Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๗. มลฺลิกาเทวีสุตฺตํ

    7. Mallikādevīsuttaṃ

    ๑๙๗. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข มลฺลิกา เทวี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข มลฺลิกา เทวี ภควนฺตํ เอตทโวจ –

    197. Ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho mallikā devī yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnā kho mallikā devī bhagavantaṃ etadavoca –

    ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, เหตุ โก ปจฺจโย, เยน มิเธกโจฺจ มาตุคาโม ทุพฺพณฺณา จ โหติ ทุรูปา สุปาปิกา 1 ทสฺสนาย; ทลิทฺทา จ โหติ อปฺปสฺสกา อปฺปโภคา อเปฺปสกฺขา จ?

    ‘‘Ko nu kho, bhante, hetu ko paccayo, yena midhekacco mātugāmo dubbaṇṇā ca hoti durūpā supāpikā 2 dassanāya; daliddā ca hoti appassakā appabhogā appesakkhā ca?

    ‘‘โก ปน, ภเนฺต, เหตุ โก ปจฺจโย, เยน มิเธกโจฺจ มาตุคาโม ทุพฺพณฺณา จ โหติ ทุรูปา สุปาปิกา ทสฺสนาย; อฑฺฒา จ โหติ มหทฺธนา มหาโภคา มเหสกฺขา จ?

    ‘‘Ko pana, bhante, hetu ko paccayo, yena midhekacco mātugāmo dubbaṇṇā ca hoti durūpā supāpikā dassanāya; aḍḍhā ca hoti mahaddhanā mahābhogā mahesakkhā ca?

    ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, เหตุ โก ปจฺจโย, เยน มิเธกโจฺจ มาตุคาโม อภิรูปา จ โหติ ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา; ทลิทฺทา จ โหติ อปฺปสฺสกา อปฺปโภคา อเปฺปสกฺขา จ?

    ‘‘Ko nu kho, bhante, hetu ko paccayo, yena midhekacco mātugāmo abhirūpā ca hoti dassanīyā pāsādikā paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā; daliddā ca hoti appassakā appabhogā appesakkhā ca?

    ‘‘โก ปน, ภเนฺต, เหตุ โก ปจฺจโย, เยน มิเธกโจฺจ มาตุคาโม อภิรูปา จ โหติ ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา, อฑฺฒา จ โหติ มหทฺธนา มหาโภคา มเหสกฺขา จา’’ติ?

    ‘‘Ko pana, bhante, hetu ko paccayo, yena midhekacco mātugāmo abhirūpā ca hoti dassanīyā pāsādikā paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā, aḍḍhā ca hoti mahaddhanā mahābhogā mahesakkhā cā’’ti?

    ‘‘อิธ , มลฺลิเก, เอกโจฺจ มาตุคาโม โกธนา โหติ อุปายาสพหุลาฯ อปฺปมฺปิ วุตฺตา สมานา อภิสชฺชติ กุปฺปติ พฺยาปชฺชติ ปติตฺถียติ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติฯ สา 3 น ทาตา โหติ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลาคนฺธวิเลปนํ เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํฯ อิสฺสามนิกา 4 โข ปน โหติ; ปรลาภสกฺการครุการมานนวนฺทนปูชนาสุ อิสฺสติ อุปทุสฺสติ อิสฺสํ พนฺธติฯ สา เจ ตโต จุตา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติ, สา 5 ยตฺถ ยตฺถ ปจฺจาชายติ ทุพฺพณฺณา จ โหติ ทุรูปา สุปาปิกา ทสฺสนาย; ทลิทฺทา จ โหติ อปฺปสฺสกา อปฺปโภคา อเปฺปสกฺขา จฯ

    ‘‘Idha , mallike, ekacco mātugāmo kodhanā hoti upāyāsabahulā. Appampi vuttā samānā abhisajjati kuppati byāpajjati patitthīyati, kopañca dosañca appaccayañca pātukaroti. Sā 6 na dātā hoti samaṇassa vā brāhmaṇassa vā annaṃ pānaṃ vatthaṃ yānaṃ mālāgandhavilepanaṃ seyyāvasathapadīpeyyaṃ. Issāmanikā 7 kho pana hoti; paralābhasakkāragarukāramānanavandanapūjanāsu issati upadussati issaṃ bandhati. Sā ce tato cutā itthattaṃ āgacchati, sā 8 yattha yattha paccājāyati dubbaṇṇā ca hoti durūpā supāpikā dassanāya; daliddā ca hoti appassakā appabhogā appesakkhā ca.

    ‘‘อิธ ปน, มลฺลิเก, เอกโจฺจ มาตุคาโม โกธนา โหติ อุปายาสพหุลาฯ อปฺปมฺปิ วุตฺตา สมานา อภิสชฺชติ กุปฺปติ พฺยาปชฺชติ ปติตฺถียติ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติฯ สา ทาตา โหติ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลาคนฺธวิเลปนํ เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํฯ อนิสฺสามนิกา โข ปน โหติ; ปรลาภสกฺการครุการมานนวนฺทนปูชนาสุ น อิสฺสติ น อุปทุสฺสติ น อิสฺสํ พนฺธติฯ สา เจ ตโต จุตา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติ, สา ยตฺถ ยตฺถ ปจฺจาชายติ ทุพฺพณฺณา จ โหติ ทุรูปา สุปาปิกา ทสฺสนาย; อฑฺฒา จ โหติ มหทฺธนา มหาโภคา มเหสกฺขา จฯ

    ‘‘Idha pana, mallike, ekacco mātugāmo kodhanā hoti upāyāsabahulā. Appampi vuttā samānā abhisajjati kuppati byāpajjati patitthīyati, kopañca dosañca appaccayañca pātukaroti. Sā dātā hoti samaṇassa vā brāhmaṇassa vā annaṃ pānaṃ vatthaṃ yānaṃ mālāgandhavilepanaṃ seyyāvasathapadīpeyyaṃ. Anissāmanikā kho pana hoti; paralābhasakkāragarukāramānanavandanapūjanāsu na issati na upadussati na issaṃ bandhati. Sā ce tato cutā itthattaṃ āgacchati, sā yattha yattha paccājāyati dubbaṇṇā ca hoti durūpā supāpikā dassanāya; aḍḍhā ca hoti mahaddhanā mahābhogā mahesakkhā ca.

    ‘‘อิธ ปน, มลฺลิเก, เอกโจฺจ มาตุคาโม อโกฺกธนา โหติ อนุปายาสพหุลาฯ พหุมฺปิ วุตฺตา สมานา นาภิสชฺชติ น กุปฺปติ น พฺยาปชฺชติ น ปติตฺถียติ, น โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติฯ สา น ทาตา โหติ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลาคนฺธวิเลปนํ เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํฯ อิสฺสามนิกา โข ปน โหติ; ปรลาภสกฺการครุการมานนวนฺทนปูชนาสุ อิสฺสติ อุปทุสฺสติ อิสฺสํ พนฺธติฯ สา เจ ตโต จุตา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติ, สา ยตฺถ ยตฺถ ปจฺจาชายติ อภิรูปา จ โหติ ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา; ทลิทฺทา จ โหติ อปฺปสฺสกา อปฺปโภคา อเปฺปสกฺขา จฯ

    ‘‘Idha pana, mallike, ekacco mātugāmo akkodhanā hoti anupāyāsabahulā. Bahumpi vuttā samānā nābhisajjati na kuppati na byāpajjati na patitthīyati, na kopañca dosañca appaccayañca pātukaroti. Sā na dātā hoti samaṇassa vā brāhmaṇassa vā annaṃ pānaṃ vatthaṃ yānaṃ mālāgandhavilepanaṃ seyyāvasathapadīpeyyaṃ. Issāmanikā kho pana hoti; paralābhasakkāragarukāramānanavandanapūjanāsu issati upadussati issaṃ bandhati. Sā ce tato cutā itthattaṃ āgacchati, sā yattha yattha paccājāyati abhirūpā ca hoti dassanīyā pāsādikā paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā; daliddā ca hoti appassakā appabhogā appesakkhā ca.

    ‘‘อิธ ปน, มลฺลิเก, เอกโจฺจ มาตุคาโม อโกฺกธนา โหติ อนุปายาสพหุลาฯ พหุมฺปิ วุตฺตา สมานา นาภิสชฺชติ น กุปฺปติ น พฺยาปชฺชติ น ปติตฺถียติ, น โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติฯ สา ทาตา โหติ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลาคนฺธวิเลปนํ เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํฯ อนิสฺสามนิกา โข ปน โหติ; ปรลาภสกฺการครุการมานนวนฺทนปูชนาสุ น อิสฺสติ น อุปทุสฺสติ น อิสฺสํ พนฺธติฯ สา เจ ตโต จุตา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติ, สา ยตฺถ ยตฺถ ปจฺจาชายติ อภิรูปา จ โหติ ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา; อฑฺฒา จ โหติ มหทฺธนา มหาโภคา มเหสกฺขา จฯ

    ‘‘Idha pana, mallike, ekacco mātugāmo akkodhanā hoti anupāyāsabahulā. Bahumpi vuttā samānā nābhisajjati na kuppati na byāpajjati na patitthīyati, na kopañca dosañca appaccayañca pātukaroti. Sā dātā hoti samaṇassa vā brāhmaṇassa vā annaṃ pānaṃ vatthaṃ yānaṃ mālāgandhavilepanaṃ seyyāvasathapadīpeyyaṃ. Anissāmanikā kho pana hoti; paralābhasakkāragarukāramānanavandanapūjanāsu na issati na upadussati na issaṃ bandhati. Sā ce tato cutā itthattaṃ āgacchati, sā yattha yattha paccājāyati abhirūpā ca hoti dassanīyā pāsādikā paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā; aḍḍhā ca hoti mahaddhanā mahābhogā mahesakkhā ca.

    ‘‘อยํ โข, มลฺลิเก, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน มิเธกโจฺจ มาตุคาโม ทุพฺพณฺณา จ โหติ ทุรูปา สุปาปิกา ทสฺสนาย; ทลิทฺทา จ โหติ อปฺปสฺสกา อปฺปโภคา อเปฺปสกฺขา จฯ อยํ ปน, มลฺลิเก, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน มิเธกโจฺจ มาตุคาโม ทุพฺพณฺณา จ โหติ ทุรูปา สุปาปิกา ทสฺสนาย; อฑฺฒา จ โหติ มหทฺธนา มหาโภคา มเหสกฺขา จฯ อยํ โข, มลฺลิเก, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน มิเธกโจฺจ มาตุคาโม อภิรูปา จ โหติ ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา; ทลิทฺทา จ โหติ อปฺปสฺสกา อปฺปโภคา อเปฺปสกฺขา จฯ อยํ ปน, มลฺลิเก, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน มิเธกโจฺจ มาตุคาโม อภิรูปา จ โหติ ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา; อฑฺฒา จ โหติ มหทฺธนา มหาโภคา มเหสกฺขา จา’’ติฯ

    ‘‘Ayaṃ kho, mallike, hetu ayaṃ paccayo, yena midhekacco mātugāmo dubbaṇṇā ca hoti durūpā supāpikā dassanāya; daliddā ca hoti appassakā appabhogā appesakkhā ca. Ayaṃ pana, mallike, hetu ayaṃ paccayo, yena midhekacco mātugāmo dubbaṇṇā ca hoti durūpā supāpikā dassanāya; aḍḍhā ca hoti mahaddhanā mahābhogā mahesakkhā ca. Ayaṃ kho, mallike, hetu ayaṃ paccayo, yena midhekacco mātugāmo abhirūpā ca hoti dassanīyā pāsādikā paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā; daliddā ca hoti appassakā appabhogā appesakkhā ca. Ayaṃ pana, mallike, hetu ayaṃ paccayo, yena midhekacco mātugāmo abhirūpā ca hoti dassanīyā pāsādikā paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā; aḍḍhā ca hoti mahaddhanā mahābhogā mahesakkhā cā’’ti.

    เอวํ วุเตฺต มลฺลิกา เทวี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยา นูนาหํ 9 ภเนฺต, อญฺญํ ชาติํ 10 โกธนา อโหสิํ อุปายาสพหุลา, อปฺปมฺปิ วุตฺตา สมานา อภิสชฺชิํ กุปฺปิํ พฺยาปชฺชิํ ปติตฺถียิํ โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตฺวากาสิํ, สาหํ, ภเนฺต, เอตรหิ ทุพฺพณฺณา ทุรูปา สุปาปิกา ทสฺสนายฯ

    Evaṃ vutte mallikā devī bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘yā nūnāhaṃ 11 bhante, aññaṃ jātiṃ 12 kodhanā ahosiṃ upāyāsabahulā, appampi vuttā samānā abhisajjiṃ kuppiṃ byāpajjiṃ patitthīyiṃ kopañca dosañca appaccayañca pātvākāsiṃ, sāhaṃ, bhante, etarahi dubbaṇṇā durūpā supāpikā dassanāya.

    ‘‘ยา นูนาหํ, ภเนฺต, อญฺญํ ชาติํ ทาตา อโหสิํ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลาคนฺธวิเลปนํ เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํ, สาหํ, ภเนฺต, เอตรหิ อฑฺฒา 13 มหทฺธนา มหาโภคาฯ

    ‘‘Yā nūnāhaṃ, bhante, aññaṃ jātiṃ dātā ahosiṃ samaṇassa vā brāhmaṇassa vā annaṃ pānaṃ vatthaṃ yānaṃ mālāgandhavilepanaṃ seyyāvasathapadīpeyyaṃ, sāhaṃ, bhante, etarahi aḍḍhā 14 mahaddhanā mahābhogā.

    ‘‘ยา นูนาหํ, ภเนฺต, อญฺญํ ชาติํ อนิสฺสามนิกา อโหสิํ, ปรลาภสกฺการครุการมานนวนฺทนปูชนาสุ น อิสฺสิํ น อุปทุสฺสิํ น อิสฺสํ พนฺธิํ, สาหํ, ภเนฺต, เอตรหิ มเหสกฺขาฯ สนฺติ โข ปน, ภเนฺต, อิมสฺมิํ ราชกุเล ขตฺติยกญฺญาปิ พฺราหฺมณกญฺญาปิ คหปติกญฺญาปิ, ตาสาหํ อิสฺสราธิปจฺจํ กาเรมิฯ เอสาหํ, ภเนฺต, อชฺชตเคฺค อโกฺกธนา ภวิสฺสามิ อนุปายาสพหุลา, พหุมฺปิ วุตฺตา สมานา นาภิสชฺชิสฺสามิ น กุปฺปิสฺสามิ น พฺยาปชฺชิสฺสามิ น ปติตฺถียิสฺสามิ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ น ปาตุกริสฺสามิ; ทสฺสามิ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลาคนฺธวิเลปนํ เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํฯ อนิสฺสามนิกา ภวิสฺสามิ, ปรลาภสกฺการครุการมานนวนฺทนปูชนาสุ น อิสฺสิสฺสามิ น อุปทุสฺสิสฺสามิ น อิสฺสํ พนฺธิสฺสามิฯ อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต…เป.… อุปาสิกํ มํ, ภเนฺต, ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ สตฺตมํฯ

    ‘‘Yā nūnāhaṃ, bhante, aññaṃ jātiṃ anissāmanikā ahosiṃ, paralābhasakkāragarukāramānanavandanapūjanāsu na issiṃ na upadussiṃ na issaṃ bandhiṃ, sāhaṃ, bhante, etarahi mahesakkhā. Santi kho pana, bhante, imasmiṃ rājakule khattiyakaññāpi brāhmaṇakaññāpi gahapatikaññāpi, tāsāhaṃ issarādhipaccaṃ kāremi. Esāhaṃ, bhante, ajjatagge akkodhanā bhavissāmi anupāyāsabahulā, bahumpi vuttā samānā nābhisajjissāmi na kuppissāmi na byāpajjissāmi na patitthīyissāmi, kopañca dosañca appaccayañca na pātukarissāmi; dassāmi samaṇassa vā brāhmaṇassa vā annaṃ pānaṃ vatthaṃ yānaṃ mālāgandhavilepanaṃ seyyāvasathapadīpeyyaṃ. Anissāmanikā bhavissāmi, paralābhasakkāragarukāramānanavandanapūjanāsu na ississāmi na upadussissāmi na issaṃ bandhissāmi. Abhikkantaṃ, bhante…pe… upāsikaṃ maṃ, bhante, bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti. Sattamaṃ.







    Footnotes:
    1. สฺยา. ปี. โปตฺถเกสุ ‘‘ทุพฺพโณ จ โหติ ทุรูโป สุปาปโก’’ติ เอวมาทินา ปุลฺลิงฺคิกวเสน ทิสฺสติ
    2. syā. pī. potthakesu ‘‘dubbaṇo ca hoti durūpo supāpako’’ti evamādinā pulliṅgikavasena dissati
    3. โส (สฺยา.)
    4. อิสฺสามนโก (สฺยา.)
    5. โส (สฺยา.)
    6. so (syā.)
    7. issāmanako (syā.)
    8. so (syā.)
    9. สา นูนาหํ (สฺยา.), ยํ นูนาหํ (ก.)
    10. อญฺญาย ชาติยา (สฺยา.)
    11. sā nūnāhaṃ (syā.), yaṃ nūnāhaṃ (ka.)
    12. aññāya jātiyā (syā.)
    13. อฑฺฒา จ (สี. ปี. ก.)
    14. aḍḍhā ca (sī. pī. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. มลฺลิกาเทวีสุตฺตวณฺณนา • 7. Mallikādevīsuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๗. มลฺลิกาเทวีสุตฺตวณฺณนา • 7. Mallikādevīsuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact