Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๕. มาลุกฺยปุตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา
5. Mālukyaputtattheragāthāvaṇṇanā
รูปํ ทิสฺวา สติ มุฎฺฐาติอาทิกา อายสฺมโต มาลุกฺยปุตฺตสฺส คาถาฯ อิมสฺส อายสฺมโต วตฺถุ เหฎฺฐา ฉกฺกนิปาเต (เถรคา. ๓๙๙ อาทโย) วุตฺตเมวฯ ตา ปน คาถา เถเรน อรหเตฺต ปติฎฺฐิเตน ญาตีนํ ธมฺมเทสนาวเสน ภาสิตาฯ อิธ ปน ปุถุชฺชนกาเล ‘‘สาธุ เม, ภเนฺต, ภควา สํขิเตฺตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติ ยาจิเตน สตฺถารา ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มาลุกฺยปุตฺต, เย เต จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา อทิฎฺฐา อทิฎฺฐปุพฺพา, น จ ปสฺสสิ, น จ เต โหติ ปเสฺสยฺยนฺติ, อตฺถิ เต ตตฺถ ฉโนฺท วา ราโค วา เปมํ วา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เย เต โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา…เป.… ฆาน…ชิวฺหา…กาย…มโนวิเญฺญยฺยา ธมฺมา อวิญฺญาตา อวิญฺญาตปุพฺพา, น จ วิชานาสิ, น จ เต โหติ วิชาเนยฺยนฺติ, อตฺถิ เต ตตฺถ ฉโนฺท วา ราโค วา เปมํ วา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เอตฺถ จ เต, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตเพฺพสุ ธเมฺมสุ ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต สุตมตฺตํ, มุเต มุตมตฺตํ, วิญฺญาเต วิญฺญาตมตฺตํ ภวิสฺสติฯ ยโต โข เต, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตเพฺพสุ ธเมฺมสุ ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมตฺตํ, สุเต สุตมตฺตํ, มุเต มุตมตฺตํ, วิญฺญาเต วิญฺญาตมตฺตํ ภวิสฺสติ, ตโต ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, น เตนฯ ยโต ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, น เตน, ตโต ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, น ตตฺถฯ ยโต ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, น ตตฺถ, ตโต ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรน, เอเสวโนฺต ทุกฺขสฺสา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๙๕)ฯ สํขิเตฺตน ธเมฺม เทสิเต ตสฺส ธมฺมสฺส สาธุกํ อุคฺคหิตภาวํ ปกาเสเนฺตน –
Rūpaṃdisvā sati muṭṭhātiādikā āyasmato mālukyaputtassa gāthā. Imassa āyasmato vatthu heṭṭhā chakkanipāte (theragā. 399 ādayo) vuttameva. Tā pana gāthā therena arahatte patiṭṭhitena ñātīnaṃ dhammadesanāvasena bhāsitā. Idha pana puthujjanakāle ‘‘sādhu me, bhante, bhagavā saṃkhittena dhammaṃ desetū’’ti yācitena satthārā ‘‘taṃ kiṃ maññasi, mālukyaputta, ye te cakkhuviññeyyā rūpā adiṭṭhā adiṭṭhapubbā, na ca passasi, na ca te hoti passeyyanti, atthi te tattha chando vā rāgo vā pemaṃ vā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Ye te sotaviññeyyā saddā…pe… ghāna…jivhā…kāya…manoviññeyyā dhammā aviññātā aviññātapubbā, na ca vijānāsi, na ca te hoti vijāneyyanti, atthi te tattha chando vā rāgo vā pemaṃ vā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Ettha ca te, mālukyaputta, diṭṭhasutamutaviññātabbesu dhammesu diṭṭhe diṭṭhamattaṃ bhavissati, sute sutamattaṃ, mute mutamattaṃ, viññāte viññātamattaṃ bhavissati. Yato kho te, mālukyaputta, diṭṭhasutamutaviññātabbesu dhammesu diṭṭhe diṭṭhamattaṃ, sute sutamattaṃ, mute mutamattaṃ, viññāte viññātamattaṃ bhavissati, tato tvaṃ, mālukyaputta, na tena. Yato tvaṃ, mālukyaputta, na tena, tato tvaṃ, mālukyaputta, na tattha. Yato tvaṃ, mālukyaputta, na tattha, tato tvaṃ, mālukyaputta, nevidha na huraṃ na ubhayamantarena, esevanto dukkhassā’’ti (saṃ. ni. 4.95). Saṃkhittena dhamme desite tassa dhammassa sādhukaṃ uggahitabhāvaṃ pakāsentena –
๗๙๔.
794.
‘‘รูปํ ทิสฺวา สติ มุฎฺฐา, ปิยํ นิมิตฺตํ มนสิ กโรโต;
‘‘Rūpaṃ disvā sati muṭṭhā, piyaṃ nimittaṃ manasi karoto;
สารตฺตจิโตฺต เวเทติ, ตญฺจ อโชฺฌส ติฎฺฐติฯ
Sārattacitto vedeti, tañca ajjhosa tiṭṭhati.
๗๙๕.
795.
‘‘ตสฺส วฑฺฒนฺติ เวทนา, อเนกา รูปสมฺภวา;
‘‘Tassa vaḍḍhanti vedanā, anekā rūpasambhavā;
อภิชฺฌา จ วิเหสา จ, จิตฺตมสฺสูปหญฺญติ;
Abhijjhā ca vihesā ca, cittamassūpahaññati;
เอวมาจินโต ทุกฺขํ, อารา นิพฺพาน วุจฺจติฯ
Evamācinato dukkhaṃ, ārā nibbāna vuccati.
๗๙๖.
796.
‘‘สทฺทํ สุตฺวา สติ มุฎฺฐา, ปิยํ นิมิตฺตํ มนสิ กโรโต;
‘‘Saddaṃ sutvā sati muṭṭhā, piyaṃ nimittaṃ manasi karoto;
สารตฺตจิโตฺต เวเทติ, ตญฺจ อโชฺฌส ติฎฺฐติฯ
Sārattacitto vedeti, tañca ajjhosa tiṭṭhati.
๗๙๗.
797.
‘‘ตสฺส วฑฺฒนฺติ เวทนา, อเนกา สทฺทสมฺภวา;
‘‘Tassa vaḍḍhanti vedanā, anekā saddasambhavā;
อภิชฺฌา จ วิเหสา จ, จิตฺตมสฺสูปหญฺญติ;
Abhijjhā ca vihesā ca, cittamassūpahaññati;
เอวมาจินโต ทุกฺขํ, อารา นิพฺพาน วุจฺจติฯ
Evamācinato dukkhaṃ, ārā nibbāna vuccati.
๗๙๘.
798.
‘‘คนฺธํ ฆตฺวา สติ มุฎฺฐา, ปิยํ นิมิตฺตํ มนสิ กโรโต;
‘‘Gandhaṃ ghatvā sati muṭṭhā, piyaṃ nimittaṃ manasi karoto;
สารตฺตจิโตฺต เวเทติ, ตญฺจ อโชฺฌส ติฎฺฐติฯ
Sārattacitto vedeti, tañca ajjhosa tiṭṭhati.
๗๙๙.
799.
‘‘ตสฺส วฑฺฒนฺติ เวทนา, อเนกา คนฺธสมฺภวา;
‘‘Tassa vaḍḍhanti vedanā, anekā gandhasambhavā;
อภิชฺฌา จ วิเหสา จ, จิตฺตมสฺสูปหญฺญติ;
Abhijjhā ca vihesā ca, cittamassūpahaññati;
เอวมาจินโต ทุกฺขํ, อารา นิพฺพาน วุจฺจติฯ
Evamācinato dukkhaṃ, ārā nibbāna vuccati.
๘๐๐.
800.
‘‘รสํ โภตฺวา สติ มุฎฺฐา, ปิยํ นิมิตฺตํ มนสิ กโรโต;
‘‘Rasaṃ bhotvā sati muṭṭhā, piyaṃ nimittaṃ manasi karoto;
สารตฺตจิโตฺต เวเทติ, ตญฺจ อโชฺฌส ติฎฺฐติฯ
Sārattacitto vedeti, tañca ajjhosa tiṭṭhati.
๘๐๑.
801.
‘‘ตสฺส วฑฺฒนฺติ เวทนา, อเนกา รสสมฺภวา;
‘‘Tassa vaḍḍhanti vedanā, anekā rasasambhavā;
อภิชฺฌา จ วิเหสา จ, จิตฺตมสฺสูปหญฺญติ;
Abhijjhā ca vihesā ca, cittamassūpahaññati;
เอวมาจินโต ทุกฺขํ, อารา นิพฺพาน วุจฺจติฯ
Evamācinato dukkhaṃ, ārā nibbāna vuccati.
๘๐๒.
802.
‘‘ผสฺสํ ผุสฺส สติ มุฎฺฐา, ปิยํ นิมิตฺตํ มนสิ กโรโต;
‘‘Phassaṃ phussa sati muṭṭhā, piyaṃ nimittaṃ manasi karoto;
สารตฺตจิโตฺต เวเทติ, ตญฺจ อโชฺฌส ติฎฺฐติฯ
Sārattacitto vedeti, tañca ajjhosa tiṭṭhati.
๘๐๓.
803.
‘‘ตสฺส วฑฺฒนฺติ เวทนา, อเนกา ผสฺสสมฺภวา;
‘‘Tassa vaḍḍhanti vedanā, anekā phassasambhavā;
อภิชฺฌา จ วิเหสา จ, จิตฺตมสฺสูปหญฺญติ;
Abhijjhā ca vihesā ca, cittamassūpahaññati;
เอวมาจินโต ทุกฺขํ, อารา นิพฺพาน วุจฺจติฯ
Evamācinato dukkhaṃ, ārā nibbāna vuccati.
๘๐๔.
804.
‘‘ธมฺมํ ญตฺวา สติ มุฎฺฐา, ปิยํ นิมิตฺตํ มนสิ กโรโต;
‘‘Dhammaṃ ñatvā sati muṭṭhā, piyaṃ nimittaṃ manasi karoto;
สารตฺตจิโตฺต เวเทติ, ตญฺจ อโชฺฌส ติฎฺฐติฯ
Sārattacitto vedeti, tañca ajjhosa tiṭṭhati.
๘๐๕.
805.
‘‘ตสฺส วฑฺฒนฺติ เวทนา, อเนกา ธมฺมสมฺภวา;
‘‘Tassa vaḍḍhanti vedanā, anekā dhammasambhavā;
อภิชฺฌา จ วิเหสา จ, จิตฺตมสฺสูปหญฺญติ;
Abhijjhā ca vihesā ca, cittamassūpahaññati;
เอวมาจินโต ทุกฺขํ, อารา นิพฺพาน วุจฺจติฯ
Evamācinato dukkhaṃ, ārā nibbāna vuccati.
๘๐๖.
806.
‘‘น โส รชฺชติ รูเปสุ, รูปํ ทิสฺวา ปฎิสฺสโต;
‘‘Na so rajjati rūpesu, rūpaṃ disvā paṭissato;
วิรตฺตจิโตฺต เวเทติ, ตญฺจ นาโชฺฌส ติฎฺฐติฯ
Virattacitto vedeti, tañca nājjhosa tiṭṭhati.
๘๐๗.
807.
‘‘ยถาสฺส ปสฺสโต รูปํ, เสวโต จาปิ เวทนํ;
‘‘Yathāssa passato rūpaṃ, sevato cāpi vedanaṃ;
ขียติ โนปจียติ, เอวํ โส จรตี สโต;
Khīyati nopacīyati, evaṃ so caratī sato;
เอวํ อปจินโต ทุกฺขํ, สนฺติเก นิพฺพาน วุจฺจติฯ
Evaṃ apacinato dukkhaṃ, santike nibbāna vuccati.
๘๐๘.
808.
‘‘น โส รชฺชติ สเทฺทสุ, สทฺทํ สุตฺวา ปฎิสฺสโต;
‘‘Na so rajjati saddesu, saddaṃ sutvā paṭissato;
วิรตฺตจิโตฺต เวเทติ, ตญฺจ นาโชฺฌส ติฎฺฐติฯ
Virattacitto vedeti, tañca nājjhosa tiṭṭhati.
๘๐๙.
809.
‘‘ยถาสฺส สุณโต สทฺทํ, เสวโต จาปิ เวทนํ;
‘‘Yathāssa suṇato saddaṃ, sevato cāpi vedanaṃ;
ขียติ โนปจียติ, เอวํ โส จรตี สโต;
Khīyati nopacīyati, evaṃ so caratī sato;
เอวํ อปจินโต ทุกฺขํ, สนฺติเก นิพฺพาน วุจฺจติฯ
Evaṃ apacinato dukkhaṃ, santike nibbāna vuccati.
๘๑๐.
810.
‘‘น โส รชฺชติ คเนฺธสุ, คนฺธํ ฆตฺวา ปฎิสฺสโต;
‘‘Na so rajjati gandhesu, gandhaṃ ghatvā paṭissato;
วิรตฺตจิโตฺต เวเทติ, ตญฺจ นาโชฺฌส ติฎฺฐติฯ
Virattacitto vedeti, tañca nājjhosa tiṭṭhati.
๘๑๑.
811.
‘‘ยถาสฺส ฆายโต คนฺธํ, เสวโต จาปิ เวทนํ;
‘‘Yathāssa ghāyato gandhaṃ, sevato cāpi vedanaṃ;
ขียติ โนปจียติ, เอวํ โส จรตี สโต;
Khīyati nopacīyati, evaṃ so caratī sato;
เอวํ อปจินโต ทุกฺขํ, สนฺติเก นิพฺพาน วุจฺจติฯ
Evaṃ apacinato dukkhaṃ, santike nibbāna vuccati.
๘๑๒.
812.
‘‘น โส รชฺชติ รเสสุ, รสํ โภตฺวา ปฎิสฺสโต;
‘‘Na so rajjati rasesu, rasaṃ bhotvā paṭissato;
วิรตฺตจิโตฺต เวเทติ, ตญฺจ นาโชฺฌส ติฎฺฐติฯ
Virattacitto vedeti, tañca nājjhosa tiṭṭhati.
๘๑๓.
813.
‘‘ยถาสฺส สายโต รสํ, เสวโต จาปิ เวทนํ;
‘‘Yathāssa sāyato rasaṃ, sevato cāpi vedanaṃ;
ขียติ โนปจียติ, เอวํ โส จรตี สโต;
Khīyati nopacīyati, evaṃ so caratī sato;
เอวํ อปจินโต ทุกฺขํ, สนฺติเก นิพฺพาน วุจฺจติฯ
Evaṃ apacinato dukkhaṃ, santike nibbāna vuccati.
๘๑๔.
814.
‘‘น โส รชฺชติ ผเสฺสสุ, ผสฺสํ ผุสฺส ปฎิสฺสโต;
‘‘Na so rajjati phassesu, phassaṃ phussa paṭissato;
วิรตฺตจิโตฺต เวเทติ, ตญฺจ นาโชฺฌส ติฎฺฐติฯ
Virattacitto vedeti, tañca nājjhosa tiṭṭhati.
๘๑๕.
815.
‘‘ยถาสฺส ผุสโต ผสฺสํ, เสวโต จาปิ เวทนํ;
‘‘Yathāssa phusato phassaṃ, sevato cāpi vedanaṃ;
ขียติ โนปจียติ, เอวํ โส จรตี สโต;
Khīyati nopacīyati, evaṃ so caratī sato;
เอวํ อปจินโต ทุกฺขํ, สนฺติเก นิพฺพาน วุจฺจติฯ
Evaṃ apacinato dukkhaṃ, santike nibbāna vuccati.
๘๑๖.
816.
‘‘น โส รชฺชติ ธเมฺมสุ, ธมฺมํ ญตฺวา ปฎิสฺสโต;
‘‘Na so rajjati dhammesu, dhammaṃ ñatvā paṭissato;
วิรตฺตจิโตฺต เวเทติ, ตญฺจ นาโชฺฌส ติฎฺฐติฯ
Virattacitto vedeti, tañca nājjhosa tiṭṭhati.
๘๑๗.
817.
‘‘ยถาสฺส วิชานโต ธมฺมํ, เสวโต จาปิ เวทนํ;
‘‘Yathāssa vijānato dhammaṃ, sevato cāpi vedanaṃ;
ขียติ โนปจียติ, เอวํ โส จรตี สโต;
Khīyati nopacīyati, evaṃ so caratī sato;
เอวํ อปจินโต ทุกฺขํ, สนฺติเก นิพฺพาน วุจฺจตี’’ติฯ –
Evaṃ apacinato dukkhaṃ, santike nibbāna vuccatī’’ti. –
อิมา คาถา อภาสิฯ
Imā gāthā abhāsi.
ตตฺถ รูปํ ทิสฺวาติ จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ จกฺขุทฺวาเรน อุปลภิตฺวาฯ สติ มุฎฺฐา, ปิยํ นิมิตฺตํ มนสิ กโรโตติ ตสฺมิํ รูเป ทิฎฺฐมเตฺต เอว อฎฺฐตฺวา สุภนิมิตฺตํ มนสิ กโรโต สุภาการคฺคหณวเสน อโยนิโส มนสิ กโรโต สติ มุฎฺฐา โหติฯ ตถา จ สติ สารตฺตจิโตฺต เวเทติ ตํ รูปารมฺมณํ รโตฺต, คิโทฺธ, คธิโต หุตฺวา อนุภวติ, อสฺสาเทติ, อภินนฺทติฯ ตถาภูโต จ ตญฺจ อโชฺฌส ติฎฺฐตีติ ตญฺจ รูปารมฺมณํ อโชฺฌสาย ‘‘สุขํ สุข’’นฺติ อภินิวิสฺส คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐาเปตฺวา ติฎฺฐติฯ
Tattha rūpaṃ disvāti cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ cakkhudvārena upalabhitvā. Sati muṭṭhā, piyaṃ nimittaṃ manasi karototi tasmiṃ rūpe diṭṭhamatte eva aṭṭhatvā subhanimittaṃ manasi karoto subhākāraggahaṇavasena ayoniso manasi karoto sati muṭṭhā hoti. Tathā ca sati sārattacitto vedeti taṃ rūpārammaṇaṃ ratto, giddho, gadhito hutvā anubhavati, assādeti, abhinandati. Tathābhūto ca tañca ajjhosa tiṭṭhatīti tañca rūpārammaṇaṃ ajjhosāya ‘‘sukhaṃ sukha’’nti abhinivissa gilitvā pariniṭṭhāpetvā tiṭṭhati.
ตสฺส วฑฺฒนฺติ เวทนา, อเนกา รูปสมฺภวาติ ตสฺส เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส รูปสมฺภวา รูปารมฺมณา สุขาทิเภเทน อเนกา เวทนา กิเลสุปฺปตฺติเหตุภูตา วฑฺฒนฺติฯ อภิชฺฌา จ วิเหสา จ, จิตฺตมสฺสูปหญฺญตีติ ปิยรูเป สารชฺชนวเสน อุปฺปชฺชมานาย อภิชฺฌาย, อปิยรูเป พฺยาปชฺชนวเสน ปิยรูปเสฺสว วิปริณามญฺญถาภาวาย อุปฺปชฺชมานาย โสกาทิลกฺขณาย วิเหสาย จ อสฺส ปุคฺคลสฺส จิตฺตํ อุปหญฺญติ พาธียติฯ เอวมาจินโต ทุกฺขนฺติ วุตฺตากาเรน ตํ ตํ เวทนสฺสาทวเสน ภวาภิสงฺขารํ อาจินโต วฎฺฎทุกฺขํ ปวตฺตติฯ เตนาห ภควา – ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา…เป.… ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ (วิภ. ๒๒๕; สํ. นิ. ๒.๑)ฯ ตถาภูตสฺส อารา อารกา ทูเร นิพฺพานํ วุจฺจติ, ตสฺส ตํ ทุลฺลภนฺติ อโตฺถฯ สทฺทํ สุตฺวาติอาทิคาถาสุปิ วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ ฆตฺวาติ ฆายิตฺวาฯ โภตฺวาติ สายิตฺวาฯ ผุสฺสาติ ผุสิตฺวาฯ ธมฺมํ ญตฺวาติ ธมฺมารมฺมณํ วิชานิตฺวาฯ
Tassa vaḍḍhanti vedanā, anekā rūpasambhavāti tassa evarūpassa puggalassa rūpasambhavā rūpārammaṇā sukhādibhedena anekā vedanā kilesuppattihetubhūtā vaḍḍhanti. Abhijjhā ca vihesā ca, cittamassūpahaññatīti piyarūpe sārajjanavasena uppajjamānāya abhijjhāya, apiyarūpe byāpajjanavasena piyarūpasseva vipariṇāmaññathābhāvāya uppajjamānāya sokādilakkhaṇāya vihesāya ca assa puggalassa cittaṃ upahaññati bādhīyati. Evamācinato dukkhanti vuttākārena taṃ taṃ vedanassādavasena bhavābhisaṅkhāraṃ ācinato vaṭṭadukkhaṃ pavattati. Tenāha bhagavā – ‘‘vedanāpaccayā taṇhā…pe… dukkhakkhandhassa samudayo hotī’’ti (vibha. 225; saṃ. ni. 2.1). Tathābhūtassa ārā ārakā dūre nibbānaṃ vuccati, tassa taṃ dullabhanti attho. Saddaṃ sutvātiādigāthāsupi vuttanayeneva attho veditabbo. Tattha ghatvāti ghāyitvā. Bhotvāti sāyitvā. Phussāti phusitvā. Dhammaṃ ñatvāti dhammārammaṇaṃ vijānitvā.
เอวํ ฉทฺวารโคจเร สารชฺชนฺตสฺส วฎฺฎํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตตฺถ วิรชฺชนฺตสฺส วิวฎฺฎํ ทเสฺสโนฺต ‘‘น โส รชฺชติ รูเปสู’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ น โส รชฺชติ รูเปสุ, รูปํ ทิสฺวา ปฎิสฺสโตติ โย ปุคฺคโล รูปํ ทิสฺวา อาปาถคตํ รูปารมฺมณํ จกฺขุทฺวาริเกน วิญฺญาณสนฺตาเนน คเหตฺวา จตุสมฺปชญฺญวเสน สมฺปชานการิตาย ปฎิสฺสโต โหติ, โส รูปารมฺมเณสุ น รชฺชติ ราคํ น ชเนติ, อญฺญทตฺถุ วิรตฺตจิโตฺต เวเทติ, รูปารมฺมณมฺหิ สมุทยาทิโต ยถาภูตํ ปชานโนฺต นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทโนฺต ตํ ตตฺถุปฺปนฺนเวทนญฺจ วิรตฺตจิโตฺต เวเทติ, ตถาภูโต จ ตญฺจ นโชฺฌส ติฎฺฐตีติ ตํ รูปารมฺมณํ สมฺมเทว วิรตฺตจิตฺตตาย อโชฺฌสาย น ติฎฺฐติ ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ ตณฺหามานทิฎฺฐิวเสน นาภินิวิสติฯ
Evaṃ chadvāragocare sārajjantassa vaṭṭaṃ dassetvā idāni tattha virajjantassa vivaṭṭaṃ dassento ‘‘na so rajjati rūpesū’’tiādimāha. Tattha na so rajjati rūpesu, rūpaṃ disvā paṭissatoti yo puggalo rūpaṃ disvā āpāthagataṃ rūpārammaṇaṃ cakkhudvārikena viññāṇasantānena gahetvā catusampajaññavasena sampajānakāritāya paṭissato hoti, so rūpārammaṇesu na rajjati rāgaṃ na janeti, aññadatthu virattacitto vedeti, rūpārammaṇamhi samudayādito yathābhūtaṃ pajānanto nibbindati, nibbindanto taṃ tatthuppannavedanañca virattacitto vedeti, tathābhūto ca tañca najjhosa tiṭṭhatīti taṃ rūpārammaṇaṃ sammadeva virattacittatāya ajjhosāya na tiṭṭhati ‘‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’ti taṇhāmānadiṭṭhivasena nābhinivisati.
ยถาสฺส ปสฺสโต รูปนฺติ อสฺส โยคิโน ยถา ตตฺถ อภิชฺฌาทโย นปฺปวตฺตนฺติ, เอวํ อนิจฺจาทิโต รูปํ ปสฺสนฺตสฺสฯ เสวโต จาปิ เวทนนฺติ ตํ อารพฺภ อุปฺปนฺนํ เวทนํ ตํสมฺปยุตฺตธเมฺม จ โคจรเสวนาย เสวโต จาปิฯ ขียตีติ สพฺพํ กิเลสวฎฺฎํ ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺฉติฯ โนปจียตีติ น อุปจิยติ น อาจยํ คจฺฉติฯ เอวํ โส จรตี สโตติ เอวํ กิเลสาปนยนปฎิปตฺติยา สโต สมฺปชาโน หุตฺวา จรติ, วิหรติฯ เอวํ อปจินโต ทุกฺขนฺติ วุตฺตนเยน อปจยคามินิยา มคฺคปญฺญาย สกลํ วฎฺฎทุกฺขํ อปจินนฺตสฺสฯ สนฺติเก นิพฺพาน วุจฺจตีติ สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุสมีเป เอวาติ วุจฺจติ อสงฺขตาย ธาตุยา สจฺฉิกตตฺตาฯ น โส รชฺชติ สเทฺทสูติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Yathāssa passato rūpanti assa yogino yathā tattha abhijjhādayo nappavattanti, evaṃ aniccādito rūpaṃ passantassa. Sevato cāpi vedananti taṃ ārabbha uppannaṃ vedanaṃ taṃsampayuttadhamme ca gocarasevanāya sevato cāpi. Khīyatīti sabbaṃ kilesavaṭṭaṃ parikkhayaṃ pariyādānaṃ gacchati. Nopacīyatīti na upaciyati na ācayaṃ gacchati. Evaṃ so caratī satoti evaṃ kilesāpanayanapaṭipattiyā sato sampajāno hutvā carati, viharati. Evaṃ apacinato dukkhanti vuttanayena apacayagāminiyā maggapaññāya sakalaṃ vaṭṭadukkhaṃ apacinantassa. Santike nibbāna vuccatīti saupādisesaanupādisesanibbānadhātusamīpe evāti vuccati asaṅkhatāya dhātuyā sacchikatattā. Na so rajjati saddesūtiādīsupi imināva nayena attho veditabbo.
เอวํ เถโร อิมาหิ คาถาหิ สตฺถุ โอวาทสฺส อตฺตนา อุปธาริตภาวํ ปเวเทตฺวา อุฎฺฐายาสนา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา คโต นจิรเสฺสว วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณีติฯ
Evaṃ thero imāhi gāthāhi satthu ovādassa attanā upadhāritabhāvaṃ pavedetvā uṭṭhāyāsanā satthāraṃ vanditvā gato nacirasseva vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇīti.
มาลุกฺยปุตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mālukyaputtattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๕. มาลุกฺยปุตฺตเตฺถรคาถา • 5. Mālukyaputtattheragāthā