Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi

    ๔. มงฺคลสุตฺตํ

    4. Maṅgalasuttaṃ

    เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข อญฺญตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข สา เทวตา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

    Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho aññatarā devatā abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇā kevalakappaṃ jetavanaṃ obhāsetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho sā devatā bhagavantaṃ gāthāya ajjhabhāsi –

    ๒๖๑.

    261.

    ‘‘พหู เทวา มนุสฺสา จ, มงฺคลานิ อจินฺตยุํ;

    ‘‘Bahū devā manussā ca, maṅgalāni acintayuṃ;

    อากงฺขมานา โสตฺถานํ, พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตมํ’’ฯ

    Ākaṅkhamānā sotthānaṃ, brūhi maṅgalamuttamaṃ’’.

    ๒๖๒.

    262.

    ‘‘อเสวนา จ พาลานํ, ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา;

    ‘‘Asevanā ca bālānaṃ, paṇḍitānañca sevanā;

    ปูชา จ ปูชเนยฺยานํ 1, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

    Pūjā ca pūjaneyyānaṃ 2, etaṃ maṅgalamuttamaṃ.

    ๒๖๓.

    263.

    ‘‘ปติรูปเทสวาโส จ, ปุเพฺพ จ กตปุญฺญตา;

    ‘‘Patirūpadesavāso ca, pubbe ca katapuññatā;

    อตฺตสมฺมาปณิธิ 3 จ, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

    Attasammāpaṇidhi 4 ca, etaṃ maṅgalamuttamaṃ.

    ๒๖๔.

    264.

    ‘‘พาหุสจฺจญฺจ สิปฺปญฺจ, วินโย จ สุสิกฺขิโต;

    ‘‘Bāhusaccañca sippañca, vinayo ca susikkhito;

    สุภาสิตา จ ยา วาจา, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

    Subhāsitā ca yā vācā, etaṃ maṅgalamuttamaṃ.

    ๒๖๕.

    265.

    ‘‘มาตาปิตุ อุปฎฺฐานํ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห;

    ‘‘Mātāpitu upaṭṭhānaṃ, puttadārassa saṅgaho;

    อนากุลา จ กมฺมนฺตา, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

    Anākulā ca kammantā, etaṃ maṅgalamuttamaṃ.

    ๒๖๖.

    266.

    ‘‘ทานญฺจ ธมฺมจริยา จ, ญาตกานญฺจ สงฺคโห;

    ‘‘Dānañca dhammacariyā ca, ñātakānañca saṅgaho;

    อนวชฺชานิ กมฺมานิ, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

    Anavajjāni kammāni, etaṃ maṅgalamuttamaṃ.

    ๒๖๗.

    267.

    ‘‘อารตี วิรตี ปาปา, มชฺชปานา จ สํยโม;

    ‘‘Āratī viratī pāpā, majjapānā ca saṃyamo;

    อปฺปมาโท จ ธเมฺมสุ, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

    Appamādo ca dhammesu, etaṃ maṅgalamuttamaṃ.

    ๒๖๘.

    268.

    ‘‘คารโว จ นิวาโต จ, สนฺตุฎฺฐิ จ กตญฺญุตา;

    ‘‘Gāravo ca nivāto ca, santuṭṭhi ca kataññutā;

    กาเลน ธมฺมสฺสวนํ 5, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

    Kālena dhammassavanaṃ 6, etaṃ maṅgalamuttamaṃ.

    ๒๖๙.

    269.

    ‘‘ขนฺตี จ โสวจสฺสตา, สมณานญฺจ ทสฺสนํ;

    ‘‘Khantī ca sovacassatā, samaṇānañca dassanaṃ;

    กาเลน ธมฺมสากจฺฉา, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

    Kālena dhammasākacchā, etaṃ maṅgalamuttamaṃ.

    ๒๗๐.

    270.

    ‘‘ตโป จ พฺรหฺมจริยญฺจ, อริยสจฺจาน ทสฺสนํ;

    ‘‘Tapo ca brahmacariyañca, ariyasaccāna dassanaṃ;

    นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

    Nibbānasacchikiriyā ca, etaṃ maṅgalamuttamaṃ.

    ๒๗๑.

    271.

    ‘‘ผุฎฺฐสฺส โลกธเมฺมหิ, จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ;

    ‘‘Phuṭṭhassa lokadhammehi, cittaṃ yassa na kampati;

    อโสกํ วิรชํ เขมํ, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

    Asokaṃ virajaṃ khemaṃ, etaṃ maṅgalamuttamaṃ.

    ๒๗๒.

    272.

    ‘‘เอตาทิสานิ กตฺวาน, สพฺพตฺถมปราชิตา;

    ‘‘Etādisāni katvāna, sabbatthamaparājitā;

    สพฺพตฺถ โสตฺถิํ คจฺฉนฺติ, ตํ เตสํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติฯ

    Sabbattha sotthiṃ gacchanti, taṃ tesaṃ maṅgalamuttama’’nti.

    มงฺคลสุตฺตํ จตุตฺถํ นิฎฺฐิตํฯ

    Maṅgalasuttaṃ catutthaṃ niṭṭhitaṃ.







    Footnotes:
    1. ปูชนียานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    2. pūjanīyānaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    3. อตฺตสมฺมาปณีธี (กตฺถจิ)
    4. attasammāpaṇīdhī (katthaci)
    5. ธมฺมสวณํ (กตฺถจิ), ธมฺมสวนํ (สี. ก.)
    6. dhammasavaṇaṃ (katthaci), dhammasavanaṃ (sī. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā / ๔. มงฺคลสุตฺตวณฺณนา • 4. Maṅgalasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact