Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๗๓
The Middle-Length Suttas Collection 73
มหาวจฺฉสุตฺต
The Longer Discourse With Vacchagotta
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ
So I have heard. At one time the Buddha was staying near Rājagaha, in the Bamboo Grove, the squirrels’ feeding ground.
อถ โข วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ทีฆรตฺตาหํ โภตา โคตเมน สหกถีฯ สาธุ เม ภวํ โคตโม สงฺขิตฺเตน กุสลากุสลํ เทเสตู”ติฯ
Then the wanderer Vacchagotta went up to the Buddha and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side and said to the Buddha, “For a long time I have had discussions with Master Gotama. Please teach me in brief what is skillful and what is unskillful.”
“สงฺขิตฺเตนปิ โข เต อหํ, วจฺฉ, กุสลากุสลํ เทเสยฺยํ, วิตฺถาเรนปิ โข เต อหํ, วจฺฉ, กุสลากุสลํ เทเสยฺยํ; อปิ จ เต อหํ, วจฺฉ, สงฺขิตฺเตน กุสลากุสลํ เทเสสฺสามิฯ ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี”ติฯ
“Vaccha, I can teach you what is skillful and what is unskillful in brief or in detail. Still, let me do so in brief. Listen and apply your mind well, I will speak.”
“เอวํ, โภ”ติ โข วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ:
“Yes, sir,” Vaccha replied. The Buddha said this:
“โลโภ โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อโลโภ กุสลํ; โทโส โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อโทโส กุสลํ; โมโห โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อโมโห กุสลํฯ อิติ โข, วจฺฉ, อิเม ตโย ธมฺมา อกุสลา, ตโย ธมฺมา กุสลาฯ
“Greed is unskillful, contentment is skillful. Hate is unskillful, love is skillful. Delusion is unskillful, understanding is skillful. So there are these three unskillful things and three that are skillful.
ปาณาติปาโต โข, วจฺฉ, อกุสลํ, ปาณาติปาตา เวรมณี กุสลํ; อทินฺนาทานํ โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อทินฺนาทานา เวรมณี กุสลํ; กาเมสุมิจฺฉาจาโร โข, วจฺฉ, อกุสลํ, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี กุสลํ; มุสาวาโท โข, วจฺฉ, อกุสลํ, มุสาวาทา เวรมณี กุสลํ; ปิสุณา วาจา โข, วจฺฉ, อกุสลํ, ปิสุณาย วาจาย เวรมณี กุสลํ; ผรุสา วาจา โข, วจฺฉ, อกุสลํ, ผรุสาย วาจาย เวรมณี กุสลํ; สมฺผปฺปลาโป โข, วจฺฉ, อกุสลํ, สมฺผปฺปลาปา เวรมณี กุสลํ; อภิชฺฌา โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อนภิชฺฌา กุสลํ; พฺยาปาโท โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อพฺยาปาโท กุสลํ; มิจฺฉาทิฏฺฐิ โข, วจฺฉ, อกุสลํ สมฺมาทิฏฺฐิ กุสลํฯ อิติ โข, วจฺฉ, อิเม ทส ธมฺมา อกุสลา, ทส ธมฺมา กุสลาฯ
Killing living creatures, stealing, and sexual misconduct; speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical; covetousness, ill will, and wrong view: these things are unskillful. Refraining from killing living creatures, stealing, and sexual misconduct; refraining from speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical; contentment, kind-heartedness, and right view: these things are skillful. So there are these ten unskillful things and ten that are skillful.
ยโต โข, วจฺฉ, ภิกฺขุโน ตณฺหา ปหีนา โหติ อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวงฺกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา, โส โหติ ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทญฺญาวิมุตฺโต”ติฯ
When a bhikkhu has given up craving so it is cut off at the root, made like a palm stump, obliterated, and unable to arise in the future, that bhikkhu is perfected. They’ve ended the defilements, completed the spiritual journey, done what had to be done, laid down the burden, achieved their own true goal, utterly ended the fetters of rebirth, and are rightly freed through enlightenment.”
“ติฏฺฐตุ ภวํ โคตโมฯ อตฺถิ ปน เต โภโต โคตมสฺส เอกภิกฺขุปิ สาวโก โย อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปญฺญาวิมุตฺตึ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี”ติ?
“Leaving aside Master Gotama, is there even a single monk disciple of Master Gotama who has realized the undefiled freedom of heart and freedom by wisdom in this very life, and lives having realized it with their own insight due to the ending of defilements?”
“น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น เทฺว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปญฺจ สตานิ, อถ โข ภิโยฺยว เย ภิกฺขู มม สาวกา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปญฺญาวิมุตฺตึ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี”ติฯ
“There are not just one hundred such monks who are my disciples, Vaccha, or two or three or four or five hundred, but many more than that.”
“ติฏฺฐตุ ภวํ โคตโม, ติฏฺฐนฺตุ ภิกฺขูฯ อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกา ภิกฺขุนีปิ สาวิกา ยา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปญฺญาวิมุตฺตึ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี”ติ?
“Leaving aside Master Gotama and the monks, is there even a single nun disciple of Master Gotama who has realized the undefiled freedom of heart and freedom by wisdom in this very life, and lives having realized it with their own insight due to the ending of defilements?”
“น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น เทฺว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปญฺจ สตานิ, อถ โข ภิโยฺยว ยา ภิกฺขุนิโย มม สาวิกา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปญฺญาวิมุตฺตึ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี”ติฯ
“There are not just one hundred such nuns who are my disciples, Vaccha, or two or three or four or five hundred, but many more than that.”
“ติฏฺฐตุ ภวํ โคตโม, ติฏฺฐนฺตุ ภิกฺขู, ติฏฺฐนฺตุ ภิกฺขุนิโยฯ อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกุปาสโกปิ สาวโก คิหี โอทาตวสโน พฺรหฺมจารี โย ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา”ติ?
“Leaving aside Master Gotama, the monks, and the nuns, is there even a single layman disciple of Master Gotama—white-clothed and celibate—who, with the ending of the five lower fetters, is reborn spontaneously, to be extinguished there, not liable to return from that world?”
“น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น เทฺว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปญฺจ สตานิ, อถ โข ภิโยฺยว เย อุปาสกา มม สาวกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายิโน อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา”ติฯ
“There are not just one hundred such celibate laymen who are my disciples, Vaccha, or two or three or four or five hundred, but many more than that.”
“ติฏฺฐตุ ภวํ โคตโม, ติฏฺฐนฺตุ ภิกฺขู, ติฏฺฐนฺตุ ภิกฺขุนิโย, ติฏฺฐนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโนฯ อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกุปาสโกปิ สาวโก คิหี โอทาตวสโน กามโภคี สาสนกโร โอวาทปฺปฏิกโร โย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถงฺกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน วิหรตี”ติ?
“Leaving aside Master Gotama, the monks, the nuns, and the celibate laymen, is there even a single layman disciple of Master Gotama—white-clothed, enjoying sensual pleasures, following instructions, and responding to advice—who has gone beyond doubt, got rid of indecision, and lives self-assured and independent of others regarding the Teacher’s instruction?”
“น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น เทฺว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปญฺจ สตานิ, อถ โข ภิโยฺยว เย อุปาสกา มม สาวกา คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน สาสนกรา โอวาทปฺปฏิกรา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถงฺกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิหรนฺตี”ติฯ
“There are not just one hundred such laymen enjoying sensual pleasures who are my disciples, Vaccha, or two or three or four or five hundred, but many more than that.”
“ติฏฺฐตุ ภวํ โคตโม, ติฏฺฐนฺตุ ภิกฺขู, ติฏฺฐนฺตุ ภิกฺขุนิโย, ติฏฺฐนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน, ติฏฺฐนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโนฯ อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกุปาสิกาปิ สาวิกา คิหินี โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินี ยา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายินี อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา”ติ?
“Leaving aside Master Gotama, the monks, the nuns, the celibate laymen, and the laymen enjoying sensual pleasures, is there even a single laywoman disciple of Master Gotama—white-clothed and celibate—who, with the ending of the five lower fetters, is reborn spontaneously, to be extinguished there, not liable to return from that world?”
“น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น เทฺว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปญฺจ สตานิ, อถ โข ภิโยฺยว ยา อุปาสิกา มม สาวิกา คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายินิโย อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา”ติฯ
“There are not just one hundred such celibate laywomen who are my disciples, Vaccha, or two or three or four or five hundred, but many more than that.”
“ติฏฺฐตุ ภวํ โคตโม, ติฏฺฐนฺตุ ภิกฺขู, ติฏฺฐนฺตุ ภิกฺขุนิโย, ติฏฺฐนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน, ติฏฺฐนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน, ติฏฺฐนฺตุ อุปาสิกา คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโยฯ อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกุปาสิกาปิ สาวิกา คิหินี โอทาตวสนา กามโภคินี สาสนกรา โอวาทปฺปฏิกรา ยา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถงฺกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิหรตี”ติ?
“Leaving aside Master Gotama, the monks, the nuns, the celibate laymen, the laymen enjoying sensual pleasures, and the celibate laywomen, is there even a single laywoman disciple of Master Gotama—white-clothed, enjoying sensual pleasures, following instructions, and responding to advice—who has gone beyond doubt, got rid of indecision, and lives self-assured and independent of others regarding the Teacher’s instruction?”
“น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น เทฺว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปญฺจ สตานิ, อถ โข ภิโยฺยว ยา อุปาสิกา มม สาวิกา คิหินิโย โอทาตวสนา กามโภคินิโย สาสนกรา โอวาทปฺปฏิกรา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถงฺกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิหรนฺตี”ติฯ
“There are not just one hundred such laywomen enjoying sensual pleasures who are my disciples, Vaccha, or two or three or four or five hundred, but many more than that.”
“สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวํเยว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, โน จ โข ภิกฺขู อาราธกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนงฺเคนฯ ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวญฺเจว โคตโม อาราธโก ภิกฺขู จ อาราธกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนงฺเคนฯ
“If Master Gotama was the only one to succeed in this teaching, not any monks, then this spiritual path would be incomplete in that respect. But because both Master Gotama and monks have succeeded in this teaching, this spiritual path is complete in that respect.
สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวญฺเจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข ภิกฺขุนิโย อาราธิกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนงฺเคนฯ ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวญฺเจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนงฺเคนฯ สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวญฺเจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนงฺเคนฯ ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวญฺเจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนงฺเคนฯ สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวญฺเจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนงฺเคนฯ ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวญฺเจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนงฺเคนฯ สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวญฺเจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข อุปาสิกา คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย อาราธิกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนงฺเคนฯ ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวญฺเจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา, อุปาสิกา จ คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย อาราธิกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนงฺเคนฯ
If Master Gotama and the monks were the only ones to succeed in this teaching, not any nuns … celibate laymen … laymen enjoying sensual pleasures … celibate laywomen …
สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวญฺเจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสิกา จ คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข อุปาสิกา คิหินิโย โอทาตวสนา กามโภคินิโย อาราธิกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนงฺเคนฯ ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวญฺเจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา, อุปาสิกา จ คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย อาราธิกา, อุปาสิกา จ คิหินิโย โอทาตวสนา กามโภคินิโย อาราธิกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนงฺเคนฯ
laywomen enjoying sensual pleasures, then this spiritual path would be incomplete in that respect. But because Master Gotama, monks, nuns, celibate laymen, laymen enjoying sensual pleasures, celibate laywomen, and laywomen enjoying sensual pleasures have all succeeded in this teaching, this spiritual path is complete in that respect.
เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, คงฺคา นที สมุทฺทนินฺนา สมุทฺทโปณา สมุทฺทปพฺภารา สมุทฺทํ อาหจฺจ ติฏฺฐติ, เอวเมวายํ โภโต โคตมสฺส ปริสา สคหฏฺฐปพฺพชิตา นิพฺพานนินฺนา นิพฺพานโปณา นิพฺพานปพฺภารา นิพฺพานํ อาหจฺจ ติฏฺฐติฯ
Just as the Ganges river slants, slopes, and inclines towards the ocean, and keeps pushing into the ocean, in the same way Master Gotama’s assembly—with both laypeople and renunciates—slants, slopes, and inclines towards Nibbana, and keeps pushing into Nibbana.
อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม …เป… เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปทนฺ”ติฯ
Excellent, Master Gotama! … I go for refuge to Master Gotama, to the teaching, and to the bhikkhu Saṅgha. May I receive the going forth, the ordination in the ascetic Gotama’s presence?”
“โย โข, วจฺฉ, อญฺญติตฺถิยปุพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, โส จตฺตาโร มาเส ปริวสติฯ จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย; อปิ จ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตา”ติฯ
“Vaccha, if someone formerly ordained in another sect wishes to take the going forth, the ordination in this teaching and training, they must spend four months on probation. When four months have passed, if the bhikkhus are satisfied, they’ll give the going forth, the ordination into monkhood. However, I have recognized individual differences in this matter.”
“สเจ, ภนฺเต, อญฺญติตฺถิยปุพฺพา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขนฺตา ปพฺพชฺชํ, อากงฺขนฺตา อุปสมฺปทํ จตฺตาโร มาเส ปริวสนฺติ, จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย; อหํ จตฺตาริ วสฺสานิ ปริวสิสฺสามิฯ จตุนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺตุ อุปสมฺปาเทนฺตุ ภิกฺขุภาวายา”ติฯ อลตฺถ โข วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ
“Sir, if four months probation are required in such a case, I’ll spend four years on probation. When four years have passed, if the bhikkhus are satisfied, let them give me the going forth, the ordination into monkhood.” And the wanderer Vaccha received the going forth, the ordination in the Buddha’s presence.
อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนายสฺมา วจฺฉโคตฺโต อทฺธมาสูปสมฺปนฺโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา วจฺฉโคตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ยาวตกํ, ภนฺเต, เสเขน ญาเณน เสขาย วิชฺชาย ปตฺตพฺพํ, อนุปฺปตฺตํ ตํ มยา; อุตฺตริ จ เม ภควา ธมฺมํ เทเสตู”ติฯ
Not long after his ordination, a fortnight later, Venerable Vacchagotta went to the Buddha, bowed, sat down to one side, and said to him, “Sir, I’ve reached as far as possible with the knowledge and understanding of a trainee. Please teach me further.”
“เตน หิ ตฺวํ, วจฺฉ, เทฺว ธมฺเม อุตฺตริ ภาเวหิ—สมถญฺจ วิปสฺสนญฺจฯ อิเม โข เต, วจฺฉ, เทฺว ธมฺมา อุตฺตริ ภาวิตา—สมโถ จ วิปสฺสนา จ—อเนกธาตุปฏิเวธาย สํวตฺติสฺสนฺติฯ
“Well then, Vaccha, further develop two things: serenity and discernment. When you have further developed these two things, they’ll lead to the penetration of many elements.
โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ: ‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุภเวยฺยํ—เอโกปิ หุตฺวา พหุธา อสฺสํ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก อสฺสํ; อาวิภาวํ, ติโรภาวํ; ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺเฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กเรยฺยํ, เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺเฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กเมยฺยํ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปริมเสยฺยํ, ปริมชฺเชยฺยํ; ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตยฺยนฺ'ติ, ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเนฯ
Whenever you want, you’ll be capable of realizing the following, in each and every case: ‘May I wield the many kinds of psychic power: multiplying myself and becoming one again; appearing and disappearing; going unimpeded through a wall, a rampart, or a mountain as if through space; diving in and out of the earth as if it were water; walking on water as if it were earth; flying cross-legged through the sky like a bird; touching and stroking with my hand the sun and moon, so mighty and powerful; controlling my body as far as the Brahmā realm.’
โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ: ‘ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุเณยฺยํ—ทิพฺเพ จ มานุเส จ, เย ทูเร สนฺติเก จา'ติ, ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเนฯ
Whenever you want, you’ll be capable of realizing the following, in each and every case: ‘With clairaudience that is purified and superhuman, may I hear both kinds of sounds, human and divine, whether near or far.’
โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ: ‘ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชาเนยฺยํ—สราคํ วา จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตราคํ วา จิตฺตํ วีตราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สโทสํ วา จิตฺตํ สโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโทสํ วา จิตฺตํ วีตโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สโมหํ วา จิตฺตํ สโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ วีตโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สงฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ สงฺขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ วิกฺขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; มหคฺคตํ วา จิตฺตํ มหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ อมหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; เสาตฺตรํ วา จิตฺตํ เสาตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ อนุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ อสมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อวิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยนฺ'ติ, ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเนฯ
Whenever you want, you’ll be capable of realizing the following, in each and every case: ‘May I understand the minds of other beings and individuals, having comprehended them with my mind. May I understand mind with greed as “mind with greed”, and mind without greed as “mind without greed”; mind with hate as “mind with hate”, and mind without hate as “mind without hate”; mind with delusion as “mind with delusion”, and mind without delusion as “mind without delusion”; constricted mind as “constricted mind”, and scattered mind as “scattered mind”; expansive mind as “expansive mind”, and unexpansive mind as “unexpansive mind”; mind that is not supreme as “mind that is not supreme”, and mind that is supreme as “mind that is supreme”; mind immersed in samādhi as “mind immersed in samādhi”, and mind not immersed in samādhi as “mind not immersed in samādhi”; freed mind as “freed mind”, and unfreed mind as “unfreed mind”.’
โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ: ‘อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺยํ, เสยฺยถิทํ—เอกมฺปิ ชาตึ เทฺวปิ ชาติโย ติโสฺสปิ ชาติโย จตโสฺสปิ ชาติโย ปญฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปญฺญาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ; อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป—อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวงฺโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวงฺโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโนติ; อิติ สาการํ เสาทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺยนฺ'ติ, ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเนฯ
Whenever you want, you’ll be capable of realizing the following, in each and every case: ‘May I recollect many kinds of past lives. That is: one, two, three, four, five, ten, twenty, thirty, forty, fifty, a hundred, a thousand, a hundred thousand rebirths; many eons of the world contracting, many eons of the world expanding, many eons of the world contracting and expanding. May I remember: “There, I was named this, my clan was that, I looked like this, and that was my food. This was how I felt pleasure and pain, and that was how my life ended. When I passed away from that place I was reborn somewhere else. There, too, I was named this, my clan was that, I looked like this, and that was my food. This was how I felt pleasure and pain, and that was how my life ended. When I passed away from that place I was reborn here.” May I recollect my many past lives, with features and details.’
โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ: ‘ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปเสฺสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺยํ—อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺฐิกา มิจฺฉาทิฏฺฐิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา; อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺฐิกา สมฺมาทิฏฺฐิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนาติ; อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปเสฺสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺยนฺ'ติ, ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเนฯ
Whenever you want, you’ll be capable of realizing the following, in each and every case: ‘With clairvoyance that is purified and superhuman, may I see sentient beings passing away and being reborn—inferior and superior, beautiful and ugly, in a good place or a bad place—and understand how sentient beings are reborn according to their deeds: “These dear beings did bad things by way of body, speech, and mind. They spoke ill of the noble ones; they had wrong view; and they chose to act out of that wrong view. When their body breaks up, after death, they’re reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell. These dear beings, however, did good things by way of body, speech, and mind. They never spoke ill of the noble ones; they had right view; and they chose to act out of that right view. When their body breaks up, after death, they’re reborn in a good place, a heavenly realm.” And so, with clairvoyance that is purified and superhuman, may I see sentient beings passing away and being reborn—inferior and superior, beautiful and ugly, in a good place or a bad place. And may I understand how sentient beings are reborn according to their deeds.’
โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ: ‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปญฺญาวิมุตฺตึ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยนฺ'ติ, ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเน”ติฯ
Whenever you want, you’ll be capable of realizing the following, in each and every case: ‘May I realize the undefiled freedom of heart and freedom by wisdom in this very life, and live having realized it with my own insight due to the ending of defilements.’
อถ โข อายสฺมา วจฺฉโคตฺโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
And then Venerable Vacchagotta approved and agreed with what the Buddha said. He got up from his seat, bowed, and respectfully circled the Buddha, keeping him on his right, before leaving.
อถ โข อายสฺมา วจฺฉโคตฺโต เอโก วูปกฏฺโฐ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรเสฺสว—ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ—พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ
Then Vacchagotta, living alone, withdrawn, diligent, keen, and resolute, soon realized the supreme end of the spiritual path in this very life. He lived having achieved with his own insight the goal for which gentlemen rightly go forth from the lay life to homelessness.
“ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา”ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร โข ปนายสฺมา วจฺฉโคตฺโต อรหตํ อโหสิฯ
He understood: “Rebirth is ended; the spiritual journey has been completed; what had to be done has been done; there is no return to any state of existence.” And Venerable Vacchagotta became one of the perfected.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู ภควนฺตํ ทสฺสนาย คจฺฉนฺติฯ อทฺทสา โข อายสฺมา วจฺฉโคตฺโต เต ภิกฺขู ทูรโตว อาคจฺฉนฺเตฯ ทิสฺวาน เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ: “หนฺท กหํ ปน ตุเมฺห อายสฺมนฺโต คจฺฉถา”ติ?
Now at that time several bhikkhus were going to see the Buddha. Vacchagotta saw them coming off in the distance, went up to them, and said, “Hello venerables, where are you going?”
“ภควนฺตํ โข มยํ, อาวุโส, ทสฺสนาย คจฺฉามา”ติฯ
“Friend, we are going to see the Buddha.”
“เตนหายสฺมนฺโต มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทถ, เอวญฺจ วเทถ: ‘วจฺฉโคตฺโต, ภนฺเต, ภิกฺขุ ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวญฺจ วเทติ—ปริจิณฺโณ เม ภควา, ปริจิณฺโณ เม สุคโต'”ติฯ
“Well then, friends, in my name please bow with your head at the Buddha’s feet and say: ‘Sir, the bhikkhu Vacchagotta bows with his head to your feet and says, “I have served the Blessed One! I have served the Holy One!”’”
“เอวมาวุโส”ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต วจฺฉโคตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อถ โข เต ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ: “อายสฺมา, ภนฺเต, วจฺฉโคตฺโต ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวญฺจ วเทติ: ‘ปริจิณฺโณ เม ภควา, ปริจิณฺโณ เม สุคโต'”ติฯ
“Yes, friend,” they replied. Then those bhikkhus went up to the Buddha, bowed, sat down to one side, and said to him, “Sir, the bhikkhu Vacchagotta bows with his head to your feet and says: ‘I have served the Blessed One! I have served the Holy One!’”
“ปุพฺเพว เม, ภิกฺขเว, วจฺฉโคตฺโต ภิกฺขุ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต: ‘เตวิชฺโช วจฺฉโคตฺโต ภิกฺขุ มหิทฺธิโก มหานุภาโว'ติฯ เทวตาปิ เม เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ: ‘เตวิชฺโช, ภนฺเต, วจฺฉโคตฺโต ภิกฺขุ มหิทฺธิโก มหานุภาโว'”ติฯ
“I’ve already comprehended Vacchagotta’s mind and understood that he has the three knowledges, and is very mighty and powerful. And deities also told me about this.”
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
That is what the Buddha said. Satisfied, the bhikkhus approved what the Buddha said.
มหาวจฺฉสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ตติยํฯ
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]