Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๕. มาตงฺคปุตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา
5. Mātaṅgaputtattheragāthāvaṇṇanā
อติสีตนฺติ อายสฺมโต มาตงฺคปุตฺตเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หิมวนฺตสมีเป มหโต ชาตสฺสรสฺส เหฎฺฐา มหติ นาคภวเน มหานุภาโว นาคราชา หุตฺวา นิพฺพโตฺต เอกทิวสํ นาคภวนโต นิกฺขมิตฺวา วิจรโนฺต สตฺถารํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อตฺตโน สีสมณินา ปูชํ อกาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรเฎฺฐ มาตงฺคสฺส นาม กุฎุมฺพิกสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพโตฺต มาตงฺคปุโตฺตเตฺวว ปญฺญายิตฺถฯ โส วิญฺญุตํ ปโตฺต อลสชาติโก หุตฺวา กิญฺจิ กมฺมํ อกโรโนฺต ญาตเกหิ อเญฺญหิ จ ครหิโต ‘‘สุขชีวิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา’’ติ สุขชีวิตํ อากงฺขโนฺต ภิกฺขูหิ กตปริจโย หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา อเญฺญ ภิกฺขู อิทฺธิมเนฺต ทิสฺวา อิทฺธิพลํ ปเตฺถตฺวา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา ภาวนํ อนุยุญฺชโนฺต ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๘-๒๙) –
Atisītanti āyasmato mātaṅgaputtattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato kāle himavantasamīpe mahato jātassarassa heṭṭhā mahati nāgabhavane mahānubhāvo nāgarājā hutvā nibbatto ekadivasaṃ nāgabhavanato nikkhamitvā vicaranto satthāraṃ ākāsena gacchantaṃ disvā pasannamānaso attano sīsamaṇinā pūjaṃ akāsi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde kosalaraṭṭhe mātaṅgassa nāma kuṭumbikassa putto hutvā nibbatto mātaṅgaputtotveva paññāyittha. So viññutaṃ patto alasajātiko hutvā kiñci kammaṃ akaronto ñātakehi aññehi ca garahito ‘‘sukhajīvino ime samaṇā sakyaputtiyā’’ti sukhajīvitaṃ ākaṅkhanto bhikkhūhi kataparicayo hutvā satthāraṃ upasaṅkamitvā dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā aññe bhikkhū iddhimante disvā iddhibalaṃ patthetvā satthu santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā bhāvanaṃ anuyuñjanto chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.48.8-29) –
‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;
‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbadhammāna pāragū;
วิเวกกาโม สมฺพุโทฺธ, คจฺฉเต อนิลญฺชเสฯ
Vivekakāmo sambuddho, gacchate anilañjase.
‘‘อวิทูเร หิมวนฺตสฺส, มหาชาตสฺสโร อหุ;
‘‘Avidūre himavantassa, mahājātassaro ahu;
ตตฺถ เม ภวนํ อาสิ, ปุญฺญกเมฺมน สํยุตํฯ
Tattha me bhavanaṃ āsi, puññakammena saṃyutaṃ.
‘‘ภวนา อภินิกฺขมฺม, อทฺทสํ โลกนายกํ;
‘‘Bhavanā abhinikkhamma, addasaṃ lokanāyakaṃ;
อินฺทีวรํว ชลิตํ, อาทิตฺตํว หุตาสนํฯ
Indīvaraṃva jalitaṃ, ādittaṃva hutāsanaṃ.
‘‘วิจินํ นทฺทสํ ปุปฺผํ, ปูชยิสฺสนฺติ นายกํ;
‘‘Vicinaṃ naddasaṃ pupphaṃ, pūjayissanti nāyakaṃ;
สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, อวนฺทิํ สตฺถุโน อหํฯ
Sakaṃ cittaṃ pasādetvā, avandiṃ satthuno ahaṃ.
‘‘มม สีเส มณิํ คยฺห, ปูชยิํ โลกนายกํ;
‘‘Mama sīse maṇiṃ gayha, pūjayiṃ lokanāyakaṃ;
อิมาย มณิปูชาย, วิปาโก โหตุ ภทฺทโกฯ
Imāya maṇipūjāya, vipāko hotu bhaddako.
‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฎิคฺคโห;
‘‘Padumuttaro lokavidū, āhutīnaṃ paṭiggaho;
อนฺตลิเกฺข ฐิโต สตฺถา, อิมํ คาถํ อภาสถฯ
Antalikkhe ṭhito satthā, imaṃ gāthaṃ abhāsatha.
‘‘โส เต อิชฺฌตุ สงฺกโปฺป, ลภสฺสุ วิปุลํ สุขํ;
‘‘So te ijjhatu saṅkappo, labhassu vipulaṃ sukhaṃ;
อิมาย มณิปูชาย, อนุโภหิ มหายสํฯ
Imāya maṇipūjāya, anubhohi mahāyasaṃ.
‘‘อิทํ วตฺวาน ภควา, ชลชุตฺตมนามโก;
‘‘Idaṃ vatvāna bhagavā, jalajuttamanāmako;
อคมาสิ พุทฺธเสโฎฺฐ, ยตฺถ จิตฺตํ ปณีหิตํฯ
Agamāsi buddhaseṭṭho, yattha cittaṃ paṇīhitaṃ.
‘‘สฎฺฐิกปฺปานิ เทวิโนฺท, เทวรชฺชมการยิํ;
‘‘Saṭṭhikappāni devindo, devarajjamakārayiṃ;
อเนกสตกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํฯ
Anekasatakkhattuñca, cakkavattī ahosahaṃ.
‘‘ปุพฺพกมฺมํ สรนฺตสฺส, เทวภูตสฺส เม สโต;
‘‘Pubbakammaṃ sarantassa, devabhūtassa me sato;
มณิ นิพฺพตฺตเต มยฺหํ, อาโลกกรโณ มมํฯ
Maṇi nibbattate mayhaṃ, ālokakaraṇo mamaṃ.
‘‘ฉฬสีติสหสฺสานิ , นาริโย เม ปริคฺคหา;
‘‘Chaḷasītisahassāni , nāriyo me pariggahā;
วิจิตฺตวตฺถาภรณา, อามุกฺกมณิกุณฺฑลาฯ
Vicittavatthābharaṇā, āmukkamaṇikuṇḍalā.
‘‘อฬารปมฺหา หสุลา, สุสญฺญา ตนุมชฺฌิมา;
‘‘Aḷārapamhā hasulā, susaññā tanumajjhimā;
ปริวาเรนฺติ มํ นิจฺจํ, มณิปูชายิทํ ผลํฯ
Parivārenti maṃ niccaṃ, maṇipūjāyidaṃ phalaṃ.
‘‘โสณฺณมยา มณิมยา, โลหิตงฺกมยา ตถา;
‘‘Soṇṇamayā maṇimayā, lohitaṅkamayā tathā;
ภณฺฑา เม สุกตา โหนฺติ, ยทิจฺฉสิ ปิฬนฺธนาฯ
Bhaṇḍā me sukatā honti, yadicchasi piḷandhanā.
‘‘กูฎาคารา คหา รมฺมา, สยนญฺจ มหารหํ;
‘‘Kūṭāgārā gahā rammā, sayanañca mahārahaṃ;
มม สงฺกปฺปมญฺญาย, นิพฺพตฺตนฺติ ยทิจฺฉกํฯ
Mama saṅkappamaññāya, nibbattanti yadicchakaṃ.
‘‘ลาภา เตสํ สุลทฺธญฺจ, เย ลภนฺติ อุปสฺสุติํ;
‘‘Lābhā tesaṃ suladdhañca, ye labhanti upassutiṃ;
ปุญฺญเกฺขตฺตํ มนุสฺสานํ, โอสธํ สพฺพปาณินํฯ
Puññakkhettaṃ manussānaṃ, osadhaṃ sabbapāṇinaṃ.
‘‘มยฺหมฺปิ สุกตํ กมฺมํ, โยหํ อทกฺขิ นายกํ;
‘‘Mayhampi sukataṃ kammaṃ, yohaṃ adakkhi nāyakaṃ;
วินิปาตา ปมุโตฺตมฺหิ, ปโตฺตมฺหิ อจลํ ปทํฯ
Vinipātā pamuttomhi, pattomhi acalaṃ padaṃ.
‘‘ยํ ยํ โยนูปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;
‘‘Yaṃ yaṃ yonūpapajjāmi, devattaṃ atha mānusaṃ;
ทิวสเญฺจว รตฺติญฺจ, อาโลโก โหติ เม สทาฯ
Divasañceva rattiñca, āloko hoti me sadā.
‘‘ตาเยว มณิปูชาย, อนุโภตฺวาน สมฺปทา;
‘‘Tāyeva maṇipūjāya, anubhotvāna sampadā;
ญาณาโลโก มยา ทิโฎฺฐ, ปโตฺตมฺหิ อจลํ ปทํฯ
Ñāṇāloko mayā diṭṭho, pattomhi acalaṃ padaṃ.
‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, ยํ มณิํ อภิปูชยิํ;
‘‘Satasahassito kappe, yaṃ maṇiṃ abhipūjayiṃ;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, มณิปูชายิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, maṇipūjāyidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
ฉฬภิโญฺญ ปน หุตฺวา ปุคฺคลาธิฎฺฐานวเสน โกสชฺชํ ครหโนฺต อตฺตโน จ วีริยารมฺภํ กิเตฺตโนฺต –
Chaḷabhiñño pana hutvā puggalādhiṭṭhānavasena kosajjaṃ garahanto attano ca vīriyārambhaṃ kittento –
๒๓๑.
231.
‘‘อติสีตํ อติอุณฺหํ, อติสายมิทํ อหุ;
‘‘Atisītaṃ atiuṇhaṃ, atisāyamidaṃ ahu;
อิติ วิสฺสฎฺฐกมฺมเนฺต, ขณา อเจฺจนฺติ มาณเวฯ
Iti vissaṭṭhakammante, khaṇā accenti māṇave.
๒๓๒.
232.
‘‘โย จ สีตญฺจ อุณฺหญฺจ, ติณา ภิโยฺย น มญฺญติ;
‘‘Yo ca sītañca uṇhañca, tiṇā bhiyyo na maññati;
กรํ ปุริสกิจฺจานิ, โส สุขา น วิหายติฯ
Karaṃ purisakiccāni, so sukhā na vihāyati.
๒๓๓.
233.
‘‘ทพฺพํ กุสํ โปฎกิลํ, อุสีรํ มุญฺชปพฺพชํ;
‘‘Dabbaṃ kusaṃ poṭakilaṃ, usīraṃ muñjapabbajaṃ;
อุรสา ปนุทิสฺสามิ, วิเวกมนุพฺรูหย’’นฺติฯ – คาถาตฺตยมาห;
Urasā panudissāmi, vivekamanubrūhaya’’nti. – gāthāttayamāha;
ตตฺถ อติสีตนฺติ หิมปาตวทฺทลาทินา อติวิย สีตํ, อิทํ อหูติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ อติอุณฺหนฺติ ธมฺมปริตาปาทินา อติวิย อุณฺหํ, อุภเยนปิ อุตุวเสน โกสชฺชวตฺถุมาหฯ อติสายนฺติ ทิวสสฺส ปริณติยา อติสายํ, สายคฺคหเณเนว เจตฺถ ปาโตปิ สงฺคยฺหติ , ตทุภเยน กาลวเสน โกสชฺชวตฺถุมาหฯ อิตีติ อิมินา ปกาเรนฯ เอเตน ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา กมฺมํ กตฺตพฺพํ โหตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๘๐; ที. นิ. ๓.๓๓๔) วุตฺตํ โกสชฺชวตฺถุํ สงฺคณฺหาติฯ วิสฺสฎฺฐกมฺมเนฺตติ ปริจฺจตฺตโยคกมฺมเนฺตฯ ขณาติ พุทฺธุปฺปาทาทโย พฺรหฺมจริยวาสสฺส โอกาสาฯ อเจฺจนฺตีติ อติกฺกมนฺติฯ มาณเวติ สเตฺตฯ ติณา ภิโยฺย น มญฺญตีติ ติณโต อุปริ น มญฺญติ, ติณํ วิย มญฺญติ, สีตุณฺหานิ อภิภวิตฺวา อตฺตนา กตฺตพฺพํ กโรติฯ กรนฺติ กโรโนฺตฯ ปุริสกิจฺจานีติ วีรปุริเสน กตฺตพฺพานิ อตฺตหิตปรหิตานิฯ สุขาติ สุขโต, นิพฺพานสุขโตติ อธิปฺปาโยฯ ตติยคาถาย อโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺตเยวฯ
Tattha atisītanti himapātavaddalādinā ativiya sītaṃ, idaṃ ahūti ānetvā sambandho. Atiuṇhanti dhammaparitāpādinā ativiya uṇhaṃ, ubhayenapi utuvasena kosajjavatthumāha. Atisāyanti divasassa pariṇatiyā atisāyaṃ, sāyaggahaṇeneva cettha pātopi saṅgayhati , tadubhayena kālavasena kosajjavatthumāha. Itīti iminā pakārena. Etena ‘‘idha, bhikkhave, bhikkhunā kammaṃ kattabbaṃ hotī’’tiādinā (a. ni. 8.80; dī. ni. 3.334) vuttaṃ kosajjavatthuṃ saṅgaṇhāti. Vissaṭṭhakammanteti pariccattayogakammante. Khaṇāti buddhuppādādayo brahmacariyavāsassa okāsā. Accentīti atikkamanti. Māṇaveti satte. Tiṇā bhiyyo na maññatīti tiṇato upari na maññati, tiṇaṃ viya maññati, sītuṇhāni abhibhavitvā attanā kattabbaṃ karoti. Karanti karonto. Purisakiccānīti vīrapurisena kattabbāni attahitaparahitāni. Sukhāti sukhato, nibbānasukhatoti adhippāyo. Tatiyagāthāya attho heṭṭhā vuttoyeva.
มาตงฺคปุตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mātaṅgaputtattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๕. มาตงฺคปุตฺตเตฺถรคาถา • 5. Mātaṅgaputtattheragāthā