Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๗. เมถุนสุตฺตํ

    7. Methunasuttaṃ

    ๕๐. อถ โข ชาณุโสฺสณิ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ชาณุโสฺสณิ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภวมฺปิ โน โคตโม พฺรหฺมจารี ปฎิชานาตี’’ติ? ‘‘ยญฺหิ ตํ, พฺราหฺมณ, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อขณฺฑํ อจฺฉิทฺทํ อสพลํ อกมฺมาสํ ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรตี’ติ, มเมว ตํ, พฺราหฺมณ, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อหญฺหิ, พฺราหฺมณ, อขณฺฑํ อจฺฉิทฺทํ อสพลํ อกมฺมาสํ ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรามี’’’ติฯ ‘‘กิํ ปน, โภ โคตม, พฺรหฺมจริยสฺส ขณฺฑมฺปิ ฉิทฺทมฺปิ สพลมฺปิ กมฺมาสมฺปี’’ติ?

    50. Atha kho jāṇussoṇi brāhmaṇo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho jāṇussoṇi brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘bhavampi no gotamo brahmacārī paṭijānātī’’ti? ‘‘Yañhi taṃ, brāhmaṇa, sammā vadamāno vadeyya – ‘akhaṇḍaṃ acchiddaṃ asabalaṃ akammāsaṃ paripuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ caratī’ti, mameva taṃ, brāhmaṇa, sammā vadamāno vadeyya – ‘ahañhi, brāhmaṇa, akhaṇḍaṃ acchiddaṃ asabalaṃ akammāsaṃ paripuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ carāmī’’’ti. ‘‘Kiṃ pana, bho gotama, brahmacariyassa khaṇḍampi chiddampi sabalampi kammāsampī’’ti?

    ‘‘อิธ, พฺราหฺมณ, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา สมฺมา พฺรหฺมจารี ปฎิชานมาโน น เหว โข มาตุคาเมน สทฺธิํ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติํ สมาปชฺชติ; อปิ จ โข มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนปริมทฺทนนฺหาปนสมฺพาหนํ สาทิยติฯ โส ตํ อสฺสาเทติ 1, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺติํ อาปชฺชติฯ อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมจริยสฺส ขณฺฑมฺปิ ฉิทฺทมฺปิ สพลมฺปิ กมฺมาสมฺปิฯ อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, อปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรติ, สํยุโตฺต เมถุเนน สํโยเคน น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน 2 โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ, น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิฯ

    ‘‘Idha, brāhmaṇa, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā sammā brahmacārī paṭijānamāno na heva kho mātugāmena saddhiṃ dvayaṃdvayasamāpattiṃ samāpajjati; api ca kho mātugāmassa ucchādanaparimaddananhāpanasambāhanaṃ sādiyati. So taṃ assādeti 3, taṃ nikāmeti, tena ca vittiṃ āpajjati. Idampi kho, brāhmaṇa, brahmacariyassa khaṇḍampi chiddampi sabalampi kammāsampi. Ayaṃ vuccati, brāhmaṇa, aparisuddhaṃ brahmacariyaṃ carati, saṃyutto methunena saṃyogena na parimuccati jātiyā jarāya maraṇena 4 sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi, na parimuccati dukkhasmāti vadāmi.

    ‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา สมฺมา พฺรหฺมจารี ปฎิชานมาโน น เหว โข มาตุคาเมน สทฺธิํ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติํ สมาปชฺชติ, นปิ มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนปริมทฺทนนฺหาปนสมฺพาหนํ สาทิยติ; อปิ จ โข มาตุคาเมน สทฺธิํ สญฺชคฺฆติ สํกีฬติ สํเกลายติ…เป.… นปิ มาตุคาเมน สทฺธิํ สญฺชคฺฆติ สํกีฬติ สํเกลายติ; อปิ จ โข มาตุคามสฺส จกฺขุนา จกฺขุํ อุปนิชฺฌายติ เปกฺขติ…เป.… นปิ มาตุคามสฺส จกฺขุนา จกฺขุํ อุปนิชฺฌายติ เปกฺขติ; อปิ จ โข มาตุคามสฺส สทฺทํ สุณาติ ติโรกุฎฺฎํ วา ติโรปาการํ วา หสนฺติยา วา ภณนฺติยา วา คายนฺติยา วา โรทนฺติยา วา…เป.… นปิ มาตุคามสฺส สทฺทํ สุณาติ ติโรกุฎฺฎํ วา ติโรปาการํ วา หสนฺติยา วา ภณนฺติยา วา คายนฺติยา วา โรทนฺติยา วา; อปิ จ โข ยานิสฺส ตานิ ปุเพฺพ มาตุคาเมน สทฺธิํ หสิตลปิตกีฬิตานิ ตานิ อนุสฺสรติ…เป.… นปิ ยานิสฺส ตานิ ปุเพฺพ มาตุคาเมน สทฺธิํ หสิตลปิตกีฬิตานิ ตานิ อนุสฺสรติ; อปิ จ โข ปสฺสติ คหปติํ วา คหปติปุตฺตํ วา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคีภูตํ ปริจารยมานํ…เป.… นปิ ปสฺสติ คหปติํ วา คหปติปุตฺตํ วา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคีภูตํ ปริจารยมานํ; อปิ จ โข อญฺญตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวญฺญตโร วาติฯ โส ตํ อสฺสาเทติ, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺติํ อาปชฺชติฯ อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมจริยสฺส ขณฺฑมฺปิ ฉิทฺทมฺปิ สพลมฺปิ กมฺมาสมฺปิฯ อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, อปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรติ สํยุโตฺต เมถุเนน สํโยเคน, น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ, น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, brāhmaṇa, idhekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā sammā brahmacārī paṭijānamāno na heva kho mātugāmena saddhiṃ dvayaṃdvayasamāpattiṃ samāpajjati, napi mātugāmassa ucchādanaparimaddananhāpanasambāhanaṃ sādiyati; api ca kho mātugāmena saddhiṃ sañjagghati saṃkīḷati saṃkelāyati…pe… napi mātugāmena saddhiṃ sañjagghati saṃkīḷati saṃkelāyati; api ca kho mātugāmassa cakkhunā cakkhuṃ upanijjhāyati pekkhati…pe… napi mātugāmassa cakkhunā cakkhuṃ upanijjhāyati pekkhati; api ca kho mātugāmassa saddaṃ suṇāti tirokuṭṭaṃ vā tiropākāraṃ vā hasantiyā vā bhaṇantiyā vā gāyantiyā vā rodantiyā vā…pe… napi mātugāmassa saddaṃ suṇāti tirokuṭṭaṃ vā tiropākāraṃ vā hasantiyā vā bhaṇantiyā vā gāyantiyā vā rodantiyā vā; api ca kho yānissa tāni pubbe mātugāmena saddhiṃ hasitalapitakīḷitāni tāni anussarati…pe… napi yānissa tāni pubbe mātugāmena saddhiṃ hasitalapitakīḷitāni tāni anussarati; api ca kho passati gahapatiṃ vā gahapatiputtaṃ vā pañcahi kāmaguṇehi samappitaṃ samaṅgībhūtaṃ paricārayamānaṃ…pe… napi passati gahapatiṃ vā gahapatiputtaṃ vā pañcahi kāmaguṇehi samappitaṃ samaṅgībhūtaṃ paricārayamānaṃ; api ca kho aññataraṃ devanikāyaṃ paṇidhāya brahmacariyaṃ carati imināhaṃ sīlena vā vatena vā tapena vā brahmacariyena vā devo vā bhavissāmi devaññataro vāti. So taṃ assādeti, taṃ nikāmeti, tena ca vittiṃ āpajjati. Idampi kho, brāhmaṇa, brahmacariyassa khaṇḍampi chiddampi sabalampi kammāsampi. Ayaṃ vuccati, brāhmaṇa, aparisuddhaṃ brahmacariyaṃ carati saṃyutto methunena saṃyogena, na parimuccati jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi, na parimuccati dukkhasmāti vadāmi.

    ‘‘ยาวกีวญฺจาหํ, พฺราหฺมณ, อิเมสํ สตฺตนฺนํ เมถุนสํโยคานํ อญฺญตรญฺญตรเมถุนสํโยคํ 5 อตฺตนิ อปฺปหีนํ สมนุปสฺสิํ, เนว ตาวาหํ, พฺราหฺมณ, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธติ ปจฺจญฺญาสิํ 6

    ‘‘Yāvakīvañcāhaṃ, brāhmaṇa, imesaṃ sattannaṃ methunasaṃyogānaṃ aññataraññataramethunasaṃyogaṃ 7 attani appahīnaṃ samanupassiṃ, neva tāvāhaṃ, brāhmaṇa, sadevake loke samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddhoti paccaññāsiṃ 8.

    ‘‘ยโต จ โขหํ, พฺราหฺมณ, อิเมสํ สตฺตนฺนํ เมถุนสํโยคานํ อญฺญตรญฺญตรเมถุนสํโยคํ อตฺตนิ อปฺปหีนํ น สมนุปสฺสิํ, อถาหํ, พฺราหฺมณ, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธติ ปจฺจญฺญาสิํฯ ‘ญาณญฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ, อกุปฺปา เม วิมุตฺติ 9, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’’ติฯ

    ‘‘Yato ca khohaṃ, brāhmaṇa, imesaṃ sattannaṃ methunasaṃyogānaṃ aññataraññataramethunasaṃyogaṃ attani appahīnaṃ na samanupassiṃ, athāhaṃ, brāhmaṇa, sadevake loke samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddhoti paccaññāsiṃ. ‘Ñāṇañca pana me dassanaṃ udapādi, akuppā me vimutti 10, ayamantimā jāti, natthi dāni punabbhavo’’’ti.

    เอวํ วุเตฺต ชาณุโสฺสณิ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม; อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป.… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ สตฺตมํฯ

    Evaṃ vutte jāṇussoṇi brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bho gotama; abhikkantaṃ, bho gotama…pe… upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti. Sattamaṃ.







    Footnotes:
    1. โส ตทสฺสาเทติ (สี.)
    2. ชรามรเณน (สี. สฺยา.)
    3. so tadassādeti (sī.)
    4. jarāmaraṇena (sī. syā.)
    5. อญฺญตรํ เมถุนสํโยคํ (สี. สฺยา.)
    6. อภิสมฺพุโทฺธ ปจฺจญฺญาสิํ (สี. สฺยา.)
    7. aññataraṃ methunasaṃyogaṃ (sī. syā.)
    8. abhisambuddho paccaññāsiṃ (sī. syā.)
    9. เจโตวิมุตฺติ (สี. ก.)
    10. cetovimutti (sī. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. เมถุนสุตฺตวณฺณนา • 7. Methunasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๗-๘. เมถุนสุตฺตาทิวณฺณนา • 7-8. Methunasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact