Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๓. มหาเวทลฺลสุตฺตวณฺณนา

    3. Mahāvedallasuttavaṇṇanā

    ๔๔๙. ครุภาโว คารวํ, ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกรณียตาฯ สห คารเวนาติ สคารโว, ครุนา กิสฺมิญฺจิ วุเตฺต คารววเสน ปติสฺสวนํ ปติสฺสโว, สห ปติสฺสเวน สปฺปติสฺสโว, ปติสฺสวภูตํ ตํสภาคญฺจ ยํ กิญฺจิ ครุกรณํฯ สคารเว สปฺปติสฺสวจนํ สคารวสปฺปติสฺสวจนํฯ ครุกรณํ วา คารโว, สคารวสฺส สปฺปติสฺสวจนํ สคารวสปฺปติสฺสวจนํฯ เอเตน สภาเวเนว สคารวสฺส ตถาปวตฺตํ วจนนฺติ ทเสฺสติฯ อญฺญตฺถ ทุ-สโทฺท ครหโตฺถปิ โหติ ‘‘ทุกฺขํ ทุปฺปุโตฺต’’ติอาทีสุ วิย, อิธ ปน โส น สมฺภวติ กุจฺฉิตาย ปญฺญาย อภาวโตติ อาห ‘‘ปญฺญาย ทุฎฺฐํ นาม นตฺถี’’ติฯ ‘‘ทุสฺสีโล’’ติอาทีสุ วิย อภาวโตฺถ ทุ-สโทฺทติ วุตฺตํ ‘‘อปฺปโญฺญ นิปฺปโญฺญติ อโตฺถ’’ติฯ กิตฺตเกนาติ เกน ปริมาเณนฯ ตํ ปน ปริมาณํ ยสฺมา ปริเมยฺยสฺส อตฺถสฺส ปริจฺฉินฺทนํ โหติ, นุ-สโทฺท จ ปุจฺฉาย โชตโก, ตสฺมา ‘‘กิตฺตาวตา นุ โขติ การณปริเจฺฉทปุจฺฉา’’ติ วตฺวา ‘‘กิตฺตเกน นุ โข เอวํ วุจฺจตีติ อโตฺถ’’ติ อาหฯ ‘‘การณปริเจฺฉทปุจฺฉา’’ติ อิมินา ‘‘กิตฺตาวตา’’ติ สามญฺญโต ปุจฺฉาภาโว ทสฺสิโต, น วิเสสโต, ตสฺส ปุจฺฉาวิเสสภาวญาปนตฺถํ มหานิเทฺทเส อาคตา สพฺพาว ปุจฺฉา อตฺถุทฺธารนเยน ทเสฺสติ ‘‘ปุจฺฉา จ นามา’’ติอาทินาฯ อทิฎฺฐํ โชตียติ เอตายาติ อทิฎฺฐโชตนา, ปุจฺฉาฯ ทิฎฺฐสํสนฺทนา สากจฺฉาวเสน วินิจฺฉยกรณํฯ วิมติ ฉิชฺชติ เอตายาติ วิมติเจฺฉทนาฯ อนุมติยา ปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉาฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว’’ติอาทิปุจฺฉาย หิ ‘‘กิํ ตุมฺหากํ อนุมตี’’ติ อนุมติ ปุจฺฉิตา โหติฯ กเถตุํ กมฺยตาย ปุจฺฉา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา

    449. Garubhāvo gāravaṃ, pāsāṇacchattaṃ viya garukaraṇīyatā. Saha gāravenāti sagāravo, garunā kismiñci vutte gāravavasena patissavanaṃ patissavo, saha patissavena sappatissavo, patissavabhūtaṃ taṃsabhāgañca yaṃ kiñci garukaraṇaṃ. Sagārave sappatissavacanaṃ sagāravasappatissavacanaṃ. Garukaraṇaṃ vā gāravo, sagāravassa sappatissavacanaṃ sagāravasappatissavacanaṃ. Etena sabhāveneva sagāravassa tathāpavattaṃ vacananti dasseti. Aññattha du-saddo garahatthopi hoti ‘‘dukkhaṃ dupputto’’tiādīsu viya, idha pana so na sambhavati kucchitāya paññāya abhāvatoti āha ‘‘paññāya duṭṭhaṃ nāma natthī’’ti. ‘‘Dussīlo’’tiādīsu viya abhāvattho du-saddoti vuttaṃ ‘‘appañño nippaññoti attho’’ti. Kittakenāti kena parimāṇena. Taṃ pana parimāṇaṃ yasmā parimeyyassa atthassa paricchindanaṃ hoti, nu-saddo ca pucchāya jotako, tasmā ‘‘kittāvatā nu khoti kāraṇaparicchedapucchā’’ti vatvā ‘‘kittakena nu kho evaṃ vuccatīti attho’’ti āha. ‘‘Kāraṇaparicchedapucchā’’ti iminā ‘‘kittāvatā’’ti sāmaññato pucchābhāvo dassito, na visesato, tassa pucchāvisesabhāvañāpanatthaṃ mahāniddese āgatā sabbāva pucchā atthuddhāranayena dasseti ‘‘pucchā ca nāmā’’tiādinā. Adiṭṭhaṃ jotīyati etāyāti adiṭṭhajotanā, pucchā. Diṭṭhasaṃsandanā sākacchāvasena vinicchayakaraṇaṃ. Vimati chijjati etāyāti vimaticchedanā. Anumatiyā pucchā anumatipucchā. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave’’tiādipucchāya hi ‘‘kiṃ tumhākaṃ anumatī’’ti anumati pucchitā hoti. Kathetuṃ kamyatāya pucchā kathetukamyatāpucchā.

    ลกฺขณนฺติ ญาตุํ อิจฺฉิโต โย โกจิ สภาโวฯ อญฺญาตนฺติ เยน เกนจิ ญาเณน อญฺญาตภาวํ อาหฯ อทิฎฺฐนฺติ ทสฺสนภูเตน ปจฺจกฺขํ วิย อทิฎฺฐตํฯ อตุลิตนฺติ ‘‘เอตฺตกํ อิท’’นฺติ ตุลนภูเตน อตุลิตตํฯ อตีริตนฺติ ตีรณภูเตน อกตญาณกิริยาสมาปนตํฯ อวิภูตนฺติ ญาณสฺส อปากฎภาวํฯ อวิภาวิตนฺติ ญาเณน อปากฎีกตภาวํฯ อิธ ทิฎฺฐสํสนฺทนาปุจฺฉา อธิเปฺปตา, น อทิฎฺฐโชตนา วิมติเจฺฉทนา จาติฯ

    Lakkhaṇanti ñātuṃ icchito yo koci sabhāvo. Aññātanti yena kenaci ñāṇena aññātabhāvaṃ āha. Adiṭṭhanti dassanabhūtena paccakkhaṃ viya adiṭṭhataṃ. Atulitanti ‘‘ettakaṃ ida’’nti tulanabhūtena atulitataṃ. Atīritanti tīraṇabhūtena akatañāṇakiriyāsamāpanataṃ. Avibhūtanti ñāṇassa apākaṭabhāvaṃ. Avibhāvitanti ñāṇena apākaṭīkatabhāvaṃ. Idha diṭṭhasaṃsandanāpucchā adhippetā, na adiṭṭhajotanā vimaticchedanā cāti.

    กถมยํ อโตฺถ วิญฺญายตีติ อาห ‘‘เถโร หี’’ติอาทิฯ สยํ วินิจฺฉินโนฺตติ สยเมว เตสํ ปญฺหานํ อตฺถํ วิเสเสน นิจฺฉินโนฺตฯ อิทํ สุตฺตนฺติ อิทํ ปญฺจวีสติปญฺหปฎิมณฺฑิตสุตฺตํ, น ยํ กิญฺจิ อนวเสเสเนว มตฺถกํ ปาเปสีติฯ ‘‘สยเมว ปญฺหํ สมุฎฺฐาเปตฺวา สยํ วินิจฺฉินโนฺต’’ติ เอตฺถ จตุโกฺกฎิกํ ภวตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอกโจฺจ หี’’ติอาทิมาหฯ ปญฺหํ สมุฎฺฐาเปตุํเยว สโกฺกตีติ ปุจฺฉนวิธิํเยว ชานาติฯ น นิเจฺฉตุนฺติ นิเจฺฉตุํ น สโกฺกติ, วิสฺสชฺชนวิธิํ น ชานาตีติ อโตฺถฯ วิเสสฎฺฐานนฺติ อเญฺญหิ อสทิสฎฺฐานํฯ เถเรน สทิโสติ เถเรน สทิโส สาวโก นตฺถิฯ

    Kathamayaṃ attho viññāyatīti āha ‘‘thero hī’’tiādi. Sayaṃ vinicchinantoti sayameva tesaṃ pañhānaṃ atthaṃ visesena nicchinanto. Idaṃ suttanti idaṃ pañcavīsatipañhapaṭimaṇḍitasuttaṃ, na yaṃ kiñci anavaseseneva matthakaṃ pāpesīti. ‘‘Sayameva pañhaṃ samuṭṭhāpetvā sayaṃ vinicchinanto’’ti ettha catukkoṭikaṃ bhavatīti dassento ‘‘ekacco hī’’tiādimāha. Pañhaṃ samuṭṭhāpetuṃyeva sakkotīti pucchanavidhiṃyeva jānāti. Na nicchetunti nicchetuṃ na sakkoti, vissajjanavidhiṃ na jānātīti attho. Visesaṭṭhānanti aññehi asadisaṭṭhānaṃ. Therena sadisoti therena sadiso sāvako natthi.

    สํสนฺทิตฺวาติ สํโยเชตฺวา สมานํ กตฺวา, ยถา ตตฺถ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปวตฺตํ, ตถา ตํ อวิโลเมตฺวาติ อโตฺถฯ ลีฬายโนฺตติ ลีฬํ กโรโนฺตฯ ธมฺมกถิกตาย อคฺคภาวปฺปตฺติยา ตตฺถ อปฺปฎิหตญาณตาย พุทฺธลีฬาย วิย จตุนฺนํ ปริสานํ คมนํ คณฺหโนฺต ธมฺมกถํ กเถติฯ

    Saṃsanditvāti saṃyojetvā samānaṃ katvā, yathā tattha sabbaññutaññāṇaṃ pavattaṃ, tathā taṃ avilometvāti attho. Līḷāyantoti līḷaṃ karonto. Dhammakathikatāya aggabhāvappattiyā tattha appaṭihatañāṇatāya buddhalīḷāya viya catunnaṃ parisānaṃ gamanaṃ gaṇhanto dhammakathaṃ katheti.

    อิโต วา เอโตฺต วา อนุกฺกมิตฺวาติ อุคฺคหิตกถามคฺคโต ยตฺถ กตฺถจิ อีสกมฺปิ อนุกฺกมิตฺวา อุคฺคหิตนิยาเมเนวาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ยฎฺฐิโกฎิ’’นฺติอาทิฯ เอกปทิกนฺติ เอกปทนิเกฺขปมตฺตํฯ ทณฺฑกเสตุนฺติ เอกทณฺฑกมยํ เสตุํฯ เหฎฺฐา จ อุปริ จ สุตฺตปทานํ อาหรเณน เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ เหฎฺฐุปริยํ กโรโนฺตฯ ชาตสฺสรสทิสญฺจ คาถํ, สุตฺตปทํ วา นิกฺขิปิตฺวา ตตฺถ นานาอุปมาการณานิ อาหรโนฺต ตานิ จ เตหิ สุตฺตปเทหิ โพเธโนฺต สมุฎฺฐาเปโนฺต ‘‘ชาตสฺสเร ปญฺจวณฺณานิ กุสุมานิ ผุลฺลาเปโนฺต วิย สิเนรุมตฺถเก วฎฺฎิสหสฺสํ ชาเลโนฺต วิยา’’ติ วุโตฺตฯ

    Ito vā etto vā anukkamitvāti uggahitakathāmaggato yattha katthaci īsakampi anukkamitvā uggahitaniyāmenevāti attho. Tenāha ‘‘yaṭṭhikoṭi’’ntiādi. Ekapadikanti ekapadanikkhepamattaṃ. Daṇḍakasetunti ekadaṇḍakamayaṃ setuṃ. Heṭṭhā ca upari ca suttapadānaṃ āharaṇena tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ heṭṭhupariyaṃ karonto. Jātassarasadisañca gāthaṃ, suttapadaṃ vā nikkhipitvā tattha nānāupamākāraṇāni āharanto tāni ca tehi suttapadehi bodhento samuṭṭhāpento ‘‘jātassare pañcavaṇṇāni kusumāni phullāpento viya sinerumatthake vaṭṭisahassaṃ jālento viyā’’ti vutto.

    เอกปทุทฺธาเรติ เอกสฺมิํ ปทุทฺธารณกฺขเณฯ ปทวเสน สฎฺฐิ ปทสตสหสฺสานิ คาถาวเสน ปนฺนรส คาถาสหสฺสานิฯ อากฑฺฒิตฺวา คณฺหโนฺต วิยาติ ปเจฺจกํ ปุปฺผานิ อโนจินิตฺวา วลฺลิเมว อากฑฺฒิตฺวา เอกชฺฌํ ปุปฺผานิ กตฺวา คณฺหโนฺต วิยฯ เตนาห ‘‘เอกปฺปหาเรเนวา’’ติฯ คติมนฺตานนฺติ อติสยาย ญาณคติยา ยุตฺตานํฯ ธิติมนฺตานนฺติ ธารณพเลน ยุตฺตานํฯ

    Ekapaduddhāreti ekasmiṃ paduddhāraṇakkhaṇe. Padavasena saṭṭhi padasatasahassāni gāthāvasena pannarasa gāthāsahassāni. Ākaḍḍhitvā gaṇhanto viyāti paccekaṃ pupphāni anocinitvā vallimeva ākaḍḍhitvā ekajjhaṃ pupphāni katvā gaṇhanto viya. Tenāha ‘‘ekappahārenevā’’ti. Gatimantānanti atisayāya ñāṇagatiyā yuttānaṃ. Dhitimantānanti dhāraṇabalena yuttānaṃ.

    อนนฺตนยุสฺสทนฺติ ปจฺจยุปฺปนฺนภาสิตตฺถนิพฺพานวิปากกิริยาทิวเสน อนนฺตปเภเท วิสเย ปวตฺติยา อนนฺตนเยหิ อุสฺสนฺนํ อุปจิตํฯ จตุโรฆนิตฺถรณตฺถิกานํ ติเตฺถ ฐปิตนาวา วิยาติ โยชนาฯ สหสฺสยุตฺตอาชญฺญรโถติ เวชยนฺตรถํ สนฺธาย วทติฯ

    Anantanayussadanti paccayuppannabhāsitatthanibbānavipākakiriyādivasena anantapabhede visaye pavattiyā anantanayehi ussannaṃ upacitaṃ. Caturoghanittharaṇatthikānaṃ titthe ṭhapitanāvā viyāti yojanā. Sahassayuttaājaññarathoti vejayantarathaṃ sandhāya vadati.

    ยสฺมา ปุจฺฉายํ พฺยาปนิจฺฉานเยน ‘‘ทุปฺปโญฺญ ทุปฺปโญฺญ’’ติ อาเมฑิตวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา ธมฺมเสนาปติ ปุจฺฉิตมตฺถํ วิสฺสเชฺชโนฺต ปุจฺฉาสภาเคน ‘‘นปฺปชานาติ นปฺปชานาตี’’ติ อาเมฑิตวเสเนวาหฯ ตตฺถ อิติ-สโทฺท การณโตฺถติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยสฺมา นปฺปชานาติ, ตสฺมา ทุปฺปโญฺญติ วุจฺจตี’’ติ อาหฯ อิทํ ทุกฺขนฺติ อิทํ อุปาทานกฺขนฺธปญฺจกํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํฯ ตญฺจ โข รุปฺปนํ เวทิยนํ สญฺชานนํ อภิสงฺขรณํ วิชานนนฺติ สเงฺขปโต เอตฺตกํฯ อิโต อุทฺธํ กิญฺจิ ธมฺมชาตํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ นาม นตฺถีติ ยาถาวสรสลกฺขณโต ปวตฺติกฺกมโต เจว ปีฬนสงฺขตสนฺตาปวิปริณามลกฺขณโต จ ยถาภูตํ อริยมคฺคปญฺญาย นปฺปชานาติฯ อวเสสปจฺจยสมาคเม อุทยติ อุปฺปชฺชติ, สฺวายํ สมุทโย สํสารปวตฺติภาเวนาติ อาห ‘‘ปวตฺติทุกฺขปภาวิกา’’ติ, ทุกฺขสจฺจสฺส อุปฺปาทิกาติ อโตฺถฯ ยาถาวสรสลกฺขณโตติ ยถาภูตํ อนุปเจฺฉทกรณรสโต เจว สมฺปิณฺฑนนิทานสํโยคปลิโพธลกฺขณโต จฯ

    Yasmā pucchāyaṃ byāpanicchānayena ‘‘duppañño duppañño’’ti āmeḍitavasena vuttaṃ, tasmā dhammasenāpati pucchitamatthaṃ vissajjento pucchāsabhāgena ‘‘nappajānāti nappajānātī’’ti āmeḍitavasenevāha. Tattha iti-saddo kāraṇatthoti dassento ‘‘yasmā nappajānāti, tasmā duppaññotivuccatī’’ti āha. Idaṃ dukkhanti idaṃ upādānakkhandhapañcakaṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ. Tañca kho ruppanaṃ vediyanaṃ sañjānanaṃ abhisaṅkharaṇaṃ vijānananti saṅkhepato ettakaṃ. Ito uddhaṃ kiñci dhammajātaṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ nāma natthīti yāthāvasarasalakkhaṇato pavattikkamato ceva pīḷanasaṅkhatasantāpavipariṇāmalakkhaṇato ca yathābhūtaṃ ariyamaggapaññāya nappajānāti. Avasesapaccayasamāgame udayati uppajjati, svāyaṃ samudayo saṃsārapavattibhāvenāti āha ‘‘pavattidukkhapabhāvikā’’ti, dukkhasaccassa uppādikāti attho. Yāthāvasarasalakkhaṇatoti yathābhūtaṃ anupacchedakaraṇarasato ceva sampiṇḍananidānasaṃyogapalibodhalakkhaṇato ca.

    อิทํ นาม ฐานํ ปตฺวาติ อิทํ นาม อปฺปวตฺติการณํ อาคมฺมฯ นิรุชฺฌตีติ อนุปฺปาทนิโรธวเสน นิรุชฺฌติ, เตนาห ‘‘อุภินฺนํ อปฺปวตฺตี’’ติฯ ยาถาวสรสลกฺขณโตติ ยถาภูตํ อจฺจุติรสโต เจว นิสฺสรณวิเวกาสงฺขตามตลกฺขณโต จฯ อยํ ปฎิปทาติ อยํ สมฺมาทิฎฺฐิอาทิกา สโมธานลกฺขณา ปฎิปชฺชติ เอตายาติ ปฎิปทาฯ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉตีติ ทุกฺขนิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน คจฺฉติ อารพฺภ ปวตฺตติฯ ยาถาวสรสลกฺขณโตติ ยถาภูตํ กิเลสปฺปหานกรณสรสโต เจว นิยฺยานเหตุทสฺสนาธิปเตยฺยลกฺขณโต จ นปฺปชานาติฯ อนนฺตรวาเรติ ทุติยวาเรฯ อิมินาว นเยนาติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ปฐมวาเร วุตฺตนเยนฯ ตตฺถ หิ ทุปฺปญฺญนิเทฺทสตฺตา ปชานนปฎิเกฺขปวเสน เทสนา อาคตา, อิธ ปญฺญวนฺตนิเทฺทสตฺตา ปชานนวเสนาติ อยเมว วิเสโสฯ เอตฺถาติ ทุติยวาเรฯ

    Idaṃ nāma ṭhānaṃ patvāti idaṃ nāma appavattikāraṇaṃ āgamma. Nirujjhatīti anuppādanirodhavasena nirujjhati, tenāha ‘‘ubhinnaṃ appavattī’’ti. Yāthāvasarasalakkhaṇatoti yathābhūtaṃ accutirasato ceva nissaraṇavivekāsaṅkhatāmatalakkhaṇato ca. Ayaṃ paṭipadāti ayaṃ sammādiṭṭhiādikā samodhānalakkhaṇā paṭipajjati etāyāti paṭipadā. Dukkhanirodhaṃ gacchatīti dukkhanirodhaṃ nibbānaṃ sacchikiriyābhisamayavasena gacchati ārabbha pavattati. Yāthāvasarasalakkhaṇatoti yathābhūtaṃ kilesappahānakaraṇasarasato ceva niyyānahetudassanādhipateyyalakkhaṇato ca nappajānāti. Anantaravāreti dutiyavāre. Imināva nayenāti ‘‘idaṃ dukkhaṃ, ettakaṃ dukkha’’ntiādinā paṭhamavāre vuttanayena. Tattha hi duppaññaniddesattā pajānanapaṭikkhepavasena desanā āgatā, idha paññavantaniddesattā pajānanavasenāti ayameva viseso. Etthāti dutiyavāre.

    สวนโตติ กมฺมฎฺฐานสฺส สวนโต อุคฺคณฺหาติฯ คนฺถสวนมุเขน หิ ตทตฺถสฺส อุคฺคหณํฯ ฐเปตฺวา ตณฺหนฺติอาทิ ตสฺส อุคฺคหณาการนิทสฺสนํฯ อภินิวิสตีติ วิปสฺสนาภินิเวสวเสน อภินิวิสติ วิปสฺสนากมฺมฎฺฐานํ ปฎฺฐเปติฯ โน วิวเฎฺฎติ วิวเฎฺฎ อภินิเวโส น โหติ อวิสยตฺตาฯ อยนฺติ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานิโกฯ

    Savanatoti kammaṭṭhānassa savanato uggaṇhāti. Ganthasavanamukhena hi tadatthassa uggahaṇaṃ. Ṭhapetvā taṇhantiādi tassa uggahaṇākāranidassanaṃ. Abhinivisatīti vipassanābhinivesavasena abhinivisati vipassanākammaṭṭhānaṃ paṭṭhapeti. No vivaṭṭeti vivaṭṭe abhiniveso na hoti avisayattā. Ayanti catusaccakammaṭṭhāniko.

    ปญฺจกฺขนฺธาติ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธาฯ ขนฺธวเสน วิปสฺสนาภินิเวสสฺส จกฺขาทิวเสน เวทนาทิวเสน จ สติปิ อเนกวิธเตฺต สุกรํ สุวิเญฺญยฺยนฺติ จตุธาตุมุเขน ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ธาตุกมฺมฎฺฐานวเสน โอตริตฺวา’’ติ อาหฯ รูปนฺติ ววตฺถเปตีติ รุปฺปนเฎฺฐน รูปนฺติ อสงฺกรโต ปริจฺฉินฺทติฯ ตทารมฺมณาติ ตํ รูปํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตนกาฯ นามนฺติ เวทนาทิจตุกฺกํ นมนเฎฺฐน นามนฺติ ววตฺถาเปติฯ ยมกตาลกฺขนฺธํ ภินฺทโนฺต วิย ยมกํ ภินฺทิตฺวา ‘‘อรูปํ, รูปญฺจา’’ติ เทฺวว อิเม ธมฺมา, น เอตฺถ โกจิ อตฺตา วา อตฺตนิยํ วาติ นามรูปํ ววตฺถเปติ ปริจฺฉินฺทติ ปริคฺคณฺหาติฯ เอตฺตาวตา ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ ทสฺสิตาฯ ตํ ปเนตํ นามรูปํ น อเหตุกํฯ ยสฺมา สพฺพํ สพฺพตฺถ สพฺพทา จ นตฺถิ, ตสฺมา สเหตุกํฯ กีทิเสน เหตุนา? น อิสฺสราทิวิสมเหตุนาฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๒.๔๔๗) วุตฺตนเยน คเหตพฺพํฯ สเหตุกตฺตา เอว สปจฺจยํอวิชฺชาทโยติ อวิชฺชาตณฺหุปาทานกมฺมาหาราทโยฯ เอวนฺติ ‘‘ตํ ปเนต’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย เจว รูปเวทนาทิเก ปจฺจยุปฺปนฺนธเมฺม จ ววตฺถเปตฺวา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริคฺคเหตฺวาฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย, ตณฺหาสมุทยา รูปสมุทโย’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๕๐)ฯ เอตฺตาวตา กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิํ ทเสฺสติฯ

    Pañcakkhandhāti pañcupādānakkhandhā. Khandhavasena vipassanābhinivesassa cakkhādivasena vedanādivasena ca satipi anekavidhatte sukaraṃ suviññeyyanti catudhātumukhena taṃ dassetuṃ ‘‘dhātukammaṭṭhānavasena otaritvā’’ti āha. Rūpanti vavatthapetīti ruppanaṭṭhena rūpanti asaṅkarato paricchindati. Tadārammaṇāti taṃ rūpaṃ ārammaṇaṃ katvā pavattanakā. Nāmanti vedanādicatukkaṃ namanaṭṭhena nāmanti vavatthāpeti. Yamakatālakkhandhaṃ bhindanto viya yamakaṃ bhinditvā ‘‘arūpaṃ, rūpañcā’’ti dveva ime dhammā, na ettha koci attā vā attaniyaṃ vāti nāmarūpaṃ vavatthapeti paricchindati pariggaṇhāti. Ettāvatā diṭṭhivisuddhi dassitā. Taṃ panetaṃ nāmarūpaṃ na ahetukaṃ. Yasmā sabbaṃ sabbattha sabbadā ca natthi, tasmā sahetukaṃ. Kīdisena hetunā? Na issarādivisamahetunā. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyaṃ (visuddhi. mahāṭī. 2.447) vuttanayena gahetabbaṃ. Sahetukattā eva sapaccayaṃ. Avijjādayoti avijjātaṇhupādānakammāhārādayo. Evanti ‘‘taṃ paneta’’ntiādinā vuttappakārena avijjādike paccaye ceva rūpavedanādike paccayuppannadhamme ca vavatthapetvā paricchinditvā pariggahetvā. Vuttañhetaṃ ‘‘avijjāsamudayā rūpasamudayo, taṇhāsamudayā rūpasamudayo’’ti (paṭi. ma. 1.50). Ettāvatā kaṅkhāvitaraṇavisuddhiṃ dasseti.

    หุตฺวาติ เหตุปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชิตฺวาฯ อภาวเฎฺฐนาติ ตทนนฺตรเมว วินสฺสนเฎฺฐนฯ อนิจฺจาติ อนิจฺจา อทฺธุวาฯ อนิจฺจลกฺขณํ อาโรเปตีติ เตสุ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ อนิจฺจตาสงฺขาตํ สามญฺญลกฺขณํ นิโรเปติฯ ตโตติ อนิจฺจลกฺขณาโรปนโต ปรํ, ตโต วา อนิจฺจภาวโตฯ อุทยพฺพยปฺปฎิปีฬนากาเรนาติ อุปฺปาทนิโรเธหิ ปติ ปติ อภิกฺขณํ ปีฬนากาเรน เหตุนา ทุกฺขา อนิฎฺฐา, ทุกฺขมา วาฯ อวสวตฺตนากาเรนาติ กสฺสจิ วเสน อวสวตฺตนากาเรนฯ อนตฺตาติ น สยํ อตฺตา, นาปิ เนสํ โกจิ อตฺตา อตฺถีติ อนตฺตาติฯ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวาติ เอวํ อนิจฺจสฺส ทุกฺขภาวโต, ทุกฺขสฺส จ อนตฺตภาวโต ขนฺธปญฺจเก ติวิธมฺปิ สามญฺญลกฺขณํ อาโรเปตฺวาฯ สมฺมสโนฺตติ อุทยพฺพยญาณุปฺปตฺติยา อุปฺปเนฺน วิปสฺสนุปกฺกิเลเส ปหาย มคฺคามคฺคํ ววตฺถเปตฺวา อุทยพฺพยญาณาทิวิปสฺสนาปฎิปาฎิยา สงฺขาเร สมฺมสโนฺต โคตฺรภุญาณานนฺตรํ โลกุตฺตรมคฺคํ ปาปุณาติ

    Hutvāti hetupaccayasamavāye uppajjitvā. Abhāvaṭṭhenāti tadanantarameva vinassanaṭṭhena. Aniccāti aniccā addhuvā. Aniccalakkhaṇaṃ āropetīti tesu pañcasu khandhesu aniccatāsaṅkhātaṃ sāmaññalakkhaṇaṃ niropeti. Tatoti aniccalakkhaṇāropanato paraṃ, tato vā aniccabhāvato. Udayabbayappaṭipīḷanākārenāti uppādanirodhehi pati pati abhikkhaṇaṃ pīḷanākārena hetunā dukkhā aniṭṭhā, dukkhamā vā. Avasavattanākārenāti kassaci vasena avasavattanākārena. Anattāti na sayaṃ attā, nāpi nesaṃ koci attā atthīti anattāti. Tilakkhaṇaṃāropetvāti evaṃ aniccassa dukkhabhāvato, dukkhassa ca anattabhāvato khandhapañcake tividhampi sāmaññalakkhaṇaṃ āropetvā. Sammasantoti udayabbayañāṇuppattiyā uppanne vipassanupakkilese pahāya maggāmaggaṃ vavatthapetvā udayabbayañāṇādivipassanāpaṭipāṭiyā saṅkhāre sammasanto gotrabhuñāṇānantaraṃ lokuttaramaggaṃ pāpuṇāti.

    เอกปฎิเวเธนาติ เอเกเนว ญาเณน ปฎิวิชฺฌเนนฯ ปฎิเวโธ ปฎิฆาตาภาเวน วิสเย นิสฺสงฺคจารสงฺขาตํ นิพฺพิชฺฌนํฯ อภิสมโย อวิรชฺฌิตฺวา อธิคมนสงฺขาโต อวโพโธฯ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิโยฺย’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ยาถาวโต ชานนเมว วุตฺตนเยน ปฎิเวโธติ ปริญฺญาปฎิเวโธ, อิทญฺจ ยถา ญาเณ ปวเตฺต ปจฺฉา ทุกฺขสฺส สรูปาทิปริเจฺฉเท สโมฺมโห น โหติ, ตถา ปวตฺติํ คเหตฺวา วุตฺตํ, น ปน มคฺคญาณสฺส ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ปวตฺตนโตฯ เตนาห ‘‘ตสฺมิญฺจสฺส ขเณ’’ติอาทิฯ ปหีนสฺส ปุน อปหาตพฺพตาย ปกฎฺฐํ หานํ จชนํ สมุจฺฉินฺทนํ ปหานํ, ปหานเมว วุตฺตนเยน ปฎิเวโธติ ปหานปฎิเวโธฯ อยมฺปิ เยน กิเลเสน อปฺปหียมาเนน มคฺคภาวนาย น ภวิตพฺพํ, อสติ จ มคฺคภาวนาย โย อุปฺปเชฺชยฺย, ตสฺส ปทฆาตํ กโรนฺตสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺตสฺส ญาณสฺส ตถาปวตฺติยา ปฎิฆาตาภาเวน นิสฺสงฺคจารํ อุปาทาย เอวํ วุโตฺตฯ สจฺฉิกิริยา ปจฺจกฺขกรณํ อนุสฺสวาการปริวิตกฺกาทิเก มุญฺจิตฺวาว สรูปโต อารมฺมณกรณํ ‘‘อิทํ ต’’นฺติ ยาถาวสภาวโต คหณํ, สา เอว วุตฺตนเยน ปฎิเวโธติ สจฺฉิกิริยาปฎิเวโธฯ อยมฺปิ ยสฺส อาวรณสฺส อสมุจฺฉินฺทนโต ญาณํ นิโรธํ อาลมฺพิตุํ น สโกฺกติ, ตสฺส สมุจฺฉินฺทนโต ตํ สรูปโต วิภาวิตเมว ปวตฺตตีติ เอวํ วุโตฺตฯ

    Ekapaṭivedhenāti ekeneva ñāṇena paṭivijjhanena. Paṭivedho paṭighātābhāvena visaye nissaṅgacārasaṅkhātaṃ nibbijjhanaṃ. Abhisamayo avirajjhitvā adhigamanasaṅkhāto avabodho. ‘‘Idaṃ dukkhaṃ, ettaṃ dukkhaṃ, na ito bhiyyo’’ti paricchinditvā yāthāvato jānanameva vuttanayena paṭivedhoti pariññāpaṭivedho, idañca yathā ñāṇe pavatte pacchā dukkhassa sarūpādiparicchede sammoho na hoti, tathā pavattiṃ gahetvā vuttaṃ, na pana maggañāṇassa ‘‘idaṃ dukkha’’ntiādinā pavattanato. Tenāha ‘‘tasmiñcassa khaṇe’’tiādi. Pahīnassa puna apahātabbatāya pakaṭṭhaṃ hānaṃ cajanaṃ samucchindanaṃ pahānaṃ, pahānameva vuttanayena paṭivedhoti pahānapaṭivedho. Ayampi yena kilesena appahīyamānena maggabhāvanāya na bhavitabbaṃ, asati ca maggabhāvanāya yo uppajjeyya, tassa padaghātaṃ karontassa anuppattidhammataṃ āpādentassa ñāṇassa tathāpavattiyā paṭighātābhāvena nissaṅgacāraṃ upādāya evaṃ vutto. Sacchikiriyā paccakkhakaraṇaṃ anussavākāraparivitakkādike muñcitvāva sarūpato ārammaṇakaraṇaṃ ‘‘idaṃ ta’’nti yāthāvasabhāvato gahaṇaṃ, sā eva vuttanayena paṭivedhoti sacchikiriyāpaṭivedho. Ayampi yassa āvaraṇassa asamucchindanato ñāṇaṃ nirodhaṃ ālambituṃ na sakkoti, tassa samucchindanato taṃ sarūpato vibhāvitameva pavattatīti evaṃ vutto.

    ภาวนา อุปฺปาทนา วฑฺฒนา จฯ ตตฺถ ปฐมมเคฺค อุปฺปาทนเฎฺฐน ภาวนา, ทุติยาทีสุ วฑฺฒนเฎฺฐน, อุภยตฺถาปิ วา อุภยํ เวทิตพฺพํฯ ปฐมมโคฺคปิ หิ ยถารหํ วุฎฺฐานคามินิยํ ปวตฺตํ ปริชานนาทิํ วเฑฺฒโนฺต ปวโตฺตติ ตตฺถาปิ วฑฺฒนเฎฺฐน ภาวนาติ สกฺกา วิญฺญาตุํฯ ทุติยาทีสุปิ อปฺปหีนกิเลสปฺปหานโต ปุคฺคลนฺตรสาธนโต จ อุปฺปาทนเฎฺฐน ภาวนา, สา เอว วุตฺตนเยน ปฎิเวโธติ ภาวนาปฎิเวโธฯ อยมฺปิ ยถา ญาเณ ปวเตฺต ปจฺฉา มคฺคธมฺมานํ สรูปปริเจฺฉเท สโมฺมโห น โหติ, ตถา ปวตฺติํ คเหตฺวา วุโตฺตฯ ติฎฺฐนฺตุ ตาว ยถาธิคตา มคฺคธมฺมา, ยถาปวเตฺตสุ ผเลสุปิ อยํ ยถาธิคตสจฺจธเมฺมสุ วิย วิคตสโมฺมโหว โหติ เสโกฺขปิ สมาโนฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ทิฎฺฐธโมฺม ปตฺตธโมฺม วิทิตธโมฺม ปริโยคาฬฺหธโมฺม’’ติ (มหาว. ๒๗)ฯ ยถา จสฺส ธมฺมา ตาสํ โชติตา ยถาธิคตสจฺจธมฺมาวลมฺพินิโย มคฺควีถิโต ปรโต มคฺคผลปหีนาวสิฎฺฐกิเลสนิพฺพานานํ ปจฺจเวกฺขณา ปวตฺตนฺติฯ ทุกฺขสจฺจธมฺมา หิ สกฺกายทิฎฺฐิอาทโยฯ อยญฺจ อตฺถวณฺณนา ปริญฺญาภิสมเยนาติอาทีสุปิ วิภาเวตพฺพาฯ กิจฺจโตติ อสโมฺมหโตฯ นิโรธํ อารมฺมณโตติ เอตฺถ ‘‘อารมฺมณโตปี’’ติ ปิ-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐ ทฎฺฐโพฺพ นิโรเธปิ อสโมฺมหปฎิเวธสฺส ลพฺภนโตฯ เอตสฺสาติ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานิกสฺส ปุคฺคลสฺสฯ

    Bhāvanā uppādanā vaḍḍhanā ca. Tattha paṭhamamagge uppādanaṭṭhena bhāvanā, dutiyādīsu vaḍḍhanaṭṭhena, ubhayatthāpi vā ubhayaṃ veditabbaṃ. Paṭhamamaggopi hi yathārahaṃ vuṭṭhānagāminiyaṃ pavattaṃ parijānanādiṃ vaḍḍhento pavattoti tatthāpi vaḍḍhanaṭṭhena bhāvanāti sakkā viññātuṃ. Dutiyādīsupi appahīnakilesappahānato puggalantarasādhanato ca uppādanaṭṭhena bhāvanā, sā eva vuttanayena paṭivedhoti bhāvanāpaṭivedho. Ayampi yathā ñāṇe pavatte pacchā maggadhammānaṃ sarūpaparicchede sammoho na hoti, tathā pavattiṃ gahetvā vutto. Tiṭṭhantu tāva yathādhigatā maggadhammā, yathāpavattesu phalesupi ayaṃ yathādhigatasaccadhammesu viya vigatasammohova hoti sekkhopi samāno. Tena vuttaṃ – ‘‘diṭṭhadhammo pattadhammo viditadhammo pariyogāḷhadhammo’’ti (mahāva. 27). Yathā cassa dhammā tāsaṃ jotitā yathādhigatasaccadhammāvalambiniyo maggavīthito parato maggaphalapahīnāvasiṭṭhakilesanibbānānaṃ paccavekkhaṇā pavattanti. Dukkhasaccadhammā hi sakkāyadiṭṭhiādayo. Ayañca atthavaṇṇanā pariññābhisamayenātiādīsupi vibhāvetabbā. Kiccatoti asammohato. Nirodhaṃ ārammaṇatoti ettha ‘‘ārammaṇatopī’’ti pi-saddo luttaniddiṭṭho daṭṭhabbo nirodhepi asammohapaṭivedhassa labbhanato. Etassāti catusaccakammaṭṭhānikassa puggalassa.

    ปญฺญวาติ นิทฺทิโฎฺฐ นิปฺปริยายโต ปญฺญวนฺตตาย อิธ อธิเปฺปตตฺตาฯ ปาฬิโตติ ธมฺมโตฯ อตฺถโตติ อฎฺฐกถาโตฯ อนุสนฺธิโตติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ สุเตฺต ตํตํอนุสนฺธิโตฯ ปุพฺพาปรโตติ ปุเพฺพนาปรสฺส สํสนฺทนโตฯ สงฺคีติกฺกเมน เจตฺถ ปุพฺพาปรตา เวทิตพฺพาฯ ตํตํเทสนายเมว วา ปุพฺพภาเคน อปรภาคสฺส สํสนฺทนโตฯ วิญฺญาณจริโตติ วิชานนจริโต วีมํสนจริโต เตปิฎเก พุทฺธวจเน วิจารณาจารเวปุลฺลโตฯ ปญฺญวาติ น วตฺตโพฺพ มเคฺคนาคตาย ปญฺญาย อภาวโตฯ อชฺช อเชฺชว อรหตฺตนฺติ อิตฺตรํ อติขิปฺปเมวาติ อธิปฺปาโยฯ ปญฺญวาปกฺขํ ภชติ เสกฺขปริยายสพฺภาวโตฯ สุเตฺต ปน ปฎิเวโธว กถิโต สจฺจาภิสมยวเสน อาคตตฺตาฯ

    Paññavāti niddiṭṭho nippariyāyato paññavantatāya idha adhippetattā. Pāḷitoti dhammato. Atthatoti aṭṭhakathāto. Anusandhitoti tasmiṃ tasmiṃ sutte taṃtaṃanusandhito. Pubbāparatoti pubbenāparassa saṃsandanato. Saṅgītikkamena cettha pubbāparatā veditabbā. Taṃtaṃdesanāyameva vā pubbabhāgena aparabhāgassa saṃsandanato. Viññāṇacaritoti vijānanacarito vīmaṃsanacarito tepiṭake buddhavacane vicāraṇācāravepullato. Paññavāti na vattabbo maggenāgatāya paññāya abhāvato. Ajja ajjeva arahattanti ittaraṃ atikhippamevāti adhippāyo. Paññavāpakkhaṃ bhajati sekkhapariyāyasabbhāvato. Sutte pana paṭivedhova kathito saccābhisamayavasena āgatattā.

    เอสาติ อนนฺตเร วุโตฺต อริยปุคฺคโลฯ กมฺมการกจิตฺตนฺติ ภาวนากมฺมสฺส ปวตฺตนกจิตฺตํ ฯ สุขเวทนมฺปิ วิชานาตีติ โก เวทิยติ, กสฺส เวทนา, กิํการณา เวทนา, โสปิ กสฺสจิ อภาวคฺคหณมุเขน สุขํ เวทนํ สภาวโต สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต จ ยถาภูตํ ปริจฺฉินฺทโนฺต ปริคฺคณฺหโนฺต สุขํ เวทนํ วิชานาติ นามฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ยสฺมา ‘‘สติปฎฺฐาเน’’ติ อิมินา สติปฎฺฐานกถํ อุปลเกฺขติฯ ตาย หิ ตทโตฺถ เวทิตโพฺพ, ตสฺมา ตํสํวณฺณนายมฺปิ (ที. นิ. ฎี. ๒.๓๘๐) วุตฺตนเยน ตสฺสโตฺถ เวทิตโพฺพ ฯ กามเญฺจตํ วิญฺญาณํ เวทนาโต อญฺญมฺปิ อารมฺมณํ วิชานาติ, อนนฺตรวาเร ปน รูปมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสสฺส ทสฺสิตตฺตา อิธ อรูปมุเขน ทเสฺสตุํ ‘‘สุขนฺติปิ วิชานาตี’’ติอาทินา นิทฺทิฎฺฐํ, ปุจฺฉนฺตสฺส วา อชฺฌาสยวเสนฯ

    Esāti anantare vutto ariyapuggalo. Kammakārakacittanti bhāvanākammassa pavattanakacittaṃ . Sukhavedanampi vijānātīti ko vediyati, kassa vedanā, kiṃkāraṇā vedanā, sopi kassaci abhāvaggahaṇamukhena sukhaṃ vedanaṃ sabhāvato samudayato atthaṅgamato assādato ādīnavato ca yathābhūtaṃ paricchindanto pariggaṇhanto sukhaṃ vedanaṃ vijānāti nāma. Sesapadadvayepi eseva nayo. Yasmā ‘‘satipaṭṭhāne’’ti iminā satipaṭṭhānakathaṃ upalakkheti. Tāya hi tadattho veditabbo, tasmā taṃsaṃvaṇṇanāyampi (dī. ni. ṭī. 2.380) vuttanayena tassattho veditabbo . Kāmañcetaṃ viññāṇaṃ vedanāto aññampi ārammaṇaṃ vijānāti, anantaravāre pana rūpamukhena vipassanābhinivesassa dassitattā idha arūpamukhena dassetuṃ ‘‘sukhantipi vijānātī’’tiādinā niddiṭṭhaṃ, pucchantassa vā ajjhāsayavasena.

    สํสฎฺฐาติ สมฺปยุตฺตาฯ เตนาห ‘‘เอกุปฺปาทาทิลกฺขเณน สํโยคเฎฺฐนา’’ติฯ วิสํสฎฺฐาติ วิปฺปยุตฺตาฯ ภินฺทิตฺวาติ อญฺญภูมิกสฺส อญฺญภูมิทสฺสเนเนว วินาเสตฺวา, สํภินฺทิตฺวา วาฯ สํสฎฺฐภาวํ ปุจฺฉตีติ ตํจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนานํ ปญฺจวิญฺญาณานํ สํสฎฺฐภาวํ ปุจฺฉติฯ ยทิ เอวํ กถํ ปุจฺฉาย อวสโร วิสํสฎฺฐภาวาสงฺกาย เอว อภาวโต? น, จิตฺตุปฺปาทนฺตรคตานํ มคฺคปญฺญามคฺควิญฺญาณานํ วิปสฺสนาปญฺญาวิปสฺสนาวิญฺญาณานญฺจ โวมิสฺสกสํสฎฺฐภาวสฺส ลพฺภมานตฺตาฯ วินิวเฎฺฎตฺวาติ อญฺญมญฺญโต วิเวเจตฺวาฯ นานากรณํ ทเสฺสตุํ น สกฺกาติ อิทํ เกวลํ สํสฎฺฐภาวเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น สภาวเภทํ, สภาวเภทโต ปน นานากรณํ เนสํ ปากฎเมวฯ เตนาห ‘‘อารมฺมณโต วา วตฺถุโต วา อุปฺปาทโต วา นิโรธโต วา’’ติฯ อิทานิ ตเมว สภาวเภทํ วิสยเภเทน สุฎฺฐุ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘เตสํ เตสํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วิสโยติ ปวตฺติฎฺฐานํ อิสฺสริยภูมิ, เยน จิตฺตปญฺญานํ ตตฺถ ตตฺถ ปุพฺพงฺคมตา วุจฺจติฯ

    Saṃsaṭṭhāti sampayuttā. Tenāha ‘‘ekuppādādilakkhaṇena saṃyogaṭṭhenā’’ti. Visaṃsaṭṭhāti vippayuttā. Bhinditvāti aññabhūmikassa aññabhūmidassaneneva vināsetvā, saṃbhinditvā vā. Saṃsaṭṭhabhāvaṃ pucchatīti taṃcittuppādapariyāpannānaṃ pañcaviññāṇānaṃ saṃsaṭṭhabhāvaṃ pucchati. Yadi evaṃ kathaṃ pucchāya avasaro visaṃsaṭṭhabhāvāsaṅkāya eva abhāvato? Na, cittuppādantaragatānaṃ maggapaññāmaggaviññāṇānaṃ vipassanāpaññāvipassanāviññāṇānañca vomissakasaṃsaṭṭhabhāvassa labbhamānattā. Vinivaṭṭetvāti aññamaññato vivecetvā. Nānākaraṇaṃ dassetuṃ na sakkāti idaṃ kevalaṃ saṃsaṭṭhabhāvameva sandhāya vuttaṃ, na sabhāvabhedaṃ, sabhāvabhedato pana nānākaraṇaṃ nesaṃ pākaṭameva. Tenāha ‘‘ārammaṇato vā vatthuto vā uppādato vā nirodhato vā’’ti. Idāni tameva sabhāvabhedaṃ visayabhedena suṭṭhu pākaṭaṃ katvā dassetuṃ ‘‘tesaṃ tesaṃ panā’’tiādi vuttaṃ. Visayoti pavattiṭṭhānaṃ issariyabhūmi, yena cittapaññānaṃ tattha tattha pubbaṅgamatā vuccati.

    กามญฺจ วิปสฺสนาปิ ปญฺญาวเสเนว กิจฺจการี, มโคฺคปิ วิญฺญาณสหิโตว, น เกวโล, ยถา ปน โลกิยธเมฺมสุ จิตฺตํ ปธานํ ตตฺถสฺส โธรยฺหภาเวน ปวตฺติสพฺภาวโตฯ ตถา หิ ตํ ‘‘ฉทฺวาราธิปติ ราชา’’ติ (ธ. ป. อฎฺฐ. ๒.๑๘๑) วุจฺจติ, เอวํ โลกุตฺตรธเมฺมสุ ปญฺญา ปธานา ปฎิปกฺขวิธมนสฺส วิเสสโต ตทธีนตฺตาฯ ตถา หิ มคฺคธเมฺม สมฺมาทิฎฺฐิ เอว ปฐมํ คหิตาฯ อยญฺจ เนสํ วิสยวเสน ปวตฺติเภโท, ตถา จ ปญฺญาปนวิธิ น เกวลํ เถเรเหว ทสฺสิโต, อปิจ โข ภควตาปิ ทสฺสิโตติ วิภาเวโนฺต ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธปี’’ติอาทิมาหฯ ยตฺถ ปญฺญา น ลพฺภติ, ตตฺถ จิตฺตวเสน ปุจฺฉเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ ยถา ‘‘กิํจิโตฺต ตฺวํ ภิกฺขู’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๓๒-๑๓๕)ฯ ยตฺถ ปน ปญฺญา ลพฺภติ, ตตฺถาปิ จิตฺตวเสน โชตนา โหติ ยถา – ‘‘อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺฐเปติ สนฺนิสาเทติ เอโกทิํ กโรติ สมาทหติ (สํ. นิ. ๔.๓๓๒), ยสฺมิํ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑)ฯ อฎฺฐกถายํ ปน โลกิยธเมฺมสุ จิตฺตวเสน, โลกุตฺตรธเมฺมสุ ปญฺญาวเสน โจทนํ พฺยติเรกมุเขน ทเสฺสตุํ ‘‘กตมา เต ภิกฺขุ ปญฺญา อธิคตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เยภุยฺยวเสน เจตํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตถา หิ กตฺถจิ โลกิยธมฺมา ปญฺญาสีเสนปิ นิทฺทิสียนฺติ – ‘‘ปฐมสฺส ฌานสฺส ลาภิโน กามสหคตา สญฺญามนสิการา สมุทาจรนฺติ หานภาคินี ปญฺญา’’ติอาทีสุ (ปฎิ. ม. ๑.๑)ฯ สญฺญาสีเสนปิ – ‘‘อุทฺธุมาตกสญฺญาติ วา เสสรูปารูปสญฺญาติ วา อิเม ธมฺมา เอกตฺถา, อุทาหุ นานตฺถา’’ติอาทีสุ (ปารา. อฎฺฐ. ๔๕.ปทภาชนียวณฺณนา)ฯ ตถา โลกุตฺตรธมฺมาปิ กตฺถจิ จิตฺตสีเสน นิทฺทิสียนฺติ – ‘‘ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ จิตฺตํ ภาเวตี’’ติ (ธ. ส. ๒๗๗), ตถา ผสฺสาทิสีเสนปิ – ‘‘ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ผสฺสํ ภาเวติ, เวทนํ สญฺญํ เจตนํ ภาเวตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๒๗๗)ฯ

    Kāmañca vipassanāpi paññāvaseneva kiccakārī, maggopi viññāṇasahitova, na kevalo, yathā pana lokiyadhammesu cittaṃ padhānaṃ tatthassa dhorayhabhāvena pavattisabbhāvato. Tathā hi taṃ ‘‘chadvārādhipati rājā’’ti (dha. pa. aṭṭha. 2.181) vuccati, evaṃ lokuttaradhammesu paññā padhānā paṭipakkhavidhamanassa visesato tadadhīnattā. Tathā hi maggadhamme sammādiṭṭhi eva paṭhamaṃ gahitā. Ayañca nesaṃ visayavasena pavattibhedo, tathā ca paññāpanavidhi na kevalaṃ thereheva dassito, apica kho bhagavatāpi dassitoti vibhāvento ‘‘sammāsambuddhopī’’tiādimāha. Yattha paññā na labbhati, tattha cittavasena pucchane vattabbameva natthi yathā ‘‘kiṃcitto tvaṃ bhikkhū’’tiādīsu (pārā. 132-135). Yattha pana paññā labbhati, tatthāpi cittavasena jotanā hoti yathā – ‘‘ajjhattameva cittaṃ saṇṭhapeti sannisādeti ekodiṃ karoti samādahati (saṃ. ni. 4.332), yasmiṃ samaye kāmāvacaraṃ kusalaṃ cittaṃ uppannaṃ hotī’’tiādīsu (dha. sa. 1). Aṭṭhakathāyaṃ pana lokiyadhammesu cittavasena, lokuttaradhammesu paññāvasena codanaṃ byatirekamukhena dassetuṃ ‘‘katamā te bhikkhu paññā adhigatā’’tiādi vuttaṃ. Yebhuyyavasena cetaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Tathā hi katthaci lokiyadhammā paññāsīsenapi niddisīyanti – ‘‘paṭhamassa jhānassa lābhino kāmasahagatā saññāmanasikārā samudācaranti hānabhāginī paññā’’tiādīsu (paṭi. ma. 1.1). Saññāsīsenapi – ‘‘uddhumātakasaññāti vā sesarūpārūpasaññāti vā ime dhammā ekatthā, udāhu nānatthā’’tiādīsu (pārā. aṭṭha. 45.padabhājanīyavaṇṇanā). Tathā lokuttaradhammāpi katthaci cittasīsena niddisīyanti – ‘‘yasmiṃ samaye lokuttaraṃ cittaṃ bhāvetī’’ti (dha. sa. 277), tathā phassādisīsenapi – ‘‘yasmiṃ samaye lokuttaraṃ phassaṃ bhāveti, vedanaṃ saññaṃ cetanaṃ bhāvetī’’tiādīsu (dha. sa. 277).

    จตูสุ โสตาปตฺติยเงฺคสูติ สปฺปุริสเสวนา, สทฺธมฺมสฺสวนํ, โยนิโสมนสิกาโร, ธมฺมานุธมฺมปฎิปตฺตีติ อิเมสุ จตูสุ โสตาปตฺติมคฺคสฺส การเณสุฯ กามํ เจเตสุ สติอาทโยปิ ธมฺมา อิจฺฉิตพฺพาว เตหิ วินา เตสํ อสมฺภวโต, ตถาปิ เจตฺถ สทฺธา วิเสสโต กิจฺจการีติ เวทิตพฺพาฯ สโทฺท เอว หิ สปฺปุริเส ปยิรุปาสติ, สทฺธมฺมํ สุณาติ, โยนิโส จ มนสิ กโรติ, อริยมคฺคสฺส จ อนุธมฺมํ ปฎิปชฺชติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอตฺถ สทฺธินฺทฺริยํ ทฎฺฐพฺพ’’นฺติฯ อิมินา นเยน เสสินฺทฺริเยสุปิ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ จตูสุ สมฺมปฺปธาเนสูติ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานภาวนายฯ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสูติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ จ โสตาปตฺติยเงฺคสุ สทฺธา วิย สมฺมปฺปธานภาวนาย วีริยํ วิย จ สติปฎฺฐานภาวนาย – ‘‘สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺส’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. ๑.๑๐๖; สํ. นิ. ๕.๓๘๔, ๔๐๗) วจนโต ปุพฺพภาเค กิจฺจโต สติ อธิกา อิจฺฉิตพฺพาฯ เอวํ สมาธิกมฺมิกสฺส สมาธิ, ‘‘อริยสจฺจภาวนา ปญฺญาภาวนา’’ติ กตฺวา ตตฺถ ปญฺญา ปุพฺพภาเค อธิกา อิจฺฉิตพฺพาติ ปากโฎยมโตฺถ, อธิคมกฺขเณ ปน สมาธิปญฺญานํ วิย สเพฺพสมฺปิ อินฺทฺริยานํ สทฺธาทีนํ สมรสตาว อิจฺฉิตพฺพาฯ ตถา หิ ‘‘เอตฺถ สทฺธินฺทฺริย’’นฺติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ เอตฺถคฺคหณํ กตํฯ เอวนฺติ ยํ ฐานํ, ตํ อินฺทฺริยสมตฺตาทิํ ปจฺจามสติฯ สวิสยสฺมิํเยวาติ อตฺตโน อตฺตโน วิสเย เอวฯ โลกิยโลกุตฺตรา ธมฺมา กถิตาติ โลกิยธมฺมา โลกุตฺตรธมฺมา จ เตน เตน ปวตฺติวิเสเสน กถิตาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สทฺธาปญฺจเมสุ อินฺทฺริเยสุ สห ปวตฺตมาเนสุ ตตฺถ ตตฺถ วิสเย สทฺธาทีนํ กิจฺจาธิกตาย ตสฺส ตเสฺสว ทฎฺฐพฺพตา วุตฺตา, น สเพฺพสํฯ เอวํ อเญฺญปิ โลกิยโลกุตฺตรา ธมฺมา ยถาสกํ วิสเย ปวตฺติวิเสสวเสน โพธิตาติฯ

    Catūsu sotāpattiyaṅgesūti sappurisasevanā, saddhammassavanaṃ, yonisomanasikāro, dhammānudhammapaṭipattīti imesu catūsu sotāpattimaggassa kāraṇesu. Kāmaṃ cetesu satiādayopi dhammā icchitabbāva tehi vinā tesaṃ asambhavato, tathāpi cettha saddhā visesato kiccakārīti veditabbā. Saddo eva hi sappurise payirupāsati, saddhammaṃ suṇāti, yoniso ca manasi karoti, ariyamaggassa ca anudhammaṃ paṭipajjati, tasmā vuttaṃ ‘‘ettha saddhindriyaṃ daṭṭhabba’’nti. Iminā nayena sesindriyesupi attho daṭṭhabbo. Catūsu sammappadhānesūti catubbidhasammappadhānabhāvanāya. Catūsu satipaṭṭhānesūtiādīsupi eseva nayo. Ettha ca sotāpattiyaṅgesu saddhā viya sammappadhānabhāvanāya vīriyaṃ viya ca satipaṭṭhānabhāvanāya – ‘‘satimā vineyya loke abhijjhādomanassa’’nti (dī. ni. 2.373; ma. ni. 1.106; saṃ. ni. 5.384, 407) vacanato pubbabhāge kiccato sati adhikā icchitabbā. Evaṃ samādhikammikassa samādhi, ‘‘ariyasaccabhāvanā paññābhāvanā’’ti katvā tattha paññā pubbabhāge adhikā icchitabbāti pākaṭoyamattho, adhigamakkhaṇe pana samādhipaññānaṃ viya sabbesampi indriyānaṃ saddhādīnaṃ samarasatāva icchitabbā. Tathā hi ‘‘ettha saddhindriya’’ntiādinā tattha tattha etthaggahaṇaṃ kataṃ. Evanti yaṃ ṭhānaṃ, taṃ indriyasamattādiṃ paccāmasati. Savisayasmiṃyevāti attano attano visaye eva. Lokiyalokuttarā dhammā kathitāti lokiyadhammā lokuttaradhammā ca tena tena pavattivisesena kathitā. Idaṃ vuttaṃ hoti – saddhāpañcamesu indriyesu saha pavattamānesu tattha tattha visaye saddhādīnaṃ kiccādhikatāya tassa tasseva daṭṭhabbatā vuttā, na sabbesaṃ. Evaṃ aññepi lokiyalokuttarā dhammā yathāsakaṃ visaye pavattivisesavasena bodhitāti.

    อิทานิ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ตตฺถ ตตฺถ อติเรกกิจฺจตํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺริทํ อุปมาสํสนฺทนํ ราชปญฺจมา สหายา วิย วิมุตฺติปริปาจกานิ ปญฺจินฺทฺริยานิฯ เนสํ กีฬนตฺถํ เอกชฺฌํ วีถิโอตรณํ วิย อินฺทฺริยานํ เอกชฺฌํ วิปสฺสนาวีถิโอตรณํฯ สหาเยสุ ปฐมาทีนํ ยถาสกเคเหว วิจารณา วิย สทฺธาทีนํ โสตาปตฺติองฺคาทีนิ ปตฺวา ปุพฺพงฺคมตาฯ สหาเยสุ อิตเรสํ ตตฺถ ตตฺถ ตุณฺหีภาโว วิย เสสินฺทฺริยานํ ตตฺถ ตตฺถ ตทนฺวยตาฯ ตสฺส ปุพฺพงฺคมภูตสฺส อินฺทฺริยสฺส กิจฺจานุคตตาฯ น หิ ตทา เตสํ สสมฺภารปถวีอาทีสุ อาปาทีนํ วิย กิจฺจํ ปากฎํ โหติ, สทฺธาทีนํเยว ปน กิจฺจํ วิภูตํ หุตฺวา ติฎฺฐติ ปุเรตรํ ตถาปจฺจเยหิ จิตฺตสนฺตานสฺส อภิสงฺขตตฺตาฯ เอตฺถ จ วิปสฺสนากมฺมิกสฺส ภาวนา วิเสสโต ปญฺญุตฺตราติ ทสฺสนตฺถํ ราชานํ นิทสฺสนํ กตฺวา ปญฺญินฺทฺริยํ วุตฺตํฯ อิตีติอาทิ ยถาธิคตสฺส อตฺถสฺส นิคมนํฯ

    Idāni saddhādīnaṃ indriyānaṃ tattha tattha atirekakiccataṃ upamāya vibhāvetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Tatridaṃ upamāsaṃsandanaṃ rājapañcamā sahāyā viya vimuttiparipācakāni pañcindriyāni. Nesaṃ kīḷanatthaṃ ekajjhaṃ vīthiotaraṇaṃ viya indriyānaṃ ekajjhaṃ vipassanāvīthiotaraṇaṃ. Sahāyesu paṭhamādīnaṃ yathāsakageheva vicāraṇā viya saddhādīnaṃ sotāpattiaṅgādīni patvā pubbaṅgamatā. Sahāyesu itaresaṃ tattha tattha tuṇhībhāvo viya sesindriyānaṃ tattha tattha tadanvayatā. Tassa pubbaṅgamabhūtassa indriyassa kiccānugatatā. Na hi tadā tesaṃ sasambhārapathavīādīsu āpādīnaṃ viya kiccaṃ pākaṭaṃ hoti, saddhādīnaṃyeva pana kiccaṃ vibhūtaṃ hutvā tiṭṭhati puretaraṃ tathāpaccayehi cittasantānassa abhisaṅkhatattā. Ettha ca vipassanākammikassa bhāvanā visesato paññuttarāti dassanatthaṃ rājānaṃ nidassanaṃ katvā paññindriyaṃ vuttaṃ. Itītiādi yathādhigatassa atthassa nigamanaṃ.

    มคฺควิญฺญาณมฺปีติ อริยมคฺคสหคตํ อปจยคามิวิญฺญาณมฺปิฯ ตเถว ตํ วิชานาตีติ สจฺจธมฺมํ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา นเยเนว วิชานาติ เอกจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตฺตา มคฺคานุกูลตฺตา จฯ ยํ วิชานาตีติ เอตฺถ วิชานนปชานนานิ วิปสฺสนาจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนานิ อธิเปฺปตานิ, น ‘‘ยํ ปชานาตี’’ติ เอตฺถ วิย มคฺคจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนาติ อาห ‘‘ยํ สงฺขารคต’’นฺติอาทิฯ ตเถวาติ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา นเยนฯ เอกจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตฺตา วิปสฺสนาภาวโต จ สมานปจฺจเยหิ สห ปวตฺติกตา เอกุปฺปาทตา, ตโต เอว เอกชฺฌํ สเหว นิรุชฺฌนํ เอกนิโรธตา, เอกํเยว วตฺถุํ นิสฺสาย ปวตฺติ เอกวตฺถุกตา, เอกํเยว อารมฺมณํ อารพฺภ ปวตฺติ เอการมฺมณตาฯ เหตุมฺหิ เจตํ กรณวจนํฯ เตน เอกุปฺปาทาทิตาย สํสฎฺฐภาวํ สาเธติฯ อนวเสสปริยาทานเญฺจตํ, อิโต ตีหิปิ สมฺปยุตฺตลกฺขณํ โหติเยวฯ

    Maggaviññāṇampīti ariyamaggasahagataṃ apacayagāmiviññāṇampi. Tatheva taṃ vijānātīti saccadhammaṃ ‘‘idaṃ dukkha’’ntiādinā nayeneva vijānāti ekacittuppādapariyāpannattā maggānukūlattā ca. Yaṃ vijānātīti ettha vijānanapajānanāni vipassanācittuppādapariyāpannāni adhippetāni, na ‘‘yaṃ pajānātī’’ti ettha viya maggacittuppādapariyāpannāti āha ‘‘yaṃ saṅkhāragata’’ntiādi. Tathevāti ‘‘anicca’’ntiādinā nayena. Ekacittuppādapariyāpannattā vipassanābhāvato ca samānapaccayehi saha pavattikatā ekuppādatā, tato eva ekajjhaṃ saheva nirujjhanaṃ ekanirodhatā, ekaṃyeva vatthuṃ nissāya pavatti ekavatthukatā, ekaṃyeva ārammaṇaṃ ārabbha pavatti ekārammaṇatā. Hetumhi cetaṃ karaṇavacanaṃ. Tena ekuppādāditāya saṃsaṭṭhabhāvaṃ sādheti. Anavasesapariyādānañcetaṃ, ito tīhipi sampayuttalakkhaṇaṃ hotiyeva.

    มคฺคปญฺญํ สนฺธาย วุตฺตํ, สา หิ เอกนฺตโต ภาเวตพฺพา, น ปริเญฺญยฺยา, ปญฺญาย ปน ภาเวตพฺพตาย ตํสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ ตคฺคติกาว โหนฺตีติ อาห ‘‘ตํสมฺปยุตฺตํ ปนา’’ติอาทิฯ กิญฺจาปิ วิปสฺสนาปญฺญาย ภาวนาวเสน ปวตฺตนโต ตํสมฺปยุตฺตวิญฺญาณมฺปิ ตเถว ปวตฺตติ, ตสฺส ปน ปริเญฺญยฺยภาวานติวตฺตนโต ปริเญฺญยฺยตา วุตฺตาฯ เตเนวาห – ‘‘ยมฺปิ ตํ ธมฺมฎฺฐิติญาณํ, ตมฺปิ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺม’’นฺติฯ

    Maggapaññaṃsandhāya vuttaṃ, sā hi ekantato bhāvetabbā, na pariññeyyā, paññāya pana bhāvetabbatāya taṃsampayuttadhammāpi taggatikāva hontīti āha ‘‘taṃsampayuttaṃ panā’’tiādi. Kiñcāpi vipassanāpaññāya bhāvanāvasena pavattanato taṃsampayuttaviññāṇampi tatheva pavattati, tassa pana pariññeyyabhāvānativattanato pariññeyyatā vuttā. Tenevāha – ‘‘yampi taṃ dhammaṭṭhitiñāṇaṃ, tampi khayadhammaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhamma’’nti.

    ๔๕๐. เอวํ สเนฺตปีติ เวทนาติ เอวํ สามญฺญคฺคหเณ สติปิฯ เตภูมิกสมฺมสนจารเวทนาวาติ ภูมิตฺตยปริยาปนฺนา, ตโต เอว สมฺมสนญาณสฺส โคจรภูตา เวทนา เอว อธิเปฺปตา สพฺรหฺมจารีนํ อุปการาวหภาเวน เทสนาย อารทฺธตฺตาฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘จตุโรฆนิตฺถรณตฺถิกาน’’นฺติอาทิ ฯ เอส นโย ปญฺญายปิฯ อิธ สุขาทิสทฺทา ตทารมฺมณวิสยาติ อิมมตฺถํ สุเตฺตน สาเธตุํ ‘‘รูปญฺจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอกนฺตทุกฺขนฺติ เอกเนฺตเนว อนิฎฺฐํ, ตโต เอว ทุกฺขมตาย ทุกฺขํฯ อารมฺมณกรณวเสน ทุกฺขเวทนาย อนุปติตํ, โอติณฺณญฺจาติ ทุกฺขานุปติตํ, ทุกฺขาวกฺกนฺตํฯ สุเขน อนวกฺกนฺตํ อภวิสฺสาติ โยชนาฯ นยิทนฺติ เอตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํฯ สารเชฺชยฺยุนฺติ สาราคํ อุปฺปาเทยฺยุํฯ สุขนฺติ สภาวโต จ อิฎฺฐํฯ สาราคา สํยุชฺชนฺตีติ พหลราคเหตุ ยถารหํ ทสหิปิ สํโยชเนหิ สํยุชฺชนฺติฯ สํโยคา สํกิลิสฺสนฺตีติ ตถา สํยุตฺตตาย ตณฺหาสํกิเลสาทิวเสน สํกิลิสฺสนฺติ, วิพาธียนฺติ อุปตาปียนฺติ จาติ อโตฺถฯ อารมฺมณนฺติ อิฎฺฐํ, อนิฎฺฐํ, มชฺฌตฺตญฺจ อารมฺมณํ ยถากฺกมํ สุขํ, ทุกฺขํ, อทุกฺขมสุขนฺติ กถิตํฯ เอวํ อวิเสเสน ปญฺจปิ ขเนฺธ สุขาทิอารมฺมณภาเวน ทเสฺสตฺวา อิทานิ เวทนา เอว สุขาทิอารมฺมณภาเวน ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปากติกปจุรชนวเสนายํ กถิตาติ กตฺวา ‘‘ปุริมํ สุขํ เวทนํ อารมฺมณํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ วิเสสลาภี ปน อนาคตมฺปิ สุขํ เวทนํ อารมฺมณํ กโรเตวฯ วุตฺตเมตํ สติปฎฺฐานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๘๐; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๗๙)ฯ เวทนาย หิ อารมฺมณํ เวทิยนฺติยา ตํสมงฺคีปุคฺคโล เวเทตีติ โวหารมตฺตํ โหติฯ

    450.Evaṃ santepīti vedanāti evaṃ sāmaññaggahaṇe satipi. Tebhūmikasammasanacāravedanāvāti bhūmittayapariyāpannā, tato eva sammasanañāṇassa gocarabhūtā vedanā eva adhippetā sabrahmacārīnaṃ upakārāvahabhāvena desanāya āraddhattā. Tathā hi vuttaṃ ‘‘caturoghanittharaṇatthikāna’’ntiādi . Esa nayo paññāyapi. Idha sukhādisaddā tadārammaṇavisayāti imamatthaṃ suttena sādhetuṃ ‘‘rūpañca hī’’tiādi vuttaṃ. Ekantadukkhanti ekanteneva aniṭṭhaṃ, tato eva dukkhamatāya dukkhaṃ. Ārammaṇakaraṇavasena dukkhavedanāya anupatitaṃ, otiṇṇañcāti dukkhānupatitaṃ, dukkhāvakkantaṃ. Sukhena anavakkantaṃ abhavissāti yojanā. Nayidanti ettha idanti nipātamattaṃ. Sārajjeyyunti sārāgaṃ uppādeyyuṃ. Sukhanti sabhāvato ca iṭṭhaṃ. Sārāgā saṃyujjantīti bahalarāgahetu yathārahaṃ dasahipi saṃyojanehi saṃyujjanti. Saṃyogā saṃkilissantīti tathā saṃyuttatāya taṇhāsaṃkilesādivasena saṃkilissanti, vibādhīyanti upatāpīyanti cāti attho. Ārammaṇanti iṭṭhaṃ, aniṭṭhaṃ, majjhattañca ārammaṇaṃ yathākkamaṃ sukhaṃ, dukkhaṃ, adukkhamasukhanti kathitaṃ. Evaṃ avisesena pañcapi khandhe sukhādiārammaṇabhāvena dassetvā idāni vedanā eva sukhādiārammaṇabhāvena dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Pākatikapacurajanavasenāyaṃ kathitāti katvā ‘‘purimaṃ sukhaṃ vedanaṃ ārammaṇaṃ katvā’’ti vuttaṃ. Visesalābhī pana anāgatampi sukhaṃ vedanaṃ ārammaṇaṃ karoteva. Vuttametaṃ satipaṭṭhānavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.380; ma. ni. aṭṭha. 1.79). Vedanāya hi ārammaṇaṃ vediyantiyā taṃsamaṅgīpuggalo vedetīti vohāramattaṃ hoti.

    สพฺพสญฺญายาติ สพฺพายปิ จตุภูมิกสญฺญายฯ สพฺพตฺถกสญฺญายาติ สพฺพสฺมิํ จิตฺตุปฺปาเท ปวตฺตนกสญฺญายฯ วเตฺถ วาติ วา-สเทฺทน วณฺณธาตุํ สงฺคณฺหาติ ฯ ปาเปโนฺตติ ภาวนํ อุปจารํ วา อปฺปนํ วา อุปเนโนฺตฯ อุปฺปชฺชนกสญฺญาปีติ ‘‘นีลํ รูปํ, รูปารมฺมณํ นีล’’นฺติ อุปฺปชฺชนกสญฺญาปิฯ

    Sabbasaññāyāti sabbāyapi catubhūmikasaññāya. Sabbatthakasaññāyāti sabbasmiṃ cittuppāde pavattanakasaññāya. Vatthe vāti -saddena vaṇṇadhātuṃ saṅgaṇhāti . Pāpentoti bhāvanaṃ upacāraṃ vā appanaṃ vā upanento. Uppajjanakasaññāpīti ‘‘nīlaṃ rūpaṃ, rūpārammaṇaṃ nīla’’nti uppajjanakasaññāpi.

    อสพฺพสงฺคาหิกตฺตาติ สเพฺพสํ เวทนาสญฺญาวิญฺญาณานํ อสงฺคหิตตฺตาฯ ตกฺกคตนฺติ สุตฺตกนฺตนกตกฺกมฺหิ, สุตฺตวตฺตนกตกฺกมฺหิ วา เวฐนวเสน ฐิตํฯ ปริวฎฺฎกาทิคตนฺติ สุตฺตเวฐนปริวฎฺฎกาทิคตํฯ วิสฺสฎฺฐตฺตาว น คหิตา, ยทเคฺคน ปญฺญา วิญฺญาเณน สทฺธิํ สมฺปโยคํ ลภาปิตา, ตทเคฺคน เวทนาสญฺญาหิปิ สมฺปโยคํ ลภาปิตา เอวาติฯ ตเทว สญฺชานาติ สํสฎฺฐภาวโตฯ

    Asabbasaṅgāhikattāti sabbesaṃ vedanāsaññāviññāṇānaṃ asaṅgahitattā. Takkagatanti suttakantanakatakkamhi, suttavattanakatakkamhi vā veṭhanavasena ṭhitaṃ. Parivaṭṭakādigatanti suttaveṭhanaparivaṭṭakādigataṃ. Vissaṭṭhattāva na gahitā, yadaggena paññā viññāṇena saddhiṃ sampayogaṃ labhāpitā, tadaggena vedanāsaññāhipi sampayogaṃ labhāpitā evāti. Tadeva sañjānāti saṃsaṭṭhabhāvato.

    สญฺชานาติ วิชานาตีติ เอตฺถ ‘‘ปชานาตี’’ติ ปทํ อาเนตฺวา วตฺตพฺพํ ปชานนวเสนปิ วิเสสสฺส วกฺขมานตฺตาฯ ชานาตีติ อยํ สโทฺท จ ลทฺทโตเยเวตฺถ อวิเสโส, อตฺถโต ปน วิเสสโต อิจฺฉิตโพฺพฯ อเนกตฺถตฺตา หิ ธาตูนํ เตน อาขฺยาตปเทน นามปเทน จ วุตฺตมตฺถํ อุปสคฺคปทํ โชตกภาเวน วิเสเสติ, น วาจกภาเวนฯ เตนาห ‘‘ตสฺสปิ ชานนเตฺถ วิเสโส เวทิตโพฺพ’’ติ ฯ เอเตน สญฺญาวิญฺญาณปญฺญาปทานิ อโนฺตคธชานนเตฺถ ยถาสกํ วิสิฎฺฐวิสเย จ นิฎฺฐานีติ ทเสฺสติฯ เตเนวาห ‘‘สญฺญา หี’’ติอาทิฯ สญฺชานนมตฺตเมวาติ เอตฺถ มตฺต-สเทฺทน วิเสสนิวตฺติอเตฺถน วิชานนปชานนากาเร นิวเตฺตติ, เอว-สเทฺทน กทาจิปิ อิมิสฺสา เต วิเสสา นเตฺถวาติ อวธาเรติฯ เตเนวาห ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺข’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ วิญฺญาณกิจฺจมฺปิ กาตุํ อสโกฺกนฺตี สญฺญา กุโต ปญฺญากิจฺจํ กเรยฺยาติ ‘‘ลกฺขณปฎิเวธํ ปาเปตุํ น สโกฺกติ’’เจฺจว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘มคฺคปาตุภาว’’นฺติฯ

    Sañjānāti vijānātīti ettha ‘‘pajānātī’’ti padaṃ ānetvā vattabbaṃ pajānanavasenapi visesassa vakkhamānattā. Jānātīti ayaṃ saddo ca laddatoyevettha aviseso, atthato pana visesato icchitabbo. Anekatthattā hi dhātūnaṃ tena ākhyātapadena nāmapadena ca vuttamatthaṃ upasaggapadaṃ jotakabhāvena viseseti, na vācakabhāvena. Tenāha ‘‘tassapi jānanatthe viseso veditabbo’’ti . Etena saññāviññāṇapaññāpadāni antogadhajānanatthe yathāsakaṃ visiṭṭhavisaye ca niṭṭhānīti dasseti. Tenevāha ‘‘saññā hī’’tiādi. Sañjānanamattamevāti ettha matta-saddena visesanivattiatthena vijānanapajānanākāre nivatteti, eva-saddena kadācipi imissā te visesā natthevāti avadhāreti. Tenevāha ‘‘aniccaṃ dukkha’’ntiādi. Tattha viññāṇakiccampi kātuṃ asakkontī saññā kuto paññākiccaṃ kareyyāti ‘‘lakkhaṇapaṭivedhaṃ pāpetuṃ na sakkoti’’cceva vuttaṃ, na vuttaṃ ‘‘maggapātubhāva’’nti.

    อารมฺมเณ ปวตฺตมานํ วิญฺญาณํ น สญฺญา วิย นีลปีตาทิมตฺตสญฺชานนวเสน ปวตฺตติ, อถ โข ตตฺถ อญฺญมฺปิ ตาทิสํ วิเสสํ ชานนฺตเมว ปวตฺตตีติ อาห ‘‘วิญฺญาณ’’นฺติอาทิฯ กถํ ปน วิญฺญาณํ ลกฺขณปฎิเวธํ ปาเปตีติ? ปญฺญาย ทสฺสิตมเคฺคนฯ ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาย หิ อเนกวารํ ลกฺขณานิ ปฎิวิชฺฌิตฺวา ปวตฺตมานาย ปคุณภาวโต ปริจยวเสน ญาณวิปฺปยุตฺตจิเตฺตนปิ วิปสฺสนา สมฺภวติ, ยถา ตํ ปคุณสฺส คนฺถสฺส อชฺฌยเน ตตฺถ ตตฺถ คตาปิ วารา น อุปธารียนฺติฯ ‘‘ลกฺขณปฎิเวธ’’นฺติ จ ลกฺขณานํ อารมฺมณกรณมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปฎิวิชฺฌนํฯ อุสฺสกฺกิตฺวาติ อุทยพฺพยญาณาทิญาณปฎิปาฎิยา อารภิตฺวาฯ มคฺคปาตุภาวํ ปาเปตุํ น สโกฺกติ อสโมฺพธสภาวตฺตาฯ อารมฺมณมฺปิ สญฺชานาติ อวพุชฺฌนวเสเนว, น สญฺชานนมเตฺตนฯ ตถา ลกฺขณปฎิเวธมฺปิ ปาเปติ, น วิชานนมเตฺตน, อตฺตโน ปน อญฺญาสาธารเณน อานุภาเวน อุสฺสกฺกิตฺวา มคฺคปาตุภาวมฺปิ ปาเปติฯ

    Ārammaṇe pavattamānaṃ viññāṇaṃ na saññā viya nīlapītādimattasañjānanavasena pavattati, atha kho tattha aññampi tādisaṃ visesaṃ jānantameva pavattatīti āha ‘‘viññāṇa’’ntiādi. Kathaṃ pana viññāṇaṃ lakkhaṇapaṭivedhaṃ pāpetīti? Paññāya dassitamaggena. Lakkhaṇārammaṇikavipassanāya hi anekavāraṃ lakkhaṇāni paṭivijjhitvā pavattamānāya paguṇabhāvato paricayavasena ñāṇavippayuttacittenapi vipassanā sambhavati, yathā taṃ paguṇassa ganthassa ajjhayane tattha tattha gatāpi vārā na upadhārīyanti. ‘‘Lakkhaṇapaṭivedha’’nti ca lakkhaṇānaṃ ārammaṇakaraṇamattaṃ sandhāya vuttaṃ, na paṭivijjhanaṃ. Ussakkitvāti udayabbayañāṇādiñāṇapaṭipāṭiyā ārabhitvā. Maggapātubhāvaṃ pāpetuṃ na sakkoti asambodhasabhāvattā. Ārammaṇampi sañjānāti avabujjhanavaseneva, na sañjānanamattena. Tathā lakkhaṇapaṭivedhampi pāpeti, na vijānanamattena, attano pana aññāsādhāraṇena ānubhāvena ussakkitvā maggapātubhāvampi pāpeti.

    อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อชาตพุทฺธีติ อสญฺชาตพฺยวหารพุทฺธิฯ อุปโภคปริโภคนฺติ อุปโภคปริโภคารหํ, อุปโภคปริโภควตฺถูนํ ปฎิลาภโยคฺคนฺติ อโตฺถฯ กูโฎติ กหาปณปติรูปโก ตมฺพกํสาทิมโยฯ เฉโกติ มหาสาโรฯ กรโตติ อฑฺฒสาโรฯ สโณฺหติ มุทุชาติโก สมสาโรฯ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถฯ เตน ปาทสารปโรปาทสารอฑฺฒสาราทีนํ สงฺคโหฯ ชานโนฺต จ ปน นํ รูปํ ทิสฺวาปิ…เป.… อสุกาจริเยน กโตติปิ ชานาติ ตถา เหรญฺญิกคนฺถสฺส สุคฺคหิตตฺตาฯ เอวเมวนฺติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํฯ สญฺญาวิภาคํ อกตฺวา ปิณฺฑวเสเนว อารมฺมณสฺส คหณโต ทารกสฺส กหาปณทสฺสนสทิสา วุตฺตาฯ ตถา หิ สา ยถาอุปฎฺฐิตวิสยปทฎฺฐานา วุจฺจติฯ วิญฺญาณํ อารมฺมเณ เอกจฺจวิเสสคฺคหณสมตฺถภาวโต คามิกปุริสกหาปณทสฺสนสทิสํ วุตฺตํฯ ปญฺญา ปน อารมฺมเณ อนวเสสาวโพธโต เหรญฺญิกกหาปณทสฺสนสทิสา วุตฺตาฯ เนสนฺติ สญฺญาวิญฺญาณปญฺญานํ ฯ วิเสโสติ สภาววิเสโสฯ ทุปฺปฎิวิโชฺฌ ปกติปญฺญายฯ อิมินาว เนสํ อจฺจนฺตสุขุมตํ ทเสฺสติฯ

    Idāni yathāvuttamatthaṃ upamāya vibhāvetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha ajātabuddhīti asañjātabyavahārabuddhi. Upabhogaparibhoganti upabhogaparibhogārahaṃ, upabhogaparibhogavatthūnaṃ paṭilābhayogganti attho. Kūṭoti kahāpaṇapatirūpako tambakaṃsādimayo. Chekoti mahāsāro. Karatoti aḍḍhasāro. Saṇhoti mudujātiko samasāro. Iti-saddo ādiattho. Tena pādasāraparopādasāraaḍḍhasārādīnaṃ saṅgaho. Jānanto ca pana naṃ rūpaṃ disvāpi…pe… asukācariyena katotipi jānāti tathā heraññikaganthassa suggahitattā. Evamevantiādi upamāsaṃsandanaṃ. Saññāvibhāgaṃ akatvā piṇḍavaseneva ārammaṇassa gahaṇato dārakassa kahāpaṇadassanasadisā vuttā. Tathā hi sā yathāupaṭṭhitavisayapadaṭṭhānā vuccati. Viññāṇaṃ ārammaṇe ekaccavisesaggahaṇasamatthabhāvato gāmikapurisakahāpaṇadassanasadisaṃ vuttaṃ. Paññā pana ārammaṇe anavasesāvabodhato heraññikakahāpaṇadassanasadisā vuttā. Nesanti saññāviññāṇapaññānaṃ . Visesoti sabhāvaviseso. Duppaṭivijjho pakatipaññāya. Imināva nesaṃ accantasukhumataṃ dasseti.

    เอการมฺมเณ ปวตฺตมานานนฺติ เอกสฺมิํเยว อารมฺมเณ ปวตฺตมานานํฯ เตน อภินฺนวิสยาภินฺนกาลตาทสฺสเนน อวินิโพฺภควุตฺติตํ วิภาเวโนฺต ทุปฺปฎิวิชฺฌตํเยว อุลฺลิเงฺคติฯ ววตฺถานนฺติ อสงฺกรโต ฐปนํฯ อยํ ผโสฺส…เป.… อิทํ จิตฺตนฺติ นิทสฺสนมตฺตเมตํฯ อิติ-สโทฺท วา อาทิอโตฺถฯ เตน เสสธมฺมานมฺปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อิทนฺติ อรูปีนํ ธมฺมานํ ววตฺถานกรณํฯ ตโตติ ยํ วุตฺตํ ติลเตลาทิอุทฺธรณํ, ตโตฯ ยทิ ทุกฺกรตรํ, กถํ ตนฺติ อาห ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิฯ

    Ekārammaṇe pavattamānānanti ekasmiṃyeva ārammaṇe pavattamānānaṃ. Tena abhinnavisayābhinnakālatādassanena avinibbhogavuttitaṃ vibhāvento duppaṭivijjhataṃyeva ulliṅgeti. Vavatthānanti asaṅkarato ṭhapanaṃ. Ayaṃ phasso…pe… idaṃ cittanti nidassanamattametaṃ. Iti-saddo vā ādiattho. Tena sesadhammānampi saṅgaho daṭṭhabbo. Idanti arūpīnaṃ dhammānaṃ vavatthānakaraṇaṃ. Tatoti yaṃ vuttaṃ tilatelādiuddharaṇaṃ, tato. Yadi dukkarataraṃ, kathaṃ tanti āha ‘‘bhagavā panā’’tiādi.

    ๔๕๑. นิสฺสเฎนาติ นิกฺขเนฺตน อตํสมฺพเนฺธนฯ ปริจฺจเตฺตนาติ ปริจฺจตฺตสทิเสน ปจฺจยภาวานุปคมเนน ปจฺจยุปฺปนฺนสมฺพนฺธาภาวโตฯ นิสฺสกฺกวจนํ อปาทานทีปนโตฯ กรณวจนํ กตฺตุอตฺถทีปนโตฯ กามาวจรมโนวิญฺญาณํ น นิยมโต ‘‘อิทํ นาม ปญฺจทฺวาริกาสมฺพนฺธา’’ติ สกฺกา วตฺตุํ, รูปาวจรวิญฺญาณํ ปน น ตถาติ, ตเสฺสว ปญฺจหิ อินฺทฺริเยหิ นิสฺสฎตา วุตฺตาติ อาห ‘‘รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานจิเตฺตนา’’ติฯ จตุตฺถชฺฌานคฺคหณํ ตเสฺสว อรูปาวจรสฺส ปทฎฺฐานภาวโตฯ ปริสุเทฺธนาติ วิเสสโต อสํกิเลสิกตฺตาวฯ ตญฺหิ วิคตูปกฺกิเลสตาย วิเสสโต ปริสุทฺธํฯ เตนาห ‘‘นิรุปกฺกิเลเสนา’’ติฯ ชานิตพฺพํ เนยฺยํ, สปรสนฺตาเนสุ อิทํ อติสยํ ชานิตพฺพโต พุชฺฌิตพฺพํ โพเธตพฺพํ วาติ อโตฺถฯ เนยฺยนฺติ วา อตฺตโน สนฺตาเน เนตพฺพํ ปวเตฺตตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘นิพฺพเตฺตตุํ สกฺกา โหติฯ เอตฺถ ฐิตสฺส หิ สา อิชฺฌตี’’ติฯ ปาฎิเยกฺกนฺติ วิสุํ วิสุํ, อนุปทธมฺมวเสนาติ อโตฺถฯ อภินิเวสาภาวโตติ วิปสฺสนาภินิเวสสฺส อสมฺภวโตฯ กลาปโต นยโตติ กลาปสมฺมสนสงฺขาตโต นยวิปสฺสนโตฯ ภิกฺขุโนติ สาวกสฺสฯ สาวกเสฺสว หิ ตตฺร อนุปทธมฺมวิปสฺสนา น สมฺภวติ, น สตฺถุฯ เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ วิสฺสเชฺชสีติ ตปฺปฎิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหติฯ

    451.Nissaṭenāti nikkhantena ataṃsambandhena. Pariccattenāti pariccattasadisena paccayabhāvānupagamanena paccayuppannasambandhābhāvato. Nissakkavacanaṃ apādānadīpanato. Karaṇavacanaṃ kattuatthadīpanato. Kāmāvacaramanoviññāṇaṃ na niyamato ‘‘idaṃ nāma pañcadvārikāsambandhā’’ti sakkā vattuṃ, rūpāvacaraviññāṇaṃ pana na tathāti, tasseva pañcahi indriyehi nissaṭatā vuttāti āha ‘‘rūpāvacaracatutthajjhānacittenā’’ti. Catutthajjhānaggahaṇaṃ tasseva arūpāvacarassa padaṭṭhānabhāvato. Parisuddhenāti visesato asaṃkilesikattāva. Tañhi vigatūpakkilesatāya visesato parisuddhaṃ. Tenāha ‘‘nirupakkilesenā’’ti. Jānitabbaṃ neyyaṃ, saparasantānesu idaṃ atisayaṃ jānitabbato bujjhitabbaṃ bodhetabbaṃ vāti attho. Neyyanti vā attano santāne netabbaṃ pavattetabbanti attho. Tenāha ‘‘nibbattetuṃ sakkā hoti. Ettha ṭhitassa hi sā ijjhatī’’ti. Pāṭiyekkanti visuṃ visuṃ, anupadadhammavasenāti attho. Abhinivesābhāvatoti vipassanābhinivesassa asambhavato. Kalāpato nayatoti kalāpasammasanasaṅkhātato nayavipassanato. Bhikkhunoti sāvakassa. Sāvakasseva hi tatra anupadadhammavipassanā na sambhavati, na satthu. Tenāha ‘‘tasmā’’tiādi. Vissajjesīti tappaṭibaddhachandarāgappahānena pajahati.

    หตฺถคตตฺตาติ หตฺถคตสทิสตฺตา, อาสนฺนตฺตาติ อโตฺถฯ ยทา หิ โลกนาโถ โพธิมูเล อปราชิตปลฺลเงฺก นิสิโนฺน – ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปโนฺน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔, ๑๐) ปฎิจฺจสมุปฺปาทมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสํ กตฺวา อธิคนฺตพฺพสพฺพญฺญุตญฺญาณานุรูปํ ฉตฺติํสโกฎิสหสฺสมุเขน มหาวชิรญาณํ นาม มหาโพธิสตฺตสมฺมสนํ ปวเตฺตโนฺต อเนกาการสมาปตฺติธมฺมสมฺมสเน อนุปทเมว เนวสญฺญานาสญฺญายตนธเมฺมปิ อปราปรํ สมฺมสิฯ เตนาห ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิฯ ปโรปญฺญาสาติ เทฺวปญฺญาสํฯ กามเญฺจตฺถ เกจิ ธมฺมา เวทนาทโย ผสฺสปญฺจมกาทีสุ วุตฺตาปิ ฌานโกฎฺฐาสาทีสุปิ สงฺคหิตา, ตํตํปจฺจยภาววิสิเฎฺฐน ปน อตฺถวิเสเสน ธมฺมนฺตรานิ วิย โหนฺตีติ เอวํ วุตฺตํฯ ตถา หิ โลกุตฺตรจิตฺตุปฺปาเทสุ นวินฺทฺริยตา วุจฺจติฯ องฺคุทฺธาเรนาติ ตตฺถ ลพฺภมานฌานงฺคโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคานํ อุทฺธรเณนฯ องฺค-สโทฺท วา โกฎฺฐาสปริยาโย, ตสฺมา องฺคุทฺธาเรนาติ ผสฺสปญฺจมกาทิโกฎฺฐาสานํ สมุทฺธรเณนฯ ยาวตา สญฺญาสมาปตฺติโยติ ยตฺตกา สญฺญาสหคตา ฌานสมาปตฺติโย, ตาหิ วุฎฺฐาย อธิคนฺธพฺพตฺตา ตาวติกา เวเนยฺยานํ อญฺญาปฎิเวโธ อรหตฺตสมธิคโมฯ

    Hatthagatattāti hatthagatasadisattā, āsannattāti attho. Yadā hi lokanātho bodhimūle aparājitapallaṅke nisinno – ‘‘kicchaṃ vatāyaṃ loko āpanno’’tiādinā (dī. ni. 2.57; saṃ. ni. 2.4, 10) paṭiccasamuppādamukhena vipassanābhinivesaṃ katvā adhigantabbasabbaññutaññāṇānurūpaṃ chattiṃsakoṭisahassamukhena mahāvajirañāṇaṃ nāma mahābodhisattasammasanaṃ pavattento anekākārasamāpattidhammasammasane anupadameva nevasaññānāsaññāyatanadhammepi aparāparaṃ sammasi. Tenāha ‘‘bhagavā panā’’tiādi. Paropaññāsāti dvepaññāsaṃ. Kāmañcettha keci dhammā vedanādayo phassapañcamakādīsu vuttāpi jhānakoṭṭhāsādīsupi saṅgahitā, taṃtaṃpaccayabhāvavisiṭṭhena pana atthavisesena dhammantarāni viya hontīti evaṃ vuttaṃ. Tathā hi lokuttaracittuppādesu navindriyatā vuccati. Aṅguddhārenāti tattha labbhamānajhānaṅgabojjhaṅgamaggaṅgānaṃ uddharaṇena. Aṅga-saddo vā koṭṭhāsapariyāyo, tasmā aṅguddhārenāti phassapañcamakādikoṭṭhāsānaṃ samuddharaṇena. Yāvatā saññāsamāpattiyoti yattakā saññāsahagatā jhānasamāpattiyo, tāhi vuṭṭhāya adhigandhabbattā tāvatikā veneyyānaṃ aññāpaṭivedho arahattasamadhigamo.

    ทสฺสนปริณายกเฎฺฐนาติ อนฺธสฺส ยฎฺฐิโกฎิํ คเหตฺวา มคฺคเทสโก วิย ธมฺมานํ ยถาสภาวทสฺสนสงฺขาเตน ปริณายกภาเวนฯ ยถา วา โส ตสฺส จกฺขุภูโต, เอวํ สตฺตานํ ปญฺญาฯ เตนาห ‘‘จกฺขุภูตาย ปญฺญายา’’ติฯ สมาธิสมฺปยุตฺตา ปญฺญา สมาธิปญฺญาฯ สมาธิ เจตฺถ อารุปฺปสมาธีติ วทนฺติ, สมฺมสนปโยโค ปน โกจิ ฌานสมาธีติ ยุตฺตํฯ วิปสฺสนาภูตา ปญฺญา วิปสฺสนาปญฺญาฯ สมาธิปญฺญาย อโนฺตสมาปตฺติยํ กิจฺจโต ปชานาติ, ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ ปน วจนโต (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙-๑๐๐; ๓.๕.๑๐๗๑-๑๐๗๒; เนตฺติ. ๔๐; มิ. ป. ๒.๑.๑๔) อสโมฺมหโต ปชานาติฯ ตตฺถ กิจฺจโตติ โคจรชฺฌเตฺต อารมฺมณกรณกิจฺจโตฯ อสโมฺมหโตติ สมฺปยุตฺตธเมฺมสุ สโมฺมหวิธมนโต ยถา ปีติปฎิสํเวทนาทีสุฯ กิมตฺถิยาติ กิํปโยชนาติ อาห ‘‘โก เอติสฺสา อโตฺถ’’ติฯ อภิเญฺญเยฺย ธเมฺมติ ยาถาวสรสลกฺขณาวโพธวเสน อภิมุขํ เญเยฺย ชานิตเพฺพ ขนฺธายตนาทิธเมฺมฯ อภิชานาตีติ สลกฺขณโต สามญฺญลกฺขณโต จ อภิมุขํ อวิรชฺฌนวเสน ชานาติฯ เอเตน ญาตปริญฺญาพฺยาปารมาหฯ ปริเญฺญเยฺยติ อนิจฺจาติปิ ทุกฺขาติปิ อนตฺตาติปิ ปริจฺฉิชฺช ชานิตเพฺพฯ ปริชานาตีติ ‘‘ยํ กิญฺจิ รูปํ…เป.… อนิจฺจํ ขยเฎฺฐนา’’ติอาทินา (ปฎิ. ม. ๑.๔๘) ปริจฺฉินฺทิตฺวา ชานาติฯ อิมินา ตีรณปริญฺญาพฺยาปารมาหฯ ปหาตเพฺพ ธเมฺมติ นิจฺจสญฺญาทิเก ยาว อรหตฺตมคฺควชฺฌา สเพฺพ ปาปธเมฺมฯ ปชหติ ปกฎฺฐโต ชหติ, วิกฺขเมฺภติ เจว สมุจฺฉินฺทติ จาติ อโตฺถฯ อิมินา ปหานปริญฺญาพฺยาปารมาหฯ สา ปเนสา ปญฺญา โลกิยาปิ ติปฺปการา โลกุตฺตราปิ, ตาสํ วิเสสํ สยเมวาหฯ กิจฺจโตติ อภิชานนวเสน อารมฺมณกิจฺจโตฯ อสโมฺมหโตติ ยถาพลํ อภิเญฺญยฺยาทีสุ สโมฺมหวิธมนโตฯ นิพฺพานมารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตนโต อภิเญฺญยฺยาทีสุ วิคตสโมฺมหโต เอวาติ อาห ‘‘โลกุตฺตรา อสโมฺมหโต’’ติฯ

    Dassanapariṇāyakaṭṭhenāti andhassa yaṭṭhikoṭiṃ gahetvā maggadesako viya dhammānaṃ yathāsabhāvadassanasaṅkhātena pariṇāyakabhāvena. Yathā vā so tassa cakkhubhūto, evaṃ sattānaṃ paññā. Tenāha ‘‘cakkhubhūtāya paññāyā’’ti. Samādhisampayuttā paññā samādhipaññā. Samādhi cettha āruppasamādhīti vadanti, sammasanapayogo pana koci jhānasamādhīti yuttaṃ. Vipassanābhūtā paññā vipassanāpaññā. Samādhipaññāya antosamāpattiyaṃ kiccato pajānāti, ‘‘samāhito yathābhūtaṃ pajānātī’’ti pana vacanato (saṃ. ni. 3.5; 4.99-100; 3.5.1071-1072; netti. 40; mi. pa. 2.1.14) asammohato pajānāti. Tattha kiccatoti gocarajjhatte ārammaṇakaraṇakiccato. Asammohatoti sampayuttadhammesu sammohavidhamanato yathā pītipaṭisaṃvedanādīsu. Kimatthiyāti kiṃpayojanāti āha ‘‘ko etissā attho’’ti. Abhiññeyye dhammeti yāthāvasarasalakkhaṇāvabodhavasena abhimukhaṃ ñeyye jānitabbe khandhāyatanādidhamme. Abhijānātīti salakkhaṇato sāmaññalakkhaṇato ca abhimukhaṃ avirajjhanavasena jānāti. Etena ñātapariññābyāpāramāha. Pariññeyyeti aniccātipi dukkhātipi anattātipi paricchijja jānitabbe. Parijānātīti ‘‘yaṃ kiñci rūpaṃ…pe… aniccaṃ khayaṭṭhenā’’tiādinā (paṭi. ma. 1.48) paricchinditvā jānāti. Iminā tīraṇapariññābyāpāramāha. Pahātabbe dhammeti niccasaññādike yāva arahattamaggavajjhā sabbe pāpadhamme. Pajahati pakaṭṭhato jahati, vikkhambheti ceva samucchindati cāti attho. Iminā pahānapariññābyāpāramāha. Sā panesā paññā lokiyāpi tippakārā lokuttarāpi, tāsaṃ visesaṃ sayamevāha. Kiccatoti abhijānanavasena ārammaṇakiccato. Asammohatoti yathābalaṃ abhiññeyyādīsu sammohavidhamanato. Nibbānamārammaṇaṃ katvā pavattanato abhiññeyyādīsu vigatasammohato evāti āha ‘‘lokuttarā asammohato’’ti.

    ๔๕๒. กมฺมสฺสกตา สมฺมาทิฎฺฐิ จ วฎฺฎนิสฺสิตตฺตา อิธ นาธิเปฺปตา, วิวฎฺฎกถา เหสาติ วุตฺตํ ‘‘วิปสฺสนาสมฺมาทิฎฺฐิยา จ มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิยา จา’’ติฯ ปรโต โฆโสติ ปรโต สตฺถุโต, สาวกโต วา ลพฺภมาโน ธมฺมโฆโสฯ เตนาห ‘‘สปฺปายธมฺมสฺสวน’’นฺติฯ ตญฺหิ สมฺมาทิฎฺฐิยา ปจฺจโย ภวิตุํ สโกฺกติ, น โย โกจิ ปรโตโฆโสฯ อุปายมนสิกาโรติ เยน นามรูปปริคฺคหาทิ สิชฺฌติ, ตาทิโส ปถมนสิกาโรฯ อยญฺจ สมฺมาทิฎฺฐิยา ปจฺจโยติ นิยมปกฺขิโก, น สพฺพสํคาหโกติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปเจฺจกพุทฺธานํ ปนา’’ติอาทิมาหฯ โยนิโสมนสิการสฺมิํเยวาติ อวธารเณน ปรโตโฆสเมว นิวเตฺตติ, น ปทฎฺฐานวิเสสํ ปฎิโยคีนิวตฺตนตฺถตฺตา เอว-สทฺทสฺสฯ

    452. Kammassakatā sammādiṭṭhi ca vaṭṭanissitattā idha nādhippetā, vivaṭṭakathā hesāti vuttaṃ ‘‘vipassanāsammādiṭṭhiyā ca maggasammādiṭṭhiyā cā’’ti. Parato ghosoti parato satthuto, sāvakato vā labbhamāno dhammaghoso. Tenāha ‘‘sappāyadhammassavana’’nti. Tañhi sammādiṭṭhiyā paccayo bhavituṃ sakkoti, na yo koci paratoghoso. Upāyamanasikāroti yena nāmarūpapariggahādi sijjhati, tādiso pathamanasikāro. Ayañca sammādiṭṭhiyā paccayoti niyamapakkhiko, na sabbasaṃgāhakoti dassento ‘‘paccekabuddhānaṃ panā’’tiādimāha. Yonisomanasikārasmiṃyevāti avadhāraṇena paratoghosameva nivatteti, na padaṭṭhānavisesaṃ paṭiyogīnivattanatthattā eva-saddassa.

    ลทฺธุปการาติ (อ. นิ. ฎี. ๓.๕.๒๕) ยถารหํ นิสฺสยาทิวเสน ลทฺธปจฺจยาฯ วิปสฺสนาสมฺมาทิฎฺฐิยา อนุคฺคหิตภาเวน คหิตตฺตา มคฺคสมฺมาทิฎฺฐีสุ จ อรหตฺตมคฺคสมฺมาทิฎฺฐิ, อนนฺตรสฺส หิ วิธิ, ปฎิเสโธ วาฯ อคฺคผลสมาธิมฺหิ ตปฺปริกฺขารธเมฺมสุเยว จ เกวโล เจโตปริยาโย นิรุโฬฺหติ สมฺมาทิฎฺฐีติ อรหตฺตมคฺคสมฺมาทิฎฺฐิฯ ผลกฺขเณติ อนนฺตเร กาลนฺตเร จาติ ทุวิเธ ผลกฺขเณฯ ปฎิปฺปสฺสทฺธิวเสน สพฺพสํกิเลเสหิ เจโต วิมุจฺจติ เอตายาติ เจโตวิมุตฺติ, อคฺคผลปญฺญํ ฐเปตฺวา อวเสสา ผลธมฺมาฯ เตนาห ‘‘เจโตวิมุตฺติ ผลํ อสฺสาติฯ เจโตวิมุตฺติสงฺขาตํ ผลํ อานิสํโส’’ติ, สพฺพสํกิเลเสหิ เจตโส วิมุจฺจนสงฺขาตํ ปฎิปฺปสฺสมฺภนสญฺญิตํ ปหานํ ผลํ อานิสํโส จาติ โยชนาฯ อิธ จ เจโตวิมุตฺติ-สเทฺทน ปหานมตฺตํ คหิตํ, ปุเพฺพ ปหายกธมฺมา, อญฺญถา ผลธมฺมา เอว อานิสํโสติ คยฺหมาเน ปุนวจนํ นิรตฺถกํ สิยาฯ

    Laddhupakārāti (a. ni. ṭī. 3.5.25) yathārahaṃ nissayādivasena laddhapaccayā. Vipassanāsammādiṭṭhiyā anuggahitabhāvena gahitattā maggasammādiṭṭhīsu ca arahattamaggasammādiṭṭhi, anantarassa hi vidhi, paṭisedho vā. Aggaphalasamādhimhi tapparikkhāradhammesuyeva ca kevalo cetopariyāyo niruḷhoti sammādiṭṭhīti arahattamaggasammādiṭṭhi. Phalakkhaṇeti anantare kālantare cāti duvidhe phalakkhaṇe. Paṭippassaddhivasena sabbasaṃkilesehi ceto vimuccati etāyāti cetovimutti, aggaphalapaññaṃ ṭhapetvā avasesā phaladhammā. Tenāha ‘‘cetovimutti phalaṃ assāti. Cetovimuttisaṅkhātaṃ phalaṃ ānisaṃso’’ti, sabbasaṃkilesehi cetaso vimuccanasaṅkhātaṃ paṭippassambhanasaññitaṃ pahānaṃ phalaṃ ānisaṃso cāti yojanā. Idha ca cetovimutti-saddena pahānamattaṃ gahitaṃ, pubbe pahāyakadhammā, aññathā phaladhammā eva ānisaṃsoti gayhamāne punavacanaṃ niratthakaṃ siyā.

    ปญฺญาวิมุตฺติผลานิสํสาติ เอตฺถาปิ เอวเมว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวา สีลสภาวตฺตา วิเสสโต สมาธิสฺส อุปการา, ตถา สมฺมาสงฺกโปฺป ฌานสภาวตฺตาฯ ตถา หิ โส ‘‘อปฺปนา’’ติ นิทฺทิโฎฺฐฯ สมฺมาสติสมฺมาวายามา ปน สมาธิปกฺขิยา เอวาติ อาห ‘‘อวเสสา ธมฺมา เจโตวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา’’ติฯ จตุปาริสุทฺธิสีลนฺติ อริยมคฺคาธิคมสฺส ปทฎฺฐานภูตํ จตุปาริสุทฺธิสีลํฯ สุตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อตฺตโน จิตฺตปฺปวตฺติอาโรจนวเสน สห กถนํ สํกถา, สํกถาว สากจฺฉาฯ อิธ ปน กมฺมฎฺฐานปฎิพทฺธาติ อาห ‘‘กมฺมฎฺฐาเน…เป.… กถา’’ติฯ ตตฺถ กมฺมฎฺฐานสฺส เอกวารํ วีถิยา อปฺปฎิปชฺชนํ ขลนํ, อเนกวารํ ปกฺขลนํ, ตทุภยสฺส วิเจฺฉทนีกถา ขลนปกฺขลนเฉทนกถาฯ ปูเรนฺตสฺสาติ วิวฎฺฎนิสฺสิตํ กตฺวา ปาเลนฺตสฺส พฺรูเหนฺตสฺส จฯ สุณนฺตสฺสาติ ‘‘ยถาอุคฺคหิตกมฺมฎฺฐานํ ผาติํ คมิสฺสตี’’ติ เอวํ สุณนฺตสฺสฯ เตเนว หิ ‘‘สปฺปายธมฺมสฺสวน’’นฺติ วุตฺตํฯ กมฺมํ กโรนฺตสฺสาติ ภาวนานุโยคกมฺมํ กโรนฺตสฺสฯ

    Paññāvimuttiphalānisaṃsāti etthāpi evameva attho veditabbo. Sammāvācākammantājīvā sīlasabhāvattā visesato samādhissa upakārā, tathā sammāsaṅkappo jhānasabhāvattā. Tathā hi so ‘‘appanā’’ti niddiṭṭho. Sammāsatisammāvāyāmā pana samādhipakkhiyā evāti āha ‘‘avasesā dhammā cetovimuttīti veditabbā’’ti. Catupārisuddhisīlanti ariyamaggādhigamassa padaṭṭhānabhūtaṃ catupārisuddhisīlaṃ. Sutādīsupi eseva nayo. Attano cittappavattiārocanavasena saha kathanaṃ saṃkathā, saṃkathāva sākacchā. Idha pana kammaṭṭhānapaṭibaddhāti āha ‘‘kammaṭṭhāne…pe… kathā’’ti. Tattha kammaṭṭhānassa ekavāraṃ vīthiyā appaṭipajjanaṃ khalanaṃ, anekavāraṃ pakkhalanaṃ, tadubhayassa vicchedanīkathā khalanapakkhalanachedanakathā. Pūrentassāti vivaṭṭanissitaṃ katvā pālentassa brūhentassa ca. Suṇantassāti ‘‘yathāuggahitakammaṭṭhānaṃ phātiṃ gamissatī’’ti evaṃ suṇantassa. Teneva hi ‘‘sappāyadhammassavana’’nti vuttaṃ. Kammaṃ karontassāti bhāvanānuyogakammaṃ karontassa.

    ปญฺจสุปิ ฐาเนสุ อนฺต-สโทฺท เหตุอตฺถโชตโน ทฎฺฐโพฺพฯ เอวญฺหิ ‘‘ยถา หี’’ติอาทินา วุจฺจมานา อมฺพุปมา จ ยุเชฺชยฺยฯ อุทกโกฎฺฐกนฺติ อาลวาลํฯ ถิรํ กตฺวา พนฺธตีติ อสิถิลํ ทฬฺหํ นาติมหนฺตํ นาติขุทฺทกํ กตฺวา โยเชติฯ ถิรํ กโรตีติ อุทกสิญฺจนกาเล ตโต ตโต วิสฺสริตฺวา อุทกสฺส อนิกฺขมนตฺถํ อาลวาลํ ถิรตรํ กโรติฯ สุกฺขทณฺฑโกติ ตเสฺสว อมฺพคจฺฉกสฺส สุโกฺข สาขาสีสโกฯ กิปิลฺลิกปุโฎติ ตมฺพกิปิลฺลิกกุฎชํฯ ขณิตฺตินฺติ กุทาลํฯ โกฎฺฐกพนฺธนํ วิย สีลํ สมฺมาทิฎฺฐิยา วฑฺฒนุปายสฺส มูลภาวโตฯ อุทกสิญฺจนํ วิย ธมฺมสฺสวนํ ภาวนาย ปริพฺรูหนโตฯ มริยาทาย ถิรภาวกรณํ วิย สมโถ ยถาวุตฺตภาวนาธิฎฺฐานาย สีลมริยาทาย ทฬฺหภาวาปาทนโตฯ สมาหิตสฺส หิ สีลํ ถิรตรํ โหติฯ สมีเป วลฺลิอาทีนํ หรณํ วิย กมฺมฎฺฐาเน ขลนปกฺขลนเจฺฉทนํ อิชฺฌิตพฺพภาวนาย วิพนฺธาปนยนโตฯ มูลขณนํ วิย สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ ภาวนา ตสฺสา วิพนฺธสฺส มูลกานํ ตณฺหามานทิฎฺฐีนํ ปลิขณนโตฯ เอตฺถ จ ยสฺมา สุปริสุทฺธสีลสฺส กมฺมฎฺฐานํ อนุยุญฺชนฺตสฺส สปฺปายธมฺมสฺสวนํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตโต ยถาสุเต อเตฺถ สากจฺฉาสมาปชฺชนํ, ตโต กมฺมฎฺฐานวิโสธเนน สมถนิปฺผตฺติ, ตโต สมาหิตสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส วิปสฺสนาปาริปูริฯ ปริปุณฺณวิปสฺสโน มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิํ ปริพฺรูเหตีติ เอวเมเตสํ องฺคานํ ปรมฺปราย สมฺมุขา จ อนุคฺคณฺหนโต อยมานุปุพฺพี กถิตาติ เวทิตพฺพํฯ

    Pañcasupi ṭhānesu anta-saddo hetuatthajotano daṭṭhabbo. Evañhi ‘‘yathā hī’’tiādinā vuccamānā ambupamā ca yujjeyya. Udakakoṭṭhakanti ālavālaṃ. Thiraṃ katvā bandhatīti asithilaṃ daḷhaṃ nātimahantaṃ nātikhuddakaṃ katvā yojeti. Thiraṃ karotīti udakasiñcanakāle tato tato vissaritvā udakassa anikkhamanatthaṃ ālavālaṃ thirataraṃ karoti. Sukkhadaṇḍakoti tasseva ambagacchakassa sukkho sākhāsīsako. Kipillikapuṭoti tambakipillikakuṭajaṃ. Khaṇittinti kudālaṃ. Koṭṭhakabandhanaṃ viya sīlaṃ sammādiṭṭhiyā vaḍḍhanupāyassa mūlabhāvato. Udakasiñcanaṃ viya dhammassavanaṃ bhāvanāya paribrūhanato. Mariyādāya thirabhāvakaraṇaṃ viya samatho yathāvuttabhāvanādhiṭṭhānāya sīlamariyādāya daḷhabhāvāpādanato. Samāhitassa hi sīlaṃ thirataraṃ hoti. Samīpe valliādīnaṃ haraṇaṃ viya kammaṭṭhāne khalanapakkhalanacchedanaṃ ijjhitabbabhāvanāya vibandhāpanayanato. Mūlakhaṇanaṃ viya sattannaṃ anupassanānaṃ bhāvanā tassā vibandhassa mūlakānaṃ taṇhāmānadiṭṭhīnaṃ palikhaṇanato. Ettha ca yasmā suparisuddhasīlassa kammaṭṭhānaṃ anuyuñjantassa sappāyadhammassavanaṃ icchitabbaṃ, tato yathāsute atthe sākacchāsamāpajjanaṃ, tato kammaṭṭhānavisodhanena samathanipphatti, tato samāhitassa āraddhavipassakassa vipassanāpāripūri. Paripuṇṇavipassano maggasammādiṭṭhiṃ paribrūhetīti evametesaṃ aṅgānaṃ paramparāya sammukhā ca anuggaṇhanato ayamānupubbī kathitāti veditabbaṃ.

    ๔๕๓. อิธ กิํ ปุจฺฉตีติ อิธ เอวํ อรหตฺตผลํ ปาปิตาย เทสนาย ‘‘กติ ปนาวุโส, ภวา’’ติ ภวํ ปุจฺฉโนฺต กีทิสํ อนุสนฺธิํ อุปาทาย ปุจฺฉตีติ อโตฺถฯ เตเนว หิ ‘‘มูลเมว คโต อนุสนฺธี’’ติ วตฺวา อธิปฺปายํ ปกาเสโนฺต ‘‘ทุปฺปโญฺญ’’ติอาทิมาหฯ ทุปฺปโญฺญติ หิ อิธ อปฺปฎิวิทฺธสโจฺจ อธิเปฺปโต, น ชโฬ เอวฯ กามภโวติอาทีสุ กโมฺมปปตฺติเภทโต ทุวิโธปิ ภโว อธิเปฺปโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘กามภวูปคํ กมฺม’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมเคฺค ตํสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๔๗; วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๒.๖๔๖-๖๔๗) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ ปุนพฺภวสฺสาติ ปุนปฺปุนํ อปราปรํ ภวนโต ชายนโต ปุนพฺภโวติ ลทฺธนามสฺส วฎฺฎปพนฺธสฺสฯ เตนาห ‘‘อิธ วฎฺฎํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติฯ อภินิพฺพตฺตีติ ภวโยนิคติอาทิวเสน นิพฺพตฺติฯ ตหิํ ตหิํ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ภวาทิเกฯ อภินนฺทนาติ ตณฺหาอภินนฺทนเหตุฯ คมนาคมนํ โหตีติอาทินา ภวาทีสุ สตฺตานํ อปราปรํ จุติปฎิสนฺธิโย ทเสฺสติฯ ขยนิโรเธนาติ อจฺจนฺตขยสงฺขาเตน อนุปฺปาทนิโรเธนฯ อุภยเมตํ น วตฺตพฺพํ ปหานาภิสมยภาวนาภิสมยานํ อจฺจาสนฺนกาลตฺตาฯ วตฺตพฺพํ ตํ เหตุผลธมฺมูปจารวเสนฯ ยถา หิ ปทีปุชฺชลนเหตุโก อนฺธการวิคโม, เอวํ วิชฺชุปฺปาทเหตุโก อวิชฺชานิโรโธ, เหตุผลธมฺมา จ สมานกาลาปิ ปุพฺพาปรกาลา วิย โวหรียนฺติ ยถา – ‘‘จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ม. นิ. ๓.๔๒๐, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๕; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนกิริยาฯ คมนํ อุปจฺฉิชฺชติ อิธ กามภเว ปรินิพฺพาเนนฯ อาคมนํ อุปจฺฉิชฺชติ ตตฺถ รูปารูเปสุ ปรินิพฺพาเนนฯ คมนาคมนํ อุปจฺฉิชฺชติ สพฺพโส อปราปรุปฺปตฺติยา อภาวโตฯ

    453.Idha kiṃ pucchatīti idha evaṃ arahattaphalaṃ pāpitāya desanāya ‘‘kati panāvuso, bhavā’’ti bhavaṃ pucchanto kīdisaṃ anusandhiṃ upādāya pucchatīti attho. Teneva hi ‘‘mūlameva gato anusandhī’’ti vatvā adhippāyaṃ pakāsento ‘‘duppañño’’tiādimāha. Duppaññoti hi idha appaṭividdhasacco adhippeto, na jaḷo eva. Kāmabhavotiādīsu kammopapattibhedato duvidhopi bhavo adhippetoti dassento ‘‘kāmabhavūpagaṃ kamma’’ntiādimāha. Tattha yaṃ vattabbaṃ, taṃ visuddhimaggetaṃsaṃvaṇṇanāyaṃ (visuddhi. 2.647; visuddhi. mahāṭī. 2.646-647) vuttanayena veditabbaṃ. Punabbhavassāti punappunaṃ aparāparaṃ bhavanato jāyanato punabbhavoti laddhanāmassa vaṭṭapabandhassa. Tenāha ‘‘idha vaṭṭaṃ pucchissāmī’’ti. Abhinibbattīti bhavayonigatiādivasena nibbatti. Tahiṃ tahiṃ tasmiṃ tasmiṃ bhavādike. Abhinandanāti taṇhāabhinandanahetu. Gamanāgamanaṃ hotītiādinā bhavādīsu sattānaṃ aparāparaṃ cutipaṭisandhiyo dasseti. Khayanirodhenāti accantakhayasaṅkhātena anuppādanirodhena. Ubhayametaṃ na vattabbaṃ pahānābhisamayabhāvanābhisamayānaṃ accāsannakālattā. Vattabbaṃ taṃ hetuphaladhammūpacāravasena. Yathā hi padīpujjalanahetuko andhakāravigamo, evaṃ vijjuppādahetuko avijjānirodho, hetuphaladhammā ca samānakālāpi pubbāparakālā viya voharīyanti yathā – ‘‘cakkhuñca paṭicca rūpe ca uppajjati cakkhuviññāṇa’’nti (ma. ni. 1.204, 400; ma. ni. 3.420, 425, 426; saṃ. ni. 2.43-45; 2.4.60; kathā. 465, 467) paccayapaccayuppannakiriyā. Gamanaṃ upacchijjati idha kāmabhave parinibbānena. Āgamanaṃ upacchijjati tattha rūpārūpesu parinibbānena. Gamanāgamanaṃ upacchijjati sabbaso aparāparuppattiyā abhāvato.

    ๔๕๔. วิวฎฺฎกถาย ปรโต โชติตํ ปฐมํ ฌานํ วิวฎฺฎํ ปตฺวา ฐิตสฺส อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน อุภโตภาควิมุตฺตสฺส นิโรธสาธกํ วิภาวิตุํ ยุตฺตนฺติ อาห ‘‘กตมํ ปนาวุโสติ อิธ กิํ ปุจฺฉตี’’ติอาทิฯ ตถา หิ อนนฺตรํ นิโรธสมาปชฺชนเกน ภิกฺขุนา ชานิตพฺพานิ ปฐมสฺส ฌานสฺส สมฺปโยคปหานงฺคานิ ปุจฺฉิตานิฯ องฺคววตฺถานนฺติ ฌานงฺคววตฺถานํฯ โกฎฺฐาสปริเจฺฉโทติ ตตฺถ ลพฺภมานผสฺสปญฺจมกาทิธมฺมโกฎฺฐาสปริเจฺฉโท ชานิตโพฺพฯ อิมสฺมิํ ฌาเน เอตฺตกา ธมฺมา สํวิชฺชนฺติ, เอตฺตกา นิโรธิตาติ ชานิตพฺพํฯ อุปการานุปการานิ องฺคานีติ นิโรธสมาปตฺติยา อุปการานิ จ อนุปการานิ จ องฺคานิฯ นิโรธสมาปตฺติยา หิ โสฬสหิ ญาณจริยาหิ นวหิ สมาธิจริยาหิ จ ปตฺตพฺพตฺตา ตํตํญาณสฺส สมาธิจริยาหิ สมติกฺกมิตพฺพา ธมฺมา อนุปการกงฺคานิ, สมติกฺกมกา อุปการกงฺคานิฯ เตสญฺหิ วเสน ยถานุปุพฺพํ อุปสนฺตุปสนฺตโอฬาริกภาวาย ภวคฺคสมาปตฺติยา สงฺขาราวเสสสุขุมตํ ปตฺตา จิตฺตเจตสิกา ยถาปริจฺฉินฺนํ กาลํ นิรุชฺฌนฺติ, อปฺปวตฺติํ คจฺฉนฺติฯ ตสฺสาติ นิโรธสฺสฯ อนนฺตรปจฺจยนฺติ อนนฺตรปจฺจยสทิสํฯ น หิ นิโรธสฺส โกจิ ธโมฺม อนนฺตรปจฺจโย นาม อตฺถิฯ ยญฺหิ ตทา จิตฺตเจตสิกานํ ตถา นิรุชฺฌนํ, ตํ ยถาวุตฺตปุพฺพาภิสงฺขารเหตุกาย เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยา อโหสีติ สา ตสฺส อนนฺตรปจฺจโย วิย โหตีติ ตํ วุตฺตํฯ ฉ สมาปตฺติโยติ สุตฺตนฺตนเยน วุตฺตสุตฺตนฺตปิฎกสํวณฺณนาติ กตฺวาฯ ‘‘สตฺต สมาปตฺติโย’’ติ ปน วตฺตพฺพํ, อญฺญถา อิทํ ‘‘จตุรงฺคิก’’นฺติ น วตฺตพฺพํ สิยาฯ นยํ วา ทเสฺสตฺวาติ อาทิอนฺตทสฺสนวเสน นยทสฺสนํ กตฺวาฯ

    454. Vivaṭṭakathāya parato jotitaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ vivaṭṭaṃ patvā ṭhitassa ukkaṭṭhaniddesena ubhatobhāgavimuttassa nirodhasādhakaṃ vibhāvituṃ yuttanti āha ‘‘katamaṃ panāvusoti idha kiṃ pucchatī’’tiādi. Tathā hi anantaraṃ nirodhasamāpajjanakena bhikkhunā jānitabbāni paṭhamassa jhānassa sampayogapahānaṅgāni pucchitāni. Aṅgavavatthānanti jhānaṅgavavatthānaṃ. Koṭṭhāsaparicchedoti tattha labbhamānaphassapañcamakādidhammakoṭṭhāsaparicchedo jānitabbo. Imasmiṃ jhāne ettakā dhammā saṃvijjanti, ettakā nirodhitāti jānitabbaṃ. Upakārānupakārāni aṅgānīti nirodhasamāpattiyā upakārāni ca anupakārāni ca aṅgāni. Nirodhasamāpattiyā hi soḷasahi ñāṇacariyāhi navahi samādhicariyāhi ca pattabbattā taṃtaṃñāṇassa samādhicariyāhi samatikkamitabbā dhammā anupakārakaṅgāni, samatikkamakā upakārakaṅgāni. Tesañhi vasena yathānupubbaṃ upasantupasantaoḷārikabhāvāya bhavaggasamāpattiyā saṅkhārāvasesasukhumataṃ pattā cittacetasikā yathāparicchinnaṃ kālaṃ nirujjhanti, appavattiṃ gacchanti. Tassāti nirodhassa. Anantarapaccayanti anantarapaccayasadisaṃ. Na hi nirodhassa koci dhammo anantarapaccayo nāma atthi. Yañhi tadā cittacetasikānaṃ tathā nirujjhanaṃ, taṃ yathāvuttapubbābhisaṅkhārahetukāya nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyā ahosīti sā tassa anantarapaccayo viya hotīti taṃ vuttaṃ. Cha samāpattiyoti suttantanayena vuttasuttantapiṭakasaṃvaṇṇanāti katvā. ‘‘Satta samāpattiyo’’ti pana vattabbaṃ, aññathā idaṃ ‘‘caturaṅgika’’nti na vattabbaṃ siyā. Nayaṃ vā dassetvāti ādiantadassanavasena nayadassanaṃ katvā.

    ๔๕๕. เอวํ นิโรธสฺส ปาทกํ วิภาเวตฺวา อิทานิ อโนฺตนิโรเธ อนุปพนฺธภาวโต ปญฺจนฺนํ ปสาทานํ ปจฺจยปุจฺฉเน ปฐมํ ตาว เต สรูปโต อาเวณิกโต อาเวณิกวิสยโต ปฎิสฺสรณโต จ ปุจฺฉนวเสน ปาฬิ ปวตฺตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิญฺญาณนิสฺสเย ปญฺจ ปสาเท ปุจฺฉโนฺต’’ติ อาหฯ โคจรวิสยนฺติ เอตฺถ กามํ ตพฺพหุลจาริตาเปกฺขํ โคจรคฺคหณํ, อนญฺญตฺถภาวาเปกฺขํ วิสยคฺคหณนฺติ อเตฺถว โคจรวิสยภาวานํ วิเสโส, วิวริยมานํ ปน อุภยมฺปิ อารมฺมณสภาวเมวาติ อาห ‘‘โคจรภูตํ วิสย’’นฺติฯ เอเกกสฺสาติ เอโก เอกสฺส, อโญฺญ อญฺญสฺสาติ อโตฺถฯ อญฺญโตฺถ หิ อยํ เอก-สโทฺท ‘‘อิเตฺถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๗) วิยฯ สเจ หีติอาทิ อภูตปริกปฺปนวจนเมตํฯ ตตฺถ สโมธาเนตฺวาติ เอกชฺฌํ กตฺวาฯ วินาปิ มุเขนาติอาทินา อตฺถสลฺลาปิกนิทสฺสนํ นาม ทเสฺสติฯ ยถา วิญฺญาณาธิฎฺฐิตเมว จกฺขุ รูปํ ปสฺสติ, น เกวลํ, เอวํ จกฺขุนิสฺสยเมว วิญฺญาณํ ตํ ปสฺสติ, น อิตรนฺติ อาห ‘‘จกฺขุปสาเท อุปเนหี’’ติฯ เตน เตสํ ตตฺถ สํหจฺจการิตํ ทเสฺสติฯ ยทิ วา นีลํ ยทิ วา ปีตกนฺติ อิทํ นีลปีตาทิสภาวชานนมตฺตํ สนฺธายาหฯ นีลํ ปีตกนฺติ ปชานนํ จกฺขุวิญฺญาณสฺส นเตฺถว อวิกปฺปกภาวโตฯ เอเตสํ จกฺขุวิญฺญาณาทีนํฯ นิสฺสยสีเสน นิสฺสิตปุจฺฉา เหสา, เอวญฺหิ วิสยานุภวนโจทนา สมตฺถิตา โหติฯ เตนาห ‘‘จกฺขุวิญฺญาณํ หี’’ติอาทิฯ ยถาสกํ วิสยํ รชฺชนาทิวเสน อนุภวิตุํ อสมตฺถานิ จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ, ตตฺถ สมตฺถตาเยว จ นตฺถิ, น กิญฺจิ อตฺถโต ปฎิสรนฺตานิ วิย โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘กิํ เอตานิ ปฎิสรนฺตี’’ติฯ ชวนมโน ปฎิสรณนฺติ ปญฺจทฺวาริกํ อิตรญฺจ สาธารณโต วตฺวา ปุน ยาย’สฺส รชฺชนาทิปวตฺติยา ปฎิสรณตา, สา สวิเสสา ยตฺถ ลพฺภติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘มโนทฺวาริกชวนมโน วา’’ติ อาหฯ เอตสฺมิํ ปน ทฺวาเรติ จกฺขุทฺวาเร ชวนํ รชฺชติ วา ทุสฺสติ วา มุยฺหติ วา, ยโต ตตฺถ อญฺญาณาทิอสํวโร ปวตฺตติฯ

    455. Evaṃ nirodhassa pādakaṃ vibhāvetvā idāni antonirodhe anupabandhabhāvato pañcannaṃ pasādānaṃ paccayapucchane paṭhamaṃ tāva te sarūpato āveṇikato āveṇikavisayato paṭissaraṇato ca pucchanavasena pāḷi pavattāti dassento ‘‘viññāṇanissaye pañca pasāde pucchanto’’ti āha. Gocaravisayanti ettha kāmaṃ tabbahulacāritāpekkhaṃ gocaraggahaṇaṃ, anaññatthabhāvāpekkhaṃ visayaggahaṇanti attheva gocaravisayabhāvānaṃ viseso, vivariyamānaṃ pana ubhayampi ārammaṇasabhāvamevāti āha ‘‘gocarabhūtaṃ visaya’’nti. Ekekassāti eko ekassa, añño aññassāti attho. Aññattho hi ayaṃ eka-saddo ‘‘ittheke abhivadantī’’tiādīsu (ma. ni. 3.27) viya. Sace hītiādi abhūtaparikappanavacanametaṃ. Tattha samodhānetvāti ekajjhaṃ katvā. Vināpi mukhenātiādinā atthasallāpikanidassanaṃ nāma dasseti. Yathā viññāṇādhiṭṭhitameva cakkhu rūpaṃ passati, na kevalaṃ, evaṃ cakkhunissayameva viññāṇaṃ taṃ passati, na itaranti āha ‘‘cakkhupasāde upanehī’’ti. Tena tesaṃ tattha saṃhaccakāritaṃ dasseti. Yadi vā nīlaṃ yadi vā pītakanti idaṃ nīlapītādisabhāvajānanamattaṃ sandhāyāha. Nīlaṃ pītakanti pajānanaṃ cakkhuviññāṇassa nattheva avikappakabhāvato. Etesaṃ cakkhuviññāṇādīnaṃ. Nissayasīsena nissitapucchā hesā, evañhi visayānubhavanacodanā samatthitā hoti. Tenāha ‘‘cakkhuviññāṇaṃ hī’’tiādi. Yathāsakaṃ visayaṃ rajjanādivasena anubhavituṃ asamatthāni cakkhuviññāṇādīni, tattha samatthatāyeva ca natthi, na kiñci atthato paṭisarantāni viya hontīti vuttaṃ ‘‘kiṃ etāni paṭisarantī’’ti. Javanamano paṭisaraṇanti pañcadvārikaṃ itarañca sādhāraṇato vatvā puna yāya’ssa rajjanādipavattiyā paṭisaraṇatā, sā savisesā yattha labbhati, taṃ dassento ‘‘manodvārikajavanamano vā’’ti āha. Etasmiṃ pana dvāreti cakkhudvāre javanaṃ rajjati vā dussati vā muyhati vā, yato tattha aññāṇādiasaṃvaro pavattati.

    ตตฺราติ ตสฺมิํ ชวนมนเสฺสว ปฎิสรณภาเวฯ ทุพฺพลโภชกาติ หีนสามตฺถิยา ราชโภคฺคาฯ เสวกานํ คณนาย โยชิตทิวเส ลพฺภมานกหาปโณ ยุตฺติกหาปโณฯ อนฺทุพนฺธเนน พทฺธสฺส วิสฺสชฺชเนน ลพฺภมานกหาปโณ พนฺธกหาปโณฯ กิญฺจิ ปหรเนฺต มา ปหรนฺตูติ ปฎิกฺขิปโต ทาตพฺพทโณฺฑ มาปหารกหาปโณฯ โส สโพฺพปิ ปริตฺตเกสุ คามิกมนุเสฺสสุ ตถา ลพฺภมาโน เอตฺตโก โหตีติ อาห ‘‘อฎฺฐกหาปโณ วา’’ติอาทิฯ สตวตฺถุกนฺติ สตกรีสวตฺถุกํฯ เอส นโย เสสปททฺวเยปิฯ ตตฺถาติอาทิ อุปมาสํสนฺธนํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Tatrāti tasmiṃ javanamanasseva paṭisaraṇabhāve. Dubbalabhojakāti hīnasāmatthiyā rājabhoggā. Sevakānaṃ gaṇanāya yojitadivase labbhamānakahāpaṇo yuttikahāpaṇo. Andubandhanena baddhassa vissajjanena labbhamānakahāpaṇo bandhakahāpaṇo. Kiñci paharante mā paharantūti paṭikkhipato dātabbadaṇḍo māpahārakahāpaṇo. So sabbopi parittakesu gāmikamanussesu tathā labbhamāno ettako hotīti āha ‘‘aṭṭhakahāpaṇo vā’’tiādi. Satavatthukanti satakarīsavatthukaṃ. Esa nayo sesapadadvayepi. Tatthātiādi upamāsaṃsandhanaṃ, taṃ suviññeyyameva.

    ๔๕๖. อโนฺตนิโรธสฺมิํ ปญฺจ ปสาเทติ นิโรธสมาปนฺนสฺส ปวตฺตมาเน ปญฺจ ปสาเทฯ กิริยมยปวตฺตสฺมินฺติ ชวนาทิกิริยานิพฺพตฺตกธมฺมปฺปวตฺติยํฯ พลวปจฺจยา โหนฺตีติ ปจฺฉาชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจยา โหนฺติ, อุปตฺถมฺภกภาเวน พลวปจฺจยา โหนฺติฯ ชีวิตินฺทฺริยํ ปฎิจฺจาติ อินฺทฺริยอตฺถิอวิคตปจฺจยวเสน ปจฺจยภูตํ ชีวิตินฺทฺริยํ ปฎิจฺจ ปญฺจวิโธปิ ปสาโท ติฎฺฐติฯ ชีวิตินฺทฺริเยน วินา น ติฎฺฐติ ชีวิตินฺทฺริยรหิตสฺส กมฺมสมุฎฺฐานรูปกลาปสฺส อภาวโตฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อนุปาลนลกฺขเณน ชีวิเตน อนุปาลิตา เอว อุสฺมา ปวตฺตติ, น เตน อนนุปาลิตา, ตสฺมา อุสฺมา อายุํ ปฎิจฺจ ติฎฺฐติฯ ชาลสิขํ ปฎิจฺจ อาภา ปญฺญายตีติ ชาลสิขาสงฺขาตภูตสงฺฆาตํ สเหว ปวตฺตมานํ นิสฺสาย ‘‘อาภา’’ติ ลทฺธนามา วณฺณธาตุ ‘‘อุชฺชลติ, อนฺธการํ วิธมติ, รูปคตานิ จ วิทํเสตี’’ติอาทีหิ ปกาเรหิ ญายติฯ ตํ อาโลกํ ปฎิจฺจาติ ตํ วุตฺตปฺปการํ อาโลกํ ปจฺจยํ ลภิตฺวาฯ ชาลสิขา ปญฺญายตีติ ‘‘อปฺปิกา, มหตี, อุชุ, กุฎิลา’’ติอาทินา ปากฎา โหติฯ

    456.Antonirodhasmiṃ pañca pasādeti nirodhasamāpannassa pavattamāne pañca pasāde. Kiriyamayapavattasminti javanādikiriyānibbattakadhammappavattiyaṃ. Balavapaccayā hontīti pacchājātavippayuttaatthiavigatapaccayehi paccayā honti, upatthambhakabhāvena balavapaccayā honti. Jīvitindriyaṃ paṭiccāti indriyaatthiavigatapaccayavasena paccayabhūtaṃ jīvitindriyaṃ paṭicca pañcavidhopi pasādo tiṭṭhati. Jīvitindriyena vinā na tiṭṭhati jīvitindriyarahitassa kammasamuṭṭhānarūpakalāpassa abhāvato. Tasmāti yasmā anupālanalakkhaṇena jīvitena anupālitā eva usmā pavattati, na tena ananupālitā, tasmā usmā āyuṃ paṭicca tiṭṭhati. Jālasikhaṃ paṭicca ābhā paññāyatīti jālasikhāsaṅkhātabhūtasaṅghātaṃ saheva pavattamānaṃ nissāya ‘‘ābhā’’ti laddhanāmā vaṇṇadhātu ‘‘ujjalati, andhakāraṃ vidhamati, rūpagatāni ca vidaṃsetī’’tiādīhi pakārehi ñāyati. Taṃ ālokaṃ paṭiccāti taṃ vuttappakāraṃ ālokaṃ paccayaṃ labhitvā. Jālasikhā paññāyatīti ‘‘appikā, mahatī, uju, kuṭilā’’tiādinā pākaṭā hoti.

    ชาลสิขา วิย กมฺมชเตโช นิสฺสยภาวโตฯ อาโลโก วิย ชีวิตินฺทฺริยํ ตนฺนิสฺสิตภาวโตฯ อิทานิ อุปโมปมิตพฺพานํ สมฺพนฺธํ ทเสฺสตุํ ‘‘ชาลสิขา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อาโลกํ คเหตฺวาว อุปฺปชฺชตีติ อิมินา ยถา ชาลสิขาย สเหว อาโลโก อุปฺปชฺชติ, เอวํ กมฺมชุสฺมนา สเหว ชีวิตินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ ทเสฺสติฯ ชาลสิขาสนฺนิสฺสโย ตสฺสา สติเยว โหโนฺต อาโลโก ตาย อุปฺปาทิโต วิย โหตีติ อาห ‘‘อตฺตนา ชนิตอาโลเกเนวา’’ติฯ อุสฺมา นาเมตฺถ กมฺมสมุฎฺฐานา เตโชธาตุ ตนฺนิสฺสิตญฺจ ชีวิตินฺทฺริยํ ตทนุปาลกญฺจาติ อาห ‘‘กมฺมชมหาภูตสมฺภเวน ชีวิตินฺทฺริเยน อุสฺมาย อนุปาลน’’นฺติฯ น เกวลํ ขณฎฺฐิติยา เอว, อถ โข ปพนฺธานุปเจฺฉทสฺสปิ ชีวิตินฺทฺริยํ การณนฺติ อาห ‘‘วสฺสสตมฺปิ กมฺมชเตชปวตฺตํ ปาเลตี’’ติฯ อุสฺมา อายุโน ปจฺจโย โหโนฺต เสสภูตสหิโต เอว โหตีติ อาห ‘‘มหาภูตานี’’ติฯ ตถา อายุปิ สหชาตรูปํ ปาเลนฺตเมว อุสฺมาย ปจฺจโย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘มหาภูตานิ ปาเลตี’’ติฯ

    Jālasikhāviya kammajatejo nissayabhāvato. Āloko viya jīvitindriyaṃ tannissitabhāvato. Idāni upamopamitabbānaṃ sambandhaṃ dassetuṃ ‘‘jālasikhā hī’’tiādi vuttaṃ. Ālokaṃ gahetvāva uppajjatīti iminā yathā jālasikhāya saheva āloko uppajjati, evaṃ kammajusmanā saheva jīvitindriyaṃ uppajjatīti dasseti. Jālasikhāsannissayo tassā satiyeva honto āloko tāya uppādito viya hotīti āha ‘‘attanā janitaālokenevā’’ti. Usmā nāmettha kammasamuṭṭhānā tejodhātu tannissitañca jīvitindriyaṃ tadanupālakañcāti āha ‘‘kammajamahābhūtasambhavena jīvitindriyena usmāya anupālana’’nti. Na kevalaṃ khaṇaṭṭhitiyā eva, atha kho pabandhānupacchedassapi jīvitindriyaṃ kāraṇanti āha ‘‘vassasatampi kammajatejapavattaṃ pāletī’’ti. Usmā āyuno paccayo honto sesabhūtasahito eva hotīti āha ‘‘mahābhūtānī’’ti. Tathā āyupi sahajātarūpaṃ pālentameva usmāya paccayo hotīti vuttaṃ ‘‘mahābhūtāni pāletī’’ti.

    ๔๕๗. อายุ เอว อินฺทฺริยปจฺจยาทิวเสน สหชาตธมฺมานํ อนุปาลนวเสน สงฺขรณโต อายุสงฺขาโรฯ พหุวจนนิเทฺทโส ปน อเนกสตสหสฺสเภเทสุ รูปกลาเปสุ ปวตฺติยา อเนกเภทนฺติ กตฺวาฯ อารมฺมณรสํ อนุภวนฺตีติ เวทนิยา ยถา ‘‘นิยฺยานิกา’’ติฯ เตนาห ‘‘เวทนา ธมฺมาวา’’ติฯ สุขาทิเภทภินฺนตฺตา พหุวจนนิเทฺทโสฯ อิเมสํ อายุสงฺขารเวทนานํ เอกนฺตนิโรธํ สมาปนฺนสฺส มรเณน ภวิตพฺพํ เวทนาย นิรุทฺธตฺตาฯ อายุสงฺขารานํ ตถา อนิรุทฺธตฺตา นิโรธสฺส สมาปชฺชนเมว น สิยา, กุโต วุฎฺฐานํฯ เตน วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘เต จ หาวุโส’’ติอาทิฯ วุฎฺฐานํ ปญฺญายติ สญฺญาเวทนาทีนํ อุปฺปตฺติยาฯ อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถารโต อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อุกฺกณฺฐิตฺวาติ นานารมฺมณาปาตโต นิพฺพินฺทิตฺวาฯ ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสนาติ ยถาปริจฺฉิเนฺน กาเล สมฺปเตฺตฯ รูปชีวิตินฺทฺริยปจฺจยาติ อินฺทฺริยปจฺจยภูตา ฯ ชาลาปวตฺตํ วิย อรูปธมฺมา เตชุสฺสทภาวโต วิสโยภาสนโต จฯ อุทกปฺปหาโร วิย นิโรธสมาปตฺติยา ปุพฺพาภิสงฺขาโรฯ ปิหิตองฺคารา วิย รูปชีวิตินฺทฺริยํ อุสฺมามตฺตตาย อโนภาสนโต ฯ ยถาปริจฺฉินฺนกาลาคมนนฺติ ยถาปริจฺฉินฺนกาลสฺส อุปคมนํฯ อนุรูปปตฺติวเสเนว รูปปวตฺติคฺคหณํฯ อิมํ รูปกายํ ชหนฺตีติ อิมสฺมา รูปกายา กเฬวรา วิคจฺฉนฺติ นปฺปวตฺตนฺติฯ

    457. Āyu eva indriyapaccayādivasena sahajātadhammānaṃ anupālanavasena saṅkharaṇato āyusaṅkhāro. Bahuvacananiddeso pana anekasatasahassabhedesu rūpakalāpesu pavattiyā anekabhedanti katvā. Ārammaṇarasaṃ anubhavantīti vedaniyā yathā ‘‘niyyānikā’’ti. Tenāha ‘‘vedanā dhammāvā’’ti. Sukhādibhedabhinnattā bahuvacananiddeso. Imesaṃ āyusaṅkhāravedanānaṃ ekantanirodhaṃ samāpannassa maraṇena bhavitabbaṃ vedanāya niruddhattā. Āyusaṅkhārānaṃ tathā aniruddhattā nirodhassa samāpajjanameva na siyā, kuto vuṭṭhānaṃ. Tena vuttaṃ pāḷiyaṃ ‘‘te ca hāvuso’’tiādi. Vuṭṭhānaṃ paññāyati saññāvedanādīnaṃ uppattiyā. Idāni tamatthaṃ vitthārato upamāya vibhāvetuṃ ‘‘yo hī’’tiādi vuttaṃ. Ukkaṇṭhitvāti nānārammaṇāpātato nibbinditvā. Yathāparicchinnakālavasenāti yathāparicchinne kāle sampatte. Rūpajīvitindriyapaccayāti indriyapaccayabhūtā . Jālāpavattaṃ viya arūpadhammā tejussadabhāvato visayobhāsanato ca. Udakappahāro viya nirodhasamāpattiyā pubbābhisaṅkhāro. Pihitaaṅgārā viya rūpajīvitindriyaṃ usmāmattatāya anobhāsanato . Yathāparicchinnakālāgamananti yathāparicchinnakālassa upagamanaṃ. Anurūpapattivaseneva rūpapavattiggahaṇaṃ. Imaṃ rūpakāyaṃ jahantīti imasmā rūpakāyā kaḷevarā vigacchanti nappavattanti.

    กาเยน สงฺขรียนฺตีติ กายสงฺขารา ตปฺปฎิพทฺธวุตฺติตายฯ วาจํ สงฺขโรนฺตีติ วจีสงฺขาราฯ วิตเกฺกตฺวา วิจาเรตฺวา หิ วาจํ ภินฺทติ กเถติฯ จิเตฺตน สงฺขรียนฺตีติ จิตฺตสงฺขารา ตปฺปฎิพทฺธวุตฺติโตฯ จิตฺตสงฺขารนิโรธโจทนาย รูปนิโรโธ วิย จิตฺตนิโรโธ อโจทิโต เตสํ ตโต อญฺญตฺตาติ น จิตฺตสมฺปยุตฺตนิโรโธ เอกนฺติโก วิตกฺกาทินิโรเธ ตทภาวโตฯ ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘วาจา อนิรุทฺธา โหตี’’ติ, ตมฺปิ นฯ วาจํ สงฺขโรนฺตีติ หิ วจีสงฺขารา, เตสุ นิรุเทฺธสุ กถํ วาจาย อนิโรโธฯ จิตฺตํ ปน นิรุเทฺธสุปิ จิตฺตสงฺขาเรสุ เตหิ อนภิสงฺขตตฺตา วิตกฺกาทินิโรโธ วิย ปวตฺตติเยวาติ อยเมตฺถ ปรสฺส อธิปฺปาโยฯ อานนฺตริยกมฺมํ กตํ ภเวยฺย, จิตฺตสฺส อนิรุทฺธตฺตา ตํ นิสฺสาย จ รูปธมฺมานํ อนปคตตฺตา เต ชีวนฺติ เอว นามาติฯ พฺยญฺชเน อภินิเวสํ อกตฺวาติ ‘‘จิตฺตสงฺขารา นิรุทฺธา’’ติ วจนโต เตว นิรุทฺธา, น จิตฺตนฺติ เอวํ เนยฺยตฺถํ สุตฺตํ ‘‘นีตตฺถ’’นฺติ อภินิเวสํ อกตฺวาฯ อาจริยานํ นเย ฐตฺวาติ ปรมฺปราคตานํ อาจริยานํ อธิปฺปาเย ฐตฺวาติ อโตฺถฯ อุปปริกฺขิตโพฺพติ สุตฺตนฺตราคมโต สุตฺตนฺตรปทสฺส อวิปรีโต อโตฺถ วีมํสิตโพฺพฯ ยถา หิ ‘‘อสญฺญภโว’’ติ วจนโต ‘‘สญฺญาว ตตฺถ นตฺถิ, อิตเร ปน จิตฺตเจตสิกา สนฺตี’’ติ อยเมตฺถ อโตฺถ น คยฺหติฯ ยถา จ ‘‘เนวสญฺญานาสญฺญายตน’’นฺติ วจนโต ‘‘สญฺญาว ตตฺถ ตาทิสี, น ผสฺสาทโย’’ติ อยเมตฺถ อโตฺถ น คยฺหติ สญฺญาสีเสน เทสนาติ กตฺวา, เอวมิธาปิ ‘‘จิตฺตสงฺขารา นิรุทฺธา’’ติ, ‘‘สญฺญาเวทยิตนิโรโธ’’ติ จ เทสนาสีสเมวฯ สเพฺพปิ ปน จิตฺตเจตสิกา ตตฺถ นิรุชฺฌเนฺตวาติ อยเมตฺถ อวิปรีโต อโตฺถ เวทิตโพฺพ, ตถาปุพฺพาภิสงฺขาเรน สเพฺพสํเยว จิตฺตเจตสิกานํ ตตฺถ นิรุชฺฌนโตฯ เอเตน ยํ ปุเพฺพ ‘‘อญฺญตฺตา, ตทภาวโต’’ติ จ ยุตฺติวจนํ, ตทยุตฺตํ อธิปฺปายานวโพธโตติ ทสฺสิตํ โหติฯ เตนาห ‘‘อโตฺถ หิ ปฎิสรณํ, น พฺยญฺชน’’นฺติฯ

    Kāyena saṅkharīyantīti kāyasaṅkhārā tappaṭibaddhavuttitāya. Vācaṃ saṅkharontīti vacīsaṅkhārā. Vitakketvā vicāretvā hi vācaṃ bhindati katheti. Cittena saṅkharīyantīti cittasaṅkhārā tappaṭibaddhavuttito. Cittasaṅkhāranirodhacodanāya rūpanirodho viya cittanirodho acodito tesaṃ tato aññattāti na cittasampayuttanirodho ekantiko vitakkādinirodhe tadabhāvato. Yaṃ pana vuttaṃ ‘‘vācā aniruddhā hotī’’ti, tampi na. Vācaṃ saṅkharontīti hi vacīsaṅkhārā, tesu niruddhesu kathaṃ vācāya anirodho. Cittaṃ pana niruddhesupi cittasaṅkhāresu tehi anabhisaṅkhatattā vitakkādinirodho viya pavattatiyevāti ayamettha parassa adhippāyo. Ānantariyakammaṃ kataṃ bhaveyya, cittassa aniruddhattā taṃ nissāya ca rūpadhammānaṃ anapagatattā te jīvanti eva nāmāti. Byañjane abhinivesaṃ akatvāti ‘‘cittasaṅkhārā niruddhā’’ti vacanato teva niruddhā, na cittanti evaṃ neyyatthaṃ suttaṃ ‘‘nītattha’’nti abhinivesaṃ akatvā. Ācariyānaṃ naye ṭhatvāti paramparāgatānaṃ ācariyānaṃ adhippāye ṭhatvāti attho. Upaparikkhitabboti suttantarāgamato suttantarapadassa aviparīto attho vīmaṃsitabbo. Yathā hi ‘‘asaññabhavo’’ti vacanato ‘‘saññāva tattha natthi, itare pana cittacetasikā santī’’ti ayamettha attho na gayhati. Yathā ca ‘‘nevasaññānāsaññāyatana’’nti vacanato ‘‘saññāva tattha tādisī, na phassādayo’’ti ayamettha attho na gayhati saññāsīsena desanāti katvā, evamidhāpi ‘‘cittasaṅkhārā niruddhā’’ti, ‘‘saññāvedayitanirodho’’ti ca desanāsīsameva. Sabbepi pana cittacetasikā tattha nirujjhantevāti ayamettha aviparīto attho veditabbo, tathāpubbābhisaṅkhārena sabbesaṃyeva cittacetasikānaṃ tattha nirujjhanato. Etena yaṃ pubbe ‘‘aññattā, tadabhāvato’’ti ca yuttivacanaṃ, tadayuttaṃ adhippāyānavabodhatoti dassitaṃ hoti. Tenāha ‘‘attho hi paṭisaraṇaṃ, na byañjana’’nti.

    อุปหตานีติ พาธิตานิฯ มกฺขิตานีติ ธํสิตานิฯ อารมฺมณฆฎฺฎนาย อินฺทฺริยานํ กิลมโถ จกฺขุนา ภาสุรรูปสุขุมรชทสฺสเนน วิภาเวตโพฺพฯ ตถา หิ อุณฺหกาเล ปุรโต อคฺคิมฺหิ ชลเนฺต ขรสฺสเร จ ปณเว อาโกฎิเต อกฺขีนิ เภทานิ วิย น สหนฺติ โสตานิ ‘‘สิขเรน วิย อภิหญฺญนฺตี’’ติ วตฺตาโร โหนฺติฯ

    Upahatānīti bādhitāni. Makkhitānīti dhaṃsitāni. Ārammaṇaghaṭṭanāya indriyānaṃ kilamatho cakkhunā bhāsurarūpasukhumarajadassanena vibhāvetabbo. Tathā hi uṇhakāle purato aggimhi jalante kharassare ca paṇave ākoṭite akkhīni bhedāni viya na sahanti sotāni ‘‘sikharena viya abhihaññantī’’ti vattāro honti.

    ๔๕๘. รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานเมว รูปวิราคภาวนาวเสน ปวตฺตํ อรูปชฺฌานนฺติ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ วิสฺสเชฺชโนฺต ธมฺมเสนาปติ ‘‘สุขสฺส จ ปหานา’’ติอาทินา วิสฺสเชฺชสิฯ อปคมเนน วิคเมน ปจฺจยา อปคมนปจฺจยา สุขาทิปฺปหานานิฯ อธิคมปจฺจยา ปน กสิเณสุ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ เหฎฺฐิมา ตโย จ อารุปฺปาฯ น หิ สกฺกา ตานิ อนธิคนฺตฺวา เนวสญฺญานาสญฺญายตนมธิคนฺตุํฯ นิโรธโต วุฎฺฐานกผลสมาปตฺตินฺติ นิโรธโต วุฎฺฐานภูตํ อนิจฺจานุปสฺสนาสมุทาคตผลสมาปตฺติํฯ สา หิ ‘‘อนิมิตฺตา เจโตวิมุตฺตี’’ติ วุจฺจติฯ ยถา สมถนิสฺสโนฺท อภิญฺญา, เมตฺตากรุณามุทิตาพฺรหฺมวิหารนิสฺสโนฺท อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาโร, กสิณนิสฺสโนฺท อารุปฺปา, สมถวิปสฺสนานิสฺสโนฺท นิโรธสมาปตฺติ, เอวํ วิปสฺสนาย นิสฺสนฺทผลภูตํ สามญฺญผลนฺติ อาห ‘‘วิปสฺสนานิสฺสนฺทาย ผลสมาปตฺติยา’’ติฯ อารมฺมณา นาม สารมฺมณธมฺมานํ วิเสสโต อุปฺปตฺตินิมิตฺตนฺติ อาห ‘‘สพฺพนิมิตฺตานนฺติ รูปาทีนํ สพฺพารมฺมณาน’’นฺติฯ นตฺถิ เอตฺถ กิญฺจิ สงฺขารนิมิตฺตนฺติ อนิมิตฺตา, อสงฺขตา ธาตูติ อาห ‘‘สพฺพนิมิตฺตาปคตาย นิพฺพานธาตุยา’’ติฯ ผลสมาปตฺติสหชาตํ มนสิการํ สนฺธายาห, น อาวชฺชนมนสิการํฯ น เหตฺถ ตสฺส สมฺภโว อนุโลมานนฺตรํ อุปฺปชฺชนโตฯ

    458. Rūpāvacaracatutthajjhānameva rūpavirāgabhāvanāvasena pavattaṃ arūpajjhānanti nevasaññānāsaññāyatanaṃ vissajjento dhammasenāpati ‘‘sukhassa ca pahānā’’tiādinā vissajjesi. Apagamanena vigamena paccayā apagamanapaccayā sukhādippahānāni. Adhigamapaccayā pana kasiṇesu rūpāvacaracatutthajjhānaṃ heṭṭhimā tayo ca āruppā. Na hi sakkā tāni anadhigantvā nevasaññānāsaññāyatanamadhigantuṃ. Nirodhato vuṭṭhānakaphalasamāpattinti nirodhato vuṭṭhānabhūtaṃ aniccānupassanāsamudāgataphalasamāpattiṃ. Sā hi ‘‘animittā cetovimuttī’’ti vuccati. Yathā samathanissando abhiññā, mettākaruṇāmuditābrahmavihāranissando upekkhābrahmavihāro, kasiṇanissando āruppā, samathavipassanānissando nirodhasamāpatti, evaṃ vipassanāya nissandaphalabhūtaṃ sāmaññaphalanti āha ‘‘vipassanānissandāya phalasamāpattiyā’’ti. Ārammaṇā nāma sārammaṇadhammānaṃ visesato uppattinimittanti āha ‘‘sabbanimittānanti rūpādīnaṃ sabbārammaṇāna’’nti. Natthi ettha kiñci saṅkhāranimittanti animittā, asaṅkhatā dhātūti āha ‘‘sabbanimittāpagatāya nibbānadhātuyā’’ti. Phalasamāpattisahajātaṃ manasikāraṃ sandhāyāha, na āvajjanamanasikāraṃ. Na hettha tassa sambhavo anulomānantaraṃ uppajjanato.

    อิมสฺมิํ ฐาเนติ อิธ วุตฺตนิโรธสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานานํ คหิตานํ อิมสฺมิํ ปริโยสานสฺส คหิตฎฺฐาเนฯ ทฺวีหิ พเลหีติ สมถวิปสฺสนาพเลหิฯ ตโย จ สงฺขารานนฺติ กายสงฺขาราทีนํ ติณฺณํ สงฺขารานํฯ โสฬสหิ ญาณจริยาหีติ อนิจฺจานุปสฺสนา, ทุกฺขา, อนตฺตา, นิพฺพิทา, วิราคา, นิโรธา, ปฎินิสฺสคฺคา, วิวฎฺฎานุปสฺสนา, โสตาปตฺติมโคฺค…เป.… อรหตฺตผลสมาปตฺตีติ อิมาหิ โสฬสหิ ญาณจริยาหิฯ นวหิ สมาธิจริยาหีติ ปฐมชฺฌานสมาธิอาทีหิ นวหิ สมาธิจริยาหิฯ โย ยถาวุตฺตาสุ จริยาสุ ปุคฺคลสฺส วสีภาโว, สา วสีภาวตาปญฺญาฯ อสฺสา สา กถิตาติ โยชนาฯ วินิจฺฉยกถาติ วินิจฺฉยวเสน ปวตฺตา อฎฺฐกถา กถิตาฯ ตสฺมา วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๘๖๘-๘๖๙) ตํสํวณฺณนายญฺจ (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๒.๘๖๘) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพาฯ

    Imasmiṃ ṭhāneti idha vuttanirodhassa ādimajjhapariyosānānaṃ gahitānaṃ imasmiṃ pariyosānassa gahitaṭṭhāne. Dvīhi balehīti samathavipassanābalehi. Tayo ca saṅkhārānanti kāyasaṅkhārādīnaṃ tiṇṇaṃ saṅkhārānaṃ. Soḷasahi ñāṇacariyāhīti aniccānupassanā, dukkhā, anattā, nibbidā, virāgā, nirodhā, paṭinissaggā, vivaṭṭānupassanā, sotāpattimaggo…pe… arahattaphalasamāpattīti imāhi soḷasahi ñāṇacariyāhi. Navahi samādhicariyāhīti paṭhamajjhānasamādhiādīhi navahi samādhicariyāhi. Yo yathāvuttāsu cariyāsu puggalassa vasībhāvo, sā vasībhāvatāpaññā. Assā sā kathitāti yojanā. Vinicchayakathāti vinicchayavasena pavattā aṭṭhakathā kathitā. Tasmā visuddhimagge (visuddhi. 2.868-869) taṃsaṃvaṇṇanāyañca (visuddhi. mahāṭī. 2.868) vuttanayena veditabbā.

    วลญฺชนสมาปตฺติ อริยวิหารวเสน วิหรณสมาปตฺติฯ ฐิติยาติ เอตฺถ ปพนฺธฎฺฐิติ อธิเปฺปตา, น ขณฎฺฐิติฯ กสฺมา? สมาปชฺชนตฺตาฯ เตนาห ‘‘ฐิติยาติ จิรฎฺฐิตตฺถ’’นฺติฯ อทฺธานปริเจฺฉโทติ เอตฺตกํ กาลํ สมาปตฺติยา วีตินาเมสฺสามีติ ปเคว กาลปริเจฺฉโทฯ รูปาทินิมิตฺตวเสนาติ กมฺมกมฺมนิมิตฺตคตินิมิเตฺตสุ ยถารหํ ลพฺภมานรูปาทินิมิตฺตวเสนฯ ตตฺถ ยสฺมา กมฺมนิมิเตฺต ฉพฺพิธมฺปิ อารมฺมณํ ลพฺภติ, ตสฺมา ‘‘สพฺพนิมิตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ, น สเพฺพสํ อารมฺมณานํ เอกชฺฌํ, เอกนฺตโต วา มนสิกาตพฺพโตฯ ลกฺขณวจนเญฺหตํ ยถา ‘‘ทาตพฺพเมตํ เภสชฺชํ, ยทิ เม พฺยาธิตา สิยุ’’นฺติฯ

    Valañjanasamāpatti ariyavihāravasena viharaṇasamāpatti. Ṭhitiyāti ettha pabandhaṭṭhiti adhippetā, na khaṇaṭṭhiti. Kasmā? Samāpajjanattā. Tenāha ‘‘ṭhitiyāti ciraṭṭhitattha’’nti. Addhānaparicchedoti ettakaṃ kālaṃ samāpattiyā vītināmessāmīti pageva kālaparicchedo. Rūpādinimittavasenāti kammakammanimittagatinimittesu yathārahaṃ labbhamānarūpādinimittavasena. Tattha yasmā kammanimitte chabbidhampi ārammaṇaṃ labbhati, tasmā ‘‘sabbanimittāna’’nti vuttaṃ, na sabbesaṃ ārammaṇānaṃ ekajjhaṃ, ekantato vā manasikātabbato. Lakkhaṇavacanañhetaṃ yathā ‘‘dātabbametaṃ bhesajjaṃ, yadi me byādhitā siyu’’nti.

    ๔๕๙. นีลมฺปิ สญฺชานาตีติอาทินา นีลาทิคฺคหณมุเขน ตํวณฺณานํ สตฺตานํ สญฺชานนํ อเวราทิภาวมนสิกรณํ โชติตนฺติ อาห ‘‘เอตสฺมิญฺหิ ฐาเน อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ กถิตา’’ติฯ เอตฺถ อากิญฺจญฺญํ กถิตนฺติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘เอตฺถ สุญฺญตา’’ติ, ‘‘เอตฺถ อนิมิตฺตา’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ นฺติ ‘‘อิธ อญฺญํ อภินวํ นาม นตฺถี’’ติอาทินา วุตฺตํ อตฺถวจนํฯ เอตาติ อปฺปมาณเจโตวิมุตฺติอาทโยฯ เอกนามกาติ เอเกกนามกา, เย นานาพฺยญฺชนาติ อธิเปฺปตาฯ เอโก ธโมฺมติ อรหตฺตผลสมาปตฺติฯ จตุนามโกติ อปฺปมาณเจโตวิมุตฺติอาทินามโกฯ เอตนฺติ เอตมตฺถํฯ อปฺปมาณาติ อโนธิโส, โอธิโสปิ วา ‘‘เอตฺตกา’’ติ อปริมิตาฯ อเสเสตฺวาติ อสุภสมาปตฺติ วิย เอกเสฺสว อคฺคหณโตฯ

    459.Nīlampi sañjānātītiādinā nīlādiggahaṇamukhena taṃvaṇṇānaṃ sattānaṃ sañjānanaṃ averādibhāvamanasikaraṇaṃ jotitanti āha ‘‘etasmiñhi ṭhāne appamāṇā cetovimutti kathitā’’ti. Ettha ākiñcaññaṃ kathitanti sambandho. ‘‘Ettha suññatā’’ti, ‘‘ettha animittā’’ti etthāpi eseva nayo. Nti ‘‘idha aññaṃ abhinavaṃ nāma natthī’’tiādinā vuttaṃ atthavacanaṃ. Etāti appamāṇacetovimuttiādayo. Ekanāmakāti ekekanāmakā, ye nānābyañjanāti adhippetā. Eko dhammoti arahattaphalasamāpatti. Catunāmakoti appamāṇacetovimuttiādināmako. Etanti etamatthaṃ. Appamāṇāti anodhiso, odhisopi vā ‘‘ettakā’’ti aparimitā. Asesetvāti asubhasamāpatti viya ekasseva aggahaṇato.

    กิญฺจาปิ อสุภนิมิตฺตารมฺมณมฺปิ กิญฺจนํ โหติ, อารมฺมณสงฺฆฎฺฎนสฺส กิญฺจนสฺส อสุภสมาปตฺตีนมฺปิ ปฎิภาคนิมิตฺตสงฺขาตํ อารมฺมณํ สพิมฺพํ วิย วิคฺคหํ กิญฺจนํ หุตฺวา อุปฎฺฐาติ, น ตถา อิมสฺสาติฯ นนุ พฺรหฺมวิหารปฐมารุปฺปานมฺปิ ปฎิภาคนิมิตฺตภูตํ กิญฺจิ อารมฺมณํ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, อยํ ปน ปฐมารุปฺปวิญฺญาณํ วิย น ปฎิภาคนิมิตฺตภูตอารมฺมณตาย เอวํ วุตฺตาฯ อเตฺตนาติ อตฺตนาฯ ภวติ เอเตน อตฺตาติ อภิธานํ พุทฺธิ จาติ ภาโว, อตฺตาฯ ภาว-สโทฺทปิ อตฺตปริยาโยติ อาห ‘‘ภาวโปสปุคฺคลาทิสงฺขาเตนา’’ติฯ เนสํ อปฺปมาณสมาธิอาทีนํ จตุนฺนํฯ ‘‘นานตา ปากฎาวา’’ติ วุตฺตํ นานตฺตํ ภูมิโต อารมฺมณโต จ ทเสฺสตุํ ‘‘อโตฺถ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปริตฺตาทิภาเวน อตีตาทิภาเวน อชฺฌตฺตาทิภาเวน จ น วตฺตพฺพํ อารมฺมณํ เอติสฺสาติ นวตฺตพฺพารมฺมณา นิพฺพานารมฺมณผลสมาปตฺติภาวโตฯ

    Kiñcāpi asubhanimittārammaṇampi kiñcanaṃ hoti, ārammaṇasaṅghaṭṭanassa kiñcanassa asubhasamāpattīnampi paṭibhāganimittasaṅkhātaṃ ārammaṇaṃ sabimbaṃ viya viggahaṃ kiñcanaṃ hutvā upaṭṭhāti, na tathā imassāti. Nanu brahmavihārapaṭhamāruppānampi paṭibhāganimittabhūtaṃ kiñci ārammaṇaṃ natthīti? Saccaṃ natthi, ayaṃ pana paṭhamāruppaviññāṇaṃ viya na paṭibhāganimittabhūtaārammaṇatāya evaṃ vuttā. Attenāti attanā. Bhavati etena attāti abhidhānaṃ buddhi cāti bhāvo, attā. Bhāva-saddopi attapariyāyoti āha ‘‘bhāvaposapuggalādisaṅkhātenā’’ti. Nesaṃ appamāṇasamādhiādīnaṃ catunnaṃ. ‘‘Nānatā pākaṭāvā’’ti vuttaṃ nānattaṃ bhūmito ārammaṇato ca dassetuṃ ‘‘attho panā’’tiādi vuttaṃ. Parittādibhāvena atītādibhāvena ajjhattādibhāvena ca na vattabbaṃ ārammaṇaṃ etissāti navattabbārammaṇā nibbānārammaṇaphalasamāpattibhāvato.

    เอตฺตโกติ ราคาทีหิ สํกิลิฎฺฐตาย เอตฺตกปฺปมาโณ, อุตฺตาโน ปริตฺตเจตโสติ อโตฺถฯ นิพฺพานมฺปิ อปฺปมาณเมว ปมาณกรณานํ อภาเวนาติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ อกุปฺปาติ อรหตฺตผลเจโตวิมุตฺติ ปฎิปเกฺขหิ อโกปนียตายฯ กิญฺจตีติ กตฺตริ ปฐิโต ธาตุ มทฺทนโตฺถติ อาห ‘‘กิญฺจติ มทฺทตี’’ติฯ ตสฺส ปโยคํ ทเสฺสตุํ ‘‘มนุสฺสา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Ettakoti rāgādīhi saṃkiliṭṭhatāya ettakappamāṇo, uttāno parittacetasoti attho. Nibbānampi appamāṇameva pamāṇakaraṇānaṃ abhāvenāti ānetvā sambandho. Akuppāti arahattaphalacetovimutti paṭipakkhehi akopanīyatāya. Kiñcatīti kattari paṭhito dhātu maddanatthoti āha ‘‘kiñcati maddatī’’ti. Tassa payogaṃ dassetuṃ ‘‘manussā kirā’’tiādi vuttaṃ.

    สมูหาทิฆนวเสน สกิจฺจปริเจฺฉทตาย จ สวิคฺคหา วิย อุปฎฺฐิตา สงฺขารา นิจฺจาทิคฺคาหสฺส วตฺถุตาย ‘‘นิจฺจนิมิตฺตํ สุขาทินิมิตฺต’’นฺติ จ วุจฺจติฯ วิปสฺสนา ปน ตตฺถ ฆนวินิโพฺภคํ กโรนฺตี นิจฺจาทิคฺคาหํ วิธเมนฺตี ‘‘นิมิตฺตํ สมุคฺฆาเตตี’’ติ วุตฺตา ฆนนิมิตฺตสฺส อารมฺมณภูตสฺส อภาวาฯ น คหิตาติ เอกตฺถปทนิเทฺทเส ปาฬิยํ กสฺมา น คหิตา? สาติ สุญฺญตา เจโตวิมุตฺติฯ สพฺพตฺถาติ อปฺปมาณาเจโตวิมุตฺติอาทินิเทฺทเสสุฯ อารมฺมณวเสนาติ อารมฺมณวเสนปิ เอกตฺถา, น เกวลํ สภาวสรสโตวฯ อิมินา ปริยาเยนาติ อปฺปมาณโตติอาทินา อารมฺมณโต ลทฺธปริยาเยนฯ อญฺญสฺมิํ ปน ฐาเนติ อากิญฺจญฺญาทิสทฺทปวตฺติเหตุโต อเญฺญน เหตุนา อปฺปมาณาติสทฺทปฺปวตฺติยํ เอตสฺส เจโตวิมุตฺติยา โหนฺติฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ อิมินา ปริยาเยนาติ อิมินา ตาย ตาย สมญฺญาย โวหริตพฺพตาปริยาเยนฯ สจฺจานํ ทสฺสนมุเขน วฎฺฎวเสน อุฎฺฐิตเทสนํ อรหเตฺตน กูฎํ คณฺหโนฺต ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฎฺฐเปสิฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Samūhādighanavasena sakiccaparicchedatāya ca saviggahā viya upaṭṭhitā saṅkhārā niccādiggāhassa vatthutāya ‘‘niccanimittaṃ sukhādinimitta’’nti ca vuccati. Vipassanā pana tattha ghanavinibbhogaṃ karontī niccādiggāhaṃ vidhamentī ‘‘nimittaṃ samugghātetī’’ti vuttā ghananimittassa ārammaṇabhūtassa abhāvā. Na gahitāti ekatthapadaniddese pāḷiyaṃ kasmā na gahitā? ti suññatā cetovimutti. Sabbatthāti appamāṇācetovimuttiādiniddesesu. Ārammaṇavasenāti ārammaṇavasenapi ekatthā, na kevalaṃ sabhāvasarasatova. Iminā pariyāyenāti appamāṇatotiādinā ārammaṇato laddhapariyāyena. Aññasmiṃ pana ṭhāneti ākiñcaññādisaddapavattihetuto aññena hetunā appamāṇātisaddappavattiyaṃ etassa cetovimuttiyā honti. Esa nayo sesesupi. Iminā pariyāyenāti iminā tāya tāya samaññāya voharitabbatāpariyāyena. Saccānaṃ dassanamukhena vaṭṭavasena uṭṭhitadesanaṃ arahattena kūṭaṃ gaṇhanto yathānusandhināva desanaṃ niṭṭhapesi. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ suviññeyyameva.

    มหาเวทลฺลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Mahāvedallasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. มหาเวทลฺลสุตฺตํ • 3. Mahāvedallasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. มหาเวทลฺลสุตฺตวณฺณนา • 3. Mahāvedallasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact