Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    มกฺกฎิวตฺถุกถาวณฺณนา

    Makkaṭivatthukathāvaṇṇanā

    ๔๐. อนุตฺตานปทวณฺณนาติ อุตฺตานํ วุจฺจติ ปากฎํ, ตปฺปฎิปเกฺขน อนุตฺตานํ อปากฎํ อปฺปจุรํ ทุวิเญฺญยฺยญฺจ, อนุตฺตานานํ ปทานํ วณฺณนา อนุตฺตานปทวณฺณนาฯ อุตฺตานปทวณฺณนาย ปโยชนาภาวโต อนุตฺตานคฺคหณํฯ ปจุรปฎิเสวโน โหตีติ พหุลปฎิเสวโน โหติ, ทิวเส ทิวเส นิรนฺตรํ ปฎิเสวตีติ อโตฺถฯ ปจุรเตฺถ หิ วตฺตมานวจนนฺติ สพฺพทา ปฎิเสวนาภาเวปิ ‘‘อิห มลฺลา ยุชฺฌนฺตี’’ติอาทีสุ วิย พาหุลฺลวุตฺติํ อุปาทาย วตฺตมานวจนํฯ อาหิณฺฑนฺตาติ วิจรนฺตาฯ อเญฺญสุปีติ อเญฺญสุปิ ภิกฺขูสุฯ

    40.Anuttānapadavaṇṇanāti uttānaṃ vuccati pākaṭaṃ, tappaṭipakkhena anuttānaṃ apākaṭaṃ appacuraṃ duviññeyyañca, anuttānānaṃ padānaṃ vaṇṇanā anuttānapadavaṇṇanā. Uttānapadavaṇṇanāya payojanābhāvato anuttānaggahaṇaṃ. Pacurapaṭisevano hotīti bahulapaṭisevano hoti, divase divase nirantaraṃ paṭisevatīti attho. Pacuratthe hi vattamānavacananti sabbadā paṭisevanābhāvepi ‘‘iha mallā yujjhantī’’tiādīsu viya bāhullavuttiṃ upādāya vattamānavacanaṃ. Āhiṇḍantāti vicarantā. Aññesupīti aññesupi bhikkhūsu.

    ๔๑. สโหฑฺฒคฺคหิโตติ สห ภเณฺฑน คหิโตฯ อตฺตโน มิจฺฉาคาเหน เลสโอฑฺฑเนน วา ปริปุณฺณตฺถมฺปิ ปฐมปญฺญตฺติํ อญฺญถา กโรโนฺต ‘‘ตญฺจ โข มนุสฺสิตฺถิยา, โน ติรจฺฉานคตายา’’ติ อาหฯ ทสฺสนนฺติ สานุราคทสฺสนํฯ คหณนฺติ อนุราควเสเนว หเตฺถน คหณํฯ อามสนํ อตฺตโน สรีเรน ตสฺสา สรีรสฺส อุปริ อามสนมตฺตํ, ผุสนํ ตโต ทฬฺหตรํ กตฺวา สํผุสนํ, ฆฎฺฎนํ ตโตปิ ทฬฺหตรํ กตฺวา สรีเรน สรีรสฺส ฆฎฺฎนํฯ ตํ สพฺพมฺปีติ ทสฺสนาทิ สพฺพมฺปิฯ

    41.Sahoḍḍhaggahitoti saha bhaṇḍena gahito. Attano micchāgāhena lesaoḍḍanena vā paripuṇṇatthampi paṭhamapaññattiṃ aññathā karonto ‘‘tañca kho manussitthiyā, no tiracchānagatāyā’’ti āha. Dassananti sānurāgadassanaṃ. Gahaṇanti anurāgavaseneva hatthena gahaṇaṃ. Āmasanaṃ attano sarīrena tassā sarīrassa upari āmasanamattaṃ, phusanaṃ tato daḷhataraṃ katvā saṃphusanaṃ, ghaṭṭanaṃ tatopi daḷhataraṃ katvā sarīrena sarīrassa ghaṭṭanaṃ. Taṃ sabbampīti dassanādi sabbampi.

    ๔๒. ทฬฺหตรํ สิกฺขาปทมกาสีติ อิมสฺมิํ อธิกาเร อนุปญฺญตฺติยา สิกฺขาปทสฺส ทฬฺหีกรณํ สิถิลกรณญฺจ ปสงฺคโต อาปนฺนํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุกาโม ‘‘ทุวิธญฺหิ สิกฺขาปท’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยสฺส สจิตฺตกสฺส สิกฺขาปทสฺส จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺชํฯ ยสฺส สจิตฺตกาจิตฺตกปกฺขสหิตสฺส อจิตฺตกสฺส จ สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตมฺปิ สุราปานาทิ โลกวชฺชนฺติ อิมมตฺถํ สมฺปิเณฺฑตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺส สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺชํ นามา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘สจิตฺตกปเกฺข’’ติ หิ อิทํ วจนํ อจิตฺตกํ สนฺธาย วุตฺตํฯ น หิ เอกํสโต สจิตฺตกสฺส ‘‘สจิตฺตกปเกฺข’’ติ วิเสสเน ปโยชนํ อตฺถิฯ สจิตฺตกปเกฺขติ จ วตฺถุวีติกฺกมวิชานนจิเตฺตน ‘‘สจิตฺตกปเกฺข’’ติ คเหตพฺพํ, น ปณฺณตฺติวิชานนจิเตฺตนฯ ยทิ หิ ‘‘น วฎฺฎตี’’ติ ปณฺณตฺติวิชานนจิเตฺตนปิ ยสฺส สิกฺขาปทสฺส สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมว, ตมฺปิ โลกวชฺชนฺติ วเทยฺย, สเพฺพสํ ปณฺณตฺติวชฺชสิกฺขาปทานมฺปิ โลกวชฺชตา อาปเชฺชยฺย ปณฺณตฺติวชฺชานมฺปิ ‘‘น วฎฺฎตี’’ติ ชานิตฺวา วีติกฺกเม อกุสลจิตฺตเสฺสว สมฺภวโตฯ น หิ ภควโต อาณํ ชานิตฺวา มทฺทนฺตสฺส กุสลจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ อนาทริยวเสน ปฎิฆจิตฺตเสฺสว อุปฺปชฺชนโตฯ

    42.Daḷhataraṃ sikkhāpadamakāsīti imasmiṃ adhikāre anupaññattiyā sikkhāpadassa daḷhīkaraṇaṃ sithilakaraṇañca pasaṅgato āpannaṃ vibhajitvā dassetukāmo ‘‘duvidhañhi sikkhāpada’’ntiādimāha. Tattha yassa sacittakassa sikkhāpadassa cittaṃ akusalameva hoti, taṃ lokavajjaṃ. Yassa sacittakācittakapakkhasahitassa acittakassa ca sacittakapakkhe cittaṃ akusalameva hoti, tampi surāpānādi lokavajjanti imamatthaṃ sampiṇḍetvā dassetuṃ ‘‘yassa sacittakapakkhe cittaṃ akusalameva hoti, taṃ lokavajjaṃ nāmā’’ti vuttaṃ. ‘‘Sacittakapakkhe’’ti hi idaṃ vacanaṃ acittakaṃ sandhāya vuttaṃ. Na hi ekaṃsato sacittakassa ‘‘sacittakapakkhe’’ti visesane payojanaṃ atthi. Sacittakapakkheti ca vatthuvītikkamavijānanacittena ‘‘sacittakapakkhe’’ti gahetabbaṃ, na paṇṇattivijānanacittena. Yadi hi ‘‘na vaṭṭatī’’ti paṇṇattivijānanacittenapi yassa sikkhāpadassa sacittakapakkhe cittaṃ akusalameva, tampi lokavajjanti vadeyya, sabbesaṃ paṇṇattivajjasikkhāpadānampi lokavajjatā āpajjeyya paṇṇattivajjānampi ‘‘na vaṭṭatī’’ti jānitvā vītikkame akusalacittasseva sambhavato. Na hi bhagavato āṇaṃ jānitvā maddantassa kusalacittaṃ uppajjati anādariyavasena paṭighacittasseva uppajjanato.

    อปิเจตฺถ ‘‘สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมวา’’ติ วจนโต อจิตฺตกสฺส วตฺถุอชานนวเสน อจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมวาติ อยํ นิยโม นตฺถีติ วิญฺญายติฯ ยทิ หิ อจิตฺตกสฺส อจิตฺตกปเกฺขปิ จิตฺตํ อกุสลเมว สิยา, ‘‘สจิตฺตกปเกฺข’’ติ อิทํ วิเสสนํ นิรตฺถกํ สิยาฯ ‘‘ยสฺส จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺช’’นฺติ เอตฺตเก วุเตฺต สุราติ อชานิตฺวา ปิวนฺตสฺส คนฺธวณฺณกาทิภาวํ อชานิตฺวา ตานิ ลิมฺปนฺตีนํ ภิกฺขุนีนญฺจ วินาปิ อกุสลจิเตฺตน อาปตฺติสมฺภวโต เอกนฺตากุสลํ สจิตฺตกสิกฺขาปทํ ฐเปตฺวา สุราปานาทิอจิตฺตกสิกฺขาปทานํ โลกวชฺชตา น สิยาติ เตสมฺปิ สงฺคณฺหตฺถํ ‘‘ยสฺส สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺช’’นฺติ วุตฺตํฯ เตเนว จูฬคณฺฐิปเท มชฺฌิมคณฺฐิปเท จ วุตฺตํ ‘‘เอตํ สตฺตํ มาเรสฺสามีติ ตสฺมิํเยว ปเทเส นิปนฺนํ อญฺญํ มาเรนฺตสฺส ปาณสามญฺญสฺส อตฺถิตาย ยถา ปาณาติปาโต โหติ, เอวํ เอตํ มชฺชํ ปิวิสฺสามีติ อญฺญํ มชฺชํ ปิวนฺตสฺส มชฺชสามญฺญสฺส อตฺถิตาย อกุสลเมว โหติฯ ยถา ปน กฎฺฐสญฺญาย สปฺปํ ฆาเตนฺตสฺส ปาณาติปาโต น โหติ, เอวํ นาฬิเกรปานสญฺญาย มชฺชํ ปิวนฺตสฺส อกุสลํ น โหตี’’ติฯ

    Apicettha ‘‘sacittakapakkhe cittaṃ akusalamevā’’ti vacanato acittakassa vatthuajānanavasena acittakapakkhe cittaṃ akusalamevāti ayaṃ niyamo natthīti viññāyati. Yadi hi acittakassa acittakapakkhepi cittaṃ akusalameva siyā, ‘‘sacittakapakkhe’’ti idaṃ visesanaṃ niratthakaṃ siyā. ‘‘Yassa cittaṃ akusalameva hoti, taṃ lokavajja’’nti ettake vutte surāti ajānitvā pivantassa gandhavaṇṇakādibhāvaṃ ajānitvā tāni limpantīnaṃ bhikkhunīnañca vināpi akusalacittena āpattisambhavato ekantākusalaṃ sacittakasikkhāpadaṃ ṭhapetvā surāpānādiacittakasikkhāpadānaṃ lokavajjatā na siyāti tesampi saṅgaṇhatthaṃ ‘‘yassa sacittakapakkhe cittaṃ akusalameva hoti, taṃ lokavajja’’nti vuttaṃ. Teneva cūḷagaṇṭhipade majjhimagaṇṭhipade ca vuttaṃ ‘‘etaṃ sattaṃ māressāmīti tasmiṃyeva padese nipannaṃ aññaṃ mārentassa pāṇasāmaññassa atthitāya yathā pāṇātipāto hoti, evaṃ etaṃ majjaṃ pivissāmīti aññaṃ majjaṃ pivantassa majjasāmaññassa atthitāya akusalameva hoti. Yathā pana kaṭṭhasaññāya sappaṃ ghātentassa pāṇātipāto na hoti, evaṃ nāḷikerapānasaññāya majjaṃ pivantassa akusalaṃ na hotī’’ti.

    เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘สามเณรสฺส สุราติ อชานิตฺวา ปิวนฺตสฺส ปาราชิโก นตฺถิ, อกุสลํ ปน โหตี’’ติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํฯ ‘‘ภิกฺขุโน อชานิตฺวาปิ พีชโต ปฎฺฐาย มชฺชํ ปิวนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, สามเณโร ชานิตฺวา ปิวโนฺต สีลเภทํ อาปชฺชติ, น อชานิตฺวา’’ติ เอตฺตกเมว หิ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํ, ‘‘อกุสลํ ปน โหตี’’ติ น วุตฺตนฺติฯ อปรมฺปิ วทนฺติ ‘‘อชานิตฺวา ปิวนฺตสฺสปิ โสตาปนฺนสฺส มุขํ สุรา น ปวิสติ กมฺมปถปฺปตฺตอกุสลจิเตฺตเนว ปาตพฺพโต’’ติ, ตมฺปิ น สุนฺทรํฯ โพธิสเตฺต กุจฺฉิคเต โพธิสตฺตมาตุ สีลํ วิย หิ อิทมฺปิ อริยสาวกานํ ธมฺมตาสิทฺธนฺติ เวทิตพฺพํฯ เตเนว ทีฆนิกาเย กูฎทนฺตสุตฺตฎฺฐกถายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๓๕๒) วุตฺตํ –

    Keci pana vadanti ‘‘sāmaṇerassa surāti ajānitvā pivantassa pārājiko natthi, akusalaṃ pana hotī’’ti, taṃ tesaṃ matimattaṃ. ‘‘Bhikkhuno ajānitvāpi bījato paṭṭhāya majjaṃ pivantassa pācittiyaṃ, sāmaṇero jānitvā pivanto sīlabhedaṃ āpajjati, na ajānitvā’’ti ettakameva hi aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ, ‘‘akusalaṃ pana hotī’’ti na vuttanti. Aparampi vadanti ‘‘ajānitvā pivantassapi sotāpannassa mukhaṃ surā na pavisati kammapathappattaakusalacitteneva pātabbato’’ti, tampi na sundaraṃ. Bodhisatte kucchigate bodhisattamātu sīlaṃ viya hi idampi ariyasāvakānaṃ dhammatāsiddhanti veditabbaṃ. Teneva dīghanikāye kūṭadantasuttaṭṭhakathāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 1.352) vuttaṃ –

    ‘‘ภวนฺตเรปิ หิ อริยสาวโก ชีวิตเหตุปิ เนว ปาณํ หนติ, น สุรํ ปิวติฯ สเจปิสฺส สุรญฺจ ขีรญฺจ มิเสฺสตฺวา มุเข ปกฺขิปนฺติ, ขีรเมว ปวิสติ, น สุราฯ ยถา กิํ? ยถา โกญฺจสกุณานํ ขีรมิสฺสเก อุทเก ขีรเมว ปวิสติ, น อุทกํฯ อิทํ โยนิสิทฺธนฺติ เจ? อิทมฺปิ ธมฺมตาสิทฺธนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติฯ

    ‘‘Bhavantarepi hi ariyasāvako jīvitahetupi neva pāṇaṃ hanati, na suraṃ pivati. Sacepissa surañca khīrañca missetvā mukhe pakkhipanti, khīrameva pavisati, na surā. Yathā kiṃ? Yathā koñcasakuṇānaṃ khīramissake udake khīrameva pavisati, na udakaṃ. Idaṃ yonisiddhanti ce? Idampi dhammatāsiddhanti veditabba’’nti.

    ยทิ เอวํ สุราปานสิกฺขาปทฎฺฐกถายํ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๓๒๙) ‘‘วตฺถุอชานนตาย เจตฺถ อจิตฺตกตา เวทิตพฺพา, อกุสเลเนว ปาตพฺพตาย โลกวชฺชตา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ? นายํ โทโสฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย – สจิตฺตกปเกฺข อกุสลจิเตฺตเนว ปาตพฺพตาย โลกวชฺชตาติฯ อิมินาเยว หิ อธิปฺปาเยน อเญฺญสุปิ โลกวเชฺชสุ อจิตฺตกสิกฺขาปเทสุ อกุสลจิตฺตตาเยว วุตฺตา, น ปน สจิตฺตกตาฯ เตเนว ภิกฺขุนีวิภงฺคฎฺฐกถายํ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๑๒๒๗) วุตฺตํ –

    Yadi evaṃ surāpānasikkhāpadaṭṭhakathāyaṃ (pāci. aṭṭha. 329) ‘‘vatthuajānanatāya cettha acittakatā veditabbā, akusaleneva pātabbatāya lokavajjatā’’ti kasmā vuttaṃ? Nāyaṃ doso. Ayañhettha adhippāyo – sacittakapakkhe akusalacitteneva pātabbatāya lokavajjatāti. Imināyeva hi adhippāyena aññesupi lokavajjesu acittakasikkhāpadesu akusalacittatāyeva vuttā, na pana sacittakatā. Teneva bhikkhunīvibhaṅgaṭṭhakathāyaṃ (pāci. aṭṭha. 1227) vuttaṃ –

    ‘‘คิรคฺคสมชฺชํ จิตฺตาคารสิกฺขาปทํ สงฺฆาณิ อิตฺถาลงฺกาโร คนฺธกวณฺณโก วาสิตกปิญฺญาโก ภิกฺขุนีอาทีหิ อุมฺมทฺทนปริมทฺทนาติ อิมานิ ทส สิกฺขาปทานิ อจิตฺตกานิ โลกวชฺชานิ อกุสลจิตฺตานี’’ติ,

    ‘‘Giraggasamajjaṃ cittāgārasikkhāpadaṃ saṅghāṇi itthālaṅkāro gandhakavaṇṇako vāsitakapiññāko bhikkhunīādīhi ummaddanaparimaddanāti imāni dasa sikkhāpadāni acittakāni lokavajjāni akusalacittānī’’ti,

    อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – วินาปิ จิเตฺตน อาปชฺชิตพฺพตฺตา อจิตฺตกานิ, จิเตฺต ปน สติ อกุสเลเนว อาปชฺชิตพฺพตฺตา โลกวชฺชานิ เจว อกุสลจิตฺตานิ จาติฯ ตสฺมา ภิกฺขุวิภเงฺค อาคตานิ สุราปานอุยฺยุตฺตอุโยฺยธิกสิกฺขาปทานิ ตีณิ, ภิกฺขุนีวิภเงฺค อาคตานิ คิรคฺคสมชฺชาทีนิ ทสาติ อิเมสํ เตรสนฺนํ อจิตฺตกสิกฺขาปทานํ โลกวชฺชตาทสฺสนตฺถํ ‘‘สจิตฺตกปเกฺข’’ติ อิทํ วิเสสนํ กตนฺติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ ยสฺมา ปน ปณฺณตฺติวชฺชสฺส วตฺถุวีติกฺกมวิชานนจิเตฺตน สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํ, ตสฺมา ตสฺส สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมวาติ อยํ นิยโม นตฺถีติ เสสํ ปณฺณตฺติวชฺชนฺติ วุตฺตํฯ

    Ayaṃ panettha adhippāyo – vināpi cittena āpajjitabbattā acittakāni, citte pana sati akusaleneva āpajjitabbattā lokavajjāni ceva akusalacittāni cāti. Tasmā bhikkhuvibhaṅge āgatāni surāpānauyyuttauyyodhikasikkhāpadāni tīṇi, bhikkhunīvibhaṅge āgatāni giraggasamajjādīni dasāti imesaṃ terasannaṃ acittakasikkhāpadānaṃ lokavajjatādassanatthaṃ ‘‘sacittakapakkhe’’ti idaṃ visesanaṃ katanti niṭṭhamettha gantabbaṃ. Yasmā pana paṇṇattivajjassa vatthuvītikkamavijānanacittena sacittakapakkhe cittaṃ siyā kusalaṃ, siyā akusalaṃ, siyā abyākataṃ, tasmā tassa sacittakapakkhe cittaṃ akusalamevāti ayaṃ niyamo natthīti sesaṃ paṇṇattivajjanti vuttaṃ.

    รุนฺธนฺตีติ วีติกฺกมํ รุนฺธนฺตีฯ ทฺวารํ ปิทหนฺตีติ วีติกฺกมเลสสฺส ทฺวารํ ปิทหนฺตีฯ โสตํ ปจฺฉินฺทมานาติ อุปรูปริ วีติกฺกมโสตํ ปจฺฉินฺทมานาฯ อถ วา รุนฺธนฺตีติ อนาปตฺติเลสํ รุนฺธนฺตีฯ ทฺวารํ ปิทหนฺตีติ อนาปตฺติเลสสฺส ทฺวารํ ปิทหนฺตีฯ โสตํ ปจฺฉินฺทมานาติ อนาปตฺติโสตํ ปจฺฉินฺทมานา, อาปตฺติเมว กุรุมานาติ วุตฺตํ โหติฯ นนุ จ โลกวเชฺช กาจิ อนุปญฺญตฺติ อุปฺปชฺชมานา สิถิลํ กโรนฺตี อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ‘‘โลกวเชฺช อนุปญฺญตฺติ อุปฺปชฺชมานา…เป.… คาฬฺหตรํ กโรนฺตี อุปฺปชฺชตี’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อญฺญตฺร อธิมานา อญฺญตฺร สุปินนฺตา’’ติอาทิฯ ‘‘อญฺญตฺร อธิมานา’’ติ อิมิสฺสา อนุปญฺญตฺติยา ‘‘วีติกฺกมาภาวา’’ติ การณํ วุตฺตํ, ‘‘อญฺญตฺร สุปินนฺตา’’ติ อิมิสฺสา ‘‘อโพฺพหาริกตฺตา’’ติ การณํ วุตฺตํฯ ตตฺถ วีติกฺกมาภาวาติ ปาปิโจฺฉ อิจฺฉาปกโตติอาทิวีติกฺกมาภาวาฯ อุตฺตริมนุสฺสธเมฺม หิ ‘‘ปาปิโจฺฉ อิจฺฉาปกโต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปตี’’ติ (มหาว. ๑๒๙) วจนโต วิสํวาทนาธิปฺปาเยน มุสา ภณโนฺต ปาราชิโก โหติฯ อยํ ปน อธิมาเนน อธิคตสญฺญี หุตฺวา อุลฺลปติ, น สิกฺขาปทํ วีติกฺกมิตุกาโม, ตสฺมา ‘‘อญฺญตฺร อธิมานา’’ติ อยํ อนุปญฺญตฺติ อุปฺปชฺชมานา วีติกฺกมาภาวา อนาปตฺติกรา ชาตาฯ อโพฺพหาริกตฺตาติ สุปินเนฺต วิชฺชมานายปิ เจตนาย วีติกฺกมิจฺฉาย จ อโพฺพหาริกตฺตาฯ กิญฺจาปิ หิ สุปินเนฺต โมจนสฺสาทเจตนา สํวิชฺชติ, กทาจิ อุปกฺกมนมฺปิ โหติ, ตถาปิ ถินมิเทฺธน อภิภูตตฺตา ตํ จิตฺตํ อโพฺพหาริกํ, จิตฺตสฺส อโพฺพหาริกตฺตา อุปกฺกมกิริยาสํวตฺตนิกาปิ เจตนา อโพฺพหาริกาฯ เตเนว ‘‘อเตฺถสา ภิกฺขเว เจตนา, สา จ โข อโพฺพหาริกา’’ติ (ปารา. ๒๓๕) ภควตา วุตฺตา, ตสฺมา ‘‘อญฺญตฺร สุปินนฺตา’’ติ อยํ อนุปญฺญตฺติ อโพฺพหาริกตฺตา อนาปตฺติกรา ชาตาฯ

    Rundhantīti vītikkamaṃ rundhantī. Dvāraṃ pidahantīti vītikkamalesassa dvāraṃ pidahantī. Sotaṃ pacchindamānāti uparūpari vītikkamasotaṃ pacchindamānā. Atha vā rundhantīti anāpattilesaṃ rundhantī. Dvāraṃ pidahantīti anāpattilesassa dvāraṃ pidahantī. Sotaṃ pacchindamānāti anāpattisotaṃ pacchindamānā, āpattimeva kurumānāti vuttaṃ hoti. Nanu ca lokavajje kāci anupaññatti uppajjamānā sithilaṃ karontī uppajjati, tasmā ‘‘lokavajje anupaññatti uppajjamānā…pe… gāḷhataraṃ karontī uppajjatī’’ti idaṃ kasmā vuttanti āha ‘‘aññatra adhimānā aññatra supinantā’’tiādi. ‘‘Aññatra adhimānā’’ti imissā anupaññattiyā ‘‘vītikkamābhāvā’’ti kāraṇaṃ vuttaṃ, ‘‘aññatra supinantā’’ti imissā ‘‘abbohārikattā’’ti kāraṇaṃ vuttaṃ. Tattha vītikkamābhāvāti pāpiccho icchāpakatotiādivītikkamābhāvā. Uttarimanussadhamme hi ‘‘pāpiccho icchāpakato uttarimanussadhammaṃ ullapatī’’ti (mahāva. 129) vacanato visaṃvādanādhippāyena musā bhaṇanto pārājiko hoti. Ayaṃ pana adhimānena adhigatasaññī hutvā ullapati, na sikkhāpadaṃ vītikkamitukāmo, tasmā ‘‘aññatra adhimānā’’ti ayaṃ anupaññatti uppajjamānā vītikkamābhāvā anāpattikarā jātā. Abbohārikattāti supinante vijjamānāyapi cetanāya vītikkamicchāya ca abbohārikattā. Kiñcāpi hi supinante mocanassādacetanā saṃvijjati, kadāci upakkamanampi hoti, tathāpi thinamiddhena abhibhūtattā taṃ cittaṃ abbohārikaṃ, cittassa abbohārikattā upakkamakiriyāsaṃvattanikāpi cetanā abbohārikā. Teneva ‘‘atthesā bhikkhave cetanā, sā ca kho abbohārikā’’ti (pārā. 235) bhagavatā vuttā, tasmā ‘‘aññatra supinantā’’ti ayaṃ anupaññatti abbohārikattā anāpattikarā jātā.

    อกเต วีติกฺกเมติ ‘‘กุกฺกุจฺจายนฺตา น ภุญฺชิํสู’’ติอาทีสุ วิย วีติกฺกเม อกเตฯ สิถิลํ กโรนฺตีติ ปฐมํ สามญฺญโต พทฺธสิกฺขาปทํ โมเจตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วิสเย อนาปตฺติกรณวเสน สิถิลํ กโรนฺตีฯ ทฺวารํ ททมานาติ อนาปตฺติยา ทฺวารํ ททมานาฯ เตเนวาห ‘‘อปราปรมฺปิ อนาปตฺติํ กุรุมานา’’ติฯ นนุ จ สญฺจริตฺตสิกฺขาปเท ‘‘อนฺตมโส ตงฺขณิกายปี’’ติ อนุปญฺญตฺติ อุปฺปชฺชมานา อาปตฺติเมว กโรนฺตี อุปฺปนฺนา, อถ กสฺมา ‘‘อนาปตฺติํ กุรุมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อนฺตมโส ตงฺขณิกายปี’’ติอาทิฯ อุทายินา ภิกฺขุนา ตงฺขณิกาย สญฺจริตฺตํ อาปนฺนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตตฺตา ‘‘กเต วีติกฺกเม’’ติ วุตฺตํฯ ปญฺญตฺติคติกาว โหตีติ มูลปญฺญตฺติยํเยว อโนฺตคธา โหติฯ

    Akate vītikkameti ‘‘kukkuccāyantā na bhuñjiṃsū’’tiādīsu viya vītikkame akate. Sithilaṃ karontīti paṭhamaṃ sāmaññato baddhasikkhāpadaṃ mocetvā attano attano visaye anāpattikaraṇavasena sithilaṃ karontī. Dvāraṃ dadamānāti anāpattiyā dvāraṃ dadamānā. Tenevāha ‘‘aparāparampi anāpattiṃ kurumānā’’ti. Nanu ca sañcarittasikkhāpade ‘‘antamaso taṅkhaṇikāyapī’’ti anupaññatti uppajjamānā āpattimeva karontī uppannā, atha kasmā ‘‘anāpattiṃ kurumānā uppajjatī’’ti vuttanti āha ‘‘antamaso taṅkhaṇikāyapī’’tiādi. Udāyinā bhikkhunā taṅkhaṇikāya sañcarittaṃ āpannavatthusmiṃ paññattattā ‘‘kate vītikkame’’ti vuttaṃ. Paññattigatikāva hotīti mūlapaññattiyaṃyeva antogadhā hoti.

    มกฺกฎิวตฺถุกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Makkaṭivatthukathāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    สนฺถตภาณวาโร

    Santhatabhāṇavāro







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / มกฺกฎีวตฺถุกถาวณฺณนา • Makkaṭīvatthukathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / มกฺกฎีวตฺถุกถาวณฺณนา • Makkaṭīvatthukathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact