Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā

    ปุคฺคลปญฺญตฺติปกรณ-อนุฎีกา

    Puggalapaññattipakaraṇa-anuṭīkā

    ๑. มาติกาวณฺณนา

    1. Mātikāvaṇṇanā

    . ‘‘ธาตุกถํ เทสยิตฺวา อนนฺตรํ ตสฺส อาห ปุคฺคลปญฺญตฺติ’’นฺติ วุเตฺต ตตฺถ การณํ สมุทาคมโต ปฎฺฐาย วิภาเวโนฺต ‘‘ธมฺมสงฺคเห’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยทิปิ ธมฺมสงฺคเห ผสฺสาทีนํ ปถวีอาทีนญฺจ ธมฺมานํ นานานยวิจิโตฺต อนุปทวิภาโคปิ กโต, น สงฺคโห เอว, โส ปน เตสํ กุสลตฺติกาทิเหตุทุกาทิติกทุเกหิ สงฺคหสนฺทสฺสนโตฺถติ วุตฺตํ ‘‘ธมฺมสงฺคเห ติกทุกาทิวเสน สงฺคหิตานํ ธมฺมาน’’นฺติฯ เตเนว หิ ตํ ปกรณํ ‘‘ธมฺมสงฺคโห’’ติ สมญฺญํ ลภิฯ กามญฺจ ธมฺมสงฺคเหปิ ‘‘ตสฺมิํ โข ปน สมเย จตฺตาโร ขนฺธา โหนฺตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๕๘) ขนฺธาทิวิภาโค ทสฺสิโต, โส ปน น ตถา สาติสโย, ยถา วิภงฺคปกรเณติ สาติสยํ ตํ คเหตฺวา อาห ‘‘วิภเงฺค ขนฺธาทิวิภาคํ ทเสฺสตฺวา’’ติ, ยโต ตํ ‘‘วิภโงฺค’’เตฺวว ปญฺญายิตฺถฯ ธาตุกถายาติ อาธาเร ภุมฺมํ, ตถา ‘‘ธมฺมสงฺคเห วิภเงฺค’’ติ เอตฺถาปิฯ อาธาโร หิ สงฺคหณวิภชนปฺปเภทวจนสงฺขาตานํ อวยวกิริยานํ ตํสมุทายภูตานิ ปกรณานิ ยถา ‘‘รุเกฺข สาขา’’ติฯ กรณวจนํ วา เอตํ, ธาตุกถาย กรณภูตายาติ อโตฺถฯ

    1. ‘‘Dhātukathaṃ desayitvā anantaraṃ tassa āha puggalapaññatti’’nti vutte tattha kāraṇaṃ samudāgamato paṭṭhāya vibhāvento ‘‘dhammasaṅgahe’’tiādimāha. Tattha yadipi dhammasaṅgahe phassādīnaṃ pathavīādīnañca dhammānaṃ nānānayavicitto anupadavibhāgopi kato, na saṅgaho eva, so pana tesaṃ kusalattikādihetudukāditikadukehi saṅgahasandassanatthoti vuttaṃ ‘‘dhammasaṅgahe tikadukādivasena saṅgahitānaṃ dhammāna’’nti. Teneva hi taṃ pakaraṇaṃ ‘‘dhammasaṅgaho’’ti samaññaṃ labhi. Kāmañca dhammasaṅgahepi ‘‘tasmiṃ kho pana samaye cattāro khandhā hontī’’tiādinā (dha. sa. 58) khandhādivibhāgo dassito, so pana na tathā sātisayo, yathā vibhaṅgapakaraṇeti sātisayaṃ taṃ gahetvā āha ‘‘vibhaṅge khandhādivibhāgaṃ dassetvā’’ti, yato taṃ ‘‘vibhaṅgo’’tveva paññāyittha. Dhātukathāyāti ādhāre bhummaṃ, tathā ‘‘dhammasaṅgahe vibhaṅge’’ti etthāpi. Ādhāro hi saṅgahaṇavibhajanappabhedavacanasaṅkhātānaṃ avayavakiriyānaṃ taṃsamudāyabhūtāni pakaraṇāni yathā ‘‘rukkhe sākhā’’ti. Karaṇavacanaṃ vā etaṃ, dhātukathāya karaṇabhūtāyāti attho.

    เอตฺถ จ อภิเญฺญยฺยธเมฺม เทเสโนฺต เทสนากุสโล ภควา ติกทุกวเสน ตาว เนสํ สงฺคหํ ทเสฺสโนฺต ธมฺมสงฺคณิํ เทเสตฺวา สงฺคหปุพฺพกตฺตา วิภาคสฺส ตทนนฺตรํ ขนฺธาทิวเสน วิภาคํ ทเสฺสโนฺต วิภงฺคํ เทเสสิฯ ปุน ยถาวุตฺตวิภาคสงฺคหยุเตฺต ธเมฺม สงฺคหาสงฺคหาทินยปฺปเภทโต ทเสฺสโนฺต ธาตุกถํ เทเสสิ ตสฺสา อพฺภนฺตรพาหิรมาติกาสรีรกตฺตาฯ น หิ สกฺกา ขนฺธาทิเก กุสลาทิเก จ วินา สงฺคหาสงฺคหาทินยํ เนตุนฺติฯ เตนาห ‘‘ตถาสงฺคหิตวิภตฺตาน’’นฺติฯ เอวํ สงฺคหโต วิภาคโต ปเภทโต จ ธมฺมานํ เทสนา ยสฺสา ปญฺญตฺติยา วเสน โหติ, โย จายํ ยถาวุตฺตธมฺมุปาทาโน ปุคฺคลโวหาโร, ตสฺส จ สมยวิมุตฺตาทิวเสน วิภาโค, ตํ สพฺพํ วิภาเวตุํ ปุคฺคลปญฺญตฺติ เทสิตาติ อิทเมเตสํ จตุนฺนํ ปกรณานํ เทสนานุกฺกมการณํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Ettha ca abhiññeyyadhamme desento desanākusalo bhagavā tikadukavasena tāva nesaṃ saṅgahaṃ dassento dhammasaṅgaṇiṃ desetvā saṅgahapubbakattā vibhāgassa tadanantaraṃ khandhādivasena vibhāgaṃ dassento vibhaṅgaṃ desesi. Puna yathāvuttavibhāgasaṅgahayutte dhamme saṅgahāsaṅgahādinayappabhedato dassento dhātukathaṃ desesi tassā abbhantarabāhiramātikāsarīrakattā. Na hi sakkā khandhādike kusalādike ca vinā saṅgahāsaṅgahādinayaṃ netunti. Tenāha ‘‘tathāsaṅgahitavibhattāna’’nti. Evaṃ saṅgahato vibhāgato pabhedato ca dhammānaṃ desanā yassā paññattiyā vasena hoti, yo cāyaṃ yathāvuttadhammupādāno puggalavohāro, tassa ca samayavimuttādivasena vibhāgo, taṃ sabbaṃ vibhāvetuṃ puggalapaññatti desitāti idametesaṃ catunnaṃ pakaraṇānaṃ desanānukkamakāraṇaṃ daṭṭhabbaṃ.

    เตสนฺติ ธมฺมานํฯ สภาวโตติ ‘‘ผโสฺส เวทนา’’ติอาทิสภาวโตฯ อุปาทายาติ ‘‘ปุคฺคโล สโตฺต โปโส’’ติอาทินา ขเนฺธ อุปาทายฯ ปญฺญาปนํ ยาย ตชฺชาอุปาทาทิเภทาย ปญฺญตฺติยา โหติ, ตํ ปญฺญตฺติํฯ ปเภทโตติ ขนฺธาทิสมยวิมุตฺตาทิวิภาคโตฯ ยาย ปญฺญตฺติยา สภาวโต อุปาทาย จ ปญฺญาปนนฺติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรโนฺต ‘‘ตตฺถ เย ธเมฺม’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อสภาวปญฺญตฺติยาปิ มูลภูตํ อุปาทานํ สภาวธโมฺม เอว, เกวลํ ปน เตสํ ปวตฺติอาการเภทสนฺนิสฺสยโต วิเสโสติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เย ธเมฺม…เป.… โหตี’’ติ อาหฯ ตตฺถ ปุพฺพาปริยภาเวน ปวตฺตมาเนติ อิมินา ปพนฺธสนฺนิสฺสยตํ ทเสฺสโนฺต สนฺตานปญฺญตฺติํ วทติ, อสภาวสมูหวเสนาติ อิมินา เสสปญฺญตฺติํฯ ติโสฺส หิ ปญฺญตฺติโย สนฺตานปญฺญตฺติ สมูหปญฺญตฺติ อวตฺถาวิเสสปญฺญตฺตีติฯ ตตฺถ ปพโนฺธ สนฺตาโนฯ สมุทาโย สมูโหฯ อุปฺปาทาทิโก ทหรภาวาทิโก จ อวตฺถาวิเสโสฯ เตสุ อสภาวคฺคหเณน วินา ปพนฺธสมูหานํ อสภาวเตฺต สิเทฺธ อสภาวสมูหวเสนาติ อสภาวคฺคหณํ ปพนฺธสมูหวินิมุตฺตปญฺญตฺติสนฺทสฺสนตฺถนฺติ เตน อวตฺถาวิเสสปญฺญตฺติยา ปริคฺคโห วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ

    Tesanti dhammānaṃ. Sabhāvatoti ‘‘phasso vedanā’’tiādisabhāvato. Upādāyāti ‘‘puggalo satto poso’’tiādinā khandhe upādāya. Paññāpanaṃ yāya tajjāupādādibhedāya paññattiyā hoti, taṃ paññattiṃ. Pabhedatoti khandhādisamayavimuttādivibhāgato. Yāya paññattiyā sabhāvato upādāya ca paññāpananti saṅkhepato vuttamatthaṃ vivaranto ‘‘tattha ye dhamme’’tiādimāha. Tattha asabhāvapaññattiyāpi mūlabhūtaṃ upādānaṃ sabhāvadhammo eva, kevalaṃ pana tesaṃ pavattiākārabhedasannissayato visesoti dassento ‘‘ye dhamme…pe… hotī’’ti āha. Tattha pubbāpariyabhāvena pavattamāneti iminā pabandhasannissayataṃ dassento santānapaññattiṃ vadati, asabhāvasamūhavasenāti iminā sesapaññattiṃ. Tisso hi paññattiyo santānapaññatti samūhapaññatti avatthāvisesapaññattīti. Tattha pabandho santāno. Samudāyo samūho. Uppādādiko daharabhāvādiko ca avatthāviseso. Tesu asabhāvaggahaṇena vinā pabandhasamūhānaṃ asabhāvatte siddhe asabhāvasamūhavasenāti asabhāvaggahaṇaṃ pabandhasamūhavinimuttapaññattisandassanatthanti tena avatthāvisesapaññattiyā pariggaho vuttoti veditabbo.

    เตสนฺติ ปุเพฺพ ยํ-สเทฺทน ปรามฎฺฐานํ อินฺทฺริยพทฺธธมฺมานํฯ เตเนวาห ‘‘อเญฺญสญฺจ พาหิรรูปนิพฺพานาน’’นฺติฯ สสภาวสมูหสสภาวปฺปเภทวเสนาติ รูปกฺขนฺธาทิสสภาวสมูหวเสน จกฺขายตนาทิสสภาววิเสสวเสน จฯ ‘‘สสภาวสมูหสภาวเภทวเสนา’’ติ จ ปาโฐฯ ตตฺถ สมูหสภาโวติ สภาวสนฺตานํ อวตฺถาวิเสสวิธุรํ สมูหวเสน ลกฺขณเมวาหฯ ตถา หิ ขนฺธปญฺญตฺติยาปิ สภาวปญฺญตฺติตา วุตฺตาฯ ตายาติ อายตนปญฺญตฺติอาทิปฺปเภทาย สภาวปญฺญตฺติยาฯ วิภตฺตา สภาวปญฺญตฺตีติ ‘‘ผโสฺส ผุสนา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒) วิภตฺตา ผสฺสาทิสภาวปญฺญตฺติฯ สพฺพาปีติ ปิ-สเทฺทน สภาวธเมฺมสุ สามญฺญวเสน ปวตฺตํ กุสลาทิปญฺญตฺติํ สงฺคณฺหาติฯ รูปาทิธมฺมานํ สมูโห สนฺตาเนน ปวตฺตมาโน อวตฺถาวิเสสสหิโต เอกตฺตคฺคหณนิพนฺธโน สโตฺตติ โวหรียตีติ โส สภาวธโมฺม นาม ปน น โหตีติ อาห ‘‘ปุคฺคลปญฺญตฺติ ปน อสภาวปญฺญตฺตี’’ติฯ ตายาติ ปุคฺคลปญฺญตฺติยาฯ ยสฺมา ปน ธมฺมานํ ปพโนฺธ สมูโห จ ธมฺมสนฺนิสฺสิโตติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ตสฺมา ‘‘ปริเญฺญยฺยาทิสภาวธเมฺม อุปาทาย ปวตฺติโต’’ติ วุตฺตํฯ

    Tesanti pubbe yaṃ-saddena parāmaṭṭhānaṃ indriyabaddhadhammānaṃ. Tenevāha ‘‘aññesañca bāhirarūpanibbānāna’’nti. Sasabhāvasamūhasasabhāvappabhedavasenāti rūpakkhandhādisasabhāvasamūhavasena cakkhāyatanādisasabhāvavisesavasena ca. ‘‘Sasabhāvasamūhasabhāvabhedavasenā’’ti ca pāṭho. Tattha samūhasabhāvoti sabhāvasantānaṃ avatthāvisesavidhuraṃ samūhavasena lakkhaṇamevāha. Tathā hi khandhapaññattiyāpi sabhāvapaññattitā vuttā. Tāyāti āyatanapaññattiādippabhedāya sabhāvapaññattiyā. Vibhattā sabhāvapaññattīti ‘‘phasso phusanā’’tiādinā (dha. sa. 2) vibhattā phassādisabhāvapaññatti. Sabbāpīti pi-saddena sabhāvadhammesu sāmaññavasena pavattaṃ kusalādipaññattiṃ saṅgaṇhāti. Rūpādidhammānaṃ samūho santānena pavattamāno avatthāvisesasahito ekattaggahaṇanibandhano sattoti voharīyatīti so sabhāvadhammo nāma pana na hotīti āha ‘‘puggalapaññatti pana asabhāvapaññattī’’ti. Tāyāti puggalapaññattiyā. Yasmā pana dhammānaṃ pabandho samūho ca dhammasannissitoti vattabbataṃ arahati, tasmā ‘‘pariññeyyādisabhāvadhamme upādāya pavattito’’ti vuttaṃ.

    วิชฺชมานปญฺญตฺติ ปน ‘‘สภาวปญฺญตฺตี’’ติ วุตฺตา, อวิชฺชมานปญฺญตฺติ ‘‘อสภาวปญฺญตฺตี’’ติ วุตฺตาฯ สพฺพา ปญฺญตฺติโยติ อุปาทายปญฺญตฺติกิจฺจปญฺญตฺติอาทโย สพฺพา ปญฺญตฺติโยฯ ยทิ สพฺพา ปญฺญตฺติโย อิธ ทสฺสิตา โหนฺติ, กถํ ‘‘ปุคฺคลปญฺญตฺตี’’ติ นามํ ชาตนฺติ อาห ‘‘ขนฺธาทิปญฺญตฺตีสู’’ติอาทิฯ อญฺญตฺถาติ ธมฺมสงฺคหาทีสุฯ เย ธเมฺมติ เย ขนฺธาทิธเมฺมฯ ปญฺญตฺติยา วตฺถุภาเวนาติ ปญฺญาปนสฺส อธิฎฺฐานภาเวนฯ อธิฎฺฐานญฺหิ ปญฺญาเปตพฺพธมฺมา ปญฺญาปนสฺสฯ เอวญฺจ กตฺวา ขนฺธาทีหิ สทฺธิํ ปุคฺคโล คหิโตฯ เย ธเมฺมติ วา เย ปญฺญตฺติธเมฺมฯ ปญฺญาเปตุกาโมติ นิกฺขิปิตุกาโม วตฺถุเภทโต อสงฺกรโต ฐเปตุกาโมฯ ปญฺญตฺติปริเจฺฉทนฺติ จ วตฺถุเภทภินฺนํ ปญฺญตฺติภูตํ ปริเจฺฉทํฯ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Vijjamānapaññatti pana ‘‘sabhāvapaññattī’’ti vuttā, avijjamānapaññatti ‘‘asabhāvapaññattī’’ti vuttā. Sabbā paññattiyoti upādāyapaññattikiccapaññattiādayo sabbā paññattiyo. Yadi sabbā paññattiyo idha dassitā honti, kathaṃ ‘‘puggalapaññattī’’ti nāmaṃ jātanti āha ‘‘khandhādipaññattīsū’’tiādi. Aññatthāti dhammasaṅgahādīsu. Ye dhammeti ye khandhādidhamme. Paññattiyā vatthubhāvenāti paññāpanassa adhiṭṭhānabhāvena. Adhiṭṭhānañhi paññāpetabbadhammā paññāpanassa. Evañca katvā khandhādīhi saddhiṃ puggalo gahito. Ye dhammeti vā ye paññattidhamme. Paññāpetukāmoti nikkhipitukāmo vatthubhedato asaṅkarato ṭhapetukāmo. Paññattiparicchedanti ca vatthubhedabhinnaṃ paññattibhūtaṃ paricchedaṃ. Evamettha attho daṭṭhabbo.

    สามญฺญปฺปเภทปญฺญาปนาติ สามญฺญภูตานํ วิเสสภูตานญฺจ อตฺถานํ ปญฺญาปนาฯ เตสนฺติ อตฺถ-สทฺทาเปกฺขาย ปุลฺลิงฺคนิเทฺทโสฯ ตตฺถาติ ปญฺญาปนาย อตฺถทสฺสนภูเตสุ ทสฺสนาทีสุฯ อิทเมวํนามกนฺติ อิทํ รุปฺปนาทิอตฺถชาตํ อิตฺถนฺนามกํ รูปกฺขนฺธเวทนากฺขนฺธาทิสมญฺญํฯ ตํตํโกฎฺฐาสิกกรณนฺติ รูปเวทนาทิตํตํอตฺถวิภาคปริยาปนฺนตาปาทนํฯ ตถา สญฺญุปฺปาทานเมวาติ อาห ‘‘โพธนเมว นิกฺขิปนา’’ติฯ โพธนญฺหิ โพธเนยฺยสนฺตาเน โพเธตพฺพสฺส อตฺถสฺส ฐปนนฺติ กตฺวา ‘‘นิกฺขิปนา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ปญฺญาปนา’’ติอาทินา ภาวสาธเนน วตฺวา สาธนนฺตรามสเนน อตฺถนฺตรปริกปฺปาสงฺกา สิยาติ ตํ นิวาเรตุํ ‘‘โย ปนายํ…เป.… เวทิตโพฺพ’’ติ อาหฯ เตสํ เตสํ ธมฺมานนฺติ ตํตํปญฺญาเปตพฺพธมฺมานํฯ ทสฺสนภูตาย นามปญฺญตฺติยา ทิฎฺฐตาย, ฐปนภูตาย ฐปิตตายฯ ตํนิมิตฺตตนฺติ ตสฺส ทสฺสนสฺส ฐปนสฺส จ นิมิตฺตการณตํฯ นิมิตฺตญฺหิ กตฺตุภาเวน โวหรียติ ยถา ‘‘ภิกฺขา วาเสตี’’ติ, ‘‘อริยภาวกรานิ สจฺจานิ อริยสจฺจานี’’ติ จฯ

    Sāmaññappabhedapaññāpanāti sāmaññabhūtānaṃ visesabhūtānañca atthānaṃ paññāpanā. Tesanti attha-saddāpekkhāya pulliṅganiddeso. Tatthāti paññāpanāya atthadassanabhūtesu dassanādīsu. Idamevaṃnāmakanti idaṃ ruppanādiatthajātaṃ itthannāmakaṃ rūpakkhandhavedanākkhandhādisamaññaṃ. Taṃtaṃkoṭṭhāsikakaraṇanti rūpavedanāditaṃtaṃatthavibhāgapariyāpannatāpādanaṃ. Tathā saññuppādānamevāti āha ‘‘bodhanameva nikkhipanā’’ti. Bodhanañhi bodhaneyyasantāne bodhetabbassa atthassa ṭhapananti katvā ‘‘nikkhipanā’’ti vuttaṃ. ‘‘Paññāpanā’’tiādinā bhāvasādhanena vatvā sādhanantarāmasanena atthantaraparikappāsaṅkā siyāti taṃ nivāretuṃ ‘‘yo panāyaṃ…pe… veditabbo’’ti āha. Tesaṃ tesaṃ dhammānanti taṃtaṃpaññāpetabbadhammānaṃ. Dassanabhūtāya nāmapaññattiyā diṭṭhatāya, ṭhapanabhūtāya ṭhapitatāya. Taṃnimittatanti tassa dassanassa ṭhapanassa ca nimittakāraṇataṃ. Nimittañhi kattubhāvena voharīyati yathā ‘‘bhikkhā vāsetī’’ti, ‘‘ariyabhāvakarāni saccāni ariyasaccānī’’ti ca.

    ปาฬิยํ อนาคตตนฺติ วิชฺชมานตาทิวิเสสวจเนน สห ปาฐานารุฬฺหตํฯ วิชฺชมานสฺส สโตติ วิชฺชมานสฺส สมานสฺสาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิชฺชมานภูตสฺสาติ อโตฺถ’’ติ อาหฯ ตถาติ สจฺจิกฎฺฐปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานสฺส อนุปลพฺภมานสฺสฯ ตํ ปน อนุปลพฺภมานตํ ตถา-สเทฺทน พฺยติเรกวเสน ทีปิตํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘ยถา กุสลาทีนี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ วินิวตฺตสภาวานีติ วิภตฺตสภาวานิฯ อุปลทฺธีติ คหณํฯ เตนากาเรนาติ เตน รูปเวทนาทิอากาเรน อวิชฺชมานสฺสฯ อเญฺญนากาเรนาติ ตโต รูปเวทนาทิโต อเญฺญน ตพฺพินิมุเตฺตน ปญฺญาเปตพฺพปญฺญาปนากาเรน วิชฺชมานสฺสฯ ปญฺญตฺติทุเก วุตฺตเมว ‘‘อยญฺจ วาโท เสวตฺถิกถาย ปฎิสิโทฺธ’’ติอาทินาฯ โลกนิรุตฺติมตฺตสิทฺธสฺสาติ เอตฺถ มตฺตคฺคหณํ ตสฺส ปญฺญตฺติวตฺถุสฺส น เกวลํ วิชฺชมานสภาวตานิวตฺตนตฺถเมว, อถ โข วิปรีตคฺคาหนิวตฺตนตฺถมฺปีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนภินิเวเสน จิเตฺตนา’’ติ อาหฯ จตุสจฺจปญฺจกฺขนฺธาทิวินิมุตฺตํ สจฺจนฺตรขนฺธนฺตราทิกํ ปญฺจมสจฺจาทิกํฯ สเจ ตํ โกจิ อตฺถีติ ปฎิชาเนยฺย, อยาถาวคหิตสฺส ตํ วาจาวตฺถุมตฺตเมวสฺสาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สาภินิเวเสน…เป.… วุตฺต’’นฺติฯ อุเทฺทเส นิเทฺทเส จ สตฺตวนฺตํ ปธานภาเวน อาคมนํ สนฺธายาห ‘‘สรูปโต ติสฺสนฺนํ อาคตต’’นฺติฯ คุณภาเวน ปน อุทฺธํโสตปญฺญาวิมุตฺตปาสาณเลขาทิคฺคหเณสุ อิตราปิ ติโสฺส ปญฺญตฺติโย อิมสฺมิํ ปกรเณ อาคตา เอวฯ

    Pāḷiyaṃanāgatatanti vijjamānatādivisesavacanena saha pāṭhānāruḷhataṃ. Vijjamānassa satoti vijjamānassa samānassāti imamatthaṃ dassento ‘‘vijjamānabhūtassāti attho’’ti āha. Tathāti saccikaṭṭhaparamatthavasena avijjamānassa anupalabbhamānassa. Taṃ pana anupalabbhamānataṃ tathā-saddena byatirekavasena dīpitaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘yathā kusalādīnī’’tiādimāha. Tattha vinivattasabhāvānīti vibhattasabhāvāni. Upaladdhīti gahaṇaṃ. Tenākārenāti tena rūpavedanādiākārena avijjamānassa. Aññenākārenāti tato rūpavedanādito aññena tabbinimuttena paññāpetabbapaññāpanākārena vijjamānassa. Paññattiduke vuttameva ‘‘ayañca vādo sevatthikathāya paṭisiddho’’tiādinā. Lokaniruttimattasiddhassāti ettha mattaggahaṇaṃ tassa paññattivatthussa na kevalaṃ vijjamānasabhāvatānivattanatthameva, atha kho viparītaggāhanivattanatthampīti dassento ‘‘anabhinivesena cittenā’’ti āha. Catusaccapañcakkhandhādivinimuttaṃ saccantarakhandhantarādikaṃ pañcamasaccādikaṃ. Sace taṃ koci atthīti paṭijāneyya, ayāthāvagahitassa taṃ vācāvatthumattamevassāti dassento āha ‘‘sābhinivesena…pe… vutta’’nti. Uddese niddese ca sattavantaṃ padhānabhāvena āgamanaṃ sandhāyāha ‘‘sarūpato tissannaṃ āgatata’’nti. Guṇabhāvena pana uddhaṃsotapaññāvimuttapāsāṇalekhādiggahaṇesu itarāpi tisso paññattiyo imasmiṃ pakaraṇe āgatā eva.

    ยถาวุตฺตสฺส…เป.… อวิโรเธนาติ ‘‘วิชฺชมานปญฺญตฺติ อวิชฺชมานปญฺญตฺตี’’ติ เอวํ วุตฺตปฺปการสฺส อวิโลมเนนฯ อาจริยวาทาติ เจตฺถ อตฺตโนมติโย เวทิตพฺพา, อญฺญตฺถ ปน อฎฺฐกถา จฯ ยถา จ อวิโรโธ โหติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อวิชฺชมานตฺตา ปญฺญาเปตพฺพมตฺตเตฺถน ปญฺญตฺตีติ เอเตน ‘‘อวิชฺชมานา ปญฺญตฺติ อวิชฺชมานปญฺญตฺตี’’ติ อิมํ สมาสวิกปฺปมาหฯ อวิชฺชมานปญฺญตฺตีติ เอตฺถ หิ เทฺว สมาสา อวิชฺชมานสฺส, อวิชฺชมานา วา ปญฺญตฺตีติ อวิชฺชมานปญฺญตฺติฯ เตสุ ปุริเมน นามปญฺญตฺติ วุตฺตา, ทุติเยน อุปาทาปญฺญตฺติอาทิเภทา อิตราปิฯ สสภาวํ เวทนาทิกํฯ ตชฺชปรมตฺถนามลาภโตติ ตชฺชสฺส ตทนุรูปสฺส ปรมตฺถสฺส อนฺวตฺถสฺส นามสฺส ลภนโต, อนุภวนาทิสภาวานํ ธมฺมานํ ปรมตฺถิกสฺส เวทนาทินามสฺส ลภนตฺตาติ อโตฺถ ฯ เอเตน วิเสสนิวตฺติอโตฺถ มตฺต-สโทฺท, เตน จายํ วิเสโส นิวตฺติโตติ ทเสฺสติฯ ปรโต ลภิตพฺพนฺติ ปรํ อุปาทาย ลทฺธพฺพํ ยถา รูปาทิเก อุปาทาย สโตฺตติ นิสฺสภาวสมูหสนฺตานาทิ ปญฺญตฺติวตฺถุฯ เอกเตฺตนาติ อนญฺญเตฺตนฯ อนุปลพฺภสภาวตา ญาเณน อคฺคเหตพฺพสภาวตา, ยโต เต นวตฺตพฺพาติ วุจฺจนฺติฯ

    Yathāvuttassa…pe… avirodhenāti ‘‘vijjamānapaññatti avijjamānapaññattī’’ti evaṃ vuttappakārassa avilomanena. Ācariyavādāti cettha attanomatiyo veditabbā, aññattha pana aṭṭhakathā ca. Yathā ca avirodho hoti, taṃ dassento ‘‘tasmā’’tiādimāha. Tattha avijjamānattā paññāpetabbamattatthena paññattīti etena ‘‘avijjamānā paññatti avijjamānapaññattī’’ti imaṃ samāsavikappamāha. Avijjamānapaññattīti ettha hi dve samāsā avijjamānassa, avijjamānā vā paññattīti avijjamānapaññatti. Tesu purimena nāmapaññatti vuttā, dutiyena upādāpaññattiādibhedā itarāpi. Sasabhāvaṃ vedanādikaṃ. Tajjaparamatthanāmalābhatoti tajjassa tadanurūpassa paramatthassa anvatthassa nāmassa labhanato, anubhavanādisabhāvānaṃ dhammānaṃ paramatthikassa vedanādināmassa labhanattāti attho . Etena visesanivattiattho matta-saddo, tena cāyaṃ viseso nivattitoti dasseti. Parato labhitabbanti paraṃ upādāya laddhabbaṃ yathā rūpādike upādāya sattoti nissabhāvasamūhasantānādi paññattivatthu. Ekattenāti anaññattena. Anupalabbhasabhāvatā ñāṇena aggahetabbasabhāvatā, yato te navattabbāti vuccanti.

    สสูกสาลิราสิอาทิอากาเรน สํกุจิตโคฺค วาสววาสุเทวาทีนํ วิย โมลิวิเสโส กิรีฎํ, โส ปน มกุฎวิเสโสปิ โหติเยวาติ อาห ‘‘กิรีฎํ มกุฎ’’นฺติฯ สพฺพสโมโรโธติ สพฺพาสํ วิชฺชมานปญฺญตฺติอาทีนํ ฉนฺนํ ปญฺญตฺตีนํ อโนฺตกรณํฯ สงฺขาตพฺพปฺปธานตฺตาติ อิทํ ลกฺขณวจนํฯ น หิ สพฺพาปิ อุปนิธาปญฺญตฺติสงฺขาวเสน ปวตฺตา, นาปิ สพฺพา สงฺขาตพฺพปฺปธานาฯ ทุติยํ ตติยนฺติอาทิกํ ปน อุปนิธาปญฺญตฺติยา, เทฺว ตีณีติอาทิกํ อุปนิกฺขิตฺตปญฺญตฺติยา เอกเทสํ อุปลกฺขณวเสน ทเสฺสโนฺต ตสฺส จ สเงฺขฺยยฺยปฺปธานตายาห ‘‘สงฺขาตพฺพปฺปธานตฺตา’’ติฯ ปูรณโตฺถ หิ สโทฺท ตทตฺถทีปนมุเขน ปูเรตพฺพมตฺถํ ทีเปติฯ โส จ สงฺขาวิสโย ปธาโนวาติ ทุติยาทีนํ ปญฺญตฺตีนํ สงฺขาตพฺพปฺปธานตา วุตฺตาฯ ยาว หิ ทสสงฺขา สเงฺขฺยยฺยปฺปธานาติฯ ตถา เทฺว ตีณีติอาทีนมฺปิ ปญฺญตฺตีนํฯ สงฺขาตโพฺพ ปน อโตฺถ โกจิ วิชฺชมาโน, โกจิ อวิชฺชมาโน, โกจิ สห วิสุญฺจ ตทุภยํ มิโสฺสติ ฉปิ ปญฺญตฺติโย ภชตีติฯ

    Sasūkasālirāsiādiākārena saṃkucitaggo vāsavavāsudevādīnaṃ viya moliviseso kirīṭaṃ, so pana makuṭavisesopi hotiyevāti āha ‘‘kirīṭaṃ makuṭa’’nti. Sabbasamorodhoti sabbāsaṃ vijjamānapaññattiādīnaṃ channaṃ paññattīnaṃ antokaraṇaṃ. Saṅkhātabbappadhānattāti idaṃ lakkhaṇavacanaṃ. Na hi sabbāpi upanidhāpaññattisaṅkhāvasena pavattā, nāpi sabbā saṅkhātabbappadhānā. Dutiyaṃ tatiyantiādikaṃ pana upanidhāpaññattiyā, dve tīṇītiādikaṃ upanikkhittapaññattiyā ekadesaṃ upalakkhaṇavasena dassento tassa ca saṅkhyeyyappadhānatāyāha ‘‘saṅkhātabbappadhānattā’’ti. Pūraṇattho hi saddo tadatthadīpanamukhena pūretabbamatthaṃ dīpeti. So ca saṅkhāvisayo padhānovāti dutiyādīnaṃ paññattīnaṃ saṅkhātabbappadhānatā vuttā. Yāva hi dasasaṅkhā saṅkhyeyyappadhānāti. Tathā dve tīṇītiādīnampi paññattīnaṃ. Saṅkhātabbo pana attho koci vijjamāno, koci avijjamāno, koci saha visuñca tadubhayaṃ missoti chapi paññattiyo bhajatīti.

    อิตราติ อุปาทาสโมธานตชฺชาสนฺตติปญฺญตฺติโย วุตฺตาวเสสา อุปนิธาปญฺญตฺติอุปนิกฺขิตฺตปญฺญตฺติโย จฯ สตฺตรถาทิเภทา อุปาทาปญฺญตฺติ, ทีฆรสฺสาทิเภทา อุปนิธาปญฺญตฺติ จ อวิชฺชมานปญฺญตฺติฯ หตฺถคตาทิวิสิฎฺฐา อุปนิธาปญฺญตฺติ, สโมธานปญฺญตฺติ จ อวิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปญฺญตฺติฯ ตเถว ‘‘สุวณฺณวโณฺณ พฺรหฺมสฺสโร’’ติอาทิกา วิชฺชมานคพฺภา วิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปญฺญตฺติํ ภชนฺตีติ อาห ‘‘ยถาโยคํ ตํ ตํ ปญฺญตฺติ’’นฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ทุติยํ ตติยํ…เป.… ภชนฺตี’’ติฯ ยญฺหีติอาทิ ยถาวุตฺตอุปนิธาอุปนิกฺขิตฺตปญฺญตฺตีนํ อวิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปญฺญตฺติภาวสมตฺถนํฯ ตตฺถ ตญฺจ สงฺขานนฺติ ยํ ‘‘ปฐมํ เอก’’นฺติอาทิกํ สงฺขานํ, ตญฺจ สงฺขามุเขน คเหตพฺพรูปํฯ -สเทฺทน สเงฺขฺยยฺยํ สงฺคณฺหาติฯ ตมฺปิ หิ ปญฺญาเปตพฺพํ ปญฺญตฺตีติฯ ตสฺสา ปน ปรมตฺถโต อภาโว วุโตฺตเยวฯ กิญฺจิ นตฺถีติ ปรมตฺถโต กิญฺจิ นตฺถิฯ ตถาติ อิมินา อวิชฺชมาเนนอวิชฺชมานภาวนฺติ เอตํ อากฑฺฒติฯ เตนาห ‘‘น หิ…เป.… วิชฺชมาโน’’ติฯ

    Itarāti upādāsamodhānatajjāsantatipaññattiyo vuttāvasesā upanidhāpaññattiupanikkhittapaññattiyo ca. Sattarathādibhedā upādāpaññatti, dīgharassādibhedā upanidhāpaññatti ca avijjamānapaññatti. Hatthagatādivisiṭṭhā upanidhāpaññatti, samodhānapaññatti ca avijjamānenaavijjamānapaññatti. Tatheva ‘‘suvaṇṇavaṇṇo brahmassaro’’tiādikā vijjamānagabbhā vijjamānenaavijjamānapaññattiṃ bhajantīti āha ‘‘yathāyogaṃ taṃ taṃ paññatti’’nti. Tena vuttaṃ ‘‘dutiyaṃ tatiyaṃ…pe… bhajantī’’ti. Yañhītiādi yathāvuttaupanidhāupanikkhittapaññattīnaṃ avijjamānenaavijjamānapaññattibhāvasamatthanaṃ. Tattha tañca saṅkhānanti yaṃ ‘‘paṭhamaṃ eka’’ntiādikaṃ saṅkhānaṃ, tañca saṅkhāmukhena gahetabbarūpaṃ. Ca-saddena saṅkhyeyyaṃ saṅgaṇhāti. Tampi hi paññāpetabbaṃ paññattīti. Tassā pana paramatthato abhāvo vuttoyeva. Kiñcinatthīti paramatthato kiñci natthi. Tathāti iminā avijjamānenaavijjamānabhāvanti etaṃ ākaḍḍhati. Tenāha ‘‘na hi…pe… vijjamāno’’ti.

    โอกาเสติ อวีจิปรนิมฺมิตวสวตฺตีปริจฺฉิเนฺน ปเทเสฯ โส หิ กามาธิฎฺฐานโต ‘‘กาโม’’ติ วุจฺจติฯ กมฺมนิพฺพตฺตกฺขเนฺธสูติ อิมินา อุตฺตรปทโลเปน กามภวํ ‘‘กาโม’’ติ วทติฯ ภณนํ สโทฺท เจตนา วา, ตํสมงฺคิตาย ตพฺพิสิเฎฺฐ ปุคฺคเล ภาณโกติ ปญฺญตฺตีติ อาห ‘‘วิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปญฺญตฺติปกฺขํ ภชตี’’ติฯ เยภุเยฺยน รูปายตนคฺคหณมุเขน รูปสงฺขาเตน สณฺฐานํ คยฺหตีติ ตสฺส เตน อเภโทปจารํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘รูปายตนสงฺขาเตน สณฺฐาเนนา’’ติฯ ยํ อเภโทปจารํ ภินฺทิตุํ อชานนฺตา นิกายนฺตริยา รูปายตนํ สณฺฐานสภาวํ ปฎิชานนฺติฯ ‘‘กิโส ปุคฺคโล, ถูโล ปุคฺคโล, กิโส ทโณฺฑ, ถูโล ทโณฺฑ’’ติอาทินา ปุคฺคลาทีนํ ปญฺญาปนา ตถาตถาสนฺนิวิเฎฺฐ รูปสงฺขาเต กิสาทิสณฺฐานปญฺญตฺติ, น รูปายตนมเตฺตติ อาห ‘‘สณฺฐานนฺติ วา รูปายตเน อคฺคหิเต’’ติฯ ปจฺจตฺตธมฺมนามวเสนาติ ‘‘ปถวี ผโสฺส’’ติอาทินา ธมฺมานํ ตํตํนามวเสนฯ กิจฺจปญฺญตฺติอาทิวิภาเคน ปวโตฺต อยมฺปิ อาจริยวาโท ‘‘กิจฺจปญฺญตฺติ เอกจฺจา ภูมิปญฺญตฺติ ปจฺจตฺตปญฺญตฺติ อสงฺขตปญฺญตฺติ จ วิชฺชมานปญฺญตฺติ, ลิงฺคปญฺญตฺติ เอกจฺจา ปจฺจตฺตปญฺญตฺติ จ อวิชฺชมานปญฺญตฺติ, เอกจฺจา กิจฺจปญฺญตฺติ วิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปญฺญตฺติ, เอกจฺจา ภูมิสณฺฐานปญฺญตฺติ วิชฺชมาเนน วา อวิชฺชมาเนน วา อวิชฺชมานปญฺญตฺตี’’ติ ทสฺสิตตฺตา ‘‘ธมฺมกถา อิตฺถิลิงฺค’’นฺติอาทีนํ วิชฺชมาเนนวิชฺชมานปญฺญตฺติภาโว, อวิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปญฺญตฺติภาโว จ ทสฺสิตนโยติ อาห ‘‘สพฺพสงฺคาหโกติ ทฎฺฐโพฺพ’’ติฯ อุปาทาปญฺญตฺติอาทิภาโว เจตฺถ กิจฺจปญฺญตฺติอาทีนํ กิจฺจปญฺญตฺติอาทิภาโว จ ตาสํ ยถารหํ วิภาเวตโพฺพฯ

    Okāseti avīciparanimmitavasavattīparicchinne padese. So hi kāmādhiṭṭhānato ‘‘kāmo’’ti vuccati. Kammanibbattakkhandhesūti iminā uttarapadalopena kāmabhavaṃ ‘‘kāmo’’ti vadati. Bhaṇanaṃ saddo cetanā vā, taṃsamaṅgitāya tabbisiṭṭhe puggale bhāṇakoti paññattīti āha ‘‘vijjamānenaavijjamānapaññattipakkhaṃ bhajatī’’ti. Yebhuyyena rūpāyatanaggahaṇamukhena rūpasaṅkhātena saṇṭhānaṃ gayhatīti tassa tena abhedopacāraṃ katvā vuttaṃ ‘‘rūpāyatanasaṅkhātena saṇṭhānenā’’ti. Yaṃ abhedopacāraṃ bhindituṃ ajānantā nikāyantariyā rūpāyatanaṃ saṇṭhānasabhāvaṃ paṭijānanti. ‘‘Kiso puggalo, thūlo puggalo, kiso daṇḍo, thūlo daṇḍo’’tiādinā puggalādīnaṃ paññāpanā tathātathāsanniviṭṭhe rūpasaṅkhāte kisādisaṇṭhānapaññatti, na rūpāyatanamatteti āha ‘‘saṇṭhānanti vā rūpāyatane aggahite’’ti. Paccattadhammanāmavasenāti ‘‘pathavī phasso’’tiādinā dhammānaṃ taṃtaṃnāmavasena. Kiccapaññattiādivibhāgena pavatto ayampi ācariyavādo ‘‘kiccapaññatti ekaccā bhūmipaññatti paccattapaññatti asaṅkhatapaññatti ca vijjamānapaññatti, liṅgapaññatti ekaccā paccattapaññatti ca avijjamānapaññatti, ekaccā kiccapaññatti vijjamānenaavijjamānapaññatti, ekaccā bhūmisaṇṭhānapaññatti vijjamānena vā avijjamānena vā avijjamānapaññattī’’ti dassitattā ‘‘dhammakathā itthiliṅga’’ntiādīnaṃ vijjamānenavijjamānapaññattibhāvo, avijjamānenaavijjamānapaññattibhāvo ca dassitanayoti āha ‘‘sabbasaṅgāhakoti daṭṭhabbo’’ti. Upādāpaññattiādibhāvo cettha kiccapaññattiādīnaṃ kiccapaññattiādibhāvo ca tāsaṃ yathārahaṃ vibhāvetabbo.

    . สเงฺขปปฺปเภทวเสนาติ ‘‘ยาวตา ปญฺจกฺขนฺธา’’ติ สเพฺพปิ ขเนฺธ ขนฺธภาวสามเญฺญน สํขิปนวเสน, ‘‘ยาวตา รูปกฺขโนฺธ’’ติอาทินา ขนฺธานํ ตโต สามญฺญโต ปกาเรหิ ภินฺทนวเสน จฯ อยํ อโตฺถติ อยํ ปญฺญตฺติสงฺขาโต อโตฺถฯ สามญฺญโต วา หิ ธมฺมานํ ปญฺญาปนํ โหติ วิเสสโต วาฯ วิเสโส เจตฺถ อตฺตโน สามญฺญาเปกฺขาย เวทิตโพฺพ, วิเสสาเปกฺขาย ปน โสปิ สามญฺญํ สมฺปชฺชตีติ ‘‘กิตฺตาวตา ขนฺธานํ ขนฺธปญฺญตฺตี’’ติ ปุจฺฉาย สเงฺขปโต วิสฺสชฺชนวเสน ‘‘ยาวตา ปญฺจกฺขนฺธา’’ติ วุตฺตนฺติ ตตฺถาปิ ‘‘ขนฺธานํ ขนฺธปญฺญตฺตี’’ติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพนฺติ อาห ‘‘ยาวตา…เป.… ปญฺญตฺตี’’ติฯ ‘‘ยาวตา ปญฺจกฺขนฺธา, เอตฺตาวตา ขนฺธานํ ขนฺธปญฺญตฺติฯ ยาวตา รูปกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณกฺขโนฺธ, เอตฺตาวตา ขนฺธานํ ขนฺธปญฺญตฺตี’’ติ เอวเมตฺถ ปาฬิโยชนา กาตพฺพาฯ เอวญฺหิ สเงฺขปโต ปเภทโต จ ขนฺธปญฺญตฺติ วิสฺสชฺชิตา โหติฯ ตถา หิ อิมเสฺสว อตฺถสฺส อฎฺฐกถายํ วุตฺตภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยตฺตเกน…เป.… อาทิเกนา’’ติ อาหฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ วิสฺสชฺชนสฺส อตฺถวจเน, ตสฺมิํ วา วิสฺสชฺชนปาเฐ ตทตฺถวจเน จฯ ปเภทนิทสฺสนมตฺตนฺติ ปเภทสฺส อุทาหรณมตฺตํฯ อวุโตฺตปิ สโพฺพ ภูตุปาทิโก, สุขาทิโก จ ปเภโทฯ ตํ ปน ภูมิมุเขน ทเสฺสตุํ ‘‘รูปกฺขโนฺธ กามาวจโร’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    2. Saṅkhepappabhedavasenāti ‘‘yāvatā pañcakkhandhā’’ti sabbepi khandhe khandhabhāvasāmaññena saṃkhipanavasena, ‘‘yāvatā rūpakkhandho’’tiādinā khandhānaṃ tato sāmaññato pakārehi bhindanavasena ca. Ayaṃ atthoti ayaṃ paññattisaṅkhāto attho. Sāmaññato vā hi dhammānaṃ paññāpanaṃ hoti visesato vā. Viseso cettha attano sāmaññāpekkhāya veditabbo, visesāpekkhāya pana sopi sāmaññaṃ sampajjatīti ‘‘kittāvatā khandhānaṃ khandhapaññattī’’ti pucchāya saṅkhepato vissajjanavasena ‘‘yāvatā pañcakkhandhā’’ti vuttanti tatthāpi ‘‘khandhānaṃ khandhapaññattī’’ti ānetvā yojetabbanti āha ‘‘yāvatā…pe… paññattī’’ti. ‘‘Yāvatā pañcakkhandhā, ettāvatā khandhānaṃ khandhapaññatti. Yāvatā rūpakkhandho…pe… viññāṇakkhandho, ettāvatā khandhānaṃ khandhapaññattī’’ti evamettha pāḷiyojanā kātabbā. Evañhi saṅkhepato pabhedato ca khandhapaññatti vissajjitā hoti. Tathā hi imasseva atthassa aṭṭhakathāyaṃ vuttabhāvaṃ dassento ‘‘yattakena…pe… ādikenā’’ti āha. Tatthāti tasmiṃ vissajjanassa atthavacane, tasmiṃ vā vissajjanapāṭhe tadatthavacane ca. Pabhedanidassanamattanti pabhedassa udāharaṇamattaṃ. Avuttopi sabbo bhūtupādiko, sukhādiko ca pabhedo. Taṃ pana bhūmimukhena dassetuṃ ‘‘rūpakkhandho kāmāvacaro’’tiādi vuttanti daṭṭhabbaṃ.

    เอวํ อฎฺฐกถายํ อาคตนเยน ปาฬิยา อตฺถโยชนํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตํ ปการนฺตเรน ทเสฺสตุํ ‘‘อยํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อยํ วาติ วุจฺจมานํ สนฺธายาหฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ ขนฺธปญฺญตฺติวิสฺสชฺชเนฯ อิทนฺติ อิทํ ปทํฯ ยตฺตโก…เป.… ขนฺธปญฺญตฺติยา ปเภโทติ อิมินา สเงฺขปโต วิตฺถารโต จ ขนฺธานํ ปเภทํ ปติ ปญฺญตฺติวิภาโคติ ทสฺสิตํ โหติฯ เตนาห ‘‘วตฺถุเภเทน…เป.… ทเสฺสตี’’ติฯ ปกรณนฺตเรติ วิภงฺคปกรเณฯ ตตฺถ หิ สาติสยํ ขนฺธานํ วิภาคปญฺญตฺติ วุตฺตาฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ ‘‘สมฺมาสมฺพุเทฺธน หิ…เป.… กถิตา’’ติฯ เอตฺถ จ ปฐมนเย สมุเขน, ทุติเย วตฺถุมุเขน ปญฺญตฺติยา วิภาคา ทสฺสิตาติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ

    Evaṃ aṭṭhakathāyaṃ āgatanayena pāḷiyā atthayojanaṃ dassetvā idāni taṃ pakārantarena dassetuṃ ‘‘ayaṃ vā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ayaṃ vāti vuccamānaṃ sandhāyāha. Etthāti etasmiṃ khandhapaññattivissajjane. Idanti idaṃ padaṃ. Yattako…pe… khandhapaññattiyā pabhedoti iminā saṅkhepato vitthārato ca khandhānaṃ pabhedaṃ pati paññattivibhāgoti dassitaṃ hoti. Tenāha ‘‘vatthubhedena…pe… dassetī’’ti. Pakaraṇantareti vibhaṅgapakaraṇe. Tattha hi sātisayaṃ khandhānaṃ vibhāgapaññatti vuttā. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘sammāsambuddhena hi…pe… kathitā’’ti. Ettha ca paṭhamanaye samukhena, dutiye vatthumukhena paññattiyā vibhāgā dassitāti ayametesaṃ viseso.

    เอส นโยติ อิมินา ขนฺธปญฺญตฺติยา วุตฺตมตฺถํ อายตนปญฺญตฺติยาทีสุ อติทิสติฯ ตตฺถ ‘‘ยาวตา ปญฺจกฺขนฺธา’’ติ, ‘‘ขนฺธานํ ขนฺธปญฺญตฺตี’’ติ อิทํ ปญฺญตฺตินิเทฺทสปาฬิยา อาทิปริโยสานคฺคหณมุเขน ทสฺสนํฯ ‘‘ยาวตา ทฺวาทสายตนานี’’ติ, ‘‘อายตนานํ อายตนปญฺญตฺตี’’ติ อิมสฺส อโตฺถ ‘‘ยตฺตเกน ปญฺญาปเนน สเงฺขปโต ทฺวาทสายตนานี’’ติ เอเตน ทสฺสิโต, ‘‘ยาวตา จกฺขายตน’’นฺติอาทิกสฺส ปน ‘‘ปเภทโต จกฺขายตน’’นฺติอาทิเกนาติฯ ตตฺถ ‘‘จกฺขายตนํ…เป.… ธมฺมายตน’’นฺติ ปเภทนิทสฺสนมตฺตเมตํฯ เอเตน อวุโตฺตปิ สโพฺพ สงฺคหิโต โหตีติ ‘‘ตตฺราปิ ทสายตนา กามาวจรา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อยํ วา เอตฺถ ปาฬิยา อตฺถโยชนา – ‘‘ยาวตา’’ติ อิทํ สเพฺพหิ ปเทหิ โยเชตฺวา ‘‘ยตฺตกานิ ทฺวาทสายตนานิ…เป.… ยตฺตโก ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ, ตปฺปเภทานญฺจ จกฺขายตนาทีนํ ปเภโท, ตตฺตโก อายตนานํ อายตนปญฺญตฺติยา ปเภโท’’ติ ปกรณนฺตเร วุเตฺตน วตฺถุปเภเทน อายตนปญฺญตฺติยา ปเภทํ ทเสฺสตีติอาทินา อิตรปญฺญตฺตีสุปิ นโย โยเชตโพฺพฯ

    Esa nayoti iminā khandhapaññattiyā vuttamatthaṃ āyatanapaññattiyādīsu atidisati. Tattha ‘‘yāvatā pañcakkhandhā’’ti, ‘‘khandhānaṃ khandhapaññattī’’ti idaṃ paññattiniddesapāḷiyā ādipariyosānaggahaṇamukhena dassanaṃ. ‘‘Yāvatā dvādasāyatanānī’’ti, ‘‘āyatanānaṃ āyatanapaññattī’’ti imassa attho ‘‘yattakena paññāpanena saṅkhepato dvādasāyatanānī’’ti etena dassito, ‘‘yāvatā cakkhāyatana’’ntiādikassa pana ‘‘pabhedato cakkhāyatana’’ntiādikenāti. Tattha ‘‘cakkhāyatanaṃ…pe… dhammāyatana’’nti pabhedanidassanamattametaṃ. Etena avuttopi sabbo saṅgahito hotīti ‘‘tatrāpi dasāyatanā kāmāvacarā’’tiādi vuttaṃ. Ayaṃ vā ettha pāḷiyā atthayojanā – ‘‘yāvatā’’ti idaṃ sabbehi padehi yojetvā ‘‘yattakāni dvādasāyatanāni…pe… yattako dvādasannaṃ āyatanānaṃ, tappabhedānañca cakkhāyatanādīnaṃ pabhedo, tattako āyatanānaṃ āyatanapaññattiyā pabhedo’’ti pakaraṇantare vuttena vatthupabhedena āyatanapaññattiyā pabhedaṃ dassetītiādinā itarapaññattīsupi nayo yojetabbo.

    . ‘‘ฉ ปญฺญตฺติโย…เป.… ปุคฺคลปญฺญตฺตี’’ติ อิมํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘กิตฺตาวตา…เป.… เอตฺตาวตา อินฺทฺริยานํ อินฺทฺริยปญฺญตฺตี’’ติ อยํ ปาฬิปเทโส นิเทฺทโสปิ สมาโน ปกรณนฺตเร วตฺถุเภเทน วุตฺตํ ขนฺธาทิปญฺญตฺติปฺปเภทํ อุปาทาย อุเทฺทโสเยว โหตีติ อาห ‘‘อุเทฺทสมเตฺตเนวาติ อโตฺถ’’ติฯ

    7. ‘‘Cha paññattiyo…pe… puggalapaññattī’’ti imaṃ apekkhitvā ‘‘kittāvatā…pe… ettāvatā indriyānaṃ indriyapaññattī’’ti ayaṃ pāḷipadeso niddesopi samāno pakaraṇantare vatthubhedena vuttaṃ khandhādipaññattippabhedaṃ upādāya uddesoyeva hotīti āha ‘‘uddesamattenevāti attho’’ti.

    มาติกาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mātikāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปุคฺคลปญฺญตฺติปาฬิ • Puggalapaññattipāḷi / ๑. เอกกอุเทฺทโส • 1. Ekakauddeso

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑. มาติกาวณฺณนา • 1. Mātikāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๑. มาติกาวณฺณนา • 1. Mātikāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact