Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๓. มหาวจฺฉสุตฺตํ
3. Mahāvacchasuttaṃ
๑๙๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ อถ โข วจฺฉโคโตฺต ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข วจฺฉโคโตฺต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทีฆรตฺตาหํ โภตา โคตเมน สหกถีฯ สาธุ เม ภวํ โคตโม สํขิเตฺตน กุสลากุสลํ เทเสตู’’ติฯ ‘‘สํขิเตฺตนปิ โข เต อหํ, วจฺฉ, กุสลากุสลํ เทเสยฺยํ, วิตฺถาเรนปิ โข เต อหํ, วจฺฉ, กุสลากุสลํ เทเสยฺยํ; อปิ จ เต อหํ, วจฺฉ, สํขิเตฺตน กุสลากุสลํ เทเสสฺสามิฯ ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข วจฺฉโคโตฺต ปริพฺพาชโก ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –
193. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Atha kho vacchagotto paribbājako yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho vacchagotto paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘dīgharattāhaṃ bhotā gotamena sahakathī. Sādhu me bhavaṃ gotamo saṃkhittena kusalākusalaṃ desetū’’ti. ‘‘Saṃkhittenapi kho te ahaṃ, vaccha, kusalākusalaṃ deseyyaṃ, vitthārenapi kho te ahaṃ, vaccha, kusalākusalaṃ deseyyaṃ; api ca te ahaṃ, vaccha, saṃkhittena kusalākusalaṃ desessāmi. Taṃ suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho vacchagotto paribbājako bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –
๑๙๔. ‘‘โลโภ โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อโลโภ กุสลํ; โทโส โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อโทโส กุสลํ; โมโห โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อโมโห กุสลํฯ อิติ โข, วจฺฉ, อิเม ตโย ธมฺมา อกุสลา, ตโย ธมฺมา กุสลาฯ
194. ‘‘Lobho kho, vaccha, akusalaṃ, alobho kusalaṃ; doso kho, vaccha, akusalaṃ, adoso kusalaṃ; moho kho, vaccha, akusalaṃ, amoho kusalaṃ. Iti kho, vaccha, ime tayo dhammā akusalā, tayo dhammā kusalā.
‘‘ปาณาติปาโต โข, วจฺฉ, อกุสลํ, ปาณาติปาตา เวรมณี กุสลํ; อทินฺนาทานํ โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อทินฺนาทานา เวรมณี กุสลํ; กาเมสุมิจฺฉาจาโร โข, วจฺฉ, อกุสลํ, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี กุสลํ; มุสาวาโท โข, วจฺฉ, อกุสลํ, มุสาวาทา เวรมณี กุสลํ; ปิสุณา วาจา โข, วจฺฉ, อกุสลํ , ปิสุณาย วาจาย เวรมณี กุสลํ; ผรุสา วาจา โข, วจฺฉ, อกุสลํ, ผรุสาย วาจาย เวรมณี กุสลํ; สมฺผปฺปลาโป โข, วจฺฉ, อกุสลํ, สมฺผปฺปลาปา เวรมณี กุสลํ; อภิชฺฌา โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อนภิชฺฌา กุสลํ; พฺยาปาโท โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อพฺยาปาโท กุสลํ; มิจฺฉาทิฎฺฐิ โข, วจฺฉ, อกุสลํ สมฺมาทิฎฺฐิ กุสลํฯ อิติ โข, วจฺฉ, อิเม ทส ธมฺมา อกุสลา, ทส ธมฺมา กุสลาฯ
‘‘Pāṇātipāto kho, vaccha, akusalaṃ, pāṇātipātā veramaṇī kusalaṃ; adinnādānaṃ kho, vaccha, akusalaṃ, adinnādānā veramaṇī kusalaṃ; kāmesumicchācāro kho, vaccha, akusalaṃ, kāmesumicchācārā veramaṇī kusalaṃ; musāvādo kho, vaccha, akusalaṃ, musāvādā veramaṇī kusalaṃ; pisuṇā vācā kho, vaccha, akusalaṃ , pisuṇāya vācāya veramaṇī kusalaṃ; pharusā vācā kho, vaccha, akusalaṃ, pharusāya vācāya veramaṇī kusalaṃ; samphappalāpo kho, vaccha, akusalaṃ, samphappalāpā veramaṇī kusalaṃ; abhijjhā kho, vaccha, akusalaṃ, anabhijjhā kusalaṃ; byāpādo kho, vaccha, akusalaṃ, abyāpādo kusalaṃ; micchādiṭṭhi kho, vaccha, akusalaṃ sammādiṭṭhi kusalaṃ. Iti kho, vaccha, ime dasa dhammā akusalā, dasa dhammā kusalā.
‘‘ยโต โข, วจฺฉ, ภิกฺขุโน ตณฺหา ปหีนา โหติ อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมา, โส โหติ ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทโตฺถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทญฺญา วิมุโตฺต’’ติฯ
‘‘Yato kho, vaccha, bhikkhuno taṇhā pahīnā hoti ucchinnamūlā tālāvatthukatā anabhāvaṃkatā āyatiṃ anuppādadhammā, so hoti bhikkhu arahaṃ khīṇāsavo vusitavā katakaraṇīyo ohitabhāro anuppattasadattho parikkhīṇabhavasaṃyojano sammadaññā vimutto’’ti.
๑๙๕. ‘‘ติฎฺฐตุ ภวํ โคตโมฯ อตฺถิ ปน เต โภโต โคตมสฺส เอกภิกฺขุปิ สาวโก โย อาสวานํ ขยา 1 อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ? ‘‘น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น เทฺว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปญฺจ สตานิ, อถ โข ภิโยฺยว เย ภิกฺขู มม สาวกา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติฯ
195. ‘‘Tiṭṭhatu bhavaṃ gotamo. Atthi pana te bhoto gotamassa ekabhikkhupi sāvako yo āsavānaṃ khayā 2 anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharatī’’ti? ‘‘Na kho, vaccha, ekaṃyeva sataṃ na dve satāni na tīṇi satāni na cattāri satāni na pañca satāni, atha kho bhiyyova ye bhikkhū mama sāvakā āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharantī’’ti.
‘‘ติฎฺฐตุ ภวํ โคตโม, ติฎฺฐนฺตุ ภิกฺขูฯ อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกา ภิกฺขุนีปิ สาวิกา ยา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ? ‘‘น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น เทฺว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปญฺจ สตานิ, อถ โข ภิโยฺยว ยา ภิกฺขุนิโย มม สาวิกา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติฯ
‘‘Tiṭṭhatu bhavaṃ gotamo, tiṭṭhantu bhikkhū. Atthi pana bhoto gotamassa ekā bhikkhunīpi sāvikā yā āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharatī’’ti? ‘‘Na kho, vaccha, ekaṃyeva sataṃ na dve satāni na tīṇi satāni na cattāri satāni na pañca satāni, atha kho bhiyyova yā bhikkhuniyo mama sāvikā āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharantī’’ti.
‘‘ติฎฺฐตุ ภวํ โคตโม, ติฎฺฐนฺตุ ภิกฺขู, ติฎฺฐนฺตุ ภิกฺขุนิโยฯ อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกุปาสโกปิ สาวโก คิหี โอทาตวสโน พฺรหฺมจารี โย ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกา’’ติ? ‘‘น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น เทฺว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปญฺจ สตานิ, อถ โข ภิโยฺยว เย อุปาสกา มม สาวกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายิโน อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา’’ติฯ
‘‘Tiṭṭhatu bhavaṃ gotamo, tiṭṭhantu bhikkhū, tiṭṭhantu bhikkhuniyo. Atthi pana bhoto gotamassa ekupāsakopi sāvako gihī odātavasano brahmacārī yo pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātiko tattha parinibbāyī anāvattidhammo tasmā lokā’’ti? ‘‘Na kho, vaccha, ekaṃyeva sataṃ na dve satāni na tīṇi satāni na cattāri satāni na pañca satāni, atha kho bhiyyova ye upāsakā mama sāvakā gihī odātavasanā brahmacārino pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātikā tattha parinibbāyino anāvattidhammā tasmā lokā’’ti.
‘‘ติฎฺฐตุ ภวํ โคตโม, ติฎฺฐนฺตุ ภิกฺขู, ติฎฺฐนฺตุ ภิกฺขุนิโย, ติฎฺฐนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโนฯ อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกุปาสโกปิ สาวโก คิหี โอทาตวสโน กามโภคี สาสนกโร โอวาทปฺปฎิกโร โย ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปโตฺต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน วิหรตี’’ติ? ‘‘น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น เทฺว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปญฺจ สตานิ , อถ โข ภิโยฺยว เย อุปาสกา มม สาวกา คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน สาสนกรา โอวาทปฺปฎิกรา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถํกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิหรนฺตี’’ติฯ
‘‘Tiṭṭhatu bhavaṃ gotamo, tiṭṭhantu bhikkhū, tiṭṭhantu bhikkhuniyo, tiṭṭhantu upāsakā gihī odātavasanā brahmacārino. Atthi pana bhoto gotamassa ekupāsakopi sāvako gihī odātavasano kāmabhogī sāsanakaro ovādappaṭikaro yo tiṇṇavicikiccho vigatakathaṃkatho vesārajjappatto aparappaccayo satthusāsane viharatī’’ti? ‘‘Na kho, vaccha, ekaṃyeva sataṃ na dve satāni na tīṇi satāni na cattāri satāni na pañca satāni , atha kho bhiyyova ye upāsakā mama sāvakā gihī odātavasanā kāmabhogino sāsanakarā ovādappaṭikarā tiṇṇavicikicchā vigatakathaṃkathā vesārajjappattā aparappaccayā satthusāsane viharantī’’ti.
‘‘ติฎฺฐตุ ภวํ โคตโม, ติฎฺฐนฺตุ ภิกฺขู, ติฎฺฐนฺตุ ภิกฺขุนิโย, ติฎฺฐนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน, ติฎฺฐนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโนฯ อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกุปาสิกาปิ สาวิกา คิหินี โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินี ยา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายินี อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา’’ติ? ‘‘น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น เทฺว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปญฺจ สตานิ, อถ โข ภิโยฺยว ยา อุปาสิกา มม สาวิกา คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายินิโย อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา’’ติฯ
‘‘Tiṭṭhatu bhavaṃ gotamo, tiṭṭhantu bhikkhū, tiṭṭhantu bhikkhuniyo, tiṭṭhantu upāsakā gihī odātavasanā brahmacārino, tiṭṭhantu upāsakā gihī odātavasanā kāmabhogino. Atthi pana bhoto gotamassa ekupāsikāpi sāvikā gihinī odātavasanā brahmacārinī yā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātikā tattha parinibbāyinī anāvattidhammā tasmā lokā’’ti? ‘‘Na kho, vaccha, ekaṃyeva sataṃ na dve satāni na tīṇi satāni na cattāri satāni na pañca satāni, atha kho bhiyyova yā upāsikā mama sāvikā gihiniyo odātavasanā brahmacāriniyo pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātikā tattha parinibbāyiniyo anāvattidhammā tasmā lokā’’ti.
‘‘ติฎฺฐตุ ภวํ โคตโม, ติฎฺฐนฺตุ ภิกฺขู, ติฎฺฐนฺตุ ภิกฺขุนิโย, ติฎฺฐนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน, ติฎฺฐนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน, ติฎฺฐนฺตุ อุปาสิกา คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโยฯ อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกุปาสิกาปิ สาวิกา คิหินี โอทาตวสนา กามโภคินี สาสนกรา โอวาทปฺปฎิกรา ยา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถํกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิหรตี’’ติ? ‘‘น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น เทฺว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปญฺจ สตานิ, อถ โข ภิโยฺยว ยา อุปาสิกา มม สาวิกา คิหินิโย โอทาตวสนา กามโภคินิโย สาสนกรา โอวาทปฺปฎิกรา ติณฺณวิจฺฉิกิจฺฉา วิคตกถํกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิหรนฺตี’’ติฯ
‘‘Tiṭṭhatu bhavaṃ gotamo, tiṭṭhantu bhikkhū, tiṭṭhantu bhikkhuniyo, tiṭṭhantu upāsakā gihī odātavasanā brahmacārino, tiṭṭhantu upāsakā gihī odātavasanā kāmabhogino, tiṭṭhantu upāsikā gihiniyo odātavasanā brahmacāriniyo. Atthi pana bhoto gotamassa ekupāsikāpi sāvikā gihinī odātavasanā kāmabhoginī sāsanakarā ovādappaṭikarā yā tiṇṇavicikicchā vigatakathaṃkathā vesārajjappattā aparappaccayā satthusāsane viharatī’’ti? ‘‘Na kho, vaccha, ekaṃyeva sataṃ na dve satāni na tīṇi satāni na cattāri satāni na pañca satāni, atha kho bhiyyova yā upāsikā mama sāvikā gihiniyo odātavasanā kāmabhoginiyo sāsanakarā ovādappaṭikarā tiṇṇavicchikicchā vigatakathaṃkathā vesārajjappattā aparappaccayā satthusāsane viharantī’’ti.
๑๙๖. ‘‘สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวํเยว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, โน จ โข ภิกฺขู อาราธกา อภวิสฺสํสุ ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนเงฺคนฯ ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวเญฺจว โคตโม อาราธโก ภิกฺขู จ อาราธกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนเงฺคนฯ
196. ‘‘Sace hi, bho gotama, imaṃ dhammaṃ bhavaṃyeva gotamo ārādhako abhavissa, no ca kho bhikkhū ārādhakā abhavissaṃsu ; evamidaṃ brahmacariyaṃ aparipūraṃ abhavissa tenaṅgena. Yasmā ca kho, bho gotama, imaṃ dhammaṃ bhavañceva gotamo ārādhako bhikkhū ca ārādhakā; evamidaṃ brahmacariyaṃ paripūraṃ tenaṅgena.
‘‘สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวเญฺจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข ภิกฺขุนิโย อาราธิกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนเงฺคนฯ ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวเญฺจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนเงฺคนฯ
‘‘Sace hi, bho gotama, imaṃ dhammaṃ bhavañceva gotamo ārādhako abhavissa, bhikkhū ca ārādhakā abhavissaṃsu, no ca kho bhikkhuniyo ārādhikā abhavissaṃsu; evamidaṃ brahmacariyaṃ aparipūraṃ abhavissa tenaṅgena. Yasmā ca kho, bho gotama, imaṃ dhammaṃ bhavañceva gotamo ārādhako, bhikkhū ca ārādhakā, bhikkhuniyo ca ārādhikā; evamidaṃ brahmacariyaṃ paripūraṃ tenaṅgena.
‘‘สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวเญฺจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนเงฺคนฯ ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวเญฺจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนเงฺคนฯ
‘‘Sace hi, bho gotama, imaṃ dhammaṃ bhavañceva gotamo ārādhako abhavissa, bhikkhū ca ārādhakā abhavissaṃsu, bhikkhuniyo ca ārādhikā abhavissaṃsu, no ca kho upāsakā gihī odātavasanā brahmacārino ārādhakā abhavissaṃsu; evamidaṃ brahmacariyaṃ aparipūraṃ abhavissa tenaṅgena. Yasmā ca kho, bho gotama, imaṃ dhammaṃ bhavañceva gotamo ārādhako, bhikkhū ca ārādhakā, bhikkhuniyo ca ārādhikā, upāsakā ca gihī odātavasanā brahmacārino ārādhakā; evamidaṃ brahmacariyaṃ paripūraṃ tenaṅgena.
‘‘สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวเญฺจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนเงฺคนฯ ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวเญฺจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนเงฺคนฯ
‘‘Sace hi, bho gotama, imaṃ dhammaṃ bhavañceva gotamo ārādhako abhavissa, bhikkhū ca ārādhakā abhavissaṃsu, bhikkhuniyo ca ārādhikā abhavissaṃsu, upāsakā ca gihī odātavasanā brahmacārino ārādhakā abhavissaṃsu, no ca kho upāsakā gihī odātavasanā kāmabhogino ārādhakā abhavissaṃsu; evamidaṃ brahmacariyaṃ aparipūraṃ abhavissa tenaṅgena. Yasmā ca kho, bho gotama, imaṃ dhammaṃ bhavañceva gotamo ārādhako, bhikkhū ca ārādhakā, bhikkhuniyo ca ārādhikā, upāsakā ca gihī odātavasanā brahmacārino ārādhakā, upāsakā ca gihī odātavasanā kāmabhogino ārādhakā; evamidaṃ brahmacariyaṃ paripūraṃ tenaṅgena.
‘‘สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวเญฺจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข อุปาสิกา คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย อาราธิกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนเงฺคนฯ ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวเญฺจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา , อุปาสิกา จ คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย อาราธิกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนเงฺคนฯ
‘‘Sace hi, bho gotama, imaṃ dhammaṃ bhavañceva gotamo ārādhako abhavissa, bhikkhū ca ārādhakā abhavissaṃsu, bhikkhuniyo ca ārādhikā abhavissaṃsu, upāsakā ca gihī odātavasanā brahmacārino ārādhakā abhavissaṃsu, upāsakā ca gihī odātavasanā kāmabhogino ārādhakā abhavissaṃsu, no ca kho upāsikā gihiniyo odātavasanā brahmacāriniyo ārādhikā abhavissaṃsu; evamidaṃ brahmacariyaṃ aparipūraṃ abhavissa tenaṅgena. Yasmā ca kho, bho gotama, imaṃ dhammaṃ bhavañceva gotamo ārādhako, bhikkhū ca ārādhakā, bhikkhuniyo ca ārādhikā, upāsakā ca gihī odātavasanā brahmacārino ārādhakā, upāsakā ca gihī odātavasanā kāmabhogino ārādhakā , upāsikā ca gihiniyo odātavasanā brahmacāriniyo ārādhikā; evamidaṃ brahmacariyaṃ paripūraṃ tenaṅgena.
‘‘สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวเญฺจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสิกา จ คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข อุปาสิกา คิหินิโย โอทาตวสนา กามโภคินิโย อาราธิกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนเงฺคนฯ ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวเญฺจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา, อุปาสิกา จ คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย อาราธิกา, อุปาสิกา จ คิหินิโย โอทาตวสนา กามโภคินิโย อาราธิกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนเงฺคนฯ
‘‘Sace hi, bho gotama, imaṃ dhammaṃ bhavañceva gotamo ārādhako abhavissa, bhikkhū ca ārādhakā abhavissaṃsu, bhikkhuniyo ca ārādhikā abhavissaṃsu, upāsakā ca gihī odātavasanā brahmacārino ārādhakā abhavissaṃsu, upāsakā ca gihī odātavasanā kāmabhogino ārādhakā abhavissaṃsu, upāsikā ca gihiniyo odātavasanā brahmacāriniyo ārādhikā abhavissaṃsu, no ca kho upāsikā gihiniyo odātavasanā kāmabhoginiyo ārādhikā abhavissaṃsu; evamidaṃ brahmacariyaṃ aparipūraṃ abhavissa tenaṅgena. Yasmā ca kho, bho gotama, imaṃ dhammaṃ bhavañceva gotamo ārādhako, bhikkhū ca ārādhakā, bhikkhuniyo ca ārādhikā, upāsakā ca gihī odātavasanā brahmacārino ārādhakā, upāsakā ca gihī odātavasanā kāmabhogino ārādhakā, upāsikā ca gihiniyo odātavasanā brahmacāriniyo ārādhikā, upāsikā ca gihiniyo odātavasanā kāmabhoginiyo ārādhikā; evamidaṃ brahmacariyaṃ paripūraṃ tenaṅgena.
๑๙๗. ‘‘เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, คงฺคา นที สมุทฺทนินฺนา สมุทฺทโปณา สมุทฺทปพฺภารา สมุทฺทํ อาหจฺจ ติฎฺฐติ, เอวเมวายํ โภโต โคตมสฺส ปริสา สคหฎฺฐปพฺพชิตา นิพฺพานนินฺนา นิพฺพานโปณา นิพฺพานปพฺภารา นิพฺพานํ อาหจฺจ ติฎฺฐติฯ อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป.… เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ ฯ ‘‘โย โข, วจฺฉ, อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, โส จตฺตาโร มาเส ปริวสติฯ จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย; อปิ จ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตา’’ติฯ ‘‘สเจ, ภเนฺต, อญฺญติตฺถิยปุพฺพา อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขนฺตา ปพฺพชฺชํ, อากงฺขนฺตา อุปสมฺปทํ จตฺตาโร มาเส ปริวสนฺติ, จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย; อหํ จตฺตาริ วสฺสานิ ปริวสิสฺสามิฯ จตุนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺตุ อุปสมฺปาเทนฺตุ ภิกฺขุภาวายา’’ติฯ อลตฺถ โข วจฺฉโคโตฺต ปริพฺพาชโก ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ
197. ‘‘Seyyathāpi, bho gotama, gaṅgā nadī samuddaninnā samuddapoṇā samuddapabbhārā samuddaṃ āhacca tiṭṭhati, evamevāyaṃ bhoto gotamassa parisā sagahaṭṭhapabbajitā nibbānaninnā nibbānapoṇā nibbānapabbhārā nibbānaṃ āhacca tiṭṭhati. Abhikkantaṃ, bho gotama…pe… esāhaṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Labheyyāhaṃ bhoto gotamassa santike pabbajjaṃ, labheyyaṃ upasampada’’nti . ‘‘Yo kho, vaccha, aññatitthiyapubbo imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhati pabbajjaṃ, ākaṅkhati upasampadaṃ, so cattāro māse parivasati. Catunnaṃ māsānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājenti upasampādenti bhikkhubhāvāya; api ca mettha puggalavemattatā viditā’’ti. ‘‘Sace, bhante, aññatitthiyapubbā imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhantā pabbajjaṃ, ākaṅkhantā upasampadaṃ cattāro māse parivasanti, catunnaṃ māsānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājenti upasampādenti bhikkhubhāvāya; ahaṃ cattāri vassāni parivasissāmi. Catunnaṃ vassānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājentu upasampādentu bhikkhubhāvāyā’’ti. Alattha kho vacchagotto paribbājako bhagavato santike pabbajjaṃ alattha upasampadaṃ.
อจิรูปสมฺปโนฺน โข ปนายสฺมา วจฺฉโคโตฺต อทฺธมาสูปสมฺปโนฺน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา วจฺฉโคโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยาวตกํ, ภเนฺต, เสเขน ญาเณน เสขาย วิชฺชาย ปตฺตพฺพํ, อนุปฺปตฺตํ ตํ มยา; อุตฺตริ จ เม 3 ภควา ธมฺมํ เทเสตู’’ติฯ ‘‘เตน หิ ตฺวํ, วจฺฉ, เทฺว ธเมฺม อุตฺตริ ภาเวหิ – สมถญฺจ วิปสฺสนญฺจฯ อิเม โข เต, วจฺฉ, เทฺว ธมฺมา อุตฺตริ ภาวิตา – สมโถ จ วิปสฺสนา จ – อเนกธาตุปฎิเวธาย สํวตฺติสฺสนฺติฯ
Acirūpasampanno kho panāyasmā vacchagotto addhamāsūpasampanno yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā vacchagotto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘yāvatakaṃ, bhante, sekhena ñāṇena sekhāya vijjāya pattabbaṃ, anuppattaṃ taṃ mayā; uttari ca me 4 bhagavā dhammaṃ desetū’’ti. ‘‘Tena hi tvaṃ, vaccha, dve dhamme uttari bhāvehi – samathañca vipassanañca. Ime kho te, vaccha, dve dhammā uttari bhāvitā – samatho ca vipassanā ca – anekadhātupaṭivedhāya saṃvattissanti.
๑๙๘. ‘‘โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว 5 อากงฺขิสฺสสิ – ‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุภเวยฺยํ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา อสฺสํ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก อสฺสํ; อาวิภาวํ, ติโรภาวํ; ติโรกุฎฺฎํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คเจฺฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กเรยฺยํ, เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คเจฺฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลเงฺกน กเมยฺยํ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปริมเสยฺยํ, ปริมเชฺชยฺยํ; ยาวพฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วเตฺตยฺย’นฺติ, ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเนฯ
198. ‘‘So tvaṃ, vaccha, yāvadeva 6 ākaṅkhissasi – ‘anekavihitaṃ iddhividhaṃ paccanubhaveyyaṃ – ekopi hutvā bahudhā assaṃ, bahudhāpi hutvā eko assaṃ; āvibhāvaṃ, tirobhāvaṃ; tirokuṭṭaṃ tiropākāraṃ tiropabbataṃ asajjamāno gaccheyyaṃ, seyyathāpi ākāse; pathaviyāpi ummujjanimujjaṃ kareyyaṃ, seyyathāpi udake; udakepi abhijjamāne gaccheyyaṃ, seyyathāpi pathaviyaṃ; ākāsepi pallaṅkena kameyyaṃ, seyyathāpi pakkhī sakuṇo; imepi candimasūriye evaṃmahiddhike evaṃmahānubhāve pāṇinā parimaseyyaṃ, parimajjeyyaṃ; yāvabrahmalokāpi kāyena vasaṃ vatteyya’nti, tatra tatreva sakkhibhabbataṃ pāpuṇissasi, sati satiāyatane.
‘‘โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ – ‘ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สเทฺท สุเณยฺยํ – ทิเพฺพ จ มานุเส จ, เย ทูเร สนฺติเก จา’ติ, ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเนฯ
‘‘So tvaṃ, vaccha, yāvadeva ākaṅkhissasi – ‘dibbāya sotadhātuyā visuddhāya atikkantamānusikāya ubho sadde suṇeyyaṃ – dibbe ca mānuse ca, ye dūre santike cā’ti, tatra tatreva sakkhibhabbataṃ pāpuṇissasi, sati satiāyatane.
‘‘โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ – ‘ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชาเนยฺยํ – สราคํ วา จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตราคํ วา จิตฺตํ วีตราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สโทสํ วา จิตฺตํ สโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโทสํ วา จิตฺตํ วีตโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สโมหํ วา จิตฺตํ สโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ วีตโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สํขิตฺตํ วา จิตฺตํ สํขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ วิกฺขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; มหคฺคตํ วา จิตฺตํ มหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ อมหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ สอุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ อนุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ อสมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อวิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺย’นฺติ, ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเนฯ
‘‘So tvaṃ, vaccha, yāvadeva ākaṅkhissasi – ‘parasattānaṃ parapuggalānaṃ cetasā ceto paricca pajāneyyaṃ – sarāgaṃ vā cittaṃ sarāgaṃ cittanti pajāneyyaṃ, vītarāgaṃ vā cittaṃ vītarāgaṃ cittanti pajāneyyaṃ; sadosaṃ vā cittaṃ sadosaṃ cittanti pajāneyyaṃ, vītadosaṃ vā cittaṃ vītadosaṃ cittanti pajāneyyaṃ; samohaṃ vā cittaṃ samohaṃ cittanti pajāneyyaṃ, vītamohaṃ vā cittaṃ vītamohaṃ cittanti pajāneyyaṃ; saṃkhittaṃ vā cittaṃ saṃkhittaṃ cittanti pajāneyyaṃ, vikkhittaṃ vā cittaṃ vikkhittaṃ cittanti pajāneyyaṃ; mahaggataṃ vā cittaṃ mahaggataṃ cittanti pajāneyyaṃ, amahaggataṃ vā cittaṃ amahaggataṃ cittanti pajāneyyaṃ; sauttaraṃ vā cittaṃ sauttaraṃ cittanti pajāneyyaṃ, anuttaraṃ vā cittaṃ anuttaraṃ cittanti pajāneyyaṃ; samāhitaṃ vā cittaṃ samāhitaṃ cittanti pajāneyyaṃ, asamāhitaṃ vā cittaṃ asamāhitaṃ cittanti pajāneyyaṃ; vimuttaṃ vā cittaṃ vimuttaṃ cittanti pajāneyyaṃ, avimuttaṃ vā cittaṃ avimuttaṃ cittanti pajāneyya’nti, tatra tatreva sakkhibhabbataṃ pāpuṇissasi, sati satiāyatane.
‘‘โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ – ‘อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺยํ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย ติโสฺสปิ ชาติโย จตโสฺสปิ ชาติโย ปญฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ติํสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปญฺญาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ; อเนเกปิ สํวฎฺฎกเปฺป อเนเกปิ วิวฎฺฎกเปฺป อเนเกปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎกเปฺป – อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ; ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺนติ; อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเนฯ
‘‘So tvaṃ, vaccha, yāvadeva ākaṅkhissasi – ‘anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussareyyaṃ, seyyathidaṃ – ekampi jātiṃ dvepi jātiyo tissopi jātiyo catassopi jātiyo pañcapi jātiyo dasapi jātiyo vīsampi jātiyo tiṃsampi jātiyo cattālīsampi jātiyo paññāsampi jātiyo jātisatampi jātisahassampi jātisatasahassampi; anekepi saṃvaṭṭakappe anekepi vivaṭṭakappe anekepi saṃvaṭṭavivaṭṭakappe – amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ; tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapannoti; iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussareyya’nti, tatra tatreva sakkhibhabbataṃ pāpuṇissasi, sati satiāyatane.
‘‘โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ – ‘ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปเสฺสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชาเนยฺยํ – อิเม วต โภโนฺต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฎฺฐิกา มิจฺฉาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา; อิเม วา ปน โภโนฺต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฎฺฐิกา สมฺมาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนาติ; อิติ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปเสฺสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชาเนยฺย’นฺติ, ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเนฯ
‘‘So tvaṃ, vaccha, yāvadeva ākaṅkhissasi – ‘dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passeyyaṃ cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe sugate duggate yathākammūpage satte pajāneyyaṃ – ime vata bhonto sattā kāyaduccaritena samannāgatā vacīduccaritena samannāgatā manoduccaritena samannāgatā ariyānaṃ upavādakā micchādiṭṭhikā micchādiṭṭhikammasamādānā, te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapannā; ime vā pana bhonto sattā kāyasucaritena samannāgatā vacīsucaritena samannāgatā manosucaritena samannāgatā ariyānaṃ anupavādakā sammādiṭṭhikā sammādiṭṭhikammasamādānā, te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannāti; iti dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passeyyaṃ cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe sugate duggate yathākammūpage satte pajāneyya’nti, tatra tatreva sakkhibhabbataṃ pāpuṇissasi, sati satiāyatane.
‘‘โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ – ‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเน’’ติฯ
‘‘So tvaṃ, vaccha, yāvadeva ākaṅkhissasi – ‘āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihareyya’nti, tatra tatreva sakkhibhabbataṃ pāpuṇissasi, sati satiāyatane’’ti.
๑๙๙. อถ โข อายสฺมา วจฺฉโคโตฺต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข อายสฺมา วจฺฉโคโตฺต เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร โข ปนายสฺมา วจฺฉโคโตฺต อรหตํ อโหสิฯ
199. Atha kho āyasmā vacchagotto bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Atha kho āyasmā vacchagotto eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti abbhaññāsi. Aññataro kho panāyasmā vacchagotto arahataṃ ahosi.
๒๐๐. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู ภควนฺตํ ทสฺสนาย คจฺฉนฺติฯ อทฺทสา โข อายสฺมา วจฺฉโคโตฺต เต ภิกฺขู ทูรโตว อาคจฺฉเนฺตฯ ทิสฺวาน เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘หนฺท! กหํ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต คจฺฉถา’’ติ? ‘‘ภควนฺตํ โข มยํ, อาวุโส, ทสฺสนาย คจฺฉามา’’ติ ฯ ‘‘เตนหายสฺมโนฺต มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทถ, เอวญฺจ วเทถ – ‘วจฺฉโคโตฺต, ภเนฺต, ภิกฺขุ ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวญฺจ วเทติ – ปริจิโณฺณ เม ภควา, ปริจิโณฺณ เม สุคโต’’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต วจฺฉโคตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อถ โข เต ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อายสฺมา, ภเนฺต, วจฺฉโคโตฺต ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวญฺจ วเทติ – ‘ปริจิโณฺณ เม ภควา, ปริจิโณฺณ เม สุคโต’’’ติฯ ‘‘ปุเพฺพว เม, ภิกฺขเว, วจฺฉโคโตฺต ภิกฺขุ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต – ‘เตวิโชฺช วจฺฉโคโตฺต ภิกฺขุ มหิทฺธิโก มหานุภาโว’ติฯ เทวตาปิ เม เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ‘เตวิโชฺช, ภเนฺต, วจฺฉโคโตฺต ภิกฺขุ มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’’ติฯ
200. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū bhagavantaṃ dassanāya gacchanti. Addasā kho āyasmā vacchagotto te bhikkhū dūratova āgacchante. Disvāna yena te bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te bhikkhū etadavoca – ‘‘handa! Kahaṃ pana tumhe āyasmanto gacchathā’’ti? ‘‘Bhagavantaṃ kho mayaṃ, āvuso, dassanāya gacchāmā’’ti . ‘‘Tenahāyasmanto mama vacanena bhagavato pāde sirasā vandatha, evañca vadetha – ‘vacchagotto, bhante, bhikkhu bhagavato pāde sirasā vandati, evañca vadeti – pariciṇṇo me bhagavā, pariciṇṇo me sugato’’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato vacchagottassa paccassosuṃ. Atha kho te bhikkhū yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘āyasmā, bhante, vacchagotto bhagavato pāde sirasā vandati, evañca vadeti – ‘pariciṇṇo me bhagavā, pariciṇṇo me sugato’’’ti. ‘‘Pubbeva me, bhikkhave, vacchagotto bhikkhu cetasā ceto paricca vidito – ‘tevijjo vacchagotto bhikkhu mahiddhiko mahānubhāvo’ti. Devatāpi me etamatthaṃ ārocesuṃ – ‘tevijjo, bhante, vacchagotto bhikkhu mahiddhiko mahānubhāvo’’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
มหาวจฺฉสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ
Mahāvacchasuttaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. มหาวจฺฉสุตฺตวณฺณนา • 3. Mahāvacchasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๓. มหาวจฺฉสุตฺตวณฺณนา • 3. Mahāvacchasuttavaṇṇanā