Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๘. มลฺลิกาวิมานวณฺณนา

    8. Mallikāvimānavaṇṇanā

    ปีตวเตฺถ ปีตธเชติ มลฺลิกาวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนมาทิํ กตฺวา ยาว สุภทฺทปริพฺพาชกวินยนา กตพุทฺธกิเจฺจ กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลราชูนํ สาลวเน ยมกสาลานมนฺตเร วิสาขปุณฺณมายํ ปจฺจูสเวลายํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุเต ภควติ โลกนาเถ เทวมนุเสฺสหิ ตสฺส สรีรปูชาย กยิรมานาย ตทา กุสินารายํ วสมานา พนฺธุลมลฺลสฺส ภริยา มลฺลราชปุตฺตี มลฺลิกา นาม อุปาสิกา สทฺธา ปสนฺนา วิสาขาย มหาอุปาสิกาย ปสาธนสทิสํ อตฺตโน มหาลตาปสาธนํ คโนฺธทเกน โธวิตฺวา ทุกูลจุมฺพฎเกน มชฺชิตฺวา อญฺญญฺจ พหุํ คนฺธมาลาทิํ คเหตฺวา ภควโต สรีรํ ปูเชสิฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารโต ปน มลฺลิกาวตฺถุ ธมฺมปทวณฺณนายํ อาคตเมวฯ

    Pītavatthepītadhajeti mallikāvimānaṃ. Tassa kā uppatti? Dhammacakkappavattanamādiṃ katvā yāva subhaddaparibbājakavinayanā katabuddhakicce kusinārāyaṃ upavattane mallarājūnaṃ sālavane yamakasālānamantare visākhapuṇṇamāyaṃ paccūsavelāyaṃ anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbute bhagavati lokanāthe devamanussehi tassa sarīrapūjāya kayiramānāya tadā kusinārāyaṃ vasamānā bandhulamallassa bhariyā mallarājaputtī mallikā nāma upāsikā saddhā pasannā visākhāya mahāupāsikāya pasādhanasadisaṃ attano mahālatāpasādhanaṃ gandhodakena dhovitvā dukūlacumbaṭakena majjitvā aññañca bahuṃ gandhamālādiṃ gahetvā bhagavato sarīraṃ pūjesi. Ayamettha saṅkhepo, vitthārato pana mallikāvatthu dhammapadavaṇṇanāyaṃ āgatameva.

    สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺติ, เตน ปูชานุภาเวน อสฺสา อเญฺญหิ อสาธารณา อุฬารา ทิพฺพสมฺปตฺติ อโหสิฯ วตฺถาลงฺการวิมานานิ สตฺตรตนสมุชฺชลานิ วิเสสโต สิงฺคีสุวโณฺณภาสานิ อติวิย ปภสฺสรานิ สพฺพา ทิสา อาสิญฺจมานาว สุวณฺณรสธาราปิญฺชรา กโรนฺติฯ อถายสฺมา นารโท เทวจาริกํ จรโนฺต ตํ ทิสฺวา อุปคญฺฉิฯ สา ตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิฯ โส ตํ –

    Sā aparabhāge kālaṃ katvā tāvatiṃsesu nibbatti, tena pūjānubhāvena assā aññehi asādhāraṇā uḷārā dibbasampatti ahosi. Vatthālaṅkāravimānāni sattaratanasamujjalāni visesato siṅgīsuvaṇṇobhāsāni ativiya pabhassarāni sabbā disā āsiñcamānāva suvaṇṇarasadhārāpiñjarā karonti. Athāyasmā nārado devacārikaṃ caranto taṃ disvā upagañchi. Sā taṃ disvā vanditvā añjaliṃ paggayha aṭṭhāsi. So taṃ –

    ๖๕๘.

    658.

    ‘‘ปีตวเตฺถ ปีตธเช, ปีตาลงฺการภูสิเต;

    ‘‘Pītavatthe pītadhaje, pītālaṅkārabhūsite;

    ปีตนฺตราหิ วคฺคูหิ, อปิฬนฺธาว โสภสิฯ

    Pītantarāhi vaggūhi, apiḷandhāva sobhasi.

    ๖๕๙.

    659.

    ‘‘กา กมฺพุกายูรธเร, กญฺจนาเวฬภูสิเต;

    ‘‘Kā kambukāyūradhare, kañcanāveḷabhūsite;

    เหมชาลกสญฺฉเนฺน, นานารตนมาลินีฯ

    Hemajālakasañchanne, nānāratanamālinī.

    ๖๖๐.

    660.

    ‘‘โสวณฺณมยา โลหิตงฺคมยา จ, มุตฺตามยา เวฬุริยมยา จ;

    ‘‘Sovaṇṇamayā lohitaṅgamayā ca, muttāmayā veḷuriyamayā ca;

    มสารคลฺลา สหโลหิตงฺคา, ปาเรวตกฺขีหิ มณีหิ จิตฺตตาฯ

    Masāragallā sahalohitaṅgā, pārevatakkhīhi maṇīhi cittatā.

    ๖๖๑.

    661.

    ‘‘โกจิ โกจิ เอตฺถ มยูรสุสฺสโร, หํสสฺสรโญฺญ กรวีกสุสฺสโร;

    ‘‘Koci koci ettha mayūrasussaro, haṃsassarañño karavīkasussaro;

    เตสํ สโร สุยฺยติ วคฺคุรูโป, ปญฺจงฺคิกํ ตูริยมิวปฺปวาทิตํฯ

    Tesaṃ saro suyyati vaggurūpo, pañcaṅgikaṃ tūriyamivappavāditaṃ.

    ๖๖๒.

    662.

    ‘‘รโถ จ เต สุโภ วคฺคุ, นานารตนจิตฺติโต;

    ‘‘Ratho ca te subho vaggu, nānāratanacittito;

    นานาวณฺณาหิ ธาตูหิ, สุวิภโตฺตว โสภติฯ

    Nānāvaṇṇāhi dhātūhi, suvibhattova sobhati.

    ๖๖๓.

    663.

    ‘‘ตสฺมิํ รเถ กญฺจนพิมฺพวเณฺณ, ยา ตฺวํ ฐิตา ภาสสิมํ ปเทสํ;

    ‘‘Tasmiṃ rathe kañcanabimbavaṇṇe, yā tvaṃ ṭhitā bhāsasimaṃ padesaṃ;

    เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ – ปุจฺฉิ;

    Devate pucchitācikkha, kissa kammassidaṃ phala’’nti. – pucchi;

    ๖๕๘. ตตฺถ ปีตวเตฺถติ ปริสุทฺธจามีกรปภสฺสรตาย ปีโตภาสนิวาสเนฯ ปีตธเชติ วิมานทฺวาเร รเถ จ สมุสฺสิตเหมมยวิปุลเกตุภาวโต ปีโตภาสธเชฯ ปีตาลงฺการภูสิเตติ ปีโตภาเสหิ อาภรเณหิ อลงฺกเตฯ สติปิ อลงฺการานํ นานาวิธรํสิชาลสมุชฺชลวิวิธรตนวิจิตฺตภาเว ตาทิสสุจริตวิเสสนิพฺพตฺตตาย ปน สุปริสุทฺธจามีกรมรีจิชาลวิโชฺชติตตฺตา วิเสสโต ปีตนิภาสานิ ตสฺสา อาภรณานิ อเหสุํฯ ปีตนฺตราหีติ ปีตวเณฺณหิ อุตฺตริเยหิฯ ‘‘สนฺตรุตฺตรปรมํ เตน ภิกฺขุนา ตโต จีวรํ สาทิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๕๒๓-๕๒๔) นิวาสเน อนฺตรสโทฺท อาคโต, อิธ ปน ‘‘อนฺตรสาฎกา’’ติอาทีสุ วิย อุตฺตริเย ทฎฺฐโพฺพฯ อนฺตรา อุตฺตริยํ อุตฺตราสโงฺค อุปสํพฺยานนฺติ ปริยายสทฺทา เอเตฯ วคฺคูหีติ โสภเนหิ สณฺหมเฎฺฐหิฯ อปิฬนฺธาว โสภสีติ ตฺวํ อิเมหิ อลงฺกาเรหิ อนลงฺกตาปิ อตฺตโน รูปสมฺปตฺติยาว โสภสิฯ เต ปน อลงฺการา ตว สรีรํ ปตฺวา โสภนฺติ, ตสฺมา อนลงฺกตาปิ ตฺวํ อลงฺกตสทิสีติ อธิปฺปาโยฯ

    658. Tattha pītavattheti parisuddhacāmīkarapabhassaratāya pītobhāsanivāsane. Pītadhajeti vimānadvāre rathe ca samussitahemamayavipulaketubhāvato pītobhāsadhaje. Pītālaṅkārabhūsiteti pītobhāsehi ābharaṇehi alaṅkate. Satipi alaṅkārānaṃ nānāvidharaṃsijālasamujjalavividharatanavicittabhāve tādisasucaritavisesanibbattatāya pana suparisuddhacāmīkaramarīcijālavijjotitattā visesato pītanibhāsāni tassā ābharaṇāni ahesuṃ. Pītantarāhīti pītavaṇṇehi uttariyehi. ‘‘Santaruttaraparamaṃ tena bhikkhunā tato cīvaraṃ sāditabba’’ntiādīsu (pārā. 523-524) nivāsane antarasaddo āgato, idha pana ‘‘antarasāṭakā’’tiādīsu viya uttariye daṭṭhabbo. Antarā uttariyaṃ uttarāsaṅgo upasaṃbyānanti pariyāyasaddā ete. Vaggūhīti sobhanehi saṇhamaṭṭhehi. Apiḷandhāva sobhasīti tvaṃ imehi alaṅkārehi analaṅkatāpi attano rūpasampattiyāva sobhasi. Te pana alaṅkārā tava sarīraṃ patvā sobhanti, tasmā analaṅkatāpi tvaṃ alaṅkatasadisīti adhippāyo.

    ๖๕๙. กา กมฺพุกายูรธเรติ กา ตฺวํ กตรเทวนิกายปริยาปนฺนา สุวณฺณมยปริหารกธเร, สุวณฺณมยเกยูรธเร วาฯ กมฺพุปริหารกนฺติ จ หตฺถาลงฺการวิเสโส วุจฺจติ, กายูรนฺติ ภุชาลงฺการวิเสโสฯ อถ วา กมฺพูติ สุวณฺณํ, ตสฺมา กมฺพุกายูรธเร สุวณฺณมยพาหาภรณธเรติ อโตฺถฯ กญฺจนาเวฬภูสิเตติ กญฺจนมยาเวฬปิฬนฺธนภูสิเตฯ เหมชาลกสญฺฉเนฺนติ รตนปริสิพฺพิเตน เหมมเยน ชาลเกน ฉาทิตสรีเรฯ นานารตนมาลินีติ นกฺขตฺตมาลาย วิย กาฬปกฺขรตฺติยํ สีเส ปฎิมุกฺกาหิ วิวิธาหิ รตนาวลีหิ นานารตนมาลินี กา ตฺวนฺติ ปุจฺฉติฯ

    659.Kā kambukāyūradhareti kā tvaṃ kataradevanikāyapariyāpannā suvaṇṇamayaparihārakadhare, suvaṇṇamayakeyūradhare vā. Kambuparihārakanti ca hatthālaṅkāraviseso vuccati, kāyūranti bhujālaṅkāraviseso. Atha vā kambūti suvaṇṇaṃ, tasmā kambukāyūradhare suvaṇṇamayabāhābharaṇadhareti attho. Kañcanāveḷabhūsiteti kañcanamayāveḷapiḷandhanabhūsite. Hemajālakasañchanneti ratanaparisibbitena hemamayena jālakena chāditasarīre. Nānāratanamālinīti nakkhattamālāya viya kāḷapakkharattiyaṃ sīse paṭimukkāhi vividhāhi ratanāvalīhi nānāratanamālinī kā tvanti pucchati.

    ๖๖๐. โสวณฺณมยาติอาทิ ยาหิ รตนมาลาหิ สา เทวตา นานารตนมาลินีติ วุตฺตา, ตาสํ ทสฺสนํฯ ตตฺถ โสวณฺณมยาติ สิงฺคีสุวณฺณมยา มาลาฯ โลหิตงฺคมยาติ ปทุมราคาทิรตฺตมณิมยาฯ มสารคลฺลาติ มสารคลฺลมณิมยาฯ สหโลหิตงฺคาติ โลหิตงฺคมณิมยาหิ สทฺธิํ กพรมณิมยา เจว โลหิตงฺคสงฺขาตรตฺตมณิมยา จาติ อโตฺถฯ ปาเรวตกฺขีหิ มณีหิ จิตฺตตาติ ปาเรวตกฺขิสทิเสหิ มณีหิ ยถาวุตฺตมณีหิ จ สงฺขตจิตฺตภาวา อิมา ตว เกสหเตฺถ รตนมาลาติ อธิปฺปาโยฯ

    660.Sovaṇṇamayātiādi yāhi ratanamālāhi sā devatā nānāratanamālinīti vuttā, tāsaṃ dassanaṃ. Tattha sovaṇṇamayāti siṅgīsuvaṇṇamayā mālā. Lohitaṅgamayāti padumarāgādirattamaṇimayā. Masāragallāti masāragallamaṇimayā. Sahalohitaṅgāti lohitaṅgamaṇimayāhi saddhiṃ kabaramaṇimayā ceva lohitaṅgasaṅkhātarattamaṇimayā cāti attho. Pārevatakkhīhi maṇīhi cittatāti pārevatakkhisadisehi maṇīhi yathāvuttamaṇīhi ca saṅkhatacittabhāvā imā tava kesahatthe ratanamālāti adhippāyo.

    ๖๖๑. โกจิ โกจีติ เอกโจฺจ เอกโจฺจฯ เอตฺถาติ เอเตสุ มาลาทาเมสุฯ มยูรสุสฺสโรติ มยูโร วิย สุนฺทรนาโทฯ หํสสฺสรโญฺญติ หํสสฺสโร อโญฺญ, หํสสทิสสฺสโร อปโรฯ กรวีกสุสฺสโรติ กรวีโก วิย โสภนสฺสโรฯ เตสํ มาลาทามานํ ยถา มยูรสฺสโร, หํสสฺสโร , กรวีกสฺสโร, เอวํ วคฺคุรูโป มธุรากาโร สโร สุยฺยติฯ กิมิว ? ปญฺจงฺคิกํ ตูริยมิวปฺปวาทิตํฯ ยถา กุสเลน วาทิเต ปญฺจงฺคิเก ตูริเย, เอวํ เตสํ สโร สุยฺยติ, วคฺคุรูโปติ อโตฺถฯ ภุมฺมเตฺถ หิ อิทํ อุปโยควจนํฯ

    661.Koci kocīti ekacco ekacco. Etthāti etesu mālādāmesu. Mayūrasussaroti mayūro viya sundaranādo. Haṃsassaraññoti haṃsassaro añño, haṃsasadisassaro aparo. Karavīkasussaroti karavīko viya sobhanassaro. Tesaṃ mālādāmānaṃ yathā mayūrassaro, haṃsassaro , karavīkassaro, evaṃ vaggurūpo madhurākāro saro suyyati. Kimiva ? Pañcaṅgikaṃ tūriyamivappavāditaṃ. Yathā kusalena vādite pañcaṅgike tūriye, evaṃ tesaṃ saro suyyati, vaggurūpoti attho. Bhummatthe hi idaṃ upayogavacanaṃ.

    ๖๖๒. นานาวณฺณาหิ ธาตูหีติ อเนกรูปาหิ อกฺขจกฺกอีสาทิอวยวธาตูหิฯ สุวิภโตฺตว โสภตีติ อวยวานํ อญฺญมญฺญํ ยุตฺตปฺปมาณตาย วิภตฺติวิภาคสมฺปตฺติยา จ สุวิภโตฺตว หุตฺวา วิราชติฯ อถ วา สุวิภโตฺตวาติ เกวลํ กมฺมนิพฺพโตฺตปิ สุสิกฺขิเตน สิปฺปาจริเยน วิภโตฺตว วิรจิโต วิย โสภตีติ อโตฺถฯ

    662.Nānāvaṇṇāhi dhātūhīti anekarūpāhi akkhacakkaīsādiavayavadhātūhi. Suvibhattova sobhatīti avayavānaṃ aññamaññaṃ yuttappamāṇatāya vibhattivibhāgasampattiyā ca suvibhattova hutvā virājati. Atha vā suvibhattovāti kevalaṃ kammanibbattopi susikkhitena sippācariyena vibhattova viracito viya sobhatīti attho.

    ๖๖๓. กญฺจนพิมฺพวเณฺณติ สาติสยํ ปีโตภาสตาย กญฺจนพิมฺพกสทิเส ตสฺมิํ รเถฯ กญฺจนพิมฺพวเณฺณติ วา ตสฺสา เทวตาย อาลปนํ , คโนฺธทเกน โธวิตฺวา ชาติหิงฺคุลกรเสน มชฺชิตฺวา ทุกูลจุมฺพฎเกน มชฺชิตกญฺจนปฎิมาสทิเสติ อโตฺถฯ ภาสสิมํ ปเทสนฺติ อิมํ สกลมฺปิ ภูมิปเทสํ ภาสยสิ วิโชฺชตยสิฯ

    663.Kañcanabimbavaṇṇeti sātisayaṃ pītobhāsatāya kañcanabimbakasadise tasmiṃ rathe. Kañcanabimbavaṇṇeti vā tassā devatāya ālapanaṃ , gandhodakena dhovitvā jātihiṅgulakarasena majjitvā dukūlacumbaṭakena majjitakañcanapaṭimāsadiseti attho. Bhāsasimaṃ padesanti imaṃ sakalampi bhūmipadesaṃ bhāsayasi vijjotayasi.

    เอวํ เถเรน ปุจฺฉิตา สาปิ เทวตา อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

    Evaṃ therena pucchitā sāpi devatā imāhi gāthāhi byākāsi –

    ๖๖๔.

    664.

    ‘‘โสวณฺณชาลํ มณิโสณฺณจิตฺติตํ, มุตฺตาจิตํ เหมชาเลน ฉนฺนํ;

    ‘‘Sovaṇṇajālaṃ maṇisoṇṇacittitaṃ, muttācitaṃ hemajālena channaṃ;

    ปรินิพฺพุเต โคตเม อปฺปเมเยฺย, ปสนฺนจิตฺตา อหมาภิโรปยิํฯ

    Parinibbute gotame appameyye, pasannacittā ahamābhiropayiṃ.

    ๖๖๕.

    665.

    ‘‘ตาหํ กมฺมํ กริตฺวาน, กุสลํ พุทฺธวณฺณิตํ;

    ‘‘Tāhaṃ kammaṃ karitvāna, kusalaṃ buddhavaṇṇitaṃ;

    อเปตโสกา สุขิตา, สมฺปโมทามนามยา’’ติฯ

    Apetasokā sukhitā, sampamodāmanāmayā’’ti.

    ๖๖๔. ตตฺถ โสวณฺณชาลนฺติ สรีรปฺปมาเณน กตํ สุวณฺณมยํ ชาลํฯ มณิโสณฺณจิตฺติตนฺติ สีสาทิฎฺฐาเนสุ สีสูปคคีวูปคาทิอาภรณวเสน นานาวิเธหิ มณีหิ จ สุวเณฺณน จ จิตฺติตํฯ มุตฺตาจิตนฺติ อนฺตรนฺตรา อาพทฺธาหิ มุตฺตาวลีหิ อาจิตํฯ เหมชาเลน ฉนฺนนฺติ เหมมเยน ปภาชาเลน ฉนฺนํฯ ตญฺหิ นานาวิเธหิ มณีหิ เจว สุวเณฺณน จ จิตฺติตํ มุตฺตาวลีหิ อาจิตมฺปิ สุปริสุทฺธสฺส รตฺตสุวณฺณเสฺสว เยภุยฺยตาย ทิวากรกิรณสมฺผสฺสโต อติวิย ปภสฺสเรน เหมมเยน ปภาชาเลน สญฺฉาทิตํ เอโกภาสํ หุตฺวา กญฺจนาทาสํ วิย ติฎฺฐติฯ ปรินิพฺพุเตติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุเตฯ โคตเมติ ภควนฺตํ โคเตฺตน นิทฺทิสติฯ อปฺปเมเยฺยติ คุณานุภาวโต ปมินิตุํ อสกฺกุเณเยฺยฯ ปสนฺนจิตฺตาติ กมฺมผลวิสยาย พุทฺธารมฺมณาย จ สทฺธาย ปสนฺนมานสาฯ อภิโรปยินฺติ ปูชาวเสน สรีเร โรเปสิํ ปฎิมุญฺจิํฯ

    664. Tattha sovaṇṇajālanti sarīrappamāṇena kataṃ suvaṇṇamayaṃ jālaṃ. Maṇisoṇṇacittitanti sīsādiṭṭhānesu sīsūpagagīvūpagādiābharaṇavasena nānāvidhehi maṇīhi ca suvaṇṇena ca cittitaṃ. Muttācitanti antarantarā ābaddhāhi muttāvalīhi ācitaṃ. Hemajālena channanti hemamayena pabhājālena channaṃ. Tañhi nānāvidhehi maṇīhi ceva suvaṇṇena ca cittitaṃ muttāvalīhi ācitampi suparisuddhassa rattasuvaṇṇasseva yebhuyyatāya divākarakiraṇasamphassato ativiya pabhassarena hemamayena pabhājālena sañchāditaṃ ekobhāsaṃ hutvā kañcanādāsaṃ viya tiṭṭhati. Parinibbuteti anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbute. Gotameti bhagavantaṃ gottena niddisati. Appameyyeti guṇānubhāvato paminituṃ asakkuṇeyye. Pasannacittāti kammaphalavisayāya buddhārammaṇāya ca saddhāya pasannamānasā. Abhiropayinti pūjāvasena sarīre ropesiṃ paṭimuñciṃ.

    ๖๖๕. ตาหนฺติ ตํ อหํฯ กุสลนฺติ กุจฺฉิตสลนาทิอเตฺถน กุสลํฯ พุทฺธวณฺณิตนฺติ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๓๔) สมฺมาสมฺพุเทฺธน ปสตฺถํฯ อเปตโสกาติ โสกเหตูนํ โภคพฺยสนาทีนํ อภาเวน อปคตโสกาฯ เตน จิตฺตทุกฺขาภาวมาหฯ สุขิตาติ สญฺชาตสุขา สุขปฺปตฺตาฯ เอเตน สรีรทุกฺขาภาวํ วทติฯ จิตฺตทุกฺขาภาเวน จสฺสา ปโมทาปตฺติ, สรีรทุกฺขาภาเวน อโรคตาฯ เตนาห ‘‘สมฺปโมทามนามยา’’ติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ อยญฺจ อโตฺถ ตทา อตฺตนา เทวตาย จ กถิตนิยาเมเนว สงฺคีติกาเล อายสฺมตา นารเทน ธมฺมสงฺคาหกานํ อาโรจิโต, เต จ ตํ ตเถว สงฺคหํ อาโรปยิํสูติฯ

    665.Tāhanti taṃ ahaṃ. Kusalanti kucchitasalanādiatthena kusalaṃ. Buddhavaṇṇitanti ‘‘yāvatā, bhikkhave, sattā apadā vā dvipadā vā’’tiādinā (saṃ. ni. 5.139; a. ni. 4.34) sammāsambuddhena pasatthaṃ. Apetasokāti sokahetūnaṃ bhogabyasanādīnaṃ abhāvena apagatasokā. Tena cittadukkhābhāvamāha. Sukhitāti sañjātasukhā sukhappattā. Etena sarīradukkhābhāvaṃ vadati. Cittadukkhābhāvena cassā pamodāpatti, sarīradukkhābhāvena arogatā. Tenāha ‘‘sampamodāmanāmayā’’ti. Sesaṃ vuttanayameva. Ayañca attho tadā attanā devatāya ca kathitaniyāmeneva saṅgītikāle āyasmatā nāradena dhammasaṅgāhakānaṃ ārocito, te ca taṃ tatheva saṅgahaṃ āropayiṃsūti.

    มลฺลิกาวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mallikāvimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๘. มลฺลิกาวิมานวตฺถุ • 8. Mallikāvimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact