Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi

    ๑๘๐. เมณฺฑกคหปติวตฺถุ

    180. Meṇḍakagahapativatthu

    ๒๙๖. เตน โข ปน สมเยน ภทฺทิยนคเร เมณฺฑโก คหปติ ปฎิวสติฯ ตสฺส เอวรูโป อิทฺธานุภาโว โหติ – สีสํ นหายิตฺวา ธญฺญาคารํ สมฺมชฺชาเปตฺวา พหิทฺวาเร นิสีทติ, อนฺตลิกฺขา ธญฺญสฺส ธารา โอปติตฺวา ธญฺญาคารํ ปูเรติฯ ภริยาย เอวรูโป อิทฺธานุภาโว โหติ – เอกํเยว อาฬฺหกถาลิกํ อุปนิสีทิตฺวา เอกญฺจ สูปภิญฺชนกํ 1 ทาสกมฺมกรโปริสํ ภเตฺตน ปริวิสติ, น ตาว ตํ ขิยฺยติ 2 ยาว สา น วุฎฺฐาติฯ ปุตฺตสฺส เอวรูโป อิทฺธานุภาโว โหติ – เอกํเยว สหสฺสถวิกํ คเหตฺวา ทาสกมฺมกรโปริสสฺส ฉมาสิกํ เวตนํ เทติ, น ตาว ตํ ขิยฺยติ ยาวสฺส หตฺถคตาฯ สุณิสาย เอวรูโป อิทฺธานุภาโว โหติ – เอกํเยว จตุโทณิกํ ปิฎกํ อุปนิสีทิตฺวา ทาสกมฺมกรโปริสสฺส ฉมาสิกํ ภตฺตํ เทติ, น ตาว ตํ ขิยฺยติ ยาว สา น วุฎฺฐาติฯ ทาสสฺส เอวรูโป อิทฺธานุภาโว โหติ – เอเกน นงฺคเลน กสนฺตสฺส สตฺต สีตาโย คจฺฉนฺติฯ

    296. Tena kho pana samayena bhaddiyanagare meṇḍako gahapati paṭivasati. Tassa evarūpo iddhānubhāvo hoti – sīsaṃ nahāyitvā dhaññāgāraṃ sammajjāpetvā bahidvāre nisīdati, antalikkhā dhaññassa dhārā opatitvā dhaññāgāraṃ pūreti. Bhariyāya evarūpo iddhānubhāvo hoti – ekaṃyeva āḷhakathālikaṃ upanisīditvā ekañca sūpabhiñjanakaṃ 3 dāsakammakaraporisaṃ bhattena parivisati, na tāva taṃ khiyyati 4 yāva sā na vuṭṭhāti. Puttassa evarūpo iddhānubhāvo hoti – ekaṃyeva sahassathavikaṃ gahetvā dāsakammakaraporisassa chamāsikaṃ vetanaṃ deti, na tāva taṃ khiyyati yāvassa hatthagatā. Suṇisāya evarūpo iddhānubhāvo hoti – ekaṃyeva catudoṇikaṃ piṭakaṃ upanisīditvā dāsakammakaraporisassa chamāsikaṃ bhattaṃ deti, na tāva taṃ khiyyati yāva sā na vuṭṭhāti. Dāsassa evarūpo iddhānubhāvo hoti – ekena naṅgalena kasantassa satta sītāyo gacchanti.

    อโสฺสสิ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร – ‘‘อมฺหากํ กิร วิชิเต ภทฺทิยนคเร เมณฺฑโก คหปติ ปฎิวสติฯ ตสฺส เอวรูโป อิทฺธานุภาโว – สีสํ นหายิตฺวา ธญฺญาคารํ สมฺมชฺชาเปตฺวา พหิทฺวาเร นิสีทติ, อนฺตลิกฺขา ธญฺญสฺส ธารา โอปติตฺวา ธญฺญาคารํ ปูเรติฯ ภริยาย เอวรูโป อิทฺธานุภาโว – เอกํเยว อาฬฺหกถาลิกํ อุปนิสีทิตฺวา เอกญฺจ สูปภิญฺชนกํ ทาสกมฺมกรโปริสํ ภเตฺตน ปริวิสติ, น ตาว ตํ ขิยฺยติ ยาว สา น วุฎฺฐาติฯ ปุตฺตสฺส เอวรูโป อิทฺธานุภาโว – เอกํเยว สหสฺสถวิกํ คเหตฺวา ทาสกมฺมกรโปริสสฺส ฉมาสิกํ เวตนํ เทติ, น ตาว ตํ ขิยฺยติ ยาวสฺส หตฺถคตาฯ สุณิสาย เอวรูโป อิทฺธานุภาโว – เอกํเยว จตุโทณิกํ ปิฎกํ อุปนิสีทิตฺวา ทาสกมฺมกรโปริสสฺส ฉมาสิกํ ภตฺตํ เทติ, น ตาว ตํ ขิยฺยติ ยาว สา น วุฎฺฐาติฯ ทาสสฺส เอวรูโป อิทฺธานุภาโว – เอเกน นงฺคเลน กสนฺตสฺส สตฺต สีตาโย คจฺฉนฺตี’’ติฯ อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร อญฺญตรํ สพฺพตฺถกํ มหามตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘อมฺหากํ กิร, ภเณ, วิชิเต ภทฺทิยนคเร เมณฺฑโก คหปติ ปฎิวสติฯ ตสฺส เอวรูโป อิทฺธานุภาโว – สีสํ นหายิตฺวา ธญฺญาคารํ สมฺมชฺชาเปตฺวา พหิทฺวาเร นิสีทติ, อนฺตลิกฺขา ธญฺญสฺส ธารา โอปติตฺวา ธญฺญาคารํ ปูเรติฯ ภริยาย…เป.… ปุตฺตสฺส… สุณิสาย… ทาสสฺส เอวรูโป อิทฺธานุภาโว, เอเกน นงฺคเลน กสนฺตสฺส สตฺต สีตาโย คจฺฉนฺตีติฯ คจฺฉ, ภเณ, ชานาหิฯ ยถา มยา สามํ ทิโฎฺฐ, เอวํ ตว ทิโฎฺฐ ภวิสฺสตี’’ติฯ

    Assosi kho rājā māgadho seniyo bimbisāro – ‘‘amhākaṃ kira vijite bhaddiyanagare meṇḍako gahapati paṭivasati. Tassa evarūpo iddhānubhāvo – sīsaṃ nahāyitvā dhaññāgāraṃ sammajjāpetvā bahidvāre nisīdati, antalikkhā dhaññassa dhārā opatitvā dhaññāgāraṃ pūreti. Bhariyāya evarūpo iddhānubhāvo – ekaṃyeva āḷhakathālikaṃ upanisīditvā ekañca sūpabhiñjanakaṃ dāsakammakaraporisaṃ bhattena parivisati, na tāva taṃ khiyyati yāva sā na vuṭṭhāti. Puttassa evarūpo iddhānubhāvo – ekaṃyeva sahassathavikaṃ gahetvā dāsakammakaraporisassa chamāsikaṃ vetanaṃ deti, na tāva taṃ khiyyati yāvassa hatthagatā. Suṇisāya evarūpo iddhānubhāvo – ekaṃyeva catudoṇikaṃ piṭakaṃ upanisīditvā dāsakammakaraporisassa chamāsikaṃ bhattaṃ deti, na tāva taṃ khiyyati yāva sā na vuṭṭhāti. Dāsassa evarūpo iddhānubhāvo – ekena naṅgalena kasantassa satta sītāyo gacchantī’’ti. Atha kho rājā māgadho seniyo bimbisāro aññataraṃ sabbatthakaṃ mahāmattaṃ āmantesi – ‘‘amhākaṃ kira, bhaṇe, vijite bhaddiyanagare meṇḍako gahapati paṭivasati. Tassa evarūpo iddhānubhāvo – sīsaṃ nahāyitvā dhaññāgāraṃ sammajjāpetvā bahidvāre nisīdati, antalikkhā dhaññassa dhārā opatitvā dhaññāgāraṃ pūreti. Bhariyāya…pe… puttassa… suṇisāya… dāsassa evarūpo iddhānubhāvo, ekena naṅgalena kasantassa satta sītāyo gacchantīti. Gaccha, bhaṇe, jānāhi. Yathā mayā sāmaṃ diṭṭho, evaṃ tava diṭṭho bhavissatī’’ti.

    ๒๙๗. เอวํ , เทวาติ โข โส มหามโตฺต รโญฺญ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส ปฎิสฺสุณิตฺวา จตุรงฺคินิยา เสนาย เยน ภทฺทิยํ เตน ปายาสิฯ อนุปุเพฺพน เยน ภทฺทิยํ เยน เมณฺฑโก คหปติ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เมณฺฑกํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘อหญฺหิ, คหปติ, รญฺญา อาณโตฺต ‘อมฺหากํ กิร, ภเณ, วิชิเต ภทฺทิยนคเร เมณฺฑโก คหปติ ปฎิวสติ, ตสฺส เอวรูโป อิทฺธานุภาโว, สีสํ นหายิตฺวา…เป.… ภริยาย… ปุตฺตสฺส… สุณิสาย… ทาสสฺส เอวรูโป อิทฺธานุภาโว, เอเกน นงฺคเลน กสนฺตสฺส สตฺต สีตาโย คจฺฉนฺตี’ติ, คจฺฉ, ภเณ, ชานาหิฯ ยถา มยา สามํ ทิโฎฺฐ, เอวํ ตว ทิโฎฺฐ ภวิสฺสตี’ติฯ ปสฺสาม เต, คหปติ, อิทฺธานุภาว’’นฺติฯ อถ โข เมณฺฑโก คหปติ สีสํ นหายิตฺวา ธญฺญาคารํ สมฺมชฺชาเปตฺวา พหิทฺวาเร นิสีทิ, อนฺตลิกฺขา ธญฺญสฺส ธารา โอปติตฺวา ธญฺญาคารํ ปูเรสิฯ ‘‘ทิโฎฺฐ เต, คหปติ, อิทฺธานุภาโวฯ ภริยาย เต อิทฺธานุภาวํ ปสฺสิสฺสามา’’ติฯ อถ โข เมณฺฑโก คหปติ ภริยํ อาณาเปสิ – ‘‘เตน หิ จตุรงฺคินิํ เสนํ ภเตฺตน ปริวิสา’’ติฯ อถ โข เมณฺฑกสฺส คหปติสฺส ภริยา เอกํเยว อาฬฺหกถาลิกํ อุปนิสีทิตฺวา เอกญฺจ สูปภิญฺชนกํ จตุรงฺคินิํ เสนํ ภเตฺตน ปริวิสิ, น ตาว ตํ ขิยฺยติ, ยาว สา น วุฎฺฐาติฯ ‘‘ทิโฎฺฐ เต, คหปติ, ภริยายปิ อิทฺธานุภาโวฯ ปุตฺตสฺส เต อิทฺธานุภาวํ ปสฺสิสฺสามา’’ติฯ อถ โข เมณฺฑโก คหปติ ปุตฺตํ อาณาเปสิ – ‘‘เตน หิ จตุรงฺคินิยา เสนาย ฉมาสิกํ เวตนํ เทหี’’ติ ฯ อถ โข เมณฺฑกสฺส คหปติสฺส ปุโตฺต เอกํเยว สหสฺสถวิกํ คเหตฺวา จตุรงฺคินิยา เสนาย ฉมาสิกํ เวตนํ อทาสิ, น ตาว ตํ ขิยฺยติ, ยาวสฺส หตฺถคตาฯ ‘‘ทิโฎฺฐ เต, คหปติ, ปุตฺตสฺสปิ อิทฺธานุภาโวฯ สุณิสาย เต อิทฺธานุภาวํ ปสฺสิสฺสามา’’ติฯ อถ โข เมณฺฑโก คหปติ สุณิสํ อาณาเปสิ – ‘‘เตน หิ จตุรงฺคินิยา เสนาย ฉมาสิกํ ภตฺตํ เทหี’’ติฯ อถ โข เมณฺฑกสฺส คหปติสฺส สุณิสา เอกํเยว จตุโทณิกํ ปิฎกํ อุปนิสีทิตฺวา จตุรงฺคินิยา เสนาย ฉมาสิกํ ภตฺตํ อทาสิ, น ตาว ตํ ขิยฺยติ ยาว สา น วุฎฺฐาติฯ ‘‘ทิโฎฺฐ เต, คหปติ, สุณิสายปิ อิทฺธานุภาโวฯ ทาสสฺส เต อิทฺธานุภาวํ ปสฺสิสฺสามา’’ติฯ ‘‘มยฺหํ โข, สามิ, ทาสสฺส อิทฺธานุภาโว เขเตฺต ปสฺสิตโพฺพ’’ติฯ ‘‘อลํ, คหปติ, ทิโฎฺฐ เต ทาสสฺสปิ อิทฺธานุภาโว’’ติฯ อถ โข โส มหามโตฺต จตุรงฺคินิยา เสนาย ปุนเทว ราชคหํ ปจฺจาคญฺฉิฯ เยน ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา รโญฺญ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ

    297. Evaṃ , devāti kho so mahāmatto rañño māgadhassa seniyassa bimbisārassa paṭissuṇitvā caturaṅginiyā senāya yena bhaddiyaṃ tena pāyāsi. Anupubbena yena bhaddiyaṃ yena meṇḍako gahapati tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā meṇḍakaṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘ahañhi, gahapati, raññā āṇatto ‘amhākaṃ kira, bhaṇe, vijite bhaddiyanagare meṇḍako gahapati paṭivasati, tassa evarūpo iddhānubhāvo, sīsaṃ nahāyitvā…pe… bhariyāya… puttassa… suṇisāya… dāsassa evarūpo iddhānubhāvo, ekena naṅgalena kasantassa satta sītāyo gacchantī’ti, gaccha, bhaṇe, jānāhi. Yathā mayā sāmaṃ diṭṭho, evaṃ tava diṭṭho bhavissatī’ti. Passāma te, gahapati, iddhānubhāva’’nti. Atha kho meṇḍako gahapati sīsaṃ nahāyitvā dhaññāgāraṃ sammajjāpetvā bahidvāre nisīdi, antalikkhā dhaññassa dhārā opatitvā dhaññāgāraṃ pūresi. ‘‘Diṭṭho te, gahapati, iddhānubhāvo. Bhariyāya te iddhānubhāvaṃ passissāmā’’ti. Atha kho meṇḍako gahapati bhariyaṃ āṇāpesi – ‘‘tena hi caturaṅginiṃ senaṃ bhattena parivisā’’ti. Atha kho meṇḍakassa gahapatissa bhariyā ekaṃyeva āḷhakathālikaṃ upanisīditvā ekañca sūpabhiñjanakaṃ caturaṅginiṃ senaṃ bhattena parivisi, na tāva taṃ khiyyati, yāva sā na vuṭṭhāti. ‘‘Diṭṭho te, gahapati, bhariyāyapi iddhānubhāvo. Puttassa te iddhānubhāvaṃ passissāmā’’ti. Atha kho meṇḍako gahapati puttaṃ āṇāpesi – ‘‘tena hi caturaṅginiyā senāya chamāsikaṃ vetanaṃ dehī’’ti . Atha kho meṇḍakassa gahapatissa putto ekaṃyeva sahassathavikaṃ gahetvā caturaṅginiyā senāya chamāsikaṃ vetanaṃ adāsi, na tāva taṃ khiyyati, yāvassa hatthagatā. ‘‘Diṭṭho te, gahapati, puttassapi iddhānubhāvo. Suṇisāya te iddhānubhāvaṃ passissāmā’’ti. Atha kho meṇḍako gahapati suṇisaṃ āṇāpesi – ‘‘tena hi caturaṅginiyā senāya chamāsikaṃ bhattaṃ dehī’’ti. Atha kho meṇḍakassa gahapatissa suṇisā ekaṃyeva catudoṇikaṃ piṭakaṃ upanisīditvā caturaṅginiyā senāya chamāsikaṃ bhattaṃ adāsi, na tāva taṃ khiyyati yāva sā na vuṭṭhāti. ‘‘Diṭṭho te, gahapati, suṇisāyapi iddhānubhāvo. Dāsassa te iddhānubhāvaṃ passissāmā’’ti. ‘‘Mayhaṃ kho, sāmi, dāsassa iddhānubhāvo khette passitabbo’’ti. ‘‘Alaṃ, gahapati, diṭṭho te dāsassapi iddhānubhāvo’’ti. Atha kho so mahāmatto caturaṅginiyā senāya punadeva rājagahaṃ paccāgañchi. Yena rājā māgadho seniyo bimbisāro tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā rañño māgadhassa seniyassa bimbisārassa etamatthaṃ ārocesi.

    ๒๙๘. อถ โข ภควา เวสาลิยํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน ภทฺทิยํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ อฑฺฒเตลเสหิ ภิกฺขุสเตหิฯ อถ โข ภควา อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน ภทฺทิยํ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา ภทฺทิเย วิหรติ ชาติยา วเนฯ อโสฺสสิ โข เมณฺฑโก คหปติ – ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต ภทฺทิยํ อนุปฺปโตฺต ภทฺทิเย วิหรติ ชาติยา วเนฯ ตํ โข ปน ภควนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ 5ฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติฯ อถ โข เมณฺฑโก คหปติ ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา ภทฺรํ ภทฺรํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภเทฺรหิ ภเทฺรหิ ยาเนหิ ภทฺทิยา นิยฺยาสิ ภควนฺตํ ทสฺสนายฯ อทฺทสํสุ โข สมฺพหุลา ติตฺถิยา เมณฺฑกํ คหปติํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวาน เมณฺฑกํ คหปติํ เอตทโวจุํ – ‘‘กหํ ตฺวํ, คหปติ, คจฺฉสี’’ติ? ‘‘คจฺฉามหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ 6 สมณํ โคตมํ ทสฺสนายา’’ติฯ ‘‘กิํ ปน ตฺวํ, คหปติ, กิริยวาโท สมาโน อกิริยวาทํ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสสิ? สมโณ หิ, คหปติ, โคตโม อกิริยวาโท อกิริยาย ธมฺมํ เทเสติ, เตน จ สาวเก วิเนตี’’ติฯ อถ โข เมณฺฑกสฺส คหปติสฺส เอตทโหสิ – ‘‘นิสฺสํสยํ, โข โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภวิสฺสติ, ยถยิเม ติตฺถิยา อุสูยนฺตี’’ติฯ ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ, ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปโจฺจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนสฺส โข เมณฺฑกสฺส คหปติสฺส ภควา อนุปุพฺพิํ กถํ กเถสิ, เสยฺยถิทํ – ทานกถํ…เป.… อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต…เป.… อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ ฯ อธิวาเสตุ จ เม, ภเนฺต, ภควา สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข เมณฺฑโก คหปติ ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ

    298. Atha kho bhagavā vesāliyaṃ yathābhirantaṃ viharitvā yena bhaddiyaṃ tena cārikaṃ pakkāmi mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ aḍḍhatelasehi bhikkhusatehi. Atha kho bhagavā anupubbena cārikaṃ caramāno yena bhaddiyaṃ tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā bhaddiye viharati jātiyā vane. Assosi kho meṇḍako gahapati – ‘‘samaṇo khalu bho gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito bhaddiyaṃ anuppatto bhaddiye viharati jātiyā vane. Taṃ kho pana bhagavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ 7. So imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti. So dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti. Atha kho meṇḍako gahapati bhadrāni bhadrāni yānāni yojāpetvā bhadraṃ bhadraṃ yānaṃ abhiruhitvā bhadrehi bhadrehi yānehi bhaddiyā niyyāsi bhagavantaṃ dassanāya. Addasaṃsu kho sambahulā titthiyā meṇḍakaṃ gahapatiṃ dūratova āgacchantaṃ, disvāna meṇḍakaṃ gahapatiṃ etadavocuṃ – ‘‘kahaṃ tvaṃ, gahapati, gacchasī’’ti? ‘‘Gacchāmahaṃ, bhante, bhagavantaṃ 8 samaṇaṃ gotamaṃ dassanāyā’’ti. ‘‘Kiṃ pana tvaṃ, gahapati, kiriyavādo samāno akiriyavādaṃ samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissasi? Samaṇo hi, gahapati, gotamo akiriyavādo akiriyāya dhammaṃ deseti, tena ca sāvake vinetī’’ti. Atha kho meṇḍakassa gahapatissa etadahosi – ‘‘nissaṃsayaṃ, kho so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho bhavissati, yathayime titthiyā usūyantī’’ti. Yāvatikā yānassa bhūmi, yānena gantvā yānā paccorohitvā pattikova yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnassa kho meṇḍakassa gahapatissa bhagavā anupubbiṃ kathaṃ kathesi, seyyathidaṃ – dānakathaṃ…pe… aparappaccayo satthusāsane bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bhante…pe… upāsakaṃ maṃ bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gataṃ . Adhivāsetu ca me, bhante, bhagavā svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena. Atha kho meṇḍako gahapati bhagavato adhivāsanaṃ viditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.

    อถ โข เมณฺฑโก คหปติ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, ภเนฺต, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน เมณฺฑกสฺส คหปติสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนฯ อถ โข เมณฺฑกสฺส คหปติสฺส ภริยา จ ปุโตฺต จ สุณิสา จ ทาโส จ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ , อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เตสํ ภควา อนุปุพฺพิํ กถํ กเถสิ, เสยฺยถิทํ – ทานกถํ…เป.… อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต…เป.… เอเต มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสเก โน ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปเต สรณํ คเต’’ติฯ อถ โข เมณฺฑโก คหปติ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปตฺวา สมฺปวาเรตฺวา ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข เมณฺฑโก คหปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยาว, ภเนฺต, ภควา ภทฺทิเย วิหรติ ตาว อหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ธุวภเตฺตนา’’ติฯ อถ โข ภควา เมณฺฑกํ คหปติํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตฺตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ

    Atha kho meṇḍako gahapati tassā rattiyā accayena paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpetvā bhagavato kālaṃ ārocāpesi – ‘‘kālo, bhante, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena meṇḍakassa gahapatissa nivesanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi saddhiṃ bhikkhusaṅghena. Atha kho meṇḍakassa gahapatissa bhariyā ca putto ca suṇisā ca dāso ca yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu , upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Tesaṃ bhagavā anupubbiṃ kathaṃ kathesi, seyyathidaṃ – dānakathaṃ…pe… aparappaccayā satthusāsane bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘abhikkantaṃ, bhante…pe… ete mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāma dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsake no bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupete saraṇaṃ gate’’ti. Atha kho meṇḍako gahapati buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappetvā sampavāretvā bhagavantaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho meṇḍako gahapati bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘yāva, bhante, bhagavā bhaddiye viharati tāva ahaṃ buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa dhuvabhattenā’’ti. Atha kho bhagavā meṇḍakaṃ gahapatiṃ dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samuttejetvā sampahaṃsetvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi.

    เมณฺฑกคหปติวตฺถ นิฎฺฐิตํฯ

    Meṇḍakagahapativattha niṭṭhitaṃ.







    Footnotes:
    1. สูปภิญฺชรกํ (สี.)
    2. ขียติ (สี. สฺยา.)
    3. sūpabhiñjarakaṃ (sī.)
    4. khīyati (sī. syā.)
    5. ภควาติ (ก.)
    6. อิทํ ปทํ สี. สฺยา. โปตฺถเกสุ นตฺถิ
    7. bhagavāti (ka.)
    8. idaṃ padaṃ sī. syā. potthakesu natthi



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / กปฺปิยภูมิอนุชานนกถา • Kappiyabhūmianujānanakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๘๐. เมณฺฑกคหปติวตฺถุกถา • 180. Meṇḍakagahapativatthukathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact