Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
มารกถาวณฺณนา
Mārakathāvaṇṇanā
๓๒. อิทานิ สรณคมนูปสมฺปทํ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺรายํ อนุปุพฺพปทวณฺณนา (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๑๔๑) – มุตฺตาหนฺติ มุโตฺต อหํฯ จาริกนฺติ อนุปุพฺพคมนจาริกํ, คามนิคมราชธานีสุ อนุกฺกเมน คมนสงฺขาตํ จาริกนฺติ อโตฺถฯ จรถาติ ทิวสํ โยชนปรมํ คจฺฉนฺตา จรถฯ มา เอเกน เทฺว อคมิตฺถาติ เอเกน มเคฺคน ทฺวีสุ คเตสุ เอกสฺมิํ ธมฺมํ เทเสเนฺต เอเกน ตุณฺหีภูเตน ฐาตพฺพํ โหติ, ตสฺมา เอวมาหฯ อาทิกลฺยาณนฺติ อาทิมฺหิ กลฺยาณํ สุนฺทรํ ภทฺทกํ, ตถา มชฺฌปริโยสาเนสุฯ อาทิมชฺฌปริโยสานญฺจ นาเมตํ สาสนสฺส จ เทสนาย จ วเสน ทุพฺพิธํฯ ตตฺถ สาสนสฺส สีลํ อาทิ, สมถวิปสฺสนามคฺคา มชฺฌํ, ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํฯ สีลสมาธโย วา อาทิ, วิปสฺสนามคฺคา มชฺฌํ, ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํฯ สีลสมาธิวิปสฺสนา วา อาทิ, มโคฺค มชฺฌํ, ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํฯ เทสนาย ปน จตุปฺปทิกคาถาย ตาว ปฐมปาโท อาทิ, ทุติยตติยา มชฺฌํ, จตุโตฺถ ปริโยสานํฯ ปญฺจปทฉปฺปทานํ ปฐมปาโท อาทิ, อวสานปาโท ปริโยสานํ, เสสา มชฺฌํฯ เอกานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส นิทานํ อาทิ, อิทมโวจาติ ปริโยสานํ, เสสํ มชฺฌํฯ อเนกานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส มเชฺฌ พหุกมฺปิ อนุสนฺธิ มชฺฌเมว, นิทานํ อาทิ, อิทมโวจาติ ปริโยสานํฯ สาตฺถนฺติ สาตฺถกํ กตฺวา เทเสถฯ สพฺยญฺชนนฺติ พฺยญฺชเนหิ เจว ปเทหิ จ ปริปูรํ กตฺวา เทเสถฯ เกวลปริปุณฺณนฺติ สกลปริปุณฺณํฯ ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํฯ พฺรหฺมจริยนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สาสนพฺรหฺมจริยํฯ ปกาเสถาติ อาวิ กโรถฯ
32. Idāni saraṇagamanūpasampadaṃ dassetuṃ ‘‘atha kho bhagavā’’tiādi āraddhaṃ. Tatrāyaṃ anupubbapadavaṇṇanā (saṃ. ni. aṭṭha. 1.1.141) – muttāhanti mutto ahaṃ. Cārikanti anupubbagamanacārikaṃ, gāmanigamarājadhānīsu anukkamena gamanasaṅkhātaṃ cārikanti attho. Carathāti divasaṃ yojanaparamaṃ gacchantā caratha. Mā ekena dve agamitthāti ekena maggena dvīsu gatesu ekasmiṃ dhammaṃ desente ekena tuṇhībhūtena ṭhātabbaṃ hoti, tasmā evamāha. Ādikalyāṇanti ādimhi kalyāṇaṃ sundaraṃ bhaddakaṃ, tathā majjhapariyosānesu. Ādimajjhapariyosānañca nāmetaṃ sāsanassa ca desanāya ca vasena dubbidhaṃ. Tattha sāsanassa sīlaṃ ādi, samathavipassanāmaggā majjhaṃ, phalanibbānāni pariyosānaṃ. Sīlasamādhayo vā ādi, vipassanāmaggā majjhaṃ, phalanibbānāni pariyosānaṃ. Sīlasamādhivipassanā vā ādi, maggo majjhaṃ, phalanibbānāni pariyosānaṃ. Desanāya pana catuppadikagāthāya tāva paṭhamapādo ādi, dutiyatatiyā majjhaṃ, catuttho pariyosānaṃ. Pañcapadachappadānaṃ paṭhamapādo ādi, avasānapādo pariyosānaṃ, sesā majjhaṃ. Ekānusandhikassa suttassa nidānaṃ ādi, idamavocāti pariyosānaṃ, sesaṃ majjhaṃ. Anekānusandhikassa suttassa majjhe bahukampi anusandhi majjhameva, nidānaṃ ādi, idamavocāti pariyosānaṃ. Sātthanti sātthakaṃ katvā desetha. Sabyañjananti byañjanehi ceva padehi ca paripūraṃ katvā desetha. Kevalaparipuṇṇanti sakalaparipuṇṇaṃ. Parisuddhanti nirupakkilesaṃ. Brahmacariyanti sikkhattayasaṅgahaṃ sāsanabrahmacariyaṃ. Pakāsethāti āvi karotha.
อปฺปรชกฺขชาติกาติ ปญฺญาจกฺขุมฺหิ อปฺปกิเลสรชสภาวา, ทุกูลสาณิยา ปฎิจฺฉนฺนา วิย จตุปฺปทิกคาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถา สตฺตา สนฺตีติ อโตฺถฯ ปริหายนฺตีติ อลาภปริหานิยา ธมฺมโต ปริหายนฺติฯ เตเนวาห ‘‘อนธิคตํ นาธิคจฺฉนฺตา วิเสสาธิคมโต ปริหายนฺตี’’ติฯ เสนานิคโมติ เสนาย นิคโมฯ ปฐมกปฺปิกานํ กิร ตสฺมิํ ฐาเน เสนานิเวโส อโหสิ, ตสฺมา โส ปเทโส ‘‘เสนานิคโม’’ติ วุจฺจติฯ ‘‘เสนานิคาโม’’ติปิ ปาโฐ, เสนานิ นาม สุชาตาย ปิตา, ตสฺส คาโมติ อโตฺถฯ เตนุปสงฺกมิสฺสามีติ นาหํ ตุเมฺห อุโยฺยเชตฺวา ปริเวณาทีนิ กาเรตฺวา อุปฎฺฐากาทีหิ ปริจริยมาโน วิหริสฺสามิ, ติณฺณํ ปน ชฎิลานํ อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฎิหาริยสหสฺสานิ ทเสฺสตฺวา ธมฺมเมว เทเสตุํ อุปสงฺกมิสฺสามิฯ
Apparajakkhajātikāti paññācakkhumhi appakilesarajasabhāvā, dukūlasāṇiyā paṭicchannā viya catuppadikagāthāpariyosāne arahattaṃ pattuṃ samatthā sattā santīti attho. Parihāyantīti alābhaparihāniyā dhammato parihāyanti. Tenevāha ‘‘anadhigataṃ nādhigacchantā visesādhigamato parihāyantī’’ti. Senānigamoti senāya nigamo. Paṭhamakappikānaṃ kira tasmiṃ ṭhāne senāniveso ahosi, tasmā so padeso ‘‘senānigamo’’ti vuccati. ‘‘Senānigāmo’’tipi pāṭho, senāni nāma sujātāya pitā, tassa gāmoti attho. Tenupasaṅkamissāmīti nāhaṃ tumhe uyyojetvā pariveṇādīni kāretvā upaṭṭhākādīhi paricariyamāno viharissāmi, tiṇṇaṃ pana jaṭilānaṃ aḍḍhuḍḍhāni pāṭihāriyasahassāni dassetvā dhammameva desetuṃ upasaṅkamissāmi.
๓๓. มาโร ปาปิมาติ อตฺตโน วิสยํ อติกฺกมิตุํ ปฎิปเนฺน สเตฺต มาเรตีติ มาโร, ปเร ปาเป นิโยเชติ, สยํ วา ปาเป นิยุโตฺตติ ปาปิมาฯ อญฺญานิปิสฺส กโณฺห อธิปติ วสวตฺตี อนฺตโก นมุจิ ปมตฺตพนฺธูติอาทีนิ พหูนิ นามานิ, อิธ ปน นามทฺวยเมว คหิตํฯ อุปสงฺกมีติ ‘‘อยํ สมโณ โคตโม มหายุทฺธํ วิจาเรโนฺต วิย ‘มา เอเกน เทฺว อคมิตฺถ, ธมฺมํ เทเสถา’ติ สฎฺฐิ ชเน อุโยฺยเชติ, อิมสฺมิํ ปน เอกสฺมิมฺปิ ธมฺมํ เทเสเนฺต มยฺหํ จิตฺตสฺส สาตํ นตฺถิ, เอวํ พหูสุ เทเสเนฺตสุ กุโต ภวิสฺสติ, ปฎิพาหามิ น’’นฺติ จิเนฺตตฺวา อุปสงฺกมิฯ
33.Māro pāpimāti attano visayaṃ atikkamituṃ paṭipanne satte māretīti māro, pare pāpe niyojeti, sayaṃ vā pāpe niyuttoti pāpimā. Aññānipissa kaṇho adhipati vasavattī antako namuci pamattabandhūtiādīni bahūni nāmāni, idha pana nāmadvayameva gahitaṃ. Upasaṅkamīti ‘‘ayaṃ samaṇo gotamo mahāyuddhaṃ vicārento viya ‘mā ekena dve agamittha, dhammaṃ desethā’ti saṭṭhi jane uyyojeti, imasmiṃ pana ekasmimpi dhammaṃ desente mayhaṃ cittassa sātaṃ natthi, evaṃ bahūsu desentesu kuto bhavissati, paṭibāhāmi na’’nti cintetvā upasaṅkami.
สพฺพปาเสหีติ สเพฺพหิ กิเลสปาเสหิฯ เย ทิพฺพา เย จ มานุสาติ เย ทิพฺพกามคุณสงฺขาตา มานุสกกามคุณสงฺขาตา จ กิเลสปาสา นาม อตฺถิ, สเพฺพหิ เตหิ ตฺวํ พโทฺธติ วทติฯ มหาพนฺธนพโทฺธติ มหตา กิเลสพนฺธเนน พโทฺธ, มหติ วา พนฺธเน พโทฺธ, กิเลสพนฺธนสฺส ฐานภูเต ภวจารเก พโทฺธติ อโตฺถฯ น เม สมณ โมกฺขสีติ สมณ ตฺวํ มม วิสยโต น มุจฺจิสฺสสิฯ ‘‘น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ จ อิทํ มาโร ‘‘มุตฺตาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพปาเสหี’’ติ ภควโต วจนํ อสทฺทหโนฺต วทติ, สทฺทหโนฺตปิ วา ‘‘เอวมยํ ปเรสํ สตฺตานํ โมกฺขาย อุสฺสาหํ น กเรยฺยา’’ติ สนฺตเชฺชโนฺต โกหเญฺญ ฐตฺวา วทติฯ
Sabbapāsehīti sabbehi kilesapāsehi. Ye dibbā ye ca mānusāti ye dibbakāmaguṇasaṅkhātā mānusakakāmaguṇasaṅkhātā ca kilesapāsā nāma atthi, sabbehi tehi tvaṃ baddhoti vadati. Mahābandhanabaddhoti mahatā kilesabandhanena baddho, mahati vā bandhane baddho, kilesabandhanassa ṭhānabhūte bhavacārake baddhoti attho. Na me samaṇa mokkhasīti samaṇa tvaṃ mama visayato na muccissasi. ‘‘Na me samaṇa mokkhasī’’ti ca idaṃ māro ‘‘muttāhaṃ, bhikkhave, sabbapāsehī’’ti bhagavato vacanaṃ asaddahanto vadati, saddahantopi vā ‘‘evamayaṃ paresaṃ sattānaṃ mokkhāya ussāhaṃ na kareyyā’’ti santajjento kohaññe ṭhatvā vadati.
นิหโตติ ตฺวํ มยา นิหโต, นิพฺพิเสวนภาวํ คมิโต ปราชิโตติ อโตฺถฯ อนฺตลิเกฺข จรเนฺต ปญฺจาภิเญฺญปิ พนฺธตีติ อนฺตลิกฺขจโรฯ ราคปาโส หิ อนฺตลิกฺขจเรสุปิ กิจฺจสาธนโต ‘‘อนฺตลิกฺขจโร’’ติ วุจฺจติ, เตเนว นํ มาโรปิ อนฺตลิกฺขจโรติ มญฺญติฯ มนสิ ชาโตติ มานโส, มนสมฺปยุโตฺตติ อโตฺถฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ
Nihatoti tvaṃ mayā nihato, nibbisevanabhāvaṃ gamito parājitoti attho. Antalikkhe carante pañcābhiññepi bandhatīti antalikkhacaro. Rāgapāso hi antalikkhacaresupi kiccasādhanato ‘‘antalikkhacaro’’ti vuccati, teneva naṃ māropi antalikkhacaroti maññati. Manasi jātoti mānaso, manasampayuttoti attho. Sesamettha uttānatthameva.
มารกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mārakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๘. มารกถา • 8. Mārakathā
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / ปพฺพชฺชากถา • Pabbajjākathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา • Pabbajjākathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๗. ปพฺพชฺชากถา • 7. Pabbajjākathā