Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๙๓] ๑๐. มหาวาณิชชาตกวณฺณนา

    [493] 10. Mahāvāṇijajātakavaṇṇanā

    วาณิชา สมิติํ กตฺวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต สาวตฺถิวาสิโน วาณิเช อารพฺภ กเถสิฯ เต กิร โวหารตฺถาย คจฺฉนฺตา สตฺถุ มหาทานํ ทตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาย ‘‘ภเนฺต, สเจ อโรคา อาคมิสฺสาม, ปุน ตุมฺหากํ ปาเท วนฺทิสฺสามา’’ติ วตฺวา ปญฺจมเตฺตหิ สกฎสเตหิ นิกฺขมิตฺวา กนฺตารํ ปตฺวา มคฺคํ อสลฺลเกฺขตฺวา มคฺคมูฬฺหา นิรุทเก นิราหาเร อรเญฺญ วิจรนฺตา เอกํ นาคปริคฺคหิตํ นิโคฺรธรุกฺขํ ทิสฺวา สกฎานิ โมเจตฺวา รุกฺขมูเล นิสีทิํสุฯ เต ตสฺส อุทกตินฺตานิ วิย นีลานิ สินิทฺธานิ ปตฺตานิ อุทกปุณฺณา วิย จ สาขา ทิสฺวา จินฺตยิํสุ ‘‘อิมสฺมิํ รุเกฺข อุทกํ สญฺจรนฺตํ วิย ปญฺญายติ, อิมสฺส ปุริมสาขํ ฉินฺทาม, ปานียํ โน ทสฺสตี’’ติฯ อเถโก รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา สาขํ ฉินฺทิ, ตโต ตาลกฺขนฺธปฺปมาณา อุทกธารา ปวตฺติฯ เต ตตฺถ นฺหตฺวา ปิวิตฺวา จ ทกฺขิณสาขํ ฉินฺทิํสุ, ตโต นานคฺครสโภชนํ นิกฺขมิฯ ตํ ภุญฺชิตฺวา ปจฺฉิมสาขํ ฉินฺทิํสุ, ตโต อลงฺกตอิตฺถิโย นิกฺขมิํสุฯ ตาหิ สทฺธิํ อภิรมิตฺวา อุตฺตรสาขํ ฉินฺทิํสุ, ตโต สตฺต รตนานิ นิกฺขมิํสุฯ ตานิ คเหตฺวา ปญฺจ สกฎสตานิ ปูเรตฺวา สาวตฺถิํ ปจฺจาคนฺตฺวา ธนํ โคเปตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ธมฺมกถํ สุตฺวา นิมเนฺตตฺวา ปุนทิวเส มหาทานํ ทตฺวา ‘‘ภเนฺต, อิมสฺมิํ ทาเน อมฺหากํ ธนทายิกาย รุกฺขเทวตาย ปตฺติํ เทมา’’ติ ปตฺติํ อทํสุฯ สตฺถา นิฎฺฐิตภตฺตกิโจฺจ ‘‘กตรรุกฺขเทวตาย ปตฺติํ เทถา’’ติ ปุจฺฉิฯ วาณิชา นิโคฺรธรุเกฺข ธนสฺส ลทฺธาการํ ตถาคตสฺสาโรเจสุํฯ สตฺถา ‘‘ตุเมฺห ตาว มตฺตญฺญุตาย ตณฺหาวสิกา อหุตฺวา ธนํ ลภิตฺถ, ปุเพฺพ ปน อมตฺตญฺญุตาย ตณฺหาวสิกา ธนญฺจ ชีวิตญฺจ วิชหิํสู’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Vāṇijāsamitiṃ katvāti idaṃ satthā jetavane viharanto sāvatthivāsino vāṇije ārabbha kathesi. Te kira vohāratthāya gacchantā satthu mahādānaṃ datvā saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhāya ‘‘bhante, sace arogā āgamissāma, puna tumhākaṃ pāde vandissāmā’’ti vatvā pañcamattehi sakaṭasatehi nikkhamitvā kantāraṃ patvā maggaṃ asallakkhetvā maggamūḷhā nirudake nirāhāre araññe vicarantā ekaṃ nāgapariggahitaṃ nigrodharukkhaṃ disvā sakaṭāni mocetvā rukkhamūle nisīdiṃsu. Te tassa udakatintāni viya nīlāni siniddhāni pattāni udakapuṇṇā viya ca sākhā disvā cintayiṃsu ‘‘imasmiṃ rukkhe udakaṃ sañcarantaṃ viya paññāyati, imassa purimasākhaṃ chindāma, pānīyaṃ no dassatī’’ti. Atheko rukkhaṃ abhiruhitvā sākhaṃ chindi, tato tālakkhandhappamāṇā udakadhārā pavatti. Te tattha nhatvā pivitvā ca dakkhiṇasākhaṃ chindiṃsu, tato nānaggarasabhojanaṃ nikkhami. Taṃ bhuñjitvā pacchimasākhaṃ chindiṃsu, tato alaṅkataitthiyo nikkhamiṃsu. Tāhi saddhiṃ abhiramitvā uttarasākhaṃ chindiṃsu, tato satta ratanāni nikkhamiṃsu. Tāni gahetvā pañca sakaṭasatāni pūretvā sāvatthiṃ paccāgantvā dhanaṃ gopetvā gandhamālādihatthā jetavanaṃ gantvā satthāraṃ vanditvā pūjetvā ekamantaṃ nisinnā dhammakathaṃ sutvā nimantetvā punadivase mahādānaṃ datvā ‘‘bhante, imasmiṃ dāne amhākaṃ dhanadāyikāya rukkhadevatāya pattiṃ demā’’ti pattiṃ adaṃsu. Satthā niṭṭhitabhattakicco ‘‘katararukkhadevatāya pattiṃ dethā’’ti pucchi. Vāṇijā nigrodharukkhe dhanassa laddhākāraṃ tathāgatassārocesuṃ. Satthā ‘‘tumhe tāva mattaññutāya taṇhāvasikā ahutvā dhanaṃ labhittha, pubbe pana amattaññutāya taṇhāvasikā dhanañca jīvitañca vijahiṃsū’’ti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสินคเร ตเทว ปน กนฺตารํ เสฺวว นิโคฺรโธฯ วาณิชา มคฺคมูฬฺหา หุตฺวา ตเมว นิโคฺรธํ ปสฺสิํสุฯ ตมตฺถํ สตฺถา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา กเถโนฺต อิมา คาถา อาห –

    Atīte bārāṇasinagare tadeva pana kantāraṃ sveva nigrodho. Vāṇijā maggamūḷhā hutvā tameva nigrodhaṃ passiṃsu. Tamatthaṃ satthā abhisambuddho hutvā kathento imā gāthā āha –

    ๑๘๐.

    180.

    ‘‘วาณิชา สมิติํ กตฺวา, นานารฎฺฐโต อาคตา;

    ‘‘Vāṇijā samitiṃ katvā, nānāraṭṭhato āgatā;

    ธนาหรา ปกฺกมิํสุ, เอกํ กตฺวาน คามณิํฯ

    Dhanāharā pakkamiṃsu, ekaṃ katvāna gāmaṇiṃ.

    ๑๘๑.

    181.

    ‘‘เต ตํ กนฺตารมาคมฺม, อปฺปภกฺขํ อโนทกํ;

    ‘‘Te taṃ kantāramāgamma, appabhakkhaṃ anodakaṃ;

    มหานิโคฺรธมทฺทกฺขุํ, สีตจฺฉายํ มโนรมํฯ

    Mahānigrodhamaddakkhuṃ, sītacchāyaṃ manoramaṃ.

    ๑๘๒.

    182.

    ‘‘เต จ ตตฺถ นิสีทิตฺวา, ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายยา;

    ‘‘Te ca tattha nisīditvā, tassa rukkhassa chāyayā;

    วาณิชา สมจิเนฺตสุํ, พาลา โมเหน ปารุตาฯ

    Vāṇijā samacintesuṃ, bālā mohena pārutā.

    ๑๘๓.

    183.

    ‘‘อลฺลายเต อยํ รุโกฺข, อปิ วารีว สนฺทติ;

    ‘‘Allāyate ayaṃ rukkho, api vārīva sandati;

    อิงฺฆสฺส ปุริมํ สาขํ, มยํ ฉินฺทาม วาณิชาฯ

    Iṅghassa purimaṃ sākhaṃ, mayaṃ chindāma vāṇijā.

    ๑๘๔.

    184.

    ‘‘สา จ ฉินฺนาว ปคฺฆริ, อจฺฉํ วาริํ อนาวิลํ;

    ‘‘Sā ca chinnāva pagghari, acchaṃ vāriṃ anāvilaṃ;

    เต ตตฺถ นฺหตฺวา ปิวิตฺวา, ยาวติจฺฉิํสุ วาณิชาฯ

    Te tattha nhatvā pivitvā, yāvaticchiṃsu vāṇijā.

    ๑๘๕.

    185.

    ‘‘ทุติยํ สมจิเนฺตสุํ, พาลา โมเหน ปารุตา;

    ‘‘Dutiyaṃ samacintesuṃ, bālā mohena pārutā;

    อิงฺฆสฺส ทกฺขิณํ สาขํ, มยํ ฉินฺทาม วาณิชาฯ

    Iṅghassa dakkhiṇaṃ sākhaṃ, mayaṃ chindāma vāṇijā.

    ๑๘๖.

    186.

    ‘‘สา จ ฉินฺนาว ปคฺฆริ, สาลิมํโสทนํ พหุํ;

    ‘‘Sā ca chinnāva pagghari, sālimaṃsodanaṃ bahuṃ;

    อโปฺปทวเณฺณ กุมฺมาเส, สิงฺคิํ วิทลสูปิโยฯ

    Appodavaṇṇe kummāse, siṅgiṃ vidalasūpiyo.

    ๑๘๗.

    187.

    ‘‘เต ตตฺถ ภุตฺวา ขาทิตฺวา, ยาวติจฺฉิํสุ วาณิชา;

    ‘‘Te tattha bhutvā khāditvā, yāvaticchiṃsu vāṇijā;

    ตติยํ สมจิเนฺตสุํ, พาลา โมเหน ปารุตา;

    Tatiyaṃ samacintesuṃ, bālā mohena pārutā;

    อิงฺฆสฺส ปจฺฉิมํ สาขํ, มยํ ฉินฺทาม วาณิชาฯ

    Iṅghassa pacchimaṃ sākhaṃ, mayaṃ chindāma vāṇijā.

    ๑๘๘.

    188.

    ‘‘สา จ ฉินฺนาว ปคฺฆริ, นาริโย สมลงฺกตา;

    ‘‘Sā ca chinnāva pagghari, nāriyo samalaṅkatā;

    วิจิตฺรวตฺถาภรณา, อามุตฺตมณิกุณฺฑลาฯ

    Vicitravatthābharaṇā, āmuttamaṇikuṇḍalā.

    ๑๘๙.

    189.

    ‘‘อปิ สุ วาณิชา เอกา, นาริโย ปณฺณวีสติ;

    ‘‘Api su vāṇijā ekā, nāriyo paṇṇavīsati;

    สมนฺตา ปริวาริํสุ, ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายยา;

    Samantā parivāriṃsu, tassa rukkhassa chāyayā;

    เต ตาหิ ปริจาเรตฺวา, ยาวติจฺฉิํสุ วาณิชาฯ

    Te tāhi paricāretvā, yāvaticchiṃsu vāṇijā.

    ๑๙๐.

    190.

    ‘‘จตุตฺถํ สมจิเนฺตสุํ, พาลา โมเหน ปารุตา;

    ‘‘Catutthaṃ samacintesuṃ, bālā mohena pārutā;

    อิงฺฆสฺส อุตฺตรํ สาขํ, มยํ ฉินฺทาม วาณิชาฯ

    Iṅghassa uttaraṃ sākhaṃ, mayaṃ chindāma vāṇijā.

    ๑๙๑.

    191.

    ‘‘สา จ ฉินฺนาว ปคฺฆริ, มุตฺตา เวฬุริยา พหู;

    ‘‘Sā ca chinnāva pagghari, muttā veḷuriyā bahū;

    รชตํ ชาตรูปญฺจ, กุตฺติโย ปฎิยานิ จฯ

    Rajataṃ jātarūpañca, kuttiyo paṭiyāni ca.

    ๑๙๒.

    192.

    ‘‘กาสิกานิ จ วตฺถานิ, อุทฺทิยานิ จ กมฺพลา;

    ‘‘Kāsikāni ca vatthāni, uddiyāni ca kambalā;

    เต ตตฺถ ภาเร พนฺธิตฺวา, ยาวติจฺฉิํสุ วาณิชาฯ

    Te tattha bhāre bandhitvā, yāvaticchiṃsu vāṇijā.

    ๑๙๓.

    193.

    ‘‘ปญฺจมํ สมจิเนฺตสุํ, พาลา โมเหน ปารุตา;

    ‘‘Pañcamaṃ samacintesuṃ, bālā mohena pārutā;

    อิงฺฆสฺส มูลํ ฉินฺทาม, อปิ ภิโยฺย ลภามเสฯ

    Iṅghassa mūlaṃ chindāma, api bhiyyo labhāmase.

    ๑๙๔.

    194.

    ‘‘อถุฎฺฐหิ สตฺถวาโห, ยาจมาโน กตญฺชลี;

    ‘‘Athuṭṭhahi satthavāho, yācamāno katañjalī;

    นิโคฺรโธ กิํ ปรชฺฌติ, วาณิชา ภทฺทมตฺถุ เตฯ

    Nigrodho kiṃ parajjhati, vāṇijā bhaddamatthu te.

    ๑๙๕.

    195.

    ‘‘วาริทา ปุริมา สาขา, อนฺนปานญฺจ ทกฺขิณา;

    ‘‘Vāridā purimā sākhā, annapānañca dakkhiṇā;

    นาริทา ปจฺฉิมา สาขา, สพฺพกาเม จ อุตฺตรา;

    Nāridā pacchimā sākhā, sabbakāme ca uttarā;

    นิโคฺรโธ กิํ ปรชฺฌติ, วาณิชา ภทฺทมตฺถุ เตฯ

    Nigrodho kiṃ parajjhati, vāṇijā bhaddamatthu te.

    ๑๙๖.

    196.

    ‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;

    ‘‘Yassa rukkhassa chāyāya, nisīdeyya sayeyya vā;

    น ตสฺส สาขํ ภเญฺชยฺย, มิตฺตทุโพฺภ หิ ปาปโกฯ

    Na tassa sākhaṃ bhañjeyya, mittadubbho hi pāpako.

    ๑๙๗.

    197.

    ‘‘เต จ ตสฺสานาทิยิตฺวา, เอกสฺส วจนํ พหู;

    ‘‘Te ca tassānādiyitvā, ekassa vacanaṃ bahū;

    นิสิตาหิ กุฐารีหิ, มูลโต นํ อุปกฺกมุ’’นฺติฯ

    Nisitāhi kuṭhārīhi, mūlato naṃ upakkamu’’nti.

    ตตฺถ สมิติํ กตฺวาติ พาราณสิยํ สมาคมํ กตฺวา, พหู เอกโต หุตฺวาติ อโตฺถฯ ปกฺกมิํสูติ ปญฺจหิ สกฎสเตหิ พาราณเสยฺยกํ ภณฺฑํ อาทาย ปกฺกมิํสุฯ คามณินฺติ เอกํ ปญฺญวนฺตตรํ สตฺถวาหํ กตฺวา ฯ ฉายยาติ ฉายายฯ อลฺลายเตติ อุทกภริโต วิย อโลฺล หุตฺวา ปญฺญายติฯ ฉินฺนาว ปคฺฆรีติ เอโก รุกฺขาโรหนกุสโล อภิรุหิตฺวา ตํ ฉินฺทิ, สา ฉินฺนมตฺตาว ปคฺฆรีติ ทเสฺสติฯ ปรโตปิ เอเสว นโยฯ

    Tattha samitiṃ katvāti bārāṇasiyaṃ samāgamaṃ katvā, bahū ekato hutvāti attho. Pakkamiṃsūti pañcahi sakaṭasatehi bārāṇaseyyakaṃ bhaṇḍaṃ ādāya pakkamiṃsu. Gāmaṇinti ekaṃ paññavantataraṃ satthavāhaṃ katvā . Chāyayāti chāyāya. Allāyateti udakabharito viya allo hutvā paññāyati. Chinnāva paggharīti eko rukkhārohanakusalo abhiruhitvā taṃ chindi, sā chinnamattāva paggharīti dasseti. Paratopi eseva nayo.

    อโปฺปทวเณฺณ กุมฺมาเสติ อโปฺปทกปายาสสทิเส กุมฺมาเสฯ สิงฺคินฺติ สิงฺคิเวราทิกํ อุตฺตริภงฺคํฯ วิทลสูปิโยติ มุคฺคสูปาทโยฯ วาณิชา เอกาติ เอเกกสฺส วาณิชสฺส ยตฺตกา วาณิชา , เตสุ เอเกกสฺส เอเกกาว, สตฺถวาหสฺส ปน สนฺติเก ปญฺจวีสตีติ อโตฺถฯ ปริวาริํสูติ ปริวาเรสุํฯ ตาหิ ปน สทฺธิํเยว นาคานุภาเวน สาณิวิตานสยนาทีนิ ปคฺฆริํสุฯ

    Appodavaṇṇekummāseti appodakapāyāsasadise kummāse. Siṅginti siṅgiverādikaṃ uttaribhaṅgaṃ. Vidalasūpiyoti muggasūpādayo. Vāṇijā ekāti ekekassa vāṇijassa yattakā vāṇijā , tesu ekekassa ekekāva, satthavāhassa pana santike pañcavīsatīti attho. Parivāriṃsūti parivāresuṃ. Tāhi pana saddhiṃyeva nāgānubhāvena sāṇivitānasayanādīni pagghariṃsu.

    กุตฺติโยติ หตฺถตฺถราทโยฯ ปฎิยานิจาติ อุณฺณามยปจฺจตฺถรณานิฯ ‘‘เสตกมฺพลานี’’ติปิ วทนฺติเยวฯ อุทฺทิยานิ จ กมฺพลาติ อุทฺทิยานิ นาม กมฺพลา อตฺถิฯ เต ตตฺถ ภาเร พนฺธิตฺวาติ ยาวตกํ อิจฺฉิํสุ, ตาวตกํ คเหตฺวา ปญฺจ สกฎสตานิ ปูเรตฺวาติ อโตฺถฯ วาณิชา ภทฺทมตฺถุ เตติ เอเกกํ วาณิชํ อาลปโนฺต ‘‘ภทฺทํ เต อตฺถู’’ติ อาหฯ อนฺนปานญฺจาติ อนฺนญฺจ ปานญฺจ อทาสิฯ สพฺพกาเม จาติ สพฺพกาเม จ อทาสิฯ มิตฺตทุโพฺภ หีติ มิตฺตานํ ทุพฺภนปุริโส หิ ปาปโก ลามโก นามฯ อนาทิยิตฺวาติ ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวาฯ อุปกฺกมุนฺติ โมหาว ฉินฺทิตุํ อารภิํสุฯ

    Kuttiyoti hatthattharādayo. Paṭiyānicāti uṇṇāmayapaccattharaṇāni. ‘‘Setakambalānī’’tipi vadantiyeva. Uddiyāni ca kambalāti uddiyāni nāma kambalā atthi. Te tattha bhāre bandhitvāti yāvatakaṃ icchiṃsu, tāvatakaṃ gahetvā pañca sakaṭasatāni pūretvāti attho. Vāṇijā bhaddamatthu teti ekekaṃ vāṇijaṃ ālapanto ‘‘bhaddaṃ te atthū’’ti āha. Annapānañcāti annañca pānañca adāsi. Sabbakāme cāti sabbakāme ca adāsi. Mittadubbho hīti mittānaṃ dubbhanapuriso hi pāpako lāmako nāma. Anādiyitvāti tassa vacanaṃ aggahetvā. Upakkamunti mohāva chindituṃ ārabhiṃsu.

    อถ เน ฉินฺทนตฺถาย รุกฺขํ อุปคเต ทิสฺวา นาคราชา จิเนฺตสิ ‘‘อหํ เอเตสํ ปิปาสิตานํ ปานียํ ทาเปสิํ, ตโต ทิพฺพโภชนํ, ตโต สยนาทีนิ เจว ปริจาริกา จ นาริโย, ตโต ปญฺจสตสกฎปูรํ รตนํ, อิทานิ ปนิเม ‘‘รุกฺขํ มูลโต ฉินฺทิสฺสามา’ติ วทนฺติ, อติวิย ลุทฺธา อิเม, ฐเปตฺวา สตฺถวาหํ อวเสเส มาเรตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ โส ‘‘เอตฺตกา สนฺนทฺธโยธา นิกฺขมนฺตุ, เอตฺตกา ธนุคฺคหา, เอตฺตกา วมฺมิโน’’ติ เสนํ วิจาเรสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา คาถมาห –

    Atha ne chindanatthāya rukkhaṃ upagate disvā nāgarājā cintesi ‘‘ahaṃ etesaṃ pipāsitānaṃ pānīyaṃ dāpesiṃ, tato dibbabhojanaṃ, tato sayanādīni ceva paricārikā ca nāriyo, tato pañcasatasakaṭapūraṃ ratanaṃ, idāni panime ‘‘rukkhaṃ mūlato chindissāmā’ti vadanti, ativiya luddhā ime, ṭhapetvā satthavāhaṃ avasese māretuṃ vaṭṭatī’’ti. So ‘‘ettakā sannaddhayodhā nikkhamantu, ettakā dhanuggahā, ettakā vammino’’ti senaṃ vicāresi. Tamatthaṃ pakāsento satthā gāthamāha –

    ๑๙๘.

    198.

    ‘‘ตโต นาคา นิกฺขมิํสุ, สนฺนทฺธา ปณฺณวีสติ;

    ‘‘Tato nāgā nikkhamiṃsu, sannaddhā paṇṇavīsati;

    ธนุคฺคหานํ ติสตา, ฉสหสฺสา จ วมฺมิโน’’ติฯ

    Dhanuggahānaṃ tisatā, chasahassā ca vammino’’ti.

    ตตฺถ สนฺนทฺธาติ สุวณฺณรชตาทิวมฺมกวจิกาฯ ธนุคฺคหานํ ติสตาติ เมณฺฑวิสาณธนุคฺคหานํ ตีณิ สตานิฯ วมฺมิโนติ เขฎกผลกหตฺถา ฉสหสฺสาฯ

    Tattha sannaddhāti suvaṇṇarajatādivammakavacikā. Dhanuggahānaṃ tisatāti meṇḍavisāṇadhanuggahānaṃ tīṇi satāni. vamminoti kheṭakaphalakahatthā chasahassā.

    ๑๙๙.

    199.

    ‘‘เอเต หนถ พนฺธถ, มา โว มุญฺจิตฺถ ชีวิตํ;

    ‘‘Ete hanatha bandhatha, mā vo muñcittha jīvitaṃ;

    ฐเปตฺวา สตฺถวาหํว, สเพฺพ ภสฺมํ กโรถ เน’’ติฯ – อยํ นาคราเชน วุตฺตคาถา;

    Ṭhapetvā satthavāhaṃva, sabbe bhasmaṃ karotha ne’’ti. – ayaṃ nāgarājena vuttagāthā;

    ตตฺถ มา โว มุญฺจิตฺถ ชีวิตนฺติ กสฺสจิ เอกสฺสปิ ชีวิตํ มา มุญฺจิตฺถฯ

    Tattha mā vo muñcittha jīvitanti kassaci ekassapi jīvitaṃ mā muñcittha.

    นาคา ตถา กตฺวา อตฺถรณาทีนิ ปญฺจสุ สกฎสเตสุ อาโรเปตฺวา สตฺถวาหํ คเหตฺวา สยํ ตานิ สกฎานิ ปาเชนฺตา พาราณสิํ คนฺตฺวา สพฺพํ ธนํ ตสฺส เคเห ปฎิสาเมตฺวา ตํ อาปุจฺฉิตฺวา อตฺตโน นาคภวนเมว คตาฯ ตมตฺถํ วิทิตฺวา สตฺถา โอวาทวเสน คาถาทฺวยมาห –

    Nāgā tathā katvā attharaṇādīni pañcasu sakaṭasatesu āropetvā satthavāhaṃ gahetvā sayaṃ tāni sakaṭāni pājentā bārāṇasiṃ gantvā sabbaṃ dhanaṃ tassa gehe paṭisāmetvā taṃ āpucchitvā attano nāgabhavanameva gatā. Tamatthaṃ viditvā satthā ovādavasena gāthādvayamāha –

    ๒๐๐.

    200.

    ‘‘ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;

    ‘‘Tasmā hi paṇḍito poso, sampassaṃ atthamattano;

    โลภสฺส น วสํ คเจฺฉ, หเนยฺยาริสกํ มนํฯ

    Lobhassa na vasaṃ gacche, haneyyārisakaṃ manaṃ.

    ๒๐๑.

    201.

    ‘‘เอวมาทีนวํ ญตฺวา, ตณฺหา ทุกฺขสฺส สมฺภวํ;

    ‘‘Evamādīnavaṃ ñatvā, taṇhā dukkhassa sambhavaṃ;

    วีตตโณฺห อนาทาโน, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติฯ

    Vītataṇho anādāno, sato bhikkhu paribbaje’’ti.

    ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา โลภวสิกา มหาวินาสํ ปตฺตา, สตฺถวาโห อุตฺตมสมฺปตฺติํ, ตสฺมาฯ หเนยฺยาริสกํ มนนฺติ อโนฺต อุปฺปชฺชมานานํ นานาวิธานํ โลภสตฺตูนํ สนฺตกํ มนํ, โลภสมฺปยุตฺตจิตฺตํ หเนยฺยาติ อโตฺถฯ เอวมาทีนวนฺติ เอวํ โลเภ อาทีนวํ ชานิตฺวาฯ ตณฺหา ทุกฺขสฺส สมฺภวนฺติ ชาติอาทิทุกฺขสฺส ตณฺหา สมฺภโว, ตโต เอตํ ทุกฺขํ นิพฺพตฺตติ, เอวํ ตณฺหาว ทุกฺขสฺส สมฺภวํ ญตฺวา วีตตโณฺห ตณฺหาอาทาเนน อนาทาโน มเคฺคน อาคตาย สติยา สโต หุตฺวา ภิกฺขุ ปริพฺพเช อิริเยถ วเตฺตถาติ อรหเตฺตน เทสนาย กูฎํ คณฺหิฯ

    Tattha tasmāti yasmā lobhavasikā mahāvināsaṃ pattā, satthavāho uttamasampattiṃ, tasmā. Haneyyārisakaṃ mananti anto uppajjamānānaṃ nānāvidhānaṃ lobhasattūnaṃ santakaṃ manaṃ, lobhasampayuttacittaṃ haneyyāti attho. Evamādīnavanti evaṃ lobhe ādīnavaṃ jānitvā. Taṇhā dukkhassa sambhavanti jātiādidukkhassa taṇhā sambhavo, tato etaṃ dukkhaṃ nibbattati, evaṃ taṇhāva dukkhassa sambhavaṃ ñatvā vītataṇho taṇhāādānena anādāno maggena āgatāya satiyā sato hutvā bhikkhu paribbaje iriyetha vattethāti arahattena desanāya kūṭaṃ gaṇhi.

    อิมญฺจ ปน ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ อุปาสกา ปุเพฺพ โลภวสิกา วาณิชา มหาวินาสํ ปตฺตา, ตสฺมา โลภวสิเกน น ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน เต วาณิชา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐิตาฯ ตทา นาคราชา สาริปุโตฺต อโหสิ, สตฺถวาโห ปน อหเมว อโหสินฺติฯ

    Imañca pana dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘evaṃ upāsakā pubbe lobhavasikā vāṇijā mahāvināsaṃ pattā, tasmā lobhavasikena na bhavitabba’’nti vatvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne te vāṇijā sotāpattiphale patiṭṭhitā. Tadā nāgarājā sāriputto ahosi, satthavāho pana ahameva ahosinti.

    มหาวาณิชชาตกวณฺณนา ทสมาฯ

    Mahāvāṇijajātakavaṇṇanā dasamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๙๓. มหาวาณิชชาตกํ • 493. Mahāvāṇijajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact