Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๙. มฎฺฐกุณฺฑลีวิมานวณฺณนา

    9. Maṭṭhakuṇḍalīvimānavaṇṇanā

    อลงฺกโต มฎฺฐกุณฺฑลีติ มฎฺฐกุณฺฑลีวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน สมเยน สาวตฺถิวาสี เอโก พฺราหฺมโณ อโทฺธ มหทฺธโน มหาโภโค อสฺสโทฺธ อปฺปสโนฺน มิจฺฉาทิฎฺฐิโก กสฺสจิ กิญฺจิ น เทติ, อทานโต เอว ‘‘อทินฺนปุพฺพโก’’ติ ปญฺญายิตฺถฯ โส มิจฺฉาทิฎฺฐิภาเวน จ ลุทฺธภาเวน จ ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา ทฎฺฐุมฺปิ น อิจฺฉติฯ มฎฺฐกุณฺฑลํ นาม อตฺตโน ปุตฺตญฺจ สิกฺขาเปสิ ‘‘ตาต , ตยา สมโณ โคตโม ตสฺส สาวกา จ น อุปสงฺกมิตพฺพา น ทฎฺฐพฺพา’’ติฯ โสปิ ตถา อกาสิฯ อถสฺส ปุโตฺต คิลาโน อโหสิ, พฺราหฺมโณ ธนกฺขยภเยน เภสชฺชํ น กาเรสิ, โรเค ปน วฑฺฒิเตว เวเชฺช ปโกฺกสิตฺวา ทเสฺสสิฯ เวชฺชา ตสฺส สรีรํ โอโลเกตฺวา ‘‘อเตกิโจฺฉ’’ติ ตํ ญตฺวา อปกฺกมิํสุฯ พฺราหฺมโณ ‘‘ปุเตฺต อพฺภนฺตเร มเต นีหรณํ ทุกฺข’’นฺติ ปุตฺตํ พหิทฺวารโกฎฺฐเก นิปชฺชาเปสิฯ

    Alaṅkatomaṭṭhakuṇḍalīti maṭṭhakuṇḍalīvimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena samayena sāvatthivāsī eko brāhmaṇo addho mahaddhano mahābhogo assaddho appasanno micchādiṭṭhiko kassaci kiñci na deti, adānato eva ‘‘adinnapubbako’’ti paññāyittha. So micchādiṭṭhibhāvena ca luddhabhāvena ca tathāgataṃ vā tathāgatasāvakaṃ vā daṭṭhumpi na icchati. Maṭṭhakuṇḍalaṃ nāma attano puttañca sikkhāpesi ‘‘tāta , tayā samaṇo gotamo tassa sāvakā ca na upasaṅkamitabbā na daṭṭhabbā’’ti. Sopi tathā akāsi. Athassa putto gilāno ahosi, brāhmaṇo dhanakkhayabhayena bhesajjaṃ na kāresi, roge pana vaḍḍhiteva vejje pakkositvā dassesi. Vejjā tassa sarīraṃ oloketvā ‘‘atekiccho’’ti taṃ ñatvā apakkamiṃsu. Brāhmaṇo ‘‘putte abbhantare mate nīharaṇaṃ dukkha’’nti puttaṃ bahidvārakoṭṭhake nipajjāpesi.

    ภควา รตฺติยา ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย โลกํ โวโลเกโนฺต อทฺทส มฎฺฐกุณฺฑลีมาณวํ ขีณายุกํ ตทเหว จวนธมฺมํ, นิรยสํวตฺตนิกญฺจสฺส กมฺมํ กโตกาสํฯ ‘‘สเจ ปนาหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ, โส มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ปิตรํ อาฬาหเน โรทมานํ อุปคนฺตฺวา สํเวเชสฺสติ, เอวํ โส จ ตสฺส ปิตา จ มม สนฺติกํ อาคมิสฺสติ, มหาชนกาโย สนฺนิปติสฺสติ ตตฺถ มยา ธเมฺม เทสิเต มหาธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปน ญตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปวิโฎฺฐ มฎฺฐกุณฺฑลีมาณวสฺส ปิตุ เคหสมีเป ฐตฺวา ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสเชฺชสิฯ ตา ทิสฺวา มาณโว ‘‘กิเมต’’นฺติ อิโต จิโต จ วิโลเกโนฺต อทฺทส ภควนฺตํ ทนฺตํ คุตฺตํ สนฺตินฺทฺริยํ ทฺวตฺติํสาย มหาปุริสลกฺขเณหิ อสีติยา อนุพฺยญฺชเนหิ พฺยามปฺปภาย เกตุมาลาย จ วิโชฺชตมานํ อนุปมาย พุทฺธสิริยา อจิเนฺตเยฺยน พุทฺธานุภาเวน วิโรจมานํฯ ทิสฺวา ตสฺส เอตทโหสิ ‘‘พุโทฺธ นุ โข ภควา อิธานุปฺปโตฺต, ยสฺสายํ รูปสมฺปทา อตฺตโน เตชสา สูริยมฺปิ อภิภวติ, กนฺตภาเวน จนฺทิมํ, อุปสนฺตภาเวน สเพฺพปิ สมณพฺราหฺมเณ, อุปสเมน นาม เอเตฺถว ภวิตพฺพํ, อยเมว จ มเญฺญ อิมสฺมิํ โลเก อคฺคปุคฺคโล, มเมว จ อนุกมฺปาย อิธานุปฺปโตฺต’’ติ พุทฺธารมฺมณาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฎสรีโร อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทโนฺต ปสนฺนจิโตฺต อญฺชลิํ ปคฺคยฺห นิปชฺชิฯ ตํ ทิสฺวา ภควา ‘‘อลํ อิมสฺส เอตฺตเกน สคฺคูปปตฺติยา’’ติ ปกฺกามิฯ

    Bhagavā rattiyā paccūsasamaye mahākaruṇāsamāpattito vuṭṭhāya lokaṃ volokento addasa maṭṭhakuṇḍalīmāṇavaṃ khīṇāyukaṃ tadaheva cavanadhammaṃ, nirayasaṃvattanikañcassa kammaṃ katokāsaṃ. ‘‘Sace panāhaṃ tattha gamissāmi, so mayi cittaṃ pasādetvā devaloke nibbattitvā pitaraṃ āḷāhane rodamānaṃ upagantvā saṃvejessati, evaṃ so ca tassa pitā ca mama santikaṃ āgamissati, mahājanakāyo sannipatissati tattha mayā dhamme desite mahādhammābhisamayo bhavissatī’’ti evaṃ pana ñatvā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ sāvatthiṃ piṇḍāya paviṭṭho maṭṭhakuṇḍalīmāṇavassa pitu gehasamīpe ṭhatvā chabbaṇṇabuddharaṃsiyo vissajjesi. Tā disvā māṇavo ‘‘kimeta’’nti ito cito ca vilokento addasa bhagavantaṃ dantaṃ guttaṃ santindriyaṃ dvattiṃsāya mahāpurisalakkhaṇehi asītiyā anubyañjanehi byāmappabhāya ketumālāya ca vijjotamānaṃ anupamāya buddhasiriyā acinteyyena buddhānubhāvena virocamānaṃ. Disvā tassa etadahosi ‘‘buddho nu kho bhagavā idhānuppatto, yassāyaṃ rūpasampadā attano tejasā sūriyampi abhibhavati, kantabhāvena candimaṃ, upasantabhāvena sabbepi samaṇabrāhmaṇe, upasamena nāma ettheva bhavitabbaṃ, ayameva ca maññe imasmiṃ loke aggapuggalo, mameva ca anukampāya idhānuppatto’’ti buddhārammaṇāya pītiyā nirantaraṃ phuṭasarīro anappakaṃ pītisomanassaṃ paṭisaṃvedento pasannacitto añjaliṃ paggayha nipajji. Taṃ disvā bhagavā ‘‘alaṃ imassa ettakena saggūpapattiyā’’ti pakkāmi.

    โสปิ ตํ ปีติโสมนสฺสํ อวิชหโนฺตว กาลํ กตฺวา ตาวติํเสสุ ทฺวาทสโยชนิเก วิมาเน นิพฺพตฺติฯ ปิตา ปนสฺส สรีรสกฺการํ กริตฺวา ทุติยทิวเส ปจฺจูสเวลายํ อาฬาหนํ คนฺตฺวา ‘‘หา หา มฎฺฐกุณฺฑลิ, หา หา มฎฺฐกุณฺฑลี’’ติ ปริเทวมาโน อาฬาหนํ อนุปริกฺกมโนฺต โรทติฯ เทวปุโตฺต อตฺตโน วิภวสมฺปตฺติํ โอโลเกตฺวา ‘‘กุโต นุ โข อหํ อิธาคโต กิญฺจ กมฺมํ กตฺวา’’ติ อุปธาเรโนฺต อตฺตโน ปุริมตฺตภาวํ ญตฺวา ตตฺถ จ มรณกาเล ภควติ ปวตฺติตํ จิตฺตปฺปสาทํ มโนหรํ อญฺชลิกรณมตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อโห มหานุภาวา พุทฺธา ภควโนฺต’’ติ สาติสยํ ตถาคเต สญฺชาตปฺปสาทพหุมาโน ‘‘อทินฺนปุพฺพกพฺราหฺมโณ นุ โข กิํ กโรตี’’ติ อุปธาเรโนฺต อาฬาหเน โรทมานํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มยฺหํ ปุเพฺพ เภสชฺชมตฺตมฺปิ อกตฺวา อิทานิ นิรตฺถกํ อาฬาหเน โรทติ, หนฺท นํ สํเวเชตฺวา กุสเล ปติฎฺฐาเปสฺสามี’’ติ เทวโลกโต อาคนฺตฺวา มฎฺฐกุณฺฑลีรูเปน โรทมาโน ‘‘หา หา จนฺท, หา หา สูริยา’’ติ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทโนฺต ปิตุ สมีเป อฎฺฐาสิฯ อถ นํ พฺราหฺมโณ ‘‘อยํ มฎฺฐกุณฺฑลี อาคโต’’ติ จิเนฺตตฺวา คาถาย อชฺฌภาสิ –

    Sopi taṃ pītisomanassaṃ avijahantova kālaṃ katvā tāvatiṃsesu dvādasayojanike vimāne nibbatti. Pitā panassa sarīrasakkāraṃ karitvā dutiyadivase paccūsavelāyaṃ āḷāhanaṃ gantvā ‘‘hā hā maṭṭhakuṇḍali, hā hā maṭṭhakuṇḍalī’’ti paridevamāno āḷāhanaṃ anuparikkamanto rodati. Devaputto attano vibhavasampattiṃ oloketvā ‘‘kuto nu kho ahaṃ idhāgato kiñca kammaṃ katvā’’ti upadhārento attano purimattabhāvaṃ ñatvā tattha ca maraṇakāle bhagavati pavattitaṃ cittappasādaṃ manoharaṃ añjalikaraṇamattaṃ disvā ‘‘aho mahānubhāvā buddhā bhagavanto’’ti sātisayaṃ tathāgate sañjātappasādabahumāno ‘‘adinnapubbakabrāhmaṇo nu kho kiṃ karotī’’ti upadhārento āḷāhane rodamānaṃ disvā ‘‘ayaṃ mayhaṃ pubbe bhesajjamattampi akatvā idāni niratthakaṃ āḷāhane rodati, handa naṃ saṃvejetvā kusale patiṭṭhāpessāmī’’ti devalokato āgantvā maṭṭhakuṇḍalīrūpena rodamāno ‘‘hā hā canda, hā hā sūriyā’’ti bāhā paggayha kandanto pitu samīpe aṭṭhāsi. Atha naṃ brāhmaṇo ‘‘ayaṃ maṭṭhakuṇḍalī āgato’’ti cintetvā gāthāya ajjhabhāsi –

    ๑๒๐๗.

    1207.

    ‘‘อลงฺกโต มฎฺฐกุณฺฑลี, มาลธารี หริจนฺทนุสฺสโท;

    ‘‘Alaṅkato maṭṭhakuṇḍalī, māladhārī haricandanussado;

    พาหา ปคฺคยฺห กนฺทสิ, วนมเชฺฌ กิํ ทุกฺขิโต ตุว’’นฺติฯ

    Bāhā paggayha kandasi, vanamajjhe kiṃ dukkhito tuva’’nti.

    ตตฺถ อลงฺกโตติ วิภูสิโตฯ มฎฺฐกุณฺฑลีติ สรีรปฺปเทสสฺส อฆํสนตฺถํ มาลาลตาทโย อทเสฺสตฺวา มฎฺฐากาเรเนว กตกุณฺฑโลฯ อถ วา มฎฺฐกุณฺฑลีติ วิสุทฺธกุณฺฑโล, ตาเปตฺวา ชาติหิงฺคุลิกาย มชฺชิตฺวา โธวิตฺวา สูกรโลเมน มชฺชิตกุณฺฑโลติ อโตฺถ ฯ มาลธารีติ มาลํ ธาเรโนฺต, ปิฬนฺธิตมาโลติ อโตฺถฯ หริจนฺทนุสฺสโทติ รตฺตจนฺทเนน สพฺพโส อนุลิตฺตคโตฺตฯ กินฺติ ปุจฺฉาวจนํฯ ทุกฺขิโตติ ทุกฺขปฺปโตฺตฯ กิํทุกฺขิโตติ วา เอกเมว ปทํ, เกน ทุเกฺขน ทุกฺขิโตติ อโตฺถฯ

    Tattha alaṅkatoti vibhūsito. Maṭṭhakuṇḍalīti sarīrappadesassa aghaṃsanatthaṃ mālālatādayo adassetvā maṭṭhākāreneva katakuṇḍalo. Atha vā maṭṭhakuṇḍalīti visuddhakuṇḍalo, tāpetvā jātihiṅgulikāya majjitvā dhovitvā sūkaralomena majjitakuṇḍaloti attho . Māladhārīti mālaṃ dhārento, piḷandhitamāloti attho. Haricandanussadoti rattacandanena sabbaso anulittagatto. Kinti pucchāvacanaṃ. Dukkhitoti dukkhappatto. Kiṃdukkhitoti vā ekameva padaṃ, kena dukkhena dukkhitoti attho.

    อถ นํ เทวปุโตฺต อาห –

    Atha naṃ devaputto āha –

    ๑๒๐๘.

    1208.

    ‘‘โสวณฺณมโย ปภสฺสโร, อุปฺปโนฺน รถปญฺชโร มม;

    ‘‘Sovaṇṇamayo pabhassaro, uppanno rathapañjaro mama;

    ตสฺส จกฺกยุคํ น วินฺทามิ, เตน ทุเกฺขน ชหามิ ชีวิต’’นฺติฯ

    Tassa cakkayugaṃ na vindāmi, tena dukkhena jahāmi jīvita’’nti.

    อถ นํ พฺราหฺมโณ อาห –

    Atha naṃ brāhmaṇo āha –

    ๑๒๐๙.

    1209.

    ‘‘โสวณฺณมยํ มณิมยํ, โลหิตกมยํ อถ รูปิยมยํ;

    ‘‘Sovaṇṇamayaṃ maṇimayaṃ, lohitakamayaṃ atha rūpiyamayaṃ;

    อาจิกฺข เม ภทฺทมาณว, จกฺกยุคํ ปฎิปาทยามิ เต’’ติฯ

    Ācikkha me bhaddamāṇava, cakkayugaṃ paṭipādayāmi te’’ti.

    ตํ สุตฺวา มาณโว ‘‘อยํ ปุตฺตสฺส เภสชฺชํ อกตฺวา ปุตฺตปติรูปกํ มํ ทิสฺวา โรทโนฺต ‘สุวณฺณาทิมยํ รถจกฺกํ กโรมี’ติ วทติ, โหตุ นิคฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ‘‘กีว มหนฺตํ เม จกฺกยุคํ กริสฺสสี’’ติ วตฺวา ‘‘ยาว มหนฺตํ อากงฺขสี’’ติ วุเตฺต ‘‘จนฺทิมสูริเยหิ เม อโตฺถ, เต เม เทหี’’ติ ยาจโนฺต –

    Taṃ sutvā māṇavo ‘‘ayaṃ puttassa bhesajjaṃ akatvā puttapatirūpakaṃ maṃ disvā rodanto ‘suvaṇṇādimayaṃ rathacakkaṃ karomī’ti vadati, hotu niggaṇhissāmi na’’nti cintetvā ‘‘kīva mahantaṃ me cakkayugaṃ karissasī’’ti vatvā ‘‘yāva mahantaṃ ākaṅkhasī’’ti vutte ‘‘candimasūriyehi me attho, te me dehī’’ti yācanto –

    ๑๒๑๐.

    1210.

    ‘‘โส มาณโว ตสฺส ปาวทิ, จนฺทสูริยา อุภเยตฺถ ทิสฺสเร;

    ‘‘So māṇavo tassa pāvadi, candasūriyā ubhayettha dissare;

    โสวณฺณมโย รโถ มม, เตน จกฺกยุเคน โสภตี’’ติฯ

    Sovaṇṇamayo ratho mama, tena cakkayugena sobhatī’’ti.

    อถ นํ พฺราหฺมโณ อาห –

    Atha naṃ brāhmaṇo āha –

    ๑๒๑๑.

    1211.

    ‘‘พาโล โข ตฺวํ อสิ มาณว, โย ตฺวํ ปตฺถยเส อปตฺถิยํ;

    ‘‘Bālo kho tvaṃ asi māṇava, yo tvaṃ patthayase apatthiyaṃ;

    มญฺญามิ ตุวํ มริสฺสสิ, น หิ ตฺวํ ลจฺฉสิ จนฺทสูริเย’’ติฯ

    Maññāmi tuvaṃ marissasi, na hi tvaṃ lacchasi candasūriye’’ti.

    อถ นํ มาณโว ‘‘กิํ ปน ปญฺญายมานสฺสตฺถาย โรทโนฺต พาโล โหติ, อุทาหุ อปญฺญายมานสฺสา’’ติ วตฺวา –

    Atha naṃ māṇavo ‘‘kiṃ pana paññāyamānassatthāya rodanto bālo hoti, udāhu apaññāyamānassā’’ti vatvā –

    ๑๒๑๒.

    1212.

    ‘‘คมนาคมนมฺปิ ทิสฺสติ, วณฺณธาตุ อุภยตฺถ วีถิยา;

    ‘‘Gamanāgamanampi dissati, vaṇṇadhātu ubhayattha vīthiyā;

    เปโต กาลกโต น ทิสฺสติ, โก นิธ กนฺทตํ พาลฺยตโร’’ติฯ

    Peto kālakato na dissati, ko nidha kandataṃ bālyataro’’ti.

    ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ‘‘ยุตฺตํ เอส วทตี’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา –

    Taṃ sutvā brāhmaṇo ‘‘yuttaṃ esa vadatī’’ti sallakkhetvā –

    ๑๒๑๓.

    1213.

    ‘‘สจฺจํ โข วเทสิ มาณว, อหเมว กนฺทตํ พาลฺยตโร;

    ‘‘Saccaṃ kho vadesi māṇava, ahameva kandataṃ bālyataro;

    จนฺทํ วิย ทารโก รุทํ, เปตํ กาลกตาภิปตฺถยิ’’นฺติฯ –

    Candaṃ viya dārako rudaṃ, petaṃ kālakatābhipatthayi’’nti. –

    วตฺวา ตสฺส กถาย นิโสฺสโก หุตฺวา มาณวสฺส ถุติํ กโรโนฺต อิมา คาถา อภาสิ –

    Vatvā tassa kathāya nissoko hutvā māṇavassa thutiṃ karonto imā gāthā abhāsi –

    ๑๒๑๔.

    1214.

    ‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

    ‘‘Ādittaṃ vata maṃ santaṃ, ghatasittaṃva pāvakaṃ;

    วารินา วิย โอสิญฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํฯ

    Vārinā viya osiñcaṃ, sabbaṃ nibbāpaye daraṃ.

    ๑๒๑๕.

    1215.

    ‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;

    ‘‘Abbahī vata me sallaṃ, sokaṃ hadayanissitaṃ;

    โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิฯ

    Yo me sokaparetassa, puttasokaṃ apānudi.

    ๑๒๑๖.

    1216.

    ‘‘สฺวาหํ อพฺพูฬฺหสโลฺลสฺมิ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต;

    ‘‘Svāhaṃ abbūḷhasallosmi, sītibhūtosmi nibbuto;

    น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน มาณวา’’ติฯ

    Na socāmi na rodāmi, tava sutvāna māṇavā’’ti.

    ๑๒๐๘-๑๐. ตตฺถ รถปญฺชโรติ รถูปตฺถํฯ น วินฺทามีติ น ลภามิฯ ภทฺทมาณวาติ อาลปนํฯ ปฎิปาทยามีติ สมฺปาเทตฺวา ททามิ, มา จกฺกยุคาภาเวน ชีวิตํ ชหีติ อธิปฺปาโยฯ อุภเยตฺถ ทิสฺสเรติ อุโภปิ เอตฺถ จนฺทสูริยา อากาเส ทิสฺสนฺติฯ -กาโร ปทสนฺธิกโร, อุภเย เอตฺถาติ วา ปทวิภาโคฯ

    1208-10. Tattha rathapañjaroti rathūpatthaṃ. Na vindāmīti na labhāmi. Bhaddamāṇavāti ālapanaṃ. Paṭipādayāmīti sampādetvā dadāmi, mā cakkayugābhāvena jīvitaṃ jahīti adhippāyo. Ubhayettha dissareti ubhopi ettha candasūriyā ākāse dissanti. Ya-kāro padasandhikaro, ubhaye etthāti vā padavibhāgo.

    ๑๒๑๒. คมนาคมนนฺติ ทิวเส ทิวเส โอคมนุคฺคมนวเสน จนฺทสูริยานํ คมนํ อาคมนญฺจ ทิสฺสติฯ ‘‘คมโนคมน’’นฺติปิ ปาฬิ, อุคฺคมนํ โอคมนญฺจาติ อโตฺถฯ วณฺณธาตูติ สีติภาววิสิฎฺฐา กนฺตภาวภาสุรา, อุณฺหภาววิสิฎฺฐา ติกฺขภาวภาสุรา จ วณฺณนิภาฯ อุภยตฺถาติ จเนฺท สูริเย จาติ ทฺวีสุปิ วณฺณธาตุ ทิสฺสตีติ โยเชตพฺพํฯ วีถิยาติ ปวตฺตนวีถิยํ อากาเส, นาควีถิยาทิวีถิยํ วาฯ ‘‘อุภเยตฺถา’’ติปิ ปาโฐ, อุภเย เอตฺถาติ ปทวิสนฺธิฯ พาลฺยตโรติ พาลตโร อติสเยน พาโลฯ

    1212.Gamanāgamananti divase divase ogamanuggamanavasena candasūriyānaṃ gamanaṃ āgamanañca dissati. ‘‘Gamanogamana’’ntipi pāḷi, uggamanaṃ ogamanañcāti attho. Vaṇṇadhātūti sītibhāvavisiṭṭhā kantabhāvabhāsurā, uṇhabhāvavisiṭṭhā tikkhabhāvabhāsurā ca vaṇṇanibhā. Ubhayatthāti cande sūriye cāti dvīsupi vaṇṇadhātu dissatīti yojetabbaṃ. Vīthiyāti pavattanavīthiyaṃ ākāse, nāgavīthiyādivīthiyaṃ vā. ‘‘Ubhayetthā’’tipi pāṭho, ubhaye etthāti padavisandhi. Bālyataroti bālataro atisayena bālo.

    ๑๒๑๓. อิมํ ปน กถํ สุตฺวา ‘‘อลพฺภนียวตฺถุํ วตาหํ ปเตฺถตฺวา เกวลํ โสกคฺคินา ฑยฺหามิ, กิํ เม นิรตฺถเกน อนยพฺยสเนนา’’ติ ปฎิสงฺขาเน อฎฺฐาสิฯ อถ เทวปุโตฺต มฎฺฐกุณฺฑลีรูปํ ปฎิสํหริตฺวา อตฺตโน ทิพฺพรูเปเนว อฎฺฐาสิฯ พฺราหฺมโณ ปน ตํ อโนโลเกตฺวา มาณวโวหาเรเนว โวหรโนฺต ‘‘สจฺจํ โข วเทสิ มาณวา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ จนฺทํ วิย ทารโก รุทนฺติ จนฺทํ อภิปตฺถยํ รุทโนฺต ทารโก วิยาติ อโตฺถฯ กาลกตาภิปตฺถยินฺติ กาลกตํ อภิปตฺถยิํฯ ‘‘อภิปตฺถย’’นฺติปิ ปาโฐฯ

    1213. Imaṃ pana kathaṃ sutvā ‘‘alabbhanīyavatthuṃ vatāhaṃ patthetvā kevalaṃ sokagginā ḍayhāmi, kiṃ me niratthakena anayabyasanenā’’ti paṭisaṅkhāne aṭṭhāsi. Atha devaputto maṭṭhakuṇḍalīrūpaṃ paṭisaṃharitvā attano dibbarūpeneva aṭṭhāsi. Brāhmaṇo pana taṃ anoloketvā māṇavavohāreneva voharanto ‘‘saccaṃ kho vadesi māṇavā’’tiādimāha. Tattha candaṃ viya dārako rudanti candaṃ abhipatthayaṃ rudanto dārako viyāti attho. Kālakatābhipatthayinti kālakataṃ abhipatthayiṃ. ‘‘Abhipatthaya’’ntipi pāṭho.

    ๑๒๑๔-๕. อาทิตฺตนฺติ โสกคฺคินา อาทิตฺตํฯ นิพฺพาปเย ทรนฺติ นิพฺพาปยิ ทรถํ โสกปริฬาหํฯ อพฺพหีติ อุทฺธริฯ

    1214-5.Ādittanti sokagginā ādittaṃ. Nibbāpaye daranti nibbāpayi darathaṃ sokapariḷāhaṃ. Abbahīti uddhari.

    อถ พฺราหฺมโณ โสกํ วิโนเทตฺวา อตฺตโน อุปเทสทายกํ ทิพฺพรูเปน ฐิตํ ทิสฺวา ‘‘โก นาม ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉโนฺต –

    Atha brāhmaṇo sokaṃ vinodetvā attano upadesadāyakaṃ dibbarūpena ṭhitaṃ disvā ‘‘ko nāma tva’’nti pucchanto –

    ๑๒๑๗.

    1217.

    ‘‘เทวตา นุสิ คนฺธโพฺพ, อทุ สโกฺก ปุรินฺทโท;

    ‘‘Devatā nusi gandhabbo, adu sakko purindado;

    โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุโตฺต, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติฯ –

    Ko vā tvaṃ kassa vā putto, kathaṃ jānemu taṃ maya’’nti. –

    อาหฯ โสปิ ตสฺส –

    Āha. Sopi tassa –

    ๑๒๑๘.

    1218.

    ‘‘ยญฺจ กนฺทสิ ยญฺจ โรทสิ, ปุตฺตํ อาฬาหเน สยํ ทหิตฺวา;

    ‘‘Yañca kandasi yañca rodasi, puttaṃ āḷāhane sayaṃ dahitvā;

    สฺวาหํ กุสลํ กริตฺวา กมฺมํ, ติทสานํ สหพฺยตํ คโต’’ติฯ –

    Svāhaṃ kusalaṃ karitvā kammaṃ, tidasānaṃ sahabyataṃ gato’’ti. –

    อตฺตานํ กเถสิฯ ตตฺถ ยญฺจ กนฺทสิ ยญฺจ โรทสีติ ยํ ตว ปุตฺตํ มฎฺฐกุณฺฑลิํ อุทฺทิสฺส โรทสิ, อสฺสูนิ มุญฺจสิฯ

    Attānaṃ kathesi. Tattha yañca kandasi yañca rodasīti yaṃ tava puttaṃ maṭṭhakuṇḍaliṃ uddissa rodasi, assūni muñcasi.

    อถ นํ พฺราหฺมโณ อาห –

    Atha naṃ brāhmaṇo āha –

    ๑๒๑๙.

    1219.

    ‘‘อปฺปํ วา พหุํ วา นาทฺทสาม, ทานํ ททนฺตสฺส สเก อคาเร;

    ‘‘Appaṃ vā bahuṃ vā nāddasāma, dānaṃ dadantassa sake agāre;

    อุโปสถกมฺมํ วา ตาทิสํ, เกน กเมฺมน คโตสิ เทวโลก’’นฺติฯ

    Uposathakammaṃ vā tādisaṃ, kena kammena gatosi devaloka’’nti.

    ตตฺถ ‘‘อุโปสถกมฺมํ วา ตาทิสํ นาทฺทสามา’’ติ โยชนาฯ

    Tattha ‘‘uposathakammaṃ vā tādisaṃ nāddasāmā’’ti yojanā.

    อถ นํ มาณโว อาห –

    Atha naṃ māṇavo āha –

    ๑๒๒๐.

    1220.

    ‘‘อาพาธิโกหํ ทุกฺขิโต คิลาโน, อาตุรรูโปมฺหิ สเก นิเวสเน;

    ‘‘Ābādhikohaṃ dukkhito gilāno, āturarūpomhi sake nivesane;

    พุทฺธํ วิคตรชํ วิติณฺณกงฺขํ, อทฺทกฺขิํ สุคตํ อโนมปญฺญํฯ

    Buddhaṃ vigatarajaṃ vitiṇṇakaṅkhaṃ, addakkhiṃ sugataṃ anomapaññaṃ.

    ๑๒๒๑.

    1221.

    ‘‘สฺวาหํ มุทิตมโน ปสนฺนจิโตฺต, อญฺชลิํ อกริํ ตถาคตสฺส;

    ‘‘Svāhaṃ muditamano pasannacitto, añjaliṃ akariṃ tathāgatassa;

    ตาหํ กุสลํ กริตฺวาน กมฺมํ, ติทสานํ สหพฺยตํ คโต’’ติฯ

    Tāhaṃ kusalaṃ karitvāna kammaṃ, tidasānaṃ sahabyataṃ gato’’ti.

    ๑๒๒๐-๒๑. ตตฺถ อาพาธิโกติ อาพาธสมงฺคีฯ ทุกฺขิโตติ เตเนว อาพาธิกภาเวน ชาตทุโกฺขฯ คิลาโนติ คิลายมาโนติ อโตฺถฯ อาตุรรูโปติ ทุกฺขเวทนาภิตุนฺนกาโยฯ วิคตรชนฺติ วิคตราคาทิรชํฯ วิติณฺณกงฺขนฺติ สพฺพโส สํสยานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา ติณฺณวิจิกิจฺฉํฯ อโนมปญฺญนฺติ ปริปุณฺณปญฺญํ, สพฺพญฺญุนฺติ อโตฺถฯ อกรินฺติ อกาสิํฯ ตาหนฺติ ตํ อหํฯ

    1220-21. Tattha ābādhikoti ābādhasamaṅgī. Dukkhitoti teneva ābādhikabhāvena jātadukkho. Gilānoti gilāyamānoti attho. Āturarūpoti dukkhavedanābhitunnakāyo. Vigatarajanti vigatarāgādirajaṃ. Vitiṇṇakaṅkhanti sabbaso saṃsayānaṃ samucchinnattā tiṇṇavicikicchaṃ. Anomapaññanti paripuṇṇapaññaṃ, sabbaññunti attho. Akarinti akāsiṃ. Tāhanti taṃ ahaṃ.

    เอวํ ตสฺมิํ กเถเนฺตเยว พฺราหฺมณสฺส สกลสรีรํ ปีติยา ปริปูริฯ โส ตํ ปีติํ ปเวเทโนฺต –

    Evaṃ tasmiṃ kathenteyeva brāhmaṇassa sakalasarīraṃ pītiyā paripūri. So taṃ pītiṃ pavedento –

    ๑๒๒๒.

    1222.

    ‘‘อจฺฉริยํ วต อพฺภุตํ วต,

    ‘‘Acchariyaṃ vata abbhutaṃ vata,

    อญฺชลิกมฺมสฺส อยมีทิโส วิปาโก;

    Añjalikammassa ayamīdiso vipāko;

    อหมฺปิ มุทิตมโน ปสนฺนจิโตฺต,

    Ahampi muditamano pasannacitto,

    อเชฺชว พุทฺธํ สรณํ วชามี’’ติฯ – อาห;

    Ajjeva buddhaṃ saraṇaṃ vajāmī’’ti. – āha;

    ตตฺถ อนภิณฺหปฺปวตฺติตาย อจฺฉรํ ปหริตุํ โยคฺคนฺติ อจฺฉริยํ, อภูตปุพฺพตาย อพฺภุตํฯ อุภเยนปิ วิมฺหยาวหตํเยว ทเสฺสตฺวา ‘‘อหมฺปิ มุทิตมโน ปสนฺนจิโตฺต, อเชฺชว พุทฺธํ สรณํ วชามี’’ติ อาหฯ

    Tattha anabhiṇhappavattitāya accharaṃ paharituṃ yogganti acchariyaṃ, abhūtapubbatāya abbhutaṃ. Ubhayenapi vimhayāvahataṃyeva dassetvā ‘‘ahampi muditamano pasannacitto, ajjeva buddhaṃ saraṇaṃ vajāmī’’ti āha.

    อถ นํ เทวปุโตฺต สรณคมเน สีลสมาทาเน จ นิโยเชโนฺต –

    Atha naṃ devaputto saraṇagamane sīlasamādāne ca niyojento –

    ๑๒๒๓.

    1223.

    ‘‘อเชฺชว พุทฺธํ สรณํ วชาหิ, ธมฺมญฺจ สงฺฆญฺจ ปสนฺนจิโตฺต;

    ‘‘Ajjeva buddhaṃ saraṇaṃ vajāhi, dhammañca saṅghañca pasannacitto;

    ตเถว สิกฺขาย ปทานิ ปญฺจ, อขณฺฑผุลฺลานิ สมาทิยสฺสุฯ

    Tatheva sikkhāya padāni pañca, akhaṇḍaphullāni samādiyassu.

    ๑๒๒๔.

    1224.

    ‘‘ปาณาติปาตา วิรมสฺสุ ขิปฺปํ, โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยสฺสุ;

    ‘‘Pāṇātipātā viramassu khippaṃ, loke adinnaṃ parivajjayassu;

    อมชฺชโป มา จ มุสา ภณาหิ, สเกน ทาเรน จ โหหิ ตุโฎฺฐ’’ติฯ –

    Amajjapo mā ca musā bhaṇāhi, sakena dārena ca hohi tuṭṭho’’ti. –

    คาถาทฺวยมาหฯ

    Gāthādvayamāha.

    ๑๒๒๓. ตตฺถ ตเถวาติ ยถา ปสนฺนจิโตฺต ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา’’ติ พุทฺธํ สรณํ วเชสิ, ตเถว ‘‘สฺวากฺขาโต ธโมฺม, สุปฺปฎิปโนฺน สโงฺฆ’’ติ ปสนฺนจิโตฺต ธมฺมญฺจ สงฺฆญฺจ สรณํ วชาหิฯ ยถา วา ปสนฺนจิโตฺต รตนตฺตยํ สรณํ วเชสิ, ตเถว ‘‘อยํ เอกํสโต ทิเฎฺฐว ธเมฺม อภิสมฺปรายญฺจ หิตสุขาวโห’’ติ ปสนฺนจิโตฺต สิกฺขาย อธิสีลสิกฺขาย ปทานิ โกฎฺฐาสภูตานิ อธิจิตฺตอธิปญฺญาสิกฺขาย วา อุปายภูตานิ ปญฺจสีลานิ อวิโกปนโต จ อสํกิลิสฺสนโต จ อขณฺฑผุลฺลานิ สมาทิยสฺสุ, สมาทาย วตฺตสฺสูติ อโตฺถฯ

    1223. Tattha tathevāti yathā pasannacitto ‘‘sammāsambuddho bhagavā’’ti buddhaṃ saraṇaṃ vajesi, tatheva ‘‘svākkhāto dhammo, suppaṭipanno saṅgho’’ti pasannacitto dhammañca saṅghañca saraṇaṃ vajāhi. Yathā vā pasannacitto ratanattayaṃ saraṇaṃ vajesi, tatheva ‘‘ayaṃ ekaṃsato diṭṭheva dhamme abhisamparāyañca hitasukhāvaho’’ti pasannacitto sikkhāya adhisīlasikkhāya padāni koṭṭhāsabhūtāni adhicittaadhipaññāsikkhāya vā upāyabhūtāni pañcasīlāni avikopanato ca asaṃkilissanato ca akhaṇḍaphullāni samādiyassu, samādāya vattassūti attho.

    เอวํ เทวปุเตฺตน สรณคมเน สีลสมาทาเน จ นิโยชิโต พฺราหฺมโณ ตสฺส วจนํ สิรสา สมฺปฎิจฺฉโนฺต –

    Evaṃ devaputtena saraṇagamane sīlasamādāne ca niyojito brāhmaṇo tassa vacanaṃ sirasā sampaṭicchanto –

    ๑๒๒๕.

    1225.

    ‘‘อตฺถกาโมสิ เม ยกฺข, หิตกาโมสิ เทวเต;

    ‘‘Atthakāmosi me yakkha, hitakāmosi devate;

    กโรมิ ตุยฺหํ วจนํ, ตฺวํสิ อาจริโย มมา’’ติฯ –

    Karomi tuyhaṃ vacanaṃ, tvaṃsi ācariyo mamā’’ti. –

    คาถํ วตฺวา ตตฺถ ปติฎฺฐหโนฺต –

    Gāthaṃ vatvā tattha patiṭṭhahanto –

    ๑๒๒๖.

    1226.

    ‘‘อุเปมิ สรณํ พุทฺธํ, ธมฺมญฺจาปิ อนุตฺตรํ;

    ‘‘Upemi saraṇaṃ buddhaṃ, dhammañcāpi anuttaraṃ;

    สงฺฆญฺจ นรเทวสฺส, คจฺฉามิ สรณํ อหํฯ

    Saṅghañca naradevassa, gacchāmi saraṇaṃ ahaṃ.

    ๑๒๒๗.

    1227.

    ‘‘ปาณาติปาตา วิรมามิ ขิปฺปํ, โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยามิ;

    ‘‘Pāṇātipātā viramāmi khippaṃ, loke adinnaṃ parivajjayāmi;

    อมชฺชโป โน จ มุสา ภณามิ, สเกน ทาเรน จ โหมิ ตุโฎฺฐ’’ติฯ –

    Amajjapo no ca musā bhaṇāmi, sakena dārena ca homi tuṭṭho’’ti. –

    คาถาทฺวยมาหฯ ตมฺปิ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Gāthādvayamāha. Tampi suviññeyyameva.

    ตโต เทวปุโตฺต ‘‘กตํ มยา พฺราหฺมณสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ, อิทานิ สยเมว ภควนฺตํ อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติ ตเตฺถว อนฺตรธายิฯ พฺราหฺมโณปิ โข ภควติ สญฺชาตปสาทพหุมาโน เทวตาย จ โจทิยมาโน ‘‘สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิสฺสามี’’ติ วิหาราภิมุโข คจฺฉติฯ ตํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ เอตฺตกํ กาลํ ตถาคตํ อนุปสงฺกมิตฺวา อชฺช ปุตฺตโสเกน อุปสงฺกมติ, กีทิสี นุ โข ธมฺมเทสนา ภวิสฺสตี’’ติ ตํ อนุพนฺธิฯ

    Tato devaputto ‘‘kataṃ mayā brāhmaṇassa kattabbayuttakaṃ, idāni sayameva bhagavantaṃ upasaṅkamissatī’’ti tattheva antaradhāyi. Brāhmaṇopi kho bhagavati sañjātapasādabahumāno devatāya ca codiyamāno ‘‘samaṇaṃ gotamaṃ upasaṅkamissāmī’’ti vihārābhimukho gacchati. Taṃ disvā mahājano ‘‘ayaṃ brāhmaṇo ettakaṃ kālaṃ tathāgataṃ anupasaṅkamitvā ajja puttasokena upasaṅkamati, kīdisī nu kho dhammadesanā bhavissatī’’ti taṃ anubandhi.

    พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา เอวมาห ‘‘สกฺกา นุ โข โภ โคตม กิญฺจิ ทานํ อทตฺวา สีลํ วา อรกฺขิตฺวา เกวลํ ตุเมฺหสุ ปสาทมเตฺตน สเคฺค นิพฺพตฺติตุ’’นฺติฯ ‘‘นนุ, พฺราหฺมณ, อชฺช ปจฺจูสเวลายํ มฎฺฐกุณฺฑลินา เทวปุเตฺตน อตฺตโน เทวโลกูปปตฺติการณํ ตุยฺหํ กถิก’’นฺติ ภควา อโวจฯ ตสฺมิํ ขเณ มฎฺฐกุณฺฑลีเทวปุโตฺต สห วิมาเนน อาคนฺตฺวา ทิสฺสมานรูโป วิมานโต โอรุยฺห ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ อถ ภควา ตสฺสํ ปริสติ เตน เทวปุเตฺตน กตสุจริตํ กเถตฺวา ปริสาย จิตฺตกลฺลตํ ญตฺวา สามุกฺกํสิกํ ธมฺมเทสนํ อกาสิฯ เทสนาปริโยสาเน เทวปุโตฺต จ พฺราหฺมโณ จ สนฺนิปติตปริสา จาติ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติฯ

    Brāhmaṇo bhagavantaṃ upasaṅkamitvā paṭisanthāraṃ katvā evamāha ‘‘sakkā nu kho bho gotama kiñci dānaṃ adatvā sīlaṃ vā arakkhitvā kevalaṃ tumhesu pasādamattena sagge nibbattitu’’nti. ‘‘Nanu, brāhmaṇa, ajja paccūsavelāyaṃ maṭṭhakuṇḍalinā devaputtena attano devalokūpapattikāraṇaṃ tuyhaṃ kathika’’nti bhagavā avoca. Tasmiṃ khaṇe maṭṭhakuṇḍalīdevaputto saha vimānena āgantvā dissamānarūpo vimānato oruyha bhagavantaṃ abhivādetvā añjaliṃ paggayha ekamantaṃ aṭṭhāsi. Atha bhagavā tassaṃ parisati tena devaputtena katasucaritaṃ kathetvā parisāya cittakallataṃ ñatvā sāmukkaṃsikaṃ dhammadesanaṃ akāsi. Desanāpariyosāne devaputto ca brāhmaṇo ca sannipatitaparisā cāti caturāsītiyā pāṇasahassānaṃ dhammābhisamayo ahosīti.

    มฎฺฐกุณฺฑลีวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Maṭṭhakuṇḍalīvimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๙. มฎฺฐกุณฺฑลีวิมานวตฺถุ • 9. Maṭṭhakuṇḍalīvimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact