Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๘. มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา
8. Mahātaṇhāsaṅkhayasuttavaṇṇanā
๓๙๖. ลทฺธิมตฺตนฺติ มิจฺฉาคาหมตฺตํ, น ทิฎฺฐาภินิเวโสฯ สสฺสตทิฎฺฐีติ นิจฺจาภินิเวโสฯ โสติ อริโฎฺฐ ภิกฺขุฯ กเถตฺวา สโมธาเนนฺตนฺติ โยชนาฯ สโมธาเนนฺตนฺติ จ นิคเมนฺตนฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ ตเตฺถวาติ เตสุ เตสุ เอว ภเวสุ นิรุชฺฌนฺติ, น ภวนฺตรํ สงฺกมนฺติฯ วิญฺญาณํ ปน อภินฺนสภาวํ อนญฺญนฺติ อธิปฺปาโยฯ อิธโลกโตติ อิมสฺมา อตฺตภาวาฯ ปรโลกนฺติ ปรภวสญฺญิตํ อตฺตภาวํฯ สนฺธาวตีติ นิจฺจตาย เกนจิ อสมฺพทฺธํ วิย คจฺฉติฯ เตน อิธโลกโต ปรโลกคมนมาหฯ สํสรตีติ อิมินา ปรโลกโต อิธาคมนํฯ สนฺธาวตีติ วา ภวนฺตรสงฺกมนมาหฯ สํสรตีติ ตตฺถ ตตฺถ อปราปรสญฺจรณํฯ
396.Laddhimattanti micchāgāhamattaṃ, na diṭṭhābhiniveso. Sassatadiṭṭhīti niccābhiniveso. Soti ariṭṭho bhikkhu. Kathetvā samodhānentanti yojanā. Samodhānentanti ca nigamentanti attho. Tattha tatthevāti tesu tesu eva bhavesu nirujjhanti, na bhavantaraṃ saṅkamanti. Viññāṇaṃ pana abhinnasabhāvaṃ anaññanti adhippāyo. Idhalokatoti imasmā attabhāvā. Paralokanti parabhavasaññitaṃ attabhāvaṃ. Sandhāvatīti niccatāya kenaci asambaddhaṃ viya gacchati. Tena idhalokato paralokagamanamāha. Saṃsaratīti iminā paralokato idhāgamanaṃ. Sandhāvatīti vā bhavantarasaṅkamanamāha. Saṃsaratīti tattha tattha aparāparasañcaraṇaṃ.
‘‘ปจฺจเย สติ ภวตี’’ติอาทินา วิญฺญาณสฺส อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนภาวํ ทเสฺสโนฺต สสฺสตภาวํ ปฎิกฺขิปติฯ พุเทฺธน อกถิตํ กเถสีติ อิมินา ‘‘ยํ อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน, ตํ ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปตี’’ติ (จูฬว. ๓๕๒, ๓๕๓) อิมสฺมิํ เภทกรวตฺถุสฺมิํ สนฺทิสฺสตีติ ทเสฺสติฯ ชินจเกฺก ปหารํ เทตีติ ‘‘ตเทวิทํ วิญฺญาณํ…เป.… อนญฺญ’’นฺติ นิจฺจตํ ปฎิชานโนฺต – ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา (ธ. ป. ๒๗๗), รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจ’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๙๓-๙๔) จ อาทินยปฺปวเตฺต สตฺถุ ธมฺมจเกฺก ขีลํ อุปฺปาเทโนฺต ปหารํ เทติฯ สพฺพญฺญุตญฺญาเณน อนิจฺจนฺติ ทิฎฺฐํ ปเวทิตญฺจ วิญฺญาณํ นิจฺจนฺติ ปฎิชานโนฺต เวสารชฺชญาณํ ปฎิพาหติฯ โสตุกามํ ชนนฺติ อริยธมฺมาธิคมสฺส เอกนฺตอุปายภูตํ วิปสฺสนามคฺคํ โสตุกามํ ชนํ นิจฺจคฺคาหปคฺคณฺหเนน วิสํวาเทติฯ ตโต เอว อริยปเถ อริยธมฺมวีถิยํ ตสฺสา ปฎิกฺขิปเนน ติริยํ นิปติตฺวาฯ
‘‘Paccaye sati bhavatī’’tiādinā viññāṇassa anvayato byatirekato ca paṭiccasamuppannabhāvaṃ dassento sassatabhāvaṃ paṭikkhipati. Buddhena akathitaṃ kathesīti iminā ‘‘yaṃ abhāsitaṃ alapitaṃ tathāgatena, taṃ bhāsitaṃ lapitaṃ tathāgatenāti dīpetī’’ti (cūḷava. 352, 353) imasmiṃ bhedakaravatthusmiṃ sandissatīti dasseti. Jinacakke pahāraṃ detīti ‘‘tadevidaṃ viññāṇaṃ…pe… anañña’’nti niccataṃ paṭijānanto – ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā (dha. pa. 277), rūpaṃ, bhikkhave, anicca’’nti (saṃ. ni. 3.93-94) ca ādinayappavatte satthu dhammacakke khīlaṃ uppādento pahāraṃ deti. Sabbaññutaññāṇena aniccanti diṭṭhaṃ paveditañca viññāṇaṃ niccanti paṭijānanto vesārajjañāṇaṃ paṭibāhati. Sotukāmaṃ jananti ariyadhammādhigamassa ekantaupāyabhūtaṃ vipassanāmaggaṃ sotukāmaṃ janaṃ niccaggāhapaggaṇhanena visaṃvādeti. Tato eva ariyapathe ariyadhammavīthiyaṃ tassā paṭikkhipanena tiriyaṃ nipatitvā.
๓๙๘. วิญฺญาณสีเสน อตฺตนา คหิตํ อตฺตานํ วิภาเวโนฺต ‘‘ยฺวายํ, ภเนฺต’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ วโท เวเทโยฺยติอาทโย สสฺสตทิฎฺฐิยา เอว อภินิเวสาการาฯ วทตีติ วโท, วจีกมฺมสฺส การโกติ อโตฺถฯ อิมินา หิ การกภาวุปายิกสตฺตานํ หิตสุขาวโพธนสมตฺถตํ อตฺตโน ทเสฺสติฯ เวทิโยว เวเทโยฺย, ชานาติ อนุภวติ จาติ อโตฺถฯ อีทิสานญฺหิ ปทานํ พหุลา กตฺตุสาธนตํ สทฺทวิทู มญฺญนฺติฯ เวทยตีติ ตํ ตํ อนุภวิตพฺพํ อนุภวติฯ ตหิํ ตหินฺติ เตสุ เตสุ ภวโยนิคติฐิติสตฺตาวาสสตฺตนิกาเยสุฯ
398. Viññāṇasīsena attanā gahitaṃ attānaṃ vibhāvento ‘‘yvāyaṃ, bhante’’tiādimāha. Tattha vado vedeyyotiādayo sassatadiṭṭhiyā eva abhinivesākārā. Vadatīti vado, vacīkammassa kārakoti attho. Iminā hi kārakabhāvupāyikasattānaṃ hitasukhāvabodhanasamatthataṃ attano dasseti. Vediyova vedeyyo, jānāti anubhavati cāti attho. Īdisānañhi padānaṃ bahulā kattusādhanataṃ saddavidū maññanti. Vedayatīti taṃ taṃ anubhavitabbaṃ anubhavati. Tahiṃ tahinti tesu tesu bhavayonigatiṭhitisattāvāsasattanikāyesu.
๓๙๙. ตํ วาทํ ปคฺคยฺห ฐิตตฺตา สาติสฺส ฉินฺนปจฺจยตา อวิรุฬฺหธมฺมตา จ เวทิตพฺพาฯ เหฎฺฐาติ อลคทฺทสุตฺตสํวณฺณนํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒๓๖-๒๓๗) สนฺธายาหฯ ปรโต เหฎฺฐาติ วุตฺตฎฺฐาเนปิ เอเสว นโยฯ ปาฎิเยโกฺก อนุสนฺธีติ ตีหิปิ อนุสนฺธีหิ อโวมิโสฺส วิสุํเยเวโก อนุสนฺธิฯ นนุ จายมฺปิ สาติสฺส อชฺฌาสยวเสน ปวตฺติตตฺตา อชฺฌาสยานุสนฺธิเยวาติ? น, นิยฺยานมุเขน อปฺปวตฺตตฺตาฯ นิยฺยานญฺหิ ปุรกฺขตฺวา ปุจฺฉาทิวเสน ปวตฺตา อิตรา เทสนาปุจฺฉานุสนฺธิอาทโยฯ อิธ ตทภาวโต วุตฺตํ ‘‘ปาฎิเยโกฺก อนุสนฺธี’’ติฯ ปริสาย ลทฺธิํ โสเธโนฺตติ ยาทิสี สาติสฺส ลทฺธิ, ตทภาวทสฺสนวเสน ปริสาย ลทฺธิํ โสเธโนฺต, ปริสาย ลทฺธิโสธเนเนว สาติ คณโต นิสฺสาริโต นาม ชาโตฯ
399. Taṃ vādaṃ paggayha ṭhitattā sātissa chinnapaccayatā aviruḷhadhammatā ca veditabbā. Heṭṭhāti alagaddasuttasaṃvaṇṇanaṃ (ma. ni. aṭṭha. 2.236-237) sandhāyāha. Parato heṭṭhāti vuttaṭṭhānepi eseva nayo. Pāṭiyekko anusandhīti tīhipi anusandhīhi avomisso visuṃyeveko anusandhi. Nanu cāyampi sātissa ajjhāsayavasena pavattitattā ajjhāsayānusandhiyevāti? Na, niyyānamukhena appavattattā. Niyyānañhi purakkhatvā pucchādivasena pavattā itarā desanāpucchānusandhiādayo. Idha tadabhāvato vuttaṃ ‘‘pāṭiyekko anusandhī’’ti. Parisāya laddhiṃ sodhentoti yādisī sātissa laddhi, tadabhāvadassanavasena parisāya laddhiṃ sodhento, parisāya laddhisodhaneneva sāti gaṇato nissārito nāma jāto.
๔๐๐. ยํ ยเทวาติ อิทํ ยทิปิ อวิเสสโต ปจฺจยธมฺมคฺคหณํ, ‘‘วิญฺญาณเนฺตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ ปน วุตฺตตฺตา ตํตํวิญฺญาณสฺส สมญฺญานิมิตฺตปจฺจยชาตํ คหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตน วุตฺตํ ปาฬิยํ – ‘‘จกฺขุวิญฺญาณเนฺตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติอาทิฯ อถ วา ตํตํทฺวารนิยตํ อิตรมฺปิ สพฺพํ ตสฺส ตสฺส วิญฺญาณสฺส ปจฺจยชาตํ อิธ ‘‘ยํ ยเทวา’’ติ คหิตํ, ตตฺถ ปน ยํ อสาธารณํ, เตน สมญฺญาติ ‘‘จกฺขุวิญฺญาณเนฺตฺววา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ทฺวารสงฺกนฺติยา อภาวนฺติ วิญฺญาณสฺส ทฺวารนฺตรสงฺกมนสฺส อภาวํฯ สฺวายํ โอฬาริกนเยน มนฺทพุทฺธีนํ สุขาวโพธนตฺถํ นยทสฺสนวเสน วุโตฺตฯ น หิ กทาจิ ปจฺจุปฺปนฺนํ วิญฺญาณํ วิคจฺฉนฺตํ อนนฺตรวิญฺญาณํ สงฺกมติ อนนฺตราทิปจฺจยาลาเภ ตสฺส อนุปฺปชฺชนโตฯ
400.Yaṃ yadevāti idaṃ yadipi avisesato paccayadhammaggahaṇaṃ, ‘‘viññāṇantveva saṅkhyaṃ gacchatī’’ti pana vuttattā taṃtaṃviññāṇassa samaññānimittapaccayajātaṃ gahitanti daṭṭhabbaṃ. Tena vuttaṃ pāḷiyaṃ – ‘‘cakkhuviññāṇantveva saṅkhyaṃ gacchatī’’tiādi. Atha vā taṃtaṃdvāraniyataṃ itarampi sabbaṃ tassa tassa viññāṇassa paccayajātaṃ idha ‘‘yaṃ yadevā’’ti gahitaṃ, tattha pana yaṃ asādhāraṇaṃ, tena samaññāti ‘‘cakkhuviññāṇantvevā’’tiādi vuttaṃ. Dvārasaṅkantiyā abhāvanti viññāṇassa dvārantarasaṅkamanassa abhāvaṃ. Svāyaṃ oḷārikanayena mandabuddhīnaṃ sukhāvabodhanatthaṃ nayadassanavasena vutto. Na hi kadāci paccuppannaṃ viññāṇaṃ vigacchantaṃ anantaraviññāṇaṃ saṅkamati anantarādipaccayālābhe tassa anuppajjanato.
เอวเมวาติ ยถา อคฺคิ อุปาทานํ ปฎิจฺจ ชลโนฺต อนุปาทาโน ตเตฺถว นิพฺพายติ, น กตฺถจิ สงฺกมติ, เอวเมวฯ ‘‘ปจฺจยเวกเลฺลน ตเตฺถว นิรุชฺฌตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, น เหตฺถ อนุปฺปาทนิโรโธ อิจฺฉิโต ตาทิสสฺส นิโรธสฺส อิธ อนธิเปฺปตตฺตา, อถ โข ขณนิโรโธ, โส จ สาภาวิกตฺตา น ปจฺจยเวกลฺลเหตุโก? สจฺจเมตํ, ตํตํทฺวาริกสฺส ปน วิญฺญาณสฺส ทฺวารนฺตรํ อสงฺกมิตฺวา ตตฺถ ตเตฺถว นิรุชฺฌนํ อิธาธิเปฺปตํฯ เยสญฺจ ปจฺจยานํ วเสน ทฺวารนฺตริกวิญฺญาเณน ภวิตพฺพํ, เตสํ ตทภาวโต ปจฺจยเวกลฺลคฺคหณํ, ตสฺมา ปจฺจยเวกเลฺลน น โสตาทีนิ สงฺกมิตฺวา โสตวิญฺญาณนฺติอาทิ สงฺขฺยํ คจฺฉตีติ โยชนาฯ เอเตน ยํ วิญฺญาณํ จกฺขุรูปาทิปจฺจยสามคฺคิยา วเสน จกฺขุวิญฺญาณสงฺขฺยํ คจฺฉติ, ตตฺถ ตเตฺถว นิรุชฺฌติ ตาวกาลิกภาวโต, ตสฺส ปน โสตสทฺทาทิปจฺจยาภาวโต กุโต โสตวิญฺญาณาทิสมญฺญา, เอวมปฺปวตฺติโต ตสฺส กุโต สงฺกโมติ ทสฺสิตํ โหติฯ วิญฺญาณปฺปวเตฺตติ วิญฺญาณปฺปวตฺติยํฯ ทฺวารสงฺกนฺติมตฺตนฺติ ทฺวารนฺตรสงฺกมนมตฺตมฺปิ น วทามิ ตตฺถ ตเตฺถว ภิชฺชนโต ปจฺจยสฺส อุปฺปาทวนฺตโต สติ จ อุปฺปาเท อวสฺสํภาวี นิโรโธติ หุตฺวา อภาวเฎฺฐน อนิจฺจตา ทีปิตา โหตีติฯ
Evamevāti yathā aggi upādānaṃ paṭicca jalanto anupādāno tattheva nibbāyati, na katthaci saṅkamati, evameva. ‘‘Paccayavekallena tattheva nirujjhatī’’ti kasmā vuttaṃ, na hettha anuppādanirodho icchito tādisassa nirodhassa idha anadhippetattā, atha kho khaṇanirodho, so ca sābhāvikattā na paccayavekallahetuko? Saccametaṃ, taṃtaṃdvārikassa pana viññāṇassa dvārantaraṃ asaṅkamitvā tattha tattheva nirujjhanaṃ idhādhippetaṃ. Yesañca paccayānaṃ vasena dvārantarikaviññāṇena bhavitabbaṃ, tesaṃ tadabhāvato paccayavekallaggahaṇaṃ, tasmā paccayavekallena na sotādīni saṅkamitvā sotaviññāṇantiādi saṅkhyaṃ gacchatīti yojanā. Etena yaṃ viññāṇaṃ cakkhurūpādipaccayasāmaggiyā vasena cakkhuviññāṇasaṅkhyaṃ gacchati, tattha tattheva nirujjhati tāvakālikabhāvato, tassa pana sotasaddādipaccayābhāvato kuto sotaviññāṇādisamaññā, evamappavattito tassa kuto saṅkamoti dassitaṃ hoti. Viññāṇappavatteti viññāṇappavattiyaṃ. Dvārasaṅkantimattanti dvārantarasaṅkamanamattampi na vadāmi tattha tattheva bhijjanato paccayassa uppādavantato sati ca uppāde avassaṃbhāvī nirodhoti hutvā abhāvaṭṭhena aniccatā dīpitā hotīti.
๔๐๑. ‘‘ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํ วิญฺญาณํ วุตฺตํ มยา, อญฺญตฺร ปจฺจยา นตฺถิ วิญฺญาณสฺส สมฺภโว’’ติ ปาฬิยา อนฺวยโต จ พฺยติเรกโต จ วิญฺญาณสฺส สงฺขตตาว ทสฺสิตาติ อาห ‘‘สปฺปจฺจยภาวํ ทเสฺสตฺวา’’ติฯ เหตุปจฺจเยหิ ชาตํ นิพฺพตฺตํ ‘‘ภูต’’นฺติ อิธาธิเปฺปตํ, ตํ อตฺถโต ปญฺจกฺขนฺธา ตพฺพินิมุตฺตสฺส สปฺปจฺจยสฺส อภาวโต, ยญฺจ ขนฺธปญฺจกํ อตฺตโน เตสญฺจ ภิกฺขูนํ, ตํ ‘‘ภูตมิท’’นฺติ ภควา อโวจาติ อาห ‘‘อิทํ ขนฺธปญฺจก’’นฺติฯ อตฺตโน ผลํ อาหรตีติ อาหาโร, ปจฺจโยฯ สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโว, อาหาโร สมฺภโว เอตสฺสาติ อาหารสมฺภวํฯ เตนาห ‘‘ปจฺจยสมฺภว’’นฺติฯ ตสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธาติ เยน อวิชฺชาทินา ปจฺจเยน ขนฺธปญฺจกํ สมฺภวติ, ตสฺส ปจฺจยสฺส อนุปฺปาทนิโรธาฯ ขณนิโรโธ ปน การณนิรเปโกฺขฯ
401. ‘‘Paṭiccasamuppannaṃ viññāṇaṃ vuttaṃ mayā, aññatra paccayā natthi viññāṇassa sambhavo’’ti pāḷiyā anvayato ca byatirekato ca viññāṇassa saṅkhatatāva dassitāti āha ‘‘sappaccayabhāvaṃ dassetvā’’ti. Hetupaccayehi jātaṃ nibbattaṃ ‘‘bhūta’’nti idhādhippetaṃ, taṃ atthato pañcakkhandhā tabbinimuttassa sappaccayassa abhāvato, yañca khandhapañcakaṃ attano tesañca bhikkhūnaṃ, taṃ ‘‘bhūtamida’’nti bhagavā avocāti āha ‘‘idaṃ khandhapañcaka’’nti. Attano phalaṃ āharatīti āhāro, paccayo. Sambhavati etasmāti sambhavo, āhāro sambhavo etassāti āhārasambhavaṃ. Tenāha ‘‘paccayasambhava’’nti. Tassa paccayassa nirodhāti yena avijjādinā paccayena khandhapañcakaṃ sambhavati, tassa paccayassa anuppādanirodhā. Khaṇanirodho pana kāraṇanirapekkho.
โนสฺสูติ สํสยโชตโน นิปาโตติ อาห ‘‘ภูตํ นุ โข อิทํ, น นุ โข ภูต’’นฺติฯ ภูตมิทํ โนสฺสูติ จ อิมินา ขนฺธปญฺจกเมว นุ โข อิทํ, อุทาหุ อตฺตตฺตนิยนฺติ เอวํชาติโก สํสยนากาโร คหิโตฯ ตทาหารสมฺภวํ โนสฺสูติ ปน อิมินา สเหตุกํ นุ โข อิทํ ภูตํ, อุทาหุ อเหตุกนฺติ ยถา อเหตุกภาวาปโนฺน สํสยนากาโร คหิโต, เอวํ วิสมเหตุกภาวาปโนฺนปิ สํสยนากาโร คหิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ วิสมเหตุโนปิ ปรมตฺถโต ภูตสฺส อเหตุกภาวโตฯ วิสมเหตุวาโทปิ ปเรหิ ปริกปฺปิตมตฺตตาย สภาวนิยติยทิจฺฉาทิวาเทหิ สมานโยคกฺขโมติฯ นิโรธธมฺมํ โนสฺสูติ อิมินา ยถา อนิจฺจํ นุ โข อิทํ ภูตํ, อุทาหุ นิจฺจนฺติ อนิจฺจตํ ปฎิจฺจ สํสยนากาโร คหิโต, เอวํ ทุกฺขํ นุ โข, อุทาหุ น ทุกฺขํ, อนตฺตา นุ โข, อุทาหุ น อนตฺตาติปิ สํสยนากาโร คหิโตเยวาติ ทฎฺฐพฺพํ อนิจฺจสฺส ทุกฺขภาวาทิอวสฺสํภาวโต, นิเจฺจ จ ตทุภยาภาวโตฯ ยาถาวสรสลกฺขณโตติ อวิปรีตสรสโต สลกฺขณโต จ, กิจฺจโต เจว สภาวโต จาติ อโตฺถฯ วิปสฺสนาย อธิฎฺฐานภูตาปิ ปญฺญา วิปสฺสนา เอวาติ วุตฺตํ ‘‘วิปสฺสนาปญฺญายา’’ติฯ สรสโตติ จ สภาวโตฯ สลกฺขณโตติ สามญฺญลกฺขณโตฯ เตนาห ‘‘วิปสฺสนาปญฺญาย สมฺมา ปสฺสนฺตสฺสา’’ติฯ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ยาถาวสรสลกฺขณโต’’ติ วุตฺตนเยเนวฯ เย เยติ ตสฺสํ ปริสายํ เย เย ภิกฺขูฯ สลฺลเกฺขสุนฺติ สมฺมเทว อุปธาเรสุํฯ
Nossūti saṃsayajotano nipātoti āha ‘‘bhūtaṃ nu kho idaṃ, na nu kho bhūta’’nti. Bhūtamidaṃ nossūti ca iminā khandhapañcakameva nu kho idaṃ, udāhu attattaniyanti evaṃjātiko saṃsayanākāro gahito. Tadāhārasambhavaṃ nossūti pana iminā sahetukaṃ nu kho idaṃ bhūtaṃ, udāhu ahetukanti yathā ahetukabhāvāpanno saṃsayanākāro gahito, evaṃ visamahetukabhāvāpannopi saṃsayanākāro gahitoti daṭṭhabbaṃ. Visamahetunopi paramatthato bhūtassa ahetukabhāvato. Visamahetuvādopi parehi parikappitamattatāya sabhāvaniyatiyadicchādivādehi samānayogakkhamoti. Nirodhadhammaṃ nossūti iminā yathā aniccaṃ nu kho idaṃ bhūtaṃ, udāhu niccanti aniccataṃ paṭicca saṃsayanākāro gahito, evaṃ dukkhaṃ nu kho, udāhu na dukkhaṃ, anattā nu kho, udāhu na anattātipi saṃsayanākāro gahitoyevāti daṭṭhabbaṃ aniccassa dukkhabhāvādiavassaṃbhāvato, nicce ca tadubhayābhāvato. Yāthāvasarasalakkhaṇatoti aviparītasarasato salakkhaṇato ca, kiccato ceva sabhāvato cāti attho. Vipassanāya adhiṭṭhānabhūtāpi paññā vipassanā evāti vuttaṃ ‘‘vipassanāpaññāyā’’ti. Sarasatoti ca sabhāvato. Salakkhaṇatoti sāmaññalakkhaṇato. Tenāha ‘‘vipassanāpaññāya sammā passantassā’’ti. Vuttanayenevāti ‘‘yāthāvasarasalakkhaṇato’’ti vuttanayeneva. Ye yeti tassaṃ parisāyaṃ ye ye bhikkhū. Sallakkhesunti sammadeva upadhāresuṃ.
เตหีติ เตหิ ภิกฺขูหิฯ ตตฺถาติ ติสฺสํ วิปสฺสนาปญฺญายํฯ นิตฺตณฺหภาวนฺติ ตณฺหาภาวํ ‘‘เอตํ มม’’นฺติ ตณฺหาคฺคาหสฺส ปหีนตํฯ เอเตนปิ ภควา ‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ธเมฺมสุปิ ตณฺหาปหานเมว วเณฺณมิ, สาติ ปน โมฆปุริโส อตฺตภาเวปิ ตณฺหาสํวทฺธนิํ วิปรีตทิฎฺฐิํ ปคฺคยฺห ติฎฺฐตี’’ติ สาติํ นิคฺคณฺหาติฯ สภาวทสฺสเนนาติ ธมฺมานํ อวิปรีตสภาวทสฺสเนนฯ ปจฺจยทสฺสเนนาติ การณทสฺสเนน อนวเสสโต เหตุโน ปจฺจยสฺส จ ทสฺสเนนฯ อลฺลีเยถาติ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน นิสฺสเยถฯ เตนาห ‘‘ตณฺหาทิฎฺฐีหี’’ติฯ เกลาเยถาติ ปริหรณเกฬิยา ปริหเรยฺยาถฯ เตนาห ‘‘กีฬมานา วิหเรยฺยาถา’’ติฯ ธนํ วิย อิจฺฉนฺตาติ ธนํ วิย ทฺรพฺยํ วิย อิจฺฉํ ตณฺหํ ชเนนฺตาฯ เตนาห ‘‘เคธํ อาปเชฺชยฺยาถา’’ติฯ มมตฺตํ อุปฺปาเทยฺยาถาติ ‘‘มมมิท’’นฺติ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน อภินิเวสํ ชเนยฺยาถฯ นิกนฺติวเสนปิ คหณตฺถาย โน เทสิโต, ตสฺส วา สณฺหสุขุมสฺส วิปสฺสนาธมฺมสฺส คหณํ นาม นิกนฺติยา เอว สิยา, น โอฬาริกตณฺหายาติ วุตฺตํ ‘‘นิกนฺติวเสนา’’ติฯ
Tehīti tehi bhikkhūhi. Tatthāti tissaṃ vipassanāpaññāyaṃ. Nittaṇhabhāvanti taṇhābhāvaṃ ‘‘etaṃ mama’’nti taṇhāggāhassa pahīnataṃ. Etenapi bhagavā ‘‘ahaṃ, bhikkhave, dhammesupi taṇhāpahānameva vaṇṇemi, sāti pana moghapuriso attabhāvepi taṇhāsaṃvaddhaniṃ viparītadiṭṭhiṃ paggayha tiṭṭhatī’’ti sātiṃ niggaṇhāti. Sabhāvadassanenāti dhammānaṃ aviparītasabhāvadassanena. Paccayadassanenāti kāraṇadassanena anavasesato hetuno paccayassa ca dassanena. Allīyethāti taṇhādiṭṭhivasena nissayetha. Tenāha ‘‘taṇhādiṭṭhīhī’’ti. Kelāyethāti pariharaṇakeḷiyā parihareyyātha. Tenāha ‘‘kīḷamānā vihareyyāthā’’ti. Dhanaṃ viya icchantāti dhanaṃ viya drabyaṃ viya icchaṃ taṇhaṃ janentā. Tenāha ‘‘gedhaṃ āpajjeyyāthā’’ti. Mamattaṃ uppādeyyāthāti ‘‘mamamida’’nti taṇhādiṭṭhivasena abhinivesaṃ janeyyātha. Nikantivasenapi gahaṇatthāya no desito, tassa vā saṇhasukhumassa vipassanādhammassa gahaṇaṃ nāma nikantiyā eva siyā, na oḷārikataṇhāyāti vuttaṃ ‘‘nikantivasenā’’ti.
๔๐๒. ปฎิจฺจ เอตสฺมา ผลํ เอตีติ ปจฺจโย, สโพฺพ การณวิเสโสติ อาห ‘‘ขนฺธานํ ปจฺจยํ ทเสฺสโนฺต’’ติฯ ยาว อวิชฺชา หิ สโพฺพ เนสํ การณวิเสโส อิธ ทสฺสิโตฯ ปุน อาทิโต ปฎฺฐาย ยาว ปริโยสานา, อนฺตโต ปฎฺฐาย ยาว อาทีติ อนุโลมโต ปฎิโลมโต จ วฎฺฎวิวฎฺฎทสฺสนวเสน นานานเยหิ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต, นิจฺจคฺคาหสฺส นิมิตฺตภูโต กิเลโสปิ อิธ นตฺถีติ ทีเปติฯ ตมฺปิ วุตฺตตฺถเมวาติ ตมฺปิ ‘‘อิเม จ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อาหารา’’ติอาทิ ยาว ‘‘ตณฺหาปภวา’’ติ ปาฬิปทํ, ตาว วุตฺตตฺถเมว สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๘๙)ฯ เสสํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทกถาภาวโต วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๗๐) วิตฺถาริตาวาติ อิมินาว สงฺคหิตํฯ
402. Paṭicca etasmā phalaṃ etīti paccayo, sabbo kāraṇavisesoti āha ‘‘khandhānaṃ paccayaṃ dassento’’ti. Yāva avijjā hi sabbo nesaṃ kāraṇaviseso idha dassito. Puna ādito paṭṭhāya yāva pariyosānā, antato paṭṭhāya yāva ādīti anulomato paṭilomato ca vaṭṭavivaṭṭadassanavasena nānānayehi paṭiccasamuppādo dassito, niccaggāhassa nimittabhūto kilesopi idha natthīti dīpeti. Tampi vuttatthamevāti tampi ‘‘ime ca, bhikkhave, cattāro āhārā’’tiādi yāva ‘‘taṇhāpabhavā’’ti pāḷipadaṃ, tāva vuttatthameva sammādiṭṭhisuttavaṇṇanāyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 1.89). Sesaṃ paṭiccasamuppādakathābhāvato visuddhimagge (visuddhi. 2.570) vitthāritāvāti imināva saṅgahitaṃ.
๔๐๔. อิมสฺมิํ สติ อิทํ โหตีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถทีปนิยํ อุทานฎฺฐกถายํ (อุทา. อฎฺฐ. ๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
404.Imasmiṃ sati idaṃ hotītiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ paramatthadīpaniyaṃ udānaṭṭhakathāyaṃ (udā. aṭṭha. 1) vuttanayeneva veditabbaṃ.
๔๐๗. ปฎิธาวนาติ ปฎิสรณํ, ปุเพฺพ อตฺตโน อาคตํ อตีตํ อทฺธานํ อุทฺทิสฺส ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน ปฎิคมนนฺติ อโตฺถฯ นนุ วิจิกิจฺฉาวเสน ปาฬิยํ ปฎิธาวนา อาคตาติ? สจฺจํ อาคตา, สา ปน ตณฺหาทิฎฺฐิเหตุกาติ ‘‘ตณฺหาทิฎฺฐิวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ยถาธิคเต ญาณทสฺสเนฯ
407.Paṭidhāvanāti paṭisaraṇaṃ, pubbe attano āgataṃ atītaṃ addhānaṃ uddissa taṇhādiṭṭhivasena paṭigamananti attho. Nanu vicikicchāvasena pāḷiyaṃ paṭidhāvanā āgatāti? Saccaṃ āgatā, sā pana taṇhādiṭṭhihetukāti ‘‘taṇhādiṭṭhivasenā’’ti vuttaṃ. Tatthāti tasmiṃ yathādhigate ñāṇadassane.
นิจฺจลภาวนฺติ สุปฺปติฎฺฐิตภาวํ, ติตฺถิยวาทวาเตหิ อกมฺปิยภาวญฺจฯ ครูติ ครุคุณยุโตฺตฯ ภาริโก ปาสาณจฺฉตฺตสทิโสฯ อกามา อนุวตฺติตโพฺพติ สทฺธามตฺตเกเนว อนุวตฺตนมาห, น อเวจฺจปฺปสาเทนฯ กิจฺจนฺติ สตฺถุกิจฺจํฯ พฺราหฺมณานนฺติ ชาติมนฺตพฺราหฺมณานํฯ วตสมาทานานีติ มควตาทิวตสมาทานานิฯ ทิฎฺฐิกุตูหลานีติ ตํตํทิฎฺฐิคฺคาหวเสน ‘‘อิทํ สจฺจํ, อิทํ สจฺจ’’นฺติอาทินา คเหตพฺพกุตูหลานิฯ เอวํ นิสฺสฎฺฐานีติ ยถา มยา ตุมฺหากํ โอวาโท ทิโนฺน, เอวํ นิสฺสฎฺฐานิ วตาทีนิ ตํ อติกฺกมิตฺวา กิํ คเณฺหยฺยาถฯ สยํ ญาเณน ญาตนฺติ ปรเนยฺยตํ มุญฺจิตฺวา อตฺตโน เอว ญาเณน ยาถาวโต ญาตํฯ เอวํภูตญฺจ สยํ ปจฺจกฺขโต ทิฎฺฐํ นาม โหตีติ อาห ‘‘สยํ ปญฺญาจกฺขุนา ทิฎฺฐ’’นฺติฯ สยํ วิภาวิตนฺติ เตหิ ภิกฺขูหิ ตสฺส อตฺถสฺส ปจฺจตฺตํ วิภูตภาวํ อาปาทิตํฯ อุปนีตาติ อุปกฺกเมน ธมฺมเทสนานุสาเรน นีตาฯ มยาติ กตฺตริ กรณวจนํฯ ธเมฺมนาติ การเณนฯ เอตํ วจนนฺติ เอตํ ‘‘สนฺทิฎฺฐิโก’’ติอาทิวจนํฯ
Niccalabhāvanti suppatiṭṭhitabhāvaṃ, titthiyavādavātehi akampiyabhāvañca. Garūti garuguṇayutto. Bhāriko pāsāṇacchattasadiso. Akāmā anuvattitabboti saddhāmattakeneva anuvattanamāha, na aveccappasādena. Kiccanti satthukiccaṃ. Brāhmaṇānanti jātimantabrāhmaṇānaṃ. Vatasamādānānīti magavatādivatasamādānāni. Diṭṭhikutūhalānīti taṃtaṃdiṭṭhiggāhavasena ‘‘idaṃ saccaṃ, idaṃ sacca’’ntiādinā gahetabbakutūhalāni. Evaṃ nissaṭṭhānīti yathā mayā tumhākaṃ ovādo dinno, evaṃ nissaṭṭhāni vatādīni taṃ atikkamitvā kiṃ gaṇheyyātha. Sayaṃ ñāṇena ñātanti paraneyyataṃ muñcitvā attano eva ñāṇena yāthāvato ñātaṃ. Evaṃbhūtañca sayaṃ paccakkhato diṭṭhaṃ nāma hotīti āha ‘‘sayaṃ paññācakkhunā diṭṭha’’nti. Sayaṃ vibhāvitanti tehi bhikkhūhi tassa atthassa paccattaṃ vibhūtabhāvaṃ āpāditaṃ. Upanītāti upakkamena dhammadesanānusārena nītā. Mayāti kattari karaṇavacanaṃ. Dhammenāti kāraṇena. Etaṃ vacananti etaṃ ‘‘sandiṭṭhiko’’tiādivacanaṃ.
๔๐๘. ตํ สโมฺมหฎฺฐานํ อสฺส โลกสฺสฯ สโมธาเนนาติ สมาคเมนฯ คพฺภติ อตฺตภาวภาเวน วตฺตตีติ คโพฺภ, กลลาทิอวโตฺถ ธมฺมปพโนฺธ, ตนฺนิสฺสิตตฺตา ปน สตฺตสนฺตาโน ‘‘คโพฺภ’’ติ วุโตฺต ยถา ‘‘มญฺจา อุกฺกุฎฺฐิํ กโรนฺตี’’ติฯ ตนฺนิสฺสยภาวโต มาตุกุจฺฉิ ‘‘คโพฺภ’’ติ เวทิตโพฺพ, คโพฺภ วิยาติ วาฯ ยถา หิ นิวาสฎฺฐานตาย สตฺตานํ โอวรโก ‘‘คโพฺภ’’ติ วุจฺจติ, เอวํ คพฺภเสยฺยกานํ ยาว อภิชาติ นิวาสฎฺฐานตาย มาตุกุจฺฉิ ‘‘คโพฺภ’’ติ วุโตฺตติฯ
408.Taṃ sammohaṭṭhānaṃ assa lokassa. Samodhānenāti samāgamena. Gabbhati attabhāvabhāvena vattatīti gabbho, kalalādiavattho dhammapabandho, tannissitattā pana sattasantāno ‘‘gabbho’’ti vutto yathā ‘‘mañcā ukkuṭṭhiṃ karontī’’ti. Tannissayabhāvato mātukucchi ‘‘gabbho’’ti veditabbo, gabbho viyāti vā. Yathā hi nivāsaṭṭhānatāya sattānaṃ ovarako ‘‘gabbho’’ti vuccati, evaṃ gabbhaseyyakānaṃ yāva abhijāti nivāsaṭṭhānatāya mātukucchi ‘‘gabbho’’ti vuttoti.
ยเมกรตฺตินฺติ ยสฺสํ เอกรตฺติยํฯ ภุมฺมเตฺถ หิ อิทํ อุปโยควจนํ, อจฺจนฺตสํโยเค วาฯ ปฐมนฺติ สพฺพปฐมํ ปฎิสนฺธิกฺขเณฯ คเพฺภติ มาตุกุจฺฉิยํฯ มาณโวติ สโตฺตฯ เยภุเยฺยน สตฺตา รตฺติยํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหนฺตีติ รตฺติคฺคหณํฯ อพฺภุฎฺฐิโตวาติ อุฎฺฐิตอโพฺภ วิย, อภิมุขภาเวน วา อุฎฺฐิโต เอว มรณสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ โส ยาตีติ โส มาณโว ยาติ ปฐมกฺขณโต ปฎฺฐาย คจฺฉเตวฯ ส คจฺฉํ น นิวตฺตตีติ โส เอวํ คจฺฉโนฺต ขณมตฺตมฺปิ น นิวตฺตติ, อญฺญทตฺถุ มรณเมว อุปคจฺฉตีติ คาถาย อโตฺถฯ
Yamekarattinti yassaṃ ekarattiyaṃ. Bhummatthe hi idaṃ upayogavacanaṃ, accantasaṃyoge vā. Paṭhamanti sabbapaṭhamaṃ paṭisandhikkhaṇe. Gabbheti mātukucchiyaṃ. Māṇavoti satto. Yebhuyyena sattā rattiyaṃ paṭisandhiṃ gaṇhantīti rattiggahaṇaṃ. Abbhuṭṭhitovāti uṭṭhitaabbho viya, abhimukhabhāvena vā uṭṭhito eva maraṇassāti adhippāyo. So yātīti so māṇavo yāti paṭhamakkhaṇato paṭṭhāya gacchateva. Sa gacchaṃ na nivattatīti so evaṃ gacchanto khaṇamattampi na nivattati, aññadatthu maraṇameva upagacchatīti gāthāya attho.
อุตุสมยํ สนฺธาย วุตฺตํ, น โลกสมญฺญาตรชสฺส ลคฺคนทิวสมตฺตํฯ อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘มาตุคามสฺส กิร ยสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ คพฺภาสเยฯ สณฺฐหิตฺวาติ นิพฺพตฺติตฺวาฯ ภิชฺชิตฺวาติ อคฺคหิตคพฺภา เอว ภินฺนา หุตฺวาฯ อยญฺหิ ตสฺสา สภาโวฯ วตฺถุ สุทฺธํ โหตีติ ปคฺฆริตโลหิตตฺตา อนามยตฺตา จ คพฺภาสโย สุโทฺธ โหติฯ สุทฺธวตฺถุตฺตา ตโต ปรํ กติปยทิวสานิ เขตฺตเมว โหติ คพฺภสณฺฐหนสฺส ปริตฺตสฺส โลหิตเลสสฺส วิชฺชมานตฺตาฯ สมฺภวสฺส ปน กถํ สพฺภาโวติ อาห ‘‘ตสฺมิํ สมเย’’ติอาทิฯ อิตฺถิสนฺตาเนปิ สุกฺกธาตุ ลพฺภเตวฯ เตนาห ‘‘องฺคปรามสเนนปิ ทารโก นิพฺพตฺตติเยวา’’ติฯ ยถา ปาริกาย นาภิปรามสเนน สามสฺส โพธิสตฺตสฺส, ทิฎฺฐมงฺคลิกาย นาภิปรามสเนน มณฺฑพฺยสฺส นิพฺพตฺติฯ คนฺธโพฺพติ คนฺธนโต อุปฺปชฺชนคติยา นิมิตฺตุปฎฺฐาปเนน สูจนโต คโนฺธติ ลทฺธนาเมน ภวคามิกมฺมุนา อพฺพติ ปวตฺตตีติ คนฺธโพฺพ, ตตฺถ อุปฺปชฺชนกสโตฺตฯ เตนาห ‘‘ตตฺรูปคสโตฺต’’ติฯ กมฺมยนฺตยนฺติโตติ ตตฺรูปปตฺติอาวเหน กมฺมสงฺขาเตน เปลฺลนกยเนฺตน ตถตฺตาย เปลฺลิโต อุปนีโตฯ มหเนฺตน ชีวิตสํสเยนาติ วิชายนปริกฺกิเลเสน ‘‘ชีวิสฺสามิ โข, น นุ โข ชีวิสฺสามิ อหํ วา, ปุโตฺต วา เม’’ติ เอวํ ปวเตฺตน ชีวิตสํสเยน วิปุเลน ครุตเรน สํสเยนฯ ตํ ฐานนฺติ ถนปฺปเทสมาหฯ กีฬนฺติ เตนาติ กีฬนํ, กีฬนเมว กีฬนกํฯ
Utusamayaṃ sandhāya vuttaṃ, na lokasamaññātarajassa lagganadivasamattaṃ. Idāni vuttamevatthaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘mātugāmassa kira yasmi’’ntiādi vuttaṃ. Tatthāti tasmiṃ gabbhāsaye. Saṇṭhahitvāti nibbattitvā. Bhijjitvāti aggahitagabbhā eva bhinnā hutvā. Ayañhi tassā sabhāvo. Vatthu suddhaṃ hotīti paggharitalohitattā anāmayattā ca gabbhāsayo suddho hoti. Suddhavatthuttā tato paraṃ katipayadivasāni khettameva hoti gabbhasaṇṭhahanassa parittassa lohitalesassa vijjamānattā. Sambhavassa pana kathaṃ sabbhāvoti āha ‘‘tasmiṃ samaye’’tiādi. Itthisantānepi sukkadhātu labbhateva. Tenāha ‘‘aṅgaparāmasanenapi dārako nibbattatiyevā’’ti. Yathā pārikāya nābhiparāmasanena sāmassa bodhisattassa, diṭṭhamaṅgalikāya nābhiparāmasanena maṇḍabyassa nibbatti. Gandhabboti gandhanato uppajjanagatiyā nimittupaṭṭhāpanena sūcanato gandhoti laddhanāmena bhavagāmikammunā abbati pavattatīti gandhabbo, tattha uppajjanakasatto. Tenāha ‘‘tatrūpagasatto’’ti. Kammayantayantitoti tatrūpapattiāvahena kammasaṅkhātena pellanakayantena tathattāya pellito upanīto. Mahantena jīvitasaṃsayenāti vijāyanaparikkilesena ‘‘jīvissāmi kho, na nu kho jīvissāmi ahaṃ vā, putto vā me’’ti evaṃ pavattena jīvitasaṃsayena vipulena garutarena saṃsayena. Taṃ ṭhānanti thanappadesamāha. Kīḷanti tenāti kīḷanaṃ, kīḷanameva kīḷanakaṃ.
๔๐๙. สารชฺชตีติ สารตฺตจิโตฺต โหติฯ พฺยาปชฺชตีติ พฺยาปนฺนจิโตฺต โหติฯ กาเย เกสาทิทฺวตฺติํสาสุจิสมุทาเย ตํสภาวารมฺมณา สติ กายสติฯ อนุปฎฺฐเปตฺวาติ อนุปฺปาเทตฺวา, ยถาสภาวโต กายํ อนุปธาเรตฺวาติ อโตฺถฯ ปริตฺตเจตโสติ กิเลเสหิ ปริโต ขณฺฑิตจิโตฺตฯ เตนาห ‘‘อกุสลจิโตฺต’’ติฯ เอเต อกุสลธมฺมาฯ นิรุชฺฌนฺตีติ นิโรธํ ปตฺตา โหนฺติฯ ตณฺหาวเสน อภินนฺทตีติ สปฺปีติกตณฺหาวเสน อภิมุขํ หุตฺวา นนฺทติฯ อภิวทตีติ ตณฺหาวเสน ตํ ตํ อารมฺมณํ อภินิวิสฺส วทติฯ อโชฺฌสายาติ อนญฺญสาธารณํ วิย อารมฺมณํ ตณฺหาวเสน อนุปวิสิตฺวาฯ เตนาห ‘‘คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐเปตฺวา’’ติฯ ทุกฺขํ กถํ อภินนฺทตีติ เอตฺถ ทุกฺขเหตุกํ อภินนฺทโนฺต ทุกฺขํ อภินนฺทติ นามาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ยาวตา ยสฺส ทุเกฺข ทิฎฺฐิตณฺหา อภินนฺทนา อปฺปหีนา, ตาวตายํ ทุกฺขํ อภินนฺทติ นามาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อหํ ทุกฺขิโต มม ทุกฺขนฺติ คณฺหโนฺต อภินนฺทติ นามา’’ติ วุตฺตํฯ เตน คาหทฺวยเหตุกา ตตฺถ อภินนฺทนาติ ทเสฺสติฯ ปุน เอกวารนฺติ ปุนปิ เอกวารํฯ ผลเหตุสนฺธิเหตุผลสนฺธิวเสน ทฺวิสนฺธีฯ ‘‘คพฺภสฺสาวกฺกนฺติ โหตี’’ติอาทินา อตฺถโต สรูปโต จ เอตรหิ ผลสเงฺขปสฺสฯ สรูเปเนว จ อิตรทฺวยสฺส เทสิตตฺตา อาห ‘‘ติสเงฺขป’’นฺติฯ
409.Sārajjatīti sārattacitto hoti. Byāpajjatīti byāpannacitto hoti. Kāye kesādidvattiṃsāsucisamudāye taṃsabhāvārammaṇā sati kāyasati. Anupaṭṭhapetvāti anuppādetvā, yathāsabhāvato kāyaṃ anupadhāretvāti attho. Parittacetasoti kilesehi parito khaṇḍitacitto. Tenāha ‘‘akusalacitto’’ti. Ete akusaladhammā. Nirujjhantīti nirodhaṃ pattā honti. Taṇhāvasena abhinandatīti sappītikataṇhāvasena abhimukhaṃ hutvā nandati. Abhivadatīti taṇhāvasena taṃ taṃ ārammaṇaṃ abhinivissa vadati. Ajjhosāyāti anaññasādhāraṇaṃ viya ārammaṇaṃ taṇhāvasena anupavisitvā. Tenāha ‘‘gilitvā pariniṭṭhapetvā’’ti. Dukkhaṃ kathaṃ abhinandatīti ettha dukkhahetukaṃ abhinandanto dukkhaṃ abhinandati nāmāti daṭṭhabbaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana yāvatā yassa dukkhe diṭṭhitaṇhā abhinandanā appahīnā, tāvatāyaṃ dukkhaṃ abhinandati nāmāti dassetuṃ ‘‘ahaṃ dukkhito mama dukkhanti gaṇhanto abhinandati nāmā’’ti vuttaṃ. Tena gāhadvayahetukā tattha abhinandanāti dasseti. Puna ekavāranti punapi ekavāraṃ. Phalahetusandhihetuphalasandhivasena dvisandhī. ‘‘Gabbhassāvakkanti hotī’’tiādinā atthato sarūpato ca etarahi phalasaṅkhepassa. Sarūpeneva ca itaradvayassa desitattā āha ‘‘tisaṅkhepa’’nti.
๔๑๐-๔๑๔. สมถยานิกสฺส ภิกฺขุโน เวทนามุเขน สเงฺขเปเนว ยาว อรหตฺตา กมฺมฎฺฐานํ อิธ กถิตนฺติ อาห ‘‘สํขิเตฺตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติํ ธาเรถา’’ติฯ ‘‘อิมํ ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติ’’นฺติ จ ภควา ยถาเทสิตํ เทสนํ อโวจาติ วุตฺตํ ‘‘อิมํ…เป.… วิมุตฺติเทสน’’นฺติ ฯ ยทิ เอวํ กถํ เทสนา วิมุตฺตีติ อาห ‘‘เทสนา หิ…เป.… วิมุตฺตีติ วุตฺตา’’ติฯ ยสฺสา ตณฺหาย วเสน สาติ ภิกฺขุ สสฺสตคฺคาหมหาสงฺฆาฎปฎิมุโกฺก, สา สพฺพพุทฺธานํ เทสนา หตฺถาวลมฺพมาเนปิ ทุรุคฺฆาฎิยา ชาตาติ อาห ‘‘มหาตณฺหาชาลตณฺหาสงฺฆาฎปฎิมุกฺก’’นฺติฯ มหาตณฺหาชาเลติ มหเนฺต ตณฺหาชเฎฯ ตณฺหาสงฺฆาเฎติ ตณฺหาย สงฺฆาเฎฯ ตถาภูโต จ ตสฺส อพฺภนฺตเร กโต นาม โหตีติ อาห ‘‘อนุปวิโฎฺฐ อโนฺตคโธ’’ติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
410-414. Samathayānikassa bhikkhuno vedanāmukhena saṅkhepeneva yāva arahattā kammaṭṭhānaṃ idha kathitanti āha ‘‘saṃkhittena taṇhāsaṅkhayavimuttiṃ dhārethā’’ti. ‘‘Imaṃ taṇhāsaṅkhayavimutti’’nti ca bhagavā yathādesitaṃ desanaṃ avocāti vuttaṃ ‘‘imaṃ…pe… vimuttidesana’’nti . Yadi evaṃ kathaṃ desanā vimuttīti āha ‘‘desanā hi…pe… vimuttīti vuttā’’ti. Yassā taṇhāya vasena sāti bhikkhu sassataggāhamahāsaṅghāṭapaṭimukko, sā sabbabuddhānaṃ desanā hatthāvalambamānepi durugghāṭiyā jātāti āha ‘‘mahātaṇhājālataṇhāsaṅghāṭapaṭimukka’’nti. Mahātaṇhājāleti mahante taṇhājaṭe. Taṇhāsaṅghāṭeti taṇhāya saṅghāṭe. Tathābhūto ca tassa abbhantare kato nāma hotīti āha ‘‘anupaviṭṭho antogadho’’ti. Sesaṃ suviññeyyameva.
มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Mahātaṇhāsaṅkhayasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตํ • 8. Mahātaṇhāsaṅkhayasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา • 8. Mahātaṇhāsaṅkhayasuttavaṇṇanā