Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๘. มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา

    8. Mahātaṇhāsaṅkhayasuttavaṇṇanā

    ๓๙๖. เอวํ เม สุตนฺติ มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตํฯ ตตฺถ ทิฎฺฐิคตนฺติ อลคทฺทูปมสุเตฺต ลทฺธิมตฺตํ ทิฎฺฐิคตนฺติ วุตฺตํ, อิธ สสฺสตทิฎฺฐิฯ โส จ ภิกฺขุ พหุสฺสุโต, อยํ อปฺปสฺสุโต, ชาตกภาณโก ภควนฺตํ ชาตกํ กเถตฺวา, ‘‘อหํ, ภิกฺขเว, เตน สมเยน เวสฺสนฺตโร อโหสิํ, มโหสโธ, วิธุรปณฺฑิโต, เสนกปณฺฑิโต, มหาชนโก ราชา อโหสิ’’นฺติ สโมธาเนนฺตํ สุณาติฯ อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม รูปเวทนาสญฺญาสงฺขารา ตตฺถ ตเตฺถว นิรุชฺฌนฺติ, วิญฺญาณํ ปน อิธโลกโต ปรโลกํ, ปรโลกโต อิมํ โลกํ สนฺธาวติ สํสรตี’’ติ สสฺสตทสฺสนํ อุปฺปนฺนํฯ เตนาห – ‘‘ตเทวิทํ วิญฺญาณํ สนฺธาวติ สํสรติ อนญฺญ’’นฺติฯ

    396.Evaṃme sutanti mahātaṇhāsaṅkhayasuttaṃ. Tattha diṭṭhigatanti alagaddūpamasutte laddhimattaṃ diṭṭhigatanti vuttaṃ, idha sassatadiṭṭhi. So ca bhikkhu bahussuto, ayaṃ appassuto, jātakabhāṇako bhagavantaṃ jātakaṃ kathetvā, ‘‘ahaṃ, bhikkhave, tena samayena vessantaro ahosiṃ, mahosadho, vidhurapaṇḍito, senakapaṇḍito, mahājanako rājā ahosi’’nti samodhānentaṃ suṇāti. Athassa etadahosi – ‘‘ime rūpavedanāsaññāsaṅkhārā tattha tattheva nirujjhanti, viññāṇaṃ pana idhalokato paralokaṃ, paralokato imaṃ lokaṃ sandhāvati saṃsaratī’’ti sassatadassanaṃ uppannaṃ. Tenāha – ‘‘tadevidaṃ viññāṇaṃ sandhāvati saṃsarati anañña’’nti.

    สมฺมาสมฺพุเทฺธน ปน, ‘‘วิญฺญาณํ ปจฺจยสมฺภวํ, สติ ปจฺจเย อุปฺปชฺชติ, วินา ปจฺจยํ นตฺถิ วิญฺญาณสฺส สมฺภโว’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมา อยํ ภิกฺขุ พุเทฺธน อกถิตํ กเถติ, ชินจเกฺก ปหารํ เทติ, เวสารชฺชญาณํ ปฎิพาหติ, โสตุกามํ ชนํ วิสํวาเทติ, อริยปเถ ติริยํ นิปติตฺวา มหาชนสฺส อหิตาย ทุกฺขาย ปฎิปโนฺนฯ ยถา นาม รโญฺญ รเชฺช มหาโจโร อุปฺปชฺชมาโน มหาชนสฺส อหิตาย ทุกฺขาย อุปฺปชฺชติ, เอวํ ชินสาสเน โจโร หุตฺวา มหาชนสฺส อหิตาย ทุกฺขาย อุปฺปโนฺนติ เวทิตโพฺพฯ สมฺพหุลา ภิกฺขูติ ชนปทวาสิโน ปิณฺฑปาติกภิกฺขูฯ เตนุปสงฺกมิํสูติ อยํ ปริสํ ลภิตฺวา สาสนมฺปิ อนฺตรธาเปยฺย, ยาว ปกฺขํ น ลภติ, ตาวเทว นํ ทิฎฺฐิคตา วิเวเจมาติ สุตสุตฎฺฐานโตเยว อฎฺฐตฺวา อนิสีทิตฺวา อุปสงฺกมิํสุฯ

    Sammāsambuddhena pana, ‘‘viññāṇaṃ paccayasambhavaṃ, sati paccaye uppajjati, vinā paccayaṃ natthi viññāṇassa sambhavo’’ti vuttaṃ. Tasmā ayaṃ bhikkhu buddhena akathitaṃ katheti, jinacakke pahāraṃ deti, vesārajjañāṇaṃ paṭibāhati, sotukāmaṃ janaṃ visaṃvādeti, ariyapathe tiriyaṃ nipatitvā mahājanassa ahitāya dukkhāya paṭipanno. Yathā nāma rañño rajje mahācoro uppajjamāno mahājanassa ahitāya dukkhāya uppajjati, evaṃ jinasāsane coro hutvā mahājanassa ahitāya dukkhāya uppannoti veditabbo. Sambahulā bhikkhūti janapadavāsino piṇḍapātikabhikkhū. Tenupasaṅkamiṃsūti ayaṃ parisaṃ labhitvā sāsanampi antaradhāpeyya, yāva pakkhaṃ na labhati, tāvadeva naṃ diṭṭhigatā vivecemāti sutasutaṭṭhānatoyeva aṭṭhatvā anisīditvā upasaṅkamiṃsu.

    ๓๙๘. กตมํ ตํ สาติ วิญฺญาณนฺติ สาติ ยํ ตฺวํ วิญฺญาณํ สนฺธาย วเทสิ, กตมํ ตํ วิญฺญาณนฺติ? ยฺวายํ, ภเนฺต, วโท เวเทโยฺย ตตฺร ตตฺร กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ ปฎิสํเวเทตีติ, ภเนฺต, โย อยํ วทติ เวทยติ, โย จายํ ตหิํ ตหิํ กุสลากุสลกมฺมานํ วิปากํ ปจฺจนุโภติฯ อิทํ, ภเนฺต, วิญฺญาณํ, ยมหํ สนฺธาย วเทมีติ ฯ กสฺส นุ โข นามาติ กสฺส ขตฺติยสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา เวสฺสสุทฺทคหฎฺฐปพฺพชิตเทวมนุสฺสานํ วา อญฺญตรสฺสฯ

    398.Katamaṃ taṃ sāti viññāṇanti sāti yaṃ tvaṃ viññāṇaṃ sandhāya vadesi, katamaṃ taṃ viññāṇanti? Yvāyaṃ, bhante, vado vedeyyo tatra tatra kalyāṇapāpakānaṃ kammānaṃ vipākaṃ paṭisaṃvedetīti, bhante, yo ayaṃ vadati vedayati, yo cāyaṃ tahiṃ tahiṃ kusalākusalakammānaṃ vipākaṃ paccanubhoti. Idaṃ, bhante, viññāṇaṃ, yamahaṃ sandhāya vademīti . Kassa nu kho nāmāti kassa khattiyassa vā brāhmaṇassa vā vessasuddagahaṭṭhapabbajitadevamanussānaṃ vā aññatarassa.

    ๓๙๙. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสีติ กสฺมา อามเนฺตสิ? สาติสฺส กิร เอวํ อโหสิ – ‘‘สตฺถา มํ ‘โมฆปุริโส’ติ วทติ, น จ โมฆปุริโสติ วุตฺตมเตฺตเนว มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย น โหติฯ อุปเสนมฺปิ หิ วงฺคนฺตปุตฺตํ, ‘อติลหุํ โข ตฺวํ โมฆปุริส พาหุลฺลาย อาวโตฺต’ติ (มหาว. ๗๕) ภควา โมฆปุริสวาเทน โอวทิฯ เถโร อปรภาเค ฆเฎโนฺต วายมโนฺต ฉ อภิญฺญา สจฺฉากาสิฯ อหมฺปิ ตถารูปํ วีริยํ ปคฺคณฺหิตฺวา มคฺคผลานิ นิพฺพเตฺตสฺสามี’’ติฯ อถสฺส ภควา ฉินฺนปจฺจโย อยํ สาสเน อวิรุฬฺหธโมฺมติ ทเสฺสโนฺต ภิกฺขู อามเนฺตสิฯ อุสฺมีกโตติอาทิ เหฎฺฐา วุตฺตาธิปฺปายเมวฯ อถ โข ภควาติ อยมฺปิ ปาฎิเยโกฺก อนุสนฺธิฯ สาติสฺส กิร เอตทโหสิ – ‘‘ภควา มยฺหํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย นตฺถีติ วทติ, กิํ สกฺกา อุปนิสฺสเย อสติ กาตุํ? น หิ ตถาคตา สอุปนิสฺสยเสฺสว ธมฺมํ เทเสนฺติ, ยสฺส กสฺสจิ เทเสนฺติเยวฯ อหํ พุทฺธสฺส สนฺติกา สุคโตวาทํ ลภิตฺวา สคฺคสมฺปตฺตูปคํ กุสลํ กริสฺสามี’’ติฯ อถสฺส ภควา, ‘‘นาหํ, โมฆปุริส, ตุยฺหํ โอวาทํ วา อนุสาสนิํ วา เทมี’’ติ สุคโตวาทํ ปฎิปฺปสฺสเมฺภโนฺต อิมํ เทสนํ อารภิฯ ตสฺสโตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ อิทานิ ปริสาย ลทฺธิํ โสเธโนฺต, ‘‘อิธาหํ ภิกฺขู ปฎิปุจฺฉิสฺสามี’’ติอาทิมาหฯ ตํ สพฺพมฺปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    399.Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesīti kasmā āmantesi? Sātissa kira evaṃ ahosi – ‘‘satthā maṃ ‘moghapuriso’ti vadati, na ca moghapurisoti vuttamatteneva maggaphalānaṃ upanissayo na hoti. Upasenampi hi vaṅgantaputtaṃ, ‘atilahuṃ kho tvaṃ moghapurisa bāhullāya āvatto’ti (mahāva. 75) bhagavā moghapurisavādena ovadi. Thero aparabhāge ghaṭento vāyamanto cha abhiññā sacchākāsi. Ahampi tathārūpaṃ vīriyaṃ paggaṇhitvā maggaphalāni nibbattessāmī’’ti. Athassa bhagavā chinnapaccayo ayaṃ sāsane aviruḷhadhammoti dassento bhikkhū āmantesi. Usmīkatotiādi heṭṭhā vuttādhippāyameva. Atha kho bhagavāti ayampi pāṭiyekko anusandhi. Sātissa kira etadahosi – ‘‘bhagavā mayhaṃ maggaphalānaṃ upanissayo natthīti vadati, kiṃ sakkā upanissaye asati kātuṃ? Na hi tathāgatā saupanissayasseva dhammaṃ desenti, yassa kassaci desentiyeva. Ahaṃ buddhassa santikā sugatovādaṃ labhitvā saggasampattūpagaṃ kusalaṃ karissāmī’’ti. Athassa bhagavā, ‘‘nāhaṃ, moghapurisa, tuyhaṃ ovādaṃ vā anusāsaniṃ vā demī’’ti sugatovādaṃ paṭippassambhento imaṃ desanaṃ ārabhi. Tassattho heṭṭhā vuttanayeneva veditabbo. Idāni parisāya laddhiṃ sodhento, ‘‘idhāhaṃ bhikkhū paṭipucchissāmī’’tiādimāha. Taṃ sabbampi heṭṭhā vuttanayeneva veditabbaṃ.

    ๔๐๐. อิทานิ วิญฺญาณสฺส สปฺปจฺจยภาวํ ทเสฺสตุํ ยํ ยเทว, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ มนญฺจ ปฎิจฺจ ธเมฺม จาติ สหาวชฺชเนน ภวงฺคมนญฺจ เตภูมกธเมฺม จ ปฎิจฺจฯ กฎฺฐญฺจ ปฎิจฺจาติอาทิ โอปมฺมนิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ เตน กิํ ทีเปติ? ทฺวารสงฺกนฺติยา อภาวํฯ ยถา หิ กฎฺฐํ ปฎิจฺจ ชลมาโน อคฺคิ อุปาทานปจฺจเย สติเยว ชลติ, ตสฺมิํ อสติ ปจฺจยเวกเลฺลน ตเตฺถว วูปสมฺมติ, น สกลิกาทีนิ สงฺกมิตฺวา สกลิกคฺคีติอาทิสงฺขฺยํ คจฺฉติ, เอวเมว จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจ รูเป จ อุปฺปนฺนํ วิญฺญาณํ ตสฺมิํ ทฺวาเร จกฺขุรูปอาโลกมนสิการสงฺขาเต ปจฺจยมฺหิ สติเยว อุปฺปชฺชติ, ตสฺมิํ อสติ ปจฺจยเวกเลฺลน ตเตฺถว นิรุชฺฌติ, น โสตาทีนิ สงฺกมิตฺวา โสตวิญฺญาณนฺติอาทิสงฺขฺยํ คจฺฉติ ฯ เอส นโย สพฺพวาเรสุฯ อิติ ภควา นาหํ วิญฺญาณปฺปวเตฺต ทฺวารสงฺกนฺติมตฺตมฺปิ วทามิ, อยํ ปน สาติ โมฆปุริโส ภวสงฺกนฺติํ วทตีติ สาติํ นิคฺคเหสิฯ

    400. Idāni viññāṇassa sappaccayabhāvaṃ dassetuṃ yaṃ yadeva, bhikkhavetiādimāha. Tattha manañca paṭicca dhamme cāti sahāvajjanena bhavaṅgamanañca tebhūmakadhamme ca paṭicca. Kaṭṭhañca paṭiccātiādi opammanidassanatthaṃ vuttaṃ. Tena kiṃ dīpeti? Dvārasaṅkantiyā abhāvaṃ. Yathā hi kaṭṭhaṃ paṭicca jalamāno aggi upādānapaccaye satiyeva jalati, tasmiṃ asati paccayavekallena tattheva vūpasammati, na sakalikādīni saṅkamitvā sakalikaggītiādisaṅkhyaṃ gacchati, evameva cakkhuñca paṭicca rūpe ca uppannaṃ viññāṇaṃ tasmiṃ dvāre cakkhurūpaālokamanasikārasaṅkhāte paccayamhi satiyeva uppajjati, tasmiṃ asati paccayavekallena tattheva nirujjhati, na sotādīni saṅkamitvā sotaviññāṇantiādisaṅkhyaṃ gacchati . Esa nayo sabbavāresu. Iti bhagavā nāhaṃ viññāṇappavatte dvārasaṅkantimattampi vadāmi, ayaṃ pana sāti moghapuriso bhavasaṅkantiṃ vadatīti sātiṃ niggahesi.

    ๔๐๑. เอวํ วิญฺญาณสฺส สปฺปจฺจยภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปน ปญฺจนฺนมฺปิ ขนฺธานํ สปฺปจฺจยภาวํ ทเสฺสโนฺต, ภูตมิทนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ภูตมิทนฺติ อิทํ ขนฺธปญฺจกํ ชาตํ ภูตํ นิพฺพตฺตํ, ตุเมฺหปิ ตํ ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว, ปสฺสถาติฯ ตทาหารสมฺภวนฺติ ตํ ปเนตํ ขนฺธปญฺจกํ อาหารสมฺภวํ ปจฺจยสมฺภวํ, สติ ปจฺจเย อุปฺปชฺชติ เอวํ ปสฺสถาติ ปุจฺฉติฯ ตทาหารนิโรธาติ ตสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธาฯ ภูตมิทํ โนสฺสูติ ภูตํ นุ โข อิทํ, น นุ โข ภูตนฺติฯ ตทาหารสมฺภวํ โนสฺสูติ ตํ ภูตํ ขนฺธปญฺจกํ ปจฺจยสมฺภวํ นุ โข, น นุ โขติฯ ตทาหารนิโรธาติ ตสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธาฯ นิโรธธมฺมํ โนสฺสูติ ตํ ธมฺมํ นิโรธธมฺมํ นุ โข, น นุ โขติฯ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโตติ อิทํ ขนฺธปญฺจกํ ชาตํ ภูตํ นิพฺพตฺตนฺติ ยาถาวสรสลกฺขณโต วิปสฺสนาปญฺญาย สมฺมา ปสฺสนฺตสฺสฯ ปญฺญาย สุทิฎฺฐนฺติ วุตฺตนเยเนว วิปสฺสนาปญฺญาย สุฎฺฐุ ทิฎฺฐํฯ เอวํ เย เย ตํ ปุจฺฉํ สลฺลเกฺขสุํ, เตสํ เตสํ ปฎิญฺญํ คณฺหโนฺต ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ สปฺปจฺจยภาวํ ทเสฺสติฯ

    401. Evaṃ viññāṇassa sappaccayabhāvaṃ dassetvā idāni pana pañcannampi khandhānaṃ sappaccayabhāvaṃ dassento, bhūtamidantiādimāha. Tattha bhūtamidanti idaṃ khandhapañcakaṃ jātaṃ bhūtaṃ nibbattaṃ, tumhepi taṃ bhūtamidanti, bhikkhave, passathāti. Tadāhārasambhavanti taṃ panetaṃ khandhapañcakaṃ āhārasambhavaṃ paccayasambhavaṃ, sati paccaye uppajjati evaṃ passathāti pucchati. Tadāhāranirodhāti tassa paccayassa nirodhā. Bhūtamidaṃ nossūti bhūtaṃ nu kho idaṃ, na nu kho bhūtanti. Tadāhārasambhavaṃ nossūti taṃ bhūtaṃ khandhapañcakaṃ paccayasambhavaṃ nu kho, na nu khoti. Tadāhāranirodhāti tassa paccayassa nirodhā. Nirodhadhammaṃ nossūti taṃ dhammaṃ nirodhadhammaṃ nu kho, na nu khoti. Sammappaññāya passatoti idaṃ khandhapañcakaṃ jātaṃ bhūtaṃ nibbattanti yāthāvasarasalakkhaṇato vipassanāpaññāya sammā passantassa. Paññāya sudiṭṭhanti vuttanayeneva vipassanāpaññāya suṭṭhu diṭṭhaṃ. Evaṃ ye ye taṃ pucchaṃ sallakkhesuṃ, tesaṃ tesaṃ paṭiññaṃ gaṇhanto pañcannaṃ khandhānaṃ sappaccayabhāvaṃ dasseti.

    อิทานิ ยาย ปญฺญาย เตหิ ตํ สปฺปจฺจยํ สนิโรธํ ขนฺธปญฺจกํ สุทิฎฺฐํ, ตตฺถ นิตฺตณฺหภาวํ ปุจฺฉโนฺต อิมํ เจ ตุเมฺหติอาทิมาหฯ ตตฺถ ทิฎฺฐินฺติ วิปสฺสนาสมฺมาทิฎฺฐิํ ฯ สภาวทสฺสเนน ปริสุทฺธํฯ ปจฺจยทสฺสเนน ปริโยทาตํฯ อลฺลีเยถาติ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ อลฺลียิตฺวา วิหเรยฺยาถฯ เกลาเยถาติ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ กีฬมานา วิหเรยฺยาถ ฯ ธนาเยถาติ ธนํ วิย อิจฺฉนฺตา เคธํ อาปเชฺชยฺยาถฯ มมาเยถาติ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ มมตฺตํ อุปฺปาเทยฺยาถฯ นิตฺถรณตฺถาย โน คหณตฺถายาติ โย โส มยา จตุโรฆนิตฺถรณตฺถาย กุลฺลูปโม ธโมฺม เทสิโต, โน นิกนฺติวเสน คหณตฺถายฯ อปิ นุ ตํ ตุเมฺห อาชาเนยฺยาถาติฯ วิปริยาเยน สุกฺกปโกฺข เวทิตโพฺพฯ

    Idāni yāya paññāya tehi taṃ sappaccayaṃ sanirodhaṃ khandhapañcakaṃ sudiṭṭhaṃ, tattha nittaṇhabhāvaṃ pucchanto imaṃ ce tumhetiādimāha. Tattha diṭṭhinti vipassanāsammādiṭṭhiṃ . Sabhāvadassanena parisuddhaṃ. Paccayadassanena pariyodātaṃ. Allīyethāti taṇhādiṭṭhīhi allīyitvā vihareyyātha. Kelāyethāti taṇhādiṭṭhīhi kīḷamānā vihareyyātha . Dhanāyethāti dhanaṃ viya icchantā gedhaṃ āpajjeyyātha. Mamāyethāti taṇhādiṭṭhīhi mamattaṃ uppādeyyātha. Nittharaṇatthāya no gahaṇatthāyāti yo so mayā caturoghanittharaṇatthāya kullūpamo dhammo desito, no nikantivasena gahaṇatthāya. Api nu taṃ tumhe ājāneyyāthāti. Vipariyāyena sukkapakkho veditabbo.

    ๔๐๒. อิทานิ เตสํ ขนฺธานํ ปจฺจยํ ทเสฺสโนฺต, จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อาหาราติอาทิมาห, ตมฺปิ วุตฺตตฺถเมวฯ ยถา ปน เอโก อิมํ ชานาสีติ วุโตฺต, ‘‘น เกวลํ อิมํ, มาตรมฺปิสฺส ชานามิ, มาตุ มาตรมฺปี’’ติ เอวํ ปเวณิวเสน ชานโนฺต สุฎฺฐุ ชานาติ นามฯ เอวเมวํ ภควา น เกวลํ ขนฺธมตฺตเมว ชานาติ, ขนฺธานํ ปจฺจยมฺปิ เตสมฺปิ ปจฺจยานํ ปจฺจยนฺติ เอวํ สพฺพปจฺจยปรมฺปรํ ชานาติฯ โส ตํ, พุทฺธพลํ ทีเปโนฺต อิทานิ ปจฺจยปรมฺปรํ ทเสฺสตุํ, อิเม จ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อาหาราติอาทิมาหฯ ตํ วุตฺตตฺถเมวฯ อิติ โข, ภิกฺขเว, อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป.… ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตีติ เอตฺถ ปน ปฎิจฺจสมุปฺปาทกถา วิตฺถาเรตพฺพา ภเวยฺย, สา วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตาวฯ

    402. Idāni tesaṃ khandhānaṃ paccayaṃ dassento, cattārome, bhikkhave, āhārātiādimāha, tampi vuttatthameva. Yathā pana eko imaṃ jānāsīti vutto, ‘‘na kevalaṃ imaṃ, mātarampissa jānāmi, mātu mātarampī’’ti evaṃ paveṇivasena jānanto suṭṭhu jānāti nāma. Evamevaṃ bhagavā na kevalaṃ khandhamattameva jānāti, khandhānaṃ paccayampi tesampi paccayānaṃ paccayanti evaṃ sabbapaccayaparamparaṃ jānāti. So taṃ, buddhabalaṃ dīpento idāni paccayaparamparaṃ dassetuṃ, ime ca, bhikkhave, cattāro āhārātiādimāha. Taṃ vuttatthameva. Iti kho, bhikkhave, avijjāpaccayā saṅkhārā…pe… dukkhakkhandhassa samudayo hotīti ettha pana paṭiccasamuppādakathā vitthāretabbā bhaveyya, sā visuddhimagge vitthāritāva.

    ๔๐๔. อิมสฺมิํ สติ อิทํ โหตีติ อิมสฺมิํ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย สติ อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ โหติฯ อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส อุปฺปาทา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ อุปฺปชฺชติ, เตเนวาห – ‘‘ยทิทํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป.… สมุทโย โหตี’’ติฯ เอวํ วฎฺฎํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ วิวฎฺฎํ ทเสฺสโนฺต, อวิชฺชาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อวิชฺชาย เตฺววาติ อวิชฺชาย เอว ตุฯ อเสสวิราคนิโรธาติ วิราคสงฺขาเตน มเคฺคน อเสสนิโรธา อนุปฺปาทนิโรธาฯ สงฺขารนิโรโธติ สงฺขารานํ อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ, เอวํ นิรุทฺธานํ ปน สงฺขารานํ นิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ โหติ, วิญฺญาณาทีนญฺจ นิโรธา นามรูปาทีนิ นิรุทฺธานิเยว โหนฺตีติ ทเสฺสตุํ สงฺขารนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธติอาทิํ วตฺวา เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตีติ วุตฺตํฯ ตตฺถ เกวลสฺสาติ สกลสฺส, สุทฺธสฺส วา, สตฺตวิรหิตสฺสาติ อโตฺถฯ ทุกฺขกฺขนฺธสฺสาติ ทุกฺขราสิสฺสฯ นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหติฯ

    404.Imasmiṃ sati idaṃ hotīti imasmiṃ avijjādike paccaye sati idaṃ saṅkhārādikaṃ phalaṃ hoti. Imassuppādā idaṃ uppajjatīti imassa avijjādikassa paccayassa uppādā idaṃ saṅkhārādikaṃ phalaṃ uppajjati, tenevāha – ‘‘yadidaṃ avijjāpaccayā saṅkhārā…pe… samudayo hotī’’ti. Evaṃ vaṭṭaṃ dassetvā idāni vivaṭṭaṃ dassento, avijjāya tveva asesavirāganirodhātiādimāha. Tattha avijjāya tvevāti avijjāya eva tu. Asesavirāganirodhāti virāgasaṅkhātena maggena asesanirodhā anuppādanirodhā. Saṅkhāranirodhoti saṅkhārānaṃ anuppādanirodho hoti, evaṃ niruddhānaṃ pana saṅkhārānaṃ nirodhā viññāṇanirodho hoti, viññāṇādīnañca nirodhā nāmarūpādīni niruddhāniyeva hontīti dassetuṃ saṅkhāranirodhā viññāṇanirodhotiādiṃ vatvā evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodhohotīti vuttaṃ. Tattha kevalassāti sakalassa, suddhassa vā, sattavirahitassāti attho. Dukkhakkhandhassāti dukkharāsissa. Nirodho hotīti anuppādo hoti.

    ๔๐๖. อิมสฺมิํ อสตีติอาทิ วุตฺตปฎิปกฺขนเยน เวทิตพฺพํฯ

    406.Imasmiṃ asatītiādi vuttapaṭipakkhanayena veditabbaṃ.

    ๔๐๗. เอวํ วฎฺฎวิวฎฺฎํ กเถตฺวา อิทานิ อิมํ ทฺวาทสงฺคปจฺจยวฎฺฎํ สห วิปสฺสนาย มเคฺคน ชานนฺตสฺส ยา ปฎิธาวนา ปหียติ, ตสฺสา อภาวํ ปุจฺฉโนฺต อปิ นุ ตุเมฺห, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอวํ ชานนฺตาติ เอวํ สหวิปสฺสนาย มเคฺคน ชานนฺตาฯ เอวํ ปสฺสนฺตาติ ตเสฺสว เววจนํฯ ปุพฺพนฺตนฺติ ปุริมโกฎฺฐาสํ, อตีตขนฺธธาตุอายตนานีติ อโตฺถฯ ปฎิธาเวยฺยาถาติ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน ปฎิธาเวยฺยาถฯ เสสํ สพฺพาสวสุเตฺต วิตฺถาริตเมวฯ

    407. Evaṃ vaṭṭavivaṭṭaṃ kathetvā idāni imaṃ dvādasaṅgapaccayavaṭṭaṃ saha vipassanāya maggena jānantassa yā paṭidhāvanā pahīyati, tassā abhāvaṃ pucchanto api nu tumhe, bhikkhavetiādimāha. Tattha evaṃ jānantāti evaṃ sahavipassanāya maggena jānantā. Evaṃ passantāti tasseva vevacanaṃ. Pubbantanti purimakoṭṭhāsaṃ, atītakhandhadhātuāyatanānīti attho. Paṭidhāveyyāthāti taṇhādiṭṭhivasena paṭidhāveyyātha. Sesaṃ sabbāsavasutte vitthāritameva.

    อิทานิ เนสํ ตตฺถ นิจฺจลภาวํ ปุจฺฉโนฺต, อปิ นุ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, เอวํ ชานนฺตา เอวํ ปสฺสนฺตา เอวํ วเทยฺยาถ, สตฺถา โน ครูติอาทิมาหฯ ตตฺถ ครูติ ภาริโก อกามา อนุวตฺติตโพฺพ ฯ สมโณติ พุทฺธสมโณฯ อญฺญํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺยาถาติ อยํ สตฺถา อมฺหากํ กิจฺจํ สาเธตุํ น สโกฺกตีติ อปิ นุ เอวํสญฺญิโน หุตฺวา อญฺญํ พาหิรกํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺยาถฯ ปุถุสมณพฺราหฺมณานนฺติ เอวํสญฺญิโน หุตฺวา ปุถูนํ ติตฺถิยสมณานํ เจว พฺราหฺมณานญฺจฯ วตโกตูหลมงฺคลานีติ วตสมาทานานิ จ ทิฎฺฐิกุตูหลานิ จ ทิฎฺฐสุตมุตมงฺคลานิ จฯ ตานิ สารโต ปจฺจาคเจฺฉยฺยาถาติ เอตานิ สารนฺติ เอวํสญฺญิโน หุตฺวา ปฎิอาคเจฺฉยฺยาถฯ เอวํ นิสฺสฎฺฐานิ จ ปุน คเณฺหยฺยาถาติ อโตฺถฯ สามํ ญาตนฺติ สยํ ญาเณน ญาตํฯ สามํ ทิฎฺฐนฺติ สยํ ปญฺญาจกฺขุนา ทิฎฺฐํฯ สามํ วิทิตนฺติ สยํ วิภาวิตํ ปากฎํ กตํฯ อุปนีตา โข เม ตุเมฺหติ มยา, ภิกฺขเว, ตุเมฺห อิมินา สนฺทิฎฺฐิกาทิสภาเวน ธเมฺมน นิพฺพานํ อุปนีตา, ปาปิตาติ อโตฺถฯ สนฺทิฎฺฐิโกติอาทีนมโตฺถ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริโตฯ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตนฺติ เอตํ วจนมิทํ ตุเมฺหหิ สามํ ญาตาทิภาวํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    Idāni nesaṃ tattha niccalabhāvaṃ pucchanto, api nu tumhe, bhikkhave, evaṃ jānantā evaṃ passantā evaṃ vadeyyātha, satthā no garūtiādimāha. Tattha garūti bhāriko akāmā anuvattitabbo . Samaṇoti buddhasamaṇo. Aññaṃ satthāraṃ uddiseyyāthāti ayaṃ satthā amhākaṃ kiccaṃ sādhetuṃ na sakkotīti api nu evaṃsaññino hutvā aññaṃ bāhirakaṃ satthāraṃ uddiseyyātha. Puthusamaṇabrāhmaṇānanti evaṃsaññino hutvā puthūnaṃ titthiyasamaṇānaṃ ceva brāhmaṇānañca. Vatakotūhalamaṅgalānīti vatasamādānāni ca diṭṭhikutūhalāni ca diṭṭhasutamutamaṅgalāni ca. Tāni sārato paccāgaccheyyāthāti etāni sāranti evaṃsaññino hutvā paṭiāgaccheyyātha. Evaṃ nissaṭṭhāni ca puna gaṇheyyāthāti attho. Sāmaṃ ñātanti sayaṃ ñāṇena ñātaṃ. Sāmaṃ diṭṭhanti sayaṃ paññācakkhunā diṭṭhaṃ. Sāmaṃ viditanti sayaṃ vibhāvitaṃ pākaṭaṃ kataṃ. Upanītā kho me tumheti mayā, bhikkhave, tumhe iminā sandiṭṭhikādisabhāvena dhammena nibbānaṃ upanītā, pāpitāti attho. Sandiṭṭhikotiādīnamattho visuddhimagge vitthārito. Idametaṃ paṭicca vuttanti etaṃ vacanamidaṃ tumhehi sāmaṃ ñātādibhāvaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ๔๐๘. ติณฺณํ โข ปน, ภิกฺขเวติ กสฺมา อารภิ? นนุ เหฎฺฐา วฎฺฎวิวฎฺฎวเสน เทสนา มตฺถกํ ปาปิตาติ? อาม ปาปิตาฯ อยํ ปน ปาฎิเอโกฺก อนุสนฺธิ , ‘‘อยญฺหิ โลกสนฺนิวาโส ปฎิสนฺธิสมฺมูโฬฺห, ตสฺส สโมฺมหฎฺฐานํ วิทฺธํเสตฺวา ปากฎํ กริสฺสามี’’ติ อิมํ เทสนํ อารภิฯ อปิจ วฎฺฎมูลํ อวิชฺชา, วิวฎฺฎมูลํ พุทฺธุปฺปาโท, อิติ วฎฺฎมูลํ อวิชฺชํ วิวฎฺฎมูลญฺจ พุทฺธุปฺปาทํ ทเสฺสตฺวาปิ, ‘‘ปุน เอกวารํ วฎฺฎวิวฎฺฎวเสน เทสนํ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’’ติ อิมํ เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ สนฺนิปาตาติ สโมธาเนน ปิณฺฑภาเวนฯ คพฺภสฺสาติ คเพฺภ นิพฺพตฺตนกสตฺตสฺสฯ อวกฺกนฺติ โหตีติ นิพฺพตฺติ โหติฯ กตฺถจิ หิ คโพฺภติ มาตุกุจฺฉิ วุโตฺตฯ ยถาห –

    408.Tiṇṇaṃ kho pana, bhikkhaveti kasmā ārabhi? Nanu heṭṭhā vaṭṭavivaṭṭavasena desanā matthakaṃ pāpitāti? Āma pāpitā. Ayaṃ pana pāṭiekko anusandhi , ‘‘ayañhi lokasannivāso paṭisandhisammūḷho, tassa sammohaṭṭhānaṃ viddhaṃsetvā pākaṭaṃ karissāmī’’ti imaṃ desanaṃ ārabhi. Apica vaṭṭamūlaṃ avijjā, vivaṭṭamūlaṃ buddhuppādo, iti vaṭṭamūlaṃ avijjaṃ vivaṭṭamūlañca buddhuppādaṃ dassetvāpi, ‘‘puna ekavāraṃ vaṭṭavivaṭṭavasena desanaṃ matthakaṃ pāpessāmī’’ti imaṃ desanaṃ ārabhi. Tattha sannipātāti samodhānena piṇḍabhāvena. Gabbhassāti gabbhe nibbattanakasattassa. Avakkanti hotīti nibbatti hoti. Katthaci hi gabbhoti mātukucchi vutto. Yathāha –

    ‘‘ยเมกรตฺติํ ปฐมํ, คเพฺภ วสติ มาณโว;

    ‘‘Yamekarattiṃ paṭhamaṃ, gabbhe vasati māṇavo;

    อพฺภุฎฺฐิโตว โส ยาติ, ส คจฺฉํ น นิวตฺตตี’’ติฯ (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓);

    Abbhuṭṭhitova so yāti, sa gacchaṃ na nivattatī’’ti. (jā. 1.15.363);

    กตฺถจิ คเพฺภ นิพฺพตฺตนสโตฺตฯ ยถาห – ‘‘ยถา โข, ปนานนฺท, อญฺญา อิตฺถิกา นว วา ทส วา มาเส คพฺภํ กุจฺฉินา ปริหริตฺวา วิชายนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๐๕)ฯ อิธ สโตฺต อธิเปฺปโต, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’’ติฯ

    Katthaci gabbhe nibbattanasatto. Yathāha – ‘‘yathā kho, panānanda, aññā itthikā nava vā dasa vā māse gabbhaṃ kucchinā pariharitvā vijāyantī’’ti (ma. ni. 3.205). Idha satto adhippeto, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘gabbhassa avakkanti hotī’’ti.

    อิธาติ อิมสฺมิํ สตฺตโลเกฯ มาตา จ อุตุนี โหตีติ อิทํ อุตุสมยํ สนฺธาย วุตฺตํฯ มาตุคามสฺส กิร ยสฺมิํ โอกาเส ทารโก นิพฺพตฺตติ, ตตฺถ มหตี โลหิตปีฬกา สณฺฐหิตฺวา ภิชฺชิตฺวา ปคฺฆรติ, วตฺถุ สุทฺธํ โหติ, สุเทฺธ วตฺถุมฺหิ มาตาปิตูสุ เอกวารํ สนฺนิปติเตสุ ยาว สตฺต ทิวสานิ เขตฺตเมว โหติฯ ตสฺมิํ สมเย หตฺถคฺคาหเวณิคฺคาหาทินา องฺคปรามสเนนปิ ทารโก นิพฺพตฺตติเยวฯ คนฺธโพฺพติ ตตฺรูปคสโตฺตฯ ปจฺจุปฎฺฐิโต โหตีติ น มาตาปิตูนํ สนฺนิปาตํ โอโลกยมาโน สมีเป ฐิโต ปจฺจุปฎฺฐิโต นาม โหติฯ กมฺมยนฺตยนฺติโต ปน เอโก สโตฺต ตสฺมิํ โอกาเส นิพฺพตฺตนโก โหตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ สํสเยนาติ ‘‘อโรโค นุ โข ภวิสฺสามิ อหํ วา, ปุโตฺต วา เม’’ติ เอวํ มหเนฺตน ชีวิตสํสเยนฯ โลหิตเญฺหตํ, ภิกฺขเวติ ตทา กิร มาตุโลหิตํ ตํ ฐานํ สมฺปตฺตํ ปุตฺตสิเนเหน ปณฺฑรํ โหติฯ ตสฺมา เอวมาหฯ วงฺกกนฺติ คามทารกานํ กีฬนกํ ขุทฺทกนงฺคลํฯ ฆฎิกา วุจฺจติ ทีฆทเณฺฑน รสฺสทณฺฑกํ ปหรณกีฬาฯ โมกฺขจิกนฺติ สมฺปริวตฺตกกีฬา, อากาเส วา ทณฺฑกํ คเหตฺวา ภูมิยํ วา สีสํ ฐเปตฺวา เหฎฺฐุปริยภาเวน ปริวตฺตนกีฬนนฺติ วุตฺตํ โหติฯ จิงฺคุลกํ วุจฺจติ ตาลปณฺณาทีหิ กตํ วาตปฺปหาเรน ปริพฺภมนจกฺกํ ฯ ปตฺตาฬฺหกํ วุจฺจติ ปณฺณนาฬิกา, ตาย วาลิกาทีนิ มินนฺตา กีฬนฺติฯ รถกนฺติ ขุทฺทกรถํฯ ธนุกมฺปิ ขุทฺทกธนุเมวฯ

    Idhāti imasmiṃ sattaloke. Mātā ca utunī hotīti idaṃ utusamayaṃ sandhāya vuttaṃ. Mātugāmassa kira yasmiṃ okāse dārako nibbattati, tattha mahatī lohitapīḷakā saṇṭhahitvā bhijjitvā paggharati, vatthu suddhaṃ hoti, suddhe vatthumhi mātāpitūsu ekavāraṃ sannipatitesu yāva satta divasāni khettameva hoti. Tasmiṃ samaye hatthaggāhaveṇiggāhādinā aṅgaparāmasanenapi dārako nibbattatiyeva. Gandhabboti tatrūpagasatto. Paccupaṭṭhito hotīti na mātāpitūnaṃ sannipātaṃ olokayamāno samīpe ṭhito paccupaṭṭhito nāma hoti. Kammayantayantito pana eko satto tasmiṃ okāse nibbattanako hotīti ayamettha adhippāyo. Saṃsayenāti ‘‘arogo nu kho bhavissāmi ahaṃ vā, putto vā me’’ti evaṃ mahantena jīvitasaṃsayena. Lohitañhetaṃ, bhikkhaveti tadā kira mātulohitaṃ taṃ ṭhānaṃ sampattaṃ puttasinehena paṇḍaraṃ hoti. Tasmā evamāha. Vaṅkakanti gāmadārakānaṃ kīḷanakaṃ khuddakanaṅgalaṃ. Ghaṭikā vuccati dīghadaṇḍena rassadaṇḍakaṃ paharaṇakīḷā. Mokkhacikanti samparivattakakīḷā, ākāse vā daṇḍakaṃ gahetvā bhūmiyaṃ vā sīsaṃ ṭhapetvā heṭṭhupariyabhāvena parivattanakīḷananti vuttaṃ hoti. Ciṅgulakaṃ vuccati tālapaṇṇādīhi kataṃ vātappahārena paribbhamanacakkaṃ . Pattāḷhakaṃ vuccati paṇṇanāḷikā, tāya vālikādīni minantā kīḷanti. Rathakanti khuddakarathaṃ. Dhanukampi khuddakadhanumeva.

    ๔๐๙. สารชฺชตีติ ราคํ อุปฺปาเทติฯ พฺยาปชฺชตีติ พฺยาปาทํ อุปฺปาเทติฯ อนุปฎฺฐิตกายสตีติ กาเย สติ กายสติ, ตํ อนุปฎฺฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ ปริตฺตเจตโสติ อกุสลจิโตฺตฯ ยตฺถสฺส เต ปาปกาติ ยสฺสํ ผลสมาปตฺติยํ เอเต นิรุชฺฌนฺติ, ตํ น ชานาติ นาธิคจฺฉตีติ อโตฺถฯ อนุโรธวิโรธนฺติ ราคเญฺจว โทสญฺจฯ อภินนฺทตีติ ตณฺหาวเสน อภินนฺทติ, ตณฺหาวเสเนว อโห สุขนฺติอาทีนิ วทโนฺต อภิวทติฯ อโชฺฌสาย ติฎฺฐตีติ ตณฺหาอโชฺฌสานคหเณน คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐเปตฺวา คณฺหาติฯ สุขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา อภินนฺทตุ, ทุกฺขํ กถํ อภินนฺทตีติ? ‘‘อหํ ทุกฺขิโต มม ทุกฺข’’นฺติ คณฺหโนฺต อภินนฺทติ นามฯ อุปฺปชฺชติ นนฺทีติ ตณฺหา อุปฺปชฺชติฯ ตทุปาทานนฺติ สาว ตณฺหา คหณเฎฺฐน อุปาทานํ นามฯ ตสฺส อุปาทานปจฺจยา ภโว…เป.… สมุทโย โหตีติ, อิทญฺหิ ภควตา ปุน เอกวารํ ทฺวิสนฺธิ ติสเงฺขปํ ปจฺจยาการวฎฺฎํ ทสฺสิตํฯ

    409.Sārajjatīti rāgaṃ uppādeti. Byāpajjatīti byāpādaṃ uppādeti. Anupaṭṭhitakāyasatīti kāye sati kāyasati, taṃ anupaṭṭhapetvāti attho. Parittacetasoti akusalacitto. Yatthassa te pāpakāti yassaṃ phalasamāpattiyaṃ ete nirujjhanti, taṃ na jānāti nādhigacchatīti attho. Anurodhavirodhanti rāgañceva dosañca. Abhinandatīti taṇhāvasena abhinandati, taṇhāvaseneva aho sukhantiādīni vadanto abhivadati. Ajjhosāya tiṭṭhatīti taṇhāajjhosānagahaṇena gilitvā pariniṭṭhapetvā gaṇhāti. Sukhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā abhinandatu, dukkhaṃ kathaṃ abhinandatīti? ‘‘Ahaṃ dukkhito mama dukkha’’nti gaṇhanto abhinandati nāma. Uppajjati nandīti taṇhā uppajjati. Tadupādānanti sāva taṇhā gahaṇaṭṭhena upādānaṃ nāma. Tassa upādānapaccayā bhavo…pe… samudayo hotīti, idañhi bhagavatā puna ekavāraṃ dvisandhi tisaṅkhepaṃ paccayākāravaṭṭaṃ dassitaṃ.

    ๔๑๐-๔. อิทานิ วิวฎฺฎํ ทเสฺสตุํ อิธ, ภิกฺขเว, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชตีติอาทิมาหฯ ตตฺถ อปฺปมาณเจตโสติ อปฺปมาณํ โลกุตฺตรํ เจโต อสฺสาติ อปฺปมาณเจตโส, มคฺคจิตฺตสมงฺคีติ อโตฺถฯ อิมํ โข เม ตุเมฺห, ภิกฺขเว, สํขิเตฺตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติํ ธาเรถาติ, ภิกฺขเว, อิมํ สํขิเตฺตน เทสิตํ มยฺหํ, ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติเทสนํ ตุเมฺห นิจฺจกาลํ ธาเรยฺยาถ มา ปมเชฺชยฺยาถฯ เทสนา หิ เอตฺถ วิมุตฺติปฎิลาภเหตุโต วิมุตฺตีติ วุตฺตาฯ มหาตณฺหาชาลตณฺหาสงฺฆาฎปฎิมุกฺกนฺติ ตณฺหาว สํสิพฺพิตเฎฺฐน มหาตณฺหาชาลํ, สงฺฆฎิตเฎฺฐน สงฺฆาฎนฺติ วุจฺจติ; อิติ อิมสฺมิํ มหาตณฺหาชาเล ตณฺหาสงฺฆาเฎ จ อิมํ สาติํ ภิกฺขุํ เกวฎฺฎปุตฺตํ ปฎิมุกฺกํ ธาเรถฯ อนุปวิโฎฺฐ อโนฺตคโธติ นํ ธาเรถาติ อโตฺถฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    410-4. Idāni vivaṭṭaṃ dassetuṃ idha, bhikkhave, tathāgato loke uppajjatītiādimāha. Tattha appamāṇacetasoti appamāṇaṃ lokuttaraṃ ceto assāti appamāṇacetaso, maggacittasamaṅgīti attho. Imaṃ kho me tumhe, bhikkhave, saṃkhittena taṇhāsaṅkhayavimuttiṃ dhārethāti, bhikkhave, imaṃ saṃkhittena desitaṃ mayhaṃ, taṇhāsaṅkhayavimuttidesanaṃ tumhe niccakālaṃ dhāreyyātha mā pamajjeyyātha. Desanā hi ettha vimuttipaṭilābhahetuto vimuttīti vuttā. Mahātaṇhājālataṇhāsaṅghāṭapaṭimukkanti taṇhāva saṃsibbitaṭṭhena mahātaṇhājālaṃ, saṅghaṭitaṭṭhena saṅghāṭanti vuccati; iti imasmiṃ mahātaṇhājāle taṇhāsaṅghāṭe ca imaṃ sātiṃ bhikkhuṃ kevaṭṭaputtaṃ paṭimukkaṃ dhāretha. Anupaviṭṭho antogadhoti naṃ dhārethāti attho. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahātaṇhāsaṅkhayasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตํ • 8. Mahātaṇhāsaṅkhayasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๘. มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา • 8. Mahātaṇhāsaṅkhayasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact