Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๔] ๔. มกสชาตกวณฺณนา
[44] 4. Makasajātakavaṇṇanā
เสโยฺย อมิโตฺตติ อิทํ สตฺถา มคเธสุ จาริกํ จรมาโน อญฺญตรสฺมิํ คามเก พาลคามิกมนุเสฺส อารพฺภ กเถสิฯ ตถาคโต กิร เอกสฺมิํ สมเย สาวตฺถิโต มคธรฎฺฐํ คนฺตฺวา ตตฺถ จาริกํ จรมาโน อญฺญตรํ คามกํ สมฺปาปุณิฯ โส จ คามโก เยภุเยฺยน อนฺธพาลมนุเสฺสหิเยว อุสฺสโนฺนฯ ตเตฺถกทิวสํ เต อนฺธพาลมนุสฺสา สนฺนิปติตฺวา ‘‘โภ, อเมฺห อรญฺญํ ปวิสิตฺวา กมฺมํ กโรเนฺต มกสา ขาทนฺติ, ตปฺปจฺจยา อมฺหากํ กมฺมเจฺฉโท โหติ, สเพฺพว ธนูนิ เจว อาวุธานิ จ อาทาย คนฺตฺวา มกเสหิ สทฺธิํ ยุชฺฌิตฺวา สพฺพมกเส วิชฺฌิตฺวา ฉินฺทิตฺวา จ มาเรสฺสามา’’ติ มนฺตยิตฺวา อรญฺญํ คนฺตฺวา ‘‘มกเส วิชฺฌิสฺสามา’’ติ อญฺญมญฺญํ วิชฺฌิตฺวา จ ปหริตฺวา จ ทุกฺขปฺปตฺตา อาคนฺตฺวา อโนฺตคาเม จ คามมเชฺฌ จ คามทฺวาเร จ นิปชฺชิํสุฯ
Seyyo amittoti idaṃ satthā magadhesu cārikaṃ caramāno aññatarasmiṃ gāmake bālagāmikamanusse ārabbha kathesi. Tathāgato kira ekasmiṃ samaye sāvatthito magadharaṭṭhaṃ gantvā tattha cārikaṃ caramāno aññataraṃ gāmakaṃ sampāpuṇi. So ca gāmako yebhuyyena andhabālamanussehiyeva ussanno. Tatthekadivasaṃ te andhabālamanussā sannipatitvā ‘‘bho, amhe araññaṃ pavisitvā kammaṃ karonte makasā khādanti, tappaccayā amhākaṃ kammacchedo hoti, sabbeva dhanūni ceva āvudhāni ca ādāya gantvā makasehi saddhiṃ yujjhitvā sabbamakase vijjhitvā chinditvā ca māressāmā’’ti mantayitvā araññaṃ gantvā ‘‘makase vijjhissāmā’’ti aññamaññaṃ vijjhitvā ca paharitvā ca dukkhappattā āgantvā antogāme ca gāmamajjhe ca gāmadvāre ca nipajjiṃsu.
สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตํ คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ อวเสสา ปณฺฑิตมนุสฺสา ภควนฺตํ ทิสฺวา คามทฺวาเร มณฺฑปํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิํสุฯ สตฺถา ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน ปติตมนุเสฺส ทิสฺวา เต อุปาสเก ปุจฺฉิ ‘‘พหู อิเม คิลานา มนุสฺสา, กิํ เอเตหิ กต’’นฺติ? ‘‘ภเนฺต, เอเต มนุสฺสา ‘มกสยุทฺธํ กริสฺสามา’ติ คนฺตฺวา อญฺญมญฺญํ วิชฺฌิตฺวา สยํ คิลานา ชาตา’’ติฯ สตฺถา ‘‘น อิทาเนว อนฺธพาลมนุสฺสา ‘มกเส ปหริสฺสามา’ติ อตฺตานํ ปหรนฺติ, ปุเพฺพปิ ‘มกสํ ปหริสฺสามา’ติ ปรํ ปหรณกมนุสฺสา อเหสุํเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ มนุเสฺสหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Satthā bhikkhusaṅghaparivuto taṃ gāmaṃ piṇḍāya pāvisi. Avasesā paṇḍitamanussā bhagavantaṃ disvā gāmadvāre maṇḍapaṃ kāretvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ datvā satthāraṃ vanditvā nisīdiṃsu. Satthā tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne patitamanusse disvā te upāsake pucchi ‘‘bahū ime gilānā manussā, kiṃ etehi kata’’nti? ‘‘Bhante, ete manussā ‘makasayuddhaṃ karissāmā’ti gantvā aññamaññaṃ vijjhitvā sayaṃ gilānā jātā’’ti. Satthā ‘‘na idāneva andhabālamanussā ‘makase paharissāmā’ti attānaṃ paharanti, pubbepi ‘makasaṃ paharissāmā’ti paraṃ paharaṇakamanussā ahesuṃyevā’’ti vatvā tehi manussehi yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต วณิชฺชาย ชีวิกํ กเปฺปติฯ ตทา กาสิรเฎฺฐ เอกสฺมิํ ปจฺจนฺตคาเม พหู วฑฺฒกี วสนฺติฯ ตเตฺถโก ขลิตวฑฺฒกี รุกฺขํ ตจฺฉติ, อถสฺส เอโก มกโส ตมฺพโลหถาลกปิฎฺฐิสทิเส สีเส นิสีทิตฺวา สตฺติยา ปหรโนฺต วิย สีสํ มุขตุณฺฑเกน วิชฺฌิฯ โส อตฺตโน สนฺติเก นิสินฺนํ ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต, มยฺหํ สีสํ มกโส สตฺติยา ปหรโนฺต วิย วิชฺฌติ, วาเรหิ น’’นฺติฯ ‘‘ตาต, อธิวาเสหิ, เอกปฺปหาเรเนว ตํ มาเรสฺสามี’’ติฯ ตสฺมิํ สมเย โพธิสโตฺตปิ อตฺตโน ภณฺฑํ ปริเยสมาโน ตํ คามํ ปตฺวา ตสฺสา วฑฺฒกิสาลาย นิสิโนฺน โหติฯ อถ โส วฑฺฒกี ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต, อิมํ มกสํ วาเรหี’’ติฯ โส ‘‘วาเรสฺสามิ, ตาตา’’ติ ติขิณํ มหาผรสุํ อุกฺขิปิตฺวา ปิตุ ปิฎฺฐิปเสฺส ฐตฺวา ‘‘มกสํ ปหริสฺสามี’’ติ ปิตุ มตฺถกํ ทฺวิธา ภินฺทิ, วฑฺฒกี ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปโตฺตฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto vaṇijjāya jīvikaṃ kappeti. Tadā kāsiraṭṭhe ekasmiṃ paccantagāme bahū vaḍḍhakī vasanti. Tattheko khalitavaḍḍhakī rukkhaṃ tacchati, athassa eko makaso tambalohathālakapiṭṭhisadise sīse nisīditvā sattiyā paharanto viya sīsaṃ mukhatuṇḍakena vijjhi. So attano santike nisinnaṃ puttaṃ āha – ‘‘tāta, mayhaṃ sīsaṃ makaso sattiyā paharanto viya vijjhati, vārehi na’’nti. ‘‘Tāta, adhivāsehi, ekappahāreneva taṃ māressāmī’’ti. Tasmiṃ samaye bodhisattopi attano bhaṇḍaṃ pariyesamāno taṃ gāmaṃ patvā tassā vaḍḍhakisālāya nisinno hoti. Atha so vaḍḍhakī puttaṃ āha – ‘‘tāta, imaṃ makasaṃ vārehī’’ti. So ‘‘vāressāmi, tātā’’ti tikhiṇaṃ mahāpharasuṃ ukkhipitvā pitu piṭṭhipasse ṭhatvā ‘‘makasaṃ paharissāmī’’ti pitu matthakaṃ dvidhā bhindi, vaḍḍhakī tattheva jīvitakkhayaṃ patto.
โพธิสโตฺต ตสฺส ตํ กมฺมํ ทิสฺวา ‘‘ปจฺจามิโตฺตปิ ปณฺฑิโตว เสโยฺยฯ โส หิ ทณฺฑภเยนปิ มนุเสฺส น มาเรสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา อิมํ คาถมาห –
Bodhisatto tassa taṃ kammaṃ disvā ‘‘paccāmittopi paṇḍitova seyyo. So hi daṇḍabhayenapi manusse na māressatī’’ti cintetvā imaṃ gāthamāha –
๔๔.
44.
‘‘เสโยฺย อมิโตฺต มติยา อุเปโต, น เตฺวว มิโตฺต มติวิปฺปหีโน;
‘‘Seyyo amitto matiyā upeto, na tveva mitto mativippahīno;
‘มกสํ วธิสฺส’นฺติ หิ เอฬมูโค, ปุโตฺต ปิตุ อพฺภิทา อุตฺตมงฺค’’นฺติฯ
‘Makasaṃ vadhissa’nti hi eḷamūgo, putto pitu abbhidā uttamaṅga’’nti.
ตตฺถ เสโยฺยติ ปวโร อุตฺตโมฯ มติยา อุเปโตติ ปญฺญาย สมนฺนาคโตฯ เอฬมูโคติ ลาลามุโข พาโลฯ ปุโตฺต ปิตุ อพฺภิทา อุตฺตมงฺคนฺติ อตฺตโน พาลตาย ปุโตฺตปิ หุตฺวา ปิตุ อุตฺตมงฺคํ มตฺถกํ ‘‘มกสํ ปหริสฺสามี’’ติ ทฺวิธา ภินฺทิฯ ตสฺมา พาลมิตฺตโต ปณฺฑิตอมิโตฺตว เสโยฺยติ อิมํ คาถํ วตฺวา โพธิสโตฺต อุฎฺฐาย ยถากมฺมํ คโตฯ วฑฺฒกิสฺสปิ ญาตกา สรีรกิจฺจํ อกํสุฯ
Tattha seyyoti pavaro uttamo. Matiyā upetoti paññāya samannāgato. Eḷamūgoti lālāmukho bālo. Putto pitu abbhidā uttamaṅganti attano bālatāya puttopi hutvā pitu uttamaṅgaṃ matthakaṃ ‘‘makasaṃ paharissāmī’’ti dvidhā bhindi. Tasmā bālamittato paṇḍitaamittova seyyoti imaṃ gāthaṃ vatvā bodhisatto uṭṭhāya yathākammaṃ gato. Vaḍḍhakissapi ñātakā sarīrakiccaṃ akaṃsu.
สตฺถา ‘‘เอวํ อุปาสกา ปุเพฺพปิ ‘มกสํ ปหริสฺสามา’ติ ปรํ ปหรณกมนุสฺสา อเหสุํเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา คาถํ วตฺวา ปกฺกโนฺต ปณฺฑิตวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā ‘‘evaṃ upāsakā pubbepi ‘makasaṃ paharissāmā’ti paraṃ paharaṇakamanussā ahesuṃyevā’’ti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi ‘‘tadā gāthaṃ vatvā pakkanto paṇḍitavāṇijo pana ahameva ahosi’’nti.
มกสชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Makasajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๔. มกสชาตกํ • 44. Makasajātakaṃ