. Daṭṭhabbasuttavaṇṇanā