Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๔. มญฺชิฎฺฐกวโคฺค
4. Mañjiṭṭhakavaggo
๑. มญฺชิฎฺฐกวิมานวณฺณนา
1. Mañjiṭṭhakavimānavaṇṇanā
มญฺชิฎฺฐกวเคฺค มญฺชิฎฺฐเก วิมานสฺมินฺติ มญฺชิฎฺฐกวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ ตตฺถ อญฺญตโร อุปาสโก ภควนฺตํ นิมเนฺตตฺวา อนนฺตรวิมาเน วุตฺตนเยเนว มณฺฑปํ สเชฺชตฺวา ตตฺถ นิสินฺนํ สตฺถารํ ปูเชตฺวา ทานํ เทติฯ เตน จ สมเยน อญฺญตรา กุลทาสี อนฺธวเน สุปุปฺผิตํ สาลรุกฺขํ ทิสฺวา ตตฺถ ปุปฺผานิ คเหตฺวา หีเรหิ อาวุณิตฺวา วฎํสเก กตฺวา ปุน พหูนิ มุตฺตปุปฺผานิ อคฺคปุปฺผานิ จ คเหตฺวา นครํ ปวิฎฺฐาฯ ตสฺมิํ มณฺฑเป ยุคนฺธรปพฺพตกุจฺฉิํ โอภาสยมานํ พาลสูริยํ วิย ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสเชฺชตฺวา นิสินฺนํ, ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา เตหิ ปุเปฺผหิ ปูเชนฺตี วฎํสกานิ อาสนสฺส สมนฺตโต ฐเปตฺวา อิตรานิ จ ปุปฺผานิ โอกิริตฺวา สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อคมาสิฯ สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺติ, ตตฺถ ตสฺสา รตฺตผลิกมยํ วิมานํ, ตสฺส จ ปุรโต สุวณฺณวาลุกาสนฺถตภูมิภาคํ มหนฺตํ สาลวนํ ปาตุรโหสิฯ สา ยทา วิมานโต นิกฺขมิตฺวา สาลวนํ ปวิสติ, ตทา สาลสาขา โอนมิตฺวา ตสฺสา อุปริ กุสุมานิ โอกิรนฺติฯ ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฎฺฐา วุตฺตนเยน อุปคนฺตฺวา อิมาหิ คาถาหิ กตกมฺมํ ปุจฺฉิ –
Mañjiṭṭhakavagge mañjiṭṭhake vimānasminti mañjiṭṭhakavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tattha aññataro upāsako bhagavantaṃ nimantetvā anantaravimāne vuttanayeneva maṇḍapaṃ sajjetvā tattha nisinnaṃ satthāraṃ pūjetvā dānaṃ deti. Tena ca samayena aññatarā kuladāsī andhavane supupphitaṃ sālarukkhaṃ disvā tattha pupphāni gahetvā hīrehi āvuṇitvā vaṭaṃsake katvā puna bahūni muttapupphāni aggapupphāni ca gahetvā nagaraṃ paviṭṭhā. Tasmiṃ maṇḍape yugandharapabbatakucchiṃ obhāsayamānaṃ bālasūriyaṃ viya chabbaṇṇabuddharaṃsiyo vissajjetvā nisinnaṃ, bhagavantaṃ disvā pasannacittā tehi pupphehi pūjentī vaṭaṃsakāni āsanassa samantato ṭhapetvā itarāni ca pupphāni okiritvā sakkaccaṃ vanditvā tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā agamāsi. Sā aparabhāge kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane nibbatti, tattha tassā rattaphalikamayaṃ vimānaṃ, tassa ca purato suvaṇṇavālukāsanthatabhūmibhāgaṃ mahantaṃ sālavanaṃ pāturahosi. Sā yadā vimānato nikkhamitvā sālavanaṃ pavisati, tadā sālasākhā onamitvā tassā upari kusumāni okiranti. Taṃ āyasmā mahāmoggallāno heṭṭhā vuttanayena upagantvā imāhi gāthāhi katakammaṃ pucchi –
๖๘๙.
689.
‘‘มญฺชิฎฺฐเก วิมานสฺมิํ, โสณฺณวาลุกสนฺถเต;
‘‘Mañjiṭṭhake vimānasmiṃ, soṇṇavālukasanthate;
ปญฺจงฺคิเกน ตูริเยน, รมสิ สุปฺปวาทิเตฯ
Pañcaṅgikena tūriyena, ramasi suppavādite.
๖๙๐.
690.
‘‘ตมฺหา วิมานา โอรุยฺห, นิมฺมิตา รตนามยา;
‘‘Tamhā vimānā oruyha, nimmitā ratanāmayā;
โอคาหสิ สาลวนํ, ปุปฺผิตํ สพฺพกาลิกํฯ
Ogāhasi sālavanaṃ, pupphitaṃ sabbakālikaṃ.
๖๙๑.
691.
‘‘ยสฺส ยเสฺสว สาลสฺส, มูเล ติฎฺฐสิ เทวเต;
‘‘Yassa yasseva sālassa, mūle tiṭṭhasi devate;
โส โส มุญฺจติ ปุปฺผานิ, โอนมิตฺวา ทุมุตฺตโมฯ
So so muñcati pupphāni, onamitvā dumuttamo.
๖๙๒.
692.
‘‘วาเตริตํ สาลวนํ, อาธุตํ ทิชเสวิตํ;
‘‘Vāteritaṃ sālavanaṃ, ādhutaṃ dijasevitaṃ;
วาติ คโนฺธ ทิสา สพฺพา, รุโกฺข มญฺชูสโก ยถาฯ
Vāti gandho disā sabbā, rukkho mañjūsako yathā.
๖๙๓.
693.
‘‘ฆายเส ตํ สุจิคนฺธํ, รูปํ ปสฺสสิ อมานุสํ;
‘‘Ghāyase taṃ sucigandhaṃ, rūpaṃ passasi amānusaṃ;
เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ
Devate pucchitācikkha, kissa kammassidaṃ phala’’nti.
๖๘๙. ตตฺถ มญฺชิฎฺฐเก วิมานสฺมินฺติ รตฺตผลิกมเย วิมาเนฯ สินฺทุวารกณวีรมกุลสทิสวณฺณญฺหิ ‘‘มญฺชิฎฺฐก’’นฺติ วุจฺจติฯ โสณฺณวาลุกสนฺถเตติ สมนฺตโต วิปฺปกิณฺณาหิ สุวณฺณวาลุกาหิ สนฺถตภูมิภาเคฯ รมสิ สุปฺปวาทิเตติ สุฎฺฐุ ปวาทิเตน ปญฺจงฺคิเกน ตูริเยน อภิรมสิฯ
689. Tattha mañjiṭṭhake vimānasminti rattaphalikamaye vimāne. Sinduvārakaṇavīramakulasadisavaṇṇañhi ‘‘mañjiṭṭhaka’’nti vuccati. Soṇṇavālukasanthateti samantato vippakiṇṇāhi suvaṇṇavālukāhi santhatabhūmibhāge. Ramasi suppavāditeti suṭṭhu pavāditena pañcaṅgikena tūriyena abhiramasi.
๖๙๐. นิมิตฺตา รตนามยาติ ตว สุจริตสิปฺปินา อภินิมฺมิตา รตนมยา วิมานาฯ โอคาหสีติ ปวิสสิฯ สพฺพกาลิกนฺติ สพฺพกาเล สุขํ สพฺพอุตุสปฺปายํ, สพฺพกาเล ปุปฺผนกํ วาฯ
690.Nimittāratanāmayāti tava sucaritasippinā abhinimmitā ratanamayā vimānā. Ogāhasīti pavisasi. Sabbakālikanti sabbakāle sukhaṃ sabbautusappāyaṃ, sabbakāle pupphanakaṃ vā.
๖๙๒. วาเตริตนฺติ ยถา ปุปฺผานิ โอกิรนฺติ, เอวํ วาเตน อีริตํ จลิตํฯ อาธุตนฺติ มเนฺทน มาลุเตน สณิกสณิกํ วิธูปยมานํฯ ทิชเสวิตนฺติ มยูรโกกิลาทิสกุณสเงฺฆหิ อุปเสวิตํฯ
692.Vāteritanti yathā pupphāni okiranti, evaṃ vātena īritaṃ calitaṃ. Ādhutanti mandena mālutena saṇikasaṇikaṃ vidhūpayamānaṃ. Dijasevitanti mayūrakokilādisakuṇasaṅghehi upasevitaṃ.
เอวํ เถเรน ปุฎฺฐา สา เทวตา อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –
Evaṃ therena puṭṭhā sā devatā imāhi gāthāhi byākāsi –
๖๙๔.
694.
‘‘อหํ มนุเสฺสสุ มนุสฺสภูตา, ทาสี อยิรกุเล อหุํ;
‘‘Ahaṃ manussesu manussabhūtā, dāsī ayirakule ahuṃ;
พุทฺธํ นิสินฺนํ ทิสฺวาน, สาลปุเปฺผหิ โอกิริํฯ
Buddhaṃ nisinnaṃ disvāna, sālapupphehi okiriṃ.
๖๙๕.
695.
‘‘วฎํสกญฺจ สุกตํ, สาลปุปฺผมยํ อหํ;
‘‘Vaṭaṃsakañca sukataṃ, sālapupphamayaṃ ahaṃ;
พุทฺธสฺส อุปนาเมสิํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิฯ
Buddhassa upanāmesiṃ, pasannā sehi pāṇibhi.
๖๙๖.
696.
‘‘ตาหํ กมฺมํ กริตฺวาน, กุสลํ พุทฺธวณฺณิตํ;
‘‘Tāhaṃ kammaṃ karitvāna, kusalaṃ buddhavaṇṇitaṃ;
อเปตโสกา สุขิตา, สมฺปโมทามนามยา’’ติฯ
Apetasokā sukhitā, sampamodāmanāmayā’’ti.
๖๙๔-๕. ตตฺถ อยิรกุเลติ อยฺยกุเล, สามิกเคเหติ อโตฺถฯ อหุนฺติ อโหสิํฯ โอกิรินฺติ ปุเปฺผหิ วิปฺปกิริํฯ อุปนาเมสินฺติ ปูชาวเสน อุปนาเมสิํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
694-5. Tattha ayirakuleti ayyakule, sāmikageheti attho. Ahunti ahosiṃ. Okirinti pupphehi vippakiriṃ. Upanāmesinti pūjāvasena upanāmesiṃ. Sesaṃ vuttanayameva.
อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน สปริวาราย ตสฺสา เทวตาย ธมฺมํ เทเสตฺวา มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภควโต ตมตฺถํ นิเวเทสิฯ ภควา ตํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตมหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสสิฯ เทสนา สเทวกสฺส โลกสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ
Athāyasmā mahāmoggallāno saparivārāya tassā devatāya dhammaṃ desetvā manussalokaṃ āgantvā bhagavato tamatthaṃ nivedesi. Bhagavā taṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattamahājanassa dhammaṃ desesi. Desanā sadevakassa lokassa sātthikā ahosīti.
มญฺชิฎฺฐกวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mañjiṭṭhakavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๑. มญฺชิฎฺฐกวิมานวตฺถุ • 1. Mañjiṭṭhakavimānavatthu