Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๙๙] ๔. มาตุโปสกคิชฺฌชาตกวณฺณนา
[399] 4. Mātuposakagijjhajātakavaṇṇanā
เต กถํ นุ กริสฺสนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ มาตุโปสกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ สามชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๒๙๖ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ
Te kathaṃ nu karissantīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ mātuposakabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Vatthu sāmajātake (jā. 2.22.296 ādayo) āvi bhavissati.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต คิชฺฌโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต วุเทฺธ ปริหีนจกฺขุเก มาตาปิตโร คิชฺฌคุหายํ ฐเปตฺวา โคมํสาทีนิ อาหริตฺวา โปเสสิฯ ตสฺมิํ กาเล พาราณสิยํ สุสาเน เอโก เนสาโท อนิยเมตฺวา คิชฺฌานํ ปาเส โอเฑฺฑสิฯ อเถกทิวสํ โพธิสโตฺต โคมํสาทิํ ปริเยสโนฺต สุสานํ ปวิโฎฺฐ ปาเทน ปาเส พชฺฌิตฺวา อตฺตโน น จิเนฺตสิ, วุเทฺธ ปริหีนจกฺขุเก มาตาปิตโร อนุสฺสริตฺวา ‘‘กถํ นุ โข เม มาตาปิตโร ยาเปสฺสนฺติ, มม พทฺธภาวมฺปิ อชานนฺตา อนาถา นิปฺปจฺจยา ปพฺพตคุหายเมว สุสฺสิตฺวา มริสฺสนฺติ มเญฺญ’’ติ วิลปโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto gijjhayoniyaṃ nibbattitvā vayappatto vuddhe parihīnacakkhuke mātāpitaro gijjhaguhāyaṃ ṭhapetvā gomaṃsādīni āharitvā posesi. Tasmiṃ kāle bārāṇasiyaṃ susāne eko nesādo aniyametvā gijjhānaṃ pāse oḍḍesi. Athekadivasaṃ bodhisatto gomaṃsādiṃ pariyesanto susānaṃ paviṭṭho pādena pāse bajjhitvā attano na cintesi, vuddhe parihīnacakkhuke mātāpitaro anussaritvā ‘‘kathaṃ nu kho me mātāpitaro yāpessanti, mama baddhabhāvampi ajānantā anāthā nippaccayā pabbataguhāyameva sussitvā marissanti maññe’’ti vilapanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๒๒.
22.
‘‘เต กถํ นุ กริสฺสนฺติ, วุทฺธา คิริทรีสยา;
‘‘Te kathaṃ nu karissanti, vuddhā giridarīsayā;
อหํ พโทฺธสฺมิ ปาเสน, นิลียสฺส วสํ คโต’’ติฯ
Ahaṃ baddhosmi pāsena, nilīyassa vasaṃ gato’’ti.
ตตฺถ นิลียสฺสาติ เอวํนามกสฺส เนสาทปุตฺตสฺสฯ
Tattha nilīyassāti evaṃnāmakassa nesādaputtassa.
อถ เนสาทปุโตฺต คิชฺฌราชสฺส ปริเทวิตสทฺทํ สุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
Atha nesādaputto gijjharājassa paridevitasaddaṃ sutvā dutiyaṃ gāthamāha –
๒๓.
23.
‘‘กิํ คิชฺฌ ปริเทวสิ, กา นุ เต ปริเทวนา;
‘‘Kiṃ gijjha paridevasi, kā nu te paridevanā;
น เม สุโต วา ทิโฎฺฐ วา, ภาสโนฺต มานุสิํ ทิโช’’ติฯ
Na me suto vā diṭṭho vā, bhāsanto mānusiṃ dijo’’ti.
คิโชฺฌ อาห –
Gijjho āha –
๒๔.
24.
‘‘ภรามิ มาตาปิตโร, วุเทฺธ คิริทรีสเย;
‘‘Bharāmi mātāpitaro, vuddhe giridarīsaye;
เต กถํ นุ กริสฺสนฺติ, อหํ วสํ คโต ตวา’’ติฯ
Te kathaṃ nu karissanti, ahaṃ vasaṃ gato tavā’’ti.
เนสาโท อาห –
Nesādo āha –
๒๕.
25.
‘‘ยํ นุ คิโชฺฌ โยชนสตํ, กุณปานิ อเวกฺขติ;
‘‘Yaṃ nu gijjho yojanasataṃ, kuṇapāni avekkhati;
กสฺมา ชาลญฺจ ปาสญฺจ, อาสชฺชาปิ น พุชฺฌสี’’ติฯ
Kasmā jālañca pāsañca, āsajjāpi na bujjhasī’’ti.
คิชฺฌราชา อาห –
Gijjharājā āha –
๒๖.
26.
‘‘ยทา ปราภโว โหติ, โปโส ชีวิตสงฺขเย;
‘‘Yadā parābhavo hoti, poso jīvitasaṅkhaye;
อถ ชาลญฺจ ปาสญฺจ, อาสชฺชาปิ น พุชฺฌตี’’ติฯ
Atha jālañca pāsañca, āsajjāpi na bujjhatī’’ti.
๒๗.
27.
‘‘ภรสฺสุ มาตาปิตโร, วุเทฺธ คิริทรีสเย;
‘‘Bharassu mātāpitaro, vuddhe giridarīsaye;
มยา ตฺวํ สมนุญฺญาโต, โสตฺถิํ ปสฺสาหิ ญาตเกฯ
Mayā tvaṃ samanuññāto, sotthiṃ passāhi ñātake.
๒๘.
28.
‘‘เอวํ ลุทฺทก นนฺทสฺสุ, สห สเพฺพหิ ญาติภิ;
‘‘Evaṃ luddaka nandassu, saha sabbehi ñātibhi;
ภริสฺสํ มาตาปิตโร, วุเทฺธ คิริทรีสเย’’ติฯ –
Bharissaṃ mātāpitaro, vuddhe giridarīsaye’’ti. –
เนสาทปุเตฺตน ทุติยา, คิเชฺฌน ตติยาติ อิมา คาถา ปฎิปาฎิยา วุตฺตาฯ
Nesādaputtena dutiyā, gijjhena tatiyāti imā gāthā paṭipāṭiyā vuttā.
ตตฺถ ยํ นูติ ยํ นุ เอตํ โลเก กถียติฯ คิโชฺฌ โยชนสตํ, กุณปานิ อเวกฺขตีติ โยชนสตํ อติกฺกมฺม ฐิตานิปิ กุณปานิ ปสฺสติ, ตํ ยทิ ตถํ, อถ กสฺมา ตฺวํ อิมํ ชาลญฺจ ปาสญฺจ อาสชฺชาปิ น พุชฺฌสิ, สนฺติกํ อาคนฺตฺวาปิ น ชานาสีติฯ
Tattha yaṃ nūti yaṃ nu etaṃ loke kathīyati. Gijjho yojanasataṃ, kuṇapāni avekkhatīti yojanasataṃ atikkamma ṭhitānipi kuṇapāni passati, taṃ yadi tathaṃ, atha kasmā tvaṃ imaṃ jālañca pāsañca āsajjāpi na bujjhasi, santikaṃ āgantvāpi na jānāsīti.
ปราภโวติ วินาโสฯ ภรสฺสูติ อิทํ โส โพธิสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘ปณฺฑิโต คิชฺฌราชา ปริเทวโนฺต น อตฺตโน ปริเทวติ, มาตาปิตูนํ ปริเทวติ, นายํ มาเรตุํ ยุโตฺต’’ติ ตุสฺสิตฺวา อาห, วตฺวา จ ปน ปิยจิเตฺตน มุทุจิเตฺตน ปาสํ โมเจสิฯ
Parābhavoti vināso. Bharassūti idaṃ so bodhisattassa dhammakathaṃ sutvā ‘‘paṇḍito gijjharājā paridevanto na attano paridevati, mātāpitūnaṃ paridevati, nāyaṃ māretuṃ yutto’’ti tussitvā āha, vatvā ca pana piyacittena muducittena pāsaṃ mocesi.
อถสฺส โพธิสโตฺต มรณมุขา ปมุโตฺต สุขิโต อนุโมทนํ กโรโนฺต โอสานคาถํ วตฺวา มุขปูรํ มํสํ อาทาย มาตาปิตูนํ อทาสิฯ
Athassa bodhisatto maraṇamukhā pamutto sukhito anumodanaṃ karonto osānagāthaṃ vatvā mukhapūraṃ maṃsaṃ ādāya mātāpitūnaṃ adāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน มาตุโปสกภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิ ฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne mātuposakabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi .
ตทา เนสาทปุโตฺต ฉโนฺน อโหสิ, มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ, คิชฺฌราชา ปน อหเมว อโหสินฺติฯ
Tadā nesādaputto channo ahosi, mātāpitaro mahārājakulāni, gijjharājā pana ahameva ahosinti.
มาตุโปสกคิชฺฌชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Mātuposakagijjhajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๙๙. มาตุโปสกคิชฺฌชาตกํ • 399. Mātuposakagijjhajātakaṃ