Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๑๐. มารตชฺชนียสุตฺตวณฺณนา
10. Māratajjanīyasuttavaṇṇanā
๕๐๖. โกฎฺฐมนุปวิโฎฺฐติ อาสโย วจฺจคุตฺตฎฺฐานตาย โกฎฺฐํ, ตสฺส อพฺภนฺตรเญฺหตฺถ โกฎฺฐํฯ อนุรูโป หุตฺวา ปวิโฎฺฐ อนุปวิโฎฺฐฯ สุขุมญฺหิ ตทนุจฺฉวิกํ อตฺตภาวํ มาเปตฺวา อยํ ตตฺถ ปวิโฎฺฐฯ ครุคโร วิยาติ ครุกครุโก วิยฯ อุ-การสฺส หิ โอ-การํ กตฺวา อยํ นิเทฺทโส, อติวิย ครุโก มเญฺญติ อโตฺถฯ ครุครุ วิย อิเจฺจว วา ปาโฐฯ มาสภตฺตํ มาโส อุตฺตรปทโลเปน, มาสภเตฺตน อาจิตํ ปูริตํ มาสาจิตํ มเญฺญฯ เตนาห ‘‘มาสภตฺตํ ภุตฺตสฺส กุจฺฉิ วิยา’’ติฯ อุตฺตรปทโลเปน วินา อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘มาสปูริตปสิพฺพโก วิยา’’ติ วุตฺตํฯ ตินฺตมาโส วิยาติ ตินฺตมาโส ปสิพฺพโก วิยฯ กิํ นุ โข เอตํ มม กุจฺฉิยํ ปุพฺพํ ภาริกตฺตํ, กิํ นุ โข กถํ นุ โข ชาตนฺติ อธิปฺปาโย? อุปาเยนาติ ปเถน ญาเยนฯ พฺยติเรกโต ปนสฺส อนุปายํ ทเสฺสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อตฺตานเมว วา สนฺธาย ‘‘มา ตถาคตํ วิเหเสสี’’ติ อาหฯ ยถา หิ อริยสโงฺฆ ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, สงฺฆํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๖.๑๘; สุ. นิ. ๒๔๑) ตถาคโตติ วุจฺจติ, เอวํ ตปฺปริยาปนฺนา อริยปุคฺคลา, ยถา จ ปุริมกา ทุติยอคฺคสาวกา กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ ปารมิโย ปูเรตฺวา อาคตา, อยมฺปิ มหาเถโร ตถา อาคโตติ ตถาคโตติฯ ปติอคฺคเฬว อฎฺฐาสีติ อคฺคฬสฺส พหิภาเค อฎฺฐาสิฯ
506.Koṭṭhamanupaviṭṭhoti āsayo vaccaguttaṭṭhānatāya koṭṭhaṃ, tassa abbhantarañhettha koṭṭhaṃ. Anurūpo hutvā paviṭṭho anupaviṭṭho. Sukhumañhi tadanucchavikaṃ attabhāvaṃ māpetvā ayaṃ tattha paviṭṭho. Garugaro viyāti garukagaruko viya. U-kārassa hi o-kāraṃ katvā ayaṃ niddeso, ativiya garuko maññeti attho. Garugaru viya icceva vā pāṭho. Māsabhattaṃ māso uttarapadalopena, māsabhattena ācitaṃ pūritaṃ māsācitaṃ maññe. Tenāha ‘‘māsabhattaṃ bhuttassa kucchi viyā’’ti. Uttarapadalopena vinā atthaṃ dassetuṃ ‘‘māsapūritapasibbako viyā’’ti vuttaṃ. Tintamāso viyāti tintamāso pasibbako viya. Kiṃ nu kho etaṃ mama kucchiyaṃ pubbaṃ bhārikattaṃ, kiṃ nu kho kathaṃ nu kho jātanti adhippāyo? Upāyenāti pathena ñāyena. Byatirekato panassa anupāyaṃ dassetuṃ ‘‘sace panā’’tiādi vuttaṃ. Attānameva vā sandhāya ‘‘mā tathāgataṃ vihesesī’’ti āha. Yathā hi ariyasaṅgho ‘‘tathāgataṃ devamanussapūjitaṃ, saṅghaṃ namassāma suvatthi hotū’’tiādīsu (khu. pā. 6.18; su. ni. 241) tathāgatoti vuccati, evaṃ tappariyāpannā ariyapuggalā, yathā ca purimakā dutiyaaggasāvakā kappānaṃ satasahassādhikaṃ ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ pāramiyo pūretvā āgatā, ayampi mahāthero tathā āgatoti tathāgatoti. Patiaggaḷeva aṭṭhāsīti aggaḷassa bahibhāge aṭṭhāsi.
๕๐๗. รุกฺขเทวตา นาม จาตุมหาราชิเกสุ นิหีโน กาโย, ตสฺมา เนสํ มนุสฺสคโนฺธ ปริจิตตฺตา นาติเชคุโจฺฉติ อาห ‘‘อากาสฎฺฐเทวตาน’’นฺติฯ อาพาธํ กโรตีติ ทุกฺขํ ชเนติฯ นาคริโกติ สุกุมาโรฯ ปริโจโกฺขติ สพฺพโส สุจิรูโปฯ ญาติโกฎินฺติ ญาติภาคํฯ อนาทิมติ หิ สํสาเร ญาติภาครหิโต นาม สโตฺต กสฺสจิปิ นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ อิทนฺติ ‘‘โส เม ตฺวํ ภาคิเนโยฺย โหสี’’ติ อิทํ วจนํฯ ปเวณิวเสนาติ ตทา มยฺหํ ภาคิเนโยฺย หุตฺวา อิทานิ มารฎฺฐาเน ฐิโตติ อิมิสฺสา ปเวณิยา วเสน วุตฺตํฯ อญฺญสฺส วา เวสมํ ธุโร วิธุโรฯ เตนาห ‘‘อเญฺญหิ สทฺธิํ อสทิโส’’ติฯ อปฺปทุเกฺขนาติ สุเขเนวฯ ปนฺถานํ อวนฺติ คจฺฉนฺตีติ ปถาวิโนฯ เอตฺตเกนาติ เอตฺตาวตา จิตกสนฺนิสเยนฯ อุทกเลณนฺติ อุทกนิสฺสนฺทนเลณํฯ สมาปตฺติโตติ นิโรธสมาปตฺติโตฯ สมาปตฺติผลนฺติ นิโรธสมาปตฺติผลํฯ
507. Rukkhadevatā nāma cātumahārājikesu nihīno kāyo, tasmā nesaṃ manussagandho paricitattā nātijegucchoti āha ‘‘ākāsaṭṭhadevatāna’’nti. Ābādhaṃ karotīti dukkhaṃ janeti. Nāgarikoti sukumāro. Paricokkhoti sabbaso sucirūpo. Ñātikoṭinti ñātibhāgaṃ. Anādimati hi saṃsāre ñātibhāgarahito nāma satto kassacipi natthīti adhippāyo. Idanti ‘‘so me tvaṃ bhāgineyyo hosī’’ti idaṃ vacanaṃ. Paveṇivasenāti tadā mayhaṃ bhāgineyyo hutvā idāni māraṭṭhāne ṭhitoti imissā paveṇiyā vasena vuttaṃ. Aññassa vā vesamaṃ dhuro vidhuro. Tenāha ‘‘aññehi saddhiṃ asadiso’’ti. Appadukkhenāti sukheneva. Panthānaṃ avanti gacchantīti pathāvino. Ettakenāti ettāvatā citakasannisayena. Udakaleṇanti udakanissandanaleṇaṃ. Samāpattitoti nirodhasamāpattito. Samāpattiphalanti nirodhasamāpattiphalaṃ.
๕๐๘. ทสหิ อโกฺกสวตฺถูหีติ ทสหิปิ อโกฺกสวตฺถูหิ, ตโต กิญฺจิ อหาเปนฺตาฯ ปริภาสถาติ ครหถฯ ฆเฎฺฎถาติ อนูนาหิ กถาหิ อิเมสุ โอวิชฺฌถฯ ทุกฺขาเปถาติ จิเตฺต ทุกฺขํ ชเนถฯ เอเตสนฺติ เตสํ ภิกฺขูนํ ตุมฺหากํ อโกฺกสนาทีหิ ภิกฺขูนํ กิเลสุปฺปตฺติยาฯ เตเนตฺถ ทูสี มาโร โอตารํ ลภติ นามาติ อธิปฺปาโยฯ อุปฎฺฐาตพฺพํ อิภํ อรหนฺตีติ อิพฺภา, หตฺถิภณฺฑกา, หีนชีวิกตาย เหเต อิพฺภา วิยาติ อิพฺภา, เต ปน สทุติยกวเสน ‘‘คหปติกา’’ติ วุตฺตาฯ กณฺหาติ กณฺหาภิชาติกาฯ ปาทโต ชาตตฺตา ปาทานํ อปจฺจาฯ อาลสิยชาตาติ กสิวณิชฺชาทิกมฺมสฺส อกรเณน สญฺชาตาลสิยาฯ คูถนิทฺธมนปนาฬีติ วจฺจกูปโต คูถสฺส นิกฺขมปเทโสฯ
508.Dasahi akkosavatthūhīti dasahipi akkosavatthūhi, tato kiñci ahāpentā. Paribhāsathāti garahatha. Ghaṭṭethāti anūnāhi kathāhi imesu ovijjhatha. Dukkhāpethāti citte dukkhaṃ janetha. Etesanti tesaṃ bhikkhūnaṃ tumhākaṃ akkosanādīhi bhikkhūnaṃ kilesuppattiyā. Tenettha dūsī māro otāraṃ labhati nāmāti adhippāyo. Upaṭṭhātabbaṃ ibhaṃ arahantīti ibbhā, hatthibhaṇḍakā, hīnajīvikatāya hete ibbhā viyāti ibbhā, te pana sadutiyakavasena ‘‘gahapatikā’’ti vuttā. Kaṇhāti kaṇhābhijātikā. Pādato jātattā pādānaṃ apaccā. Ālasiyajātāti kasivaṇijjādikammassa akaraṇena sañjātālasiyā. Gūthaniddhamanapanāḷīti vaccakūpato gūthassa nikkhamapadeso.
มนุสฺสานํ อกุสลํ น ภเวยฺย เตสํ ตาทิสาย อภิสนฺธิยา อภาวโตฯ อาเวสกสฺส อานุภาเวน อาวิฎฺฐสฺส จิตฺตสนฺตติ วิปริวตฺตตีติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ วิสภาควตฺถุนฺติ ภิกฺขูนํ สนฺติเก อิตฺถิรูปํ, ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปุริสรูปนฺติ อีทิสํ, อญฺญํ วา ปพฺพชิตานํ อสารุปฺปํ วิสภาควตฺถุํฯ วิปฺปฎิสารารมฺมณนฺติ ปสฺสนฺตานํ วิปฺปฎิสารสฺส ปจฺจยํฯ เลปยฎฺฐินฺติ เลปลิตฺตํ วากุรยฎฺฐิํฯ
Manussānaṃ akusalaṃ na bhaveyya tesaṃ tādisāya abhisandhiyā abhāvato. Āvesakassa ānubhāvena āviṭṭhassa cittasantati viparivattatīti vuttovāyamattho. Visabhāgavatthunti bhikkhūnaṃ santike itthirūpaṃ, bhikkhunīnaṃ santike purisarūpanti īdisaṃ, aññaṃ vā pabbajitānaṃ asāruppaṃ visabhāgavatthuṃ. Vippaṭisārārammaṇanti passantānaṃ vippaṭisārassa paccayaṃ. Lepayaṭṭhinti lepalittaṃ vākurayaṭṭhiṃ.
๕๑๐. โสมนสฺสวเสนาติ เคหสฺสิตโสมนสฺสวเสนฯ อญฺญถตฺตนฺติ อุปฺปิลาวิตตฺตํฯ ปุริมนเยเนวาติ ‘‘สเจ มาโร มนุสฺสานํ สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา’’ติอาทินา ปุเพฺพ วุตฺตนเยนฯ ยทิ มาโรว ตถา กเรยฺย, มนุสฺสานํ กุสลํ น ภเวยฺย, มารเสฺสว ภเวยฺย, สรีเร ปน อนธิมุจฺจิตฺวา ตาทิสํ ปสาทนียํ ปสาทวตฺถุํ ทเสฺสสิฯ เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิฯ
510.Somanassavasenāti gehassitasomanassavasena. Aññathattanti uppilāvitattaṃ. Purimanayenevāti ‘‘sace māro manussānaṃ sarīre adhimuccitvā’’tiādinā pubbe vuttanayena. Yadi mārova tathā kareyya, manussānaṃ kusalaṃ na bhaveyya, mārasseva bhaveyya, sarīre pana anadhimuccitvā tādisaṃ pasādanīyaṃ pasādavatthuṃ dassesi. Tenāha ‘‘yathā hī’’tiādi.
๕๑๑. อสุภสญฺญาปริจิเตนาติ สกลํ กายํ อสุภนฺติ ปวตฺตาย สญฺญาย สหคตชฺฌานํ อสุภสญฺญา, เตน ปริจิเตน ปริภาวิเตนฯ เจตสา จิเตฺตนฯ พหุลนฺติ อภิณฺหํฯ วิหรโตติ วิหรนฺตสฺส, อสุภสมาปตฺติพหุลสฺสาติ อโตฺถฯ ปติลียตีติ สงฺกุจติ ตตฺถ ปฎิกูลตาย สณฺฐิตตฺตาฯ ปติกุฎตีติ อปสกฺกติฯ ปติวตฺตตีติ นิวตฺตติฯ ตโต เอว น สมฺปสาริยติฯ รสตณฺหายาติ มธุราทิรสวิสยาย ตณฺหายฯ
511.Asubhasaññāparicitenāti sakalaṃ kāyaṃ asubhanti pavattāya saññāya sahagatajjhānaṃ asubhasaññā, tena paricitena paribhāvitena. Cetasā cittena. Bahulanti abhiṇhaṃ. Viharatoti viharantassa, asubhasamāpattibahulassāti attho. Patilīyatīti saṅkucati tattha paṭikūlatāya saṇṭhitattā. Patikuṭatīti apasakkati. Pativattatīti nivattati. Tato eva na sampasāriyati. Rasataṇhāyāti madhurādirasavisayāya taṇhāya.
สพฺพโลเก อนภิรติสญฺญาติ ตีสุปิ ภเวสุ อรุจฺจนวเสน ปวตฺตา วิปสฺสนาภาวนาฯ นิพฺพิทานุปสฺสนา เหสาฯ โลกจิเตฺรสูติ หตฺถิอสฺสรถปาสาทกูฎาคาราทิเภเทสุ เจว อารามรามเณยฺยกาทิเภเทสุ จ โลเก จิตฺตวิจิเตฺตสุฯ ราคสนฺตานิ วูปสนฺตราคานิฯ โทสโมหสนฺตานีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อิเมสํ เอวํ กมฺมฎฺฐานคฺคหณํ สเพฺพสํ สปฺปายภาวโตฯ
Sabbaloke anabhiratisaññāti tīsupi bhavesu aruccanavasena pavattā vipassanābhāvanā. Nibbidānupassanā hesā. Lokacitresūti hatthiassarathapāsādakūṭāgārādibhedesu ceva ārāmarāmaṇeyyakādibhedesu ca loke cittavicittesu. Rāgasantāni vūpasantarāgāni. Dosamohasantānīti etthāpi eseva nayo. Imesaṃ evaṃ kammaṭṭhānaggahaṇaṃ sabbesaṃ sappāyabhāvato.
๕๑๒. สกฺขรํ คเหตฺวาติ สกฺขราสีเสน ตตฺตกํ ภินฺนปาสาณมุฎฺฐินฺติ อาห ‘‘อโนฺตมุฎฺฐิยํ ติฎฺฐนปมาณํ ปาสาณ’’นฺติฯ มุฎฺฐิปริยาปนฺนนฺติ อโตฺถฯ อยญฺหิ ปาสาณสฺส เหฎฺฐิมโกฎิฯ หตฺถินาโคติ มหาหตฺถีฯ มหนฺตปริยาโย นาค-สโทฺทติ เกจิฯ อหินาคาทิโต วา วิเสสนตฺถํ หตฺถินาโคติ วุตฺตํฯ สกลสรีเรเนว นิวตฺติตฺวา อปโลเกสีติ วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ น วายนฺติ เอตฺถ วา-สโทฺท อวธารณโตฺถติ อาห ‘‘เนว ปมาณํ อญฺญาสี’’ติฯ สหาปโลกนายาติ จ วจนโตติ อิมินา วจเนน อิมํ วจนมตฺตํ คเหตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ อุฬาเรติ อุฬารคุเณฯ ภควนฺตญฺหิ ฐเปตฺวา นตฺถิ ตทา สเทวเก โลเก ตาทิโส คุณวิเสสยุโตฺตติฯ
512.Sakkharaṃgahetvāti sakkharāsīsena tattakaṃ bhinnapāsāṇamuṭṭhinti āha ‘‘antomuṭṭhiyaṃ tiṭṭhanapamāṇaṃ pāsāṇa’’nti. Muṭṭhipariyāpannanti attho. Ayañhi pāsāṇassa heṭṭhimakoṭi. Hatthināgoti mahāhatthī. Mahantapariyāyo nāga-saddoti keci. Ahināgādito vā visesanatthaṃ hatthināgoti vuttaṃ. Sakalasarīreneva nivattitvā apalokesīti vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Na vāyanti ettha vā-saddo avadhāraṇatthoti āha ‘‘neva pamāṇaṃ aññāsī’’ti. Sahāpalokanāyāti ca vacanatoti iminā vacanena imaṃ vacanamattaṃ gahetvāti adhippāyo. Uḷāreti uḷāraguṇe. Bhagavantañhi ṭhapetvā natthi tadā sadevake loke tādiso guṇavisesayuttoti.
วิสุํ วิสุํ ปจฺจตฺตเวทนิโย อยสูเลน สทฺธิํ ภูตานิ ฉ ผสฺสายตนานิ เอตสฺสาติ ฉ ผสฺสายตนํ, ทุกฺขํฯ ตํ เอตฺถ อตฺถีติ ฉ ผสฺสายตนิโก, นิรโยฯ เตนาห ‘‘ฉสุ ผสฺสา…เป.… ปจฺจโย’’ติฯ สมาหนตีติ สมาหโต, อเนกสตเภโท สงฺกุสมาหโต เอตฺถ อตฺถีติ สงฺกุสมาหโต, นิรโยฯ วิเสสปจฺจยตาย เวทนาย ฐิโตติ เวทนิโย, การณาการเกน วินา ปจฺจตฺตํ สยเมว เวทนิโยติ ปจฺจตฺตเวทนิโยฯ อยสูเลน สทฺธิํ อยสูลนฺติ ปาทปเทสโต ปฎฺฐาย นิรนฺตรํ อภิหนนวเสน อาคเตน ปณฺณาสาย ชเนหิ คหิเตน อยสูเลน สห สีสปเทสโต ปฎฺฐาย อาคตํฯ อยสูลภาวสามเญฺญน เจตํ เอกวจนํ, สตมตฺตานิ ปติตานิ สูลานิฯ อิมินา เต ฐาเนน จิเนฺตตฺวาติ นิสฺสิตโวหาเรน นิสฺสยํ วทติฯ เอวํ วุตฺตนฺติ ‘‘ตทา ชาเนยฺยาสิ วสฺสสหสฺสํ เม นิรเย ปจฺจมานสฺสา’’ติ เอวํ วุตฺตํฯ วุฎฺฐานิมนฺติ วุฎฺฐาเน ภวํ, อนฺติมนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘วิปากวุฎฺฐานเวทน’’นฺติ, วิปากสฺส ปริโยสานํ เวทนนฺติ อโตฺถฯ ทุกฺขตรา โหติ ปทีปสฺส วิชฺฌายนกฺขเณ มหนฺตภาโว วิยฯ
Visuṃ visuṃ paccattavedaniyo ayasūlena saddhiṃ bhūtāni cha phassāyatanāni etassāti cha phassāyatanaṃ, dukkhaṃ. Taṃ ettha atthīti cha phassāyataniko, nirayo. Tenāha ‘‘chasu phassā…pe… paccayo’’ti. Samāhanatīti samāhato, anekasatabhedo saṅkusamāhato ettha atthīti saṅkusamāhato, nirayo. Visesapaccayatāya vedanāya ṭhitoti vedaniyo, kāraṇākārakena vinā paccattaṃ sayameva vedaniyoti paccattavedaniyo. Ayasūlena saddhiṃ ayasūlanti pādapadesato paṭṭhāya nirantaraṃ abhihananavasena āgatena paṇṇāsāya janehi gahitena ayasūlena saha sīsapadesato paṭṭhāya āgataṃ. Ayasūlabhāvasāmaññena cetaṃ ekavacanaṃ, satamattāni patitāni sūlāni. Iminā te ṭhānena cintetvāti nissitavohārena nissayaṃ vadati. Evaṃ vuttanti ‘‘tadā jāneyyāsi vassasahassaṃ me niraye paccamānassā’’ti evaṃ vuttaṃ. Vuṭṭhānimanti vuṭṭhāne bhavaṃ, antimanti attho. Tenāha ‘‘vipākavuṭṭhānavedana’’nti, vipākassa pariyosānaṃ vedananti attho. Dukkhatarā hoti padīpassa vijjhāyanakkhaṇe mahantabhāvo viya.
๕๑๓. ฆฎฺฎยิตฺวา โปเถตฺวาฯ ปาฎิเยกฺกเวทนาชนกาติ ปเจฺจกํ มหาทุกฺขสมุปฺปาทกาฯ อยโต อปคโต นิรโย, โส เทวทูตสุเตฺตน (ม. นิ. ๓.๒๖๑) ทีเปตโพฺพฯ อตฺถวณฺณนา ปนสฺส ปรโต สยเมว อาคมิสฺสติฯ อิมํ ปน อตีตวตฺถุํ อาหริตฺวา อตฺตโน ญาณานุภาวทีปนมุเขน มารํ สนฺตเชฺชโนฺต มหาเถโร ‘‘โย เอตมภิชานาตี’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – โย มหาภิโญฺญ เอตํ กมฺมํ กมฺมผลญฺจ หตฺถตเล ฐปิตํ อามลกํ วิย อภิมุขํ กตฺวา ปจฺจกฺขโต ชานาติฯ สพฺพโส ภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อคฺคสาวโก, ตาทิสํ อุฬารคุณํ อาสชฺช ฆฎฺฎยิตฺวา เอกนฺตกาฬเกหิ ปาปธเมฺมหิ สมนฺนาคตตฺตา กณฺห มาร อายติํ มหาทุกฺขํ วินฺทิสฺสสิฯ
513.Ghaṭṭayitvā pothetvā. Pāṭiyekkavedanājanakāti paccekaṃ mahādukkhasamuppādakā. Ayato apagato nirayo, so devadūtasuttena (ma. ni. 3.261) dīpetabbo. Atthavaṇṇanā panassa parato sayameva āgamissati. Imaṃ pana atītavatthuṃ āharitvā attano ñāṇānubhāvadīpanamukhena māraṃ santajjento mahāthero ‘‘yoetamabhijānātī’’ti gāthamāha. Tassattho – yo mahābhiñño etaṃ kammaṃ kammaphalañca hatthatale ṭhapitaṃ āmalakaṃ viya abhimukhaṃ katvā paccakkhato jānāti. Sabbaso bhinnakilesatāya bhikkhu sammāsambuddhassa aggasāvako, tādisaṃ uḷāraguṇaṃ āsajja ghaṭṭayitvā ekantakāḷakehi pāpadhammehi samannāgatattā kaṇha māra āyatiṃ mahādukkhaṃ vindissasi.
อุทกํ วตฺถุํ กตฺวาติ ตตฺถ นิพฺพตฺตนกสตฺตานํ สาธารณกมฺมผเลน มหาสมุทฺทอุทกเมว อธิฎฺฐานํ กตฺวาฯ ตถา หิ ตานิ กปฺปฎฺฐิติกานิ โหนฺติฯ เตนาห ‘‘กปฺปฎฺฐายิโน’’ติฯ เตสนฺติ วิมานานํฯ เอตํ ยถาวุตฺตวิมานวตฺถุํ ตาสํ อจฺฉรานํ สมฺปตฺติํ, ตสฺส จ การณํ อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา ชานาติฯ ปาทงฺคุเฎฺฐน กมฺปยีติ ปุพฺพาราเม วิสาขาย มหาอุปาสิกาย การิตํ สหสฺสคพฺภปฎิมณฺฑิตมหาปาสาทํ อตฺตโน ปาทงฺคุเฎฺฐน กเมฺปสิฯ เตนาห ‘‘อิทํ ปาสาทกมฺปนสุเตฺตน ทีเปตพฺพ’’นฺติฯ อิทนฺติ ‘‘โย เวชยนฺต’’นฺติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถชาตํ จูฬตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติสุเตฺตเนว (ม. นิ. ๑.๓๙๓) ทีเปตพฺพํฯ
Udakaṃ vatthuṃ katvāti tattha nibbattanakasattānaṃ sādhāraṇakammaphalena mahāsamuddaudakameva adhiṭṭhānaṃ katvā. Tathā hi tāni kappaṭṭhitikāni honti. Tenāha ‘‘kappaṭṭhāyino’’ti. Tesanti vimānānaṃ. Etaṃ yathāvuttavimānavatthuṃ tāsaṃ accharānaṃ sampattiṃ, tassa ca kāraṇaṃ attapaccakkhaṃ katvā jānāti. Pādaṅguṭṭhena kampayīti pubbārāme visākhāya mahāupāsikāya kāritaṃ sahassagabbhapaṭimaṇḍitamahāpāsādaṃ attano pādaṅguṭṭhena kampesi. Tenāha ‘‘idaṃ pāsādakampanasuttena dīpetabba’’nti. Idanti ‘‘yo vejayanta’’nti imissā gāthāya atthajātaṃ cūḷataṇhāsaṅkhayavimuttisutteneva (ma. ni. 1.393) dīpetabbaṃ.
ตสฺส พฺรหฺมคณสฺส ตถาจินฺตนสมนนฺตรเมว ตสฺมิํ พฺรหฺมโลเก สุธมฺมํ พฺรหฺมสภํ คนฺตฺวาฯ เตปีติ มหาโมคฺคลฺลานาทโยฯ ปเจฺจกํ ทิสาสูติ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโร ปุรตฺถิมทิสายํ, มหากสฺสปเตฺถโร ทกฺขิณทิสายํ, มหากปฺปินเตฺถโร ปจฺฉิมทิสายํ, อนุรุทฺธเตฺถโร อุตฺตรทิสายนฺติ เอวํ จตฺตาโร เถรา พฺรหฺมปริสมตฺถเก มเชฺฌ นิสินฺนสฺส ภควโต สมนฺตโต จตุทฺทิสา นิสีทิํสุฯ คาถา วุตฺตาติ ‘‘โย พฺรหฺมํ ปริปุจฺฉตี’’ติ คาถา วุตฺตาฯ อญฺญตรพฺรหฺมสุเตฺตนาติ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส พฺรหฺมุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๑.๑๗๖) มหาวเคฺค อาคเตน อญฺญตรพฺรหฺมสุเตฺตนฯ
Tassa brahmagaṇassa tathācintanasamanantarameva tasmiṃ brahmaloke sudhammaṃ brahmasabhaṃ gantvā. Tepīti mahāmoggallānādayo. Paccekaṃ disāsūti mahāmoggallānatthero puratthimadisāyaṃ, mahākassapatthero dakkhiṇadisāyaṃ, mahākappinatthero pacchimadisāyaṃ, anuruddhatthero uttaradisāyanti evaṃ cattāro therā brahmaparisamatthake majjhe nisinnassa bhagavato samantato catuddisā nisīdiṃsu. Gāthā vuttāti ‘‘yo brahmaṃ paripucchatī’’ti gāthā vuttā. Aññatarabrahmasuttenāti – ‘‘tena kho pana samayena aññatarassa brahmuno evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ hotī’’tiādinā (saṃ. ni. 1.176) mahāvagge āgatena aññatarabrahmasuttena.
ฌานวิโมเกฺขน ผุสีติ ฌานวิโมกฺขสนฺนิสฺสเยน อภิญฺญาญาเณน ผสฺสยิฯ วนนฺติ ชมฺพุทีปํ อผสฺสยีติ สมฺพโนฺธฯ ชมฺพุทีโป หิ วนพหุลตาย อิธ ‘‘วน’’นฺติ วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘ชมฺพุสณฺฑสฺส อิสฺสโร’’ติฯ ปุพฺพวิเทหานํ ทีปนฺติ ปุพฺพวิเทหวาสีนํ ทีปํ, ปุพฺพวิเทหทีปนฺติ อโตฺถฯ ภูมิสยา นรา นาม อปรโคยานกา อุตฺตรกุรุกา จฯ ยสฺมา เต เคหปริคฺคหาภาวโต ภูมิยํเยว สยนฺติ, น ปาสาทาทีสุฯ ปฎิลภีติ อุปฺปาเทสิฯ เอตํ อาสํ มา อกาสีติ เอสา ยถา ปุเพฺพ ทูสิมารสฺส, เอวํ ตุยฺหํ อาสา ทีฆรตฺตํ อนตฺถาวหา, ตสฺมา เอทิสํ อาสํ มา อกาสีติ มารสฺส โอวาทํ อทาสิฯ เสสํ สพฺพตฺถ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Jhānavimokkhena phusīti jhānavimokkhasannissayena abhiññāñāṇena phassayi. Vananti jambudīpaṃ aphassayīti sambandho. Jambudīpo hi vanabahulatāya idha ‘‘vana’’nti vutto. Tenāha ‘‘jambusaṇḍassa issaro’’ti. Pubbavidehānaṃ dīpanti pubbavidehavāsīnaṃ dīpaṃ, pubbavidehadīpanti attho. Bhūmisayā narā nāma aparagoyānakā uttarakurukā ca. Yasmā te gehapariggahābhāvato bhūmiyaṃyeva sayanti, na pāsādādīsu. Paṭilabhīti uppādesi. Etaṃ āsaṃ mā akāsīti esā yathā pubbe dūsimārassa, evaṃ tuyhaṃ āsā dīgharattaṃ anatthāvahā, tasmā edisaṃ āsaṃ mā akāsīti mārassa ovādaṃ adāsi. Sesaṃ sabbattha suviññeyyameva.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
มารตชฺชนียสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Māratajjanīyasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
นิฎฺฐิตา จ จูฬยมกวคฺควณฺณนาฯ
Niṭṭhitā ca cūḷayamakavaggavaṇṇanā.
มูลปณฺณาสฎีกา สมตฺตาฯ
Mūlapaṇṇāsaṭīkā samattā.
ทุติโย ภาโค นิฎฺฐิโตฯ
Dutiyo bhāgo niṭṭhito.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑๐. มารตชฺชนียสุตฺตํ • 10. Māratajjanīyasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. มารตชฺชนียสุตฺตวณฺณนา • 10. Māratajjanīyasuttavaṇṇanā