Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๙. มานกามสุตฺตวณฺณนา
9. Mānakāmasuttavaṇṇanā
๙. นวเม มานกามสฺสาติ มานํ กาเมนฺตสฺส อิจฺฉนฺตสฺสฯ ทโมติ เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส สมาธิปกฺขิโก ทโม นตฺถีติ วทติฯ ‘‘สเจฺจน ทโนฺต ทมสา อุเปโต, เวทนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๙๕) เอตฺถ หิ อินฺทฺริยสํวโร ทโมติ วุโตฺตฯ ‘‘ยทิ สจฺจา ทมา จาคา, ขนฺตฺยา ภิโยฺยธ วิชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๑) เอตฺถ ปญฺญาฯ ‘‘ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวเชฺชน อตฺถิ ปุญฺญํ, อตฺถิ ปุญฺญสฺส อาคโม’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๖๕) เอตฺถ อุโปสถกมฺมํฯ ‘‘สกฺขิสฺสสิ โข ตฺวํ, ปุณฺณ, อิมินา ทมูปสเมน สมนฺนาคโต สุนาปรนฺตสฺมิํ ชนปเท วิหริตุ’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๘๘; ม. นิ. ๓.๓๙๖) เอตฺถ อธิวาสนขนฺติฯ อิมสฺมิํ ปน สุเตฺต ทโมติ สมาธิปกฺขิกธมฺมานํ เอตํ นามํฯ เตเนวาห – ‘‘น โมนมตฺถิ อสมาหิตสฺสา’’ติฯ ตตฺถ โมนนฺติ จตุมคฺคญาณํ, ตญฺหิ มุนาตีติ โมนํ, จตุสจฺจธเมฺม ชานาตีติ อโตฺถฯ มจฺจุเธยฺยสฺสาติ เตภูมกวฎฺฎสฺสฯ ตญฺหิ มจฺจุโน ปติฎฺฐานเฎฺฐน มจฺจุเธยฺยนฺติ วุจฺจติฯ ปารนฺติ ตเสฺสว ปารํ นิพฺพานํฯ ตเรยฺยาติ ปฎิวิเชฺฌยฺย ปาปุเณยฺย วาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอโก อรเญฺญ วิหรโนฺต ปมโตฺต ปุคฺคโล มจฺจุเธยฺยสฺส ปารํ น ตเรยฺย น ปฎิวิเชฺฌยฺย น ปาปุเณยฺยาติฯ
9. Navame mānakāmassāti mānaṃ kāmentassa icchantassa. Damoti evarūpassa puggalassa samādhipakkhiko damo natthīti vadati. ‘‘Saccena danto damasā upeto, vedantagū vusitabrahmacariyo’’ti (saṃ. ni. 1.195) ettha hi indriyasaṃvaro damoti vutto. ‘‘Yadi saccā damā cāgā, khantyā bhiyyodha vijjatī’’ti (saṃ. ni. 1.246; su. ni. 191) ettha paññā. ‘‘Dānena damena saṃyamena saccavajjena atthi puññaṃ, atthi puññassa āgamo’’ti (saṃ. ni. 4.365) ettha uposathakammaṃ. ‘‘Sakkhissasi kho tvaṃ, puṇṇa, iminā damūpasamena samannāgato sunāparantasmiṃ janapade viharitu’’nti (saṃ. ni. 4.88; ma. ni. 3.396) ettha adhivāsanakhanti. Imasmiṃ pana sutte damoti samādhipakkhikadhammānaṃ etaṃ nāmaṃ. Tenevāha – ‘‘na monamatthi asamāhitassā’’ti. Tattha monanti catumaggañāṇaṃ, tañhi munātīti monaṃ, catusaccadhamme jānātīti attho. Maccudheyyassāti tebhūmakavaṭṭassa. Tañhi maccuno patiṭṭhānaṭṭhena maccudheyyanti vuccati. Pāranti tasseva pāraṃ nibbānaṃ. Tareyyāti paṭivijjheyya pāpuṇeyya vā. Idaṃ vuttaṃ hoti – eko araññe viharanto pamatto puggalo maccudheyyassa pāraṃ na tareyya na paṭivijjheyya na pāpuṇeyyāti.
มานํ ปหายาติ อรหตฺตมเคฺคน นววิธมานํ ปชหิตฺวาฯ สุสมาหิตโตฺตติ อุปจารปฺปนาสมาธีหิ สุฎฺฐุ สมาหิตโตฺตฯ สุเจตโสติ ญาณสมฺปยุตฺตตาย สุนฺทรจิโตฺตฯ ญาณวิปฺปยุตฺตจิเตฺตน หิ สุเจตโสติ น วุจฺจติ, ตสฺมา ญาณสมฺปยุเตฺตน สุเจตโส หุตฺวาติ อโตฺถฯ สพฺพธิ วิปฺปมุโตฺตติ สเพฺพสุ ขนฺธายตนาทีสุ วิปฺปมุโตฺต หุตฺวาฯ ตเรยฺยาติ เอตฺถ เตภูมกวฎฺฎํ สมติกฺกมโนฺต นิพฺพานํ ปฎิวิชฺฌโนฺต ตรตีติ ปฎิเวธตรณํ นาม วุตฺตํฯ อิติ อิมาย คาถาย ติโสฺส สิกฺขา กถิตา โหนฺติฯ กถํ – มาโน นามายํ สีลเภทโน, ตสฺมา ‘‘มานํ ปหายา’’ติ อิมินา อธิสีลสิกฺขา กถิตา โหติฯ ‘‘สุสมาหิตโตฺต’’ติ อิมินา อธิจิตฺตสิกฺขาฯ ‘‘สุเจตโส’’ติ เอตฺถ จิเตฺตน ปญฺญา ทสฺสิตา, ตสฺมา อิมินา อธิปญฺญาสิกฺขา กถิตาฯ อธิสีลญฺจ นาม สีเล สติ โหติ, อธิจิตฺตํ จิเตฺต สติ, อธิปญฺญา ปญฺญาย สติฯ ตสฺมา สีลํ นาม ปญฺจปิ ทสปิ สีลานิ, ปาติโมกฺขสํวโร อธิสีลํ นามาติ เวทิตพฺพํฯ อฎฺฐ สมาปตฺติโย จิตฺตํ, วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ อธิจิตฺตํฯ กมฺมสฺสกตญาณํ ปญฺญา, วิปสฺสนา อธิปญฺญาฯ อนุปฺปเนฺนปิ หิ พุทฺธุปฺปาเท ปวตฺตตีติ ปญฺจสีลํ ทสสีลํ สีลเมว, ปาติโมกฺขสํวรสีลํ พุทฺธุปฺปาเทเยว ปวตฺตตีติ อธิสีลํฯ จิตฺตปญฺญาสุปิ เอเสว นโยฯ อปิจ นิพฺพานํ ปตฺถยเนฺตน สมาทินฺนํ ปญฺจสีลมฺปิ ทสสีลมฺปิ อธิสีลเมวฯ สมาปนฺนา อฎฺฐ สมาปตฺติโยปิ อธิจิตฺตเมวฯ สพฺพมฺปิ วา โลกิยสีลํ สีลเมว, โลกุตฺตรํ อธิสีลํฯ จิตฺตปญฺญาสุปิ เอเสว นโยติฯ อิติ อิมาย คาถาย สโมธาเนตฺวา ติโสฺส สิกฺขา สกลสาสนํ กถิตํ โหตีติฯ
Mānaṃ pahāyāti arahattamaggena navavidhamānaṃ pajahitvā. Susamāhitattoti upacārappanāsamādhīhi suṭṭhu samāhitatto. Sucetasoti ñāṇasampayuttatāya sundaracitto. Ñāṇavippayuttacittena hi sucetasoti na vuccati, tasmā ñāṇasampayuttena sucetaso hutvāti attho. Sabbadhi vippamuttoti sabbesu khandhāyatanādīsu vippamutto hutvā. Tareyyāti ettha tebhūmakavaṭṭaṃ samatikkamanto nibbānaṃ paṭivijjhanto taratīti paṭivedhataraṇaṃ nāma vuttaṃ. Iti imāya gāthāya tisso sikkhā kathitā honti. Kathaṃ – māno nāmāyaṃ sīlabhedano, tasmā ‘‘mānaṃ pahāyā’’ti iminā adhisīlasikkhā kathitā hoti. ‘‘Susamāhitatto’’ti iminā adhicittasikkhā. ‘‘Sucetaso’’ti ettha cittena paññā dassitā, tasmā iminā adhipaññāsikkhā kathitā. Adhisīlañca nāma sīle sati hoti, adhicittaṃ citte sati, adhipaññā paññāya sati. Tasmā sīlaṃ nāma pañcapi dasapi sīlāni, pātimokkhasaṃvaro adhisīlaṃ nāmāti veditabbaṃ. Aṭṭha samāpattiyo cittaṃ, vipassanāpādakajjhānaṃ adhicittaṃ. Kammassakatañāṇaṃ paññā, vipassanā adhipaññā. Anuppannepi hi buddhuppāde pavattatīti pañcasīlaṃ dasasīlaṃ sīlameva, pātimokkhasaṃvarasīlaṃ buddhuppādeyeva pavattatīti adhisīlaṃ. Cittapaññāsupi eseva nayo. Apica nibbānaṃ patthayantena samādinnaṃ pañcasīlampi dasasīlampi adhisīlameva. Samāpannā aṭṭha samāpattiyopi adhicittameva. Sabbampi vā lokiyasīlaṃ sīlameva, lokuttaraṃ adhisīlaṃ. Cittapaññāsupi eseva nayoti. Iti imāya gāthāya samodhānetvā tisso sikkhā sakalasāsanaṃ kathitaṃ hotīti.
มานกามสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mānakāmasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๙. มานกามสุตฺตํ • 9. Mānakāmasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๙. มานกามสุตฺตวณฺณนา • 9. Mānakāmasuttavaṇṇanā