Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā |
ปุคฺคลปญฺญตฺติปกรณ-มูลฎีกา
Puggalapaññattipakaraṇa-mūlaṭīkā
๑. มาติกาวณฺณนา
1. Mātikāvaṇṇanā
๑. ธมฺมสงฺคเห ติกทุกวเสน สงฺคหิตานํ ธมฺมานํ วิภเงฺค ขนฺธาทิวิภาคํ ทเสฺสตฺวา ตถาสงฺคหิตวิภตฺตานํ ธาตุกถาย สงฺคหาสงฺคหาทิปฺปเภทํ วตฺวา ยาย ปญฺญตฺติยา เตสํ สภาวโต อุปาทาย จ ปญฺญาปนํ โหติ, ตํ ปเภทโต ทเสฺสตุํ ‘‘ฉ ปญฺญตฺติโย’’ติอาทินา ปุคฺคลปญฺญตฺติ อารทฺธาฯ ตตฺถ เย ธเมฺม ปุพฺพาปริยภาเวน ปวตฺตมาเน อสภาวสมูหวเสน อุปาทาย ‘‘ปุคฺคโล, อิตฺถี, ปุริโส, เทโว, มนุโสฺส’’ติอาทิกา ปุคฺคลปญฺญตฺติ โหติ, เตสํ อเญฺญสญฺจ พาหิรรูปนิพฺพานานํ สสภาวสมูหสสภาวเภทวเสน ปญฺญาปนา สภาวปญฺญตฺตีติ ขนฺธปญฺญตฺติอาทิกา ปญฺจวิธา เวทิตพฺพาฯ ตาย ธมฺมสงฺคหาทีสุ วิภตฺตา สภาวปญฺญตฺติ สพฺพาปิ สงฺคหิตา โหติฯ ปุคฺคลปญฺญตฺติ ปน อสภาวปญฺญตฺติฯ ตาย จ สมยวิมุตฺตาทิปฺปเภทาย สตฺตสนฺตานคเต ปริเญฺญยฺยาทิสภาวธเมฺม อุปาทาย ปวตฺติโต ปธานาย ‘‘วิหาโร มโญฺจ’’ติอาทิกา จ สพฺพา อสภาวปญฺญตฺติ สงฺคหิตา โหติฯ
1. Dhammasaṅgahe tikadukavasena saṅgahitānaṃ dhammānaṃ vibhaṅge khandhādivibhāgaṃ dassetvā tathāsaṅgahitavibhattānaṃ dhātukathāya saṅgahāsaṅgahādippabhedaṃ vatvā yāya paññattiyā tesaṃ sabhāvato upādāya ca paññāpanaṃ hoti, taṃ pabhedato dassetuṃ ‘‘cha paññattiyo’’tiādinā puggalapaññatti āraddhā. Tattha ye dhamme pubbāpariyabhāvena pavattamāne asabhāvasamūhavasena upādāya ‘‘puggalo, itthī, puriso, devo, manusso’’tiādikā puggalapaññatti hoti, tesaṃ aññesañca bāhirarūpanibbānānaṃ sasabhāvasamūhasasabhāvabhedavasena paññāpanā sabhāvapaññattīti khandhapaññattiādikā pañcavidhā veditabbā. Tāya dhammasaṅgahādīsu vibhattā sabhāvapaññatti sabbāpi saṅgahitā hoti. Puggalapaññatti pana asabhāvapaññatti. Tāya ca samayavimuttādippabhedāya sattasantānagate pariññeyyādisabhāvadhamme upādāya pavattito padhānāya ‘‘vihāro mañco’’tiādikā ca sabbā asabhāvapaññatti saṅgahitā hoti.
เอตฺตาวตา จ ปญฺญตฺติ นาม วิชฺชมานปญฺญตฺติ อวิชฺชมานปญฺญตฺติ จฯ ตา เอว หิ โวมิสฺสา อิตรา จตโสฺสติฯ ตสฺมา ตาสํ ทสฺสเนน อิมสฺมิํ ปกรเณ สพฺพา ปญฺญตฺติโย ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพาฯ ขนฺธาทิปญฺญตฺตีสุ ปน ฉสุ อญฺญตฺถ อทสฺสิตปฺปเภทํ อิเธว จ ทสฺสิตปฺปเภทํ ปุคฺคลปญฺญตฺติํ อุปาทาย อิมสฺส ปกรณสฺส ปุคฺคลปญฺญตฺตีติ นามํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เย ธเมฺม อิธ ปญฺญเปตุกาโมติ ปญฺญตฺติยา วตฺถุภาเวน ทเสฺสตุกาโมติ อธิปฺปาโยฯ น หิ เอตสฺมิํ ปกรเณ ปญฺญาปนํ กโรติ, วตฺถูหิ ปน ปญฺญตฺติโย ทเสฺสตีติฯ
Ettāvatā ca paññatti nāma vijjamānapaññatti avijjamānapaññatti ca. Tā eva hi vomissā itarā catassoti. Tasmā tāsaṃ dassanena imasmiṃ pakaraṇe sabbā paññattiyo dassitāti veditabbā. Khandhādipaññattīsu pana chasu aññattha adassitappabhedaṃ idheva ca dassitappabhedaṃ puggalapaññattiṃ upādāya imassa pakaraṇassa puggalapaññattīti nāmaṃ vuttanti veditabbaṃ. Ye dhamme idha paññapetukāmoti paññattiyā vatthubhāvena dassetukāmoti adhippāyo. Na hi etasmiṃ pakaraṇe paññāpanaṃ karoti, vatthūhi pana paññattiyo dassetīti.
ขนฺธาติ ปญฺญาปนาติ อิทํ ขนฺธาติ รูปํ ปถวีติอาทิกา สพฺพาปิ สามญฺญปฺปเภทปญฺญาปนา นาม โหติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปญฺญาปนาติ เอตสฺส ปน ทสฺสนา ฐปนาติ เอเต เทฺว อตฺถา, เตสํ ปกาสนา นิกฺขิปนาติฯ ตตฺถ ‘‘รูปกฺขโนฺธ…เป.… อญฺญาตาวินฺทฺริยํ สมยวิมุโตฺต’’ติอาทินา อิทเมวํนามกํ อิทเมวํนามกนฺติ ตํตํโกฎฺฐาสิกกรณํ โพธนเมว นิกฺขิปนา, น ปญฺญเปตพฺพานํ มญฺจาทีนํ วิย ฐานสมฺพนฺธกรณํฯ โย ปนายํ ‘‘นามปญฺญตฺติ หิ ทเสฺสติ จ ฐเปติ จา’’ติ กตฺตุนิเทฺทโส กโต, โส ภาวภูตาย กรณภูตาย วา นามปญฺญตฺติยา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ทิฎฺฐตาย ฐปิตตาย จ ตํนิมิตฺตตํ สนฺธาย กโตติ เวทิตโพฺพฯ
Khandhātipaññāpanāti idaṃ khandhāti rūpaṃ pathavītiādikā sabbāpi sāmaññappabhedapaññāpanā nāma hoti, taṃ sandhāya vuttanti daṭṭhabbaṃ. Paññāpanāti etassa pana dassanā ṭhapanāti ete dve atthā, tesaṃ pakāsanā nikkhipanāti. Tattha ‘‘rūpakkhandho…pe… aññātāvindriyaṃ samayavimutto’’tiādinā idamevaṃnāmakaṃ idamevaṃnāmakanti taṃtaṃkoṭṭhāsikakaraṇaṃ bodhanameva nikkhipanā, na paññapetabbānaṃ mañcādīnaṃ viya ṭhānasambandhakaraṇaṃ. Yo panāyaṃ ‘‘nāmapaññatti hi dasseti ca ṭhapeti cā’’ti kattuniddeso kato, so bhāvabhūtāya karaṇabhūtāya vā nāmapaññattiyā tesaṃ tesaṃ dhammānaṃ diṭṭhatāya ṭhapitatāya ca taṃnimittataṃ sandhāya katoti veditabbo.
วิชฺชมานปญฺญตฺตีติอาทินา วจเนน ปาฬิยํ อนาคตตํ สนฺธาย ‘‘ปาฬิมุตฺตเกนา’’ติอาทิมาหฯ กุสลากุสลเสฺสวาติ กุสลากุสลสฺส วิยฯ วิชฺชมานสฺสาติ เอตสฺส อโตฺถ สโตติ, ตสฺส อโตฺถ สมฺภูตสฺสาติฯ วิชฺชมานสฺส สโตติ วา วิชฺชมานภูตสฺสาติ อโตฺถฯ ตเมวตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สมฺภูตสฺสา’’ติฯ เตน อวิชฺชมานภาวํ ปฎิกฺขิปติฯ ตถา อวิชฺชมานสฺสาติ ยถา กุสลาทีนิ อกุสลาทิสภาวโต, ผสฺสาทโย จ เวทนาทิสภาวโต วินิวตฺตสภาวานิ วิชฺชนฺติ, ตถา อวิชฺชมานสฺส เย ธเมฺม อุปาทาย ‘‘อิตฺถี, ปุริโส’’ติ อุปลทฺธิ โหติ, เต อปเนตฺวา เตหิ วินิวตฺตสฺส อิตฺถิอาทิสภาวสฺส อภาวโต อสมฺภูตสฺสาติ อโตฺถฯ ยํ ปเนตสฺส ‘‘เตนากาเรน อวิชฺชมานสฺส อเญฺญนากาเรน วิชฺชมานสฺสา’’ติ อตฺถํ เกจิ วทนฺติ, ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปญฺญตฺติทุเก วุตฺตเมวฯ อวิชฺชมาเนปิ สภาเว โลกนิรุตฺติํ อนุคนฺตฺวา อนภินิเวเสน จิเตฺตน ‘‘อิตฺถี, ปุริโส’’ติ คหณสพฺภาวา ‘‘โลกนิรุตฺติมตฺตสิทฺธสฺสา’’ติ อาหฯ สาภินิเวเสน ปน จิเตฺตน คยฺหมานํ ปญฺจมสจฺจาทิกํ น สภาวโต, นาปิ สเงฺกเตน สิทฺธนฺติ ‘‘สพฺพากาเรนปิ อนุปลพฺภเนยฺย’’นฺติ วุตฺตํฯ ตาสุ อิมสฺมิํ…เป.… ลพฺภนฺตีติ อิมสฺมิํ ปกรเณ สรูปโต ติสฺสนฺนํ อาคตตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
Vijjamānapaññattītiādinā vacanena pāḷiyaṃ anāgatataṃ sandhāya ‘‘pāḷimuttakenā’’tiādimāha. Kusalākusalassevāti kusalākusalassa viya. Vijjamānassāti etassa attho satoti, tassa attho sambhūtassāti. Vijjamānassa satoti vā vijjamānabhūtassāti attho. Tamevatthaṃ dassento āha ‘‘sambhūtassā’’ti. Tena avijjamānabhāvaṃ paṭikkhipati. Tathā avijjamānassāti yathā kusalādīni akusalādisabhāvato, phassādayo ca vedanādisabhāvato vinivattasabhāvāni vijjanti, tathā avijjamānassa ye dhamme upādāya ‘‘itthī, puriso’’ti upaladdhi hoti, te apanetvā tehi vinivattassa itthiādisabhāvassa abhāvato asambhūtassāti attho. Yaṃ panetassa ‘‘tenākārena avijjamānassa aññenākārena vijjamānassā’’ti atthaṃ keci vadanti, tattha yaṃ vattabbaṃ, taṃ paññattiduke vuttameva. Avijjamānepi sabhāve lokaniruttiṃ anugantvā anabhinivesena cittena ‘‘itthī, puriso’’ti gahaṇasabbhāvā ‘‘lokaniruttimattasiddhassā’’ti āha. Sābhinivesena pana cittena gayhamānaṃ pañcamasaccādikaṃ na sabhāvato, nāpi saṅketena siddhanti ‘‘sabbākārenapianupalabbhaneyya’’nti vuttaṃ. Tāsu imasmiṃ…pe… labbhantīti imasmiṃ pakaraṇe sarūpato tissannaṃ āgatataṃ sandhāya vuttaṃ.
ยถาวุตฺตสฺส ปน อฎฺฐกถานยสฺส อวิโรเธน อาจริยวาทา โยเชตพฺพา, ตสฺมา ปญฺญเปตพฺพเฎฺฐน เจสา ปญฺญตฺตีติ เอตสฺส สภาวโต อวิชฺชมานตฺตา ปญฺญเปตพฺพมตฺตเฎฺฐน ปญฺญตฺตีติ อโตฺถฯ ปญฺญเปตพฺพมฺปิ หิ สสภาวํ ตชฺชปรมตฺถนามลาภโต น ปรโต ลภิตพฺพํ ปญฺญตฺตินามํ ลภติ, นิสภาวํ ปน สภาวาภาวโต น อตฺตโน สภาเวน นามํ ลภตีติฯ สโตฺตติอาทิเกน นาเมน ปญฺญปิตพฺพมตฺตเฎฺฐน ปญฺญตฺตีติ นามํ ลภติ, นิสภาวา จ สตฺตาทโยฯ น หิ สสภาวสฺส รูปาทีหิ เอกเตฺตน อญฺญเตฺตน วา อนุปลพฺภสภาวตา อตฺถีติฯ
Yathāvuttassa pana aṭṭhakathānayassa avirodhena ācariyavādā yojetabbā, tasmā paññapetabbaṭṭhena cesā paññattīti etassa sabhāvato avijjamānattā paññapetabbamattaṭṭhena paññattīti attho. Paññapetabbampi hi sasabhāvaṃ tajjaparamatthanāmalābhato na parato labhitabbaṃ paññattināmaṃ labhati, nisabhāvaṃ pana sabhāvābhāvato na attano sabhāvena nāmaṃ labhatīti. Sattotiādikena nāmena paññapitabbamattaṭṭhena paññattīti nāmaṃ labhati, nisabhāvā ca sattādayo. Na hi sasabhāvassa rūpādīhi ekattena aññattena vā anupalabbhasabhāvatā atthīti.
กิรีฎํ มกุฎํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ กิรีฎีฯ เอตสฺมิญฺจ อาจริยวาเท อนูเนน ลกฺขเณน ภวิตพฺพนฺติ สพฺพสโมโรโธ กาตโพฺพฯ ทุติยํ ตติยนฺติ เอวํปการา หิ อุปนิธาปญฺญตฺติ อุปนิกฺขิตฺตกปญฺญตฺติ จ สงฺขาตพฺพปฺปธานตฺตา ฉปิ ปญฺญตฺติโย ภชตีติ ยุตฺตํ วตฺตุํ, อิตรา จ ยถาโยคํ ตํ ตํ ปญฺญตฺตินฺติฯ ทุติยํ ตติยํ เทฺว ตีณีติอาทิ ปน สงฺขา นาม กาจิ นตฺถีติ ตาสํ อุปาทาสนฺตติปญฺญตฺตีนํ อวิชฺชมานปญฺญตฺติภาวํ, อิตราสญฺจ อุปนิธาปญฺญตฺตีนํ ยถานิทสฺสิตานํ อวิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปญฺญตฺติภาวํ มญฺญมาโน อาห ‘‘เสสา อวิชฺชมานปกฺขเญฺจว อวิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปกฺขญฺจ ภชนฺตี’’ติฯ ทุติยํ ตติยํ เทฺว ตีณีติอาทีนํ อุปนิธาอุปนิกฺขิตฺตกปญฺญตฺตีนํ อวิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปญฺญตฺติภาวเมว มญฺญติฯ ยญฺหิ ปฐมาทิกํ อเปกฺขิตฺวา ยสฺส เจกาทิกสฺส อุปนิกฺขิปิตฺวา ปญฺญาปียติ, ตญฺจ สงฺขานํ กิญฺจิ นตฺถีติฯ ตถา สนฺตติปญฺญตฺติยา จฯ น หิ อสีติ อาสีติโก จ วิชฺชมาโนติฯ
Kirīṭaṃ makuṭaṃ, taṃ assa atthīti kirīṭī. Etasmiñca ācariyavāde anūnena lakkhaṇena bhavitabbanti sabbasamorodho kātabbo. Dutiyaṃ tatiyanti evaṃpakārā hi upanidhāpaññatti upanikkhittakapaññatti ca saṅkhātabbappadhānattā chapi paññattiyo bhajatīti yuttaṃ vattuṃ, itarā ca yathāyogaṃ taṃ taṃ paññattinti. Dutiyaṃ tatiyaṃ dve tīṇītiādi pana saṅkhā nāma kāci natthīti tāsaṃ upādāsantatipaññattīnaṃ avijjamānapaññattibhāvaṃ, itarāsañca upanidhāpaññattīnaṃ yathānidassitānaṃ avijjamānenaavijjamānapaññattibhāvaṃ maññamāno āha ‘‘sesā avijjamānapakkhañceva avijjamānenaavijjamānapakkhañca bhajantī’’ti. Dutiyaṃ tatiyaṃ dve tīṇītiādīnaṃ upanidhāupanikkhittakapaññattīnaṃ avijjamānenaavijjamānapaññattibhāvameva maññati. Yañhi paṭhamādikaṃ apekkhitvā yassa cekādikassa upanikkhipitvā paññāpīyati, tañca saṅkhānaṃ kiñci natthīti. Tathā santatipaññattiyā ca. Na hi asīti āsītiko ca vijjamānoti.
เอกจฺจา ภูมิปญฺญตฺตีติ กามาวจราทิปญฺญตฺติํ สนฺธายาหฯ กามาวจราที หิ สภาวธมฺมาติ อธิปฺปาโยฯ กาโมติ ปน โอกาเส คหิเต อวิชฺชมาเนนวิชฺชมานปญฺญตฺติ เอสา ภวิตุํ อรหติ, กมฺมนิพฺพตฺตกฺขเนฺธสุ คหิเตสุ วิชฺชมาเนนวิชฺชมานปญฺญตฺติฯ ยถา ปน วจนสงฺขาตาย วจนสมุฎฺฐาปกเจตนาสงฺขาตาย วา กิริยาย ภาณโกติ ปุคฺคลสฺส ปญฺญตฺติ วิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปญฺญตฺติปกฺขํ ภชติ, เอวํ กิโส ถูโลติ รูปายตนสงฺขาเตน สณฺฐาเนน ปุคฺคลาทีนํ ปญฺญาปนา วิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปญฺญตฺติ ภวิตุํ อรหติฯ สณฺฐานนฺติ วา รูปายตเน อคฺคหิเต อวิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปญฺญตฺติฯ รูปํ ผโสฺสติอาทิกา ปน วิชฺชมานปญฺญตฺติ รุปฺปนาทิกิจฺจวเสน กิจฺจปญฺญตฺติยํ, ปจฺจตฺตธมฺมนามวเสน ปจฺจตฺตปญฺญตฺติยํ วา อวโรเธตพฺพาฯ วิชฺชมานาวิชฺชมานปญฺญตฺตีสุ จ วุตฺตาสุ ตาสํ โวมิสฺสตาวเสน ปวตฺตา อิตราปิ วุตฺตาเยว โหนฺตีติ อยมฺปิ อาจริยวาโท สพฺพสงฺคาหโกติ ทฎฺฐโพฺพฯ
Ekaccā bhūmipaññattīti kāmāvacarādipaññattiṃ sandhāyāha. Kāmāvacarādī hi sabhāvadhammāti adhippāyo. Kāmoti pana okāse gahite avijjamānenavijjamānapaññatti esā bhavituṃ arahati, kammanibbattakkhandhesu gahitesu vijjamānenavijjamānapaññatti. Yathā pana vacanasaṅkhātāya vacanasamuṭṭhāpakacetanāsaṅkhātāya vā kiriyāya bhāṇakoti puggalassa paññatti vijjamānenaavijjamānapaññattipakkhaṃ bhajati, evaṃ kiso thūloti rūpāyatanasaṅkhātena saṇṭhānena puggalādīnaṃ paññāpanā vijjamānenaavijjamānapaññatti bhavituṃ arahati. Saṇṭhānanti vā rūpāyatane aggahite avijjamānenaavijjamānapaññatti. Rūpaṃ phassotiādikā pana vijjamānapaññatti ruppanādikiccavasena kiccapaññattiyaṃ, paccattadhammanāmavasena paccattapaññattiyaṃ vā avarodhetabbā. Vijjamānāvijjamānapaññattīsu ca vuttāsu tāsaṃ vomissatāvasena pavattā itarāpi vuttāyeva hontīti ayampi ācariyavādo sabbasaṅgāhakoti daṭṭhabbo.
๒. ‘‘ยาวตา ปญฺจกฺขนฺธา’’ติอาทิกสฺส อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยตฺตเกน ปญฺญาปเนนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยาวตา ปญฺจกฺขนฺธาติ ยาวตา รูปกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณกฺขโนฺธติ ขนฺธานํ ขนฺธปญฺญตฺติ, เอตฺตาวตา ขนฺธานํ ขนฺธปญฺญตฺติ, เอวํ ปาฬิโยชนํ กตฺวา สเงฺขปปฺปเภทวเสน อยํ อโตฺถ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ ‘‘ยาวตา ปญฺจกฺขนฺธา’’ติ, ‘‘ขนฺธานํ ขนฺธปญฺญตฺตี’’ติ หิ อิมสฺส อโตฺถ ‘‘ยตฺตเกน ปญฺญาปเนน สเงฺขปโต ปญฺจกฺขนฺธาติ วา’’ติ เอเตน ทสฺสิโต, ‘‘ยาวตา รูปกฺขโนฺธ’’ติอาทิกสฺส ปน ‘‘ปเภทโต รูปกฺขโนฺธ’’ติอาทิเกนาติฯ ตตฺถ รูปกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณกฺขโนฺธติ ปเภทนิทสฺสนมตฺตเมตํฯ เตน อวุโตฺตปิ สโพฺพ สงฺคหิโต โหตีติ ‘‘ตตฺราปิ รูปกฺขโนฺธ กามาวจโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อยํ วา เอตฺถ ปาฬิยา อตฺถโยชนา – ‘‘ยาวตา’’ติ อิทํ สเพฺพหิ ปเทหิ โยเชตฺวา ยตฺตกา ปญฺจกฺขนฺธา, ตตฺตกา ขนฺธานํ ขนฺธปญฺญตฺติฯ ยตฺตโก ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ ตปฺปเภทานญฺจ รูปกฺขนฺธาทีนํ ปเภโท, ตตฺตโก ขนฺธานํ ขนฺธปญฺญตฺติยา ปเภโทติ ปกรณนฺตเร วุเตฺตน วตฺถุเภเทน ขนฺธปญฺญตฺติยา ปเภทํ ทเสฺสติฯ เอส นโย ‘‘ยาวตา อายตนาน’’นฺติอาทีสุปิฯ
2. ‘‘Yāvatā pañcakkhandhā’’tiādikassa atthaṃ dassento ‘‘yattakena paññāpanenā’’tiādimāha. Tattha yāvatā pañcakkhandhāti yāvatā rūpakkhandho…pe… viññāṇakkhandhoti khandhānaṃ khandhapaññatti, ettāvatā khandhānaṃ khandhapaññatti, evaṃ pāḷiyojanaṃ katvā saṅkhepappabhedavasena ayaṃ attho vuttoti veditabbo. ‘‘Yāvatā pañcakkhandhā’’ti, ‘‘khandhānaṃ khandhapaññattī’’ti hi imassa attho ‘‘yattakena paññāpanena saṅkhepato pañcakkhandhāti vā’’ti etena dassito, ‘‘yāvatā rūpakkhandho’’tiādikassa pana ‘‘pabhedato rūpakkhandho’’tiādikenāti. Tattha rūpakkhandho…pe… viññāṇakkhandhoti pabhedanidassanamattametaṃ. Tena avuttopi sabbo saṅgahito hotīti ‘‘tatrāpi rūpakkhandho kāmāvacaro’’tiādi vuttaṃ. Ayaṃ vā ettha pāḷiyā atthayojanā – ‘‘yāvatā’’ti idaṃ sabbehi padehi yojetvā yattakā pañcakkhandhā, tattakā khandhānaṃ khandhapaññatti. Yattako pañcannaṃ khandhānaṃ tappabhedānañca rūpakkhandhādīnaṃ pabhedo, tattako khandhānaṃ khandhapaññattiyā pabhedoti pakaraṇantare vuttena vatthubhedena khandhapaññattiyā pabhedaṃ dasseti. Esa nayo ‘‘yāvatā āyatanāna’’ntiādīsupi.
๗. เอกเทเสเนวาติ อุเทฺทสมเตฺตเนวาติ อโตฺถฯ
7. Ekadesenevāti uddesamattenevāti attho.
มาติกาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mātikāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปุคฺคลปญฺญตฺติปาฬิ • Puggalapaññattipāḷi / ๑. เอกกอุเทฺทโส • 1. Ekakauddeso
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑. มาติกาวณฺณนา • 1. Mātikāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๑. มาติกาวณฺณนา • 1. Mātikāvaṇṇanā