Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๙. มานกามสุตฺตวณฺณนา
9. Mānakāmasuttavaṇṇanā
๙. เสยฺยาทิเภทํ มานํ อปฺปหาย ตํ ปคฺคยฺห วิจรโนฺต กาเมโนฺต นาม โหตีติ อาห ‘‘มานํ กาเมนฺตสฺส อิจฺฉนฺตสฺสา’’ติฯ ทมติ จิตฺตํ เอเตนาติ ทโม, สติสโมฺพชฺฌงฺคาทิโก สมาธิปกฺขิโก ทโมฯ มนจฺฉฎฺฐานิ อินฺทฺริยานิ ทเมตีติ ทโม, อินฺทฺริยสํวโรฯ กิเลเส ทเมติ ปชหตีติ ทโม, ปญฺญาฯ อุปวสนวเสน กายกมฺมาทิํ ทเมตีติ ทโม, อุโปสถกมฺมํฯ โกธูปนาหมกฺขมานาทิเก ทเมติ วิเนตีติ ทโม, อธิวาสนขนฺติฯ เตเนวาติ ‘‘ทโม’’ติ สมาธิปกฺขิกธมฺมานํ เอว อธิเปฺปตตฺตา ฯ ‘‘น โมนํ อตฺถี’’ติ จ ปาโฐฯ อสมาหิตสฺสาติ สมาธิปฎิเกฺขโป โชติโตฯ
9. Seyyādibhedaṃ mānaṃ appahāya taṃ paggayha vicaranto kāmento nāma hotīti āha ‘‘mānaṃ kāmentassa icchantassā’’ti. Damati cittaṃ etenāti damo, satisambojjhaṅgādiko samādhipakkhiko damo. Manacchaṭṭhāni indriyāni dametīti damo, indriyasaṃvaro. Kilese dameti pajahatīti damo, paññā. Upavasanavasena kāyakammādiṃ dametīti damo, uposathakammaṃ. Kodhūpanāhamakkhamānādike dameti vinetīti damo, adhivāsanakhanti. Tenevāti ‘‘damo’’ti samādhipakkhikadhammānaṃ eva adhippetattā . ‘‘Na monaṃ atthī’’ti ca pāṭho. Asamāhitassāti samādhipaṭikkhepo jotito.
มจฺจุเธยฺยสฺส ปารตรณสฺส วุจฺจมานตฺตา ‘‘โมนนฺติ จตุมคฺคญาณ’’นฺติ วุตฺตํฯ น หิ ตโต อเญฺญน ตํ สมฺภวติฯ ชานาติ อสโมฺมหปฎิเวธวเสน ปฎิวิชฺฌตีติ อโตฺถฯ มจฺจุ ธียติ เอตฺถาติ มจฺจุเธยฺยํ, ขนฺธปญฺจกํ มรณธมฺมตฺตาฯ ตเสฺสวาติ มจฺจุเธยฺยเสฺสวฯ ปารํ ปรตีรภูตํ นิพฺพานํฯ ตเรยฺยาติ เอตฺถ ตรณํ นาม อริยมคฺคพฺยาปาโรติ อาห ‘‘ปฎิวิเชฺฌยฺย ปาปุเณยฺยา’’ติฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ปฎิเวธตรณํ นาม วุตฺต’’นฺติฯ ‘‘น ตเรยฺย น ปฎิวิเชฺฌยฺย น ปาปุเณยฺย วา’’ติ อยเมตฺถ ปาโฐ ยุโตฺตฯ อญฺญถา ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิวจนํ วิรุเชฺฌยฺยฯ เอโก อรเญฺญ วิหรโนฺตติ เอกากี หุตฺวา อรเญฺญ วิหรโนฺตติ อโตฺถฯ
Maccudheyyassa pārataraṇassa vuccamānattā ‘‘monanti catumaggañāṇa’’nti vuttaṃ. Na hi tato aññena taṃ sambhavati. Jānāti asammohapaṭivedhavasena paṭivijjhatīti attho. Maccu dhīyati etthāti maccudheyyaṃ, khandhapañcakaṃ maraṇadhammattā. Tassevāti maccudheyyasseva. Pāraṃ paratīrabhūtaṃ nibbānaṃ. Tareyyāti ettha taraṇaṃ nāma ariyamaggabyāpāroti āha ‘‘paṭivijjheyya pāpuṇeyyā’’ti. Tathā hi vakkhati ‘‘paṭivedhataraṇaṃ nāma vutta’’nti. ‘‘Na tareyya na paṭivijjheyya na pāpuṇeyya vā’’ti ayamettha pāṭho yutto. Aññathā ‘‘idaṃ vuttaṃ hotī’’tiādivacanaṃ virujjheyya. Eko araññe viharantoti ekākī hutvā araññe viharantoti attho.
กามํ เหฎฺฐิมมเคฺคหิปิ เอกจฺจสฺส มานสฺส ปหานํ ลพฺภติฯ อคฺคมเคฺคเนว ปน ตสฺส อนวเสสโต ปหานนฺติ อาห – ‘‘อรหตฺตมเคฺคน นววิธมานํ ปชหิตฺวา’’ติฯ อุปจารสมาธิปุพฺพโก อปฺปนาสมาธีติ วุตฺตํ ‘‘อุปจารปฺปนาสมาธีหี’’ติ, น อุปจารสมาธิมเตฺตน สมาธิมตฺตํ สนฺธาย ปเจฺจกํ วากฺยปริสมาปนสฺส อยุชฺชนโตฯ น หิ อปฺปนํ อปฺปตฺตํ โลกุตฺตรชฺฌานํ อตฺถิฯ ‘‘สุเจตโส’’ติ จิตฺตสฺส ญาณสหิตตาย ลกฺขณวจนนฺติ อาห ‘‘ญาณสมฺปยุตฺตตายา’’ติอาทิฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สุเจตโสติ เอตฺถ จิเตฺตน ปญฺญา ทสฺสิตา’’ติฯ ‘‘สพฺพธิ วิปฺปมุโตฺต’’ติ สเพฺพสุ ภวาทีสุ วิสํสฎฺฐจิโตฺต สพฺพโส ขนฺธาทีหิ วิสํยุโตฺต โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สเพฺพสุ ขนฺธายตนาทีสุ วิปฺปมุโตฺต หุตฺวา’’ติฯ ปริญฺญาปฎิเวโธ สจฺฉิกิริยปฎิเวเธน วินา นตฺถีติ อาห ‘‘เตภูมก…เป.… วุตฺต’’นฺติฯ
Kāmaṃ heṭṭhimamaggehipi ekaccassa mānassa pahānaṃ labbhati. Aggamaggeneva pana tassa anavasesato pahānanti āha – ‘‘arahattamaggena navavidhamānaṃ pajahitvā’’ti. Upacārasamādhipubbako appanāsamādhīti vuttaṃ ‘‘upacārappanāsamādhīhī’’ti, na upacārasamādhimattena samādhimattaṃ sandhāya paccekaṃ vākyaparisamāpanassa ayujjanato. Na hi appanaṃ appattaṃ lokuttarajjhānaṃ atthi. ‘‘Sucetaso’’ti cittassa ñāṇasahitatāya lakkhaṇavacananti āha ‘‘ñāṇasampayuttatāyā’’tiādi. Tathā hi vakkhati ‘‘sucetasoti ettha cittena paññā dassitā’’ti. ‘‘Sabbadhi vippamutto’’ti sabbesu bhavādīsu visaṃsaṭṭhacitto sabbaso khandhādīhi visaṃyutto hotīti vuttaṃ ‘‘sabbesu khandhāyatanādīsu vippamutto hutvā’’ti. Pariññāpaṭivedho sacchikiriyapaṭivedhena vinā natthīti āha ‘‘tebhūmaka…pe… vutta’’nti.
มานํ นิสฺสาย ทุจฺจริตจรณโต มาโน นามายํ สีลเภทโนฯ ตสฺมาติ มานสฺส สีลปฎิปกฺขภาวโตฯ อิมินา ปฎิปกฺขปฺปหานกิตฺตเนนฯ อธิจิตฺตสิกฺขา กถิตา สรูปโต เอวาติ อธิปฺปาโยฯ เอตฺถ จิเตฺตนาติ สุ-สเทฺทน วิเสสิตจิเตฺตนฯ ตสฺมาติ ปญฺญาย ทสฺสิตตฺตาฯ อิมินาติ ‘‘สุเจตโส’’ติ อิมินา ปเทนฯ อธิสีลสิกฺขา อธิจิตฺตสิกฺขา อธิปญฺญาสิกฺขาติ สีลาทีนิปิ วิเสเสตฺวา วุตฺตานิฯ สมฺภเว พฺยภิจาเร จ วิเสสนวิเสสิตพฺพตาติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อธิสีลญฺจ นาม สีเล สติ โหตี’’ติอาทิํ วตฺวา ตทุภยํ วิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปฐมนโย สงฺกรวเสน ปวโตฺตติ อสงฺกรวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทินา ทุติยนโย วุโตฺตฯ ‘‘สมาปนฺนา’’ติ เอตฺถาปิ ‘‘นิพฺพานํ ปตฺถยเนฺตนา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ วิปสฺสนาย ปาทกภาวํ อนุปคตาปิ ตทตฺถํ นิพฺพตฺตนาทิวเสน สมาปนฺนาติ อยมโตฺถ ปุริมนยโต วิเสโสฯ อธิปญฺญาย ปเนตฺถ ปุริมนยโต วิเสโส นตฺถีติ สา อนุทฺธฎาฯ สโมธาเนตฺวาติ ปริยายโต สรูปโต จ สงฺคเหตฺวาฯ สกลสาสนนฺติ ติสฺสนฺนํ กถิตตฺตา เอว สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สกลสาสนํ กถิตํ โหตีติฯ
Mānaṃ nissāya duccaritacaraṇato māno nāmāyaṃ sīlabhedano. Tasmāti mānassa sīlapaṭipakkhabhāvato. Iminā paṭipakkhappahānakittanena. Adhicittasikkhā kathitā sarūpato evāti adhippāyo. Ettha cittenāti su-saddena visesitacittena. Tasmāti paññāya dassitattā. Imināti ‘‘sucetaso’’ti iminā padena. Adhisīlasikkhā adhicittasikkhā adhipaññāsikkhāti sīlādīnipi visesetvā vuttāni. Sambhave byabhicāre ca visesanavisesitabbatāti taṃ dassento ‘‘adhisīlañca nāma sīle sati hotī’’tiādiṃ vatvā tadubhayaṃ vibhāgena dassetuṃ ‘‘tasmā’’tiādi vuttaṃ. Paṭhamanayo saṅkaravasena pavattoti asaṅkaravasena dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādinā dutiyanayo vutto. ‘‘Samāpannā’’ti etthāpi ‘‘nibbānaṃ patthayantenā’’ti ānetvā sambandho. Vipassanāya pādakabhāvaṃ anupagatāpi tadatthaṃ nibbattanādivasena samāpannāti ayamattho purimanayato viseso. Adhipaññāya panettha purimanayato viseso natthīti sā anuddhaṭā. Samodhānetvāti pariyāyato sarūpato ca saṅgahetvā. Sakalasāsananti tissannaṃ kathitattā eva sikkhattayasaṅgahaṃ sakalasāsanaṃ kathitaṃ hotīti.
มานกามสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mānakāmasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๙. มานกามสุตฺตํ • 9. Mānakāmasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. มานกามสุตฺตวณฺณนา • 9. Mānakāmasuttavaṇṇanā