Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๕. มาลุกฺยปุตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา

    5. Mālukyaputtattheragāthāvaṇṇanā

    มนุชสฺสาติอาทิกา อายสฺมโต มาลุกฺยปุตฺตเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ โกสลรโญฺญ อคฺคาสนิกสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺส มาตา มาลุกฺยา นาม, ตสฺสา วเสน มาลุกฺยปุโตฺตเตฺวว ปญฺญายิตฺถฯ โส วยปฺปโตฺต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ปหาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วิจรโนฺต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต นจิรเสฺสว ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ โส ญาตีสุ อนุกมฺปาย ญาติกุลํ อคมาสิฯ ตํ ญาตกา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิตฺวา ธเนน ปโลเภตุกามา มหนฺตํ ธนราสิํ ปุรโต อุปฎฺฐเปตฺวา ‘‘อิทํ ธนํ ตว สนฺตกํ, วิพฺภมิตฺวา อิมินา ธเนน ปุตฺตทารํ ปฎิชคฺคโนฺต ปุญฺญานิ กโรหี’’ติ ยาจิํสุฯ เถโร เตสํ อชฺฌาสยํ วิปริวเตฺตโนฺต อากาเส ฐตฺวา –

    Manujassātiādikā āyasmato mālukyaputtattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinitvā imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ kosalarañño aggāsanikassa putto hutvā nibbatti. Tassa mātā mālukyā nāma, tassā vasena mālukyaputtotveva paññāyittha. So vayappatto nissaraṇajjhāsayatāya gharāvāsaṃ pahāya paribbājakapabbajjaṃ pabbajitvā vicaranto satthu santike dhammaṃ sutvā sāsane paṭiladdhasaddho pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karonto nacirasseva chaḷabhiñño ahosi. So ñātīsu anukampāya ñātikulaṃ agamāsi. Taṃ ñātakā paṇītena khādanīyena bhojanīyena parivisitvā dhanena palobhetukāmā mahantaṃ dhanarāsiṃ purato upaṭṭhapetvā ‘‘idaṃ dhanaṃ tava santakaṃ, vibbhamitvā iminā dhanena puttadāraṃ paṭijagganto puññāni karohī’’ti yāciṃsu. Thero tesaṃ ajjhāsayaṃ viparivattento ākāse ṭhatvā –

    ๓๙๙.

    399.

    ‘‘มนุชสฺส ปมตฺตจาริโน, ตณฺหา วฑฺฒติ มาลุวา วิย;

    ‘‘Manujassa pamattacārino, taṇhā vaḍḍhati māluvā viya;

    โส ปฺลวตี หุรา หุรํ, ผลมิจฺฉํว วนสฺมิ วานโรฯ

    So plavatī hurā huraṃ, phalamicchaṃva vanasmi vānaro.

    ๔๐๐.

    400.

    ‘‘ยํ เอสา สหเต ชมฺมี, ตณฺหา โลเก วิสตฺติกา;

    ‘‘Yaṃ esā sahate jammī, taṇhā loke visattikā;

    โสกา ตสฺส ปวฑฺฒนฺติ, อภิวฎฺฐํว พีรณํฯ

    Sokā tassa pavaḍḍhanti, abhivaṭṭhaṃva bīraṇaṃ.

    ๔๐๑.

    401.

    ‘‘โย เจตํ สหเต ชมฺมิํ, ตณฺหํ โลเก ทุรจฺจยํ;

    ‘‘Yo cetaṃ sahate jammiṃ, taṇhaṃ loke duraccayaṃ;

    โสกา ตมฺหา ปปตนฺติ, อุทพินฺทูว โปกฺขราฯ

    Sokā tamhā papatanti, udabindūva pokkharā.

    ๔๐๒.

    402.

    ‘‘ตํ โว วทามิ ภทฺทํ โว, ยาวเนฺตตฺถ สมาคตา;

    ‘‘Taṃ vo vadāmi bhaddaṃ vo, yāvantettha samāgatā;

    ตณฺหาย มูลํ ขณถ, อุสีรโตฺถว พีรณํ;

    Taṇhāya mūlaṃ khaṇatha, usīratthova bīraṇaṃ;

    มา โว นฬํว โสโตว, มาโร ภญฺชิ ปุนปฺปุนํฯ

    Mā vo naḷaṃva sotova, māro bhañji punappunaṃ.

    ๔๐๓.

    403.

    ‘‘กโรถ พุทฺธวจนํ, ขโณ โว มา อุปจฺจคา;

    ‘‘Karotha buddhavacanaṃ, khaṇo vo mā upaccagā;

    ขณาตีตา หิ โสจนฺติ, นิรยมฺหิ สมปฺปิตาฯ

    Khaṇātītā hi socanti, nirayamhi samappitā.

    ๔๐๔.

    404.

    ‘‘ปมาโท รโช ปมาโท, ปมาทานุปติโต รโช;

    ‘‘Pamādo rajo pamādo, pamādānupatito rajo;

    อปฺปมาเทน วิชฺชาย, อพฺพเห สลฺลมตฺตโน’’ติฯ –

    Appamādena vijjāya, abbahe sallamattano’’ti. –

    อิมาหิ ฉหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสติฯ

    Imāhi chahi gāthāhi dhammaṃ deseti.

    ตตฺถ มนุชสฺสาติ สตฺตสฺสฯ ปมตฺตจาริโนติ สติโวสฺสคฺคลกฺขเณน ปมาเทน ปมตฺตจาริสฺส, เนว ฌานํ, น วิปสฺสนา , น มคฺคผลานิ วฑฺฒนฺติฯ ยถา ปน รุกฺขํ สํสิพฺพนฺตี ปริโยนนฺธนฺตี ตสฺส วินาสาย มาลุวา ลตา วฑฺฒติ, เอวมสฺส ฉ ทฺวารานิ นิสฺสาย รูปาทีสุ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมานา ตณฺหา วฑฺฒติฯ วฑฺฒมานาว ยถา มาลุวา ลตา อตฺตโน อปสฺสยภูตํ รุกฺขํ อโชฺฌตฺถริตฺวา ปาเตติ, เอวํ ตณฺหาวสิกํ ปุคฺคลํ อปาเย นิปาเตติฯ โส ปฺลวตีติ โส ตณฺหาวสิโก ปุคฺคโล อปราปรํ ภวาภเว อุปฺลวติ ธาวติฯ ยถา กิํ? ผลมิจฺฉํว วนสฺมิ วานโร ยถา รุกฺขผลํ อิจฺฉโนฺต วานโร วนสฺมิํ ธาวโนฺต รุกฺขสฺส เอกํ สาขํ คณฺหาติ, ตํ มุญฺจิตฺวา อญฺญํ คณฺหาติ, ตํ มุญฺจิตฺวา อญฺญนฺติ ‘‘สาขํ อลภิตฺวา นิสิโนฺน’’ติ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชติ; เอวเมว ตณฺหาวสิโก ปุคฺคโล หุรา หุรํ ธาวโนฺต ‘‘อารมฺมณํ อลภิตฺวา ตณฺหาย อปฺปวตฺติํ ปโตฺต’’ติ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชติฯ

    Tattha manujassāti sattassa. Pamattacārinoti sativossaggalakkhaṇena pamādena pamattacārissa, neva jhānaṃ, na vipassanā , na maggaphalāni vaḍḍhanti. Yathā pana rukkhaṃ saṃsibbantī pariyonandhantī tassa vināsāya māluvā latā vaḍḍhati, evamassa cha dvārāni nissāya rūpādīsu punappunaṃ uppajjamānā taṇhā vaḍḍhati. Vaḍḍhamānāva yathā māluvā latā attano apassayabhūtaṃ rukkhaṃ ajjhottharitvā pāteti, evaṃ taṇhāvasikaṃ puggalaṃ apāye nipāteti. So plavatīti so taṇhāvasiko puggalo aparāparaṃ bhavābhave uplavati dhāvati. Yathā kiṃ? Phalamicchaṃva vanasmi vānaro yathā rukkhaphalaṃ icchanto vānaro vanasmiṃ dhāvanto rukkhassa ekaṃ sākhaṃ gaṇhāti, taṃ muñcitvā aññaṃ gaṇhāti, taṃ muñcitvā aññanti ‘‘sākhaṃ alabhitvā nisinno’’ti vattabbataṃ nāpajjati; evameva taṇhāvasiko puggalo hurā huraṃ dhāvanto ‘‘ārammaṇaṃ alabhitvā taṇhāya appavattiṃ patto’’ti vattabbataṃ nāpajjati.

    นฺติ ยํ ปุคฺคลํฯ เอสา ลามกภาเวน ชมฺมี วิสาหารตาย วิสมูลตาย วิสผลตาย วิสปริโภคตาย รูปาทีสุ วิสตฺตตาย อาสตฺตตาย จ วิสตฺติกาติ สงฺขํ คตา ฉทฺวาริกา ตณฺหา สหเต อภิภวติ ตสฺส ปุคฺคลสฺสฯ ยถา นาม วเน ปุนปฺปุนํ วสฺสเนฺต เทเว อภิวฎฺฐํ พีรณํ พีรณติณํ วฑฺฒติ, เอวํ วฎฺฎมูลกา โสกา อภิวฑฺฒนฺติ วุทฺธิํ อาปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ

    Yanti yaṃ puggalaṃ. Esā lāmakabhāvena jammī visāhāratāya visamūlatāya visaphalatāya visaparibhogatāya rūpādīsu visattatāya āsattatāya ca visattikāti saṅkhaṃ gatā chadvārikā taṇhā sahate abhibhavati tassa puggalassa. Yathā nāma vane punappunaṃ vassante deve abhivaṭṭhaṃ bīraṇaṃ bīraṇatiṇaṃ vaḍḍhati, evaṃ vaṭṭamūlakā sokā abhivaḍḍhanti vuddhiṃ āpajjantīti attho.

    โย เจตํ…เป.… ทุรจฺจยนฺติ โย ปน ปุคฺคโล เอวํ วุตฺตปฺปการํ อติกฺกมิตุํ ปชหิตุํ ทุกฺกรตาย ทุรจฺจยํ ตณฺหํ สหเต อภิภวติ, ตมฺหา ปุคฺคลา วฎฺฎมูลกา โสกา ปปตนฺติฯ ยถา นาม โปกฺขเร ปทุมปเตฺต ปติตํ อุทพินฺทุ น ปติฎฺฐาติ, เอวํ น ปติฎฺฐหนฺตีติ อโตฺถฯ

    Yo cetaṃ…pe… duraccayanti yo pana puggalo evaṃ vuttappakāraṃ atikkamituṃ pajahituṃ dukkaratāya duraccayaṃ taṇhaṃ sahate abhibhavati, tamhā puggalā vaṭṭamūlakā sokā papatanti. Yathā nāma pokkhare padumapatte patitaṃ udabindu na patiṭṭhāti, evaṃ na patiṭṭhahantīti attho.

    ตํ โว วทามีติ เตน การเณน อหํ ตุเมฺห วทามิฯ ภทฺทํ โวติ ภทฺทํ ตุมฺหากํ โหตุ, มา ตณฺหํ อนุวตฺตปุคฺคโล วิย วิภวํ อนตฺถํ ปาปุณาถาติ อโตฺถฯ ยาวเนฺตตฺถ สมาคตาติ อิมสฺมิํ ฐาเน ยตฺตกา สนฺนิปติตา, ตตฺตกาฯ กิํ วทสีติ เจ? ตณฺหาย มูลํ ขณถ อิมิสฺสา ฉทฺวาริกตณฺหาย มูลํ การณํ อวิชฺชาทิกิเลสคฺคหนํ อรหตฺตมคฺคญาณกุทาเลน ขณถ สมุจฺฉินฺทถฯ กิํ วิยาติ? อุสีรโตฺถว พีรณํ ยถา อุสีเรน อตฺถิโก ปุริโส มหเนฺตน กุทาเลน พีรณาปรนามํ อุสีรํ นาม ติณํ ขณติ, เอวมสฺส มูลํ ขณถาติ อโตฺถฯ มา โว นฬํว โสโตว, มาโร ภญฺชิ ปุนปฺปุนนฺติ ตุเมฺห นทีตีเร ชาตํ นฬํ มหาเวเคน อาคโต นทีโสโต วิย กิเลสมาโร มจฺจุมาโร เทวปุตฺตมาโร จ ปุนปฺปุนํ มา ภญฺชีติ อโตฺถฯ

    Taṃ vo vadāmīti tena kāraṇena ahaṃ tumhe vadāmi. Bhaddaṃ voti bhaddaṃ tumhākaṃ hotu, mā taṇhaṃ anuvattapuggalo viya vibhavaṃ anatthaṃ pāpuṇāthāti attho. Yāvantettha samāgatāti imasmiṃ ṭhāne yattakā sannipatitā, tattakā. Kiṃ vadasīti ce? Taṇhāya mūlaṃ khaṇatha imissā chadvārikataṇhāya mūlaṃ kāraṇaṃ avijjādikilesaggahanaṃ arahattamaggañāṇakudālena khaṇatha samucchindatha. Kiṃ viyāti? Usīratthova bīraṇaṃ yathā usīrena atthiko puriso mahantena kudālena bīraṇāparanāmaṃ usīraṃ nāma tiṇaṃ khaṇati, evamassa mūlaṃ khaṇathāti attho. Mā vo naḷaṃva sotova, māro bhañji punappunanti tumhe nadītīre jātaṃ naḷaṃ mahāvegena āgato nadīsoto viya kilesamāro maccumāro devaputtamāro ca punappunaṃ mā bhañjīti attho.

    ตสฺมา กโรถ พุทฺธวจนํ ‘‘ฌายถ, ภิกฺขเว, มา ปมาทตฺถา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๑๕) วุตฺตํ พุทฺธสฺส ภควโต วจนํ กโรถ, ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปตฺติยา สมฺปาเทถฯ ขโณ โว มา อุปจฺจคาติ โย หิ พุทฺธวจนํ น กโรติ, ตํ ปุคฺคลํ อยํ พุทฺธุปฺปาทกฺขโณ ปติรูปเทสวาเส อุปฺปตฺติกฺขโณ สมฺมทิฎฺฐิยา ปฎิลทฺธกฺขโณ ฉนฺนํ อายตนานํ อเวกลฺลกฺขโณติ สโพฺพปิ ขโณ อติกฺกมติ, โส ขโณ มา ตุเมฺห อติกฺกมตุฯ ขณาตีตาติ เย หิ ตํ ขณํ อตีตา, เย วา ปุคฺคเล โส ขโณ อตีโต, เต นิรยมฺหิ สมปฺปิตา ตตฺถ นิพฺพตฺตา จิรกาลํ โสจนฺติฯ

    Tasmā karotha buddhavacanaṃ ‘‘jhāyatha, bhikkhave, mā pamādatthā’’tiādinā (ma. ni. 1.215) vuttaṃ buddhassa bhagavato vacanaṃ karotha, yathānusiṭṭhaṃ paṭipattiyā sampādetha. Khaṇo vo māupaccagāti yo hi buddhavacanaṃ na karoti, taṃ puggalaṃ ayaṃ buddhuppādakkhaṇo patirūpadesavāse uppattikkhaṇo sammadiṭṭhiyā paṭiladdhakkhaṇo channaṃ āyatanānaṃ avekallakkhaṇoti sabbopi khaṇo atikkamati, so khaṇo mā tumhe atikkamatu. Khaṇātītāti ye hi taṃ khaṇaṃ atītā, ye vā puggale so khaṇo atīto, te nirayamhi samappitā tattha nibbattā cirakālaṃ socanti.

    ปมาโท รโชติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ สติโวสฺสคฺคลกฺขโณ ปมาโท, สํกิเลสสภาวตฺตา ราครชาทิมิสฺสตาย จ รโชฯ ปมาทานุปติโต รโชติ โย หิ โกจิ รโช นาม ราคาทิโก, โส สโพฺพ ปมาทานุปติโต ปมาทวเสเนว อุปฺปชฺชติฯ อปฺปมาเทนาติ อปฺปมชฺชเนน อปฺปมาทปฎิปตฺติยาฯ วิชฺชายาติ อคฺคมคฺควิชฺชายฯ อพฺพเห สลฺลมตฺตโนติ อตฺตโน หทยนิสฺสิตํ ราคาทิสลฺลํ อุทฺธเรยฺย สมูหเนยฺยาติฯ

    Pamādo rajoti rūpādīsu ārammaṇesu sativossaggalakkhaṇo pamādo, saṃkilesasabhāvattā rāgarajādimissatāya ca rajo. Pamādānupatito rajoti yo hi koci rajo nāma rāgādiko, so sabbo pamādānupatito pamādavaseneva uppajjati. Appamādenāti appamajjanena appamādapaṭipattiyā. Vijjāyāti aggamaggavijjāya. Abbahe sallamattanoti attano hadayanissitaṃ rāgādisallaṃ uddhareyya samūhaneyyāti.

    มาลุกฺยปุตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mālukyaputtattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๕. มาลุกฺยปุตฺตเตฺถรคาถา • 5. Mālukyaputtattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact