Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๓. มหาวจฺฉสุตฺตวณฺณนา
3. Mahāvacchasuttavaṇṇanā
๑๙๓. สห กถา เอตสฺส อตฺถีติ สหกถี, ‘‘มยํ ปุจฺฉาวเสน ตุเมฺห วิสฺสชฺชนวเสนา’’ติ เอวํ สหปวตฺตกโถติ อโตฺถฯ เอตเสฺสว กถิตานิ, ตตฺถ ปฐเม วิชฺชาตฺตยํ เทสิตํ, ทุติเย อคฺคินา ทสฺสิตนฺติ เตวิชฺชวจฺฉสุตฺตํ อคฺคิวจฺฉสุตฺตนฺติ นามํ วิเสเสตฺวา วุตฺตํฯ สีฆํ ลทฺธิํ น วิสฺสเชฺชนฺติ, ยสฺมา สงฺขารานํ นิยโตยํ วินาโส อนญฺญสมุปฺปาโท, เหตุสมุปฺปนฺนาปิ น จิเรน นิชฺฌานํ ขมนฺติ, น ลหุํฯ เตนาห ‘‘วสาเตล …เป.… สุชฺฌนฺตี’’ติฯ ปจฺฉิมคมนํ ญาณสฺส ปริปากํ คตตฺตาฯ ยฎฺฐิํ อาลมฺพิตฺวา อุทกํ ตริตุํ โอตรโนฺต ปุริโส ‘‘ยฎฺฐิํ โอตริตฺวา อุทเก ปตมาโน’’ติ วุโตฺตฯ กมฺมปถวเสน วิตฺถารเทสนนฺติ สํขิตฺตเทสนํ อุปาทาย วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘มูลวเสน เจตฺถา’’ติอาทิฯ วิตฺถารสทิสาติ กมฺมปถวเสน อิธ เทสิตเทสนาว มูลวเสน เทสิตเทสนํ อุปาทาย วิตฺถารสทิสาฯ วิตฺถารเทสนา นาม นตฺถีติ น เกวลํ อยเมว, อถ โข สพฺพาปิ พุทฺธานํ นิปฺปริยาเยน อุชุเกน นิรวเสสโต วิตฺถารเทสนา นาม นตฺถิ เทสนาญาณสฺส มหาวิสยตาย กรณสมฺปตฺติยา จ ตชฺชาย มหานุภาวตฺตา สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺสฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณสมงฺคิตาย หิ อวเสสปฎิสมฺภิทานุภาวิตาย อปริมิตกาลสมฺภตญาณสมฺภารสมุทาคตาย กทาจิปิ ปริกฺขยานรหาย อนญฺญสาธารณาย ปฎิภานปฎิสมฺภิทาย ปหูตชิวฺหาทิตทนุรูปรูปกายสมฺปตฺติสมฺปทาย วิตฺถาริยมานา ภควโต เทสนา กถํ ปริมิตา ปริจฺฉินฺนา ภเวยฺย, มหาการุณิกตาย ปน ภควา เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ตตฺถ ตตฺถ ปริมิตํ ปริจฺฉินฺนํ กตฺวา นิฎฺฐเปติฯ อยญฺจ อโตฺถ มหาสีหนาทสุเตฺตน (ม. นิ. ๑.๑๔๖ อาทโย) ทีเปตโพฺพฯ สพฺพํ สํขิตฺตเมว อตฺตชฺฌาสยวเสน อกเถตฺวา โพธเนยฺยปุคฺคลชฺฌาสยวเสน เทสนาย นิฎฺฐาปิตตฺตาฯ น เจตฺถ ธมฺมสาสนวิโรโธ ปริยายํ อนิสฺสาย ยถาธมฺมํ ธมฺมานํ โพธิตตฺตา สพฺพลหุตฺตา จาติฯ
193. Saha kathā etassa atthīti sahakathī, ‘‘mayaṃ pucchāvasena tumhe vissajjanavasenā’’ti evaṃ sahapavattakathoti attho. Etasseva kathitāni, tattha paṭhame vijjāttayaṃ desitaṃ, dutiye agginā dassitanti tevijjavacchasuttaṃ aggivacchasuttanti nāmaṃ visesetvā vuttaṃ. Sīghaṃ laddhiṃ na vissajjenti, yasmā saṅkhārānaṃ niyatoyaṃ vināso anaññasamuppādo, hetusamuppannāpi na cirena nijjhānaṃ khamanti, na lahuṃ. Tenāha ‘‘vasātela…pe… sujjhantī’’ti. Pacchimagamanaṃ ñāṇassa paripākaṃ gatattā. Yaṭṭhiṃ ālambitvā udakaṃ tarituṃ otaranto puriso ‘‘yaṭṭhiṃ otaritvā udake patamāno’’ti vutto. Kammapathavasena vitthāradesananti saṃkhittadesanaṃ upādāya vuttaṃ. Tenāha ‘‘mūlavasena cetthā’’tiādi. Vitthārasadisāti kammapathavasena idha desitadesanāva mūlavasena desitadesanaṃ upādāya vitthārasadisā. Vitthāradesanā nāma natthīti na kevalaṃ ayameva, atha kho sabbāpi buddhānaṃ nippariyāyena ujukena niravasesato vitthāradesanā nāma natthi desanāñāṇassa mahāvisayatāya karaṇasampattiyā ca tajjāya mahānubhāvattā sabbaññutaññāṇassa. Sabbaññutaññāṇasamaṅgitāya hi avasesapaṭisambhidānubhāvitāya aparimitakālasambhatañāṇasambhārasamudāgatāya kadācipi parikkhayānarahāya anaññasādhāraṇāya paṭibhānapaṭisambhidāya pahūtajivhāditadanurūparūpakāyasampattisampadāya vitthāriyamānā bhagavato desanā kathaṃ parimitā paricchinnā bhaveyya, mahākāruṇikatāya pana bhagavā veneyyajjhāsayānurūpaṃ tattha tattha parimitaṃ paricchinnaṃ katvā niṭṭhapeti. Ayañca attho mahāsīhanādasuttena (ma. ni. 1.146 ādayo) dīpetabbo. Sabbaṃ saṃkhittameva attajjhāsayavasena akathetvā bodhaneyyapuggalajjhāsayavasena desanāya niṭṭhāpitattā. Na cettha dhammasāsanavirodho pariyāyaṃ anissāya yathādhammaṃ dhammānaṃ bodhitattā sabbalahuttā cāti.
๑๙๔. สตฺต ธมฺมา กามาวจรา สมฺปตฺตสมาทานวิรตีนํ อิธาธิเปฺปตตฺตาฯ
194.Satta dhammā kāmāvacarā sampattasamādānaviratīnaṃ idhādhippetattā.
อนิยเมตฺวาติ ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ, สาวโก’’ติ วา นิยมํ วิเสเสน อกตฺวาฯ อตฺตานเมว…เป.… เวทิตพฺพํ, ตถา หิ ปริพฺพาชโก ‘‘ติฎฺฐตุ ภวํ โคตโม’’ติ อาหฯ
Aniyametvāti ‘‘sammāsambuddho, sāvako’’ti vā niyamaṃ visesena akatvā. Attānameva…pe… veditabbaṃ, tathā hi paribbājako ‘‘tiṭṭhatu bhavaṃ gotamo’’ti āha.
๑๙๕. สตฺถาว อรหา โหติ ปฎิปตฺติยา ปาริปูริภาวโตฯ ตสฺมิํ พฺยากเตติ ตสฺมิํ ‘‘เอกภิกฺขุปิ สาวโก’’ติอาทินา สุฎฺฐุ ปเญฺห กถิเตฯ
195.Satthāvaarahā hoti paṭipattiyā pāripūribhāvato. Tasmiṃ byākateti tasmiṃ ‘‘ekabhikkhupi sāvako’’tiādinā suṭṭhu pañhe kathite.
๑๙๖. สมฺปาทโกติ ปฎิปตฺติสมฺปาทโกฯ
196.Sampādakoti paṭipattisampādako.
๑๙๗. เสขาย วิชฺชายาติ เสขลกฺขณปฺปตฺตาย มคฺคปญฺญาย สาติสยํ กตฺวา กรณวเสน วุตฺตา, ผลปญฺญา ปน ตาย ปตฺตพฺพตฺตา กมฺมภาเวน วุตฺตาฯ เตนาห ‘‘เหฎฺฐิมผลตฺตยํ ปตฺตพฺพ’’นฺติฯ อิมํ ปเนตฺถ อวิปรีตมตฺถํ ปาฬิโต เอว วิญฺญายมานํ อปฺปฎิวิชฺฌนโต วิตณฺฑวาที ‘‘ยาวตกํ เสเขน ปตฺตพฺพํ, อนุปฺปตฺตํ ตํ มยา’’ติ วจนเลสํ คเหตฺวา ‘‘อรหตฺตมโคฺคปิ อเนน ปโตฺตเยวา’’ติ วทติฯ เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานาย คาถายฯ
197.Sekhāyavijjāyāti sekhalakkhaṇappattāya maggapaññāya sātisayaṃ katvā karaṇavasena vuttā, phalapaññā pana tāya pattabbattā kammabhāvena vuttā. Tenāha ‘‘heṭṭhimaphalattayaṃ pattabba’’nti. Imaṃ panettha aviparītamatthaṃ pāḷito eva viññāyamānaṃ appaṭivijjhanato vitaṇḍavādī ‘‘yāvatakaṃ sekhena pattabbaṃ, anuppattaṃ taṃ mayā’’ti vacanalesaṃ gahetvā ‘‘arahattamaggopi anena pattoyevā’’ti vadati. Evanti idāni vuccamānāya gāthāya.
กิเลสานิ ปหาย ปญฺจาติ ปโญฺจรมฺภาคิยสํโยชนสงฺขาเต สํกิเลเส ปหาย ปชหิตฺวา, ปหานเหตุ วาฯ ปริปุณฺณเสโขติ สพฺพโส วฑฺฒิตเสขธโมฺมฯ อปริหานธโมฺมติ อปริหานสภาโวฯ น หิ ยสฺส ผาติคเตหิ สีลาทิธเมฺมหิ ปริหานิ อตฺถิ, สมาธิมฺหิ ปริปูรการิตาย เจโตวสิปฺปโตฺตฯ เตนาห ‘‘สมาหิตินฺทฺริโย’’ติฯ อปริหานธมฺมตฺตาว ฐิตโตฺตฯ
Kilesāni pahāya pañcāti pañcorambhāgiyasaṃyojanasaṅkhāte saṃkilese pahāya pajahitvā, pahānahetu vā. Paripuṇṇasekhoti sabbaso vaḍḍhitasekhadhammo. Aparihānadhammoti aparihānasabhāvo. Na hi yassa phātigatehi sīlādidhammehi parihāni atthi, samādhimhi paripūrakāritāya cetovasippatto. Tenāha ‘‘samāhitindriyo’’ti. Aparihānadhammattāva ṭhitatto.
อนาคามินา หิ อเสขภาวาวหา ธมฺมา ปริปูเรตพฺพา, น เสขภาวาวหาติ โส เอกนฺตปริปุเณฺณ เสโข วุโตฺตฯ เอตํ น พุทฺธวจนนฺติ ‘‘มโคฺค พหุจิตฺตกฺขณิโก’’ติ เอตํ วจนํ น พุทฺธวจนํ อนนฺตเรกนฺตวิปากทานโต, พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺตเน ปโยชนาภาวโต จ โลกุตฺตรกุสลสฺส, ‘‘สมาธิมานนฺตริกญฺญมาหุ (ขุ. ปา. ๖.๕; สุ. นิ. ๒๒๘), น ปารํ ทิคุณํ ยนฺตี’’ติ (สุ. นิ. ๗๑๙) เอวมาทีนิ สุตฺตปทานิ เอตสฺสตฺถสาธกานิฯ โอรมฺภาคิยสํโยชนปฺปหาเนน เสกฺขธมฺมปริปูริภาวสฺส วุตฺตตาย อโตฺถ ตว วจเนน วิรุชฺฌตีติฯ อสฺส อายสฺมโต วจฺฉสฺสฯ
Anāgāminā hi asekhabhāvāvahā dhammā paripūretabbā, na sekhabhāvāvahāti so ekantaparipuṇṇe sekho vutto. Etaṃ na buddhavacananti ‘‘maggo bahucittakkhaṇiko’’ti etaṃ vacanaṃ na buddhavacanaṃ anantarekantavipākadānato, bahukkhattuṃ pavattane payojanābhāvato ca lokuttarakusalassa, ‘‘samādhimānantarikaññamāhu (khu. pā. 6.5; su. ni. 228), na pāraṃ diguṇaṃ yantī’’ti (su. ni. 719) evamādīni suttapadāni etassatthasādhakāni. Orambhāgiyasaṃyojanappahānena sekkhadhammaparipūribhāvassa vuttatāya attho tava vacanena virujjhatīti. Assa āyasmato vacchassa.
๑๙๘. อภิญฺญา วา การณนฺติ ยญฺหิ ตํ ตตฺร ตตฺร สกฺขิภพฺพตาสงฺขาตํ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ, ตสฺส อภิญฺญา การณํฯ อถ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ อภิญฺญา, เอวํ สติ อภิญฺญาปาทกชฺฌานํ การณํฯ อวสาเน ฉฎฺฐาภิญฺญาย ปน อรหตฺตํฯ เอตฺถ จ ยสฺมา ปฐมสุเตฺต อาสวกฺขโย อธิเปฺปโต, อาสวา ขีณา เอว, น ปุน เขเปตพฺพา, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘ยาวเทวา’’ติ น วุตฺตํฯ อิธ ผลสมาปตฺติ อธิเปฺปตา, สา จ ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชียติ, ตสฺมา ‘‘ยาวเทวา’’ติ วุตฺตํฯ ตโต เอว หิ ‘‘อรหตฺตํ วา การณ’’นฺติ วุตฺตํฯ ตญฺหิ ‘‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามิ, ยทริยา เอตรหิ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕; ๓.๓๐๗) อนุตฺตเรสุ วิโมเกฺขสุ ปิหํ อุปฎฺฐเปตฺวา อภิญฺญา นิพฺพเตฺตนฺตสฺส การณํ, ตยิทํ สพฺพสาธารณํ น โหตีติ สาธารณวเสน นํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา วา’’ติ อาหฯ
198.Abhiññā vā kāraṇanti yañhi taṃ tatra tatra sakkhibhabbatāsaṅkhātaṃ iddhividhapaccanubhavanādi, tassa abhiññā kāraṇaṃ. Atha iddhividhapaccanubhavanādi abhiññā, evaṃ sati abhiññāpādakajjhānaṃ kāraṇaṃ. Avasāne chaṭṭhābhiññāya pana arahattaṃ. Ettha ca yasmā paṭhamasutte āsavakkhayo adhippeto, āsavā khīṇā eva, na puna khepetabbā, tasmā tattha ‘‘yāvadevā’’ti na vuttaṃ. Idha phalasamāpatti adhippetā, sā ca punappunaṃ samāpajjīyati, tasmā ‘‘yāvadevā’’ti vuttaṃ. Tato eva hi ‘‘arahattaṃ vā kāraṇa’’nti vuttaṃ. Tañhi ‘‘kudāssu nāmāhaṃ tadāyatanaṃ upasampajja viharissāmi, yadariyā etarahi upasampajja viharantī’’ti (ma. ni. 1.465; 3.307) anuttaresu vimokkhesu pihaṃ upaṭṭhapetvā abhiññā nibbattentassa kāraṇaṃ, tayidaṃ sabbasādhāraṇaṃ na hotīti sādhāraṇavasena naṃ dassento ‘‘arahattassa vipassanā vā’’ti āha.
๒๐๐. ปริจรนฺติ นาม วิปฺปกตพฺรหฺมจริยวาสตฺตาฯ ปริจิโณฺณ โหติ สาวเกน นาม สตฺถุ ธเมฺม กตฺตพฺพา ปริจริยา สมฺมเทว นิฎฺฐาปิตตฺตาฯ เตนาห ‘‘อิติ…เป.… เถโร เอวมาหา’’ติฯ เตสํ คุณานนฺติ เตสํ อเสกฺขคุณานํฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
200.Paricaranti nāma vippakatabrahmacariyavāsattā. Pariciṇṇo hoti sāvakena nāma satthu dhamme kattabbā paricariyā sammadeva niṭṭhāpitattā. Tenāha ‘‘iti…pe… thero evamāhā’’ti. Tesaṃ guṇānanti tesaṃ asekkhaguṇānaṃ. Sesaṃ suviññeyyameva.
มหาวจฺฉสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Mahāvacchasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. มหาวจฺฉสุตฺตํ • 3. Mahāvacchasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. มหาวจฺฉสุตฺตวณฺณนา • 3. Mahāvacchasuttavaṇṇanā