Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๗. เมตฺตาภาวนาสุตฺตวณฺณนา
7. Mettābhāvanāsuttavaṇṇanā
๒๗. สตฺตเม ยานิ กานิจีติ อนวเสสปริยาทานํฯ โอปธิกานิ ปุญฺญกิริยวตฺถูนีติ
27. Sattame yāni kānicīti anavasesapariyādānaṃ. Opadhikāni puññakiriyavatthūnīti
เตสํ นิยมนํฯ ตตฺถ อุปธิ วุจฺจนฺติ ขนฺธา, อุปธิสฺส กรณํ สีลํ เอเตสํ, อุปธิปฺปโยชนานิ วา โอปธิกานิฯ สมฺปตฺติภเว อตฺตภาวชนกานิ ปฎิสนฺธิปวตฺติวิปากทายกานิฯ ปุญฺญกิริยวตฺถูนีติ ปุญฺญกิริยา จ ตา เตสํ เตสํ ผลานิสํสานํ วตฺถูนิ จาติ ปุญฺญกิริยวตฺถูนิฯ ตานิ ปน สเงฺขปโต ทานมยํ, สีลมยํ, ภาวนามยนฺติ ติวิธานิ โหนฺติฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต ติกนิปาตวณฺณนายํ อาวิ ภวิสฺสติฯ เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยาติ เมตฺตาภาวนาวเสน ปฎิลทฺธติกจตุกฺกชฺฌานสมาปตฺติยาฯ ‘‘เมตฺตา’’ติ หิ วุเตฺต อุปจาโรปิ ลพฺภติ อปฺปนาปิ, ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ ปน วุเตฺต อปฺปนาฌานเมว ลพฺภติฯ ตญฺหิ นีวรณาทิปจฺจนีกธมฺมโต จิตฺตสฺส สุฎฺฐุ วิมุตฺติภาเวน เจโตวิมุตฺตีติ วุจฺจติฯ กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสินฺติ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารสฺส โสฬสภาคํ โอปธิกานิ ปุญฺญกิริยวตฺถูนิ น อคฺฆนฺติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา โย วิปาโก, ตํ โสฬส โกฎฺฐาเส กตฺวา ตโต เอกํ ปุน โสฬส โกฎฺฐาเส กตฺวา ตตฺถ โย เอกโกฎฺฐาโส, น ตํ อญฺญานิ โอปธิกานิ ปุญฺญกิริยวตฺถูนิ อคฺฆนฺตีติฯ อธิคฺคเหตฺวาติ อภิภวิตฺวาฯ ภาสเตติ อุปกฺกิเลสวิสุทฺธิยา ทิปฺปติฯ ตปเตติ ตโต เอว อนวเสเส ปฎิปกฺขธเมฺม สนฺตปติฯ วิโรจตีติ อุภยสมฺปตฺติยา วิโรจติฯ เมตฺตา หิ เจโตวิมุตฺติ จนฺทาโลกสงฺขาตา วิคตูปกฺกิเลสา ชุณฺหา วิย ทิปฺปติ, อาตโป วิย อนฺธการํ ปจฺจนีกธเมฺม วิธมนฺตี ตปติ, โอสธิตารกา วิย วิโชฺชตมานา วิโรจติ จฯ
Tesaṃ niyamanaṃ. Tattha upadhi vuccanti khandhā, upadhissa karaṇaṃ sīlaṃ etesaṃ, upadhippayojanāni vā opadhikāni. Sampattibhave attabhāvajanakāni paṭisandhipavattivipākadāyakāni. Puññakiriyavatthūnīti puññakiriyā ca tā tesaṃ tesaṃ phalānisaṃsānaṃ vatthūni cāti puññakiriyavatthūni. Tāni pana saṅkhepato dānamayaṃ, sīlamayaṃ, bhāvanāmayanti tividhāni honti. Tattha yaṃ vattabbaṃ, taṃ parato tikanipātavaṇṇanāyaṃ āvi bhavissati. Mettāya cetovimuttiyāti mettābhāvanāvasena paṭiladdhatikacatukkajjhānasamāpattiyā. ‘‘Mettā’’ti hi vutte upacāropi labbhati appanāpi, ‘‘cetovimuttī’’ti pana vutte appanājhānameva labbhati. Tañhi nīvaraṇādipaccanīkadhammato cittassa suṭṭhu vimuttibhāvena cetovimuttīti vuccati. Kalaṃ nāgghanti soḷasinti mettābrahmavihārassa soḷasabhāgaṃ opadhikāni puññakiriyavatthūni na agghanti. Idaṃ vuttaṃ hoti – mettāya cetovimuttiyā yo vipāko, taṃ soḷasa koṭṭhāse katvā tato ekaṃ puna soḷasa koṭṭhāse katvā tattha yo ekakoṭṭhāso, na taṃ aññāni opadhikāni puññakiriyavatthūni agghantīti. Adhiggahetvāti abhibhavitvā. Bhāsateti upakkilesavisuddhiyā dippati. Tapateti tato eva anavasese paṭipakkhadhamme santapati. Virocatīti ubhayasampattiyā virocati. Mettā hi cetovimutti candālokasaṅkhātā vigatūpakkilesā juṇhā viya dippati, ātapo viya andhakāraṃ paccanīkadhamme vidhamantī tapati, osadhitārakā viya vijjotamānā virocati ca.
เสยฺยถาปีติ โอปมฺมทสฺสนเตฺถ นิปาโตฯ ตารกรูปานนฺติ โชตีนํฯ จนฺทิยาติ จนฺทสฺส อยนฺติ จนฺที, ตสฺสา จนฺทิยา, ปภาย ชุณฺหายาติ อโตฺถฯ วสฺสานนฺติ วสฺสานํ พหุวเสน ลทฺธโวหารสฺส อุตุโนฯ ปจฺฉิเม มาเสติ กตฺติกมาเสฯ สรทสมเยติ สรทกาเลฯ อสฺสยุชกตฺติกมาสา หิ โลเก ‘‘สรทอุตู’’ติ วุจฺจนฺติฯ วิเทฺธติ อุพฺพิเทฺธ, เมฆวิคเมน ทูรีภูเตติ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘วิคตวลาหเก’’ติฯ เทเวติ อากาเสฯ นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโนติ อุทยฎฺฐานโต อากาสํ อุลฺลงฺฆโนฺตฯ ตมคตนฺติ ตมํฯ อภิวิหจฺจาติ อภิหนฺตฺวา วิธมิตฺวาฯ โอสธิตารกาติ อุสฺสนฺนา ปภา เอตาย ธียติ, โอสธีนํ วา อนุพลปฺปทายิกตฺตา โอสธีติ ลทฺธนามา ตารกาฯ
Seyyathāpīti opammadassanatthe nipāto. Tārakarūpānanti jotīnaṃ. Candiyāti candassa ayanti candī, tassā candiyā, pabhāya juṇhāyāti attho. Vassānanti vassānaṃ bahuvasena laddhavohārassa utuno. Pacchime māseti kattikamāse. Saradasamayeti saradakāle. Assayujakattikamāsā hi loke ‘‘saradautū’’ti vuccanti. Viddheti ubbiddhe, meghavigamena dūrībhūteti attho. Tenevāha ‘‘vigatavalāhake’’ti. Deveti ākāse. Nabhaṃ abbhussakkamānoti udayaṭṭhānato ākāsaṃ ullaṅghanto. Tamagatanti tamaṃ. Abhivihaccāti abhihantvā vidhamitvā. Osadhitārakāti ussannā pabhā etāya dhīyati, osadhīnaṃ vā anubalappadāyikattā osadhīti laddhanāmā tārakā.
เอตฺถาห – กสฺมา ปน ภควตา สมาเนปิ โอปธิกภาเว เมตฺตา อิตเรหิ โอปธิกปุเญฺญหิ วิเสเสตฺวา วุตฺตาติ? วุจฺจเต – เสฎฺฐเฎฺฐน นิโทฺทสภาเวน จ สเตฺตสุ สุปฺปฎิปตฺติภาวโตฯ เสฎฺฐา หิ เอเต วิหารา, สพฺพสเตฺตสุ สมฺมาปฎิปตฺติภูตานิ ยทิทํ เมตฺตาฌานานิฯ ยถา จ พฺรหฺมาโน นิโทฺทสจิตฺตา วิหรนฺติ, เอวํ เอเตหิ สมนฺนาคตา โยคิโน พฺรหฺมสมาว หุตฺวา วิหรนฺติฯ ตถา หิเม ‘‘พฺรหฺมวิหารา’’ติ วุจฺจนฺติฯ อิติ เสฎฺฐเฎฺฐน นิโทฺทสภาเวน จ สเตฺตสุ สุปฺปฎิปตฺติภาวโต เมตฺตาว อิตเรหิ โอปธิกปุเญฺญหิ วิเสเสตฺวา วุตฺตาฯ
Etthāha – kasmā pana bhagavatā samānepi opadhikabhāve mettā itarehi opadhikapuññehi visesetvā vuttāti? Vuccate – seṭṭhaṭṭhena niddosabhāvena ca sattesu suppaṭipattibhāvato. Seṭṭhā hi ete vihārā, sabbasattesu sammāpaṭipattibhūtāni yadidaṃ mettājhānāni. Yathā ca brahmāno niddosacittā viharanti, evaṃ etehi samannāgatā yogino brahmasamāva hutvā viharanti. Tathā hime ‘‘brahmavihārā’’ti vuccanti. Iti seṭṭhaṭṭhena niddosabhāvena ca sattesu suppaṭipattibhāvato mettāva itarehi opadhikapuññehi visesetvā vuttā.
เอวมฺปิ กสฺมา เมตฺตาว เอวํ วิเสเสตฺวา วุตฺตา? อิตเรสํ พฺรหฺมวิหารานํ อธิฎฺฐานภาวโต ทานาทีนํ สเพฺพสํ กลฺยาณธมฺมานํ ปริปูริกตฺตา จฯ อยญฺหิ สเตฺตสุ หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา เมตฺตา, หิตูปสํหารสา, อาฆาตวินยปจฺจุปฎฺฐานาฯ ยทิ อโนธิโส ภาวิตา พหุลีกตา, อถ สุเขเนว กรุณาทิภาวนา สมฺปชฺชนฺตีติ เมตฺตา อิตเรสํ พฺรหฺมวิหารานํ อธิฎฺฐานํฯ ตถา หิ สเตฺตสุ หิตชฺฌาสยตาย สติ เนสํ ทุกฺขาสหนตา, สมฺปตฺติวิเสสานํ จิรฎฺฐิติกามตา, ปกฺขปาตาภาเวน สพฺพตฺถ สมปฺปวตฺตจิตฺตตา จ สุเขเนว อิชฺฌนฺติฯ เอวญฺจ สกลโลกหิตสุขวิธานาธิมุตฺตา มหาโพธิสตฺตา ‘‘อิมสฺส ทาตพฺพํ, อิมสฺส น ทาตพฺพ’’นฺติ อุตฺตมวิจยวเสน วิภาคํ อกตฺวา สพฺพสตฺตานํ นิรวเสสสุขนิทานํ ทานํ เทนฺติ, หิตสุขตฺถเมว เนสํ สีลํ สมาทิยนฺติ, สีลปริปูรณตฺถํ เนกฺขมฺมํ ภชนฺติ, เตสํ หิตสุเขสุ อสโมฺมหตฺถาย ปญฺญํ ปริโยทเปนฺติ, หิตสุขาภิวฑฺฒนตฺถเมว ทฬฺหํ วีริยมารภนฺติ, อุตฺตมวีริยวเสน วีรภาวํ ปตฺตาปิ สตฺตานํ นานปฺปการํ หิตชฺฌาสเยเนว อปราธํ ขมนฺติ, ‘‘อิทํ โว ทสฺสาม, กริสฺสามา’’ติอาทินา กตํ ปฎิญฺญาตํ น วิสํวาเทนฺติ, เตสํ หิตสุขาเยว อจลาธิฎฺฐานา โหนฺติฯ เตสุ อจลาย เมตฺตาย ปุพฺพการิโน หิตชฺฌาสเยเนว เนสํ วิปฺปกาเร อุทาสีนา โหนฺติ, ปุพฺพการิตายปิ น ปจฺจุปการมาสิสนฺตีติฯ เอวํ เต ปารมิโย ปูเรตฺวา ยาว ทสพลจตุ-เวสารชฺช-ฉอสาธารณญาณ-อฎฺฐารสาเวณิกพุทฺธธมฺมปฺปเภเท สเพฺพปิ กลฺยาณธเมฺม ปริปูเรนฺติฯ เอวํ ทานาทีนํ สเพฺพสํ กลฺยาณธมฺมานํ ปาริปูริกา เมตฺตาติ จ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ สา อิตเรหิ วิเสเสตฺวา วุตฺตาฯ
Evampi kasmā mettāva evaṃ visesetvā vuttā? Itaresaṃ brahmavihārānaṃ adhiṭṭhānabhāvato dānādīnaṃ sabbesaṃ kalyāṇadhammānaṃ paripūrikattā ca. Ayañhi sattesu hitākārappavattilakkhaṇā mettā, hitūpasaṃhārasā, āghātavinayapaccupaṭṭhānā. Yadi anodhiso bhāvitā bahulīkatā, atha sukheneva karuṇādibhāvanā sampajjantīti mettā itaresaṃ brahmavihārānaṃ adhiṭṭhānaṃ. Tathā hi sattesu hitajjhāsayatāya sati nesaṃ dukkhāsahanatā, sampattivisesānaṃ ciraṭṭhitikāmatā, pakkhapātābhāvena sabbattha samappavattacittatā ca sukheneva ijjhanti. Evañca sakalalokahitasukhavidhānādhimuttā mahābodhisattā ‘‘imassa dātabbaṃ, imassa na dātabba’’nti uttamavicayavasena vibhāgaṃ akatvā sabbasattānaṃ niravasesasukhanidānaṃ dānaṃ denti, hitasukhatthameva nesaṃ sīlaṃ samādiyanti, sīlaparipūraṇatthaṃ nekkhammaṃ bhajanti, tesaṃ hitasukhesu asammohatthāya paññaṃ pariyodapenti, hitasukhābhivaḍḍhanatthameva daḷhaṃ vīriyamārabhanti, uttamavīriyavasena vīrabhāvaṃ pattāpi sattānaṃ nānappakāraṃ hitajjhāsayeneva aparādhaṃ khamanti, ‘‘idaṃ vo dassāma, karissāmā’’tiādinā kataṃ paṭiññātaṃ na visaṃvādenti, tesaṃ hitasukhāyeva acalādhiṭṭhānā honti. Tesu acalāya mettāya pubbakārino hitajjhāsayeneva nesaṃ vippakāre udāsīnā honti, pubbakāritāyapi na paccupakāramāsisantīti. Evaṃ te pāramiyo pūretvā yāva dasabalacatu-vesārajja-chaasādhāraṇañāṇa-aṭṭhārasāveṇikabuddhadhammappabhede sabbepi kalyāṇadhamme paripūrenti. Evaṃ dānādīnaṃ sabbesaṃ kalyāṇadhammānaṃ pāripūrikā mettāti ca imassa visesassa dassanatthaṃ sā itarehi visesetvā vuttā.
อปิจ เมตฺตาย อิตเรหิ โอปธิกปุเญฺญหิ มหานุภาวตา เวลามสุเตฺตน ทีเปตพฺพาฯ ตตฺถ หิ ยถา นาม มหตา เวลามสฺส ทานโต เอกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทานํ มหปฺผลตรํ วุตฺตํ, เอวํ โสตาปนฺนสตโต เอกสฺส สกทาคามิสฺส ทานํ…เป.… ปเจฺจกพุทฺธสตโต ภควโต, ตโตปิ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทานํ, ตโตปิ จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส วิหารทานํ, ตโตปิ สรณคมนํ, ตโตปิ สีลสมาทานํ, ตโตปิ คทฺทูหนมตฺตํ กาลํ เมตฺตาภาวนา มหปฺผลตรา วุตฺตาฯ ยถาห –
Apica mettāya itarehi opadhikapuññehi mahānubhāvatā velāmasuttena dīpetabbā. Tattha hi yathā nāma mahatā velāmassa dānato ekassa sotāpannassa dānaṃ mahapphalataraṃ vuttaṃ, evaṃ sotāpannasatato ekassa sakadāgāmissa dānaṃ…pe… paccekabuddhasatato bhagavato, tatopi buddhappamukhassa saṅghassa dānaṃ, tatopi cātuddisassa saṅghassa vihāradānaṃ, tatopi saraṇagamanaṃ, tatopi sīlasamādānaṃ, tatopi gaddūhanamattaṃ kālaṃ mettābhāvanā mahapphalatarā vuttā. Yathāha –
‘‘ยํ คหปติ เวลาโม พฺราหฺมโณ ทานํ อทาสิ มหาทานํฯ โย เจกํ ทิฎฺฐิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตรํฯ โย จ สตํ ทิฎฺฐิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย…เป.… สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฎฺฐานา เวรมณิํฯ โย จ อนฺตมโส คทฺทูหนมตฺตมฺปิ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตร’’นฺติ (อ. นิ. ๙.๒๐)ฯ
‘‘Yaṃ gahapati velāmo brāhmaṇo dānaṃ adāsi mahādānaṃ. Yo cekaṃ diṭṭhisampannaṃ bhojeyya, idaṃ tato mahapphalataraṃ. Yo ca sataṃ diṭṭhisampannaṃ bhojeyya…pe… surāmerayamajjappamādaṭṭhānā veramaṇiṃ. Yo ca antamaso gaddūhanamattampi mettacittaṃ bhāveyya, idaṃ tato mahapphalatara’’nti (a. ni. 9.20).
มหคฺคตปุญฺญภาเวน ปนสฺสา ปริตฺตปุญฺญโต สาติสยตาย วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ, น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฎฺฐตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๕๕๖; สํ. นิ. ๔.๓๖๐)ฯ กามาวจรกมฺมญฺหิ ปมาณกตํ นาม, มหคฺคตกมฺมํ ปน ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา โอธิสกาโนธิสกผรณวเสน วฑฺฒิตฺวา กตตฺตา อปฺปมาณกตํ นามฯ กามาวจรกมฺมํ ตสฺส มหคฺคตกมฺมสฺส อนฺตรา ลคฺคิตุํ วา ตํ กมฺมํ อภิภวิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ คเหตฺวา ฐาตุํ วา น สโกฺกติ, อถ โข มหคฺคตกมฺมเมว ตํ ปริตฺตกมฺมํ มโหโฆ วิย ปริตฺตํ อุทกํ อภิภวิตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฎฺฐติ, ตสฺส วิปากํ ปฎิพาหิตฺวา สยเมว พฺรหฺมสหพฺยตํ อุปเนตีติ อยญฺหิ ตสฺส อโตฺถติฯ
Mahaggatapuññabhāvena panassā parittapuññato sātisayatāya vattabbameva natthi. Vuttañhetaṃ ‘‘yaṃ pamāṇakataṃ kammaṃ, na taṃ tatrāvasissati, na taṃ tatrāvatiṭṭhatī’’ti (dī. ni. 1.556; saṃ. ni. 4.360). Kāmāvacarakammañhi pamāṇakataṃ nāma, mahaggatakammaṃ pana pamāṇaṃ atikkamitvā odhisakānodhisakapharaṇavasena vaḍḍhitvā katattā appamāṇakataṃ nāma. Kāmāvacarakammaṃ tassa mahaggatakammassa antarā laggituṃ vā taṃ kammaṃ abhibhavitvā attano vipākassa okāsaṃ gahetvā ṭhātuṃ vā na sakkoti, atha kho mahaggatakammameva taṃ parittakammaṃ mahogho viya parittaṃ udakaṃ abhibhavitvā attano okāsaṃ gahetvā tiṭṭhati, tassa vipākaṃ paṭibāhitvā sayameva brahmasahabyataṃ upanetīti ayañhi tassa atthoti.
คาถาสุ โยติ โย โกจิ คหโฎฺฐ วา ปพฺพชิโต วาฯ เมตฺตนฺติ เมตฺตาฌานํฯ อปฺปมาณนฺติ ภาวนาวเสน อารมฺมณวเสน จ อปฺปมาณํฯ อสุภภาวนาทโย วิย หิ อารมฺมเณ เอกเทสคฺคหณํ อกตฺวา อนวเสสผรณวเสน อโนธิโสผรณวเสน จ อปฺปมาณารมฺมณตาย ปคุณภาวนาวเสน อปฺปมาณํฯ ตนู สํโยชนา โหนฺตีติ เมตฺตาฌานํ ปาทกํ กตฺวา สมฺมสิตฺวา เหฎฺฐิเม อริยมเคฺค อธิคจฺฉนฺตสฺส สุเขเนว ปฎิฆสํโยชนาทโย ปหียมานา ตนู โหนฺติฯ เตนาห ‘‘ปสฺสโต อุปธิกฺขย’’นฺติฯ ‘‘อุปธิกฺขโย’’ติ หิ นิพฺพานํ วุจฺจติฯ ตญฺจสฺส สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน มคฺคญาเณน ปสฺสติฯ อถ วา ตนู สํโยชนา โหนฺตีติ เมตฺตาฌานปทฎฺฐานาย วิปสฺสนาย อนุกฺกเมน อุปธิกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปตฺวา ตํ ปสฺสโต ปเคว ทสปิ สํโยชนา ตนู โหนฺติ, ปหียนฺตีติ อโตฺถฯ อถ วา ตนู สํโยชนา โหนฺตีติ ปฎิโฆ เจว ปฎิฆสมฺปยุตฺตสํโยชนา จ ตนุกา โหนฺติฯ ปสฺสโต อุปธิกฺขยนฺติ เตสํเยว กิเลสูปธีนํ ขยสงฺขาตํ เมตฺตํ อธิคมวเสน ปสฺสนฺต สฺสาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Gāthāsu yoti yo koci gahaṭṭho vā pabbajito vā. Mettanti mettājhānaṃ. Appamāṇanti bhāvanāvasena ārammaṇavasena ca appamāṇaṃ. Asubhabhāvanādayo viya hi ārammaṇe ekadesaggahaṇaṃ akatvā anavasesapharaṇavasena anodhisopharaṇavasena ca appamāṇārammaṇatāya paguṇabhāvanāvasena appamāṇaṃ. Tanū saṃyojanā hontīti mettājhānaṃ pādakaṃ katvā sammasitvā heṭṭhime ariyamagge adhigacchantassa sukheneva paṭighasaṃyojanādayo pahīyamānā tanū honti. Tenāha ‘‘passato upadhikkhaya’’nti. ‘‘Upadhikkhayo’’ti hi nibbānaṃ vuccati. Tañcassa sacchikiriyābhisamayavasena maggañāṇena passati. Atha vā tanū saṃyojanā hontīti mettājhānapadaṭṭhānāya vipassanāya anukkamena upadhikkhayasaṅkhātaṃ arahattaṃ patvā taṃ passato pageva dasapi saṃyojanā tanū honti, pahīyantīti attho. Atha vā tanū saṃyojanā hontīti paṭigho ceva paṭighasampayuttasaṃyojanā ca tanukā honti. Passato upadhikkhayanti tesaṃyeva kilesūpadhīnaṃ khayasaṅkhātaṃ mettaṃ adhigamavasena passanta ssāti evamettha attho daṭṭhabbo.
เอวํ กิเลสปฺปหานํ นิพฺพานาธิคมญฺจ เมตฺตาภาวนาย สิขาปฺปตฺตมานิสํสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อเญฺญ อานิสํเส ทเสฺสตุํ ‘‘เอกมฺปิ เจ’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อทุฎฺฐจิโตฺตติ เมตฺตาพเลน สุฎฺฐุ วิกฺขมฺภิตพฺยาปาทตาย พฺยาปาเทน อทูสิตจิโตฺตฯ เมตฺตายตีติ หิตผรณวเสน เมตฺตํ กโรติฯ กุสโลติ อติสเยน กุสลวา มหาปุโญฺญ, ปฎิฆาทิอนตฺถวิคเมน โวฯ เขมี เตนาติ เตน เมตฺตายิเตนฯ สเพฺพ จ ปาเณติ จสโทฺท พฺยติเรเกฯ มนสานุกมฺปนฺติ จิเตฺตน อนุกมฺปโนฺตฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกสตฺตวิสยาปิ ตาว เมตฺตา มหากุสลราสิ, สเพฺพ ปน ปาเณ อตฺตโน ปิยปุตฺตํ วิย หิตผรเณน มนสา อนุกมฺปโนฺต ปหูตํ พหุํ อนปฺปกํ อปริยนฺตํ จตุสฎฺฐิมหากเปฺปปิ อตฺตโน วิปากปฺปพนฺธํ ปวเตฺตตุํ สมตฺถํ อุฬารปุญฺญํ อริโย ปริสุทฺธจิโตฺต ปุคฺคโล ปกโรติ นิปฺผาเทติฯ
Evaṃ kilesappahānaṃ nibbānādhigamañca mettābhāvanāya sikhāppattamānisaṃsaṃ dassetvā idāni aññe ānisaṃse dassetuṃ ‘‘ekampi ce’’tiādimāha. Tattha aduṭṭhacittoti mettābalena suṭṭhu vikkhambhitabyāpādatāya byāpādena adūsitacitto. Mettāyatīti hitapharaṇavasena mettaṃ karoti. Kusaloti atisayena kusalavā mahāpuñño, paṭighādianatthavigamena vo. Khemī tenāti tena mettāyitena. Sabbe ca pāṇeti casaddo byatireke. Manasānukampanti cittena anukampanto. Idaṃ vuttaṃ hoti – ekasattavisayāpi tāva mettā mahākusalarāsi, sabbe pana pāṇe attano piyaputtaṃ viya hitapharaṇena manasā anukampanto pahūtaṃ bahuṃ anappakaṃ apariyantaṃ catusaṭṭhimahākappepi attano vipākappabandhaṃ pavattetuṃ samatthaṃ uḷārapuññaṃ ariyo parisuddhacitto puggalo pakaroti nipphādeti.
สตฺตสณฺฑนฺติ สตฺตสงฺขาเตน สเณฺฑน สมนฺนาคตํ ภริตํ, สเตฺตหิ อวิรฬํ อากิณฺณมนุสฺสนฺติ อโตฺถฯ วิชิตฺวาติ อทเณฺฑน อสเตฺถน ธเมฺมเนว วิชินิตฺวาฯ ราชิสโยติ อิสิสทิสา ธมฺมิกราชาโนฯ ยชมานาติ ทานานิ ททมานาฯ อนุปริยคาติ วิจริํสุฯ
Sattasaṇḍanti sattasaṅkhātena saṇḍena samannāgataṃ bharitaṃ, sattehi aviraḷaṃ ākiṇṇamanussanti attho. Vijitvāti adaṇḍena asatthena dhammeneva vijinitvā. Rājisayoti isisadisā dhammikarājāno. Yajamānāti dānāni dadamānā. Anupariyagāti vicariṃsu.
อสฺสเมธนฺติอาทีสุ โปราณกราชกาเล กิร สสฺสเมธํ, ปุริสเมธํ, สมฺมาปาสํ, วาจาเปยฺยนฺติ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ อเหสุํ, เยหิ ราชาโน โลกํ สงฺคณฺหิํสุฯ ตตฺถ นิปฺผนฺนสสฺสโต ทสมภาคคฺคหณํ สสฺสเมธํ นาม, สสฺสสมฺปาทเน, เมธาวิตาติ อโตฺถฯ มหาโยธานํ ฉมาสิกํ ภตฺตเวตนานุปฺปทานํ ปุริสเมธํ นาม, ปุริสสงฺคณฺหเน เมธาวิตาติ อโตฺถฯ ทลิทฺทมนุสฺสานํ โปตฺถเก เลขํ คเหตฺวา ตีณิ วสฺสานิ วินา วฑฺฒิยา สหสฺสทฺวิสหสฺสมตฺตธนานุปฺปทานํ สมฺมาปาสํ นามฯ ตญฺหิ สมฺมา มนุเสฺส ปาเสติ หทเย พนฺธิตฺวา วิย ฐเปติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาปาส’’นฺติ วุจฺจติฯ ‘‘ตาต มาตุลา’’ติอาทินา ปน สณฺหวาจาย สงฺคหณํ วาจาเปยฺยํ นาม, เปยฺยวชฺชํ ปิยวาจตาติ อโตฺถฯ เอวํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สงฺคหิตํ รฎฺฐํ อิทฺธเญฺจว โหติ ผีตญฺจ ปหูตอนฺนปานํ เขมํ นิรพฺพุทํฯ มนุสฺสา มุทา โมทมานา อุเร ปุเตฺต นเจฺจนฺตา อปารุตฆรา วิหรนฺติ ฯ อิทํ ฆรทฺวาเรสุ อคฺคฬานํ อภาวโต ‘‘นิรคฺคฬ’’นฺติ วุจฺจติฯ อยํ โปราณิกา ปเวณิ, อยํ โปราณิกา ปกติฯ
Assamedhantiādīsu porāṇakarājakāle kira sassamedhaṃ, purisamedhaṃ, sammāpāsaṃ, vācāpeyyanti cattāri saṅgahavatthūni ahesuṃ, yehi rājāno lokaṃ saṅgaṇhiṃsu. Tattha nipphannasassato dasamabhāgaggahaṇaṃ sassamedhaṃ nāma, sassasampādane, medhāvitāti attho. Mahāyodhānaṃ chamāsikaṃ bhattavetanānuppadānaṃ purisamedhaṃ nāma, purisasaṅgaṇhane medhāvitāti attho. Daliddamanussānaṃ potthake lekhaṃ gahetvā tīṇi vassāni vinā vaḍḍhiyā sahassadvisahassamattadhanānuppadānaṃ sammāpāsaṃ nāma. Tañhi sammā manusse pāseti hadaye bandhitvā viya ṭhapeti, tasmā ‘‘sammāpāsa’’nti vuccati. ‘‘Tāta mātulā’’tiādinā pana saṇhavācāya saṅgahaṇaṃ vācāpeyyaṃ nāma, peyyavajjaṃ piyavācatāti attho. Evaṃ catūhi saṅgahavatthūhi saṅgahitaṃ raṭṭhaṃ iddhañceva hoti phītañca pahūtaannapānaṃ khemaṃ nirabbudaṃ. Manussā mudā modamānā ure putte naccentā apārutagharā viharanti . Idaṃ gharadvāresu aggaḷānaṃ abhāvato ‘‘niraggaḷa’’nti vuccati. Ayaṃ porāṇikā paveṇi, ayaṃ porāṇikā pakati.
อปรภาเค ปน โอกฺกากราชกาเล พฺราหฺมณา อิมานิ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ อิมญฺจ รฎฺฐสมฺปตฺติํ ปริวเตฺตนฺตา อุทฺธมฺมูลํ กตฺวา อสฺสเมธํ ปุริสเมธนฺติอาทิเก ปญฺจ ยเญฺญ นาม อกํสุฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา พฺราหฺมณธมฺมิยสุเตฺต –
Aparabhāge pana okkākarājakāle brāhmaṇā imāni cattāri saṅgahavatthūni imañca raṭṭhasampattiṃ parivattentā uddhammūlaṃ katvā assamedhaṃ purisamedhantiādike pañca yaññe nāma akaṃsu. Vuttañhetaṃ bhagavatā brāhmaṇadhammiyasutte –
‘‘เตสํ อาสิ วิปลฺลาโส, ทิสฺวาน อณุโต อณุํ…เป.…ฯ
‘‘Tesaṃ āsi vipallāso, disvāna aṇuto aṇuṃ…pe….
‘‘เต ตตฺถ มเนฺต คเนฺถตฺวา, โอกฺกากํ ตทุปาคมุ’’นฺติฯ (สุ. นิ. ๓๐๑-๓๐๔);
‘‘Te tattha mante ganthetvā, okkākaṃ tadupāgamu’’nti. (su. ni. 301-304);
ตตฺถ อสฺสเมตฺถ เมธนฺติ พาเธนฺตีติ อสฺสเมโธฯ ทฺวีหิ ปริยเญฺญหิ ยชิตพฺพสฺส เอกวีสติยูปสฺส เอกสฺมิํ ปจฺฉิมทิวเส เอว สตฺตนวุติปญฺจปสุสตฆาตภีสนสฺส ฐเปตฺวา ภูมิญฺจ ปุริเส จ อวเสสสพฺพวิภวทกฺขิณสฺส ยญฺญเสฺสตํ อธิวจนํฯ ปุริสเมตฺถ เมธนฺติ พาเธนฺตีติ ปุริสเมโธฯ จตูหิ ปริยเญฺญหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธิํภูมิยา อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส ยญฺญเสฺสตํ อธิวจนํฯ สมฺมเมตฺถ ปาสนฺติ ขิปนฺตีติ สมฺมาปาโสฯ ยุคจฺฉิคฺคเฬ ปเวสนทณฺฑกสงฺขาตํ สมฺมํ ขิปิตฺวา ตสฺส ปติโตกาเส เวทิํ กตฺวา สํหาริเมหิ ยูปาทีหิ สรสฺสตินทิยา นิมุโคฺคกาสโต ปภุติ ปฎิโลมํ คจฺฉเนฺตน ยชิตพฺพสฺส สตฺรยาคเสฺสตํ อธิวจนํ วาชเมตฺถ ปิวนฺตีติ วาชเปโยฺยฯ เอเกน ปริยเญฺญน สตฺตรสหิ ปสูหิ ยชิตพฺพสฺส เพฬุวยูปสฺส สตฺตรสกทกฺขิณสฺส ยญฺญเสฺสตํ อธิวจนํฯ นตฺถิ เอตฺถ อคฺคโฬติ นิรคฺคโฬฯ นวหิ ปริยเญฺญหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธิํ ภูมิยา ปุริเสหิ จ อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส สพฺพเมธปริยายนามสฺส อสฺสเมธวิกปฺปเสฺสตํ อธิวจนํฯ
Tattha assamettha medhanti bādhentīti assamedho. Dvīhi pariyaññehi yajitabbassa ekavīsatiyūpassa ekasmiṃ pacchimadivase eva sattanavutipañcapasusataghātabhīsanassa ṭhapetvā bhūmiñca purise ca avasesasabbavibhavadakkhiṇassa yaññassetaṃ adhivacanaṃ. Purisamettha medhanti bādhentīti purisamedho. Catūhi pariyaññehi yajitabbassa saddhiṃbhūmiyā assamedhe vuttavibhavadakkhiṇassa yaññassetaṃ adhivacanaṃ. Sammamettha pāsanti khipantīti sammāpāso. Yugacchiggaḷe pavesanadaṇḍakasaṅkhātaṃ sammaṃ khipitvā tassa patitokāse vediṃ katvā saṃhārimehi yūpādīhi sarassatinadiyā nimuggokāsato pabhuti paṭilomaṃ gacchantena yajitabbassa satrayāgassetaṃ adhivacanaṃ vājamettha pivantīti vājapeyyo. Ekena pariyaññena sattarasahi pasūhi yajitabbassa beḷuvayūpassa sattarasakadakkhiṇassa yaññassetaṃ adhivacanaṃ. Natthi ettha aggaḷoti niraggaḷo. Navahi pariyaññehi yajitabbassa saddhiṃ bhūmiyā purisehi ca assamedhe vuttavibhavadakkhiṇassa sabbamedhapariyāyanāmassa assamedhavikappassetaṃ adhivacanaṃ.
จนฺทปฺปภาติ จนฺทปฺปภายฯ ตารคณาว สเพฺพติ ยถา สเพฺพปิ ตาราคณา จนฺทิมโสภาย โสฬสิมฺปิ กลํ นาคฺฆนฺติ, เอวํ เต อสฺสเมธาทโย ยญฺญา เมตฺตจิตฺตสฺส วุตฺตลกฺขเณน สุภาวิตสฺส โสฬสิมฺปิ กลํ นานุภวนฺติ, น ปาปุณนฺติ, นาคฺฆนฺตีติ อโตฺถฯ
Candappabhāti candappabhāya. Tāragaṇāva sabbeti yathā sabbepi tārāgaṇā candimasobhāya soḷasimpi kalaṃ nāgghanti, evaṃ te assamedhādayo yaññā mettacittassa vuttalakkhaṇena subhāvitassa soḷasimpi kalaṃ nānubhavanti, na pāpuṇanti, nāgghantīti attho.
อิทานิ อปเรปิ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิเก เมตฺตาภาวนาย อานิสํเส ทเสฺสตุํ ‘‘โย น หนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โยติ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารภาวนานุยุโตฺต ปุคฺคโลฯ น หนฺตีติ เตเนว เมตฺตาภาวนานุภาเวน ทูรวิกฺขมฺภิตพฺยาปาทตาย น กญฺจิ สตฺตํ หิํสติ, เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ น วิพาธติ วาฯ น ฆาเตตีติ ปรํ สมาทเปตฺวา น สเตฺต หนาเปติ น วิพาธาเปติ จฯ น ชินาตีติ สารมฺภวิคฺคาหิกกถาทิวเสน น กญฺจิ ชินาติ สารมฺภเสฺสว อภาวโต, ชานิกรณวเสน วา อฑฺฑกรณาทินา น กญฺจิ ชินาติฯ น ชาปเยติ ปเรปิ ปโยเชตฺวา ปเรสํ ธนชานิํ น การาเปยฺยฯ เมตฺตํโสติ เมตฺตามยจิตฺตโกฎฺฐาโส, เมตฺตาย วา อํโส อวิชหนเฎฺฐน อวยวภูโตติ เมตฺตํโสฯ สพฺพภูเตสูติ สพฺพสเตฺตสุฯ ตโต เอว เวรํ ตสฺส น เกนจีติ อกุสลเวรํ ตสฺส เกนจิปิ การเณน นตฺถิ, ปุคฺคลเวรสงฺขาโต วิโรโธ เกนจิ ปุริเสน สทฺธิํ ตสฺส เมตฺตาวิหาริสฺส นตฺถีติฯ
Idāni aparepi diṭṭhadhammikasamparāyike mettābhāvanāya ānisaṃse dassetuṃ ‘‘yo na hantī’’tiādi vuttaṃ. Tattha yoti mettābrahmavihārabhāvanānuyutto puggalo. Na hantīti teneva mettābhāvanānubhāvena dūravikkhambhitabyāpādatāya na kañci sattaṃ hiṃsati, leḍḍudaṇḍādīhi na vibādhati vā. Na ghātetīti paraṃ samādapetvā na satte hanāpeti na vibādhāpeti ca. Na jinātīti sārambhaviggāhikakathādivasena na kañci jināti sārambhasseva abhāvato, jānikaraṇavasena vā aḍḍakaraṇādinā na kañci jināti. Na jāpayeti parepi payojetvā paresaṃ dhanajāniṃ na kārāpeyya. Mettaṃsoti mettāmayacittakoṭṭhāso, mettāya vā aṃso avijahanaṭṭhena avayavabhūtoti mettaṃso. Sabbabhūtesūti sabbasattesu. Tato eva veraṃ tassa na kenacīti akusalaveraṃ tassa kenacipi kāraṇena natthi, puggalaverasaṅkhāto virodho kenaci purisena saddhiṃ tassa mettāvihārissa natthīti.
เอวเมตสฺมิํ เอกกนิปาเต ปฎิปาฎิยา เตรสสุ สุเตฺตสุ สิกฺขาสุตฺตทฺวเย จาติ ปนฺนรสสุ สุเตฺตสุ วิวฎฺฎํ กถิตํ, นีวรณสุตฺตํ สํโยชนสุตฺตํ อปฺปมาทสุตฺตํ อฎฺฐิสญฺจยสุตฺตนฺติ เอเตสุ จตูสุ สุเตฺตสุ วฎฺฎวิวฎฺฎํ กถิตํฯ อิตเรสุ ปน วฎฺฎเมว กถิตนฺติฯ
Evametasmiṃ ekakanipāte paṭipāṭiyā terasasu suttesu sikkhāsuttadvaye cāti pannarasasu suttesu vivaṭṭaṃ kathitaṃ, nīvaraṇasuttaṃ saṃyojanasuttaṃ appamādasuttaṃ aṭṭhisañcayasuttanti etesu catūsu suttesu vaṭṭavivaṭṭaṃ kathitaṃ. Itaresu pana vaṭṭameva kathitanti.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sattamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
ปรมตฺถทีปนิยา
Paramatthadīpaniyā
ขุทฺทกนิกาย-อฎฺฐกถาย
Khuddakanikāya-aṭṭhakathāya
อิติวุตฺตกสฺส เอกกนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Itivuttakassa ekakanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๗. เมตฺตาภาวนาสุตฺตํ • 7. Mettābhāvanāsuttaṃ