Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā

    ๓. มตฺตาเปติวตฺถุวณฺณนา

    3. Mattāpetivatthuvaṇṇanā

    นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรเนฺต มตฺตํ นาม เปติํ อารพฺภ วุตฺตํฯ สาวตฺถิยํ กิร อญฺญตโร กุฎุมฺพิโก สโทฺธ ปสโนฺน อโหสิฯ ตสฺส ภริยา อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา โกธนา วญฺฌา จ อโหสิ นาเมน มตฺตา นามฯ อถ โส กุฎุมฺพิโก กุลวํสูปเจฺฉทนภเยน สทิสกุลโต ติสฺสํ นาม อญฺญํ กญฺญํ อาเนสิฯ สา อโหสิ สทฺธา ปสนฺนา สามิโน จ ปิยา มนาปา, สา นจิรเสฺสว คพฺภินี หุตฺวา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ, ‘‘ภูโต’’ติสฺส นามํ อโหสิฯ สา เคหสฺสามินี หุตฺวา จตฺตาโร ภิกฺขู สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหิ, วญฺฌา ปน ตํ อุสูยติฯ

    Naggā dubbaṇṇarūpāsīti idaṃ satthari jetavane viharante mattaṃ nāma petiṃ ārabbha vuttaṃ. Sāvatthiyaṃ kira aññataro kuṭumbiko saddho pasanno ahosi. Tassa bhariyā assaddhā appasannā kodhanā vañjhā ca ahosi nāmena mattā nāma. Atha so kuṭumbiko kulavaṃsūpacchedanabhayena sadisakulato tissaṃ nāma aññaṃ kaññaṃ ānesi. Sā ahosi saddhā pasannā sāmino ca piyā manāpā, sā nacirasseva gabbhinī hutvā dasamāsaccayena puttaṃ vijāyi, ‘‘bhūto’’tissa nāmaṃ ahosi. Sā gehassāminī hutvā cattāro bhikkhū sakkaccaṃ upaṭṭhahi, vañjhā pana taṃ usūyati.

    ตา อุโภปิ เอกสฺมิํ ทิวเส สีสํ นฺหตฺวา อลฺลเกสา อฎฺฐํสุ, กุฎุมฺพิโก คุณวเสน ติสฺสาย อาพทฺธสิเนโห มนุเญฺญน หทเยน ตาย สทฺธิํ พหุํ สลฺลปโนฺต อฎฺฐาสิฯ ตํ อสหมานา มตฺตา อิสฺสาปกตา เคเห สมฺมชฺชิตฺวา ฐปิตํ สงฺการํ ติสฺสาย มตฺถเก โอกิริฯ สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อตฺตโน กมฺมพเลน ปญฺจวิธํ ทุกฺขํ อนุภวติฯ ตํ ปน ทุกฺขํ ปาฬิโต เอว วิญฺญายติฯ อเถกทิวสํ สา เปตี สญฺฌาย วีติวตฺตาย เคหสฺส ปิฎฺฐิปเสฺส นฺหายนฺติยา ติสฺสาย อตฺตานํ ทเสฺสสิฯ ตํ ทิสฺวา ติสฺสา –

    Tā ubhopi ekasmiṃ divase sīsaṃ nhatvā allakesā aṭṭhaṃsu, kuṭumbiko guṇavasena tissāya ābaddhasineho manuññena hadayena tāya saddhiṃ bahuṃ sallapanto aṭṭhāsi. Taṃ asahamānā mattā issāpakatā gehe sammajjitvā ṭhapitaṃ saṅkāraṃ tissāya matthake okiri. Sā aparena samayena kālaṃ katvā petayoniyaṃ nibbattitvā attano kammabalena pañcavidhaṃ dukkhaṃ anubhavati. Taṃ pana dukkhaṃ pāḷito eva viññāyati. Athekadivasaṃ sā petī sañjhāya vītivattāya gehassa piṭṭhipasse nhāyantiyā tissāya attānaṃ dassesi. Taṃ disvā tissā –

    ๑๓๔.

    134.

    ‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, กิสา ธมนิสนฺถตา;

    ‘‘Naggā dubbaṇṇarūpāsi, kisā dhamanisanthatā;

    อุปฺผาสุลิเก กิสิเก, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฎฺฐสี’’ติฯ –

    Upphāsulike kisike, kā nu tvaṃ idha tiṭṭhasī’’ti. –

    คาถาย ปฎิปุจฺฉิฯ อิตรา –

    Gāthāya paṭipucchi. Itarā –

    ๑๓๕.

    135.

    ‘‘อหํ มตฺตา ตุวํ ติสฺสา, สปตฺตี เต ปุเร อหุํ;

    ‘‘Ahaṃ mattā tuvaṃ tissā, sapattī te pure ahuṃ;

    ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติฯ –

    Pāpakammaṃ karitvāna, petalokaṃ ito gatā’’ti. –

    คาถาย ปฎิวจนํ อทาสิฯ ตตฺถ อหํ มตฺตา ตุวํ ติสฺสาติ อหํ มตฺตา นาม, ตุวํ ติสฺสา นามฯ ปุเรติ ปุริมตฺตภาเวฯ เตติ ตุยฺหํ สปตฺตี อหุํ, อโหสินฺติ อโตฺถฯ ปุน ติสฺสา –

    Gāthāya paṭivacanaṃ adāsi. Tattha ahaṃ mattā tuvaṃ tissāti ahaṃ mattā nāma, tuvaṃ tissā nāma. Pureti purimattabhāve. Teti tuyhaṃ sapattī ahuṃ, ahosinti attho. Puna tissā –

    ๑๓๖.

    136.

    ‘‘กิํ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฎํ กตํ;

    ‘‘Kiṃ nu kāyena vācāya, manasā dukkaṭaṃ kataṃ;

    กิสฺสกมฺมวิปาเกน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติฯ –

    Kissakammavipākena, petalokaṃ ito gatā’’ti. –

    คาถาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิฯ ปุน อิตรา –

    Gāthāya katakammaṃ pucchi. Puna itarā –

    ๑๓๗.

    137.

    ‘‘จณฺฑี จ ผรุสา จาสิํ, อิสฺสุกี มจฺฉรี สฐา;

    ‘‘Caṇḍī ca pharusā cāsiṃ, issukī maccharī saṭhā;

    ตาหํ ทุรุตฺตํ วตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติฯ –

    Tāhaṃ duruttaṃ vatvāna, petalokaṃ ito gatā’’ti. –

    คาถาย อตฺตนา กตกมฺมํ อาจิกฺขิฯ ตตฺถ จณฺฑีติ โกธนาฯ ผรุสาติ ผรุสวจนาฯ อาสินฺติ อโหสิํฯ ตาหนฺติ ตํ อหํฯ ทุรุตฺตนฺติ ทุพฺภาสิตํ นิรตฺถกวจนํฯ อิโต ปรมฺปิ ตาสํ วจนปฎิวจนวเสเนว คาถา ปวตฺตา –

    Gāthāya attanā katakammaṃ ācikkhi. Tattha caṇḍīti kodhanā. Pharusāti pharusavacanā. Āsinti ahosiṃ. Tāhanti taṃ ahaṃ. Duruttanti dubbhāsitaṃ niratthakavacanaṃ. Ito parampi tāsaṃ vacanapaṭivacanavaseneva gāthā pavattā –

    ๑๓๘.

    138.

    ‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ยถา ตฺวํ จณฺฑิกา อหุ;

    ‘‘Sabbaṃ ahampi jānāmi, yathā tvaṃ caṇḍikā ahu;

    อญฺญญฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกนาสิ ปํสุกุนฺถิตาฯ

    Aññañca kho taṃ pucchāmi, kenāsi paṃsukunthitā.

    ๑๓๙.

    139.

    ‘‘สีสํนฺหาตา ตุวํ อาสิ, สุจิวตฺถา อลงฺกตา;

    ‘‘Sīsaṃnhātā tuvaṃ āsi, sucivatthā alaṅkatā;

    อหญฺจ โข อธิมตฺตํ, สมลงฺกตตรา ตยาฯ

    Ahañca kho adhimattaṃ, samalaṅkatatarā tayā.

    ๑๔๐.

    140.

    ‘‘ตสฺสา เม เปกฺขมานาย, สามิเกน สมนฺตยิ;

    ‘‘Tassā me pekkhamānāya, sāmikena samantayi;

    ตโต เม อิสฺสา วิปุลา, โกโธ เม สมชายถฯ

    Tato me issā vipulā, kodho me samajāyatha.

    ๑๔๑.

    141.

    ‘‘ตโต ปํสุํ คเหตฺวาน, ปํสุนา ตญฺหิ โอกิริํ;

    ‘‘Tato paṃsuṃ gahetvāna, paṃsunā tañhi okiriṃ;

    ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตนมฺหิ ปํสุกุนฺถิตาฯ

    Tassakammavipākena, tenamhi paṃsukunthitā.

    ๑๔๒.

    142.

    ‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ปํสุนา มํ ตฺวโมกิริ;

    ‘‘Sabbaṃ ahampi jānāmi, paṃsunā maṃ tvamokiri;

    อญฺญญฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกน ขชฺชสิ กจฺฉุยาฯ

    Aññañca kho taṃ pucchāmi, kena khajjasi kacchuyā.

    ๑๔๓.

    143.

    ‘‘เภสชฺชหารี อุภโย, วนนฺตํ อคมิมฺหเส;

    ‘‘Bhesajjahārī ubhayo, vanantaṃ agamimhase;

    ตฺวญฺจ เภสชฺชมาหริ, อหญฺจ กปิกจฺฉุโนฯ

    Tvañca bhesajjamāhari, ahañca kapikacchuno.

    ๑๔๔.

    144.

    ‘‘ตสฺสา ตฺยาชานมานาย, เสยฺยํ ตฺยาหํ สโมกิริํ;

    ‘‘Tassā tyājānamānāya, seyyaṃ tyāhaṃ samokiriṃ;

    ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตน ขชฺชามิ กจฺฉุยาฯ

    Tassakammavipākena, tena khajjāmi kacchuyā.

    ๑๔๕.

    145.

    ‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, เสยฺยํ เม ตฺวํ สโมกิริ;

    ‘‘Sabbaṃ ahampi jānāmi, seyyaṃ me tvaṃ samokiri;

    อญฺญญฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกนาสิ นคฺคิยา ตุวํฯ

    Aññañca kho taṃ pucchāmi, kenāsi naggiyā tuvaṃ.

    ๑๔๖.

    146.

    ‘‘สหายานํ สมโย อาสิ, ญาตีนํ สมิตี อหุ;

    ‘‘Sahāyānaṃ samayo āsi, ñātīnaṃ samitī ahu;

    ตฺวญฺจ อามนฺติตา อาสิ, สสามินี โน จ โขหํฯ

    Tvañca āmantitā āsi, sasāminī no ca khohaṃ.

    ๑๔๗.

    147.

    ‘‘ตสฺสา ตฺยาชานมานาย, ทุสฺสํ ตฺยาหํ อปานุทิํ;

    ‘‘Tassā tyājānamānāya, dussaṃ tyāhaṃ apānudiṃ;

    ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตนมฺหิ นคฺคิยา อหํฯ

    Tassakammavipākena, tenamhi naggiyā ahaṃ.

    ๑๔๘.

    148.

    ‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ทุสฺสํ เม ตฺวํ อปานุทิ;

    ‘‘Sabbaṃ ahampi jānāmi, dussaṃ me tvaṃ apānudi;

    อญฺญญฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกนาสิ คูถคนฺธินีฯ

    Aññañca kho taṃ pucchāmi, kenāsi gūthagandhinī.

    ๑๔๙.

    149.

    ‘‘ตว คนฺธญฺจ มาลญฺจ, ปจฺจคฺฆญฺจ วิเลปนํ;

    ‘‘Tava gandhañca mālañca, paccagghañca vilepanaṃ;

    คูถกูเป อตาเรสิํ, ตํ ปาปํ ปกตํ มยา;

    Gūthakūpe atāresiṃ, taṃ pāpaṃ pakataṃ mayā;

    ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตนมฺหิ คูถคนฺธินีฯ

    Tassakammavipākena, tenamhi gūthagandhinī.

    ๑๕๐.

    150.

    ‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ตํ ปาปํ ปกตํ ตยา;

    ‘‘Sabbaṃ ahampi jānāmi, taṃ pāpaṃ pakataṃ tayā;

    อญฺญญฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกนาสิ ทุคฺคตา ตุวํฯ

    Aññañca kho taṃ pucchāmi, kenāsi duggatā tuvaṃ.

    ๑๕๑.

    151.

    ‘‘อุภินฺนํ สมกํ อาสิ, ยํ เคเห วิชฺชเต ธนํ;

    ‘‘Ubhinnaṃ samakaṃ āsi, yaṃ gehe vijjate dhanaṃ;

    สเนฺตสุ เทยฺยธเมฺมสุ, ทีปํ นากาสิมตฺตโน;

    Santesu deyyadhammesu, dīpaṃ nākāsimattano;

    ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตนมฺหิ ทุคฺคตา อหํฯ

    Tassakammavipākena, tenamhi duggatā ahaṃ.

    ๑๕๒.

    152.

    ‘‘ตเทว มํ ตฺวํ อวจ, ปาปกมฺมํ นิเสวสิ;

    ‘‘Tadeva maṃ tvaṃ avaca, pāpakammaṃ nisevasi;

    น หิ ปาเปหิ กเมฺมหิ, สุลภา โหติ สุคฺคติฯ

    Na hi pāpehi kammehi, sulabhā hoti suggati.

    ๑๕๓.

    153.

    ‘‘วามโต มํ ตฺวํ ปเจฺจสิ, อโถปิ มํ อุสูยสิ;

    ‘‘Vāmato maṃ tvaṃ paccesi, athopi maṃ usūyasi;

    ปสฺส ปาปานํ กมฺมานํ, วิปาโก โหติ ยาทิโสฯ

    Passa pāpānaṃ kammānaṃ, vipāko hoti yādiso.

    ๑๕๔.

    154.

    ‘‘เต ฆรา ตา จ ทาสิโย, ตาเนวาภรณานิเม;

    ‘‘Te gharā tā ca dāsiyo, tānevābharaṇānime;

    เต อเญฺญ ปริจาเรนฺติ, น โภคา โหนฺติ สสฺสตาฯ

    Te aññe paricārenti, na bhogā honti sassatā.

    ๑๕๕.

    155.

    ‘‘อิทานิ ภูตสฺส ปิตา, อาปณา เคหเมหิติ;

    ‘‘Idāni bhūtassa pitā, āpaṇā gehamehiti;

    อเปฺปว เต ทเท กิญฺจิ, มา สุ ตาว อิโต อคาฯ

    Appeva te dade kiñci, mā su tāva ito agā.

    ๑๕๖.

    156.

    ‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปามฺหิ, กิสา ธมนิสนฺถตา;

    ‘‘Naggā dubbaṇṇarūpāmhi, kisā dhamanisanthatā;

    โกปีนเมตํ อิตฺถีนํ, มา มํ ภูตปิตาทฺทสฯ

    Kopīnametaṃ itthīnaṃ, mā maṃ bhūtapitāddasa.

    ๑๕๗.

    157.

    ‘‘หนฺท กิํ วา ตฺยาหํ ทมฺมิ, กิํ วา เตจ กโรมหํ;

    ‘‘Handa kiṃ vā tyāhaṃ dammi, kiṃ vā teca karomahaṃ;

    เยน ตฺวํ สุขิตา อสฺส, สพฺพกามสมิทฺธินีฯ

    Yena tvaṃ sukhitā assa, sabbakāmasamiddhinī.

    ๑๕๘.

    158.

    ‘‘จตฺตาโร ภิกฺขู สงฺฆโต, จตฺตาโร ปน ปุคฺคเล;

    ‘‘Cattāro bhikkhū saṅghato, cattāro pana puggale;

    อฎฺฐ ภิกฺขู โภชยิตฺวา, มม ทกฺขิณมาทิส;

    Aṭṭha bhikkhū bhojayitvā, mama dakkhiṇamādisa;

    ตทาหํ สุขิตา เหสฺสํ, สพฺพกามสมิทฺธินีฯ

    Tadāhaṃ sukhitā hessaṃ, sabbakāmasamiddhinī.

    ๑๕๙.

    159.

    ‘‘สาธูติ สา ปฎิสฺสุตฺวา, โภชยิตฺวาฎฺฐ ภิกฺขโว;

    ‘‘Sādhūti sā paṭissutvā, bhojayitvāṭṭha bhikkhavo;

    วเตฺถหจฺฉาทยิตฺวาน, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสีฯ

    Vatthehacchādayitvāna, tassā dakkhiṇamādisī.

    ๑๖๐.

    160.

    ‘‘สมนนฺตรานุทฺทิเฎฺฐ, วิปาโก อุทปชฺชถ;

    ‘‘Samanantarānuddiṭṭhe, vipāko udapajjatha;

    โภชนจฺฉาทนปานียํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํฯ

    Bhojanacchādanapānīyaṃ, dakkhiṇāya idaṃ phalaṃ.

    ๑๖๑.

    161.

    ‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;

    ‘‘Tato suddhā sucivasanā, kāsikuttamadhārinī;

    วิจิตฺตวตฺถาภรณา, สปตฺติํ อุปสงฺกมิฯ

    Vicittavatthābharaṇā, sapattiṃ upasaṅkami.

    ๑๖๒.

    162.

    ‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณน, ยา ตฺวํ ติฎฺฐสิ เทวเต;

    ‘‘Abhikkantena vaṇṇena, yā tvaṃ tiṭṭhasi devate;

    โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกาฯ

    Obhāsentī disā sabbā, osadhī viya tārakā.

    ๑๖๓.

    163.

    ‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

    ‘‘Kena tetādiso vaṇṇo, kena te idha mijjhati;

    อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ

    Uppajjanti ca te bhogā, ye keci manaso piyā.

    ๑๖๔.

    164.

    ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสี ปุญฺญํ;

    ‘‘Pucchāmi taṃ devi mahānubhāve, manussabhūtā kimakāsī puññaṃ;

    เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตีติฯ

    Kenāsi evaṃ jalitānubhāvā, vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatīti.

    ๑๖๕.

    165.

    ‘‘อหํ มตฺตา ตุวํ ติสฺสา, สปตฺตี เต ปุเร อหุํ;

    ‘‘Ahaṃ mattā tuvaṃ tissā, sapattī te pure ahuṃ;

    ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตาฯ

    Pāpakammaṃ karitvāna, petalokaṃ ito gatā.

    ๑๖๖.

    166.

    ‘‘ตว ทิเนฺนน ทาเนน, โมทามิ อกุโตภยา;

    ‘‘Tava dinnena dānena, modāmi akutobhayā;

    จิรํ ชีวาหิ ภคินิ, สห สเพฺพหิ ญาติภิ;

    Ciraṃ jīvāhi bhagini, saha sabbehi ñātibhi;

    อโสกํ วิรชํ ฐานํ, อาวาสํ วสวตฺตินํฯ

    Asokaṃ virajaṃ ṭhānaṃ, āvāsaṃ vasavattinaṃ.

    ๑๖๗.

    167.

    ‘‘อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ทานํ ทตฺวาน โสภเน;

    ‘‘Idha dhammaṃ caritvāna, dānaṃ datvāna sobhane;

    วิเนยฺย มเจฺฉรมลํ สมูลํ, อนินฺทิตา สคฺคมุเปหิ ฐาน’’นฺติฯ

    Vineyya maccheramalaṃ samūlaṃ, aninditā saggamupehi ṭhāna’’nti.

    ๑๓๘. ตตฺถ สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ยถา ตฺวํ จณฺฑิกา อหูติ ‘‘จณฺฑี จ ผรุสา จาสิ’’นฺติ ยํ ตยา วุตฺตํ, ตํ สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ยถา ตฺวํ จณฺฑิกา โกธนา ผรุสวจนา อิสฺสุกี มจฺฉรี สฐา จ อโหสิฯ อญฺญญฺจ โข ตํ ปุจฺฉามีติ อญฺญํ ปุน ตํ อิทานิ ปุจฺฉามิฯ เกนาสิ ปํสุกุนฺถิตาติ เกน กเมฺมน สงฺการปํสูติ โอคุณฺฐิตา สพฺพโส โอกิณฺณสรีรา อหูติ อโตฺถฯ

    138. Tattha sabbaṃ ahampi jānāmi, yathā tvaṃ caṇḍikā ahūti ‘‘caṇḍī ca pharusā cāsi’’nti yaṃ tayā vuttaṃ, taṃ sabbaṃ ahampi jānāmi, yathā tvaṃ caṇḍikā kodhanā pharusavacanā issukī maccharī saṭhā ca ahosi. Aññañca kho taṃ pucchāmīti aññaṃ puna taṃ idāni pucchāmi. Kenāsi paṃsukunthitāti kena kammena saṅkārapaṃsūti oguṇṭhitā sabbaso okiṇṇasarīrā ahūti attho.

    ๑๓๙-๔๐. สีสํนฺหาตาติ สสีสํ นฺหาตาฯ อธิมตฺตนฺติ อธิกตรํฯ สมลงฺกตตราติ สมฺมา อติสเยน อลงฺกตาฯ ‘‘อธิมตฺตา’’ติ วา ปาโฐ, อติวิย มตฺตา มานมทมตฺตา, มานนิสฺสิตาติ อโตฺถฯ ตยาติ โภติยา ฯ สามิเกน สมนฺตยีติ สามิเกน สทฺธิํ อโลฺลปสลฺลาปวเสน กเถสิฯ

    139-40.Sīsaṃnhātāti sasīsaṃ nhātā. Adhimattanti adhikataraṃ. Samalaṅkatatarāti sammā atisayena alaṅkatā. ‘‘Adhimattā’’ti vā pāṭho, ativiya mattā mānamadamattā, mānanissitāti attho. Tayāti bhotiyā . Sāmikena samantayīti sāmikena saddhiṃ allopasallāpavasena kathesi.

    ๑๔๒-๑๔๔. ขชฺชสิ กจฺฉุยาติ กจฺฉุโรเคน ขาทียสิ, พาธียสีติ อโตฺถฯ เภสชฺชหารีติ เภสชฺชหารินิโย โอสธหาริกาโยฯ อุภโยติ ทุเว, ตฺวญฺจ อหญฺจาติ อโตฺถฯ วนนฺตนฺติ วนํฯ ตฺวญฺจ เภสชฺชมาหรีติ ตฺวํ เวเชฺชหิ วุตฺตํ อตฺตโน อุปการาวหํ เภสชฺชํ อาหริฯ อหญฺจ กปิกจฺฉุโนติ อหํ ปน กปิกจฺฉุผลานิ ทุผสฺสผลานิ อาหริํฯ กปิกจฺฉูติ วา สยํภูตา วุจฺจติ, ตสฺมา สยํภูตาย ปตฺตผลานิ อาหรินฺติ อโตฺถฯ เสยฺยํ ตฺยาหํ สโมกิรินฺติ ตว เสยฺยํ อหํ กปิกจฺฉุผลปเตฺตหิ สมนฺตโต อวกิริํฯ

    142-144.Khajjasi kacchuyāti kacchurogena khādīyasi, bādhīyasīti attho. Bhesajjahārīti bhesajjahāriniyo osadhahārikāyo. Ubhayoti duve, tvañca ahañcāti attho. Vanantanti vanaṃ. Tvañca bhesajjamāharīti tvaṃ vejjehi vuttaṃ attano upakārāvahaṃ bhesajjaṃ āhari. Ahañca kapikacchunoti ahaṃ pana kapikacchuphalāni duphassaphalāni āhariṃ. Kapikacchūti vā sayaṃbhūtā vuccati, tasmā sayaṃbhūtāya pattaphalāni āharinti attho. Seyyaṃ tyāhaṃ samokirinti tava seyyaṃ ahaṃ kapikacchuphalapattehi samantato avakiriṃ.

    ๑๔๖-๑๔๗. สหายานนฺติ มิตฺตานํฯ สมโยติ สมาคโมฯ ญาตีนนฺติ พนฺธูนํฯ สมิตีติ สนฺนิปาโตฯ อามนฺติตาติ มงฺคลกิริยาวเสน นิมนฺติตาฯ สสามินีติ สภตฺติกา, สห ภตฺตุนาติ อโตฺถฯ โน จ โขหนฺติ โน จ โข อหํ อามนฺติตา อาสินฺติ โยชนาฯ ทุสฺสํ ตฺยาหนฺติ ทุสฺสํ เต อหํฯ อปานุทินฺติ โจริกาย อวหริํ อคฺคโหสิํฯ

    146-147.Sahāyānanti mittānaṃ. Samayoti samāgamo. Ñātīnanti bandhūnaṃ. Samitīti sannipāto. Āmantitāti maṅgalakiriyāvasena nimantitā. Sasāminīti sabhattikā, saha bhattunāti attho. No ca khohanti no ca kho ahaṃ āmantitā āsinti yojanā. Dussaṃ tyāhanti dussaṃ te ahaṃ. Apānudinti corikāya avahariṃ aggahosiṃ.

    ๑๔๙. ปจฺจคฺฆนฺติ อภินวํ, มหคฺฆํ วาฯ อตาเรสินฺติ ขิปิํฯ คูถคนฺธินีติ คูถคนฺธคนฺธินี กรีสวายินีฯ

    149.Paccagghanti abhinavaṃ, mahagghaṃ vā. Atāresinti khipiṃ. Gūthagandhinīti gūthagandhagandhinī karīsavāyinī.

    ๑๕๑. ยํ เคเห วิชฺชเต ธนนฺติ ยํ เคเห ธนํ อุปลพฺภติ, ตํ ตุยฺหํ มยฺหญฺจาติ อมฺหากํ อุภินฺน สมกํ ตุลฺยเมว อาสิฯ สเนฺตสูติ วิชฺชมาเนสุฯ ทีปนฺติ ปติฎฺฐํ, ปุญฺญกมฺมํ สนฺธาย วทติฯ

    151.Yaṃ gehe vijjate dhananti yaṃ gehe dhanaṃ upalabbhati, taṃ tuyhaṃ mayhañcāti amhākaṃ ubhinna samakaṃ tulyameva āsi. Santesūti vijjamānesu. Dīpanti patiṭṭhaṃ, puññakammaṃ sandhāya vadati.

    ๑๕๒. เอวํ สา เปตี ติสฺสาย ปุจฺฉิตมตฺถํ กเตฺถตฺวา ปุน ปุเพฺพ ตสฺสา วจนํ อกตฺวา อตฺตนา กตํ อปราธํ ปกาเสนฺตี ‘‘ตเทว มํ ตฺว’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตเทวาติ ตทา เอว, มยฺหํ มนุสฺสตฺตภาเว ฐิตกาเลเยวฯ ตเถวาติ วา ปาโฐ, ยถา เอตรหิ ชาตํ, ตํ ตถา เอวาติ อโตฺถฯ นฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ, ตฺวนฺติ ติสฺสํฯ อวจาติ อภณิฯ ยถา ปน อวจ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปาปกมฺม’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘ปาปกมฺมานี’’ติ ปาฬิฯ ‘‘ตฺวํ ปาปกมฺมานิเยว กโรสิ, ปาเปหิ ปน กเมฺมหิ สุคติ สุลภา น โหติ, อถ โข ทุคฺคติ เอว สุลภา’’ติ ยถา มํ ตฺวํ ปุเพฺพ อวจ โอวทิ, ตํ ตเถวาติ วทติฯ

    152. Evaṃ sā petī tissāya pucchitamatthaṃ katthetvā puna pubbe tassā vacanaṃ akatvā attanā kataṃ aparādhaṃ pakāsentī ‘‘tadeva maṃ tva’’ntiādimāha. Tattha tadevāti tadā eva, mayhaṃ manussattabhāve ṭhitakāleyeva. Tathevāti vā pāṭho, yathā etarahi jātaṃ, taṃ tathā evāti attho. Manti attānaṃ niddisati, tvanti tissaṃ. Avacāti abhaṇi. Yathā pana avaca, taṃ dassetuṃ ‘‘pāpakamma’’ntiādi vuttaṃ. ‘‘Pāpakammānī’’ti pāḷi. ‘‘Tvaṃ pāpakammāniyeva karosi, pāpehi pana kammehi sugati sulabhā na hoti, atha kho duggati eva sulabhā’’ti yathā maṃ tvaṃ pubbe avaca ovadi, taṃ tathevāti vadati.

    ๑๕๓. ตํ สุตฺวา ติสฺสา ‘‘วามโต มํ ตฺวํ ปเจฺจสี’’ติอาทินา ติโสฺส คาถา อาหฯ ตตฺถ วามโต มํ ตฺวํ ปเจฺจสีติ วิโลมโต มํ ตฺวํ อธิคจฺฉสิ, ตุยฺหํ หิเตสิมฺปิ วิปจฺจนีกการินิํ กตฺวา มํ คณฺหาสิฯ มํ อุสูยสีติ มยฺหํ อุสูยสิ, มยิ อิสฺสํ กโรสิฯ ปสฺส ปาปานํ กมฺมานํ, วิปาโก โหติ ยาทิโสติ ปาปกานํ นาม กมฺมานํ วิปาโก ยาทิโส ยถา โฆรตโร, ตํ ปจฺจกฺขโต ปสฺสาติ วทติฯ

    153. Taṃ sutvā tissā ‘‘vāmato maṃ tvaṃ paccesī’’tiādinā tisso gāthā āha. Tattha vāmato maṃ tvaṃ paccesīti vilomato maṃ tvaṃ adhigacchasi, tuyhaṃ hitesimpi vipaccanīkakāriniṃ katvā maṃ gaṇhāsi. Maṃ usūyasīti mayhaṃ usūyasi, mayi issaṃ karosi. Passa pāpānaṃ kammānaṃ, vipāko hoti yādisoti pāpakānaṃ nāma kammānaṃ vipāko yādiso yathā ghorataro, taṃ paccakkhato passāti vadati.

    ๑๕๔. เต อเญฺญ ปริจาเรนฺตีติ เต ฆเร ทาสิโย อาภรณานิ จ อิมานิ ตยา ปุเพฺพ ปริคฺคหิตานิ อิทานิ อเญฺญ ปริจาเรนฺติ ปริภุญฺชนฺติฯ ‘‘อิเม’’ติ หิ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํฯ น โภคา โหนฺติ สสฺสตาติ โภคา นาเมเต น สสฺสตา อนวฎฺฐิตา ตาวกาลิกา มหายคมนียา, ตสฺมา ตทตฺถํ อิสฺสามจฺฉริยาทีนิ น กตฺตพฺพานีติ อธิปฺปาโยฯ

    154.Te aññe paricārentīti te ghare dāsiyo ābharaṇāni ca imāni tayā pubbe pariggahitāni idāni aññe paricārenti paribhuñjanti. ‘‘Ime’’ti hi liṅgavipallāsena vuttaṃ. Na bhogā honti sassatāti bhogā nāmete na sassatā anavaṭṭhitā tāvakālikā mahāyagamanīyā, tasmā tadatthaṃ issāmacchariyādīni na kattabbānīti adhippāyo.

    ๑๕๕. อิทานิ ภูตสฺส ปิตาติ อิทาเนว ภูตสฺส มยฺหํ ปุตฺตสฺส ปิตา กุฎุมฺพิโกฯ อาปณาติ อาปณโต อิมํ เคหํ เอหิติ อาคมิสฺสติฯ อเปฺปว เต ทเท กิญฺจีติ เคหํ อาคโต กุฎุมฺพิโก ตุยฺหํ ทาตพฺพยุตฺตกํ กิญฺจิ เทยฺยธมฺมํ อปิ นาม ทเทยฺยฯ มา สุ ตาว อิโต อคาติ อิโต เคหสฺส ปจฺฉา วตฺถุโต มา ตาว อคมาสีติ ตํ อนุกมฺปมานา อาหฯ

    155.Idānibhūtassa pitāti idāneva bhūtassa mayhaṃ puttassa pitā kuṭumbiko. Āpaṇāti āpaṇato imaṃ gehaṃ ehiti āgamissati. Appeva te dade kiñcīti gehaṃ āgato kuṭumbiko tuyhaṃ dātabbayuttakaṃ kiñci deyyadhammaṃ api nāma dadeyya. Mā su tāva ito agāti ito gehassa pacchā vatthuto mā tāva agamāsīti taṃ anukampamānā āha.

    ๑๕๖. ตํ สุตฺวา เปตี อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปกาเสนฺตี ‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปามฺหี’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ โกปีนเมตํ อิตฺถีนนฺติ เอตํ นคฺคทุพฺพณฺณตาทิกํ ปฎิจฺฉาเทตพฺพตาย อิตฺถีนํ โกปีนํ รุนฺธนียํฯ มา มํ ภูตปิตาทฺทสาติ ตสฺมา ภูตสฺส ปิตา กุฎุมฺพิโก มํ มา อทฺทกฺขีติ ลชฺชมานา วทติฯ

    156. Taṃ sutvā petī attano ajjhāsayaṃ pakāsentī ‘‘naggā dubbaṇṇarūpāmhī’’ti gāthamāha. Tattha kopīnametaṃ itthīnanti etaṃ naggadubbaṇṇatādikaṃ paṭicchādetabbatāya itthīnaṃ kopīnaṃ rundhanīyaṃ. Mā maṃ bhūtapitāddasāti tasmā bhūtassa pitā kuṭumbiko maṃ mā addakkhīti lajjamānā vadati.

    ๑๕๗. ตํ สุตฺวา ติสฺสา สญฺชาตนุทฺทยา ‘‘หนฺท กิํ วา ตฺยาหํ ทมฺมี’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ หนฺทาติ โจทนเตฺถ นิปาโตฯ กิํ วา ตฺยาหํ ทมฺมีติ กิํ เต อหํ ทมฺมิ, กิํ วตฺถํ ทสฺสามิ, อุทาหุ ภตฺตนฺติฯ กิํ วา เตธ กโรมหนฺติ กิํ วา อญฺญํ เต อิธ อิมสฺมิํ กาเล อุปการํ กริสฺสามิฯ

    157. Taṃ sutvā tissā sañjātanuddayā ‘‘handa kiṃ vā tyāhaṃ dammī’’ti gāthamāha. Tattha handāti codanatthe nipāto. Kiṃ vā tyāhaṃ dammīti kiṃ te ahaṃ dammi, kiṃ vatthaṃ dassāmi, udāhu bhattanti. Kiṃ vā tedha karomahanti kiṃ vā aññaṃ te idha imasmiṃ kāle upakāraṃ karissāmi.

    ๑๕๘. ตํ สุตฺวา เปตี ‘‘จตฺตาโร ภิกฺขู สงฺฆโต’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ จตฺตาโร ภิกฺขู สงฺฆโต, จตฺตาโร ปน ปุคฺคเลติ ภิกฺขุสงฺฆโต สงฺฆวเสน จตฺตาโร ภิกฺขู, ปุคฺคลวเสน จตฺตาโร ภิกฺขูติ เอวํ อฎฺฐ ภิกฺขู ยถารุจิํ โภเชตฺวา ตํ ทกฺขิณํ มม อาทิส, มยฺหํ ปตฺติทานํ เทหิฯ ตทาหํ สุขิตา เหสฺสนฺติ ยทา ตฺวํ ทกฺขิณํ มม อุทฺทิสิสฺสสิ, ตทา อหํ สุขิตา สุขปฺปตฺตา สพฺพกามสมิทฺธินี ภวิสฺสามีติ อโตฺถฯ

    158. Taṃ sutvā petī ‘‘cattāro bhikkhū saṅghato’’ti gāthamāha. Tattha cattāro bhikkhū saṅghato, cattāro pana puggaleti bhikkhusaṅghato saṅghavasena cattāro bhikkhū, puggalavasena cattāro bhikkhūti evaṃ aṭṭha bhikkhū yathāruciṃ bhojetvā taṃ dakkhiṇaṃ mama ādisa, mayhaṃ pattidānaṃ dehi. Tadāhaṃ sukhitā hessanti yadā tvaṃ dakkhiṇaṃ mama uddisissasi, tadā ahaṃ sukhitā sukhappattā sabbakāmasamiddhinī bhavissāmīti attho.

    ๑๕๙-๑๖๑. ตํ สุตฺวา ติสฺสา ตมตฺถํ อตฺตโน สามิกสฺส อาโรเจตฺวา ทุติยทิวเส อฎฺฐ ภิกฺขู โภเชตฺวา ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสิ, สา ตาวเทว ปฎิลทฺธทิพฺพสมฺปตฺติกา ปุน ติสฺสาย สนฺติกํ อุปสงฺกมิฯ ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ สงฺคีติกาเรหิ ‘‘สาธูติ สา ปฎิสฺสุตฺวา’’ติอาทิกา ติโสฺส คาถา ฐปิตาฯ

    159-161. Taṃ sutvā tissā tamatthaṃ attano sāmikassa ārocetvā dutiyadivase aṭṭha bhikkhū bhojetvā tassā dakkhiṇamādisi, sā tāvadeva paṭiladdhadibbasampattikā puna tissāya santikaṃ upasaṅkami. Tamatthaṃ dassetuṃ saṅgītikārehi ‘‘sādhūti sā paṭissutvā’’tiādikā tisso gāthā ṭhapitā.

    ๑๖๒-๑๖๗. อุปสงฺกมิตฺวา ฐิตํ ปน นํ ติสฺสา ‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณนา’’ติอาทีหิ ตีหิ คาถาหิ ปฎิปุจฺฉิฯ อิตรา ‘‘อหํ มตฺตา’’ติ คาถาย อตฺตานํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘จิรํ ชีวาหี’’ติ คาถาย ตสฺสา อนุโมทนํ ทตฺวา ‘‘อิธ ธมฺมํ จริตฺวานา’’ติ คาถาย โอวาทํ อทาสิฯ ตตฺถ ตว ทิเนฺนนาติ ตยา ทิเนฺนนฯ อโสกํ วิรชํ ฐานนฺติ โสกาภาเวน อโสกํ, เสทชลฺลิกานํ ปน อภาเวน วิรชํ ทิพฺพฎฺฐานํ, สพฺพเมตํ เทวโลกํ สนฺธาย วทติฯ อาวาสนฺติ ฐานํฯ วสวตฺตินนฺติ ทิเพฺพน อาธิปเตเยฺยน อตฺตโน วสํ วเตฺตนฺตานํฯ สมูลนฺติ สโลภโทสํฯ โลภโทสา หิ มจฺฉริยสฺส มูลํ นามฯ อนินฺทิตาติ อครหิตา ปาสํสา, สคฺคมุเปหิ ฐานนฺติ รูปาทีหิ วิสเยหิ สุฎฺฐุ อคฺคตฺตา ‘‘สคฺค’’นฺติ ลทฺธนามํ ทิพฺพฎฺฐานํ อุเปหิ, สุคติปรายณา โหหีติ อโตฺถฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ

    162-167. Upasaṅkamitvā ṭhitaṃ pana naṃ tissā ‘‘abhikkantena vaṇṇenā’’tiādīhi tīhi gāthāhi paṭipucchi. Itarā ‘‘ahaṃ mattā’’ti gāthāya attānaṃ ācikkhitvā ‘‘ciraṃ jīvāhī’’ti gāthāya tassā anumodanaṃ datvā ‘‘idha dhammaṃ caritvānā’’ti gāthāya ovādaṃ adāsi. Tattha tava dinnenāti tayā dinnena. Asokaṃ virajaṃ ṭhānanti sokābhāvena asokaṃ, sedajallikānaṃ pana abhāvena virajaṃ dibbaṭṭhānaṃ, sabbametaṃ devalokaṃ sandhāya vadati. Āvāsanti ṭhānaṃ. Vasavattinanti dibbena ādhipateyyena attano vasaṃ vattentānaṃ. Samūlanti salobhadosaṃ. Lobhadosā hi macchariyassa mūlaṃ nāma. Aninditāti agarahitā pāsaṃsā, saggamupehi ṭhānanti rūpādīhi visayehi suṭṭhu aggattā ‘‘sagga’’nti laddhanāmaṃ dibbaṭṭhānaṃ upehi, sugatiparāyaṇā hohīti attho. Sesaṃ uttānameva.

    อถ ติสฺสา ตํ ปวตฺติํ กุฎุมฺพิกสฺส อาโรเจสิ, กุฎุมฺพิโก ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ, ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, ตํ สุตฺวา มหาชโน ปฎิลทฺธสํเวโค วิเนยฺย มเจฺฉราทิมลํ ทานสีลาทิรโต สุคติปรายโณ อโหสีติฯ

    Atha tissā taṃ pavattiṃ kuṭumbikassa ārocesi, kuṭumbiko bhikkhūnaṃ ārocesi, bhikkhū bhagavato ārocesuṃ. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi, taṃ sutvā mahājano paṭiladdhasaṃvego vineyya maccherādimalaṃ dānasīlādirato sugatiparāyaṇo ahosīti.

    มตฺตาเปติวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mattāpetivatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๓. มตฺตาเปติวตฺถุ • 3. Mattāpetivatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact