Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๗๘] ๘. มหิํสราชชาตกวณฺณนา

    [278] 8. Mahiṃsarājajātakavaṇṇanā

    กิมตฺถมภิสนฺธายาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ โลลมกฺกฎํ อารพฺภ กเถสิฯ สาวตฺถิยํ กิร เอกสฺมิํ กุเล เอโก โปสาวนิยโลลมกฺกโฎ หตฺถิสาลํ คนฺตฺวา เอกสฺส สีลวนฺตสฺส หตฺถิสฺส ปิฎฺฐิยํ นิสีทิตฺวา อุจฺจารปสฺสาวํ กโรติ, ปิฎฺฐิยํ จงฺกมติฯ หตฺถี อตฺตโน สีลวนฺตตาย ขนฺติสมฺปทาย น กิญฺจิ กโรติฯ อเถกทิวสํ ตสฺส หตฺถิสฺส ฐาเน อโญฺญ ทุฎฺฐหตฺถิโปโต อฎฺฐาสิฯ มกฺกโฎ ‘‘โสเยว อย’’นฺติ สญฺญาย ทุฎฺฐหตฺถิสฺส ปิฎฺฐิํ อภิรุหิฯ อถ นํ โส โสณฺฑาย คเหตฺวา ภูมิยํ ฐเปตฺวา ปาเทน อกฺกมิตฺวา สญฺจุเณฺณสิฯ สา ปวตฺติ ภิกฺขุสเงฺฆ ปากฎา ชาตาฯ อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, โลลมกฺกโฎ กิร สีลวนฺตหตฺถิสญฺญาย ทุฎฺฐหตฺถิปิฎฺฐิํ อภิรุหิ, อถ นํ โส ชีวิตกฺขยํ ปาเปสี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส, โลลมกฺกโฎ เอวํสีโล, โปราณโต ปฎฺฐาย เอวํสีโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Kimatthamabhisandhāyāti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ lolamakkaṭaṃ ārabbha kathesi. Sāvatthiyaṃ kira ekasmiṃ kule eko posāvaniyalolamakkaṭo hatthisālaṃ gantvā ekassa sīlavantassa hatthissa piṭṭhiyaṃ nisīditvā uccārapassāvaṃ karoti, piṭṭhiyaṃ caṅkamati. Hatthī attano sīlavantatāya khantisampadāya na kiñci karoti. Athekadivasaṃ tassa hatthissa ṭhāne añño duṭṭhahatthipoto aṭṭhāsi. Makkaṭo ‘‘soyeva aya’’nti saññāya duṭṭhahatthissa piṭṭhiṃ abhiruhi. Atha naṃ so soṇḍāya gahetvā bhūmiyaṃ ṭhapetvā pādena akkamitvā sañcuṇṇesi. Sā pavatti bhikkhusaṅghe pākaṭā jātā. Athekadivasaṃ bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, lolamakkaṭo kira sīlavantahatthisaññāya duṭṭhahatthipiṭṭhiṃ abhiruhi, atha naṃ so jīvitakkhayaṃ pāpesī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idānevesa, lolamakkaṭo evaṃsīlo, porāṇato paṭṭhāya evaṃsīloyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต หิมวนฺตปเทเส มหิํสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ถามสมฺปโนฺน มหาสรีโร ปพฺพตปาทปพฺภารคิริทุคฺควนฆเฎสุ วิจรโนฺต เอกํ ผาสุกํ รุกฺขมูลํ ทิสฺวา โคจรํ คเหตฺวา ทิวา ตสฺมิํ รุกฺขมูเล อฎฺฐาสิฯ อเถโก โลลมกฺกโฎ รุกฺขา โอตริตฺวา ตสฺส ปิฎฺฐิํ อภิรุหิตฺวา อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา สิเงฺค คณฺหิตฺวา โอลมฺพโนฺต นงฺคุเฎฺฐ คเหตฺวา โทลายโนฺตว กีฬิฯ โพธิสโตฺต ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปทาย ตํ ตสฺส อนาจารํ น มนสากาสิ, มกฺกโฎ ปุนปฺปุนํ ตเถว กริฯ อเถกทิวสํ ตสฺมิํ รุเกฺข อธิวตฺถา เทวตา รุกฺขกฺขเนฺธ ฐตฺวา นํ ‘‘มหิํสราช กสฺมา อิมสฺส ทุฎฺฐมกฺกฎสฺส อวมานํ สหสิ, นิเสเธหิ น’’นฺติ วตฺวา เอตมตฺถํ ปกาเสนฺตี ปุริมา เทฺว คาถา อโวจ –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto himavantapadese mahiṃsayoniyaṃ nibbattitvā vayappatto thāmasampanno mahāsarīro pabbatapādapabbhāragiriduggavanaghaṭesu vicaranto ekaṃ phāsukaṃ rukkhamūlaṃ disvā gocaraṃ gahetvā divā tasmiṃ rukkhamūle aṭṭhāsi. Atheko lolamakkaṭo rukkhā otaritvā tassa piṭṭhiṃ abhiruhitvā uccārapassāvaṃ katvā siṅge gaṇhitvā olambanto naṅguṭṭhe gahetvā dolāyantova kīḷi. Bodhisatto khantimettānuddayasampadāya taṃ tassa anācāraṃ na manasākāsi, makkaṭo punappunaṃ tatheva kari. Athekadivasaṃ tasmiṃ rukkhe adhivatthā devatā rukkhakkhandhe ṭhatvā naṃ ‘‘mahiṃsarāja kasmā imassa duṭṭhamakkaṭassa avamānaṃ sahasi, nisedhehi na’’nti vatvā etamatthaṃ pakāsentī purimā dve gāthā avoca –

    ๘๒.

    82.

    ‘‘กิมตฺถมภิสนฺธาย, ลหุจิตฺตสฺส ทุพฺภิโน;

    ‘‘Kimatthamabhisandhāya, lahucittassa dubbhino;

    สพฺพกามททเสฺสว, อิมํ ทุกฺขํ ติติกฺขสิฯ

    Sabbakāmadadasseva, imaṃ dukkhaṃ titikkhasi.

    ๘๓.

    83.

    ‘‘สิเงฺคน นิหนาเหตํ, ปทสา จ อธิฎฺฐห;

    ‘‘Siṅgena nihanāhetaṃ, padasā ca adhiṭṭhaha;

    ภิโยฺย พาลา ปกุเชฺฌยฺยุํ, โน จสฺส ปฎิเสธโก’’ติฯ

    Bhiyyo bālā pakujjheyyuṃ, no cassa paṭisedhako’’ti.

    ตตฺถ กิมตฺถมภิสนฺธายาติ กิํ นุ โข การณํ ปฎิจฺจ กิํ สมฺปสฺสมาโนฯ ทุพฺภิโนติ มิตฺตทุพฺภิสฺสฯ สพฺพกามททเสฺสวาติ สพฺพกามททสฺส สามิกสฺส อิวฯ ติติกฺขสีติ อธิวาเสสิฯ ปทสา จ อธิฎฺฐหาติ ปาเทน จ นํ ติณฺหขุรเคฺคน ยถา เอเตฺถว มรติ, เอวํ อกฺกมฯ ภิโยฺย พาลาติ สเจ หิ ปฎิเสธโก น ภเวยฺย, พาลา อญฺญาณสตฺตา ปุนปฺปุนํ กุเชฺฌยฺยุํ ฆเฎฺฎยฺยุํ วิเหเฐยฺยุํ เอวาติ ทีเปติฯ

    Tattha kimatthamabhisandhāyāti kiṃ nu kho kāraṇaṃ paṭicca kiṃ sampassamāno. Dubbhinoti mittadubbhissa. Sabbakāmadadassevāti sabbakāmadadassa sāmikassa iva. Titikkhasīti adhivāsesi. Padasā ca adhiṭṭhahāti pādena ca naṃ tiṇhakhuraggena yathā ettheva marati, evaṃ akkama. Bhiyyo bālāti sace hi paṭisedhako na bhaveyya, bālā aññāṇasattā punappunaṃ kujjheyyuṃ ghaṭṭeyyuṃ viheṭheyyuṃ evāti dīpeti.

    ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ‘‘รุกฺขเทวเต, สจาหํ อิมินา ชาติโคตฺตพลาทีหิ อธิโก สมาโน อิมสฺส โทสํ น สหิสฺสามิ, กถํ เม มโนรโถ นิปฺผตฺติํ คมิสฺสติฯ อยํ ปน มํ วิย อญฺญมฺปิ มญฺญมาโน เอวํ อนาจารํ กริสฺสติ, ตโต เยสํ จณฺฑมหิํสานํ เอส เอวํ กริสฺสติ , เอเตเยว เอตํ วธิสฺสนฺติฯ สา ตสฺส อเญฺญหิ มารณา มยฺหํ ทุกฺขโต จ ปาณาติปาตโต จ วิมุตฺติ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā bodhisatto ‘‘rukkhadevate, sacāhaṃ iminā jātigottabalādīhi adhiko samāno imassa dosaṃ na sahissāmi, kathaṃ me manoratho nipphattiṃ gamissati. Ayaṃ pana maṃ viya aññampi maññamāno evaṃ anācāraṃ karissati, tato yesaṃ caṇḍamahiṃsānaṃ esa evaṃ karissati , eteyeva etaṃ vadhissanti. Sā tassa aññehi māraṇā mayhaṃ dukkhato ca pāṇātipātato ca vimutti bhavissatī’’ti vatvā tatiyaṃ gāthamāha –

    ๘๔.

    84.

    ‘‘มเมวายํ มญฺญมาโน, อเญฺญเปวํ กริสฺสติ;

    ‘‘Mamevāyaṃ maññamāno, aññepevaṃ karissati;

    เต นํ ตตฺถ วธิสฺสนฺติ, สา เม มุตฺติ ภวิสฺสตี’’ติฯ

    Te naṃ tattha vadhissanti, sā me mutti bhavissatī’’ti.

    กติปาหจฺจเยน ปน โพธิสโตฺต อญฺญตฺถ คโตฯ อโญฺญ จณฺฑมหิํโส ตตฺถ อาคนฺตฺวา อฎฺฐาสิฯ ทุฎฺฐมกฺกโฎ ‘‘โสเยว อย’’นฺติ สญฺญาย ตสฺส ปิฎฺฐิํ อภิรุหิตฺวา ตเถว อนาจารํ จริฯ อถ นํ โส วิธุนโนฺต ภูมิยํ ปาเตตฺวา สิเงฺคน หทเย วิชฺฌิตฺวา ปาเทหิ มทฺทิตฺวา สญฺจุเณฺณสิฯ

    Katipāhaccayena pana bodhisatto aññattha gato. Añño caṇḍamahiṃso tattha āgantvā aṭṭhāsi. Duṭṭhamakkaṭo ‘‘soyeva aya’’nti saññāya tassa piṭṭhiṃ abhiruhitvā tatheva anācāraṃ cari. Atha naṃ so vidhunanto bhūmiyaṃ pātetvā siṅgena hadaye vijjhitvā pādehi madditvā sañcuṇṇesi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุฎฺฐมหิํโส อยํ ทุฎฺฐหตฺถี อโหสิ, ทุฎฺฐมกฺกโฎ เอตรหิ อยํ มกฺกโฎ, สีลวา มหิํสราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā duṭṭhamahiṃso ayaṃ duṭṭhahatthī ahosi, duṭṭhamakkaṭo etarahi ayaṃ makkaṭo, sīlavā mahiṃsarājā pana ahameva ahosi’’nti.

    มหิํสราชชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ

    Mahiṃsarājajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๗๘. มหิํสราชชาตกํ • 278. Mahiṃsarājajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact