Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๕. มารธีตุสุตฺตํ
5. Māradhītusuttaṃ
๑๖๑. อถ โข มาโร ปาปิมา ภควโต สนฺติเก อิมา นิเพฺพชนียา คาถาโย อภาสิตฺวา ตมฺหา ฐานา อปกฺกมฺม ภควโต อวิทูเร ปถวิยํ ปลฺลเงฺกน นิสีทิ ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขโนฺธ อโธมุโข ปชฺฌายโนฺต อปฺปฎิภาโน กเฎฺฐน ภูมิํ วิลิขโนฺตฯ อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เยน มาโร ปาปิมา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิํสุ –
161. Atha kho māro pāpimā bhagavato santike imā nibbejanīyā gāthāyo abhāsitvā tamhā ṭhānā apakkamma bhagavato avidūre pathaviyaṃ pallaṅkena nisīdi tuṇhībhūto maṅkubhūto pattakkhandho adhomukho pajjhāyanto appaṭibhāno kaṭṭhena bhūmiṃ vilikhanto. Atha kho taṇhā ca arati ca ragā ca māradhītaro yena māro pāpimā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā māraṃ pāpimantaṃ gāthāya ajjhabhāsiṃsu –
‘‘เกนาสิ ทุมฺมโน ตาต, ปุริสํ กํ นุ โสจสิ;
‘‘Kenāsi dummano tāta, purisaṃ kaṃ nu socasi;
มยํ ตํ ราคปาเสน, อารญฺญมิว กุญฺชรํ;
Mayaṃ taṃ rāgapāsena, āraññamiva kuñjaraṃ;
พนฺธิตฺวา อานยิสฺสาม, วสโค เต ภวิสฺสตี’’ติฯ
Bandhitvā ānayissāma, vasago te bhavissatī’’ti.
‘‘อรหํ สุคโต โลเก, น ราเคน สุวานโย;
‘‘Arahaṃ sugato loke, na rāgena suvānayo;
มารเธยฺยํ อติกฺกโนฺต, ตสฺมา โสจามหํ ภุส’’นฺติฯ
Māradheyyaṃ atikkanto, tasmā socāmahaṃ bhusa’’nti.
อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติฯ อถ โข ภควา น มนสากาสิ, ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุโตฺตฯ
Atha kho taṇhā ca arati ca ragā ca māradhītaro yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘pāde te, samaṇa, paricāremā’’ti. Atha kho bhagavā na manasākāsi, yathā taṃ anuttare upadhisaṅkhaye vimutto.
อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม เอวํ สมจิเนฺตสุํ – ‘‘อุจฺจาวจา โข ปุริสานํ อธิปฺปายาฯ ยํนูน มยํ เอกสตํ เอกสตํ กุมาริวณฺณสตํ อภินิมฺมิเนยฺยามา’’ติฯ อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เอกสตํ เอกสตํ กุมาริวณฺณสตํ อภินิมฺมินิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติฯ ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ, ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุโตฺตฯ
Atha kho taṇhā ca arati ca ragā ca māradhītaro ekamantaṃ apakkamma evaṃ samacintesuṃ – ‘‘uccāvacā kho purisānaṃ adhippāyā. Yaṃnūna mayaṃ ekasataṃ ekasataṃ kumārivaṇṇasataṃ abhinimmineyyāmā’’ti. Atha kho taṇhā ca arati ca ragā ca māradhītaro ekasataṃ ekasataṃ kumārivaṇṇasataṃ abhinimminitvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘pāde te, samaṇa, paricāremā’’ti. Tampi bhagavā na manasākāsi, yathā taṃ anuttare upadhisaṅkhaye vimutto.
อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม เอวํ สมจิเนฺตสุํ – ‘‘อุจฺจาวจา โข ปุริสานํ อธิปฺปายา ฯ ยํนูน มยํ เอกสตํ เอกสตํ อวิชาตวณฺณสตํ อภินิมฺมิเนยฺยามา’’ติฯ อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เอกสตํ เอกสตํ อวิชาตวณฺณสตํ อภินิมฺมินิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติฯ ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ, ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุโตฺตฯ
Atha kho taṇhā ca arati ca ragā ca māradhītaro ekamantaṃ apakkamma evaṃ samacintesuṃ – ‘‘uccāvacā kho purisānaṃ adhippāyā . Yaṃnūna mayaṃ ekasataṃ ekasataṃ avijātavaṇṇasataṃ abhinimmineyyāmā’’ti. Atha kho taṇhā ca arati ca ragā ca māradhītaro ekasataṃ ekasataṃ avijātavaṇṇasataṃ abhinimminitvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘pāde te, samaṇa, paricāremā’’ti. Tampi bhagavā na manasākāsi, yathā taṃ anuttare upadhisaṅkhaye vimutto.
อถ โข ตณฺหา จ…เป.… ยํนูน มยํ เอกสตํ เอกสตํ สกิํ วิชาตวณฺณสตํ อภินิมฺมิเนยฺยามาติฯ อถ โข ตณฺหา จ…เป.… สกิํ วิชาตวณฺณสตํ อภินิมฺมินิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติฯ ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ, ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุโตฺตฯ
Atha kho taṇhā ca…pe… yaṃnūna mayaṃ ekasataṃ ekasataṃ sakiṃ vijātavaṇṇasataṃ abhinimmineyyāmāti. Atha kho taṇhā ca…pe… sakiṃ vijātavaṇṇasataṃ abhinimminitvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘pāde te, samaṇa, paricāremā’’ti. Tampi bhagavā na manasākāsi, yathā taṃ anuttare upadhisaṅkhaye vimutto.
อถ โข ตณฺหา จ…เป.… ยํนูน มยํ เอกสตํ เอกสตํ ทุวิชาตวณฺณสตํ อภินิมฺมิเนยฺยามาติฯ อถ โข ตณฺหา จ…เป.… ทุวิชาตวณฺณสตํ อภินิมฺมินิตฺวา เยน ภควา…เป.… ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุโตฺตฯ อถ โข ตณฺหา จ…เป.… มชฺฌิมิตฺถิวณฺณสตํ อภินิมฺมิเนยฺยามาติฯ อถ โข ตณฺหา จ…เป.… มชฺฌิมิตฺถิวณฺณสตํ อภินิมฺมินิตฺวา…เป.… อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุโตฺตฯ
Atha kho taṇhā ca…pe… yaṃnūna mayaṃ ekasataṃ ekasataṃ duvijātavaṇṇasataṃ abhinimmineyyāmāti. Atha kho taṇhā ca…pe… duvijātavaṇṇasataṃ abhinimminitvā yena bhagavā…pe… yathā taṃ anuttare upadhisaṅkhaye vimutto. Atha kho taṇhā ca…pe… majjhimitthivaṇṇasataṃ abhinimmineyyāmāti. Atha kho taṇhā ca…pe… majjhimitthivaṇṇasataṃ abhinimminitvā…pe… anuttare upadhisaṅkhaye vimutto.
อถ โข ตณฺหา จ…เป.… มหิตฺถิวณฺณสตํ อภินิมฺมิเนยฺยามาติ ฯ อถ โข ตณฺหา จ…เป.… มหิตฺถิวณฺณสตํ อภินิมฺมินิตฺวา เยน ภควา…เป.… อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุโตฺตฯ อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม เอตทโวจุํ – สจฺจํ กิร โน ปิตา อโวจ –
Atha kho taṇhā ca…pe… mahitthivaṇṇasataṃ abhinimmineyyāmāti . Atha kho taṇhā ca…pe… mahitthivaṇṇasataṃ abhinimminitvā yena bhagavā…pe… anuttare upadhisaṅkhaye vimutto. Atha kho taṇhā ca arati ca ragā ca māradhītaro ekamantaṃ apakkamma etadavocuṃ – saccaṃ kira no pitā avoca –
‘‘อรหํ สุคโต โลเก, น ราเคน สุวานโย;
‘‘Arahaṃ sugato loke, na rāgena suvānayo;
มารเธยฺยํ อติกฺกโนฺต, ตสฺมา โสจามหํ ภุส’’นฺติฯ
Māradheyyaṃ atikkanto, tasmā socāmahaṃ bhusa’’nti.
‘‘ยญฺหิ มยํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา อวีตราคํ อิมินา อุปกฺกเมน อุปกฺกเมยฺยาม หทยํ วาสฺส ผเลยฺย, อุณฺหํ โลหิตํ วา มุขโต อุคฺคเจฺฉยฺย, อุมฺมาทํ วา ปาปุเณยฺย จิตฺตเกฺขปํ วาฯ เสยฺยถา วา ปน นโฬ หริโต ลุโต อุสฺสุสฺสติ วิสุสฺสติ มิลายติ; เอวเมว อุสฺสุเสฺสยฺย วิสุเสฺสยฺย มิลาเยยฺยา’’ติฯ
‘‘Yañhi mayaṃ samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā avītarāgaṃ iminā upakkamena upakkameyyāma hadayaṃ vāssa phaleyya, uṇhaṃ lohitaṃ vā mukhato uggaccheyya, ummādaṃ vā pāpuṇeyya cittakkhepaṃ vā. Seyyathā vā pana naḷo harito luto ussussati visussati milāyati; evameva ussusseyya visusseyya milāyeyyā’’ti.
อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข ตณฺหา มารธีตา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
Atha kho taṇhā ca arati ca ragā ca māradhītaro yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho taṇhā māradhītā bhagavantaṃ gāthāya ajjhabhāsi –
‘‘โสกาวติโณฺณ นุ วนมฺหิ ฌายสิ,
‘‘Sokāvatiṇṇo nu vanamhi jhāyasi,
วิตฺตํ นุ ชีโน อุท ปตฺถยาโน;
Vittaṃ nu jīno uda patthayāno;
อาคุํ นุ คามสฺมิมกาสิ กิญฺจิ,
Āguṃ nu gāmasmimakāsi kiñci,
กสฺมา ชเนน น กโรสิ สกฺขิํ;
Kasmā janena na karosi sakkhiṃ;
สกฺขี น สมฺปชฺชติ เกนจิ เต’’ติฯ
Sakkhī na sampajjati kenaci te’’ti.
‘‘อตฺถสฺส ปตฺติํ หทยสฺส สนฺติํ,
‘‘Atthassa pattiṃ hadayassa santiṃ,
เชตฺวาน เสนํ ปิยสาตรูปํ;
Jetvāna senaṃ piyasātarūpaṃ;
ตสฺมา ชเนน น กโรมิ สกฺขิํ;
Tasmā janena na karomi sakkhiṃ;
สกฺขี น สมฺปชฺชติ เกนจิ เม’’ติฯ
Sakkhī na sampajjati kenaci me’’ti.
อถ โข อรติ 3 มารธีตา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
Atha kho arati 4 māradhītā bhagavantaṃ gāthāya ajjhabhāsi –
‘‘กถํ วิหารีพหุโลธ ภิกฺขุ,
‘‘Kathaṃ vihārībahulodha bhikkhu,
ปโญฺจฆติโณฺณ อตรีธ ฉฎฺฐํ;
Pañcoghatiṇṇo atarīdha chaṭṭhaṃ;
ปริพาหิรา โหนฺติ อลทฺธ โย ต’’นฺติฯ
Paribāhirā honti aladdha yo ta’’nti.
‘‘ปสฺสทฺธกาโย สุวิมุตฺตจิโตฺต,
‘‘Passaddhakāyo suvimuttacitto,
อสงฺขราโน สติมา อโนโก;
Asaṅkharāno satimā anoko;
อญฺญาย ธมฺมํ อวิตกฺกฌายี,
Aññāya dhammaṃ avitakkajhāyī,
‘‘เอวํวิหารีพหุโลธ ภิกฺขุ,
‘‘Evaṃvihārībahulodha bhikkhu,
ปโญฺจฆติโณฺณ อตรีธ ฉฎฺฐํ;
Pañcoghatiṇṇo atarīdha chaṭṭhaṃ;
เอวํ ฌายิํ พหุลํ กามสญฺญา,
Evaṃ jhāyiṃ bahulaṃ kāmasaññā,
ปริพาหิรา โหนฺติ อลทฺธ โย ต’’นฺติฯ
Paribāhirā honti aladdha yo ta’’nti.
อถ โข รคา 9 มารธีตา ภควโต สนฺติเก คาถาย อชฺฌภาสิ –
Atha kho ragā 10 māradhītā bhagavato santike gāthāya ajjhabhāsi –
‘‘อเจฺฉชฺช ตณฺหํ คณสงฺฆจารี,
‘‘Acchejja taṇhaṃ gaṇasaṅghacārī,
พหุํ วตายํ ชนตํ อโนโก,
Bahuṃ vatāyaṃ janataṃ anoko,
อเจฺฉชฺช เนสฺสติ มจฺจุราชสฺส ปาร’’นฺติฯ
Acchejja nessati maccurājassa pāra’’nti.
‘‘นยนฺติ เว มหาวีรา, สทฺธเมฺมน ตถาคตา;
‘‘Nayanti ve mahāvīrā, saddhammena tathāgatā;
ธเมฺมน นยมานานํ, กา อุสูยา วิชานต’’นฺติฯ
Dhammena nayamānānaṃ, kā usūyā vijānata’’nti.
อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เยน มาโร ปาปิมา เตนุปสงฺกมิํสุฯ อทฺทสา โข มาโร ปาปิมา ตณฺหญฺจ อรติญฺจ รคญฺจ มารธีตโร ทูรโตว อาคจฺฉนฺติโยฯ ทิสฺวาน คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
Atha kho taṇhā ca arati ca ragā ca māradhītaro yena māro pāpimā tenupasaṅkamiṃsu. Addasā kho māro pāpimā taṇhañca aratiñca ragañca māradhītaro dūratova āgacchantiyo. Disvāna gāthāhi ajjhabhāsi –
คิริํ นเขน ขนถ, อโย ทเนฺตหิ ขาทถฯ
Giriṃ nakhena khanatha, ayo dantehi khādatha.
ขาณุํว อุรสาสชฺช, นิพฺพิชฺชาเปถ โคตมา’’ติฯ
Khāṇuṃva urasāsajja, nibbijjāpetha gotamā’’ti.
‘‘ททฺทลฺลมานา อาคญฺฉุํ, ตณฺหา จ อรตี รคา;
‘‘Daddallamānā āgañchuṃ, taṇhā ca aratī ragā;
ตา ตตฺถ ปนุที สตฺถา, ตูลํ ภฎฺฐํว มาลุโต’’ติฯ
Tā tattha panudī satthā, tūlaṃ bhaṭṭhaṃva māluto’’ti.
ตติโย วโคฺคฯ
Tatiyo vaggo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
สมฺพหุลา สมิทฺธิ จ, โคธิกํ สตฺตวสฺสานิ;
Sambahulā samiddhi ca, godhikaṃ sattavassāni;
ธีตรํ เทสิตํ พุทฺธ, เสเฎฺฐน อิมํ มารปญฺจกนฺติฯ
Dhītaraṃ desitaṃ buddha, seṭṭhena imaṃ mārapañcakanti.
มารสํยุตฺตํ สมตฺตํฯ
Mārasaṃyuttaṃ samattaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. มารธีตุสุตฺตวณฺณนา • 5. Māradhītusuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๕. มารธีตุสุตฺตวณฺณนา • 5. Māradhītusuttavaṇṇanā