Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā |
มหาวิภงฺคสงฺคหกถาวณฺณนา
Mahāvibhaṅgasaṅgahakathāvaṇṇanā
๔. เอวํ โสตุชนํ สวเน นิโยเชตฺวา ยถาปฎิญฺญาตํ อุตฺตรวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘เมถุน’’นฺติอาทิฯ ‘‘กติ อาปตฺติโย’’ติ อยํ ทิฎฺฐสํสนฺทนา, อทิฎฺฐโชตนา, วิมติเจฺฉทนา, อนุมติ, กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ ปญฺจนฺนํ ปุจฺฉานํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาฯ ติโสฺส อาปตฺติโย ผุเสติ ตสฺสา สเงฺขปโต วิสฺสชฺชนํฯ
4. Evaṃ sotujanaṃ savane niyojetvā yathāpaṭiññātaṃ uttaravinicchayaṃ dassetumāha ‘‘methuna’’ntiādi. ‘‘Kati āpattiyo’’ti ayaṃ diṭṭhasaṃsandanā, adiṭṭhajotanā, vimaticchedanā, anumati, kathetukamyatāpucchāti pañcannaṃ pucchānaṃ kathetukamyatāpucchā. Tisso āpattiyo phuseti tassā saṅkhepato vissajjanaṃ.
๕. เอวํ คณนาวเสน ทสฺสิตานํ ‘‘ภเว’’ติอาทิ สรูปโต ทสฺสนํฯ เขเตฺตติ ติณฺณํ มคฺคานํ อญฺญตรสฺมิํ อโลฺลกาเส ติลพีชมเตฺตปิ ปเทเสฯ เมถุนํ ปฎิเสวนฺตสฺส ปาราชิกํ ภเวติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘ถุลฺลจฺจย’’นฺติ วุตฺตนฺติ โยชนาฯ ‘‘เยภุยฺยกฺขายิเต’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, อุปฑฺฒกฺขายิเตปิ ถุลฺลจฺจยสฺส เหฎฺฐา วุตฺตตฺตาฯ วฎฺฎกเต มุเข อผุสนฺตํ องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺส ทุกฺกฎํ วุตฺตนฺติ โยชนาฯ
5. Evaṃ gaṇanāvasena dassitānaṃ ‘‘bhave’’tiādi sarūpato dassanaṃ. Khetteti tiṇṇaṃ maggānaṃ aññatarasmiṃ allokāse tilabījamattepi padese. Methunaṃ paṭisevantassa pārājikaṃ bhaveti sambandho. ‘‘Thullaccaya’’nti vuttanti yojanā. ‘‘Yebhuyyakkhāyite’’ti idaṃ nidassanamattaṃ, upaḍḍhakkhāyitepi thullaccayassa heṭṭhā vuttattā. Vaṭṭakate mukhe aphusantaṃ aṅgajātaṃ pavesentassa dukkaṭaṃ vuttanti yojanā.
๖. ‘‘อทินฺนํ อาทิยโนฺต’’ติอาทโยปิ วุตฺตนยาเยวฯ
6.‘‘Adinnaṃādiyanto’’tiādayopi vuttanayāyeva.
๗. ปญฺจมาสคฺฆเน วาปีติ โปราณกสฺส นีลกหาปณสฺส จตุตฺถภาคสงฺขาเต ปญฺจมาเส, ตทคฺฆนเก วาฯ อธิเก วาติ อติเรกปญฺจมาสเก วา ตทคฺฆนเก วาฯ อทิเนฺน ปญฺจวีสติยา อวหารานํ อญฺญตเรน อวหเฎ ปราชโย โหตีติ อโตฺถฯ มาเส วา อูนมาเส วา ตทคฺฆนเก วา ทุกฺกฎํฯ ตโต มเชฺฌติ ปญฺจมาสกโต มเชฺฌฯ ปญฺจ มาสา สมาหฎา, ปญฺจนฺนํ มาสานํ สมาหาโรติ วา ปญฺจมาสํ, ปญฺจมาสํ อคฺฆตีติ ปญฺจมาสคฺฆนํ, ปญฺจมาสญฺจ ปญฺจมาสคฺฆนญฺจ ปญฺจมาสคฺฆนํ, เอกเทสสรูเปกเสโสยํ, ตสฺมิํฯ มาเส วาติ เอตฺถาปิ มาโส จ มาสคฺฆนกญฺจ มาสมาสคฺฆนโกติ วตฺตเพฺพ ‘‘มาเส’’ติ เอกเทสสรูเปกเสโส, อุตฺตรปทโลโป จ ทฎฺฐโพฺพฯ
7.Pañcamāsagghane vāpīti porāṇakassa nīlakahāpaṇassa catutthabhāgasaṅkhāte pañcamāse, tadagghanake vā. Adhike vāti atirekapañcamāsake vā tadagghanake vā. Adinne pañcavīsatiyā avahārānaṃ aññatarena avahaṭe parājayo hotīti attho. Māse vā ūnamāse vā tadagghanake vā dukkaṭaṃ. Tato majjheti pañcamāsakato majjhe. Pañca māsā samāhaṭā, pañcannaṃ māsānaṃ samāhāroti vā pañcamāsaṃ, pañcamāsaṃ agghatīti pañcamāsagghanaṃ, pañcamāsañca pañcamāsagghanañca pañcamāsagghanaṃ, ekadesasarūpekasesoyaṃ, tasmiṃ. Māse vāti etthāpi māso ca māsagghanakañca māsamāsagghanakoti vattabbe ‘‘māse’’ti ekadesasarūpekaseso, uttarapadalopo ca daṭṭhabbo.
‘‘ปญฺจมาสคฺฆเน’’ติ สามเญฺญน วุเตฺตปิ โปราณกสฺส นีลกหาปณเสฺสว จตุตฺถภาควเสน ปญฺจมาสนิยโม กาตโพฺพฯ ตถา หิ ภควตา ทุติยปาราชิกํ ปญฺญาเปเนฺตน ภิกฺขูสุ ปพฺพชิตํ ปุราณโวหาริกมหามตฺตํ ภิกฺขุํ ‘‘กิตฺตเกน วตฺถุนา ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร โจรํ คเหตฺวา หนติ วา พนฺธติ วา ปพฺพาเชติ วา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตน ‘‘ปาเทน วา ปาทารเหน วา’’ติ วุเตฺต เตเนว ปมาเณน อทินฺนํ อาทิยนฺตสฺส ปญฺญตฺตํฯ อฎฺฐกถายญฺจ –
‘‘Pañcamāsagghane’’ti sāmaññena vuttepi porāṇakassa nīlakahāpaṇasseva catutthabhāgavasena pañcamāsaniyamo kātabbo. Tathā hi bhagavatā dutiyapārājikaṃ paññāpentena bhikkhūsu pabbajitaṃ purāṇavohārikamahāmattaṃ bhikkhuṃ ‘‘kittakena vatthunā rājā māgadho seniyo bimbisāro coraṃ gahetvā hanati vā bandhati vā pabbājeti vā’’ti pucchitvā tena ‘‘pādena vā pādārahena vā’’ti vutte teneva pamāṇena adinnaṃ ādiyantassa paññattaṃ. Aṭṭhakathāyañca –
‘‘ปญฺจมาสโก ปาโทติ ปาฬิํ อุลฺลิงฺคิตฺวา ‘ตทา ราชคเห วีสติมาสโก กหาปโณ โหติ, ตสฺมา ปญฺจมาสโก ปาโท’ฯ เอเตน ลกฺขเณน สพฺพชนปเทสุ กหาปณสฺส จตุโตฺถ ภาโค ‘ปาโท’ติ เวทิตโพฺพฯ โส จ โข โปราณกสฺส นีลกหาปณสฺส วเสน, น อิตเรสํ ทุทฺรทามกาทีนํฯ เตน หิ ปาเทน อตีตา พุทฺธาปิ ปาราชิกํ ปญฺญเปสุํ, อนาคตาปิ ปญฺญเปสฺสนฺติฯ สพฺพพุทฺธานญฺหิ ปาราชิกวตฺถุมฺหิ วา ปาราชิเก วา นานตฺตํ นตฺถิ, อิมาเนว จตฺตาริ ปาราชิกวตฺถูนิ, อิมาเนว จตฺตาริ ปาราชิกานิ, อิโต อูนํ วา อติเรกํ วา นตฺถิฯ ตสฺมา ภควาปิ ธนิยํ วิครหิตฺวา ปาเทเนว ทุติยปาราชิกํ ปญฺญเปโนฺต ‘โย ปน ภิกฺขุ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาต’นฺติอาทิมาหา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๘๘) วุตฺตํฯ
‘‘Pañcamāsako pādoti pāḷiṃ ulliṅgitvā ‘tadā rājagahe vīsatimāsako kahāpaṇo hoti, tasmā pañcamāsako pādo’. Etena lakkhaṇena sabbajanapadesu kahāpaṇassa catuttho bhāgo ‘pādo’ti veditabbo. So ca kho porāṇakassa nīlakahāpaṇassa vasena, na itaresaṃ dudradāmakādīnaṃ. Tena hi pādena atītā buddhāpi pārājikaṃ paññapesuṃ, anāgatāpi paññapessanti. Sabbabuddhānañhi pārājikavatthumhi vā pārājike vā nānattaṃ natthi, imāneva cattāri pārājikavatthūni, imāneva cattāri pārājikāni, ito ūnaṃ vā atirekaṃ vā natthi. Tasmā bhagavāpi dhaniyaṃ vigarahitvā pādeneva dutiyapārājikaṃ paññapento ‘yo pana bhikkhu adinnaṃ theyyasaṅkhāta’ntiādimāhā’’ti (pārā. aṭṭha. 1.88) vuttaṃ.
สารตฺถทีปนิยญฺจ –
Sāratthadīpaniyañca –
‘‘จตุโตฺถ ภาโค ปาโทติ เวทิตโพฺพติ อิมินาว สพฺพชนปเทสุ กหาปณเสฺสว วีสติโม ภาโคมาสโกติ อิทญฺจ วุตฺตเมว โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ โปราณสตฺถานุรูปํ ลกฺขณสมฺปนฺนา อุปฺปาทิตา นีลกหาปณาติ เวทิตพฺพาฯ ทุทฺรทาเมน อุปฺปาทิโต ทุทฺรทามโกฯ โส กิร นีลกหาปณสฺส ติภาคํ อคฺฆตี’ติ วตฺวา ‘ยสฺมิํ ปเทเส นีลกหาปณา น สนฺติ, ตตฺถาปิ นีลกหาปณวเสเนว ปริเจฺฉโท กาตโพฺพฯ กถํ? นีลกหาปณานํ วฬญฺชนฎฺฐาเน จ อวฬญฺชนฎฺฐาเน จ สมานอคฺฆวเสน ปวตฺตมานํ ภณฺฑํ นีลกหาปเณน สมานคฺฆํ คเหตฺวา ตสฺส จตุตฺถภาคคฺฆนกํ นีลกหาปณสฺส ปาทคฺฆนกนฺติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วินิจฺฉโย กาตโพฺพ’’ติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๘๘) อยมโตฺถว วุโตฺตฯ
‘‘Catuttho bhāgo pādoti veditabboti imināva sabbajanapadesu kahāpaṇasseva vīsatimo bhāgomāsakoti idañca vuttameva hotīti daṭṭhabbaṃ. Porāṇasatthānurūpaṃ lakkhaṇasampannā uppāditā nīlakahāpaṇāti veditabbā. Dudradāmena uppādito dudradāmako. So kira nīlakahāpaṇassa tibhāgaṃ agghatī’ti vatvā ‘yasmiṃ padese nīlakahāpaṇā na santi, tatthāpi nīlakahāpaṇavaseneva paricchedo kātabbo. Kathaṃ? Nīlakahāpaṇānaṃ vaḷañjanaṭṭhāne ca avaḷañjanaṭṭhāne ca samānaagghavasena pavattamānaṃ bhaṇḍaṃ nīlakahāpaṇena samānagghaṃ gahetvā tassa catutthabhāgagghanakaṃ nīlakahāpaṇassa pādagghanakanti paricchinditvā vinicchayo kātabbo’’ti (sārattha. ṭī. 2.88) ayamatthova vutto.
เอตฺถ กหาปณํ นาม กโรนฺตา สุวเณฺณนปิ กโรนฺติ รชเตนปิ ตเมฺพนปิ สุวณฺณรชตตมฺพมิสฺสเกนปิ ฯ เตสุ กตรํ กหาปณํ นีลกหาปณนฺติ? เกจิ ตาว ‘‘สุวณฺณกหาปณ’’นฺติฯ เกจิ ‘‘มิสฺสกกหาปณ’’นฺติฯ ตตฺถ ‘‘สุวณฺณกหาปณ’’นฺติ วทนฺตานํ อยมธิปฺปาโย – ปาราชิกวตฺถุนา ปาเทน สพฺพตฺถ เอกลกฺขเณน ภวิตพฺพํ, กาลเทสปริโภคาทิวเสน อคฺฆนานตฺตํ ปาทเสฺสว ภวิตพฺพํฯ ภควตา หิ ธมฺมิกราชูหิ หนนพนฺธนปพฺพาชนานุรูเปเนว อทินฺนาทาเน ปาราชิกํ ปญฺญตฺตํ, น อิตรถาฯ ตสฺมา เอสา สพฺพทา สพฺพตฺถ อพฺยภิจารีติ สุวณฺณมยสฺส กหาปณสฺส จตุเตฺถน ปาเทน ภวิตพฺพนฺติฯ
Ettha kahāpaṇaṃ nāma karontā suvaṇṇenapi karonti rajatenapi tambenapi suvaṇṇarajatatambamissakenapi . Tesu kataraṃ kahāpaṇaṃ nīlakahāpaṇanti? Keci tāva ‘‘suvaṇṇakahāpaṇa’’nti. Keci ‘‘missakakahāpaṇa’’nti. Tattha ‘‘suvaṇṇakahāpaṇa’’nti vadantānaṃ ayamadhippāyo – pārājikavatthunā pādena sabbattha ekalakkhaṇena bhavitabbaṃ, kāladesaparibhogādivasena agghanānattaṃ pādasseva bhavitabbaṃ. Bhagavatā hi dhammikarājūhi hananabandhanapabbājanānurūpeneva adinnādāne pārājikaṃ paññattaṃ, na itarathā. Tasmā esā sabbadā sabbattha abyabhicārīti suvaṇṇamayassa kahāpaṇassa catutthena pādena bhavitabbanti.
‘‘มิสฺสกกหาปณ’’นฺติ วทนฺตานํ ปน อยมธิปฺปาโย –
‘‘Missakakahāpaṇa’’nti vadantānaṃ pana ayamadhippāyo –
อฎฺฐกถายํ –
Aṭṭhakathāyaṃ –
‘‘ตทา ราชคเห วีสติมาสโก กหาปโณ โหติ, ตสฺมา ปญฺจมาสโก ปาโทฯ เอเตน ลกฺขเณน สพฺพชนปเทสุ กหาปณสฺส จตุโตฺถ ภาโค ‘ปาโท’ติ เวทิตโพฺพฯ โส จ โข โปราณกสฺส นีลกหาปณสฺส วเสน, น อิตเรสํ ทุทฺรทามกาทีน’’นฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๘๘) –
‘‘Tadā rājagahe vīsatimāsako kahāpaṇo hoti, tasmā pañcamāsako pādo. Etena lakkhaṇena sabbajanapadesu kahāpaṇassa catuttho bhāgo ‘pādo’ti veditabbo. So ca kho porāṇakassa nīlakahāpaṇassa vasena, na itaresaṃ dudradāmakādīna’’nti (pārā. aṭṭha. 1.88) –
วุตฺตตฺตา, สารตฺถทีปนิยญฺจ –
Vuttattā, sāratthadīpaniyañca –
‘‘โปราณสตฺถานุรูปํ ลกฺขณสมฺปนฺนา อุปฺปาทิตา นีลกหาปณาติ เวทิตพฺพา’’ติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๘๘) –
‘‘Porāṇasatthānurūpaṃ lakkhaṇasampannā uppāditā nīlakahāpaṇāti veditabbā’’ti (sārattha. ṭī. 2.88) –
วุตฺตตฺตา จ ‘‘วินยวินิจฺฉยํ ปตฺวา ครุเก ฐาตพฺพ’’นฺติ วจนโต จ มิสฺสกกหาปโณเยว นีลกหาปโณฯ ตเตฺถว หิ โปราณสตฺถวิหิตํ ลกฺขณํ ทิสฺสติฯ กถํ? ปญฺจ มาสา สุวณฺณสฺส, ตถา รชตสฺส, ทส มาสา ตมฺพสฺสาติ เอเต วีสติ มาเส มิเสฺสตฺวา พนฺธนตฺถาย วีหิมตฺตํ โลหํ ปกฺขิปิตฺวา อกฺขรานิ จ หตฺถิอาทีนมญฺญตรญฺจ รูปํ ทเสฺสตฺวา กโต นิโทฺทสตฺตา นีลกหาปโณ นาม โหตีติฯ
Vuttattā ca ‘‘vinayavinicchayaṃ patvā garuke ṭhātabba’’nti vacanato ca missakakahāpaṇoyeva nīlakahāpaṇo. Tattheva hi porāṇasatthavihitaṃ lakkhaṇaṃ dissati. Kathaṃ? Pañca māsā suvaṇṇassa, tathā rajatassa, dasa māsā tambassāti ete vīsati māse missetvā bandhanatthāya vīhimattaṃ lohaṃ pakkhipitvā akkharāni ca hatthiādīnamaññatarañca rūpaṃ dassetvā kato niddosattā nīlakahāpaṇo nāma hotīti.
สิกฺขาภาชนวินิจฺฉเย จ เกสุจิ โปตฺถเกสุ ‘‘ปาโท นาม ปญฺจ มาสา สุวณฺณสฺสา’’ติ ปุริมปกฺขวาทีนํ มเตน ปาโฐ ลิขิโตฯ เกสุจิ โปตฺถเกสุ ทุติยปกฺขวาทีนํ มเตน ‘‘ปญฺจ มาสา หิรญฺญสฺสา’’ติ ปาโฐ ลิขิโตฯ สีหฬภาสาย โปราณเกหิ ลิขิตาย สามเณรสิกฺขาย ปน –
Sikkhābhājanavinicchaye ca kesuci potthakesu ‘‘pādo nāma pañca māsā suvaṇṇassā’’ti purimapakkhavādīnaṃ matena pāṭho likhito. Kesuci potthakesu dutiyapakkhavādīnaṃ matena ‘‘pañca māsā hiraññassā’’ti pāṭho likhito. Sīhaḷabhāsāya porāṇakehi likhitāya sāmaṇerasikkhāya pana –
‘‘โปราณกสฺส นีลกหาปณสฺสาติ วุตฺตอฎฺฐกถาวจนสฺส, โปราณเก รตนสุตฺตาภิธานกสุเตฺต วุตฺตกหาปณลกฺขณสฺส จ อนุรูปโต ‘สุวณฺณรชตตมฺพานิ มิเสฺสตฺวา อุฎฺฐาเปตฺวา กตกหาปณํ กหาปณํ นามา’ติ จ ‘สามเณรานมุปสมฺปนฺนานญฺจ อทินฺนาทานปาราชิกวตฺถุมฺหิ โก วิเสโส’ติ ปุจฺฉํ กตฺวา ‘สามเณรานํ ทสิกสุเตฺตนาปิ ปาราชิโก โหติ, อุปสมฺปนฺนานํ ปน สุวณฺณสฺส วีสติวีหิมเตฺตนา’’ติ –
‘‘Porāṇakassa nīlakahāpaṇassāti vuttaaṭṭhakathāvacanassa, porāṇake ratanasuttābhidhānakasutte vuttakahāpaṇalakkhaṇassa ca anurūpato ‘suvaṇṇarajatatambāni missetvā uṭṭhāpetvā katakahāpaṇaṃ kahāpaṇaṃ nāmā’ti ca ‘sāmaṇerānamupasampannānañca adinnādānapārājikavatthumhi ko viseso’ti pucchaṃ katvā ‘sāmaṇerānaṃ dasikasuttenāpi pārājiko hoti, upasampannānaṃ pana suvaṇṇassa vīsativīhimattenā’’ti –
จ วิเสโส ทสฺสิโตฯ
Ca viseso dassito.
ตํ ปน สุวณฺณมาสกวเสน อฑฺฒติยมาสกํ โหติ, ปญฺจมาสเกน จ ภควตา ปาราชิกํ ปญฺญตฺตํฯ ตสฺมา ตสฺส ยถาวุตฺตลกฺขณสฺส กหาปณสฺส สพฺพเทเสสุ อลพฺภมานตฺตา สพฺพเทสสาธารเณน ตสฺส มิสฺสกกหาปณสฺส ปญฺจมาสปาทคฺฆนเกน สุวเณฺณเนว ปาราชิกวตฺถุมฺหิ นิยมิเต สพฺพเทสวาสีนํ อุปการาย โหตีติ เอวํ สุวเณฺณเนว ปาราชิกวตฺถุปริเจฺฉโท กโตฯ อยเมว นิยโม สีหฬาจริยวาเทหิ สาโรติ คหิโตฯ ตสฺมา สิกฺขาครุเกหิ สพฺพตฺถ เปสเลหิ วินยธเรหิ อยเมว วินิจฺฉโย สารโต ปเจฺจตโพฺพฯ โหนฺติ เจตฺถ –
Taṃ pana suvaṇṇamāsakavasena aḍḍhatiyamāsakaṃ hoti, pañcamāsakena ca bhagavatā pārājikaṃ paññattaṃ. Tasmā tassa yathāvuttalakkhaṇassa kahāpaṇassa sabbadesesu alabbhamānattā sabbadesasādhāraṇena tassa missakakahāpaṇassa pañcamāsapādagghanakena suvaṇṇeneva pārājikavatthumhi niyamite sabbadesavāsīnaṃ upakārāya hotīti evaṃ suvaṇṇeneva pārājikavatthuparicchedo kato. Ayameva niyamo sīhaḷācariyavādehi sāroti gahito. Tasmā sikkhāgarukehi sabbattha pesalehi vinayadharehi ayameva vinicchayo sārato paccetabbo. Honti cettha –
‘‘เหมรชตตเมฺพหิ, สเตฺถ นิทฺทิฎฺฐลกฺขณํ;
‘‘Hemarajatatambehi, satthe niddiṭṭhalakkhaṇaṃ;
อหาเปตฺวา กโต วีส-มาโส นีลกหาปโณฯ
Ahāpetvā kato vīsa-māso nīlakahāpaṇo.
เหมปาทํ สชฺฌุปาทํ, ตมฺพปาททฺวยญฺหิ โส;
Hemapādaṃ sajjhupādaṃ, tambapādadvayañhi so;
มิเสฺสตฺวา รูปมเปฺปตฺวา, กาตุํ สเตฺถสุ ทสฺสิโตฯ
Missetvā rūpamappetvā, kātuṃ satthesu dassito.
‘เอลา’ติ วุจฺจเต โทโส, นิโทฺทสตฺตา ตถีริโต;
‘Elā’ti vuccate doso, niddosattā tathīrito;
ตสฺส ปาโท สุวณฺณสฺส, วีสวีหคฺฆโน มโตฯ
Tassa pādo suvaṇṇassa, vīsavīhagghano mato.
ยสฺมิํ ปน ปเทเส โส, น วตฺตติ กหาปโณ;
Yasmiṃ pana padese so, na vattati kahāpaṇo;
วีสโสวณฺณวีหคฺฆํ, ตปฺปาทคฺฆนฺติ เวทิยํฯ
Vīsasovaṇṇavīhagghaṃ, tappādagghanti vediyaṃ.
วีสโสวณฺณวีหคฺฆํ, เถเนนฺตา ภิกฺขโว ตโต;
Vīsasovaṇṇavīhagghaṃ, thenentā bhikkhavo tato;
จวนฺติ สามญฺญคุณา, อิจฺจาหุ วินยญฺญุโน’’ติฯ
Cavanti sāmaññaguṇā, iccāhu vinayaññuno’’ti.
๙. โอปาตนฺติ อาวาฎํฯ ทุเกฺข ชาเตติ โยชนาฯ
9.Opātanti āvāṭaṃ. Dukkhe jāteti yojanā.
๑๐. อุตฺตริํ ธมฺมนฺติ เอตฺถ ‘‘อุตฺตริมนุสฺสธมฺม’’นฺติ วตฺตเพฺพ นิรุตฺตินเยน มชฺฌปทโลปํ, นิคฺคหีตาคมญฺจ กตฺวา ‘‘อุตฺตริํ ธมฺม’’นฺติ วุตฺตํฯ อุตฺตริมนุสฺสานํ ฌายีนเญฺจว อริยานญฺจ ธมฺมํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํฯ อตฺตุปนายิกนฺติ อตฺตนิ ตํ อุปเนติ ‘‘มยิ อตฺถี’’ติ สมุทาจรโนฺต, อตฺตานํ วา ตตฺถ อุปเนติ ‘‘อหํ เอตฺถ สนฺทิสฺสามี’’ติ สมุทาจรโนฺตติ อตฺตุปนายิโก, ตํ อตฺตุปนายิกํ, เอวํ กตฺวา วทโนฺตติ สมฺพโนฺธฯ
10.Uttariṃ dhammanti ettha ‘‘uttarimanussadhamma’’nti vattabbe niruttinayena majjhapadalopaṃ, niggahītāgamañca katvā ‘‘uttariṃ dhamma’’nti vuttaṃ. Uttarimanussānaṃ jhāyīnañceva ariyānañca dhammaṃ uttarimanussadhammaṃ. Attupanāyikanti attani taṃ upaneti ‘‘mayi atthī’’ti samudācaranto, attānaṃ vā tattha upaneti ‘‘ahaṃ ettha sandissāmī’’ti samudācarantoti attupanāyiko, taṃ attupanāyikaṃ, evaṃ katvā vadantoti sambandho.
๑๑. ปริยาเยติ ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, โส ภิกฺขุ อรหา’’ติอาทินา (ปริ. ๒๘๗) ปริยายภณเนฯ ญาเตติ ยํ อุทฺทิสฺส ภณติ, ตสฺมิํ วิญฺญุมฺหิ มนุสฺสชาติเก อจิเรน ญาเตฯ โน เจติ โน เจ ชานาติฯ
11.Pariyāyeti ‘‘yo te vihāre vasati, so bhikkhu arahā’’tiādinā (pari. 287) pariyāyabhaṇane. Ñāteti yaṃ uddissa bhaṇati, tasmiṃ viññumhi manussajātike acirena ñāte. No ceti no ce jānāti.
อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา
Iti uttare līnatthapakāsaniyā
ปาราชิกกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pārājikakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๓. เจเตติ, อุปกฺกมติ, มุจฺจติ, เอวํ องฺคตฺตเย ปุเณฺณ ครุกํ วุตฺตํฯ ทฺวเงฺค เจเตติ, อุปกฺกมติ ยทิ น มุจฺจติ, เอวํ องฺคทฺวเย ถุลฺลจฺจยนฺติ โยชนาฯ ปโยเคติ ปโยเชตฺวา อุปกฺกมิตุํ องฺคชาตามสนํ, ปรสฺส อาณาปนนฺติ เอวรูเป สาหตฺถิกาณตฺติกปโยเคฯ
13. Ceteti, upakkamati, muccati, evaṃ aṅgattaye puṇṇe garukaṃ vuttaṃ. Dvaṅge ceteti, upakkamati yadi na muccati, evaṃ aṅgadvaye thullaccayanti yojanā. Payogeti payojetvā upakkamituṃ aṅgajātāmasanaṃ, parassa āṇāpananti evarūpe sāhatthikāṇattikapayoge.
๑๔. วุตฺตนเยเนว อุปรูปริ ปญฺหาปุจฺฉนํ ญาตุํ สกฺกาติ ตํ อวตฺตุกาโม อาห ‘‘อิโต ปฎฺฐายา’’ติอาทิฯ มยมฺปิ ยเทตฺถ ปุเพฺพ อวุตฺตมนุตฺตานตฺถญฺจ, ตเทว วณฺณยิสฺสามฯ
14. Vuttanayeneva uparūpari pañhāpucchanaṃ ñātuṃ sakkāti taṃ avattukāmo āha ‘‘ito paṭṭhāyā’’tiādi. Mayampi yadettha pubbe avuttamanuttānatthañca, tadeva vaṇṇayissāma.
๑๕. กาเยนาติ อตฺตโน กาเยนฯ กายนฺติ อิตฺถิยา กายํฯ เอส นโย ‘‘กายพทฺธ’’นฺติ เอตฺถาปิฯ
15.Kāyenāti attano kāyena. Kāyanti itthiyā kāyaṃ. Esa nayo ‘‘kāyabaddha’’nti etthāpi.
๑๖. อตฺตโน กาเยน ปฎิพเทฺธน อิตฺถิยา กายปฎิพเทฺธ ผุเฎฺฐ ตุ ทุกฺกฎนฺติ โยชนาฯ
16. Attano kāyena paṭibaddhena itthiyā kāyapaṭibaddhe phuṭṭhe tu dukkaṭanti yojanā.
๑๗. ติโสฺส อาปตฺติโย สิยุนฺติ โยชนาฯ ทฺวินฺนํ มคฺคานนฺติ วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคานํฯ
17.Tisso āpattiyo siyunti yojanā. Dvinnaṃ maggānanti vaccamaggapassāvamaggānaṃ.
๑๘. วณฺณาทิภเญฺญติ วณฺณาทินา ภณเนฯ กายปฎิพเทฺธ วณฺณาทินา ภเญฺญ ทุกฺกฎนฺติ โยชนาฯ
18.Vaṇṇādibhaññeti vaṇṇādinā bhaṇane. Kāyapaṭibaddhe vaṇṇādinā bhaññe dukkaṭanti yojanā.
๑๙. อตฺตกามจริยายาติ อตฺตกามปาริจริยายฯ
19.Attakāmacariyāyāti attakāmapāricariyāya.
๒๐. ปณฺฑกสฺส สนฺติเกปิ อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ วทโต ตสฺส ภิกฺขุโนติ โยชนาฯ ติรจฺฉานคตสฺสาปิ สนฺติเกติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ
20. Paṇḍakassa santikepi attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ vadato tassa bhikkhunoti yojanā. Tiracchānagatassāpi santiketi etthāpi eseva nayo.
๒๑. อิตฺถิปุริสานมนฺตเร สญฺจริตฺตํ สญฺจรณภาวํ สมาปเนฺน ภิกฺขุมฺหิ ปฎิคฺคณฺหนวีมํสาปจฺจาหรณกตฺติเก สมฺปเนฺน ตสฺส พุโธ ครุกํ นิทฺทิเสติ โยชนาฯ
21. Itthipurisānamantare sañcarittaṃ sañcaraṇabhāvaṃ samāpanne bhikkhumhi paṭiggaṇhanavīmaṃsāpaccāharaṇakattike sampanne tassa budho garukaṃ niddiseti yojanā.
๒๒. ทฺวงฺคสมาโยเคติ ตีเสฺวเตสุ ทฺวินฺนํ องฺคานํ ยถากถญฺจิ สมาโยเคฯ อเงฺค สติ ปเนกสฺมินฺติ ติณฺณเมกสฺมิํ ปน อเงฺค สติฯ
22.Dvaṅgasamāyogeti tīsvetesu dvinnaṃ aṅgānaṃ yathākathañci samāyoge. Aṅge sati panekasminti tiṇṇamekasmiṃ pana aṅge sati.
๒๔. ปโยเคติ ‘‘อเทสิตวตฺถุกํ ปมาณาติกฺกนฺตํ กุฎิํ, อเทสิตวตฺถุกํ มหลฺลกวิหารญฺจ กาเรสฺสามี’’ติ อุปกรณตฺถํ อรญฺญคมนโต ปฎฺฐาย สพฺพปโยเคฯ เอกปิเณฺฑ อนาคเตติ สพฺพปริยนฺติมํ ปิณฺฑํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
24.Payogeti ‘‘adesitavatthukaṃ pamāṇātikkantaṃ kuṭiṃ, adesitavatthukaṃ mahallakavihārañca kāressāmī’’ti upakaraṇatthaṃ araññagamanato paṭṭhāya sabbapayoge. Ekapiṇḍe anāgateti sabbapariyantimaṃ piṇḍaṃ sandhāya vuttaṃ.
๒๕. อิธ โย ภิกฺขุ อมูลเกน ปาราชิเกน ธเมฺมน อนุทฺธํเสตีติ โยชนาฯ
25. Idha yo bhikkhu amūlakena pārājikena dhammena anuddhaṃsetīti yojanā.
๒๖. โอกาสํ น จ กาเรตฺวาติ ‘‘กโรตุ เม, อายสฺมา, โอกาสํ, อหํ เต วตฺตุกาโม’’ติ เอวํ เตน ภิกฺขุนา โอกาสํ อการาเปตฺวาฯ
26.Okāsaṃna ca kāretvāti ‘‘karotu me, āyasmā, okāsaṃ, ahaṃ te vattukāmo’’ti evaṃ tena bhikkhunā okāsaṃ akārāpetvā.
๒๘. อญฺญภาคิเยติ อญฺญภาคิยปเทน อุปลกฺขิตสิกฺขาปเทฯ เอวํ อญฺญตฺรปิ อีทิเสสุ ฐาเนสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
28.Aññabhāgiyeti aññabhāgiyapadena upalakkhitasikkhāpade. Evaṃ aññatrapi īdisesu ṭhānesu attho veditabbo.
๒๙. ‘‘สมนุภาสนาย เอวา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ น ปฎินิสฺสชนฺติ อปฺปฎินิสฺสชโนฺตฯ
29. ‘‘Samanubhāsanāya evā’’ti padacchedo. Na paṭinissajanti appaṭinissajanto.
๓๐. ญตฺติยา ทุกฺกฎํ อาปโนฺน สิยา, ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลตํ อาปโนฺน สิยา, กมฺมวาจาย โอสาเน ครุกํ อาปโนฺน สิยาติ โยชนาฯ ‘‘ถุลฺลต’’นฺติ อิทํ ถุลฺลจฺจยาปตฺติอุปลกฺขณวจนํฯ
30. Ñattiyā dukkaṭaṃ āpanno siyā, dvīhi kammavācāhi thullataṃ āpanno siyā, kammavācāya osāne garukaṃ āpanno siyāti yojanā. ‘‘Thullata’’nti idaṃ thullaccayāpattiupalakkhaṇavacanaṃ.
๓๑. จตูสุ ยาวตติยเกสุ ปฐเม อาปตฺติปริเจฺฉทํ ทเสฺสตฺวา อิตเรสํ ติณฺณํ เตนปิ เอกปริเจฺฉทตฺตา ตตฺถ วุตฺตนยเมว เตสุ อติทิสโนฺต อาห ‘‘เภทานุวตฺตเก’’ติอาทิฯ
31. Catūsu yāvatatiyakesu paṭhame āpattiparicchedaṃ dassetvā itaresaṃ tiṇṇaṃ tenapi ekaparicchedattā tattha vuttanayameva tesu atidisanto āha ‘‘bhedānuvattake’’tiādi.
อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา
Iti uttare līnatthapakāsaniyā
สงฺฆาทิเสสกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅghādisesakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
๓๒. อติเรกจีวรนฺติ อนธิฎฺฐิตํ, อวิกปฺปิตํ วิกปฺปนุปคปมาณํ จีวรํ ลทฺธา ทสาหํ อติกฺกมโนฺต เอกเมว นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ อาปชฺชติฯ ติจีวเรน เอกรตฺติมฺปิ วินา วสโนฺต เอกเมว นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ อาปชฺชติฯ อิทญฺจ ชาติวเสน เอกตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ วตฺถุคณนาย อาปตฺตีนํ ปริจฺฉินฺทิตพฺพตฺตาฯ
32.Atirekacīvaranti anadhiṭṭhitaṃ, avikappitaṃ vikappanupagapamāṇaṃ cīvaraṃ laddhā dasāhaṃ atikkamanto ekameva nissaggiyaṃ pācittiyaṃ āpajjati. Ticīvarena ekarattimpi vinā vasanto ekameva nissaggiyaṃ pācittiyaṃ āpajjati. Idañca jātivasena ekattaṃ sandhāya vuttaṃ vatthugaṇanāya āpattīnaṃ paricchinditabbattā.
๓๓. คเหตฺวากาลจีวรนฺติ อกาลจีวรํ ปฎิคฺคเหตฺวาฯ มาสนฺติ สติยา ปจฺจาสาย นิกฺขิปิตุํ อนุญฺญาตํ มาสํฯ อติกฺกมโนฺตติ สติยาปิ ปจฺจาสาย วีติกฺกมโนฺต อโนฺตมาเส อนธิฎฺฐหิตฺวา, อวิกเปฺปตฺวา วา ติํสทิวสานิ อติกฺกมโนฺต, จีวรุปฺปาททิวสํ อรุณํ อาทิํ กตฺวา เอกติํสมํ อรุณํ อุฎฺฐาเปโนฺตติ อโตฺถฯ เอกํ นิสฺสคฺคิยํ อาปตฺติํ อาปชฺชตีติ อุทีริตนฺติ โยชนาฯ
33.Gahetvākālacīvaranti akālacīvaraṃ paṭiggahetvā. Māsanti satiyā paccāsāya nikkhipituṃ anuññātaṃ māsaṃ. Atikkamantoti satiyāpi paccāsāya vītikkamanto antomāse anadhiṭṭhahitvā, avikappetvā vā tiṃsadivasāni atikkamanto, cīvaruppādadivasaṃ aruṇaṃ ādiṃ katvā ekatiṃsamaṃ aruṇaṃ uṭṭhāpentoti attho. Ekaṃ nissaggiyaṃ āpattiṃ āpajjatīti udīritanti yojanā.
๓๔. อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยาฯ ยํกิญฺจิ ปุราณจีวรนฺติ เอกวารมฺปิ ปริภุตฺตํ สงฺฆาฎิอาทีนมญฺญตรํ จีวรํฯ
34.Aññātikāya bhikkhuniyā. Yaṃkiñci purāṇacīvaranti ekavārampi paribhuttaṃ saṅghāṭiādīnamaññataraṃ cīvaraṃ.
๓๕. ปโยคสฺมินฺติ ‘‘โธวา’’ติอาทิเก ภิกฺขุโน อาณตฺติกปโยเค, เอวํ อาณตฺตาย จ ภิกฺขุนิยา อุทฺธนาทิเก สพฺพสฺมิํ ปโยเค จฯ ‘‘นิสฺสคฺคิยาว ปาจิตฺติ โหตีติ นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติ จ โหตีติ โยชนาฯ
35.Payogasminti ‘‘dhovā’’tiādike bhikkhuno āṇattikapayoge, evaṃ āṇattāya ca bhikkhuniyā uddhanādike sabbasmiṃ payoge ca. ‘‘Nissaggiyāva pācitti hotīti nissaggiyā pācitti ca hotīti yojanā.
๓๖. ปฎิคณฺหโตติ เอตฺถ ‘‘อญฺญตฺร ปาริวตฺตกา’’ติ โยชนาฯ
36.Paṭigaṇhatoti ettha ‘‘aññatra pārivattakā’’ti yojanā.
๓๘. ปโยคสฺมินฺติ วิญฺญาปนปโยเคฯ วิญฺญาปิเตติ วิญฺญาปิตจีวเร ปฎิลเทฺธฯ
38.Payogasminti viññāpanapayoge. Viññāpiteti viññāpitacīvare paṭiladdhe.
๓๙. ภิกฺขูติ อจฺฉินฺนจีวโร วา นฎฺฐจีวโร วา ภิกฺขุฯ ตทุตฺตรินฺติ สนฺตรุตฺตรปรมโต อุตฺตริํฯ
39.Bhikkhūti acchinnacīvaro vā naṭṭhacīvaro vā bhikkhu. Taduttarinti santaruttaraparamato uttariṃ.
๔๑. ปโยเคติ วิกปฺปนาปชฺชนปโยเคฯ
41.Payogeti vikappanāpajjanapayoge.
๔๒. ทุเวติ ทุกฺกฎปาจิตฺติยวเสน ทุเว อาปตฺติโย ผุเสติ โยเชตพฺพํฯ
42.Duveti dukkaṭapācittiyavasena duve āpattiyo phuseti yojetabbaṃ.
๔๔. ปโยเคติ อนุญฺญาตปโยคโต อติเรกาภินิปฺผาทนปโยเคฯ ลาเภติ จีวรสฺส ปฎิลาเภฯ
44.Payogeti anuññātapayogato atirekābhinipphādanapayoge. Lābheti cīvarassa paṭilābhe.
กถินวคฺควณฺณนา ปฐมาฯ
Kathinavaggavaṇṇanā paṭhamā.
๔๕. โกสิยวคฺคสฺส อาทีสุ ปญฺจสุ สิกฺขาปเทสุ เทฺว เทฺว อาปตฺติโยติ โยชนาฯ ปโยเคติ กรณการาปนปโยเคฯ ลาเภติ กตฺวา วา กาเรตฺวา วา ปรินิฎฺฐาปเนฯ
45. Kosiyavaggassa ādīsu pañcasu sikkhāpadesu dve dve āpattiyoti yojanā. Payogeti karaṇakārāpanapayoge. Lābheti katvā vā kāretvā vā pariniṭṭhāpane.
๔๖. ‘‘คเหตฺวา เอฬกโลมานี’’ติ ปทเจฺฉโทฯ อติกฺกมนฺติ อติกฺกมโนฺตฯ
46. ‘‘Gahetvā eḷakalomānī’’ti padacchedo. Atikkamanti atikkamanto.
๔๗. อญฺญายาติ อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยาฯ ‘‘โธวาเปติ เอฬโลมก’’นฺติ ปทเจฺฉโทฯ เอฬโลมกนฺติ เอฬกโลมานิฯ นิรุตฺตินเยน ก-การสฺส วิปริยาโยฯ ปโยเคติ โธวาปนปโยเคฯ
47.Aññāyāti aññātikāya bhikkhuniyā. ‘‘Dhovāpeti eḷalomaka’’nti padacchedo. Eḷalomakanti eḷakalomāni. Niruttinayena ka-kārassa vipariyāyo. Payogeti dhovāpanapayoge.
๔๘. ปโยเคติ ปฎิคฺคณฺหนปโยเคฯ
48.Payogeti paṭiggaṇhanapayoge.
๔๙. นานาการนฺติ นานปฺปการํฯ สมาปชฺชนฺติ สมาปชฺชโนฺต ภิกฺขุฯ สมาปเนฺนติ สํโวหาเร สมาปเนฺน สติฯ ปโยเคติ สมาปชฺชนปโยเคฯ
49.Nānākāranti nānappakāraṃ. Samāpajjanti samāpajjanto bhikkhu. Samāpanneti saṃvohāre samāpanne sati. Payogeti samāpajjanapayoge.
๕๐. ปโยเคติ กยวิกฺกยาปชฺชนปโยเคฯ ตสฺมิํ กเตติ ตสฺมิํ ภเณฺฑ อตฺตโน สนฺตกภาวํ นีเตฯ
50.Payogeti kayavikkayāpajjanapayoge. Tasmiṃ kateti tasmiṃ bhaṇḍe attano santakabhāvaṃ nīte.
โกสิยวคฺควณฺณนา ทุติยาฯ
Kosiyavaggavaṇṇanā dutiyā.
๕๑. อติเรกกนฺติ อนธิฎฺฐิตํ, อวิกปฺปิตํ วา ปตฺตํฯ ทสาหํ อติกฺกเมนฺตสฺส ตสฺส ภิกฺขุโน เอกาว นิสฺสคฺคิยาปตฺติ โหตีติ โยชนาฯ
51.Atirekakanti anadhiṭṭhitaṃ, avikappitaṃ vā pattaṃ. Dasāhaṃ atikkamentassa tassa bhikkhuno ekāva nissaggiyāpatti hotīti yojanā.
๕๒-๓. นตฺถิ เอตสฺส ปญฺจ พนฺธนานีติ อปญฺจพนฺธโน, ตสฺมิํ, อูนปญฺจพนฺธเน ปเตฺตติ อโตฺถฯ ปโยเคติ วิญฺญาปนปโยเคฯ ตสฺส ปตฺตสฺส ลาเภ ปฎิลาเภฯ
52-3. Natthi etassa pañca bandhanānīti apañcabandhano, tasmiṃ, ūnapañcabandhane patteti attho. Payogeti viññāpanapayoge. Tassa pattassa lābhe paṭilābhe.
๕๔. เภสชฺชนฺติ สปฺปิอาทิกํฯ
54.Bhesajjanti sappiādikaṃ.
๕๕. ปโยเคติ ปริเยสนปโยเคฯ
55.Payogeti pariyesanapayoge.
๕๖. ปโยเคติ อจฺฉินฺทนอจฺฉินฺทาปนปโยเคฯ หเฎติ อจฺฉินฺทิตฺวา คหิเตฯ
56.Payogeti acchindanaacchindāpanapayoge. Haṭeti acchinditvā gahite.
๕๗. เทฺว ปนาปตฺติโย ผุเสติ วายาปนปโยเค ทุกฺกฎํ, วิกปฺปนุปคปจฺฉิมจีวรปมาเณน วีเต นิสฺสคฺคิยนฺติ เทฺว อาปตฺติโย อาปชฺชตีติ อโตฺถฯ
57.Dve panāpattiyo phuseti vāyāpanapayoge dukkaṭaṃ, vikappanupagapacchimacīvarapamāṇena vīte nissaggiyanti dve āpattiyo āpajjatīti attho.
๕๘-๙. โย ปน ภิกฺขุ อปฺปวาริโต อญฺญาตกเสฺสว ตนฺตวาเย สเมจฺจ อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปชฺชโนฺต โหติฯ โสติ โส ภิกฺขุฯ เทฺว อาปตฺติโย อาปชฺชติ, น สํสโยติ โยชนาฯ ปโยเคติ วิกปฺปาปชฺชนปโยเคฯ
58-9. Yo pana bhikkhu appavārito aññātakasseva tantavāye samecca upasaṅkamitvā cīvare vikappaṃ āpajjanto hoti. Soti so bhikkhu. Dve āpattiyo āpajjati, na saṃsayoti yojanā. Payogeti vikappāpajjanapayoge.
๖๐. อเจฺจกสญฺญิตํ จีวรํ ปฎิคฺคเหตฺวาติ โยชนาฯ กาลนฺติ จีวรกาลํฯ
60. Accekasaññitaṃ cīvaraṃ paṭiggahetvāti yojanā. Kālanti cīvarakālaṃ.
๖๑. ติณฺณมญฺญตรํ วตฺถนฺติ ติณฺณํ จีวรานํ อญฺญตรํ จีวรํฯ ฆเรติ อนฺตรฆเรฯ นิทหิตฺวาติ นิกฺขิปิตฺวาฯ เตน จีวเรน วินา ฉารตฺตโต อธิกํ ทิวสํ ยสฺส อารญฺญกสฺส วิหารสฺส โคจรคาเม ตํ จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, ตมฺหา วิหารา อญฺญตฺร วสโนฺต นิสฺสคฺคิยํ ผุเสติ โยชนาฯ
61.Tiṇṇamaññataraṃ vatthanti tiṇṇaṃ cīvarānaṃ aññataraṃ cīvaraṃ. Ghareti antaraghare. Nidahitvāti nikkhipitvā. Tena cīvarena vinā chārattato adhikaṃ divasaṃ yassa āraññakassa vihārassa gocaragāme taṃ cīvaraṃ nikkhittaṃ, tamhā vihārā aññatra vasanto nissaggiyaṃ phuseti yojanā.
๖๒. สงฺฆิกํ ลาภํ ปริณตํ ชานํ ชานโนฺตฯ
62. Saṅghikaṃ lābhaṃ pariṇataṃ jānaṃ jānanto.
๖๓. ปโยเคติ ปริณามนปโยเคฯ สพฺพตฺถาติ ปาราชิกาทีสุ สพฺพสิกฺขาปเทสุฯ อปฺปนาวารปริหานีติ ปริวาเร ปฐมํ วุตฺตกตฺถปญฺญตฺติวารสฺส ปริหาปนํ, อิธ อวจนนฺติ อโตฺถ, ตสฺส วารสฺส ปริวาเร สพฺพปฐมตฺตา ปฐมํ วตฺตพฺพภาเวปิ ตตฺถ วตฺตพฺพํ ปจฺฉา คณฺหิตุกาเมน มยา ตํ ฐเปตฺวา ปฐมํ อาปตฺติทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตโร กตาปตฺติวาโร ปฐมํ วุโตฺตติ อธิปฺปาโยฯ
63.Payogeti pariṇāmanapayoge. Sabbatthāti pārājikādīsu sabbasikkhāpadesu. Appanāvāraparihānīti parivāre paṭhamaṃ vuttakatthapaññattivārassa parihāpanaṃ, idha avacananti attho, tassa vārassa parivāre sabbapaṭhamattā paṭhamaṃ vattabbabhāvepi tattha vattabbaṃ pacchā gaṇhitukāmena mayā taṃ ṭhapetvā paṭhamaṃ āpattidassanatthaṃ tadanantaro katāpattivāro paṭhamaṃ vuttoti adhippāyo.
ปตฺตวคฺควณฺณนา ตติยาฯ
Pattavaggavaṇṇanā tatiyā.
อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา
Iti uttare līnatthapakāsaniyā
ติํสนิสฺสคฺคิยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tiṃsanissaggiyakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
๖๔. มนุสฺสุตฺตริธเมฺมติ อุตฺตริมนุสฺสธเมฺมฯ อภูตสฺมิํ อุตฺตริมนุสฺสธเมฺม สมุลฺลปิเต ปราชโย ปาราชิกาปตฺติฯ
64.Manussuttaridhammeti uttarimanussadhamme. Abhūtasmiṃ uttarimanussadhamme samullapite parājayo pārājikāpatti.
๖๕. อมูลนฺติมวตฺถุนา อมูลเกน ปาราชิเกน ธเมฺมน ภิกฺขุํ โจทนาย ครุ สงฺฆาทิเสโส โหตีติ โยชนาฯ ปริยายวจเนติ ‘‘โย เต วิหาเร วสตี’’ติอาทินา (ปริ. ๒๘๗) ปริยาเยน กถเนฯ ญาเตติ ยสฺส กเถติ, ตสฺมิํ วจนานนฺตรเมว ญาเตฯ
65.Amūlantimavatthunā amūlakena pārājikena dhammena bhikkhuṃ codanāya garu saṅghādiseso hotīti yojanā. Pariyāyavacaneti ‘‘yo te vihāre vasatī’’tiādinā (pari. 287) pariyāyena kathane. Ñāteti yassa katheti, tasmiṃ vacanānantarameva ñāte.
๖๖. โน เจ ปน วิชานาตีติ อถ ตํ ปริยาเยน วุตฺตํ วจนานนฺตรเมว สเจ น ชานาติฯ สมุทาหฎนฺติ กถิตํฯ
66.Noce pana vijānātīti atha taṃ pariyāyena vuttaṃ vacanānantarameva sace na jānāti. Samudāhaṭanti kathitaṃ.
๖๗. โอมสโต ภิกฺขุสฺส ทุเว อาปตฺติโย วุตฺตาฯ อุปสมฺปนฺนํ โอมสโต ปาจิตฺติ สิยาฯ อิตรํ อนุปสมฺปนฺนํ โอมสโต ทุกฺกฎํ สิยาติ โยชนาฯ
67. Omasato bhikkhussa duve āpattiyo vuttā. Upasampannaṃ omasato pācitti siyā. Itaraṃ anupasampannaṃ omasato dukkaṭaṃ siyāti yojanā.
๖๘. เปสุญฺญหรเณปิ เทฺว อาปตฺติโย โหนฺติฯ
68. Pesuññaharaṇepi dve āpattiyo honti.
๖๙. ปโยเคติ ปทโส ธมฺมํ วาเจนฺตสฺส วจนกิริยารมฺภโต ปฎฺฐาย ยาว ปทาทีนํ ปริสมาปนํ, เอตฺถนฺตเร อกฺขรุจฺจารณปโยเค ทุกฺกฎํฯ ปทานํ ปริสมตฺติยํ ปาจิตฺติยํฯ
69.Payogeti padaso dhammaṃ vācentassa vacanakiriyārambhato paṭṭhāya yāva padādīnaṃ parisamāpanaṃ, etthantare akkharuccāraṇapayoge dukkaṭaṃ. Padānaṃ parisamattiyaṃ pācittiyaṃ.
๗๐. ‘‘ติรตฺตา อนุปสมฺปนฺนสหเสยฺยายา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ อนุปสมฺปเนฺนน สหเสยฺยา อนุปสมฺปนฺนสหเสยฺยา, ตายฯ ติรตฺตา อุตฺตริํ อนุปสมฺปนฺนสหเสยฺยายาติ โยชนาฯ ปโยเคติ สยนตฺถาย เสยฺยาปญฺญาปนกายาวชฺชนาทิปุพฺพปโยเคฯ ปเนฺนติ กายปสารณลกฺขเณน สยเนน นิปเนฺนฯ
70. ‘‘Tirattā anupasampannasahaseyyāyā’’ti padacchedo. Anupasampannena sahaseyyā anupasampannasahaseyyā, tāya. Tirattā uttariṃ anupasampannasahaseyyāyāti yojanā. Payogeti sayanatthāya seyyāpaññāpanakāyāvajjanādipubbapayoge. Panneti kāyapasāraṇalakkhaṇena sayanena nipanne.
๗๑. โย ปน ภิกฺขุ เอกรตฺติยํ มาตุคาเมน สหเสยฺยํ กเปฺปติฯ ทุกฺกฎาทโยติ ‘‘ปโยเค ทุกฺกฎํ, นิปเนฺน ปาจิตฺติย’’นฺติ ยถาวุตฺตเทฺวอาปตฺติโย อาปชฺชตีติ โยชนาฯ
71. Yo pana bhikkhu ekarattiyaṃ mātugāmena sahaseyyaṃ kappeti. Dukkaṭādayoti ‘‘payoge dukkaṭaṃ, nipanne pācittiya’’nti yathāvuttadveāpattiyo āpajjatīti yojanā.
๗๒. ปโยเคติ ยถาวุตฺตลกฺขณปโยเคฯ
72.Payogeti yathāvuttalakkhaṇapayoge.
๗๓. อนุปสมฺปเนฺนติ สมีปเตฺถ เจตํ ภุมฺมํฯ อนุปสมฺปนฺนสฺส สนฺติเก ภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ โย สเจ อาโรเจตีติ โยชนาฯ ทุกฺกฎาทโยติ ยสฺส อาโรเจติ, โส นปฺปฎิวิชานาติ, ทุกฺกฎํ, ปฎิวิชานาติ, ปาจิตฺติยนฺติ เอวํ เทฺว อาปตฺติโย ตสฺส โหนฺติฯ
73.Anupasampanneti samīpatthe cetaṃ bhummaṃ. Anupasampannassa santike bhūtaṃ uttarimanussadhammaṃ yo sace ārocetīti yojanā. Dukkaṭādayoti yassa āroceti, so nappaṭivijānāti, dukkaṭaṃ, paṭivijānāti, pācittiyanti evaṃ dve āpattiyo tassa honti.
๗๔. อญฺญโต อญฺญสฺส อุปสมฺปนฺนสฺส ทุฎฺฐุลฺลสฺส อาปตฺติํ อนุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสฺส สนฺติเก วทํ วทโนฺตติ โยชนาฯ ปโยเคติ อารมฺภโต ปฎฺฐาย ปุพฺพปโยเค ทุกฺกฎํ อาคจฺฉติ ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ อาโรจิเต ปาจิตฺติ สิยาติ โยชนาฯ
74.Aññato aññassa upasampannassa duṭṭhullassa āpattiṃ anupasampanne anupasampannassa santike vadaṃ vadantoti yojanā. Payogeti ārambhato paṭṭhāya pubbapayoge dukkaṭaṃ āgacchati dukkaṭaṃ āpajjati. Ārocite pācitti siyāti yojanā.
๗๕. ปโยเคติ ‘‘อกปฺปิยปถวิํ ขณิสฺสามี’’ติ กุทาล ปริเยสนาทิสพฺพปโยเคติฯ
75.Payogeti ‘‘akappiyapathaviṃ khaṇissāmī’’ti kudāla pariyesanādisabbapayogeti.
มุสาวาทวคฺควณฺณนา ปฐมาฯ
Musāvādavaggavaṇṇanā paṭhamā.
๗๖. ปาเตโนฺตติ วิโกเปโนฺตฯ ตสฺสาติ ภูตคามสฺสฯ ปาเตติ วิโกปเนฯ
76.Pātentoti vikopento. Tassāti bhūtagāmassa. Pāteti vikopane.
๗๗. อญฺญวาทกวิเหสกานํ เอกโยคนิทฺทิฎฺฐตฺตา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว วิเหสเก จ ญาตุํ สกฺกาติ ตตฺถ วิสุํ อาปตฺติเภโท น วุโตฺตฯ
77. Aññavādakavihesakānaṃ ekayoganiddiṭṭhattā tattha vuttanayeneva vihesake ca ñātuṃ sakkāti tattha visuṃ āpattibhedo na vutto.
๗๘. ปรนฺติ อญฺญํ สเงฺฆน สมฺมตเสนาสนปญฺญาปกาทิกํ อุปสมฺปนฺนํฯ อุชฺฌาเปโนฺตติ ตสฺส อยสํ อุปฺปาเทตุกามตาย ภิกฺขูหิ อวชานาเปตุํ ‘‘ฉนฺทาย อิตฺถนฺนาโม อิทํ นาม กโรตี’’ติอาทีนิ วตฺวา อวญฺญาย โอโลกาเปโนฺต, ลามกโต วา จินฺตาเปโนฺตฯ ปโยเคติ อุชฺฌาปนตฺถาย ตสฺส อวณฺณภณนาทิเก ปุพฺพปโยเคฯ
78.Paranti aññaṃ saṅghena sammatasenāsanapaññāpakādikaṃ upasampannaṃ. Ujjhāpentoti tassa ayasaṃ uppādetukāmatāya bhikkhūhi avajānāpetuṃ ‘‘chandāya itthannāmo idaṃ nāma karotī’’tiādīni vatvā avaññāya olokāpento, lāmakato vā cintāpento. Payogeti ujjhāpanatthāya tassa avaṇṇabhaṇanādike pubbapayoge.
๘๓. สงฺฆิเก วิหาเร ปุพฺพูปคตํ ภิกฺขุํ ชานํ ชานโนฺต อนุปขชฺช เสยฺยํ กเปฺปติ, ตเสฺสวํ เสยฺยํ กปฺปยโตติ โยชนาฯ ปโยเคทุกฺกฎาทโยติ เอตฺถ อลุตฺตสมาโสฯ อาทิ-สเทฺทน เสยฺยากปฺปเน ปาจิตฺติยํ สงฺคณฺหาติฯ
83. Saṅghike vihāre pubbūpagataṃ bhikkhuṃ jānaṃ jānanto anupakhajja seyyaṃ kappeti, tassevaṃ seyyaṃ kappayatoti yojanā. Payogedukkaṭādayoti ettha aluttasamāso. Ādi-saddena seyyākappane pācittiyaṃ saṅgaṇhāti.
๘๔. ปโยเคติ ‘‘นิกฺกฑฺฒถ อิม’’นฺติอาทิเก อาณตฺติเก วา ‘‘ยาหิ ยาหี’’ติอาทิเก วาจสิเก วา หเตฺถน ตสฺส องฺคปรามสนาทิวเสน กเต กายิเก วา นิกฺกฑฺฒนปโยเคฯ เสสนฺติ ปาจิตฺติยํฯ
84.Payogeti ‘‘nikkaḍḍhatha ima’’ntiādike āṇattike vā ‘‘yāhi yāhī’’tiādike vācasike vā hatthena tassa aṅgaparāmasanādivasena kate kāyike vā nikkaḍḍhanapayoge. Sesanti pācittiyaṃ.
๘๕. ‘‘เวหาสกุฎิยา อุปรี’’ติ ปทเจฺฉโทฯ อาหจฺจปาทเกติ เอตฺถ ‘‘มเญฺจ วา ปีเฐ วา’’ติ เสโสฯ สีทนฺติ นิสีทโนฺตฯ ทุกฺกฎาทโยติ ปโยเค ทุกฺกฎํ, นิปชฺชาย ปาจิตฺติยนฺติ อิมา อาปตฺติโย ผุเสติ อโตฺถฯ
85. ‘‘Vehāsakuṭiyā uparī’’ti padacchedo. Āhaccapādaketi ettha ‘‘mañce vā pīṭhe vā’’ti seso. Sīdanti nisīdanto. Dukkaṭādayoti payoge dukkaṭaṃ, nipajjāya pācittiyanti imā āpattiyo phuseti attho.
๘๖. อสฺส ปชฺชสฺส ปฐมปาทํ ทสกฺขรปาทกํ ฉโนฺทวิจิติยํ วุตฺตคาถา, ‘‘คาถาฉโนฺท อตีตทฺวย’’นฺติ อิมินา ฉโนฺทวิจิติลกฺขเณน คาถาฉนฺทตฺตา อธิฎฺฐิตฺวา ทฺวตฺติปริยาเยติ เอตฺถ อกฺขรทฺวยํ อธิกํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปโยเคติ อธิฎฺฐานปโยเคฯ อธิฎฺฐิเตติ ทฺวตฺติปริยายานํ อุปริ อธิฎฺฐาเน กเตฯ
86. Assa pajjassa paṭhamapādaṃ dasakkharapādakaṃ chandovicitiyaṃ vuttagāthā, ‘‘gāthāchando atītadvaya’’nti iminā chandovicitilakkhaṇena gāthāchandattā adhiṭṭhitvā dvattipariyāyeti ettha akkharadvayaṃ adhikaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Payogeti adhiṭṭhānapayoge. Adhiṭṭhiteti dvattipariyāyānaṃ upari adhiṭṭhāne kate.
๘๗. ปโยเคติ สิญฺจนสิญฺจาปนปโยเคฯ สิเตฺตติ สิญฺจนกิริยปริโยสาเนฯ
87.Payogeti siñcanasiñcāpanapayoge. Sitteti siñcanakiriyapariyosāne.
ภูตคามวคฺควณฺณนา ทุติยาฯ
Bhūtagāmavaggavaṇṇanā dutiyā.
๘๘. ทุกฺกฎํ ผุเสติ โยชนาฯ โอวทิเต ปาจิตฺติ สิยาติ โยชนาฯ
88. Dukkaṭaṃ phuseti yojanā. Ovadite pācitti siyāti yojanā.
๘๙. วิภาโคเยว วิภาคตาฯ
89. Vibhāgoyeva vibhāgatā.
๙๐. อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา อญฺญตฺร ปาริวตฺตกา จีวรํ เทโนฺต ภิกฺขุ ทุเว อาปตฺติโย ผุเสติ โยชนาฯ ปโยเคติ ทานปโยเคฯ
90.Aññātikāya bhikkhuniyā aññatra pārivattakā cīvaraṃ dento bhikkhu duve āpattiyo phuseti yojanā. Payogeti dānapayoge.
๙๓. ‘‘นาวํ เอก’’นฺติ ปทเจฺฉโทฯ ปโยเคติ อภิรุหณปโยเคฯ ทุกฺกฎาทโยติ อาทิ-สเทฺทน อภิรุเฬฺห ปาจิตฺติยํ สงฺคณฺหาติฯ
93. ‘‘Nāvaṃ eka’’nti padacchedo. Payogeti abhiruhaṇapayoge. Dukkaṭādayoti ādi-saddena abhiruḷhe pācittiyaṃ saṅgaṇhāti.
๙๔. ‘‘ทุวิธํ อาปตฺติ’’นฺติ ปทเจฺฉโทฯ
94. ‘‘Duvidhaṃ āpatti’’nti padacchedo.
๙๖. ภิกฺขุนิยา สทฺธิํ รโห นิสชฺชํ กเปฺปโนฺต ภิกฺขุ ปโยเคทุกฺกฎาทโย เทฺวปิ อาปตฺติโย ผุเสติ โยชนาฯ
96. Bhikkhuniyā saddhiṃ raho nisajjaṃ kappento bhikkhu payogedukkaṭādayo dvepi āpattiyo phuseti yojanā.
โอวาทวคฺควณฺณนา ตติยาฯ
Ovādavaggavaṇṇanā tatiyā.
๙๗. ตทุตฺตรินฺติ ตโต ภุญฺชิตุํ อนุญฺญาตเอกทิวสโต อุตฺตริํ ทุติยทิวสโต ปฎฺฐายฯ อนนฺตรสฺส วคฺคสฺสาติ โอวาทวคฺคสฺสฯ นวเมนาติ ภิกฺขุนิยา ปริปาจิตปิณฺฑปาตสิกฺขาปเทนฯ
97.Taduttarinti tato bhuñjituṃ anuññātaekadivasato uttariṃ dutiyadivasato paṭṭhāya. Anantarassa vaggassāti ovādavaggassa. Navamenāti bhikkhuniyā paripācitapiṇḍapātasikkhāpadena.
๙๙. ทฺวตฺติปเตฺตติ ทฺวตฺติปตฺตปูเรฯ ตทุตฺตรินฺติ ทฺวตฺติปตฺตปูรโต อุตฺตริํฯ ปโยเคติ ปฎิคฺคหณปโยเคฯ
99.Dvattipatteti dvattipattapūre. Taduttarinti dvattipattapūrato uttariṃ. Payogeti paṭiggahaṇapayoge.
๑๐๑. อภิหฎฺฐุนฺติ อภิหริตฺวาฯ
101.Abhihaṭṭhunti abhiharitvā.
๑๐๒. ตสฺสาติ อภิหรนฺตสฺสฯ ปิฎเกติ วินยปิฎเกฯ
102.Tassāti abhiharantassa. Piṭaketi vinayapiṭake.
๑๐๓. ทสเมปีติ เอตฺถ ‘‘ทสเม อปี’’ติ ปทเจฺฉโทฯ
103.Dasamepīti ettha ‘‘dasame apī’’ti padacchedo.
โภชนวคฺควณฺณนา จตุตฺถาฯ
Bhojanavaggavaṇṇanā catutthā.
๑๐๔. อเจลกาทิโนติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘ปริพฺพาชกสฺส วา ปริพฺพาชิกาย วา’’ติ (ปาจิ. ๒๗๐) วุเตฺต สงฺคณฺหาติฯ โภชนาทิกนฺติ อาทิ-สเทฺทน ขาทนียํ สงฺคณฺหาติฯ ปโยเคติ สหตฺถา ทานปโยเคฯ
104.Acelakādinoti ādi-saddena ‘‘paribbājakassa vā paribbājikāya vā’’ti (pāci. 270) vutte saṅgaṇhāti. Bhojanādikanti ādi-saddena khādanīyaṃ saṅgaṇhāti. Payogeti sahatthā dānapayoge.
๑๐๕. ทาเปตฺวา วา อทาเปตฺวา วา กิญฺจิ อามิสํฯ ปโยเคติ อุโยฺยชนปโยเคฯ ตสฺมินฺติ ตสฺมิํ ภิกฺขุมฺหิฯ อุโยฺยชิเต ปาจิตฺติ สิยาติ โยชนาฯ
105.Dāpetvā vā adāpetvā vā kiñci āmisaṃ. Payogeti uyyojanapayoge. Tasminti tasmiṃ bhikkhumhi. Uyyojite pācitti siyāti yojanā.
๑๐๙. อุมฺมาราติกฺกเมติ อินฺทขีลาติกฺกเมฯ
109.Ummārātikkameti indakhīlātikkame.
๑๑๐. ตทุตฺตรินฺติ ตโต ปริจฺฉินฺนรตฺติปริยนฺตโต วา ปริจฺฉินฺนเภสชฺชปริยนฺตโต วา อุตฺตริํฯ
110.Taduttarinti tato paricchinnarattipariyantato vā paricchinnabhesajjapariyantato vā uttariṃ.
๑๑๑. อุยฺยุตฺตํ ทสฺสนตฺถาย คจฺฉโนฺต เทฺว อาปตฺติโย ผุเสติ โยชนาฯ
111. Uyyuttaṃ dassanatthāya gacchanto dve āpattiyo phuseti yojanā.
อเจลกวคฺควณฺณนา ปญฺจมาฯ
Acelakavaggavaṇṇanā pañcamā.
๑๑๔. เมเรยฺยนฺติ เมรยํฯ นิรุตฺตินเยน อ-การสฺส เอ-กาโร, ย-การสฺส จ ทฺวิตฺตํฯ เมรย-สทฺทปริยาโย วา เมเรยฺย-สโทฺทฯ มุนีติ ภิกฺขุฯ
114.Mereyyanti merayaṃ. Niruttinayena a-kārassa e-kāro, ya-kārassa ca dvittaṃ. Meraya-saddapariyāyo vā mereyya-saddo. Munīti bhikkhu.
๑๑๕. ‘‘ภิกฺขุ องฺคุลิปโตเทนา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ ปโยเคติ หาสาปนปโยเคฯ ตสฺสาติ หาสาเปนฺตสฺสฯ
115. ‘‘Bhikkhu aṅgulipatodenā’’ti padacchedo. Payogeti hāsāpanapayoge. Tassāti hāsāpentassa.
๑๑๖. โคปฺผกา เหฎฺฐา อุทเก ทุกฺกฎํฯ โคปฺผกโต อุปริ อุปริโคปฺผกํ, อุทกํ, ตสฺมิํ, โคปฺผกโต อธิกปฺปมาเณ อุทเกติ อโตฺถฯ
116. Gopphakā heṭṭhā udake dukkaṭaṃ. Gopphakato upari uparigopphakaṃ, udakaṃ, tasmiṃ, gopphakato adhikappamāṇe udaketi attho.
๑๑๗. อนาทริยนฺติ ปุคฺคลานาทริยํ, ธมฺมานาทริยํ วาฯ ปโยเคติ อนาทริยวเสน ปวเตฺต กายปโยเค วา วจีปโยเค วาฯ กเต อนาทริเยฯ
117.Anādariyanti puggalānādariyaṃ, dhammānādariyaṃ vā. Payogeti anādariyavasena pavatte kāyapayoge vā vacīpayoge vā. Kate anādariye.
๑๑๘. ปโยเคติ ภิํสาปนปโยเคฯ
118.Payogeti bhiṃsāpanapayoge.
๑๑๙. โชตินฺติ อคฺคิํฯ สมาทหิตฺวานาติ ชาเลตฺวาฯ ‘‘วิสิเพฺพโนฺต’’ติ อิมินา ผลูปจาเรน การณํ วุตฺตํฯ วิสิพฺพนกิริยา หิ สมาทหนกิริยาย ผลนฺติ วิสิพฺพนกิริยาโวหาเรน สมาทหนกิริยาวฯ ตสฺมา วิสิเพฺพโนฺตติ เอตฺถ สมาทหโนฺตติ อโตฺถฯ ปโยเคติ สมาทหนสมาทหาปนปโยเคฯ วิสีวิเตติ วุตฺตนเยน สมาทหิเตติ อโตฺถฯ
119.Jotinti aggiṃ. Samādahitvānāti jāletvā. ‘‘Visibbento’’ti iminā phalūpacārena kāraṇaṃ vuttaṃ. Visibbanakiriyā hi samādahanakiriyāya phalanti visibbanakiriyāvohārena samādahanakiriyāva. Tasmā visibbentoti ettha samādahantoti attho. Payogeti samādahanasamādahāpanapayoge. Visīviteti vuttanayena samādahiteti attho.
๑๒๐. ปโยเคติ จุณฺณมตฺติกาภิสงฺขรณาทิสพฺพปโยเคฯ อิตรนฺติ ปาจิตฺติยํฯ
120.Payogeti cuṇṇamattikābhisaṅkharaṇādisabbapayoge. Itaranti pācittiyaṃ.
๑๒๑. ติณฺณํ ทุพฺพณฺณกรณานนฺติ กํสนีลปตฺตนีลกทฺทมสงฺขาตานํ ติณฺณํ ทุพฺพณฺณกรณานํฯ เอกํ อญฺญตรํ อนาทิย อทตฺวาฯ จีวรนฺติ นวจีวรํฯ
121.Tiṇṇaṃ dubbaṇṇakaraṇānanti kaṃsanīlapattanīlakaddamasaṅkhātānaṃ tiṇṇaṃ dubbaṇṇakaraṇānaṃ. Ekaṃ aññataraṃ anādiya adatvā. Cīvaranti navacīvaraṃ.
๑๒๒. นตฺถิ เอตสฺส อุทฺธารนฺติ อนุทฺธาโร, ตํ อนุทฺธารนฺติ วตฺตเพฺพ คาถาพนฺธวเสน รสฺสตฺตํ, อกตปจฺจุทฺธารนฺติ อโตฺถฯ
122. Natthi etassa uddhāranti anuddhāro, taṃ anuddhāranti vattabbe gāthābandhavasena rassattaṃ, akatapaccuddhāranti attho.
๑๒๓. อปนิเธโนฺตติ อปเนตฺวา นิเธโนฺต นิกฺขิเปโนฺตฯ ปตฺตาทิกนฺติ อาทิ-สเทฺทน จีวรนิสีทนสูจิฆรกายพนฺธนานํ คหณํฯ ปโยเคติ อปนิธานปโยเคฯ ตสฺมิํ ปตฺตาทิเก ปญฺจวิเธ ปริกฺขาเรฯ อปนิหิเต เสสา ปาจิตฺติยาปตฺติ สิยาติ โยชนาฯ
123.Apanidhentoti apanetvā nidhento nikkhipento. Pattādikanti ādi-saddena cīvaranisīdanasūcigharakāyabandhanānaṃ gahaṇaṃ. Payogeti apanidhānapayoge. Tasmiṃ pattādike pañcavidhe parikkhāre. Apanihite sesā pācittiyāpatti siyāti yojanā.
สุราปานวคฺควณฺณนา ฉฎฺฐาฯ
Surāpānavaggavaṇṇanā chaṭṭhā.
๑๒๔. ตโปธโนติ ปาติโมกฺขสํวรสีลสงฺขาตํ ตโปธนมสฺสาติ ตโปธโน, ภิกฺขุฯ
124.Tapodhanoti pātimokkhasaṃvarasīlasaṅkhātaṃ tapodhanamassāti tapodhano, bhikkhu.
๑๒๕. ตสฺมิํ โอปาเตฯ
125.Tasmiṃ opāte.
๑๒๖. มนุสฺสวิคฺคโห มนุสฺสสรีโรฯ ติรจฺฉานคโต นาโค วา สุปโณฺณ วาฯ ตสฺส โอปาตขณกสฺสฯ
126.Manussaviggaho manussasarīro. Tiracchānagato nāgo vā supaṇṇo vā. Tassa opātakhaṇakassa.
๑๒๗. ปฎุพุทฺธินาติ สเพฺพสุ เญยฺยธเมฺมสุ นิปุนญาเณน ภควตาฯ
127.Paṭubuddhināti sabbesu ñeyyadhammesu nipunañāṇena bhagavatā.
๑๒๘. ปโยเคติ ปริโภคตฺถาย คหณาทิเก ปโยเคฯ ตสฺสาติ ภิกฺขุสฺสฯ
128.Payogeti paribhogatthāya gahaṇādike payoge. Tassāti bhikkhussa.
๑๒๙. อุโกฺกเฎโนฺตติ อุจฺจาเลโนฺต ยถาฐาเน ฐาตุํ อเทโนฺตฯ ปโยเคติ อุโกฺกฎนปโยเคฯ อุโกฺกฎิเต ปาจิตฺติยํ สิยาติ โยชนาฯ
129.Ukkoṭentoti uccālento yathāṭhāne ṭhātuṃ adento. Payogeti ukkoṭanapayoge. Ukkoṭite pācittiyaṃ siyāti yojanā.
๑๓๐. ทุฎฺฐุลฺลํ วชฺชกนฺติ สงฺฆาทิเสสาทิเกฯ เอกํ ปาจิตฺติยํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ อิติ ทีปิตนฺติ โยชนาฯ
130.Duṭṭhullaṃ vajjakanti saṅghādisesādike. Ekaṃ pācittiyaṃ āpattiṃ āpajjati iti dīpitanti yojanā.
๑๓๑. ปโยเคติ คณปริเยสนาทิปโยเคฯ ทุกฺกฎํ ปโตฺต สิยา ทุกฺกฎาปตฺติํ อาปโนฺน ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ เสสาติ ปาจิตฺติยาปตฺติ อุปสมฺปาทิเต สิยาฯ คาถาพนฺธวเสน อุปสคฺคโลโปฯ
131.Payogeti gaṇapariyesanādipayoge. Dukkaṭaṃ patto siyā dukkaṭāpattiṃ āpanno bhaveyyāti attho. Sesāti pācittiyāpatti upasampādite siyā. Gāthābandhavasena upasaggalopo.
๑๓๒-๓. ชานํ เถยฺยสเตฺถน สห สํวิธาย มคฺคํ ปฎิปชฺชโต จ ตเถว มาตุคาเมน สห สํวิธาย มคฺคํ ปฎิปชฺชโต จาติ โยชนาฯ ปโยเคติ สํวิธาย คนฺตุํ ปฎิปุจฺฉาทิกรณปโยเคฯ ปฎิปเนฺนติ มคฺคปฎิปเนฺนฯ อนนฺตรนฺติ อทฺธโยชนคามนฺตราติกฺกมนานนฺตรํฯ
132-3. Jānaṃ theyyasatthena saha saṃvidhāya maggaṃ paṭipajjato ca tatheva mātugāmena saha saṃvidhāya maggaṃ paṭipajjato cāti yojanā. Payogeti saṃvidhāya gantuṃ paṭipucchādikaraṇapayoge. Paṭipanneti maggapaṭipanne. Anantaranti addhayojanagāmantarātikkamanānantaraṃ.
๑๓๔. ญตฺติยา โอสาเน ทุกฺกฎํ ผุเสติ โยชนาฯ
134. Ñattiyā osāne dukkaṭaṃ phuseti yojanā.
๑๓๕. อกตานุธเมฺมนาติ อนุธโมฺม วุจฺจติ อาปตฺติยา อทสฺสเน วา อปฺปฎิกเมฺม วา ปาปิกาย ทิฎฺฐิยา อปฺปฎินิสฺสเคฺค วา ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนน อุกฺขิตฺตกสฺส อนุโลมวตฺตํ ทิสฺวา กตฺวา โอสารณา, โส โอสารณสงฺขาโต อนุธโมฺม ยสฺส น กโต, อยํ อกตานุธโมฺม นาม, ตาทิเสน ภิกฺขุนา สทฺธินฺติ อโตฺถฯ สมฺภุญฺชโนฺตติ อามิสสโมฺภคํ กโรโนฺต ภิกฺขุฯ ปโยเคติ ภุญฺชิตุํ อามิสปฎิคฺคหณาทิปโยเคฯ ภุเตฺตติ สมฺภุเตฺต, อุภยสโมฺภเค, ตทญฺญตเร วา กเตติ อโตฺถฯ
135.Akatānudhammenāti anudhammo vuccati āpattiyā adassane vā appaṭikamme vā pāpikāya diṭṭhiyā appaṭinissagge vā dhammena vinayena satthusāsanena ukkhittakassa anulomavattaṃ disvā katvā osāraṇā, so osāraṇasaṅkhāto anudhammo yassa na kato, ayaṃ akatānudhammo nāma, tādisena bhikkhunā saddhinti attho. Sambhuñjantoti āmisasambhogaṃ karonto bhikkhu. Payogeti bhuñjituṃ āmisapaṭiggahaṇādipayoge. Bhutteti sambhutte, ubhayasambhoge, tadaññatare vā kateti attho.
๑๓๖. อุปลาเปโนฺตติ ปตฺตจีวรอุเทฺทสปริปุจฺฉนาทิวเสน สงฺคณฺหโนฺตฯ ปโยเคติ อุปลาปนปโยเคฯ
136.Upalāpentoti pattacīvarauddesaparipucchanādivasena saṅgaṇhanto. Payogeti upalāpanapayoge.
สปฺปาณกวคฺควณฺณนา สตฺตมาฯ
Sappāṇakavaggavaṇṇanā sattamā.
๑๓๗. สหธมฺมิกนฺติ กรณเตฺถ อุปโยควจนํ, ปญฺจหิ สหธมฺมิเกหิ สิกฺขิตพฺพตฺตา, เตสํ วา สนฺตกตฺตา ‘‘สหธมฺมิก’’นฺติ ลทฺธนาเมน พุทฺธปญฺญเตฺตน สิกฺขาปเทน วุจฺจมานสฺสาติ อโตฺถฯ ภณโตติ ‘‘ภิกฺขุสฺสา’’ติ อิมินา สมานาธิกรณํฯ
137.Sahadhammikanti karaṇatthe upayogavacanaṃ, pañcahi sahadhammikehi sikkhitabbattā, tesaṃ vā santakattā ‘‘sahadhammika’’nti laddhanāmena buddhapaññattena sikkhāpadena vuccamānassāti attho. Bhaṇatoti ‘‘bhikkhussā’’ti iminā samānādhikaraṇaṃ.
๑๓๘. วิวเณฺณโนฺตติ ‘‘กิํ ปนิเมหิ ขุทฺทานุขุทฺทเกหิ สิกฺขาปเทหิ อุทฺทิเฎฺฐหี’’ติอาทินา ครหโนฺตฯ ปโยเคติ ‘‘กิํ อิเมหี’’ติอาทินา ครหณวเสน ปวเตฺต วจีปโยเคฯ วิวณฺณิเต ครหิเตฯ
138.Vivaṇṇentoti ‘‘kiṃ panimehi khuddānukhuddakehi sikkhāpadehi uddiṭṭhehī’’tiādinā garahanto. Payogeti ‘‘kiṃ imehī’’tiādinā garahaṇavasena pavatte vacīpayoge. Vivaṇṇite garahite.
๑๓๙. โมเหโนฺตติ ‘‘อิทาเนว โข อหํ, อาวุโส, ชานามี’’ติอาทินา อตฺตโน อชานนเตฺตน อาปนฺนภาวํ ทีเปตฺวา ภิกฺขุํ โมเหโนฺต, วเญฺจโนฺตติ อโตฺถฯ โมเหติ โมหาโรปนกเมฺมฯ อโรปิเต กเตฯ
139.Mohentoti ‘‘idāneva kho ahaṃ, āvuso, jānāmī’’tiādinā attano ajānanattena āpannabhāvaṃ dīpetvā bhikkhuṃ mohento, vañcentoti attho. Moheti mohāropanakamme. Aropite kate.
๑๔๐. ภิกฺขุสฺส กุปิโต ปหารํ เทโนฺต ผุเสติ โยชนาฯ ปโยเคติ ทณฺฑาทานาทิปโยเคฯ
140. Bhikkhussa kupito pahāraṃ dento phuseti yojanā. Payogeti daṇḍādānādipayoge.
๑๔๑. ปโยเคติ อุคฺคิรณปโยเคฯ อุคฺคิริเตติ อุจฺจาริเตฯ
141.Payogeti uggiraṇapayoge. Uggiriteti uccārite.
๑๔๒. อมูเลเนวาติ ทิฎฺฐาทิมูลวิรหิเตเนวฯ โยเคติ โอกาสการาปนาทิปโยเคฯ อุทฺธํสิเตติ โจทิเตฯ
142.Amūlenevāti diṭṭhādimūlavirahiteneva. Yogeti okāsakārāpanādipayoge. Uddhaṃsiteti codite.
๑๔๓. กุกฺกุจฺจํ ชนยโนฺตติ ‘‘อูนวีสติวโสฺส ตฺวํ มเญฺญ อุปสมฺปโนฺน’’ติอาทินา กุกฺกุจฺจํ อุปทหโนฺตฯ โยเคติ กุกฺกุจฺจุปฺปาทนปโยเคฯ อุปฺปาทิเตติ กุกฺกุเจฺจ อุปฺปาทิเตฯ
143.Kukkuccaṃ janayantoti ‘‘ūnavīsativasso tvaṃ maññe upasampanno’’tiādinā kukkuccaṃ upadahanto. Yogeti kukkuccuppādanapayoge. Uppāditeti kukkucce uppādite.
๑๔๔. ‘‘ติฎฺฐโนฺต อุปสฺสุติ’’นฺติ ปทเจฺฉโทฯ สุติยา สมีปํ อุปสฺสุติ, สวนูปจาเรติ อโตฺถฯ
144. ‘‘Tiṭṭhanto upassuti’’nti padacchedo. Sutiyā samīpaṃ upassuti, savanūpacāreti attho.
๑๔๕. ธมฺมิกานํ ตุ กมฺมานนฺติ ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนน กตานํ อปโลกนาทีนํ จตุนฺนํ กมฺมานํฯ ตโต ปุนาติ ฉนฺททานโต ปจฺฉาฯ ขียนธมฺมนฺติ อตฺตโน อธิเปฺปตภาววิภาวนมนฺตนํฯ เทฺว ผุเส ทุกฺกฎาทโยติ ขียนธมฺมาปชฺชนปโยเค ทุกฺกฎํ, ขียนธเมฺม อาปเนฺน ปาจิตฺติยนฺติ เอวํ ทุกฺกฎาทโย เทฺว อาปตฺติโย อาปเชฺชยฺยาติ อโตฺถฯ
145.Dhammikānaṃ tu kammānanti dhammena vinayena satthusāsanena katānaṃ apalokanādīnaṃ catunnaṃ kammānaṃ. Tato punāti chandadānato pacchā. Khīyanadhammanti attano adhippetabhāvavibhāvanamantanaṃ. Dve phuse dukkaṭādayoti khīyanadhammāpajjanapayoge dukkaṭaṃ, khīyanadhamme āpanne pācittiyanti evaṃ dukkaṭādayo dve āpattiyo āpajjeyyāti attho.
๑๔๖. สเงฺฆ สงฺฆมเชฺฌฯ วินิจฺฉเยติ วตฺถุโต โอติณฺณวินิจฺฉเยฯ นิฎฺฐํ อคเตติ วตฺถุมฺหิ อวินิจฺฉิเต, ญตฺติํ ฐเปตฺวา กมฺมวาจาย วา อปริโยสิตายฯ
146.Saṅghe saṅghamajjhe. Vinicchayeti vatthuto otiṇṇavinicchaye. Niṭṭhaṃ agateti vatthumhi avinicchite, ñattiṃ ṭhapetvā kammavācāya vā apariyositāya.
๑๔๘. สมเคฺคน สเงฺฆนาติ สมานสํวาสเกน สมานสีมายํ ฐิเตน สเงฺฆนฯ
148.Samaggena saṅghenāti samānasaṃvāsakena samānasīmāyaṃ ṭhitena saṅghena.
สหธมฺมิกวคฺควณฺณนา อฎฺฐมาฯ
Sahadhammikavaggavaṇṇanā aṭṭhamā.
๑๕๐. อวิทิโต หุตฺวาติ รโญฺญ อวิทิตาคมโน หุตฺวาฯ
150.Aviditohutvāti rañño aviditāgamano hutvā.
๑๕๒. รตนนฺติ มุตฺตาทิทสวิธํ รตนํฯ ปโยเคติ รตนคฺคหณปโยเคฯ
152.Ratananti muttādidasavidhaṃ ratanaṃ. Payogeti ratanaggahaṇapayoge.
๑๕๓. วิกาเลติ มชฺฌนฺติกาติกฺกมโต ปฎฺฐาย อรุเณฯ
153.Vikāleti majjhantikātikkamato paṭṭhāya aruṇe.
๑๕๕. อฎฺฐิทนฺตวิสาณาภินิพฺพตฺตนฺติ อฎฺฐิทนฺตวิสาณมยํฯ ปโยเคติ การาปนปโยเคฯ
155.Aṭṭhidantavisāṇābhinibbattanti aṭṭhidantavisāṇamayaṃ. Payogeti kārāpanapayoge.
๑๕๖. ตสฺมิํ มญฺจาทิมฺหิ การาปิเต เสสา ปาจิตฺติยาปตฺติ สิยาติ โยชนาฯ
156. Tasmiṃ mañcādimhi kārāpite sesā pācittiyāpatti siyāti yojanā.
รตนวคฺควณฺณนา นวมาฯ
Ratanavaggavaṇṇanā navamā.
อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา
Iti uttare līnatthapakāsaniyā
ปาจิตฺติยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pācittiyakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๕๙. จตูสุ ปาฎิเทสนีเยสุปิ อวิเสเสน อาทิจฺจพนฺธุนา พุเทฺธน ทฺวิธา อาปตฺติ นิทฺทิฎฺฐาติ โยชนาฯ
159. Catūsu pāṭidesanīyesupi avisesena ādiccabandhunā buddhena dvidhā āpatti niddiṭṭhāti yojanā.
๑๖๐. สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ จตูสุฯ
160.Sabbatthāti sabbesu catūsu.
ปาฎิเทสนียกถาวณฺณนาฯ
Pāṭidesanīyakathāvaṇṇanā.
๑๖๑. เสขิยกถา อุตฺตานตฺถาเยวฯ
161. Sekhiyakathā uttānatthāyeva.
เสขิยกถาวณฺณนาฯ
Sekhiyakathāvaṇṇanā.
๑๖๒. ปริวาเร ปฐมํ ทสฺสิตโสฬสวารปฺปเภเท มหาวิภเงฺค ‘‘ปฐมํ ปาราชิกํ กตฺถ ปญฺญตฺต’’นฺติอาทิปฺปเภโท (ปริ. ๑) กตฺถปญฺญตฺติวาโร , ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวโนฺต กติ อาปตฺติโย อาปชฺชตี’’ติอาทิปฺปเภโท (ปริ. ๑๕๗) กตาปตฺติวาโร, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวนฺตสฺส อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ กติ วิปตฺติโย ภชนฺตี’’ติอาทิปฺปเภโท (ปริ. ๑๘๒) วิปตฺติวาโร, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวนฺตสฺส อาปตฺติโย สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ กติหิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ สงฺคหิตา’’ติอาทิปฺปเภโท (ปริ. ๑๘๒) สงฺคหวาโร, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวนฺตสฺส อาปตฺติโย ฉนฺนํ อาปตฺติสมุฎฺฐานานํ กติหิ สมุฎฺฐาเนหิ สมุฎฺฐหนฺตี’’ติอาทิปฺปเภโท (ปริ. ๑๘๔) สมุฎฺฐานวาโร, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวนฺตสฺส อาปตฺติโย จตุนฺนํ อธิกรณานํ กตมํ อธิกรณ’’นฺติอาทิปฺปเภโท (ปริ. ๑๘๕) อธิกรณวาโร, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวนฺตสฺส อาปตฺติโย สตฺตนฺนํ สมถานํ กติหิ สมเถหิ สมฺมนฺตี’’ติอาทิปฺปเภโท (ปริ. ๑๘๖) สมถวาโร, ตทนนฺตโร อิเมหิ สตฺตหิ วาเรหิ มิโสฺส อฎฺฐโม สมุจฺจยวาโรติ อิเมสุ อฎฺฐสุ วาเรสุ อาทิภูเต กตฺถปญฺญตฺตินามเธเยฺย อปฺปนาวาเร สงฺคเหตพฺพานํ นิทานาทิสตฺตรสลกฺขณานํ อุภยวิภงฺคสาธารณโต อุปริ วกฺขมานตฺตา ตํ วารํ ฐเปตฺวา ตทนนฺตรํ อสาธารณํ กตาปตฺติวารํ เสขิยาวสานํ ปาฬิกฺกมานุรูปํ ทเสฺสตฺวา ตทนนฺตรา วิปตฺติวาราทโย ฉ วารา อุภยวิภงฺคสาธารณโต วกฺขมานาติ กตฺวา เตปิ ฐเปตฺวา อิเม ปจฺจยสเทฺทน อโยเชตฺวา ทสฺสิตา อเฎฺฐว วารา, ปุน ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวนปจฺจยา ปาราชิกํ กตฺถ ปญฺญตฺต’’นฺติอาทินา (ปริ. ๑๘๘) ปจฺจย-สทฺทํ โยเชตฺวา ทสฺสิตา อปเร อฎฺฐ วารา โยชิตาติ ตตฺถาปิ ทุติยํ กตาปตฺติปจฺจยวารํ อิมินา กตาปตฺติวาเรน เอกปริเจฺฉทํ กตฺวา ทเสฺสตุมาห ‘‘ปญฺญตฺตา’’ติอาทิฯ ปฎิเสวนปจฺจยาติ ปฎิเสวนเหตุนาฯ
162. Parivāre paṭhamaṃ dassitasoḷasavārappabhede mahāvibhaṅge ‘‘paṭhamaṃ pārājikaṃ kattha paññatta’’ntiādippabhedo (pari. 1) katthapaññattivāro , ‘‘methunaṃ dhammaṃ paṭisevanto kati āpattiyo āpajjatī’’tiādippabhedo (pari. 157) katāpattivāro, ‘‘methunaṃ dhammaṃ paṭisevantassa āpattiyo catunnaṃ vipattīnaṃ kati vipattiyo bhajantī’’tiādippabhedo (pari. 182) vipattivāro, ‘‘methunaṃ dhammaṃ paṭisevantassa āpattiyo sattannaṃ āpattikkhandhānaṃ katihi āpattikkhandhehi saṅgahitā’’tiādippabhedo (pari. 182) saṅgahavāro, ‘‘methunaṃ dhammaṃ paṭisevantassa āpattiyo channaṃ āpattisamuṭṭhānānaṃ katihi samuṭṭhānehi samuṭṭhahantī’’tiādippabhedo (pari. 184) samuṭṭhānavāro, ‘‘methunaṃ dhammaṃ paṭisevantassa āpattiyo catunnaṃ adhikaraṇānaṃ katamaṃ adhikaraṇa’’ntiādippabhedo (pari. 185) adhikaraṇavāro, ‘‘methunaṃ dhammaṃ paṭisevantassa āpattiyo sattannaṃ samathānaṃ katihi samathehi sammantī’’tiādippabhedo (pari. 186) samathavāro, tadanantaro imehi sattahi vārehi misso aṭṭhamo samuccayavāroti imesu aṭṭhasu vāresu ādibhūte katthapaññattināmadheyye appanāvāre saṅgahetabbānaṃ nidānādisattarasalakkhaṇānaṃ ubhayavibhaṅgasādhāraṇato upari vakkhamānattā taṃ vāraṃ ṭhapetvā tadanantaraṃ asādhāraṇaṃ katāpattivāraṃ sekhiyāvasānaṃ pāḷikkamānurūpaṃ dassetvā tadanantarā vipattivārādayo cha vārā ubhayavibhaṅgasādhāraṇato vakkhamānāti katvā tepi ṭhapetvā ime paccayasaddena ayojetvā dassitā aṭṭheva vārā, puna ‘‘methunaṃ dhammaṃ paṭisevanapaccayā pārājikaṃ kattha paññatta’’ntiādinā (pari. 188) paccaya-saddaṃ yojetvā dassitā apare aṭṭha vārā yojitāti tatthāpi dutiyaṃ katāpattipaccayavāraṃ iminā katāpattivārena ekaparicchedaṃ katvā dassetumāha ‘‘paññattā’’tiādi. Paṭisevanapaccayāti paṭisevanahetunā.
๑๖๓. อโลฺลกาสปฺปเวสเนติ ชีวมานสรีเร ติณฺณํ มคฺคานํ อญฺญตรสฺมิํ มเคฺค อโลฺลกาสปฺปเวสเนฯ มเต อกฺขายิเต วา ปิ-สเทฺทน เยภุยฺยอกฺขายิเต ปเวสเน ปเวสนนิมิตฺตํ เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวโนฺต ภิกฺขุ ปาราชิกํ ผุเสติ สมฺพโนฺธฯ
163.Allokāsappavesaneti jīvamānasarīre tiṇṇaṃ maggānaṃ aññatarasmiṃ magge allokāsappavesane. Mate akkhāyite vā pi-saddena yebhuyyaakkhāyite pavesane pavesananimittaṃ methunaṃ dhammaṃ paṭisevanto bhikkhu pārājikaṃ phuseti sambandho.
๑๖๔. ตถา เยภุยฺยกฺขายิเต, อุปฑฺฒกฺขายิเต จ เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวโนฺต ภิกฺขุ ถุลฺลจฺจยํ ผุเสติ โยชนาฯ วฎฺฎกเต มุเข ทุกฺกฎํ วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ ชตุมฎฺฐเกติ ภิกฺขุนิยา ชตุมฎฺฐเก ทิเนฺน ปาจิตฺติ วุตฺตาติ สมฺพโนฺธฯ
164. Tathā yebhuyyakkhāyite, upaḍḍhakkhāyite ca methunaṃ dhammaṃ paṭisevanto bhikkhu thullaccayaṃ phuseti yojanā. Vaṭṭakate mukhe dukkaṭaṃ vuttanti sambandho. Jatumaṭṭhaketi bhikkhuniyā jatumaṭṭhake dinne pācitti vuttāti sambandho.
๑๖๖. อวสฺสุตสฺสาติ กายสํสคฺคราเคน ตินฺตสฺสฯ โปสสฺสาติ คหณกิริยาสมฺพเนฺธ สามิวจนํฯ ภิกฺขุนิยาติ อตฺตสมฺพเนฺธ สามิวจนํฯ ‘‘อตฺตโน’’ติ เสโสฯ อวสฺสุเตน โปเสน อตฺตโน อธกฺขกาทิคหณํ สาทิยนฺติยา ตถา อวสฺสุตาย ภิกฺขุนิยา ปาราชิกนฺติ โยชนาฯ
166.Avassutassāti kāyasaṃsaggarāgena tintassa. Posassāti gahaṇakiriyāsambandhe sāmivacanaṃ. Bhikkhuniyāti attasambandhe sāmivacanaṃ. ‘‘Attano’’ti seso. Avassutena posena attano adhakkhakādigahaṇaṃ sādiyantiyā tathā avassutāya bhikkhuniyā pārājikanti yojanā.
๑๖๗. กาเยนาติ อตฺตโน กาเยนฯ กายนฺติ มาตุคามสฺส กายํฯ ผุสโตติ กายสํสคฺคราเคน ผุสโตฯ กาเยน กายพทฺธนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ
167.Kāyenāti attano kāyena. Kāyanti mātugāmassa kāyaṃ. Phusatoti kāyasaṃsaggarāgena phusato. Kāyena kāyabaddhanti etthāpi eseva nayo.
๑๖๘. กาเยน ปฎิพเทฺธนาติ อตฺตโน กายปฎิพเทฺธนฯ ปฎิพทฺธนฺติ อิตฺถิยา กายปฎิพทฺธํ ผุสนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ ตสฺส ภิกฺขุสฺสฯ
168.Kāyena paṭibaddhenāti attano kāyapaṭibaddhena. Paṭibaddhanti itthiyā kāyapaṭibaddhaṃ phusantassa dukkaṭaṃ. Tassa bhikkhussa.
‘‘มหาวิภงฺคสงฺคโห นิฎฺฐิโต’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ โสฬสวารสงฺคเห มหาวิภเงฺค กตาปตฺติวาโรเยเวตฺถ วุโตฺต, น อิตเร วาราติ? สจฺจํ, อวยเว ปน สมุทาโยปจาเรน วุตฺตํฯ สาธารณาสาธารณานํ มหาวิภเงฺค คตานํ สพฺพาปตฺติปเภทานํ ทสฺสโนปจารภูโต กตาปตฺติวาโร ทสฺสิโตติ ตํทสฺสเนน อปฺปธานา อิตเรปิ วารา อุปจารโต ทสฺสิตา โหนฺตีติ จ ตถา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
‘‘Mahāvibhaṅgasaṅgaho niṭṭhito’’ti kasmā vuttaṃ, nanu soḷasavārasaṅgahe mahāvibhaṅge katāpattivāroyevettha vutto, na itare vārāti? Saccaṃ, avayave pana samudāyopacārena vuttaṃ. Sādhāraṇāsādhāraṇānaṃ mahāvibhaṅge gatānaṃ sabbāpattipabhedānaṃ dassanopacārabhūto katāpattivāro dassitoti taṃdassanena appadhānā itarepi vārā upacārato dassitā hontīti ca tathā vuttanti veditabbaṃ.
อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา
Iti uttare līnatthapakāsaniyā
มหาวิภงฺคสงฺคหวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mahāvibhaṅgasaṅgahavaṇṇanā niṭṭhitā.