Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
มกฺกฎีวตฺถุกถาวณฺณนา
Makkaṭīvatthukathāvaṇṇanā
๔๐-๑. ทุติยปญฺญตฺติยํ ‘‘อิธ มลฺลา ยุชฺฌนฺตี’’ติอาทีสุ วิย ปฎิเสวตีติ วตฺตมานวจนํ ปจุรปฎิเสวนวเสน วุตฺตํ, ‘‘ตญฺจ โข มนุสฺสิตฺถิยา, โน ติรจฺฉานคตายา’’ติ ปริปุณฺณตฺถมฺปิ ปฐมํ ปญฺญตฺติํ อตฺตโน มิจฺฉาคาเหน วา เลสโอฑฺฑนตฺถาย วา เอวมาหฯ ปริปุณฺณตฺถตํเยว นิยเมตุํ ‘‘นนุ อาวุโส ตเถว ตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ, เตเนว มกฺกฎีวตฺถุ วินีตวตฺถูสุ ปกฺขิตฺตํ อวิเสสตฺตา, ตถา วชฺชิปุตฺตกวตฺถุฯ วิจารณา ปเนตฺถ ตติยปญฺญตฺติยํ อาวิ ภวิสฺสติฯ ‘‘นนุ, อาวุโส, ภควตา อเนกปริยาเยนา’’ติอาทิ น เกวลํ สอุเทฺทสสิกฺขาปเทเนว สิทฺธํ, ‘‘ติรจฺฉานคตาทีสุปิ ปาราชิก’’นฺติ อนุเทฺทสสิกฺขาปเทนปิ สิทฺธนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อถ วา ยทิ สอุเทฺทสสิกฺขาปทํ สาวเสสนฺติ ปญฺญเปสิ, อิมินา อนุเทฺทสสิกฺขาปเทนาปิ กิํ น สิทฺธนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญเปสฺสามี’’ติ ตเทว สิกฺขาปทํ ปฐมปญฺญตฺตเมว เลสตฺถิกานํ อเลโสกาสํ กตฺวา อาเมฑิตตฺถํ กตฺวา ปญฺญเปสฺสามีติ อโตฺถฯ อญฺญถา ‘‘อญฺญวาทเก วิเหสเก ปาจิตฺติย’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๐๑) วิย วตฺถุทฺวเยน อาปตฺติทฺวยํ อาปชฺชติ, น จาปชฺชติ, โส เอวโตฺถ อเญฺญนาปิ วจเนน สุปฺปกาสิโต, สุปริพฺยตฺตกรณเตฺถน ทฬฺหตโร กโตติ อธิปฺปาโยฯ ตติยปญฺญตฺติยมฺปิ อเญฺญสุ จ เอวํ วิสุโทฺธฯ
40-1. Dutiyapaññattiyaṃ ‘‘idha mallā yujjhantī’’tiādīsu viya paṭisevatīti vattamānavacanaṃ pacurapaṭisevanavasena vuttaṃ, ‘‘tañca kho manussitthiyā, no tiracchānagatāyā’’ti paripuṇṇatthampi paṭhamaṃ paññattiṃ attano micchāgāhena vā lesaoḍḍanatthāya vā evamāha. Paripuṇṇatthataṃyeva niyametuṃ ‘‘nanu āvuso tatheva taṃ hotī’’ti vuttaṃ, teneva makkaṭīvatthu vinītavatthūsu pakkhittaṃ avisesattā, tathā vajjiputtakavatthu. Vicāraṇā panettha tatiyapaññattiyaṃ āvi bhavissati. ‘‘Nanu, āvuso, bhagavatā anekapariyāyenā’’tiādi na kevalaṃ sauddesasikkhāpadeneva siddhaṃ, ‘‘tiracchānagatādīsupi pārājika’’nti anuddesasikkhāpadenapi siddhanti dassanatthaṃ vuttaṃ. Atha vā yadi sauddesasikkhāpadaṃ sāvasesanti paññapesi, iminā anuddesasikkhāpadenāpi kiṃ na siddhanti dassanatthaṃ vuttaṃ. ‘‘Tena hi, bhikkhave, bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññapessāmī’’ti tadeva sikkhāpadaṃ paṭhamapaññattameva lesatthikānaṃ alesokāsaṃ katvā āmeḍitatthaṃ katvā paññapessāmīti attho. Aññathā ‘‘aññavādake vihesake pācittiya’’ntiādīsu (pāci. 101) viya vatthudvayena āpattidvayaṃ āpajjati, na cāpajjati, so evattho aññenāpi vacanena suppakāsito, suparibyattakaraṇatthena daḷhataro katoti adhippāyo. Tatiyapaññattiyampi aññesu ca evaṃ visuddho.
ยสฺส สจิตฺตกปเกฺขติอาทิมฺหิ ปน คณฺฐิปทนโย ตาว ปฐมํ วุจฺจติ, สจิตฺตกปเกฺขติ สุราปานาทิอจิตฺตเก สนฺธาย วุตฺตํฯ สจิตฺตเกสุ ปน ยํ เอกนฺตมกุสเลเนว สมุฎฺฐาปิตญฺจฯ อุภยํ โลกวชฺชํ นามฯ สุราปานสฺมิญฺหิ ‘‘สุรา’’ติ วา ‘‘ปาตุํ น วฎฺฎตี’’ติ วา ชานิตฺวา ปิวเน อกุสลเมว, ตถา ภิกฺขุนีนํ คนฺธวณฺณกตฺถาย เลปเน, เภสชฺชตฺถาย เลปเน อโทสตฺตา ‘‘อวิจารณีย’’นฺติ เอตฺตกํ วุตฺตํฯ ตตฺถ น วฎฺฎตีติ ‘‘ชานิตฺวา’’ติ วุตฺตวจนํ น ยุชฺชติ ปณฺณตฺติวชฺชสฺสาปิ โลกวชฺชภาวปฺปสงฺคโตฯ อิมํ อนิฎฺฐปฺปสงฺคํ ปริหริตุกามตาย วชิรพุทฺธิเตฺถรสฺส คณฺฐิปเท วุตฺตํ ‘‘อิธ สจิตฺตกนฺติ จ อจิตฺตกนฺติ จ วิจารณา วตฺถุวิชานเนเยว โหติ, น ปญฺญตฺติวิชานเนฯ ยทิ ปญฺญตฺติวิชานเน โหติ, สพฺพสิกฺขาปทานิ โลกวชฺชาเนว สิยุํ, น จ สพฺพสิกฺขาปทานิ โลกวชฺชานิ , ตสฺมา วตฺถุวิชานเนเยว โหตี’’ติ, อิทํ ยุชฺชติฯ กสฺมา? ยสฺมา เสขิเยสุ ปญฺญตฺติชานนเมว ปมาณํ, น วตฺถุมตฺตชานนนฺติ, ยํ ปน ตเตฺถว วุตฺตํ ‘‘ปสุตฺตสฺส มุเข โกจิ สุรํ ปกฺขิเปยฺย, อโนฺต เจ ปวิเสยฺย, อาปตฺติ, ตตฺถ ยถา ภิกฺขุนิยา อธกฺขกํ อุพฺภชาณุมณฺฑลํ ปรสฺส อามสนาทิกาเล กายํ อจาเลตฺวา จิเตฺตเนว สาทิยนฺติยา อาปตฺติ ‘กิริยาว โหตี’ติ วุตฺตา เยภุเยฺยน กิริยสมฺภวโต, ตถา อยมฺปิ ตทา กิริยาว โหตี’’ติ, ตํ สุวิจาริตํ อเนกนฺตากุสลภาวสาธนโตฯ สุราปานาปตฺติยา เอกนฺตากุสลตา ปน มชฺชสญฺญิโนปิ สกิํ ปโยเคน ปิวโต โหตีติ กตฺวา วุตฺตาฯ
Yassa sacittakapakkhetiādimhi pana gaṇṭhipadanayo tāva paṭhamaṃ vuccati, sacittakapakkheti surāpānādiacittake sandhāya vuttaṃ. Sacittakesu pana yaṃ ekantamakusaleneva samuṭṭhāpitañca. Ubhayaṃ lokavajjaṃ nāma. Surāpānasmiñhi ‘‘surā’’ti vā ‘‘pātuṃ na vaṭṭatī’’ti vā jānitvā pivane akusalameva, tathā bhikkhunīnaṃ gandhavaṇṇakatthāya lepane, bhesajjatthāya lepane adosattā ‘‘avicāraṇīya’’nti ettakaṃ vuttaṃ. Tattha na vaṭṭatīti ‘‘jānitvā’’ti vuttavacanaṃ na yujjati paṇṇattivajjassāpi lokavajjabhāvappasaṅgato. Imaṃ aniṭṭhappasaṅgaṃ pariharitukāmatāya vajirabuddhittherassa gaṇṭhipade vuttaṃ ‘‘idha sacittakanti ca acittakanti ca vicāraṇā vatthuvijānaneyeva hoti, na paññattivijānane. Yadi paññattivijānane hoti, sabbasikkhāpadāni lokavajjāneva siyuṃ, na ca sabbasikkhāpadāni lokavajjāni , tasmā vatthuvijānaneyeva hotī’’ti, idaṃ yujjati. Kasmā? Yasmā sekhiyesu paññattijānanameva pamāṇaṃ, na vatthumattajānananti, yaṃ pana tattheva vuttaṃ ‘‘pasuttassa mukhe koci suraṃ pakkhipeyya, anto ce paviseyya, āpatti, tattha yathā bhikkhuniyā adhakkhakaṃ ubbhajāṇumaṇḍalaṃ parassa āmasanādikāle kāyaṃ acāletvā citteneva sādiyantiyā āpatti ‘kiriyāva hotī’ti vuttā yebhuyyena kiriyasambhavato, tathā ayampi tadā kiriyāva hotī’’ti, taṃ suvicāritaṃ anekantākusalabhāvasādhanato. Surāpānāpattiyā ekantākusalatā pana majjasaññinopi sakiṃ payogena pivato hotīti katvā vuttā.
อยํ ปเนตฺถ อโตฺถ – สิกฺขาปทสีเสน อาปตฺติํ คเหตฺวา ยสฺส สิกฺขาปทสฺส สจิตฺตกสฺส จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺชํฯ สจิตฺตกาจิตฺตกสงฺขาตสฺส อจิตฺตกสฺส จ สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตมฺปิ สุราปานาทิ โลกวชฺชนฺติ อิมมตฺถํ สมฺปิเณฺฑตฺวา ‘‘ยสฺส สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺช’’นฺติ วุตฺตํฯ สจิตฺตกปเกฺขติ หิ อิทํ วจนํ อจิตฺตกํ สนฺธายาหฯ น หิ เอกํสโต สจิตฺตกสฺส สจิตฺตกปเกฺขติ วิเสสเน ปโยชนํ อตฺถิฯ ยสฺมา ปเนตฺถ ปณฺณตฺติวชฺชสฺส ปญฺญตฺติชานนจิเตฺตน สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมว, วตฺถุชานนจิเตฺตน สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ สิยา กุสลํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากตํ, ตสฺมา ‘‘ตสฺส สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมวา’’ติ น วุจฺจตีติ ‘‘เสสํ ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติ วุตฺตํฯ อธิมาเน วีติกฺกมาภาวา, สุปินเนฺต อโพฺพหาริกตฺตา สุปินเนฺต วิชฺชมานาปิ วีติกฺกมฉายา อโพฺพหาริกภาเวนาติ วุตฺตํ โหติฯ อิทํ ปน วจนํ ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนตฺตา จ วุตฺตํ, เตน ยํ วุตฺตํ พาหิรนิทานกถาธิกาเร ‘‘ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนาติ เยภุยฺยตาย วุตฺต’’นฺติอาทิ, ตํ สุวุตฺตเมวาติ เวทิตพฺพํฯ
Ayaṃ panettha attho – sikkhāpadasīsena āpattiṃ gahetvā yassa sikkhāpadassa sacittakassa cittaṃ akusalameva hoti, taṃ lokavajjaṃ. Sacittakācittakasaṅkhātassa acittakassa ca sacittakapakkhe cittaṃ akusalameva hoti, tampi surāpānādi lokavajjanti imamatthaṃ sampiṇḍetvā ‘‘yassa sacittakapakkhe cittaṃ akusalameva hoti, taṃ lokavajja’’nti vuttaṃ. Sacittakapakkheti hi idaṃ vacanaṃ acittakaṃ sandhāyāha. Na hi ekaṃsato sacittakassa sacittakapakkheti visesane payojanaṃ atthi. Yasmā panettha paṇṇattivajjassa paññattijānanacittena sacittakapakkhe cittaṃ akusalameva, vatthujānanacittena sacittakapakkhe cittaṃ siyā kusalaṃ siyā akusalaṃ siyā abyākataṃ, tasmā ‘‘tassa sacittakapakkhe cittaṃ akusalamevā’’ti na vuccatīti ‘‘sesaṃ paṇṇattivajja’’nti vuttaṃ. Adhimāne vītikkamābhāvā, supinante abbohārikattā supinante vijjamānāpi vītikkamachāyā abbohārikabhāvenāti vuttaṃ hoti. Idaṃ pana vacanaṃ daḷhīkammasithilakaraṇappayojanattā ca vuttaṃ, tena yaṃ vuttaṃ bāhiranidānakathādhikāre ‘‘daḷhīkammasithilakaraṇappayojanāti yebhuyyatāya vutta’’ntiādi, taṃ suvuttamevāti veditabbaṃ.
มกฺกฎีวตฺถุกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Makkaṭīvatthukathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / มกฺกฎิวตฺถุกถาวณฺณนา • Makkaṭivatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / มกฺกฎีวตฺถุกถาวณฺณนา • Makkaṭīvatthukathāvaṇṇanā