Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๓. มาณวเตฺถรคาถาวณฺณนา
3. Māṇavattheragāthāvaṇṇanā
ชิณฺณญฺจ ทิสฺวา ทุขิตญฺจ พฺยาธิตนฺติ อายสฺมโต มาณวเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินโนฺต อิโต เอกนวุเต กเปฺป พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ลกฺขณธโร หุตฺวา วิปสฺสิสฺส ภควโต อภิชาติยา ลกฺขณานิ ปริคฺคเหตฺวา ปุพฺพนิมิตฺตานิ สาเวตฺวา, ‘‘เอกํเสน อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา นานานเยหิ โถเมตฺวา อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน สุคตีสุเยว สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลสฺส เคเห นิพฺพตฺติตฺวา ยาว สตฺตวสฺสานิ, ตาว อโนฺตฆเรเยว วฑฺฒิตฺวา สตฺตเม สํวจฺฉเร อุปนยนตฺถํ อุยฺยานํ นีโต อนฺตรามเคฺค ชิณฺณาตุรมเต ทิสฺวา เตสํ อทิฎฺฐปุพฺพตฺตา เต ปริชเน ปุจฺฉิตฺวา ชราโรคมรณสภาวํ สุตฺวา สญฺชาตสํเวโค ตโต อนิวตฺตโนฺต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๔๑-๖๔) –
Jiṇṇañca disvā dukhitañca byādhitanti āyasmato māṇavattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinanto ito ekanavute kappe brāhmaṇakule nibbattitvā lakkhaṇadharo hutvā vipassissa bhagavato abhijātiyā lakkhaṇāni pariggahetvā pubbanimittāni sāvetvā, ‘‘ekaṃsena ayaṃ buddho bhavissatī’’ti byākaritvā nānānayehi thometvā abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. So tena puññakammena sugatīsuyeva saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ brāhmaṇamahāsālassa gehe nibbattitvā yāva sattavassāni, tāva antoghareyeva vaḍḍhitvā sattame saṃvacchare upanayanatthaṃ uyyānaṃ nīto antarāmagge jiṇṇāturamate disvā tesaṃ adiṭṭhapubbattā te parijane pucchitvā jarārogamaraṇasabhāvaṃ sutvā sañjātasaṃvego tato anivattanto vihāraṃ gantvā satthu santike dhammaṃ sutvā mātāpitaro anujānāpetvā pabbajitvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.13.41-64) –
‘‘ชายมาเน วิปสฺสิมฺหิ, นิมิตฺตํ พฺยากริํ อหํ;
‘‘Jāyamāne vipassimhi, nimittaṃ byākariṃ ahaṃ;
นิพฺพาปยิญฺจ ชนตํ, พุโทฺธ โลเก ภวิสฺสติฯ
Nibbāpayiñca janataṃ, buddho loke bhavissati.
‘‘ยสฺมิญฺจ ชายมานสฺมิํ, ทสสหสฺสิ กมฺปติ;
‘‘Yasmiñca jāyamānasmiṃ, dasasahassi kampati;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมาฯ
So dāni bhagavā satthā, dhammaṃ deseti cakkhumā.
‘‘ยสฺมิญฺจ ชายมานสฺมิํ, อาโลโก วิปุโล อหุ;
‘‘Yasmiñca jāyamānasmiṃ, āloko vipulo ahu;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมาฯ
So dāni bhagavā satthā, dhammaṃ deseti cakkhumā.
‘‘ยสฺมิญฺจ ชายมานสฺมิํ, สริตาโย น สนฺทยุํ;
‘‘Yasmiñca jāyamānasmiṃ, saritāyo na sandayuṃ;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมาฯ
So dāni bhagavā satthā, dhammaṃ deseti cakkhumā.
‘‘ยสฺมิญฺจ ชายมานสฺมิํ, อวีจคฺคิ น ปชฺชลิ;
‘‘Yasmiñca jāyamānasmiṃ, avīcaggi na pajjali;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมาฯ
So dāni bhagavā satthā, dhammaṃ deseti cakkhumā.
‘‘ยสฺมิญฺจ ชายมานสฺมิํ, ปกฺขิสโงฺฆ น สญฺจริ;
‘‘Yasmiñca jāyamānasmiṃ, pakkhisaṅgho na sañcari;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมาฯ
So dāni bhagavā satthā, dhammaṃ deseti cakkhumā.
‘‘ยสฺมิญฺจ ชายมานสฺมิํ, วาตกฺขโนฺธ น วายติ;
‘‘Yasmiñca jāyamānasmiṃ, vātakkhandho na vāyati;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมาฯ
So dāni bhagavā satthā, dhammaṃ deseti cakkhumā.
‘‘ยสฺมิญฺจ ชายมานสฺมิํ, สพฺพรตนานิ โชตยุํ;
‘‘Yasmiñca jāyamānasmiṃ, sabbaratanāni jotayuṃ;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมาฯ
So dāni bhagavā satthā, dhammaṃ deseti cakkhumā.
‘‘ยสฺมิญฺจ ชายมานสฺมิํ, สตฺตาสุํ ปทวิกฺกมา;
‘‘Yasmiñca jāyamānasmiṃ, sattāsuṃ padavikkamā;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมาฯ
So dāni bhagavā satthā, dhammaṃ deseti cakkhumā.
‘‘ชาตมโตฺต จ สมฺพุโทฺธ, ทิสา สพฺพา วิโลกยิ;
‘‘Jātamatto ca sambuddho, disā sabbā vilokayi;
วาจาสภิมุทีเรสิ, เอสา พุทฺธาน ธมฺมตาฯ
Vācāsabhimudīresi, esā buddhāna dhammatā.
‘‘สํเวชยิตฺวา ชนตํ, ถวิตฺวา โลกนายกํ;
‘‘Saṃvejayitvā janataṃ, thavitvā lokanāyakaṃ;
สมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา, ปกฺกามิํ ปาจินามุโขฯ
Sambuddhaṃ abhivādetvā, pakkāmiṃ pācināmukho.
‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, ยํ พุทฺธมภิโถมยิํ;
‘‘Ekanavutito kappe, yaṃ buddhamabhithomayiṃ;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, โถมนาย อิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, thomanāya idaṃ phalaṃ.
‘‘อิโต นวุติกปฺปมฺหิ, สมฺมุขาถวิกวฺหโย;
‘‘Ito navutikappamhi, sammukhāthavikavhayo;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘ปถวีทุนฺทุภิ นาม, เอกูนนวุติมฺหิโต;
‘‘Pathavīdundubhi nāma, ekūnanavutimhito;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘อฎฺฐาสีติมฺหิโต กเปฺป, โอภาโส นาม ขตฺติโย;
‘‘Aṭṭhāsītimhito kappe, obhāso nāma khattiyo;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘สตฺตาสีติมฺหิโต กเปฺป, สริตเจฺฉทนวฺหโย;
‘‘Sattāsītimhito kappe, saritacchedanavhayo;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘อคฺคินิพฺพาปโน นาม, กปฺปานํ ฉฬสีติยา;
‘‘Agginibbāpano nāma, kappānaṃ chaḷasītiyā;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘คติปเจฺฉทโน นาม, กปฺปานํ ปญฺจสีติยา;
‘‘Gatipacchedano nāma, kappānaṃ pañcasītiyā;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘ราชา วาตสโม นาม, กปฺปานํ จุลฺลสีติยา;
‘‘Rājā vātasamo nāma, kappānaṃ cullasītiyā;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘รตนปชฺชโล นาม, กปฺปานํ เตอสีติยา;
‘‘Ratanapajjalo nāma, kappānaṃ teasītiyā;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘ปทวิกฺกมโน นาม, กปฺปานํ เทฺวอสีติยา;
‘‘Padavikkamano nāma, kappānaṃ dveasītiyā;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘ราชา วิโลกโน นาม, กปฺปานํ เอกสีติยา;
‘‘Rājā vilokano nāma, kappānaṃ ekasītiyā;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘คิรสาโรติ นาเมน, กเปฺปสีติมฺหิ ขตฺติโย;
‘‘Girasāroti nāmena, kappesītimhi khattiyo;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อธิคตารหโตฺต ปน ภิกฺขูหิ, ‘‘เกน, ตฺวํ อาวุโส, สํเวเคน อติทหโรว สมาโน ปพฺพชิโต’’ติ ปุจฺฉิโต อตฺตโน ปพฺพชฺชานิมิตฺตกิตฺตนาปเทเสน อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –
Adhigatārahatto pana bhikkhūhi, ‘‘kena, tvaṃ āvuso, saṃvegena atidaharova samāno pabbajito’’ti pucchito attano pabbajjānimittakittanāpadesena aññaṃ byākaronto –
๗๓.
73.
‘‘ชิณฺณญฺจ ทิสฺวา ทุขิตญฺจ พฺยาธิตํ, มตญฺจ ทิสฺวา คตมายุสงฺขยํ;
‘‘Jiṇṇañca disvā dukhitañca byādhitaṃ, matañca disvā gatamāyusaṅkhayaṃ;
ตโต อหํ นิกฺขมิตูน ปพฺพชิํ, ปหาย กามานิ มโนรมานี’’ติฯ –
Tato ahaṃ nikkhamitūna pabbajiṃ, pahāya kāmāni manoramānī’’ti. –
คาถํ อภาสิฯ
Gāthaṃ abhāsi.
ตตฺถ ชิณฺณนฺติ ชราย อภิภูตํ, ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจวลิตฺตจตาทีหิ สมงฺคีภูตํฯ ทุขิตนฺติ ทุกฺขปฺปตฺตํฯ พฺยาธิตนฺติ คิลานํฯ เอตฺถ จ ‘‘พฺยาธิต’’นฺติ วุเตฺตปิ ทุกฺขปฺปตฺตภาโว สิโทฺธ, ‘‘ทุขิต’’นฺติ วจนํ ตสฺส พาฬฺหคิลานภาวปริทีปนตฺถํฯ มตนฺติ กาลงฺกตํ, ยสฺมา กาลงฺกโต อายุโน ขยํ วยํ เภทํ คโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘คตมายุสงฺขย’’นฺติฯ ตสฺมา ชิณฺณพฺยาธิมตานํ ทิฎฺฐตฺตา, ‘‘อิเม ชราทโย นาม น อิเมสํเยว, อถ โข สพฺพสาธารณา, ตสฺมา อหมฺปิ ชราทิเก อนติวโตฺต’’ติ สํวิคฺคตฺตาฯ นิกฺขมิตูนาติ นิกฺขมิตฺวา, อยเมว วา ปาโฐฯ ปพฺพชฺชาธิปฺปาเยน ฆรโต นิคฺคนฺตฺวาฯ ปพฺพชินฺติ สตฺถุ สาสเน ปพฺพชํ อุปคโตฯ ปหาย กามานิ มโนรมานีติ อิฎฺฐกนฺตาทิภาวโต อวีตราคานํ มโน รเมนฺตีติ มโนรเม วตฺถุกาเม ปชหิตฺวา, ตปฺปฎิพทฺธสฺส ฉนฺทราคสฺส อริยมเคฺคน สมุจฺฉินฺทเนน นิรเปกฺขภาเวน ฉเฑฺฑตฺวาติ อโตฺถฯ กามานํ ปหานกิตฺตนมุเขน เจตํ เถรสฺส อญฺญาพฺยากรณํ อโหสิฯ มาณวกาเล ปพฺพชิตตฺตา อิมสฺส เถรสฺส มาณโวเตฺวว สมญฺญา ชาตาติฯ
Tattha jiṇṇanti jarāya abhibhūtaṃ, khaṇḍiccapāliccavalittacatādīhi samaṅgībhūtaṃ. Dukhitanti dukkhappattaṃ. Byādhitanti gilānaṃ. Ettha ca ‘‘byādhita’’nti vuttepi dukkhappattabhāvo siddho, ‘‘dukhita’’nti vacanaṃ tassa bāḷhagilānabhāvaparidīpanatthaṃ. Matanti kālaṅkataṃ, yasmā kālaṅkato āyuno khayaṃ vayaṃ bhedaṃ gato nāma hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘gatamāyusaṅkhaya’’nti. Tasmā jiṇṇabyādhimatānaṃ diṭṭhattā, ‘‘ime jarādayo nāma na imesaṃyeva, atha kho sabbasādhāraṇā, tasmā ahampi jarādike anativatto’’ti saṃviggattā. Nikkhamitūnāti nikkhamitvā, ayameva vā pāṭho. Pabbajjādhippāyena gharato niggantvā. Pabbajinti satthu sāsane pabbajaṃ upagato. Pahāya kāmāni manoramānīti iṭṭhakantādibhāvato avītarāgānaṃ mano ramentīti manorame vatthukāme pajahitvā, tappaṭibaddhassa chandarāgassa ariyamaggena samucchindanena nirapekkhabhāvena chaḍḍetvāti attho. Kāmānaṃ pahānakittanamukhena cetaṃ therassa aññābyākaraṇaṃ ahosi. Māṇavakāle pabbajitattā imassa therassa māṇavotveva samaññā jātāti.
มาณวเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Māṇavattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. มาณวเตฺถรคาถา • 3. Māṇavattheragāthā