Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๓. เมฆิยสุตฺตวณฺณนา

    3. Meghiyasuttavaṇṇanā

    . ตติเย จาลิกายนฺติ เอวํนามเก นคเรฯ ตํ กิร จลมคฺคํ นิสฺสาย กตตฺตา โอโลเกนฺตานํ จลมานํ วิย อุปฎฺฐาติ, ตสฺมา จาลิกาติ สงฺขํ คตํฯ จาลิยปพฺพเตติ โสปิ ปพฺพโต สพฺพเสตตฺตา กาฬปกฺขุโปสเถ โอโลเกนฺตานํ จลมาโน วิย อุปฎฺฐาติ, ตสฺมา จาลิยปพฺพโตติ วุโตฺตฯ ตตฺถ มหนฺตํ วิหารํ การยิํสุฯ อิติ ภควา ตํ นครํ นิสฺสาย จาลิกาปพฺพตมหาวิหาเร วิหรติฯ ชนฺตุคามนฺติ เอวํนามกํ อปรมฺปิ ตเสฺสว วิหารสฺส โคจรคามํฯ ชตฺตุคามนฺติปิ ปฐนฺติฯ ปธานตฺถิกสฺสาติ ปธานกมฺมิกสฺสฯ ปธานายาติ สมณธมฺมกรณตฺถายฯ อาคเมหิ ตาวาติ สตฺถา เถรสฺส วจนํ สุตฺวา อุปธาเรโนฺต ‘‘น ตาวสฺส ญาณํ ปริปกฺก’’นฺติ ญตฺวา ปฎิพาหโนฺต เอวมาหฯ เอกกมฺหิ ตาวาติ อิทํ ปนสฺส ‘‘เอวมยํ คนฺตฺวาปิ กเมฺม อนิปฺผชฺชมาเน นิราสโงฺก หุตฺวา เปมวเสน ปุน อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ จิตฺตมทฺทวชนนตฺถํ อาหฯ นตฺถิ กิญฺจิ อุตฺตริ กรณียนฺติ จตูสุ สเจฺจสุ จตุนฺนํ กิจฺจานํ กตตฺตา อญฺญํ อุตฺตริ กรณียํ นาม นตฺถิฯ กตสฺส วา ปฎิจโยติ อธิคตสฺส วา ปุน ปฎิจโยปิ นตฺถิฯ น หิ ภาวิตมโคฺค ปุน ภาวียติ, น ปหีนกิเลสานํ ปุน ปหานํ อตฺถิฯ ปธานนฺติ โข, เมฆิย, วทมานํ กินฺติ วเทยฺยามาติ ‘‘สมณธมฺมํ กโรมี’’ติ ตํ วทมานํ มยํ อญฺญํ กิํ นาม วเทยฺยามฯ

    3. Tatiye cālikāyanti evaṃnāmake nagare. Taṃ kira calamaggaṃ nissāya katattā olokentānaṃ calamānaṃ viya upaṭṭhāti, tasmā cālikāti saṅkhaṃ gataṃ. Cāliyapabbateti sopi pabbato sabbasetattā kāḷapakkhuposathe olokentānaṃ calamāno viya upaṭṭhāti, tasmā cāliyapabbatoti vutto. Tattha mahantaṃ vihāraṃ kārayiṃsu. Iti bhagavā taṃ nagaraṃ nissāya cālikāpabbatamahāvihāre viharati. Jantugāmanti evaṃnāmakaṃ aparampi tasseva vihārassa gocaragāmaṃ. Jattugāmantipi paṭhanti. Padhānatthikassāti padhānakammikassa. Padhānāyāti samaṇadhammakaraṇatthāya. Āgamehi tāvāti satthā therassa vacanaṃ sutvā upadhārento ‘‘na tāvassa ñāṇaṃ paripakka’’nti ñatvā paṭibāhanto evamāha. Ekakamhi tāvāti idaṃ panassa ‘‘evamayaṃ gantvāpi kamme anipphajjamāne nirāsaṅko hutvā pemavasena puna āgacchissatī’’ti cittamaddavajananatthaṃ āha. Natthi kiñci uttari karaṇīyanti catūsu saccesu catunnaṃ kiccānaṃ katattā aññaṃ uttari karaṇīyaṃ nāma natthi. Katassa vā paṭicayoti adhigatassa vā puna paṭicayopi natthi. Na hi bhāvitamaggo puna bhāvīyati, na pahīnakilesānaṃ puna pahānaṃ atthi. Padhānanti kho, meghiya, vadamānaṃ kinti vadeyyāmāti ‘‘samaṇadhammaṃ karomī’’ti taṃ vadamānaṃ mayaṃ aññaṃ kiṃ nāma vadeyyāma.

    ทิวาวิหารํ นิสีทีติ ทิวาวิหารตฺถาย นิสีทิฯ นิสีทโนฺต จ ยสฺมิํ มงฺคลสิลาปเฎฺฎ ปุเพฺพ อนุปฎิปาฎิยา ปญฺจ ชาติสตานิ ราชา หุตฺวา อุยฺยานกีฬิกํ กีฬโนฺต ติวิธนาฎกปริวาโร นิสีทิ, ตสฺมิํเยว นิสีทิฯ อถสฺส นิสินฺนกาลโต ปฎฺฐาย สมณภาโว ชหิโต วิย อโหสิ, ราชเวสํ คเหตฺวา นาฎกวรปริวุโต เสตจฺฉตฺตสฺส เหฎฺฐา มหารเห ปลฺลเงฺก นิสิโนฺน วิย ชาโตฯ อถสฺส ตํ สมฺปตฺติํ อสฺสาทยโต กามวิตโกฺก อุทปาทิฯ โส ตสฺมิํเยว ขเณ มหาโยเธหิ คหิเต เทฺว โจเร อาเนตฺวา ปุรโต ฐปิเต วิย อทฺทสฯ เตสุ เอกสฺส วธํ อาณาปนวเสนสฺส พฺยาปาทวิตโกฺก อุปฺปชฺชิ, เอกสฺส พนฺธนํ อาณาปนวเสน วิหิํสาวิตโกฺกฯ เอวํ โส ลตาชาเลน รุโกฺข วิย มธุมกฺขิกาหิ มธุฆาตโก วิย อกุสลวิตเกฺกหิ ปริกฺขิโตฺต อโหสิฯ ตํ สนฺธาย – อถ โข อายสฺมโต เมฆิยสฺสาติอาทิ วุตฺตํฯ อนฺวาสตฺตาติ อนุพทฺธา สมฺปริวาริตาฯ เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ เอวํ ปาปวิตเกฺกหิ สมฺปริกิโณฺณ กมฺมฎฺฐานํ สปฺปายํ กาตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘อิทํ วต ทิสฺวา ทีฆทสฺสี ภควา ปฎิเสเธสี’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘อิทํ การณํ ทสพลสฺส อาโรเจสฺสามี’’ติ นิสินฺนาสนโต วุฎฺฐาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ

    Divāvihāraṃ nisīdīti divāvihāratthāya nisīdi. Nisīdanto ca yasmiṃ maṅgalasilāpaṭṭe pubbe anupaṭipāṭiyā pañca jātisatāni rājā hutvā uyyānakīḷikaṃ kīḷanto tividhanāṭakaparivāro nisīdi, tasmiṃyeva nisīdi. Athassa nisinnakālato paṭṭhāya samaṇabhāvo jahito viya ahosi, rājavesaṃ gahetvā nāṭakavaraparivuto setacchattassa heṭṭhā mahārahe pallaṅke nisinno viya jāto. Athassa taṃ sampattiṃ assādayato kāmavitakko udapādi. So tasmiṃyeva khaṇe mahāyodhehi gahite dve core ānetvā purato ṭhapite viya addasa. Tesu ekassa vadhaṃ āṇāpanavasenassa byāpādavitakko uppajji, ekassa bandhanaṃ āṇāpanavasena vihiṃsāvitakko. Evaṃ so latājālena rukkho viya madhumakkhikāhi madhughātako viya akusalavitakkehi parikkhitto ahosi. Taṃ sandhāya – atha kho āyasmato meghiyassātiādi vuttaṃ. Anvāsattāti anubaddhā samparivāritā. Yena bhagavā tenupasaṅkamīti evaṃ pāpavitakkehi samparikiṇṇo kammaṭṭhānaṃ sappāyaṃ kātuṃ asakkonto ‘‘idaṃ vata disvā dīghadassī bhagavā paṭisedhesī’’ti sallakkhetvā ‘‘idaṃ kāraṇaṃ dasabalassa ārocessāmī’’ti nisinnāsanato vuṭṭhāya yena bhagavā tenupasaṅkami.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. เมฆิยสุตฺตํ • 3. Meghiyasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๓. เมฆิยสุตฺตวณฺณนา • 3. Meghiyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact