Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยสงฺคห-อฎฺฐกถา • Vinayasaṅgaha-aṭṭhakathā |
๑๗. มญฺจปีฐาทิสงฺฆิกเสนาสเนสุ ปฎิปชฺชิตพฺพวินิจฺฉยกถา
17. Mañcapīṭhādisaṅghikasenāsanesu paṭipajjitabbavinicchayakathā
๘๒. วิหาเร สงฺฆิเก เสยฺยํ, สนฺถริตฺวาน ปกฺกโมติ สงฺฆิเก วิหาเร เสยฺยํ สนฺถริตฺวาน อญฺญตฺถ วสิตุกามตาย วิหารโต ปกฺกมนํฯ ตตฺรายํ วินิจฺฉโย –
82.Vihāresaṅghike seyyaṃ, santharitvāna pakkamoti saṅghike vihāre seyyaṃ santharitvāna aññattha vasitukāmatāya vihārato pakkamanaṃ. Tatrāyaṃ vinicchayo –
‘‘โย ปน ภิกฺขุ สงฺฆิเก วิหาเร เสยฺยํ สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา ตํ ปกฺกมโนฺต เนว อุทฺธเรยฺย น อุทฺธราเปยฺย อนาปุจฺฉํ วา คเจฺฉยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๑๑๕) –
‘‘Yo pana bhikkhu saṅghike vihāre seyyaṃ santharitvā vā santharāpetvā vā taṃ pakkamanto neva uddhareyya na uddharāpeyya anāpucchaṃ vā gaccheyya, pācittiya’’nti (pāci. 115) –
วจนโต สงฺฆิเก วิหาเร เสยฺยํ สยํ สนฺถริตฺวา อเญฺญน วา สนฺถราเปตฺวา อุทฺธรณาทีนิ อกตฺวา ปริกฺขิตฺตสฺส อารามสฺส ปริเกฺขปํ, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ
Vacanato saṅghike vihāre seyyaṃ sayaṃ santharitvā aññena vā santharāpetvā uddharaṇādīni akatvā parikkhittassa ārāmassa parikkhepaṃ, aparikkhittassa upacāraṃ atikkamantassa pācittiyaṃ.
ตตฺถ เสยฺยา นาม ภิสิ จิมิลิกา อุตฺตรตฺถรณํ ภูมตฺถรณํ ตฎฺฎิกา จมฺมขโณฺฑ นิสีทนํ ปจฺจตฺถรณํ ติณสนฺถาโร ปณฺณสนฺถาโรติ ทสวิธาฯ ตตฺถ ภิสีติ มญฺจกภิสิ วา ปีฐกภิสิ วาฯ จิมิลิกา นาม สุธาทิปริกมฺมกตาย ภูมิยา วณฺณานุรกฺขณตฺถํ กตา, ตํ เหฎฺฐา ปตฺถริตฺวา อุปริ กฎสารกํ ปตฺถรนฺติฯ อุตฺตรตฺถรณํ นาม มญฺจปีฐานํ อุปริ อตฺถริตพฺพกปจฺจตฺถรณํฯ ภูมตฺถรณํ นาม ภูมิยํ อตฺถริตพฺพา กฎสารกาทิวิกติฯ ตฎฺฎิกา นาม ตาลปเณฺณหิ วา วาเกหิ วา กตตฎฺฎิกาฯ จมฺมขโณฺฑ นาม สีหพฺยคฺฆทีปิตรจฺฉจมฺมาทีสุปิ ยํ กิญฺจิ จมฺมํฯ อฎฺฐกถาสุ หิ เสนาสนปริโภเค ปฎิกฺขิตฺตจมฺมํ น ทิสฺสติ, ตสฺมา สีหพฺยคฺฆจมฺมาทีนํ ปริหรเณเยว ปฎิเกฺขโป เวทิตโพฺพฯ นิสีทนนฺติ สทสํ เวทิตพฺพํฯ ปจฺจตฺถรณนฺติ ปาวาโร โกชโวติ เอตฺตกเมว วุตฺตํฯ ติณสนฺถาโรติ เยสํ เกสญฺจิ ติณานํ สนฺถาโรฯ เอส นโย ปณฺณสนฺถาเรปิฯ เอวํ ปน อิมํ ทสวิธํ เสยฺยํ สงฺฆิเก วิหาเร สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา ปกฺกมเนฺตน อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมิตพฺพํ, อาปุจฺฉเนฺตน จ ภิกฺขุมฺหิ สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตโพฺพ, ตสฺมิํ อสติ สามเณโร, ตสฺมิํ อสติ อารามิโก, ตสฺมิํ อสติ เยน วิหาโร การิโต, โส วิหารสามิโก, ตสฺส วา กุเล โย โกจิ อาปุจฺฉิตโพฺพ, ตสฺมิมฺปิ อสติ จตูสุ ปาสาเณสุ มญฺจํ ฐเปตฺวา มเญฺจ อวเสสมญฺจปีฐานิ อาโรเปตฺวา อุปริ ภิสิอาทิกํ ทสวิธมฺปิ เสยฺยํ ราสิํ กตฺวา ทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑํ ปฎิสาเมตฺวา ทฺวารวาตปานานิ ปิทหิตฺวา คมิยวตฺตํ ปูเรตฺวา คนฺตพฺพํฯ
Tattha seyyā nāma bhisi cimilikā uttarattharaṇaṃ bhūmattharaṇaṃ taṭṭikā cammakhaṇḍo nisīdanaṃ paccattharaṇaṃ tiṇasanthāro paṇṇasanthāroti dasavidhā. Tattha bhisīti mañcakabhisi vā pīṭhakabhisi vā. Cimilikā nāma sudhādiparikammakatāya bhūmiyā vaṇṇānurakkhaṇatthaṃ katā, taṃ heṭṭhā pattharitvā upari kaṭasārakaṃ pattharanti. Uttarattharaṇaṃ nāma mañcapīṭhānaṃ upari attharitabbakapaccattharaṇaṃ. Bhūmattharaṇaṃ nāma bhūmiyaṃ attharitabbā kaṭasārakādivikati. Taṭṭikā nāma tālapaṇṇehi vā vākehi vā katataṭṭikā. Cammakhaṇḍo nāma sīhabyagghadīpitaracchacammādīsupi yaṃ kiñci cammaṃ. Aṭṭhakathāsu hi senāsanaparibhoge paṭikkhittacammaṃ na dissati, tasmā sīhabyagghacammādīnaṃ pariharaṇeyeva paṭikkhepo veditabbo. Nisīdananti sadasaṃ veditabbaṃ. Paccattharaṇanti pāvāro kojavoti ettakameva vuttaṃ. Tiṇasanthāroti yesaṃ kesañci tiṇānaṃ santhāro. Esa nayo paṇṇasanthārepi. Evaṃ pana imaṃ dasavidhaṃ seyyaṃ saṅghike vihāre santharitvā vā santharāpetvā vā pakkamantena āpucchitvā pakkamitabbaṃ, āpucchantena ca bhikkhumhi sati bhikkhu āpucchitabbo, tasmiṃ asati sāmaṇero, tasmiṃ asati ārāmiko, tasmiṃ asati yena vihāro kārito, so vihārasāmiko, tassa vā kule yo koci āpucchitabbo, tasmimpi asati catūsu pāsāṇesu mañcaṃ ṭhapetvā mañce avasesamañcapīṭhāni āropetvā upari bhisiādikaṃ dasavidhampi seyyaṃ rāsiṃ katvā dārubhaṇḍaṃ mattikābhaṇḍaṃ paṭisāmetvā dvāravātapānāni pidahitvā gamiyavattaṃ pūretvā gantabbaṃ.
สเจ ปน เสนาสนํ โอวสฺสติ, ฉทนตฺถญฺจ ติณํ วา อิฎฺฐกา วา อานีตา โหนฺติ, สเจ อุสฺสหติ, ฉาเทตพฺพํฯ โน เจ สโกฺกติ, โย โอกาโส อโนวสฺสโก, ตตฺถ มญฺจปีฐาทีนิ นิกฺขิปิตฺวา คนฺตพฺพํฯ สเจ สพฺพมฺปิ โอวสฺสติ, อุสฺสหเนฺตน อโนฺตคาเม อุปาสกานํ ฆเร ฐเปตพฺพํฯ สเจ เตปิ ‘‘สงฺฆิกํ นาม, ภเนฺต, ภาริยํ, อคฺคิทาหาทีนํ ภายามา’’ติ น สมฺปฎิจฺฉนฺติ, อโพฺภกาเสปิ ปาสาณานํ อุปริ มญฺจํ ฐเปตฺวา เสสํ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว นิกฺขิปิตฺวา ติเณหิ จ ปเณฺณหิ จ ปฎิจฺฉาเทตฺวา คนฺตุํ วฎฺฎติฯ ยญฺหิ ตตฺถ องฺคมตฺตมฺปิ อวสิสฺสติ, ตํ อเญฺญสํ ตตฺถ อาคตภิกฺขูนํ อุปการํ ภวิสฺสตีติฯ อุทฺธริตฺวา คจฺฉเนฺตน ปน มญฺจปีฐกวาฎํ สพฺพํ อปเนตฺวา สํหริตฺวา จีวรวํเส ลเคฺคตฺวาว คนฺตพฺพํฯ ปจฺฉา อาคนฺตฺวา วสนกภิกฺขุนาปิ ปุน มญฺจปีฐํ ฐปยิตฺวา คจฺฉเนฺตน ตเถว กาตพฺพํฯ อโนฺตกุฎฺฎโต เสยฺยํ พหิกุเฎฺฎ ปญฺญเปตฺวา วสเนฺตน คมนกาเล ปุน คหิตฎฺฐาเนเยว ปฎิสาเมตพฺพํฯ อุปริปาสาทโต โอโรเปตฺวา เหฎฺฐาปาสาเท วสนฺตสฺสปิ เอเสว นโยฯ รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐาเนสุ มญฺจปีฐํ ปญฺญเปตฺวา พหิคมนกาเล ปุน คหิตฎฺฐาเนเยว ฐเปตพฺพํฯ
Sace pana senāsanaṃ ovassati, chadanatthañca tiṇaṃ vā iṭṭhakā vā ānītā honti, sace ussahati, chādetabbaṃ. No ce sakkoti, yo okāso anovassako, tattha mañcapīṭhādīni nikkhipitvā gantabbaṃ. Sace sabbampi ovassati, ussahantena antogāme upāsakānaṃ ghare ṭhapetabbaṃ. Sace tepi ‘‘saṅghikaṃ nāma, bhante, bhāriyaṃ, aggidāhādīnaṃ bhāyāmā’’ti na sampaṭicchanti, abbhokāsepi pāsāṇānaṃ upari mañcaṃ ṭhapetvā sesaṃ pubbe vuttanayeneva nikkhipitvā tiṇehi ca paṇṇehi ca paṭicchādetvā gantuṃ vaṭṭati. Yañhi tattha aṅgamattampi avasissati, taṃ aññesaṃ tattha āgatabhikkhūnaṃ upakāraṃ bhavissatīti. Uddharitvā gacchantena pana mañcapīṭhakavāṭaṃ sabbaṃ apanetvā saṃharitvā cīvaravaṃse laggetvāva gantabbaṃ. Pacchā āgantvā vasanakabhikkhunāpi puna mañcapīṭhaṃ ṭhapayitvā gacchantena tatheva kātabbaṃ. Antokuṭṭato seyyaṃ bahikuṭṭe paññapetvā vasantena gamanakāle puna gahitaṭṭhāneyeva paṭisāmetabbaṃ. Uparipāsādato oropetvā heṭṭhāpāsāde vasantassapi eseva nayo. Rattiṭṭhānadivāṭṭhānesu mañcapīṭhaṃ paññapetvā bahigamanakāle puna gahitaṭṭhāneyeva ṭhapetabbaṃ.
๘๓. เสนาสเนสุ ปน อยํ อาปุจฺฉิตพฺพานาปุจฺฉิตพฺพวินิจฺฉโย – ยา ตาว ภูมิยํ ทีฆสาลา วา ปณฺณสาลา วา โหติ, ยํ วา รุกฺขตฺถเมฺภสุ กตเคหํ อุปจิกานํ อุฎฺฐานฎฺฐานํ โหติ, ตโต ปกฺกมเนฺตน ตาว อาปุจฺฉิตฺวาว ปกฺกมิตพฺพํฯ ตสฺมิญฺหิ กติปยานิ ทิวสานิ อชคฺคิยมาเน วมฺมิกาว สนฺติฎฺฐนฺติฯ ยํ ปน ปาสาณปิฎฺฐิยํ วา ปาสาณตฺถเมฺภสุ วา กตเสนาสนํ สิลุจฺจยเลณํ วา สุธาลิตฺตเสนาสนํ วา, ยตฺถ ยตฺถ อุปจิกาสงฺกา นตฺถิ, ตโต ปกฺกมนฺตสฺส อาปุจฺฉิตฺวาปิ อนาปุจฺฉิตฺวาปิ คนฺตุํ วฎฺฎติ, อาปุจฺฉนํ ปน วตฺตํฯ สเจ ตาทิเสปิ เสนาสเน เอเกน ปเสฺสน อุปจิกา อาโรหนฺติ, อาปุจฺฉิตฺวาว คนฺตพฺพํฯ โย ปน อาคนฺตุโก ภิกฺขุ สงฺฆิกเสนาสนํ คเหตฺวาว สนฺตํ ภิกฺขุํ อนุวตฺตโนฺต อตฺตโน เสนาสนํ อคฺคเหตฺวา วสติ, ยาว โส น คณฺหาติ, ตาว ตํ เสนาสนํ ปุริมภิกฺขุเสฺสว ปลิโพโธฯ ยทา ปน โส เสนาสนํ คเหตฺวา อตฺตโน อิสฺสริเยน วสติ, ตโต ปฎฺฐาย อาคนฺตุกเสฺสว ปลิโพโธฯ สเจ อุโภปิ วิภชิตฺวา คณฺหนฺติ, อุภินฺนมฺปิ ปลิโพโธฯ
83. Senāsanesu pana ayaṃ āpucchitabbānāpucchitabbavinicchayo – yā tāva bhūmiyaṃ dīghasālā vā paṇṇasālā vā hoti, yaṃ vā rukkhatthambhesu katagehaṃ upacikānaṃ uṭṭhānaṭṭhānaṃ hoti, tato pakkamantena tāva āpucchitvāva pakkamitabbaṃ. Tasmiñhi katipayāni divasāni ajaggiyamāne vammikāva santiṭṭhanti. Yaṃ pana pāsāṇapiṭṭhiyaṃ vā pāsāṇatthambhesu vā katasenāsanaṃ siluccayaleṇaṃ vā sudhālittasenāsanaṃ vā, yattha yattha upacikāsaṅkā natthi, tato pakkamantassa āpucchitvāpi anāpucchitvāpi gantuṃ vaṭṭati, āpucchanaṃ pana vattaṃ. Sace tādisepi senāsane ekena passena upacikā ārohanti, āpucchitvāva gantabbaṃ. Yo pana āgantuko bhikkhu saṅghikasenāsanaṃ gahetvāva santaṃ bhikkhuṃ anuvattanto attano senāsanaṃ aggahetvā vasati, yāva so na gaṇhāti, tāva taṃ senāsanaṃ purimabhikkhusseva palibodho. Yadā pana so senāsanaṃ gahetvā attano issariyena vasati, tato paṭṭhāya āgantukasseva palibodho. Sace ubhopi vibhajitvā gaṇhanti, ubhinnampi palibodho.
มหาปจฺจริยํ ปน วุตฺตํ – สเจ เทฺว ตโย เอกโต หุตฺวา ปญฺญเปนฺติ, คมนกาเล สเพฺพหิ อาปุจฺฉิตพฺพํฯ เตสุ เจ ปฐมํ คจฺฉโนฺต ‘‘ปจฺฉิโม ชคฺคิสฺสตี’’ติ อาโภคํ กตฺวา คจฺฉติ, วฎฺฎติ , ปจฺฉิมสฺส อาโภเคน มุตฺติ นตฺถิฯ พหู เอกํ เปเสตฺวา สนฺถราเปนฺติ, คมนกาเล สเพฺพหิ วา อาปุจฺฉิตพฺพํ, เอกํ วา เปเสตฺวา อาปุจฺฉิตพฺพํฯ อญฺญโต มญฺจปีฐาทีนิ อาเนตฺวา อญฺญตฺร วสิตฺวา คมนกาเล ตเตฺถว เนตพฺพานิฯ สเจ อญฺญโต อาเนตฺวา วสมานสฺส อโญฺญ วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ, น ปฎิพาหิตโพฺพ , ‘‘มยา, ภเนฺต, อญฺญาวาสโต อานีตํ, ปากติกํ กเรยฺยาถา’’ติ วตฺตพฺพํฯ เตน ‘‘เอวํ กริสฺสามี’’ติ สมฺปฎิจฺฉิเต อิตรสฺส คนฺตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ อญฺญตฺถ หริตฺวาปิ สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชนฺตสฺส หิ นฎฺฐํ วา ชิณฺณํ วา โจเรหิ วา หฎํ คีวา เนว โหติ, ปุคฺคลิกปริโภเคน ปริภุญฺชนฺตสฺส ปน คีวา โหติฯ อญฺญสฺส มญฺจปีฐํ ปน สงฺฆิกปริโภเคน วา ปุคฺคลิกปริโภเคน วา ปริภุญฺชนฺตสฺส นฎฺฐํ คีวาเยวฯ อโนฺตวิหาเร เสยฺยํ สนฺถริตฺวา ‘‘อเชฺชว อาคนฺตฺวา ปฎิชคฺคิสฺสามี’’ติ เอวํ สาเปโกฺข นทีปารํ คามนฺตรํ วา คนฺตฺวา ยตฺถสฺส คมนจิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, ตเตฺถว ฐิโต กญฺจิ เปเสตฺวา อาปุจฺฉติ, นทีปูรราชโจราทีสุ วา เกนจิ ปลิโพโธ โหติ อุปทฺทุโต, น สโกฺกติ ปจฺจาคนฺตุํ, เอวํภูตสฺส อนาปตฺติฯ
Mahāpaccariyaṃ pana vuttaṃ – sace dve tayo ekato hutvā paññapenti, gamanakāle sabbehi āpucchitabbaṃ. Tesu ce paṭhamaṃ gacchanto ‘‘pacchimo jaggissatī’’ti ābhogaṃ katvā gacchati, vaṭṭati , pacchimassa ābhogena mutti natthi. Bahū ekaṃ pesetvā santharāpenti, gamanakāle sabbehi vā āpucchitabbaṃ, ekaṃ vā pesetvā āpucchitabbaṃ. Aññato mañcapīṭhādīni ānetvā aññatra vasitvā gamanakāle tattheva netabbāni. Sace aññato ānetvā vasamānassa añño vuḍḍhataro āgacchati, na paṭibāhitabbo , ‘‘mayā, bhante, aññāvāsato ānītaṃ, pākatikaṃ kareyyāthā’’ti vattabbaṃ. Tena ‘‘evaṃ karissāmī’’ti sampaṭicchite itarassa gantuṃ vaṭṭati. Evaṃ aññattha haritvāpi saṅghikaparibhogena paribhuñjantassa hi naṭṭhaṃ vā jiṇṇaṃ vā corehi vā haṭaṃ gīvā neva hoti, puggalikaparibhogena paribhuñjantassa pana gīvā hoti. Aññassa mañcapīṭhaṃ pana saṅghikaparibhogena vā puggalikaparibhogena vā paribhuñjantassa naṭṭhaṃ gīvāyeva. Antovihāre seyyaṃ santharitvā ‘‘ajjeva āgantvā paṭijaggissāmī’’ti evaṃ sāpekkho nadīpāraṃ gāmantaraṃ vā gantvā yatthassa gamanacittaṃ uppannaṃ, tattheva ṭhito kañci pesetvā āpucchati, nadīpūrarājacorādīsu vā kenaci palibodho hoti upadduto, na sakkoti paccāgantuṃ, evaṃbhūtassa anāpatti.
วิหารสฺส อุปจาเร ปน อุปฎฺฐานสาลาย วา มณฺฑเป วา รุกฺขมูเล วา เสยฺยํ สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา ตํ ปกฺกมโนฺต เนว อุทฺธรติ น อุทฺธราเปติ อนาปุจฺฉํ วา คจฺฉติ, ทุกฺกฎํฯ วุตฺตปฺปการญฺหิ ทสวิธํ เสยฺยํ อโนฺตคพฺภาทิมฺหิ คุตฺตฎฺฐาเน ปญฺญเปตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ยสฺมา เสยฺยาปิ เสนาสนมฺปิ อุปจิกาหิ ปลุชฺชติ, วมฺมิกราสิเยว โหติ, ตสฺมา ปาจิตฺติยํ วุตฺตํฯ พหิ ปน อุปฎฺฐานสาลาทีสุ ปญฺญเปตฺวา คจฺฉนฺตสฺส เสยฺยามตฺตเมว นเสฺสยฺย ฐานสฺส อคุตฺตตาย, น เสนาสนํ, ตสฺมา เอตฺถ ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ มญฺจปีฐํ ปน ยสฺมา น สกฺกา สหสา อุปจิกาหิ ขายิตุํ, ตสฺมา ตํ วิหาเรปิ สนฺถริตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ วิหารสฺสูปจาเร อุปฎฺฐานสาลายํ มณฺฑเป รุกฺขมูเลปิ สนฺถริตฺวา ปกฺกมนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวฯ
Vihārassa upacāre pana upaṭṭhānasālāya vā maṇḍape vā rukkhamūle vā seyyaṃ santharitvā vā santharāpetvā vā taṃ pakkamanto neva uddharati na uddharāpeti anāpucchaṃ vā gacchati, dukkaṭaṃ. Vuttappakārañhi dasavidhaṃ seyyaṃ antogabbhādimhi guttaṭṭhāne paññapetvā gacchantassa yasmā seyyāpi senāsanampi upacikāhi palujjati, vammikarāsiyeva hoti, tasmā pācittiyaṃ vuttaṃ. Bahi pana upaṭṭhānasālādīsu paññapetvā gacchantassa seyyāmattameva nasseyya ṭhānassa aguttatāya, na senāsanaṃ, tasmā ettha dukkaṭaṃ vuttaṃ. Mañcapīṭhaṃ pana yasmā na sakkā sahasā upacikāhi khāyituṃ, tasmā taṃ vihārepi santharitvā gacchantassa dukkaṭaṃ. Vihārassūpacāre upaṭṭhānasālāyaṃ maṇḍape rukkhamūlepi santharitvā pakkamantassa dukkaṭameva.
๘๔. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สงฺฆิกํ มญฺจํ วา ปีฐํ วา ภิสิํ วา โกจฺฉํ วา อโชฺฌกาเส สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา ตํ ปกฺกมโนฺต เนว อุทฺธเรยฺย น อุทฺธราเปยฺย อนาปุจฺฉํ วา คเจฺฉยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๑๐๙) วจนโต สงฺฆิกานิ ปน มญฺจปีฐาทีนิ จตฺตาริ อโชฺฌกาเส สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา อุทฺธรณาทีนิ อกตฺวา ‘‘อเชฺชว อาคมิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺตสฺสปิ ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม ปาจิตฺติยํฯ เอตฺถ โกจฺฉํ นาม วากมยํ วา อุสีรมยํ วา มุญฺชมยํ วา ปพฺพชมยํ วา เหฎฺฐา จ อุปริ จ วิตฺถตํ มเชฺฌ สํขิตฺตํ ปณวสณฺฐานํ กตฺวา พทฺธํฯ ตํ กิร มเชฺฌ สีหพฺยคฺฆจมฺมปริกฺขิตฺตมฺปิ กโรนฺติ, อกปฺปิยจมฺมํ นาเมตฺถ นตฺถิฯ เสนาสนญฺหิ โสวณฺณมยมฺปิ วฎฺฎติ, ตสฺมา ตํ มหคฺฆํ โหติฯ
84. ‘‘Yo pana bhikkhu saṅghikaṃ mañcaṃ vā pīṭhaṃ vā bhisiṃ vā kocchaṃ vā ajjhokāse santharitvā vā santharāpetvā vā taṃ pakkamanto neva uddhareyya na uddharāpeyya anāpucchaṃ vā gaccheyya, pācittiya’’nti (pāci. 109) vacanato saṅghikāni pana mañcapīṭhādīni cattāri ajjhokāse santharitvā vā santharāpetvā vā uddharaṇādīni akatvā ‘‘ajjeva āgamissāmī’’ti gacchantassapi thāmamajjhimassa purisassa leḍḍupātātikkame pācittiyaṃ. Ettha kocchaṃ nāma vākamayaṃ vā usīramayaṃ vā muñjamayaṃ vā pabbajamayaṃ vā heṭṭhā ca upari ca vitthataṃ majjhe saṃkhittaṃ paṇavasaṇṭhānaṃ katvā baddhaṃ. Taṃ kira majjhe sīhabyagghacammaparikkhittampi karonti, akappiyacammaṃ nāmettha natthi. Senāsanañhi sovaṇṇamayampi vaṭṭati, tasmā taṃ mahagghaṃ hoti.
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฎฺฐ มาเส อวสฺสิกสเงฺกเต มณฺฑเป วา รุกฺขมูเล วา ยตฺถ กากา วา กุลลา วา น อูหทนฺติ, ตตฺถ เสนาสนํ นิกฺขิปิตุ’’นฺติ (ปาจิ. ๑๑๐) วจนโต ปน วสฺสิกวสฺสานมาสาติ เอวํ อปญฺญาเต จตฺตาโร เหมนฺติเก, จตฺตาโร คิมฺหิเกติ อฎฺฐ มาเส สาขามณฺฑเป วา ปทรมณฺฑเป วา รุกฺขมูเล วา นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎติฯ ยสฺมิํ ปน กากา วา กุลลา วา อเญฺญ วา สกุนฺตา ธุวนิวาเสน กุลาวเก กตฺวา วสนฺติ, ตสฺส รุกฺขสฺส มูเล น นิกฺขิปิตพฺพํฯ ‘‘อฎฺฐ มาเส’’ติ วจนโต เยสุ ชนปเทสุ วสฺสกาเล น วสฺสติ, เตสุ จตฺตาโร มาเส นิกฺขิปิตุํ น วฎฺฎติเยวฯ ‘‘อวสฺสิกสเงฺกเต’’ติ วจนโต ยตฺถ เหมเนฺต เทโว วสฺสติ, ตตฺถ เหมเนฺตปิ อโชฺฌกาเส นิกฺขิปิตุํ น วฎฺฎติฯ คิเมฺห ปน สพฺพตฺถ วิคตวลาหกํ วิสุทฺธํ นตํ โหติ, เอวรูเป กาเล เกนจิเทว กรณีเยน อโชฺฌกาเส มญฺจปีฐํ นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎติฯ
‘‘Anujānāmi, bhikkhave, aṭṭha māse avassikasaṅkete maṇḍape vā rukkhamūle vā yattha kākā vā kulalā vā na ūhadanti, tattha senāsanaṃ nikkhipitu’’nti (pāci. 110) vacanato pana vassikavassānamāsāti evaṃ apaññāte cattāro hemantike, cattāro gimhiketi aṭṭha māse sākhāmaṇḍape vā padaramaṇḍape vā rukkhamūle vā nikkhipituṃ vaṭṭati. Yasmiṃ pana kākā vā kulalā vā aññe vā sakuntā dhuvanivāsena kulāvake katvā vasanti, tassa rukkhassa mūle na nikkhipitabbaṃ. ‘‘Aṭṭha māse’’ti vacanato yesu janapadesu vassakāle na vassati, tesu cattāro māse nikkhipituṃ na vaṭṭatiyeva. ‘‘Avassikasaṅkete’’ti vacanato yattha hemante devo vassati, tattha hemantepi ajjhokāse nikkhipituṃ na vaṭṭati. Gimhe pana sabbattha vigatavalāhakaṃ visuddhaṃ nataṃ hoti, evarūpe kāle kenacideva karaṇīyena ajjhokāse mañcapīṭhaṃ nikkhipituṃ vaṭṭati.
๘๕. อโพฺภกาสิเกนปิ วตฺตํ ชานิตพฺพํฯ ตสฺส หิ สเจ ปุคฺคลิกมญฺจโก อตฺถิ, ตเตฺถว สยิตพฺพํฯ สงฺฆิกํ คณฺหเนฺตน เวเตฺตน วา วาเกน วา วีตมญฺจโก คเหตโพฺพ, ตสฺมิํ อสติ ปุราณมญฺจโก คเหตโพฺพ, ตสฺมิํ อสติ นววายิโม วา โอนทฺธโก วา คเหตโพฺพฯ คเหตฺวา ปน ‘‘อหํ อุกฺกฎฺฐรุกฺขมูลิโก อุกฺกฎฺฐอโพฺภกาสิโก’’ติ จีวรกุฎิมฺปิ อกตฺวา อสมเย อโชฺฌกาเส วา รุกฺขมูเล วา ปญฺญเปตฺวา นิปชฺชิตุํ น วฎฺฎติฯ สเจ ปน จตุคฺคุเณนปิ จีวเรน กตา กุฎิ อเตเมนฺตํ รกฺขิตุํ น สโกฺกติ, สตฺตาหวทฺทลิกาทีนิ ภวนฺติ, ภิกฺขุโน กายานุคติกตฺตา วฎฺฎติฯ อรเญฺญ ปณฺณกุฎีสุ วสนฺตานํ สีลสมฺปทาย ปสนฺนจิตฺตา มนุสฺสา นวํ มญฺจปีฐํ เทนฺติ ‘‘สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชถา’’ติ, วสิตฺวา คจฺฉเนฺตหิ สามนฺตวิหาเร สภาคภิกฺขูนํ เปเสตฺวา คนฺตพฺพํ, สภาคานํ อภาเวน อโนวสฺสเก นิกฺขิปิตฺวา คนฺตพฺพํ, อโนวสฺสเก อสติ รุเกฺข ลเคฺคตฺวา คนฺตพฺพํฯ เจติยงฺคเณ สมฺมชฺชนิํ คเหตฺวา โภชนสาลงฺคณํ วา อุโปสถาคารงฺคณํ วา ปริเวณทิวาฎฺฐานอคฺคิสาลาทีสุ วา อญฺญตรํ สมฺมชฺชิตฺวา โธวิตฺวา ปุน สมฺมชฺชนิมาฬเกเยว ฐเปตพฺพาฯ อุโปสถาคาราทีสุ อญฺญตรสฺมิํ คเหตฺวา อวเสสานิ สมฺมชฺชนฺตสฺสปิ เอเสว นโยฯ
85. Abbhokāsikenapi vattaṃ jānitabbaṃ. Tassa hi sace puggalikamañcako atthi, tattheva sayitabbaṃ. Saṅghikaṃ gaṇhantena vettena vā vākena vā vītamañcako gahetabbo, tasmiṃ asati purāṇamañcako gahetabbo, tasmiṃ asati navavāyimo vā onaddhako vā gahetabbo. Gahetvā pana ‘‘ahaṃ ukkaṭṭharukkhamūliko ukkaṭṭhaabbhokāsiko’’ti cīvarakuṭimpi akatvā asamaye ajjhokāse vā rukkhamūle vā paññapetvā nipajjituṃ na vaṭṭati. Sace pana catugguṇenapi cīvarena katā kuṭi atementaṃ rakkhituṃ na sakkoti, sattāhavaddalikādīni bhavanti, bhikkhuno kāyānugatikattā vaṭṭati. Araññe paṇṇakuṭīsu vasantānaṃ sīlasampadāya pasannacittā manussā navaṃ mañcapīṭhaṃ denti ‘‘saṅghikaparibhogena paribhuñjathā’’ti, vasitvā gacchantehi sāmantavihāre sabhāgabhikkhūnaṃ pesetvā gantabbaṃ, sabhāgānaṃ abhāvena anovassake nikkhipitvā gantabbaṃ, anovassake asati rukkhe laggetvā gantabbaṃ. Cetiyaṅgaṇe sammajjaniṃ gahetvā bhojanasālaṅgaṇaṃ vā uposathāgāraṅgaṇaṃ vā pariveṇadivāṭṭhānaaggisālādīsu vā aññataraṃ sammajjitvā dhovitvā puna sammajjanimāḷakeyeva ṭhapetabbā. Uposathāgārādīsu aññatarasmiṃ gahetvā avasesāni sammajjantassapi eseva nayo.
โย ปน ภิกฺขาจารมคฺคํ สมฺมชฺชโนฺต คนฺตุกาโม โหติ, เตน สมฺมชฺชิตฺวา สเจ อนฺตรามเคฺค สาลา อตฺถิ, ตตฺถ ฐเปตพฺพาฯ สเจ นตฺถิ, วลาหกานํ อนุฎฺฐิตภาวํ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘ยาวาหํ คามโต นิกฺขมามิ, ตาว น วสฺสิสฺสตี’’ติ ชานเนฺตน ยตฺถ กตฺถจิ นิกฺขิปิตฺวา ปุน ปจฺจาคจฺฉเนฺตน ปากติกฎฺฐาเน ฐเปตพฺพาฯ ‘‘สเจ วสฺสิสฺสตีติ ชานโนฺต อโชฺฌกาเส ฐเปติ, ทุกฺกฎ’’นฺติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ สเจ ปน ตตฺร ตเตฺรว สมฺมชฺชนตฺถาย สมฺมชฺชนี นิกฺขิตฺตา โหติ, ตํ ตํ ฐานํ สมฺมชฺชิตฺวา ตตฺร ตเตฺรว นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎติ, อาสนสาลํ สมฺมชฺชเนฺตน วตฺตํ ชานิตพฺพํฯ ตตฺริทํ วตฺตํ – มชฺฌโต ปฎฺฐาย ปาทฎฺฐานาภิมุขา วาลิกา หริตพฺพา, กจวรํ หเตฺถหิ คเหตฺวา พหิ ฉเฑฺฑตพฺพํฯ
Yo pana bhikkhācāramaggaṃ sammajjanto gantukāmo hoti, tena sammajjitvā sace antarāmagge sālā atthi, tattha ṭhapetabbā. Sace natthi, valāhakānaṃ anuṭṭhitabhāvaṃ sallakkhetvā ‘‘yāvāhaṃ gāmato nikkhamāmi, tāva na vassissatī’’ti jānantena yattha katthaci nikkhipitvā puna paccāgacchantena pākatikaṭṭhāne ṭhapetabbā. ‘‘Sace vassissatīti jānanto ajjhokāse ṭhapeti, dukkaṭa’’nti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Sace pana tatra tatreva sammajjanatthāya sammajjanī nikkhittā hoti, taṃ taṃ ṭhānaṃ sammajjitvā tatra tatreva nikkhipituṃ vaṭṭati, āsanasālaṃ sammajjantena vattaṃ jānitabbaṃ. Tatridaṃ vattaṃ – majjhato paṭṭhāya pādaṭṭhānābhimukhā vālikā haritabbā, kacavaraṃ hatthehi gahetvā bahi chaḍḍetabbaṃ.
๘๖. สเจ วุตฺตปฺปการํ จตุพฺพิธมฺปิ สงฺฆิกํ เสนาสนํ อโชฺฌกาเส วา รุกฺขมูเล วา มณฺฑเป วา อนุปสมฺปเนฺนน สนฺถราเปติ, เยน สนฺถราปิตํ, ตสฺส ปลิโพโธฯ สเจ ปน อุปสมฺปเนฺนน สนฺถราเปติ, เยน สนฺถตํ, ตสฺส ปลิโพโธฯ ตตฺรายํ วินิจฺฉโย (ปาจิ. อฎฺฐ. ๑๑๑) – เถโร โภชนสาลายํ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ทหรํ อาณาเปติ ‘‘คจฺฉ ทิวาฎฺฐาเน มญฺจปีฐํ ปญฺญเปหี’’ติฯ โส ตถา กตฺวา นิสิโนฺน, เถโร ยถารุจิ วิจริตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ถวิกํ วา อุตฺตราสงฺคํ วา ฐเปติ, ตโต ปฎฺฐาย เถรสฺส ปลิโพโธฯ นิสีทิตฺวา สยํ คจฺฉโนฺต เนว อุทฺธรติ น อุทฺธราเปติ, เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม ปาจิตฺติยํฯ สเจ ปน เถโร ตตฺถ ถวิกํ วา อุตฺตราสงฺคํ วา อฎฺฐเปตฺวา จงฺกมโนฺตว ทหรํ ‘‘คจฺฉ ตฺว’’นฺติ ภณติ, เตน ‘‘อิทํ, ภเนฺต, มญฺจปีฐ’’นฺติ อาจิกฺขิตพฺพํฯ สเจ เถโร วตฺตํ ชานาติ, ‘‘ตฺวํ คจฺฉ, อหํ ปากติกํ กริสฺสามี’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ พาโล โหติ อนุคฺคหิตวโตฺต, ‘‘คจฺฉ, มา อิธ ติฎฺฐ, เนว นิสีทิตุํ น นิปชฺชิตุํ เทมี’’ติ ทหรํ ตเชฺชติเยวฯ ทหเรน ‘‘ภเนฺต, สุขํ สยถา’’ติ กปฺปํ ลภิตฺวา วนฺทิตฺวา คนฺตพฺพํฯ ตสฺมิํ คเต เถรเสฺสว ปลิโพโธ, ปุริมนเยเนว จสฺส อาปตฺติ เวทิตพฺพาฯ
86. Sace vuttappakāraṃ catubbidhampi saṅghikaṃ senāsanaṃ ajjhokāse vā rukkhamūle vā maṇḍape vā anupasampannena santharāpeti, yena santharāpitaṃ, tassa palibodho. Sace pana upasampannena santharāpeti, yena santhataṃ, tassa palibodho. Tatrāyaṃ vinicchayo (pāci. aṭṭha. 111) – thero bhojanasālāyaṃ bhattakiccaṃ katvā daharaṃ āṇāpeti ‘‘gaccha divāṭṭhāne mañcapīṭhaṃ paññapehī’’ti. So tathā katvā nisinno, thero yathāruci vicaritvā tattha gantvā thavikaṃ vā uttarāsaṅgaṃ vā ṭhapeti, tato paṭṭhāya therassa palibodho. Nisīditvā sayaṃ gacchanto neva uddharati na uddharāpeti, leḍḍupātātikkame pācittiyaṃ. Sace pana thero tattha thavikaṃ vā uttarāsaṅgaṃ vā aṭṭhapetvā caṅkamantova daharaṃ ‘‘gaccha tva’’nti bhaṇati, tena ‘‘idaṃ, bhante, mañcapīṭha’’nti ācikkhitabbaṃ. Sace thero vattaṃ jānāti, ‘‘tvaṃ gaccha, ahaṃ pākatikaṃ karissāmī’’ti vattabbaṃ. Sace bālo hoti anuggahitavatto, ‘‘gaccha, mā idha tiṭṭha, neva nisīdituṃ na nipajjituṃ demī’’ti daharaṃ tajjetiyeva. Daharena ‘‘bhante, sukhaṃ sayathā’’ti kappaṃ labhitvā vanditvā gantabbaṃ. Tasmiṃ gate therasseva palibodho, purimanayeneva cassa āpatti veditabbā.
อถ ปน อาณตฺติกฺขเณเยว ทหโร ‘‘มยฺหํ ภเณฺฑ ภณฺฑโธวนาทิ กิญฺจิ กรณียํ อตฺถี’’ติ วทติ, เถโร ปน ตํ ‘‘ปญฺญเปตฺวา คจฺฉาหี’’ติ วตฺวา โภชนสาลโต นิกฺขมิตฺวา อญฺญตฺถ คจฺฉติ, ปาทุทฺธาเรน กาเรตโพฺพ ฯ สเจ ตเตฺถว คนฺตฺวา นิสีทติ, ปุริมนเยเนว จสฺส เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม อาปตฺติฯ สเจ ปน เถโร สามเณรํ อาณาเปติ, สามเณเร ตตฺถ มญฺจปีฐํ ปญฺญเปตฺวา นิสิเนฺนปิ โภชนสาลโต อญฺญตฺถ คจฺฉโนฺต ปาทุทฺธาเรน กาเรตโพฺพฯ คนฺตฺวา นิสิโนฺน ปุน คมนกาเล เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม อาปตฺติยา กาเรตโพฺพฯ สเจ ปน อาณาเปโนฺต ‘‘มญฺจปีฐํ ปญฺญเปตฺวา ตเตฺถว นิสีทา’’ติ อาณาเปติ, ยตฺริจฺฉติ, ตตฺร คนฺตฺวา อาคนฺตุํ ลภติฯ สยํ ปน ปากติกํ อกตฺวา คจฺฉนฺตสฺส เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม ปาจิตฺติยํฯ อนฺตรสนฺนิปาเต มญฺจปีฐาทีนิ ปญฺญเปตฺวา นิสิเนฺนหิ คมนกาเล อารามิกานํ ‘‘อิทํ ปฎิสาเมถา’’ติ วตฺตพฺพํ, อวตฺวา คจฺฉนฺตานํ เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม อาปตฺติฯ
Atha pana āṇattikkhaṇeyeva daharo ‘‘mayhaṃ bhaṇḍe bhaṇḍadhovanādi kiñci karaṇīyaṃ atthī’’ti vadati, thero pana taṃ ‘‘paññapetvā gacchāhī’’ti vatvā bhojanasālato nikkhamitvā aññattha gacchati, pāduddhārena kāretabbo . Sace tattheva gantvā nisīdati, purimanayeneva cassa leḍḍupātātikkame āpatti. Sace pana thero sāmaṇeraṃ āṇāpeti, sāmaṇere tattha mañcapīṭhaṃ paññapetvā nisinnepi bhojanasālato aññattha gacchanto pāduddhārena kāretabbo. Gantvā nisinno puna gamanakāle leḍḍupātātikkame āpattiyā kāretabbo. Sace pana āṇāpento ‘‘mañcapīṭhaṃ paññapetvā tattheva nisīdā’’ti āṇāpeti, yatricchati, tatra gantvā āgantuṃ labhati. Sayaṃ pana pākatikaṃ akatvā gacchantassa leḍḍupātātikkame pācittiyaṃ. Antarasannipāte mañcapīṭhādīni paññapetvā nisinnehi gamanakāle ārāmikānaṃ ‘‘idaṃ paṭisāmethā’’ti vattabbaṃ, avatvā gacchantānaṃ leḍḍupātātikkame āpatti.
๘๗. มหาธมฺมสฺสวนํ นาม โหติ, ตตฺถ อุโปสถาคารโตปิ โภชนสาลโตปิ อาหริตฺวา มญฺจปีฐานิ ปญฺญเปนฺติ, อาวาสิกานํเยว ปลิโพโธฯ สเจ อาคนฺตุกา ‘‘อิทํ อมฺหากํ อุปชฺฌายสฺส, อิทํ อาจริยสฺสา’’ติ คณฺหนฺติ, ตโต ปฎฺฐาย เตสํ ปลิโพโธฯ คมนกาเล ปากติกํ อกตฺวา เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกมนฺตานํ อาปตฺติฯ มหาปจฺจริยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ยาว อเญฺญ น นิสีทนฺติ, ตาว เยหิ ปญฺญตฺตํ, เตสํ ภาโร, อเญฺญสุ อาคนฺตฺวา นิสิเนฺนสุ นิสินฺนกานํ ภาโรฯ สเจ เต อนุทฺธริตฺวา วา อนุทฺธราเปตฺวา วา คจฺฉนฺติ, ทุกฺกฎํฯ กสฺมา? อนาณตฺติยา ปญฺญปิตตฺตา’’ติฯ ธมฺมาสเน ปญฺญเตฺต ยาว อุสฺสารโก วา ธมฺมกถิโก วา นาคจฺฉติ, ตาว ปญฺญาปกานํ ปลิโพโธฯ ตสฺมิํ อาคนฺตฺวา นิสิเนฺน ตสฺส ปลิโพโธฯ สกลํ อโหรตฺตํ ธมฺมสฺสวนํ โหติ, อโญฺญ อุสฺสารโก วา ธมฺมกถิโก วา อุฎฺฐาติ, อโญฺญ นิสีทติ, โย โย อาคนฺตฺวา นิสีทติ, ตสฺส ตเสฺสว ภาโรฯ อุฎฺฐหเนฺตน ปน ‘‘อิทมาสนํ ตุมฺหากํ ภาโร’’ติ วตฺวา คนฺตพฺพํฯ สเจปิ อิตรสฺมิํ อนาคเต ปฐมํ นิสิโนฺน อุฎฺฐาย คจฺฉติ, ตสฺมิญฺจ อโนฺตอุปจารเฎฺฐเยว อิตโร อาคนฺตฺวา นิสีทติ, อุฎฺฐาย คโต อาปตฺติยา น กาเรตโพฺพฯ สเจ ปน อิตรสฺมิํ อนาคเตเยว ปฐมํ นิสิโนฺน อุฎฺฐายาสนา เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกมติ, อาปตฺติยา กาเรตโพฺพฯ ‘‘สพฺพตฺถ เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม ปฐมปาเท ทุกฺกฎํ, ทุติยปาเท ปาจิตฺติย’’นฺติ อยํ นโย มหาปจฺจริยํ วุโตฺตติฯ
87. Mahādhammassavanaṃ nāma hoti, tattha uposathāgāratopi bhojanasālatopi āharitvā mañcapīṭhāni paññapenti, āvāsikānaṃyeva palibodho. Sace āgantukā ‘‘idaṃ amhākaṃ upajjhāyassa, idaṃ ācariyassā’’ti gaṇhanti, tato paṭṭhāya tesaṃ palibodho. Gamanakāle pākatikaṃ akatvā leḍḍupātaṃ atikkamantānaṃ āpatti. Mahāpaccariyaṃ pana vuttaṃ ‘‘yāva aññe na nisīdanti, tāva yehi paññattaṃ, tesaṃ bhāro, aññesu āgantvā nisinnesu nisinnakānaṃ bhāro. Sace te anuddharitvā vā anuddharāpetvā vā gacchanti, dukkaṭaṃ. Kasmā? Anāṇattiyā paññapitattā’’ti. Dhammāsane paññatte yāva ussārako vā dhammakathiko vā nāgacchati, tāva paññāpakānaṃ palibodho. Tasmiṃ āgantvā nisinne tassa palibodho. Sakalaṃ ahorattaṃ dhammassavanaṃ hoti, añño ussārako vā dhammakathiko vā uṭṭhāti, añño nisīdati, yo yo āgantvā nisīdati, tassa tasseva bhāro. Uṭṭhahantena pana ‘‘idamāsanaṃ tumhākaṃ bhāro’’ti vatvā gantabbaṃ. Sacepi itarasmiṃ anāgate paṭhamaṃ nisinno uṭṭhāya gacchati, tasmiñca antoupacāraṭṭheyeva itaro āgantvā nisīdati, uṭṭhāya gato āpattiyā na kāretabbo. Sace pana itarasmiṃ anāgateyeva paṭhamaṃ nisinno uṭṭhāyāsanā leḍḍupātaṃ atikkamati, āpattiyā kāretabbo. ‘‘Sabbattha leḍḍupātātikkame paṭhamapāde dukkaṭaṃ, dutiyapāde pācittiya’’nti ayaṃ nayo mahāpaccariyaṃ vuttoti.
๘๘. สเจ ปน วุตฺตปฺปการเสนาสนโต อญฺญํ สงฺฆิกํ จิมิลิกํ วา อุตฺตรตฺถรณํ วา ภูมตฺถรณํ วา ตฎฺฎิกํ วา จมฺมขณฺฑํ วา ปาทปุญฺฉนิํ วา ผลกปีฐํ วา อโชฺฌกาเส สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา ตํ ปกฺกมโนฺต เนว อุทฺธรติ น อุทฺธราเปติ อนาปุจฺฉํ วา คจฺฉติ, ทุกฺกฎํฯ อาธารกํ ปตฺตปิธานกํ ปาทกฐลิกํ ตาลวณฺฎํ พีชนิปตฺตกํ ยํ กิญฺจิ ทารุภณฺฑํ อนฺตมโส ปานียอุฬุงฺกํ ปานียสงฺขํ อโชฺฌกาเส นิกฺขิปิตฺวา คจฺฉนฺตสฺสปิ ทุกฺกฎํฯ อโชฺฌกาเส รชนํ ปจิตฺวา รชนภาชนํ รชนอุฬุโงฺก รชนโทณิกาติ สพฺพํ อคฺคิสาลาย ปฎิสาเมตพฺพํฯ สเจ อคฺคิสาลา นตฺถิ, อโนวสฺสเก ปพฺภาเร นิกฺขิปิตพฺพํฯ ตสฺมิมฺปิ อสติ ยตฺถ โอโลเกนฺตา ภิกฺขู ปสฺสนฺติ, ตาทิเส ฐาเน ฐเปตฺวา คนฺตุํ วฎฺฎติฯ อญฺญปุคฺคลิเก ปน มญฺจปีฐาทิเสนาสเนปิ ทุกฺกฎเมวฯ เอตฺถ ปน ‘‘ยสฺมิํ วิสฺสาสคฺคาโห น รุหติ, ตสฺส สนฺตเก ทุกฺกฎํฯ ยสฺมิํ ปน วิสฺสาสคฺคาโห รุหติ, ตสฺส สนฺตกํ อตฺตโน ปุคฺคลิกเมว โหตี’’ติ มหาปจฺจริยาทีสุ วุตฺตํฯ อตฺตโน ปุคฺคลิเก ปน อนาปตฺติเยวฯ โย ภิกฺขุ วา สามเณโร วา อารามิโก วา ลชฺชี โหติ, อตฺตโน ปลิโพธํ วิย มญฺญติ, ตถารูปํ อนาปุจฺฉิตฺวา คจฺฉนฺตสฺสปิ อนาปตฺติฯ โย ปน อาตเป โอตาเปโนฺต ‘‘อาคนฺตฺวา อุทฺธริสฺสามี’’ติ คจฺฉติ, ตสฺสปิ อนาปตฺติฯ
88. Sace pana vuttappakārasenāsanato aññaṃ saṅghikaṃ cimilikaṃ vā uttarattharaṇaṃ vā bhūmattharaṇaṃ vā taṭṭikaṃ vā cammakhaṇḍaṃ vā pādapuñchaniṃ vā phalakapīṭhaṃ vā ajjhokāse santharitvā vā santharāpetvā vā taṃ pakkamanto neva uddharati na uddharāpeti anāpucchaṃ vā gacchati, dukkaṭaṃ. Ādhārakaṃ pattapidhānakaṃ pādakaṭhalikaṃ tālavaṇṭaṃ bījanipattakaṃ yaṃ kiñci dārubhaṇḍaṃ antamaso pānīyauḷuṅkaṃ pānīyasaṅkhaṃ ajjhokāse nikkhipitvā gacchantassapi dukkaṭaṃ. Ajjhokāse rajanaṃ pacitvā rajanabhājanaṃ rajanauḷuṅko rajanadoṇikāti sabbaṃ aggisālāya paṭisāmetabbaṃ. Sace aggisālā natthi, anovassake pabbhāre nikkhipitabbaṃ. Tasmimpi asati yattha olokentā bhikkhū passanti, tādise ṭhāne ṭhapetvā gantuṃ vaṭṭati. Aññapuggalike pana mañcapīṭhādisenāsanepi dukkaṭameva. Ettha pana ‘‘yasmiṃ vissāsaggāho na ruhati, tassa santake dukkaṭaṃ. Yasmiṃ pana vissāsaggāho ruhati, tassa santakaṃ attano puggalikameva hotī’’ti mahāpaccariyādīsu vuttaṃ. Attano puggalike pana anāpattiyeva. Yo bhikkhu vā sāmaṇero vā ārāmiko vā lajjī hoti, attano palibodhaṃ viya maññati, tathārūpaṃ anāpucchitvā gacchantassapi anāpatti. Yo pana ātape otāpento ‘‘āgantvā uddharissāmī’’ti gacchati, tassapi anāpatti.
อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห
Iti pāḷimuttakavinayavinicchayasaṅgahe
มญฺจปีฐาทิสงฺฆิกเสนาสเนสุ
Mañcapīṭhādisaṅghikasenāsanesu
ปฎิปชฺชิตพฺพวินิจฺฉยกถา สมตฺตาฯ
Paṭipajjitabbavinicchayakathā samattā.