Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๓. เมฆิยสุตฺตํ

    3. Meghiyasuttaṃ

    . เอกํ สมยํ ภควา จาลิกายํ วิหรติ จาลิกาปพฺพเตฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา เมฆิโย ภควโต อุปฎฺฐาโก โหติฯ อถ โข อายสฺมา เมฆิโย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข อายสฺมา เมฆิโย ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิจฺฉามหํ, ภเนฺต, ชนฺตุคามํ 1 ปิณฺฑาย ปวิสิตุ’’นฺติฯ ‘‘ยสฺส ทานิ ตฺวํ, เมฆิย, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ

    3. Ekaṃ samayaṃ bhagavā cālikāyaṃ viharati cālikāpabbate. Tena kho pana samayena āyasmā meghiyo bhagavato upaṭṭhāko hoti. Atha kho āyasmā meghiyo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho āyasmā meghiyo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘icchāmahaṃ, bhante, jantugāmaṃ 2 piṇḍāya pavisitu’’nti. ‘‘Yassa dāni tvaṃ, meghiya, kālaṃ maññasī’’ti.

    อถ โข อายสฺมา เมฆิโย ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ชนฺตุคามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ ชนฺตุคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เยน กิมิกาฬาย นทิยา ตีรํ เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข อายสฺมา เมฆิโย กิมิกาฬาย นทิยา ตีเร ชงฺฆาวิหารํ 3 อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน อมฺพวนํ ปาสาทิกํ รมณียํฯ ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ปาสาทิกํ วติทํ อมฺพวนํ รมณียํ, อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานายฯ สเจ มํ ภควา อนุชาเนยฺย, อาคเจฺฉยฺยาหํ อิมํ อมฺพวนํ ปธานายา’’ติฯ

    Atha kho āyasmā meghiyo pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya jantugāmaṃ piṇḍāya pāvisi. Jantugāme piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto yena kimikāḷāya nadiyā tīraṃ tenupasaṅkami. Addasā kho āyasmā meghiyo kimikāḷāya nadiyā tīre jaṅghāvihāraṃ 4 anucaṅkamamāno anuvicaramāno ambavanaṃ pāsādikaṃ ramaṇīyaṃ. Disvānassa etadahosi – ‘‘pāsādikaṃ vatidaṃ ambavanaṃ ramaṇīyaṃ, alaṃ vatidaṃ kulaputtassa padhānatthikassa padhānāya. Sace maṃ bhagavā anujāneyya, āgaccheyyāhaṃ imaṃ ambavanaṃ padhānāyā’’ti.

    อถ โข อายสฺมา เมฆิโย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา เมฆิโย ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภเนฺต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ชนฺตุคามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิํฯ ชนฺตุคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เยน กิมิกาฬาย นทิยา ตีรํ เตนุปสงฺกมิํฯ อทฺทสํ โข อหํ, ภเนฺต, กิมิกาฬาย นทิยา ตีเร ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน อมฺพวนํ ปาสาทิกํ รมณียํฯ ทิสฺวาน เม เอตทโหสิ – ‘ปาสาทิกํ วติทํ อมฺพวนํ รมณียํฯ อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานายฯ สเจ มํ ภควา อนุชาเนยฺย, อาคเจฺฉยฺยาหํ อิมํ อมฺพวนํ ปธานายา’ติฯ สเจ มํ ภควา อนุชาเนยฺย, คเจฺฉยฺยาหํ ตํ อมฺพวนํ ปธานายา’’ติฯ ‘‘อาคเมหิ ตาว, เมฆิย ! เอกกมฺหิ 5 ตาว 6 ยาว อโญฺญปิ โกจิ ภิกฺขุ อาคจฺฉตี’’ติ 7

    Atha kho āyasmā meghiyo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā meghiyo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idhāhaṃ, bhante, pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya jantugāmaṃ piṇḍāya pāvisiṃ. Jantugāme piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto yena kimikāḷāya nadiyā tīraṃ tenupasaṅkamiṃ. Addasaṃ kho ahaṃ, bhante, kimikāḷāya nadiyā tīre jaṅghāvihāraṃ anucaṅkamamāno anuvicaramāno ambavanaṃ pāsādikaṃ ramaṇīyaṃ. Disvāna me etadahosi – ‘pāsādikaṃ vatidaṃ ambavanaṃ ramaṇīyaṃ. Alaṃ vatidaṃ kulaputtassa padhānatthikassa padhānāya. Sace maṃ bhagavā anujāneyya, āgaccheyyāhaṃ imaṃ ambavanaṃ padhānāyā’ti. Sace maṃ bhagavā anujāneyya, gaccheyyāhaṃ taṃ ambavanaṃ padhānāyā’’ti. ‘‘Āgamehi tāva, meghiya ! Ekakamhi 8 tāva 9 yāva aññopi koci bhikkhu āgacchatī’’ti 10.

    ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา เมฆิโย ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภควโต, ภเนฺต, นตฺถิ กิญฺจิ อุตฺตริ กรณียํ, นตฺถิ กตสฺส ปฎิจโยฯ มยฺหํ โข ปน, ภเนฺต, อตฺถิ อุตฺตริ กรณียํ, อตฺถิ กตสฺส ปฎิจโยฯ สเจ มํ ภควา อนุชาเนยฺย, คเจฺฉยฺยาหํ ตํ อมฺพวนํ ปธานายา’’ติฯ ‘‘อาคเมหิ ตาว, เมฆิย, เอกกมฺหิ ตาว ยาว อโญฺญปิ โกจิ ภิกฺขุ อาคจฺฉตี’’ติฯ

    Dutiyampi kho āyasmā meghiyo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘bhagavato, bhante, natthi kiñci uttari karaṇīyaṃ, natthi katassa paṭicayo. Mayhaṃ kho pana, bhante, atthi uttari karaṇīyaṃ, atthi katassa paṭicayo. Sace maṃ bhagavā anujāneyya, gaccheyyāhaṃ taṃ ambavanaṃ padhānāyā’’ti. ‘‘Āgamehi tāva, meghiya, ekakamhi tāva yāva aññopi koci bhikkhu āgacchatī’’ti.

    ตติยมฺปิ โข อายสฺมา เมฆิโย ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภควโต, ภเนฺต, นตฺถิ กิญฺจิ อุตฺตริ กรณียํ, นตฺถิ กตสฺส ปฎิจโยฯ มยฺหํ โข ปน, ภเนฺต, อตฺถิ อุตฺตริ กรณียํ, อตฺถิ กตสฺส ปฎิจโยฯ สเจ มํ ภควา อนุชาเนยฺย, คเจฺฉยฺยาหํ ตํ อมฺพวนํ ปธานายา’’ติฯ ‘‘ปธานนฺติ โข, เมฆิย, วทมานํ กินฺติ วเทยฺยาม! ยสฺส ทานิ ตฺวํ, เมฆิย, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ

    Tatiyampi kho āyasmā meghiyo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘bhagavato, bhante, natthi kiñci uttari karaṇīyaṃ, natthi katassa paṭicayo. Mayhaṃ kho pana, bhante, atthi uttari karaṇīyaṃ, atthi katassa paṭicayo. Sace maṃ bhagavā anujāneyya, gaccheyyāhaṃ taṃ ambavanaṃ padhānāyā’’ti. ‘‘Padhānanti kho, meghiya, vadamānaṃ kinti vadeyyāma! Yassa dāni tvaṃ, meghiya, kālaṃ maññasī’’ti.

    อถ โข อายสฺมา เมฆิโย อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน ตํ อมฺพวนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อมฺพวนํ อโชฺฌคาเหตฺวา อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ อถ โข อายสฺมโต เมฆิยสฺส ตสฺมิํ อมฺพวเน วิหรนฺตสฺส เยภุเยฺยน ตโย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา สมุทาจรนฺติ, เสยฺยถิทํ – กามวิตโกฺก, พฺยาปาทวิตโกฺก, วิหิํสาวิตโกฺกฯ อถ โข อายสฺมโต เมฆิยสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ! สทฺธาย จ วตมฺหา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา; อถ จ ปนิเมหิ ตีหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ วิตเกฺกหิ อนฺวาสตฺตา – กามวิตเกฺกน, พฺยาปาทวิตเกฺกน, วิหิํสาวิตเกฺกนา’’ติฯ

    Atha kho āyasmā meghiyo uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yena taṃ ambavanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ ambavanaṃ ajjhogāhetvā aññatarasmiṃ rukkhamūle divāvihāraṃ nisīdi. Atha kho āyasmato meghiyassa tasmiṃ ambavane viharantassa yebhuyyena tayo pāpakā akusalā vitakkā samudācaranti, seyyathidaṃ – kāmavitakko, byāpādavitakko, vihiṃsāvitakko. Atha kho āyasmato meghiyassa etadahosi – ‘‘acchariyaṃ vata bho, abbhutaṃ vata bho! Saddhāya ca vatamhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajitā; atha ca panimehi tīhi pāpakehi akusalehi vitakkehi anvāsattā – kāmavitakkena, byāpādavitakkena, vihiṃsāvitakkenā’’ti.

    อถ โข อายสฺมา เมฆิโย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา เมฆิโย ภควนฺตํ เอตทโวจ –

    Atha kho āyasmā meghiyo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā meghiyo bhagavantaṃ etadavoca –

    ‘‘อิธ มยฺหํ, ภเนฺต, ตสฺมิํ อมฺพวเน วิหรนฺตสฺส เยภุเยฺยน ตโย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา สมุทาจรนฺติ, เสยฺยถิทํ – กามวิตโกฺก, พฺยาปาทวิตโกฺก, วิหิํสาวิตโกฺกฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอตทโหสิ – ‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ! สทฺธาย จ วตมฺหา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา; อถ จ ปนิเมหิ ตีหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ วิตเกฺกหิ อนฺวาสตฺตา – กามวิตเกฺกน, พฺยาปาทวิตเกฺกน, วิหิํสาวิตเกฺกนาติ’’’ฯ

    ‘‘Idha mayhaṃ, bhante, tasmiṃ ambavane viharantassa yebhuyyena tayo pāpakā akusalā vitakkā samudācaranti, seyyathidaṃ – kāmavitakko, byāpādavitakko, vihiṃsāvitakko. Tassa mayhaṃ, bhante, etadahosi – ‘acchariyaṃ vata bho, abbhutaṃ vata bho! Saddhāya ca vatamhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajitā; atha ca panimehi tīhi pāpakehi akusalehi vitakkehi anvāsattā – kāmavitakkena, byāpādavitakkena, vihiṃsāvitakkenāti’’’.

    ‘‘อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา ปญฺจ ธมฺมา ปริปกฺกาย สํวตฺตนฺติฯ กตเม ปญฺจ? อิธ, เมฆิย, ภิกฺขุ กลฺยาณมิโตฺต โหติ กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวโงฺกฯ อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา อยํ ปฐโม ธโมฺม ปริปกฺกาย สํวตฺตติฯ

    ‘‘Aparipakkāya, meghiya, cetovimuttiyā pañca dhammā paripakkāya saṃvattanti. Katame pañca? Idha, meghiya, bhikkhu kalyāṇamitto hoti kalyāṇasahāyo kalyāṇasampavaṅko. Aparipakkāya, meghiya, cetovimuttiyā ayaṃ paṭhamo dhammo paripakkāya saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, เมฆิย, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปโนฺน อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา อยํ ทุติโย ธโมฺม ปริปกฺกาย สํวตฺตติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, meghiya, bhikkhu sīlavā hoti, pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati ācāragocarasampanno aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī, samādāya sikkhati sikkhāpadesu. Aparipakkāya, meghiya, cetovimuttiyā ayaṃ dutiyo dhammo paripakkāya saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, เมฆิย, ยายํ กถา อภิสเลฺลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา, เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา สนฺตุฎฺฐิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปญฺญากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติญาณทสฺสนกถา, เอวรูปิยา กถาย นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา อยํ ตติโย ธโมฺม ปริปกฺกาย สํวตฺตติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, meghiya, yāyaṃ kathā abhisallekhikā cetovivaraṇasappāyā, seyyathidaṃ – appicchakathā santuṭṭhikathā pavivekakathā asaṃsaggakathā vīriyārambhakathā sīlakathā samādhikathā paññākathā vimuttikathā vimuttiñāṇadassanakathā, evarūpiyā kathāya nikāmalābhī hoti akicchalābhī akasiralābhī. Aparipakkāya, meghiya, cetovimuttiyā ayaṃ tatiyo dhammo paripakkāya saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, เมฆิย, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา อยํ จตุโตฺถ ธโมฺม ปริปกฺกาย สํวตฺตติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, meghiya, bhikkhu āraddhavīriyo viharati akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya, kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadāya, thāmavā daḷhaparakkamo anikkhittadhuro kusalesu dhammesu. Aparipakkāya, meghiya, cetovimuttiyā ayaṃ catuttho dhammo paripakkāya saṃvattati.

    ‘‘ปุน จปรํ, เมฆิย, ภิกฺขุ ปญฺญวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโต อริยาย นิเพฺพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยาฯ อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา อยํ ปญฺจโม ธโมฺม ปริปกฺกาย สํวตฺตติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, meghiya, bhikkhu paññavā hoti udayatthagāminiyā paññāya samannāgato ariyāya nibbedhikāya sammā dukkhakkhayagāminiyā. Aparipakkāya, meghiya, cetovimuttiyā ayaṃ pañcamo dhammo paripakkāya saṃvattati.

    ‘‘กลฺยาณมิตฺตเสฺสตํ , เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฎิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส – ‘สีลวา ภวิสฺสติ…เป. … สมาทาย สิกฺขิสฺสติ สิกฺขาปเทสุ’’’ฯ

    ‘‘Kalyāṇamittassetaṃ , meghiya, bhikkhuno pāṭikaṅkhaṃ kalyāṇasahāyassa kalyāṇasampavaṅkassa – ‘sīlavā bhavissati…pe. … samādāya sikkhissati sikkhāpadesu’’’.

    ‘‘กลฺยาณมิตฺตเสฺสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฎิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส – ‘ยายํ กถา อภิสเลฺลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา, เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา…เป.… วิมุตฺติญาณทสฺสนกถา, เอวรูปิยา กถาย นิกามลาภี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’’ฯ

    ‘‘Kalyāṇamittassetaṃ, meghiya, bhikkhuno pāṭikaṅkhaṃ kalyāṇasahāyassa kalyāṇasampavaṅkassa – ‘yāyaṃ kathā abhisallekhikā cetovivaraṇasappāyā, seyyathidaṃ – appicchakathā…pe… vimuttiñāṇadassanakathā, evarūpiyā kathāya nikāmalābhī bhavissati akicchalābhī akasiralābhī’’’.

    ‘‘กลฺยาณมิตฺตเสฺสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฎิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส – ‘อารทฺธวีริโย วิหริสฺสติ…เป.… อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธเมฺมสุ’’’ฯ

    ‘‘Kalyāṇamittassetaṃ, meghiya, bhikkhuno pāṭikaṅkhaṃ kalyāṇasahāyassa kalyāṇasampavaṅkassa – ‘āraddhavīriyo viharissati…pe… anikkhittadhuro kusalesu dhammesu’’’.

    ‘‘กลฺยาณมิตฺตเสฺสตํ , เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฎิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส – ‘ปญฺญวา ภวิสฺสติ…เป.… สมฺมาทุกฺขกฺขยคามินิยา’’’ฯ

    ‘‘Kalyāṇamittassetaṃ , meghiya, bhikkhuno pāṭikaṅkhaṃ kalyāṇasahāyassa kalyāṇasampavaṅkassa – ‘paññavā bhavissati…pe… sammādukkhakkhayagāminiyā’’’.

    ‘‘เตน จ ปน, เมฆิย, ภิกฺขุนา อิเมสุ ปญฺจสุ ธเมฺมสุ ปติฎฺฐาย จตฺตาโร ธมฺมา อุตฺตริ ภาเวตพฺพา – อสุภา ภาเวตพฺพา ราคสฺส ปหานาย, เมตฺตา ภาเวตพฺพา พฺยาปาทสฺส ปหานาย, อานาปานสฺสติ ภาเวตพฺพา วิตกฺกุปเจฺฉทาย, อนิจฺจสญฺญา ภาเวตพฺพา อสฺมิมานสมุคฺฆาตายฯ อนิจฺจสญฺญิโน, เมฆิย, อนตฺตสญฺญา สณฺฐาติฯ อนตฺตสญฺญี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ ปาปุณาติ ทิเฎฺฐว ธเมฺม นิพฺพาน’’นฺติฯ ตติยํฯ

    ‘‘Tena ca pana, meghiya, bhikkhunā imesu pañcasu dhammesu patiṭṭhāya cattāro dhammā uttari bhāvetabbā – asubhā bhāvetabbā rāgassa pahānāya, mettā bhāvetabbā byāpādassa pahānāya, ānāpānassati bhāvetabbā vitakkupacchedāya, aniccasaññā bhāvetabbā asmimānasamugghātāya. Aniccasaññino, meghiya, anattasaññā saṇṭhāti. Anattasaññī asmimānasamugghātaṃ pāpuṇāti diṭṭheva dhamme nibbāna’’nti. Tatiyaṃ.







    Footnotes:
    1. ชตุคามํ (สี. อฎฺฐ., สฺยา. อฎฺฐ.), ชตฺตุคามํ (ก. อฎฺฐกถายมฺปิ ปาฐนฺตรํ)
    2. jatugāmaṃ (sī. aṭṭha., syā. aṭṭha.), jattugāmaṃ (ka. aṭṭhakathāyampi pāṭhantaraṃ)
    3. ชงฺฆวิหารํ (สฺยา. ก.)
    4. jaṅghavihāraṃ (syā. ka.)
    5. เอกกมฺหา (สี. ปี.)
    6. วต (ก.)
    7. ทิสฺสตูติ (สพฺพตฺถ, ฎีกายมฺปิ ปาฐนฺตรํ), อาคจฺฉตูติ, ทิสฺสตีติ (ฎีกายํ ปาฐนฺตรานิ)
    8. ekakamhā (sī. pī.)
    9. vata (ka.)
    10. dissatūti (sabbattha, ṭīkāyampi pāṭhantaraṃ), āgacchatūti, dissatīti (ṭīkāyaṃ pāṭhantarāni)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. เมฆิยสุตฺตวณฺณนา • 3. Meghiyasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๓. เมฆิยสุตฺตวณฺณนา • 3. Meghiyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact