Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๘๖] ๓. มหาอุกฺกุสชาตกวณฺณนา

    [486] 3. Mahāukkusajātakavaṇṇanā

    อุกฺกา จิลาจา พนฺธนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต มิตฺตพนฺธกอุปาสกํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร สาวตฺถิยํ ปริชิณฺณสฺส กุลสฺส ปุโตฺต สหายํ เปเสตฺวา อญฺญตรํ กุลธีตรํ วาราเปตฺวา ‘‘อตฺถิ ปนสฺส อุปฺปนฺนกิจฺจํ นิตฺถรณสมโตฺถ มิโตฺต วา สหาโย วา’’ติ วุเตฺต ‘‘นตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิ มิเตฺต ตาว พนฺธตู’’ติ วุเตฺต ตสฺมิํ โอวาเท ฐตฺวา ปฐมํ ตาว จตูหิ โทวาริเกหิ สทฺธิํ เมตฺติํ อกาสิ, อถานุปุเพฺพน นครคุตฺติกคณกมหามตฺตาทีหิ สทฺธิํ เมตฺติํ กตฺวา เสนาปตินาปิ อุปราเชนาปิ สทฺธิํ เมตฺติํ อกาสิฯ เตหิ ปน สทฺธิํ เอกโต หุตฺวา รญฺญา สทฺธิํ เมตฺติํ อกาสิฯ ตโต อสีติยา มหาเถเรหิ สทฺธิํ อานนฺทเตฺถเรนปิ สทฺธิํ เอกโต หุตฺวา ตถาคเตน สทฺธิํ เมตฺติํ อกาสิฯ อถ นํ สตฺถา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาเปสิ, ราชาปิสฺส อิสฺสริยมทาสิฯ โส มิตฺตพนฺธโกเยวาติ ปากโฎ ชาโตฯ อถสฺส ราชา มหนฺตํ เคหํ ทตฺวา อาวาหมงฺคลํ กาเรสิฯ ราชานํ อาทิํ กตฺวา มหาชโน ปณฺณากาเร ปหิณิฯ อถสฺส ภริยา รญฺญา ปหิตํ ปณฺณาการํ อุปราชสฺส, อุปราเชน ปหิตํ ปณฺณาการํ เสนาปติสฺสาติ เอเตน อุปาเยน สกลนครวาสิโน อาพนฺธิตฺวา คณฺหิฯ สตฺตเม ทิวเส มหาสกฺการํ กตฺวา ทสพลํ นิมเนฺตตฺวา ปญฺจสตสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน สตฺถารา กถิตํ อนุโมทนํ สุตฺวา อุโภปิ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิํสุฯ

    Ukkā cilācā bandhantīti idaṃ satthā jetavane viharanto mittabandhakaupāsakaṃ ārabbha kathesi. So kira sāvatthiyaṃ parijiṇṇassa kulassa putto sahāyaṃ pesetvā aññataraṃ kuladhītaraṃ vārāpetvā ‘‘atthi panassa uppannakiccaṃ nittharaṇasamattho mitto vā sahāyo vā’’ti vutte ‘‘natthī’’ti vatvā ‘‘tena hi mitte tāva bandhatū’’ti vutte tasmiṃ ovāde ṭhatvā paṭhamaṃ tāva catūhi dovārikehi saddhiṃ mettiṃ akāsi, athānupubbena nagaraguttikagaṇakamahāmattādīhi saddhiṃ mettiṃ katvā senāpatināpi uparājenāpi saddhiṃ mettiṃ akāsi. Tehi pana saddhiṃ ekato hutvā raññā saddhiṃ mettiṃ akāsi. Tato asītiyā mahātherehi saddhiṃ ānandattherenapi saddhiṃ ekato hutvā tathāgatena saddhiṃ mettiṃ akāsi. Atha naṃ satthā saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhāpesi, rājāpissa issariyamadāsi. So mittabandhakoyevāti pākaṭo jāto. Athassa rājā mahantaṃ gehaṃ datvā āvāhamaṅgalaṃ kāresi. Rājānaṃ ādiṃ katvā mahājano paṇṇākāre pahiṇi. Athassa bhariyā raññā pahitaṃ paṇṇākāraṃ uparājassa, uparājena pahitaṃ paṇṇākāraṃ senāpatissāti etena upāyena sakalanagaravāsino ābandhitvā gaṇhi. Sattame divase mahāsakkāraṃ katvā dasabalaṃ nimantetvā pañcasatassa buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ datvā bhattakiccāvasāne satthārā kathitaṃ anumodanaṃ sutvā ubhopi jayampatikā sotāpattiphale patiṭṭhahiṃsu.

    ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, มิตฺตพนฺธกอุปาสโก อตฺตโน ภริยํ นิสฺสาย ตสฺสา วจนํ กตฺวา สเพฺพหิ เมตฺติํ กตฺวา รโญฺญ สนฺติกา มหนฺตํ สกฺการํ ลภิ, ตถาคเตน ปน สทฺธิํ เมตฺติํ กตฺวา อุโภปิ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐิตา’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โส เอตํ มาตุคามํ นิสฺสาย มหนฺตํ ยสํ สมฺปโตฺต, ปุเพฺพ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพโตฺตปิ ปเนส เอติสฺสา วจเนน พหูหิ สทฺธิํ เมตฺติํ กตฺวา ปุตฺตโสกโต มุโตฺตเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, mittabandhakaupāsako attano bhariyaṃ nissāya tassā vacanaṃ katvā sabbehi mettiṃ katvā rañño santikā mahantaṃ sakkāraṃ labhi, tathāgatena pana saddhiṃ mettiṃ katvā ubhopi jayampatikā sotāpattiphale patiṭṭhitā’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva so etaṃ mātugāmaṃ nissāya mahantaṃ yasaṃ sampatto, pubbe tiracchānayoniyaṃ nibbattopi panesa etissā vacanena bahūhi saddhiṃ mettiṃ katvā puttasokato muttoyevā’’ti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต เอกเจฺจ ปจฺจนฺตวาสิโน ยตฺถ ยตฺถ พหุํ มํสํ ลภนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ คามํ นิวาเสตฺวา อรเญฺญ จริตฺวา มิคาทโย มาเรตฺวา มํสํ อาหริตฺวา ปุตฺตทาเร โปเสนฺติฯ เตสํ คามโต อวิทูเร มหาชาตสฺสโร อตฺถิฯ ตสฺส ทกฺขิณปเสฺส เอโก เสนสกุโณ, ปจฺฉิมปเสฺส เอกา เสนสกุณี, อุตฺตรปเสฺส สีโห มิคราชา, ปาจีนปเสฺส อุกฺกุสสกุณราชา วสติฯ ชาตสฺสรมเชฺฌ ปน อุนฺนตฎฺฐาเน กจฺฉโป วสติฯ ตทา เสโน เสนิํ ‘‘ภริยา เม โหหี’’ติ วทติฯ อถ นํ สา อาห – ‘‘อตฺถิ ปน เต โกจิ มิโตฺต’’ติ? ‘‘นตฺถิ ภเทฺท’’ติฯ อมฺหากํ อุปฺปนฺนํ ภยํ วา ทุกฺขํ วา หรณสมตฺถํ มิตฺตํ วา สหายํ วา ลทฺธุํ วฎฺฎติ, มิเตฺต ตาว คณฺหาหีติฯ ‘‘เกหิ สทฺธิํ เมตฺติํ กโรมิ ภเทฺท’’ติ? ปาจีนปเสฺส วสเนฺตน อุกฺกุสราเชน, อุตฺตรปเสฺส สีเหน, ชาตสฺสรมเชฺฌ กจฺฉเปน สทฺธิํ เมตฺติํ กโรหีติฯ โส ตสฺสา วจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตถา อกาสิฯ ตทา เต อุโภปิ สํวาสํ กเปฺปตฺวา ตสฺมิํเยว สเร เอกสฺมิํ ทีปเก กทมฺพรุโกฺข อตฺถิ สมนฺตา อุทเกน ปริกฺขิโตฺต, ตสฺมิํ กุลาวกํ กตฺวา ปฎิวสิํสุฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente ekacce paccantavāsino yattha yattha bahuṃ maṃsaṃ labhanti, tattha tattha gāmaṃ nivāsetvā araññe caritvā migādayo māretvā maṃsaṃ āharitvā puttadāre posenti. Tesaṃ gāmato avidūre mahājātassaro atthi. Tassa dakkhiṇapasse eko senasakuṇo, pacchimapasse ekā senasakuṇī, uttarapasse sīho migarājā, pācīnapasse ukkusasakuṇarājā vasati. Jātassaramajjhe pana unnataṭṭhāne kacchapo vasati. Tadā seno seniṃ ‘‘bhariyā me hohī’’ti vadati. Atha naṃ sā āha – ‘‘atthi pana te koci mitto’’ti? ‘‘Natthi bhadde’’ti. Amhākaṃ uppannaṃ bhayaṃ vā dukkhaṃ vā haraṇasamatthaṃ mittaṃ vā sahāyaṃ vā laddhuṃ vaṭṭati, mitte tāva gaṇhāhīti. ‘‘Kehi saddhiṃ mettiṃ karomi bhadde’’ti? Pācīnapasse vasantena ukkusarājena, uttarapasse sīhena, jātassaramajjhe kacchapena saddhiṃ mettiṃ karohīti. So tassā vacanaṃ sampaṭicchitvā tathā akāsi. Tadā te ubhopi saṃvāsaṃ kappetvā tasmiṃyeva sare ekasmiṃ dīpake kadambarukkho atthi samantā udakena parikkhitto, tasmiṃ kulāvakaṃ katvā paṭivasiṃsu.

    เตสํ อปรภาเค เทฺว สกุณโปตกา ชายิํสุฯ เตสํ ปเกฺขสุ อสญฺชาเตสุเยว เอกทิวสํ เต ชานปทา ทิวสํ อรเญฺญ จริตฺวา กิญฺจิ อลภิตฺวา ‘‘น สกฺกา ตุจฺฉหเตฺถน ฆรํ คนฺตุํ, มเจฺฉ วา กจฺฉเป วา คณฺหิสฺสามา’’ติ สรํ โอตริตฺวา ตํ ทีปกํ คนฺตฺวา ตสฺส กทมฺพสฺส มูเล นิปชฺชิตฺวา มกสาทีหิ ขชฺชมานา เตสํ ปลาปนตฺถาย อรณิํ มเนฺถตฺวา อคฺคิํ นิพฺพเตฺตตฺวา ธูมํ กริํสุฯ ธุโม อุคฺคนฺตฺวา สกุเณ ปหริ, สกุณโปตกา วิรวิํสุฯ ชานปทา ตํ สุตฺวา ‘‘อโมฺภ, สกุณโปตกานํ สูยติ สโทฺท, อุเฎฺฐถ อุกฺกา พนฺธถ, ฉาตา สยิตุํ น สโกฺกม, สกุณมํสํ ขาทิตฺวาว สยิสฺสามา’’ติ วตฺวา อคฺคิํ ชาเลตฺวา อุกฺกา พนฺธิํสุฯ สกุณิกา เตสํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อิเม อมฺหากํ โปตเก ขาทิตุกามา, มยํ เอวรูปสฺส ภยสฺส หรณตฺถาย มิเตฺต คณฺหิมฺห, สามิกํ อุกฺกุสราชสฺส สนฺติกํ เปเสสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘คจฺฉ, สามิ , ปุตฺตานํ โน อุปฺปนฺนภยํ อุกฺกุสราชสฺส อาโรเจหี’’ติ วตฺวา ปฐมํ คาถมาห –

    Tesaṃ aparabhāge dve sakuṇapotakā jāyiṃsu. Tesaṃ pakkhesu asañjātesuyeva ekadivasaṃ te jānapadā divasaṃ araññe caritvā kiñci alabhitvā ‘‘na sakkā tucchahatthena gharaṃ gantuṃ, macche vā kacchape vā gaṇhissāmā’’ti saraṃ otaritvā taṃ dīpakaṃ gantvā tassa kadambassa mūle nipajjitvā makasādīhi khajjamānā tesaṃ palāpanatthāya araṇiṃ manthetvā aggiṃ nibbattetvā dhūmaṃ kariṃsu. Dhumo uggantvā sakuṇe pahari, sakuṇapotakā viraviṃsu. Jānapadā taṃ sutvā ‘‘ambho, sakuṇapotakānaṃ sūyati saddo, uṭṭhetha ukkā bandhatha, chātā sayituṃ na sakkoma, sakuṇamaṃsaṃ khāditvāva sayissāmā’’ti vatvā aggiṃ jāletvā ukkā bandhiṃsu. Sakuṇikā tesaṃ saddaṃ sutvā ‘‘ime amhākaṃ potake khāditukāmā, mayaṃ evarūpassa bhayassa haraṇatthāya mitte gaṇhimha, sāmikaṃ ukkusarājassa santikaṃ pesessāmī’’ti cintetvā ‘‘gaccha, sāmi , puttānaṃ no uppannabhayaṃ ukkusarājassa ārocehī’’ti vatvā paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๔๔.

    44.

    ‘‘อุกฺกา จิลาจา พนฺธนฺติ ทีเป, ปชา มมํ ขาทิตุํ ปตฺถยนฺติ;

    ‘‘Ukkā cilācā bandhanti dīpe, pajā mamaṃ khādituṃ patthayanti;

    มิตฺตํ สหายญฺจ วเทหิ เสนก, อาจิกฺข ญาติพฺยสนํ ทิชาน’’นฺติฯ

    Mittaṃ sahāyañca vadehi senaka, ācikkha ñātibyasanaṃ dijāna’’nti.

    ตตฺถ จิลาจาติ ชานปทาฯ ทีเปติ ทีปกมฺหิฯ ปชา มมนฺติ มม ปุตฺตเกฯ เสนกาติ เสนกสกุณํ นาเมนาลปติฯ ญาติพฺยสนนฺติ ปุตฺตานํ พฺยสนํฯ ทิชานนฺติ อมฺหากํ ญาตีนํ ทิชานํ อิทํ พฺยสนํ อุกฺกุสราชสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อาจิกฺขาหีติ วทติฯ

    Tattha cilācāti jānapadā. Dīpeti dīpakamhi. Pajā mamanti mama puttake. Senakāti senakasakuṇaṃ nāmenālapati. Ñātibyasananti puttānaṃ byasanaṃ. Dijānanti amhākaṃ ñātīnaṃ dijānaṃ idaṃ byasanaṃ ukkusarājassa santikaṃ gantvā ācikkhāhīti vadati.

    โส เวเคน ตสฺส วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา วสฺสิตฺวา อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา กโตกาโส อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กิํการณา อาคโตสี’’ติ ปุโฎฺฐ อาคตการณํ ทเสฺสโนฺต ทุติยํ คาถมาห –

    So vegena tassa vasanaṭṭhānaṃ gantvā vassitvā attano āgatabhāvaṃ jānāpetvā katokāso upasaṅkamitvā vanditvā ‘‘kiṃkāraṇā āgatosī’’ti puṭṭho āgatakāraṇaṃ dassento dutiyaṃ gāthamāha –

    ๔๕.

    45.

    ‘‘ทิโช ทิชานํ ปวโรสิ ปกฺขิม, อุกฺกุสราช สรณํ ตํ อุเปม;

    ‘‘Dijo dijānaṃ pavarosi pakkhima, ukkusarāja saraṇaṃ taṃ upema;

    ปชา มมํ ขาทิตุํ ปตฺถยนฺติ, ลุทฺทา จิลาจา ภว เม สุขายา’’ติฯ

    Pajā mamaṃ khādituṃ patthayanti, luddā cilācā bhava me sukhāyā’’ti.

    ตตฺถ ทิโชติ ตฺวํ ทิโช เจว ทิชานํ ปวโร จฯ

    Tattha dijoti tvaṃ dijo ceva dijānaṃ pavaro ca.

    อุกฺกุสราชา ‘‘เสนก มา ภายี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา ตติยํ คาถมาห –

    Ukkusarājā ‘‘senaka mā bhāyī’’ti taṃ assāsetvā tatiyaṃ gāthamāha –

    ๔๖.

    46.

    ‘‘มิตฺตํ สหายญฺจ กโรนฺติ ปณฺฑิตา, กาเล อกาเล สุขเมสมานา;

    ‘‘Mittaṃ sahāyañca karonti paṇḍitā, kāle akāle sukhamesamānā;

    กโรมิ เต เสนก เอตมตฺถํ, อริโย หิ อริยสฺส กโรติ กิจฺจ’’นฺติฯ

    Karomi te senaka etamatthaṃ, ariyo hi ariyassa karoti kicca’’nti.

    ตตฺถ กาเล อกาเลติ ทิวา จ รตฺติญฺจฯ อริโยติ อิธ อาจารอริโย อธิเปฺปโตฯ อาจารสมฺปโนฺน หิ อาจารสมฺปนฺนสฺส กิจฺจํ กโรเตว, กิเมตฺถ กรณียนฺติ วทติฯ

    Tattha kāle akāleti divā ca rattiñca. Ariyoti idha ācāraariyo adhippeto. Ācārasampanno hi ācārasampannassa kiccaṃ karoteva, kimettha karaṇīyanti vadati.

    อถ นํ ปุจฺฉิ ‘‘กิํ, สมฺม, รุกฺขํ อภิรุฬฺหา จิลาจา’’ติ? น ตาว อภิรุฬฺหา, อุกฺกาเยว พนฺธนฺตีติฯ เตน หิ ตฺวํ สีฆํ คนฺตฺวา มม สหายิกํ อสฺสาเสตฺวา มมาคมนภาวํ อาจิกฺขาหีติฯ โส ตถา อกาสิฯ อุกฺกุสราชาปิ คนฺตฺวา กทมฺพสฺส อวิทูเร จิลาจานํ อภิรุหนํ โอโลเกโนฺต เอกสฺมิํ รุกฺขเคฺค นิสีทิตฺวา เอกสฺส จิลาจสฺส อภิรุหนกาเล ตสฺมิํ กุลาวกสฺส อวิทูรํ อภิรุเฬฺห สเร นิมุชฺชิตฺวา ปเกฺขหิ จ มุเขน จ อุทกํ อาหริตฺวา อุกฺกาย อุปริ อาสิญฺจิ, สา นิพฺพายิฯ จิลาจา ‘‘อิมญฺจ เสนกสกุณโปตเก จสฺส ขาทิสฺสามี’’ติ โอตริตฺวา ปุน อุกฺกํ ชาลาเปตฺวา อภิรุหิํสุฯ ปุน โส อุกฺกํ วิชฺฌาเปสิฯ เอเตนุปาเยน พทฺธํ พทฺธํ วิชฺฌาเปนฺตเสฺสวสฺส อฑฺฒรโตฺต ชาโตฯ โส อติวิย กิลมิ, เหฎฺฐาอุทเร กิโลมกํ ตนุตํ คตํ, อกฺขีนิ รตฺตานิ ชาตานิฯ ตํ ทิสฺวา สกุณี สามิกํ อาห – ‘‘สามิ, อติวิย กิลโนฺต อุกฺกุสราชา, เอตสฺส โถกํ วิสฺสมนตฺถาย คนฺตฺวา กจฺฉปราชสฺส กเถหี’’ติฯ โส ตสฺสา วจนํ สุตฺวา อุกฺกุสํ อุปสงฺกมิตฺวา คาถาย อชฺฌภาสิ –

    Atha naṃ pucchi ‘‘kiṃ, samma, rukkhaṃ abhiruḷhā cilācā’’ti? Na tāva abhiruḷhā, ukkāyeva bandhantīti. Tena hi tvaṃ sīghaṃ gantvā mama sahāyikaṃ assāsetvā mamāgamanabhāvaṃ ācikkhāhīti. So tathā akāsi. Ukkusarājāpi gantvā kadambassa avidūre cilācānaṃ abhiruhanaṃ olokento ekasmiṃ rukkhagge nisīditvā ekassa cilācassa abhiruhanakāle tasmiṃ kulāvakassa avidūraṃ abhiruḷhe sare nimujjitvā pakkhehi ca mukhena ca udakaṃ āharitvā ukkāya upari āsiñci, sā nibbāyi. Cilācā ‘‘imañca senakasakuṇapotake cassa khādissāmī’’ti otaritvā puna ukkaṃ jālāpetvā abhiruhiṃsu. Puna so ukkaṃ vijjhāpesi. Etenupāyena baddhaṃ baddhaṃ vijjhāpentassevassa aḍḍharatto jāto. So ativiya kilami, heṭṭhāudare kilomakaṃ tanutaṃ gataṃ, akkhīni rattāni jātāni. Taṃ disvā sakuṇī sāmikaṃ āha – ‘‘sāmi, ativiya kilanto ukkusarājā, etassa thokaṃ vissamanatthāya gantvā kacchaparājassa kathehī’’ti. So tassā vacanaṃ sutvā ukkusaṃ upasaṅkamitvā gāthāya ajjhabhāsi –

    ๔๗.

    47.

    ‘‘ยํ โหติ กิจฺจํ อนุกมฺปเกน, อริยสฺส อริเยน กตํ ตยีทํ;

    ‘‘Yaṃ hoti kiccaṃ anukampakena, ariyassa ariyena kataṃ tayīdaṃ;

    อตฺตานุรกฺขี ภว มา อฑยฺหิ, ลจฺฉาม ปุเตฺต ตยิ ชีวมาเน’’ติฯ

    Attānurakkhī bhava mā aḍayhi, lacchāma putte tayi jīvamāne’’ti.

    ตตฺถ ตยีทนฺติ ตยา อิทํ, อยเมว วา ปาโฐฯ

    Tattha tayīdanti tayā idaṃ, ayameva vā pāṭho.

    โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา สีหนาทํ นทโนฺต ปญฺจมํ คาถมาห –

    So tassa vacanaṃ sutvā sīhanādaṃ nadanto pañcamaṃ gāthamāha –

    ๔๘.

    48.

    ‘‘ตเวว รกฺขาวรณํ กโรโนฺต, สรีรเภทาปิ น สนฺตสามิ;

    ‘‘Taveva rakkhāvaraṇaṃ karonto, sarīrabhedāpi na santasāmi;

    กโรนฺติ เหเก สขินํ สขาโร, ปาณํ จชนฺตา สตเมส ธโมฺม’’ติฯ

    Karonti heke sakhinaṃ sakhāro, pāṇaṃ cajantā satamesa dhammo’’ti.

    ฉฎฺฐํ ปน สตฺถา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา ตสฺส คุณํ วเณฺณโนฺต อาห –

    Chaṭṭhaṃ pana satthā abhisambuddho hutvā tassa guṇaṃ vaṇṇento āha –

    ๔๙.

    49.

    ‘‘สุทุกฺกรํ กมฺมมกาสิ, อณฺฑชายํ วิหงฺคโม;

    ‘‘Sudukkaraṃ kammamakāsi, aṇḍajāyaṃ vihaṅgamo;

    อตฺถาย กุรโร ปุเตฺต, อฑฺฒรเตฺต อนาคเต’’ติฯ

    Atthāya kuraro putte, aḍḍharatte anāgate’’ti.

    ตตฺถ กุรโรติ อุกฺกุสราชาฯ ปุเตฺตติ เสนกสฺส ปุเตฺต รกฺขโนฺต เตสํ อตฺถาย อฑฺฒรเตฺต อนาคเต ยาว ทิยฑฺฒยามา วายามํ กโรโนฺต ทุกฺกรํ อกาสิฯ

    Tattha kuraroti ukkusarājā. Putteti senakassa putte rakkhanto tesaṃ atthāya aḍḍharatte anāgate yāva diyaḍḍhayāmā vāyāmaṃ karonto dukkaraṃ akāsi.

    เสโนปิ อุกฺกุสํ ‘‘โถกํ วิสฺสมาหิ, สมฺมา’’ติ วตฺวา กจฺฉปสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ อุฎฺฐาเปตฺวา ‘‘กิํ, สมฺม, อาคโตสี’’ติ วุโตฺต ‘‘เอวรูปํ นาม ภยํ อุปฺปนฺนํ, อุกฺกุสราชา ปฐมยามโต ปฎฺฐาย วายมโนฺต กิลมิ, เตนมฺหิ ตว สนฺติกํ อาคโต’’ติ วตฺวา สตฺตมํ คาถมาห –

    Senopi ukkusaṃ ‘‘thokaṃ vissamāhi, sammā’’ti vatvā kacchapassa santikaṃ gantvā taṃ uṭṭhāpetvā ‘‘kiṃ, samma, āgatosī’’ti vutto ‘‘evarūpaṃ nāma bhayaṃ uppannaṃ, ukkusarājā paṭhamayāmato paṭṭhāya vāyamanto kilami, tenamhi tava santikaṃ āgato’’ti vatvā sattamaṃ gāthamāha –

    ๕๐.

    50.

    ‘‘จุตาปิ เหเก ขลิตา สกมฺมุนา, มิตฺตานุกมฺปาย ปติฎฺฐหนฺติ;

    ‘‘Cutāpi heke khalitā sakammunā, mittānukampāya patiṭṭhahanti;

    ปุตฺตา มมฎฺฎา คติมาคโตสฺมิ, อตฺถํ จเรโถ มม วาริจรา’’ติฯ

    Puttā mamaṭṭā gatimāgatosmi, atthaṃ caretho mama vāricarā’’ti.

    ตสฺสโตฺถ – สามิ, เอกเจฺจ หิ ยสโต วา ธนโต วา จุตาปิ สกมฺมุนา ขลิตาปิ มิตฺตานํ อนุกมฺปาย ปติฎฺฐหนฺติ, มม จ ปุตฺตา อฎฺฎา อาตุรา, เตนาหํ ตํ คติํ ปฎิสรณํ กตฺวา อาคโตสฺมิ, ปุตฺตานํ ชีวิตทานํ ททโนฺต อตฺถํ เม จราหิ วาริจราติฯ

    Tassattho – sāmi, ekacce hi yasato vā dhanato vā cutāpi sakammunā khalitāpi mittānaṃ anukampāya patiṭṭhahanti, mama ca puttā aṭṭā āturā, tenāhaṃ taṃ gatiṃ paṭisaraṇaṃ katvā āgatosmi, puttānaṃ jīvitadānaṃ dadanto atthaṃ me carāhi vāricarāti.

    ตํ สุตฺวา กจฺฉโป อิตรํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā kacchapo itaraṃ gāthamāha –

    ๕๑.

    51.

    ‘‘ธเนน ธเญฺญน จ อตฺตนา จ, มิตฺตํ สหายญฺจ กโรนฺติ ปณฺฑิตา;

    ‘‘Dhanena dhaññena ca attanā ca, mittaṃ sahāyañca karonti paṇḍitā;

    กโรมิ เต เสนก เอตมตฺถํ, อริโย หิ อริยสฺส กโรติ กิจฺจ’’นฺติฯ

    Karomi te senaka etamatthaṃ, ariyo hi ariyassa karoti kicca’’nti.

    อถสฺส ปุโตฺต อวิทูเร นิปโนฺน ปิตุ วจนํ สุตฺวา ‘‘มา เม ปิตา กิลมตุ, อหํ ปิตุ กิจฺจํ กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา นวมํ คาถมาห –

    Athassa putto avidūre nipanno pitu vacanaṃ sutvā ‘‘mā me pitā kilamatu, ahaṃ pitu kiccaṃ karissāmī’’ti cintetvā navamaṃ gāthamāha –

    ๕๒.

    52.

    ‘‘อโปฺปสฺสุโกฺก ตาต ตุวํ นิสีท, ปุโตฺต ปิตุ จรติ อตฺถจริยํ;

    ‘‘Appossukko tāta tuvaṃ nisīda, putto pitu carati atthacariyaṃ;

    อหํ จริสฺสามิ ตเวตมตฺถํ, เสนสฺส ปุเตฺต ปริตายมาโน’’ติฯ

    Ahaṃ carissāmi tavetamatthaṃ, senassa putte paritāyamāno’’ti.

    อถ นํ ปิตา คาถาย อชฺฌภาสิ –

    Atha naṃ pitā gāthāya ajjhabhāsi –

    ๕๓.

    53.

    ‘‘อทฺธา หิ ตาต สตเมส ธโมฺม, ปุโตฺต ปิตุ ยํ จเร อตฺถจริยํ;

    ‘‘Addhā hi tāta satamesa dhammo, putto pitu yaṃ care atthacariyaṃ;

    อเปฺปว มํ ทิสฺวาน ปวฑฺฒกายํ, เสนสฺส ปุตฺตา น วิเหฐเยยฺยุ’’นฺติฯ

    Appeva maṃ disvāna pavaḍḍhakāyaṃ, senassa puttā na viheṭhayeyyu’’nti.

    ตตฺถ สตเมส ธโมฺมติ ปณฺฑิตานํ เอส ธโมฺมฯ ปุตฺตาติ เสนสฺส ปุเตฺต จิลาจา น เหฐเยยฺยุนฺติฯ

    Tattha satamesa dhammoti paṇḍitānaṃ esa dhammo. Puttāti senassa putte cilācā na heṭhayeyyunti.

    เอวํ วตฺวา มหากจฺฉโป ‘‘สมฺม, มา ภายิ, ตฺวํ ปุรโต คจฺฉ, อิทานาหํ อาคมิสฺสามี’’ติ ตํ อุโยฺยเชตฺวา อุทเก ปติตฺวา กลลญฺจ เสวาลญฺจ สํกฑฺฒิตฺวา อาทาย ทีปกํ คนฺตฺวา อคฺคิํ วิชฺฌาเปตฺวา นิปชฺชิฯ จิลาจา ‘‘กิํ โน เสนโปตเกหิ, อิมํ กาฬกจฺฉปํ ปริวเตฺตตฺวา มาเรสฺสาม, อยํ โน สเพฺพสํ ปโหสฺสตี’’ติ วลฺลิโย อุทฺธริตฺวา ชิยา คเหตฺวา นิวตฺถปิโลติกาปิ โมเจตฺวา เตสุ เตสุ ฐาเนสุ พนฺธิตฺวา กจฺฉปํ ปริวเตฺตตุํ น สโกฺกนฺติฯ กจฺฉโป เต อากฑฺฒโนฺต คนฺตฺวา คมฺภีรฎฺฐาเน อุทเก ปติฯ เตปิ กจฺฉปโลเภน สทฺธิํเยว ปติตฺวา อุทกปุณฺณาย กุจฺฉิยา กิลนฺตา นิกฺขมิตฺวา ‘‘โภ เอเกน โน อุกฺกุเสน ยาว อฑฺฒรตฺตา อุกฺกา วิชฺฌาปิตา, อิทานิ อิมินา กจฺฉเปน อุทเก ปาเตตฺวา อุทกํ ปาเยตฺวา มโหทรา กตมฺห, ปุน อคฺคิํ กริตฺวา อรุเณ อุคฺคเตปิ อิเม เสนกโปตเก ขาทิสฺสามา’’ติ อคฺคิํ กาตุํ อารภิํสุฯ สกุณี เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘สามิ, อิเม ยาย กายจิ เวลาย อมฺหากํ ปุตฺตเก ขาทิตฺวา คมิสฺสนฺติ, สหายสฺส โน สีหสฺส สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ อาหฯ โส ตงฺขณเญฺญว สีหสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กิํ อเวลาย อาคโตสี’’ติ วุเตฺต อาทิโต ปฎฺฐาย ตํ ปวตฺติํ อาโรเจตฺวา เอกาทสมํ คาถมาห –

    Evaṃ vatvā mahākacchapo ‘‘samma, mā bhāyi, tvaṃ purato gaccha, idānāhaṃ āgamissāmī’’ti taṃ uyyojetvā udake patitvā kalalañca sevālañca saṃkaḍḍhitvā ādāya dīpakaṃ gantvā aggiṃ vijjhāpetvā nipajji. Cilācā ‘‘kiṃ no senapotakehi, imaṃ kāḷakacchapaṃ parivattetvā māressāma, ayaṃ no sabbesaṃ pahossatī’’ti valliyo uddharitvā jiyā gahetvā nivatthapilotikāpi mocetvā tesu tesu ṭhānesu bandhitvā kacchapaṃ parivattetuṃ na sakkonti. Kacchapo te ākaḍḍhanto gantvā gambhīraṭṭhāne udake pati. Tepi kacchapalobhena saddhiṃyeva patitvā udakapuṇṇāya kucchiyā kilantā nikkhamitvā ‘‘bho ekena no ukkusena yāva aḍḍharattā ukkā vijjhāpitā, idāni iminā kacchapena udake pātetvā udakaṃ pāyetvā mahodarā katamha, puna aggiṃ karitvā aruṇe uggatepi ime senakapotake khādissāmā’’ti aggiṃ kātuṃ ārabhiṃsu. Sakuṇī tesaṃ kathaṃ sutvā ‘‘sāmi, ime yāya kāyaci velāya amhākaṃ puttake khāditvā gamissanti, sahāyassa no sīhassa santikaṃ gacchāhī’’ti āha. So taṅkhaṇaññeva sīhassa santikaṃ gantvā ‘‘kiṃ avelāya āgatosī’’ti vutte ādito paṭṭhāya taṃ pavattiṃ ārocetvā ekādasamaṃ gāthamāha –

    ๕๔.

    54.

    ‘‘ปสู มนุสฺสา มิควีรเสฎฺฐ, ภยฎฺฎิตา เสฎฺฐมุปพฺพชนฺติ;

    ‘‘Pasū manussā migavīraseṭṭha, bhayaṭṭitā seṭṭhamupabbajanti;

    ปุตฺตา มมฎฺฎา คติมาคโตสฺมิ, ตฺวํ โนสิ ราชา ภว เม สุขายา’’ติฯ

    Puttā mamaṭṭā gatimāgatosmi, tvaṃ nosi rājā bhava me sukhāyā’’ti.

    ตตฺถ ปสูติ สพฺพติรจฺฉาเน อาหฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สามิ, มิเคสุ วีริเยน เสฎฺฐ, สพฺพโลกสฺมิญฺหิ สเพฺพ ติรจฺฉานาปิ มนุสฺสาปิ ภยฎฺฎิตา หุตฺวา เสฎฺฐํ อุปคจฺฉนฺติ, มม จ ปุตฺตา อฎฺฎา อาตุราฯ ตสฺมาหํ ตํ คติํ กตฺวา อาคโตมฺหิ, ตฺวํ อมฺหากํ ราชา สุขาย เม ภวาหี’’ติฯ

    Tattha pasūti sabbatiracchāne āha. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘sāmi, migesu vīriyena seṭṭha, sabbalokasmiñhi sabbe tiracchānāpi manussāpi bhayaṭṭitā hutvā seṭṭhaṃ upagacchanti, mama ca puttā aṭṭā āturā. Tasmāhaṃ taṃ gatiṃ katvā āgatomhi, tvaṃ amhākaṃ rājā sukhāya me bhavāhī’’ti.

    ตํ สุตฺวา สีโห คาถมาห –

    Taṃ sutvā sīho gāthamāha –

    ๕๕.

    55.

    ‘‘กโรมิ เต เสนก เอตมตฺถํ, อายามิ เต ตํ ทิสตํ วธาย;

    ‘‘Karomi te senaka etamatthaṃ, āyāmi te taṃ disataṃ vadhāya;

    กถญฺหิ วิญฺญู ปหุ สมฺปชาโน, น วายเม อตฺตชนสฺส คุตฺติยา’’ติฯ

    Kathañhi viññū pahu sampajāno, na vāyame attajanassa guttiyā’’ti.

    ตตฺถ ตํ ทิสตนฺติ ตํ ทิสสมูหํ, ตํ ตว ปจฺจตฺถิกคณนฺติ อโตฺถฯ ปหูติ อมิเตฺต หนฺตุํ สมโตฺถฯ สมฺปชาโนติ มิตฺตสฺส ภยุปฺปตฺติํ ชานโนฺตฯ อตฺตชนสฺสาติ อตฺตสมสฺส องฺคสมานสฺส ชนสฺส, มิตฺตสฺสาติ อโตฺถฯ

    Tattha taṃ disatanti taṃ disasamūhaṃ, taṃ tava paccatthikagaṇanti attho. Pahūti amitte hantuṃ samattho. Sampajānoti mittassa bhayuppattiṃ jānanto. Attajanassāti attasamassa aṅgasamānassa janassa, mittassāti attho.

    เอวญฺจ ปน วตฺวา ‘‘คจฺฉ ตฺวํ ปุเตฺต สมสฺสาเสหี’’ติ ตํ อุโยฺยเชตฺวา มณิวณฺณํ อุทกํ มทฺทมาโน ปายาสิฯ จิลาจา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กุรเรน ตาว อมฺหากํ อุกฺกา วิชฺฌาปิตา, ตถา กจฺฉเปน อเมฺห นิวตฺถปิโลติกานมฺปิ อสฺสามิกา กตา, อิทานิ ปน นฎฺฐมฺหา, สีโห โน ชีวิตกฺขยเมว ปาเปสฺสตี’’ติ มรณภยตชฺชิตา เยน วา เตน วา ปลายิํสุฯ สีโห อาคนฺตฺวา รุกฺขมูเล น กิญฺจิ อทฺทสฯ อถ นํ กุรโร จ กจฺฉโป จ เสโน จ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิํสุฯ โส เตสํ มิตฺตานิสํสํ กเถตฺวา ‘‘อิโต ปฎฺฐาย มิตฺตธมฺมํ อภินฺทิตฺวา อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ โอวทิตฺวา ปกฺกามิ, เตปิ สกฐานานิ คตาฯ เสนสกุณี อตฺตโน ปุเตฺต โอโลเกตฺวา ‘‘มิเตฺต นิสฺสาย อเมฺหหิ ทารกา ลทฺธา’’ติ สุขนิสินฺนสมเย เสเนน สทฺธิํ สลฺลปนฺตี มิตฺตธมฺมํ ปกาสมานา ฉ คาถา อภาสิ –

    Evañca pana vatvā ‘‘gaccha tvaṃ putte samassāsehī’’ti taṃ uyyojetvā maṇivaṇṇaṃ udakaṃ maddamāno pāyāsi. Cilācā taṃ āgacchantaṃ disvā ‘‘kurarena tāva amhākaṃ ukkā vijjhāpitā, tathā kacchapena amhe nivatthapilotikānampi assāmikā katā, idāni pana naṭṭhamhā, sīho no jīvitakkhayameva pāpessatī’’ti maraṇabhayatajjitā yena vā tena vā palāyiṃsu. Sīho āgantvā rukkhamūle na kiñci addasa. Atha naṃ kuraro ca kacchapo ca seno ca upasaṅkamitvā vandiṃsu. So tesaṃ mittānisaṃsaṃ kathetvā ‘‘ito paṭṭhāya mittadhammaṃ abhinditvā appamattā hothā’’ti ovaditvā pakkāmi, tepi sakaṭhānāni gatā. Senasakuṇī attano putte oloketvā ‘‘mitte nissāya amhehi dārakā laddhā’’ti sukhanisinnasamaye senena saddhiṃ sallapantī mittadhammaṃ pakāsamānā cha gāthā abhāsi –

    ๕๖.

    56.

    ‘‘มิตฺตญฺจ กยิราถ สุหทยญฺจ, อยิรญฺจ กยิราถ สุขาคมาย;

    ‘‘Mittañca kayirātha suhadayañca, ayirañca kayirātha sukhāgamāya;

    นิวตฺถโกโจว สเรภิหนฺตฺวา, โมทาม ปุเตฺตหิ สมงฺคิภูตาฯ

    Nivatthakocova sarebhihantvā, modāma puttehi samaṅgibhūtā.

    ๕๗.

    57.

    ‘‘สกมิตฺตสฺส กเมฺมน, สหายสฺสาปลายิโน;

    ‘‘Sakamittassa kammena, sahāyassāpalāyino;

    กูชนฺตมุปกูชนฺติ, โลมสา หทยงฺคมํฯ

    Kūjantamupakūjanti, lomasā hadayaṅgamaṃ.

    ๕๘.

    58.

    ‘‘มิตฺตํ สหายํ อธิคมฺม ปณฺฑิโต, โส ภุญฺชตี ปุตฺต ปสุํ ธนํ วา;

    ‘‘Mittaṃ sahāyaṃ adhigamma paṇḍito, so bhuñjatī putta pasuṃ dhanaṃ vā;

    อหญฺจ ปุตฺตา จ ปตี จ มยฺหํ, มิตฺตานุกมฺปาย สมงฺคิภูตาฯ

    Ahañca puttā ca patī ca mayhaṃ, mittānukampāya samaṅgibhūtā.

    ๕๙.

    59.

    ‘‘ราชวตา สูรวตา จ อโตฺถ, สมฺปนฺนสขิสฺส ภวนฺติ เหเต;

    ‘‘Rājavatā sūravatā ca attho, sampannasakhissa bhavanti hete;

    โส มิตฺตวา ยสวา อุคฺคตโตฺต, อสฺมิํธโลเก โมทติ กามกามีฯ

    So mittavā yasavā uggatatto, asmiṃdhaloke modati kāmakāmī.

    ๖๐.

    60.

    ‘‘กรณียานิ มิตฺตานิ, ทลิเทฺทนาปิ เสนก;

    ‘‘Karaṇīyāni mittāni, daliddenāpi senaka;

    ปสฺส มิตฺตานุกมฺปาย, สมคฺคมฺหา สญาตเกฯ

    Passa mittānukampāya, samaggamhā sañātake.

    ๖๑.

    61.

    ‘‘สูเรน พลวเนฺตน, โย มิเตฺต กุรุเต ทิโช;

    ‘‘Sūrena balavantena, yo mitte kurute dijo;

    เอวํ โส สุขิโต โหติ, ยถาหํ ตฺวญฺจ เสนกา’’ติฯ

    Evaṃ so sukhito hoti, yathāhaṃ tvañca senakā’’ti.

    ตตฺถ มิตฺตญฺจาติ ยํกิญฺจิ อตฺตโน มิตฺตญฺจ สุหทยญฺจ สุหทยสหายญฺจ สามิกสงฺขาตํ อยิรญฺจ กโรเถวฯ นิวตฺถโกโจว สเรภิหนฺตฺวาติ เอตฺถ โกโจติ กวโจฯ ยถา นาม ปฎิมุกฺกกวโจ สเร อภิหนติ นิวาเรติ, เอวํ มยมฺปิ มิตฺตพเลน ปจฺจตฺถิเก อภิหนฺตฺวา ปุเตฺตหิ สทฺธิํ โมทามาติ วทติฯ สกมิตฺตสฺส กเมฺมนาติ สกสฺส มิตฺตสฺส ปรกฺกเมนฯ สหายสฺสาปลายิโนติ สหายสฺส อปลายิโน มิคราชสฺสฯ โลมสาติ ปกฺขิโน อมฺหากํ ปุตฺตกา มญฺจ ตญฺจ กูชนฺตํ หทยงฺคมํ มธุรสฺสรํ นิจฺฉาเรตฺวา อุปกูชนฺติฯ สมงฺคิภูตาติ เอกฎฺฐาเน ฐิตาฯ

    Tattha mittañcāti yaṃkiñci attano mittañca suhadayañca suhadayasahāyañca sāmikasaṅkhātaṃ ayirañca karotheva. Nivatthakocova sarebhihantvāti ettha kocoti kavaco. Yathā nāma paṭimukkakavaco sare abhihanati nivāreti, evaṃ mayampi mittabalena paccatthike abhihantvā puttehi saddhiṃ modāmāti vadati. Sakamittassa kammenāti sakassa mittassa parakkamena. Sahāyassāpalāyinoti sahāyassa apalāyino migarājassa. Lomasāti pakkhino amhākaṃ puttakā mañca tañca kūjantaṃ hadayaṅgamaṃ madhurassaraṃ nicchāretvā upakūjanti. Samaṅgibhūtāti ekaṭṭhāne ṭhitā.

    ราชวตา สูรวตา จ อโตฺถติ ยสฺส สีหสทิโส ราชา อุกฺกุสกจฺฉปสทิสา จ สูรา มิตฺตา โหนฺติ, เตน ราชวตา สูรวตา จ อโตฺถ สกฺกา ปาปุณิตุํฯ ภวนฺติ เหเตติ โย จ สมฺปนฺนสโข ปริปุณฺณมิตฺตธโมฺม, ตสฺส เอเต สหายา ภวนฺติฯ อุคฺคตโตฺตติ สิริโสภเคฺคน อุคฺคตสภาโวฯ อสฺมิํธโลเกติ อิธโลกสงฺขาเต อสฺมิํ โลเก โมทติฯ กามกามีติ สามิกํ อาลปติฯ โส หิ กาเม กามนโต กามกามี นามฯ สมคฺคมฺหาติ สมคฺคา ชาตมฺหาฯ สญาตเกติ ญาตเกหิ ปุเตฺตหิ สทฺธิํฯ

    Rājavatā sūravatā ca atthoti yassa sīhasadiso rājā ukkusakacchapasadisā ca sūrā mittā honti, tena rājavatā sūravatā ca attho sakkā pāpuṇituṃ. Bhavanti heteti yo ca sampannasakho paripuṇṇamittadhammo, tassa ete sahāyā bhavanti. Uggatattoti sirisobhaggena uggatasabhāvo. Asmiṃdhaloketi idhalokasaṅkhāte asmiṃ loke modati. Kāmakāmīti sāmikaṃ ālapati. So hi kāme kāmanato kāmakāmī nāma. Samaggamhāti samaggā jātamhā. Sañātaketi ñātakehi puttehi saddhiṃ.

    เอวํ สา ฉหิ คาถาหิ มิตฺตธมฺมสฺส คุณกถํ กเถสิฯ เต สเพฺพปิ สหายกา มิตฺตธมฺมํ อภินฺทิตฺวา ยาวตายุกํ ฐตฺวา ยถากมฺมํ คตาฯ

    Evaṃ sā chahi gāthāhi mittadhammassa guṇakathaṃ kathesi. Te sabbepi sahāyakā mittadhammaṃ abhinditvā yāvatāyukaṃ ṭhatvā yathākammaṃ gatā.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โส ภริยํ นิสฺสาย สุขปฺปโตฺต, ปุเพฺพปิ สุขปฺปโตฺตเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เสโน จ เสนี จ ชยมฺปติกา อเหสุํ, ปุตฺตกจฺฉโป ราหุโล, ปิตา มหาโมคฺคลฺลาโน, อุกฺกุโส สาริปุโตฺต, สีโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva so bhariyaṃ nissāya sukhappatto, pubbepi sukhappattoyevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā seno ca senī ca jayampatikā ahesuṃ, puttakacchapo rāhulo, pitā mahāmoggallāno, ukkuso sāriputto, sīho pana ahameva ahosi’’nti.

    มหาอุกฺกุสชาตกวณฺณนา ตติยาฯ

    Mahāukkusajātakavaṇṇanā tatiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๘๖. มหาอุกฺกุสชาตกํ • 486. Mahāukkusajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact