Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๓. มณิถูณวิมานวณฺณนา
3. Maṇithūṇavimānavaṇṇanā
อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานนฺติ มณิถูณวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน สมเยน สมฺพหุลา เถรา ภิกฺขู อรญฺญายตเน วิหรนฺติฯ เตสํ คามํ ปิณฺฑาย คมนมเคฺค เอโก อุปาสโก วิสมํ สมํ กโรติ, กณฺฎเก นีหรติ, คจฺฉคุเมฺพ อปเนติ, อุทกกาเล มาติกาสุ เสตุํ พนฺธติ, วิวนฎฺฐาเนสุ ฉายารุเกฺข โรเปติ, ชลาสเยสุ มตฺติกํ อุทฺธริตฺวา เต ปุถุลคมฺภีเร กโรติ, ติเตฺถ สมฺปาเทติ, ยถาวิภวํ ทานํ เทติ, สีลํ รกฺขติฯ โส อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวติํเสสุ ทฺวาทสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติฯ ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโร อุปสงฺกมิตฺวา อิมาหิ คาถาหิ ปฎิปุจฺฉิ –
Uccamidaṃmaṇithūṇaṃ vimānanti maṇithūṇavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena samayena sambahulā therā bhikkhū araññāyatane viharanti. Tesaṃ gāmaṃ piṇḍāya gamanamagge eko upāsako visamaṃ samaṃ karoti, kaṇṭake nīharati, gacchagumbe apaneti, udakakāle mātikāsu setuṃ bandhati, vivanaṭṭhānesu chāyārukkhe ropeti, jalāsayesu mattikaṃ uddharitvā te puthulagambhīre karoti, titthe sampādeti, yathāvibhavaṃ dānaṃ deti, sīlaṃ rakkhati. So aparabhāge kālaṃ katvā tāvatiṃsesu dvādasayojanike kanakavimāne nibbatti. Taṃ āyasmā mahāmoggallānatthero upasaṅkamitvā imāhi gāthāhi paṭipucchi –
๑๑๒๖.
1126.
‘‘อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานํ, สมนฺตโต ทฺวาทส โยชนานิ;
‘‘Uccamidaṃ maṇithūṇaṃ vimānaṃ, samantato dvādasa yojanāni;
กูฎาคารา สตฺตสตา อุฬารา, เวฬุริยถมฺภา รุจกตฺถตา สุภาฯ
Kūṭāgārā sattasatā uḷārā, veḷuriyathambhā rucakatthatā subhā.
๑๑๒๗.
1127.
‘‘ตตฺถจฺฉสิ ปิวสิ ขาทสิ จ, ทิพฺพา จ วีณา ปวทนฺติ วคฺคุํ;
‘‘Tatthacchasi pivasi khādasi ca, dibbā ca vīṇā pavadanti vagguṃ;
ทิพฺพา รสา กามคุเณตฺถ ปญฺจ, นาริโย จ นจฺจนฺติ สุวณฺณจฺฉนฺนาฯ
Dibbā rasā kāmaguṇettha pañca, nāriyo ca naccanti suvaṇṇacchannā.
๑๑๒๘.
1128.
‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ…เป.…วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
‘‘Kena tetādiso vaṇṇo…pe…vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti.
โสปิ ตสฺส คาถาหิ พฺยากาสิ –
Sopi tassa gāthāhi byākāsi –
๑๑๓๐.
1130.
‘‘โส เทวปุโตฺต อตฺตมโน…เป.… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’ฯ
‘‘So devaputto attamano…pe… yassa kammassidaṃ phalaṃ’’.
๑๑๓๑.
1131.
‘‘อหํ มนุเสฺสสุ มนุสฺสภูโต, วิวเน ปเถ สงฺกมนํ อกาสิํ;
‘‘Ahaṃ manussesu manussabhūto, vivane pathe saṅkamanaṃ akāsiṃ;
อารามรุกฺขานิ จ โรปยิสฺสํ, ปิยา จ เม สีลวโนฺต อเหสุํ;
Ārāmarukkhāni ca ropayissaṃ, piyā ca me sīlavanto ahesuṃ;
อนฺนญฺจ ปานญฺจ ปสนฺนจิโตฺต, สกฺกจฺจ ทานํ วิปุลํ อทาสิํฯ
Annañca pānañca pasannacitto, sakkacca dānaṃ vipulaṃ adāsiṃ.
๑๑๓๒.
1132.
‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ…เป.…วโณฺณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
‘‘Tena metādiso vaṇṇo…pe…vaṇṇo ca me sabbadisā pabhāsatī’’ti.
๑๑๓๑. ตตฺถ วิวเนติ อรเญฺญฯ อารามรุกฺขานิ จา อารามภูเต รุเกฺข, อารามํ กตฺวา ตตฺถ รุเกฺข โรเปสินฺติ อโตฺถฯ เสสํ สพฺพํ วุตฺตนยเมวฯ
1131. Tattha vivaneti araññe. Ārāmarukkhāni cā ārāmabhūte rukkhe, ārāmaṃ katvā tattha rukkhe ropesinti attho. Sesaṃ sabbaṃ vuttanayameva.
มณิถูณวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Maṇithūṇavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๓. มณิถูณวิมานวตฺถุ • 3. Maṇithūṇavimānavatthu