Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    ๔. เมตฺตากถา

    4. Mettākathā

    เมตฺตากถาวณฺณนา

    Mettākathāvaṇṇanā

    ๒๒. อิทานิ โพชฺฌงฺคกถานนฺตรํ กถิตาย โพชฺฌงฺคกถาคติยา สุตฺตนฺตปุพฺพงฺคมาย เมตฺตากถาย อปุพฺพตฺถานุวณฺณนาฯ ตตฺถ สุตฺตเนฺต ตาว อาเสวิตายาติ อาทเรน เสวิตายฯ ภาวิตายาติ วฑฺฒิตายฯ พหุลีกตายาติ ปุนปฺปุนํ กตายฯ ยานีกตายาติ ยุตฺตยานสทิสาย กตายฯ วตฺถุกตายาติ ปติฎฺฐานเฎฺฐน วตฺถุ วิย กตายฯ อนุฎฺฐิตายาติ ปจฺจุปฎฺฐิตายฯ ปริจิตายาติ สมนฺตโต จิตาย อุปจิตายฯ สุสมารทฺธายาติ สุฎฺฐุ สมารทฺธาย สุกตาย ฯ อานิสํสาติ คุณาฯ ปาฎิกงฺขาติ ปฎิกงฺขิตพฺพา อิจฺฉิตพฺพาฯ สุขํ สุปตีติ ยถา เสสชนา สมฺปริวตฺตมานา กากจฺฉมานา ทุกฺขํ สุปนฺติ, เอวํ อสุปิตฺวา สุขํ สุปติฯ นิทฺทํ โอกฺกโนฺตปิ สมาปตฺติํ สมาปโนฺน วิย โหติฯ สุขํ ปฎิพุชฺฌตีติ ยถา อเญฺญ นิตฺถุนนฺตา วิชมฺภนฺตา สมฺปริวตฺตนฺตา ทุกฺขํ ปฎิพุชฺฌนฺติ, เอวํ อปฎิพุชฺฌิตฺวา วิกสมานมิว ปทุมํ สุขํ นิพฺพิการํ ปฎิพุชฺฌติฯ น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสตีติ สุปินํ ปสฺสโนฺตปิ ภทฺทกเมว สุปินํ ปสฺสติฯ เจติยํ วนฺทโนฺต วิย ปูชํ กโรโนฺต วิย ธมฺมํ สุณโนฺต วิย จ โหติฯ ยถา ปนเญฺญ อตฺตานํ โจเรหิ ปริวาริตํ วิย วาเฬหิ อุปทฺทุตํ วิย ปปาเต ปตนฺตํ วิย จ ปสฺสนฺติ, น เอวํ ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติฯ มนุสฺสานํ ปิโย โหตีติ อุเร อามุตฺตมุตฺตาหาโร วิย สีเส ปิฬนฺธมาลา วิย จ มนุสฺสานํ ปิโย โหติ มนาโปฯ อมนุสฺสานํ ปิโย โหตีติ ยเถว จ มนุสฺสานํ, เอวํ อมนุสฺสานมฺปิ ปิโย โหติฯ เทวตา รกฺขนฺตีติ ปุตฺตมิว มาตาปิตโร เทวตา รกฺขนฺติฯ นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมตีติ เมตฺตาวิหาริสฺส กาเย อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา น กมติ น ปวิสติ, นาสฺส กายํ วิโกเปตีติ วุตฺตํ โหติฯ ตุวฎํ จิตฺตํ สมาธิยตีติ เมตฺตาวิหาริโน ขิปฺปเมว จิตฺตํ สมาธิยติ, นตฺถิ ตสฺส ทนฺธายิตตฺตํฯ มุขวโณฺณ วิปฺปสีทตีติ พนฺธนา ปมุตฺตตาลปกฺกํ วิย จสฺส วิปฺปสนฺนวณฺณํ มุขํ โหติฯ อสมฺมูโฬฺห กาลํ กโรตีติ เมตฺตาวิหาริโน สโมฺมหมรณํ นาม นตฺถิ, อสมฺมูโฬฺห นิทฺทํ โอกฺกมโนฺต วิย กาลํ กโรติฯ อุตฺตริ อปฺปฎิวิชฺฌโนฺตติ เมตฺตาสมาปตฺติโต อุตฺตริํ อรหตฺตํ อธิคนฺตุํ อสโกฺกโนฺต อิโต จวิตฺวา สุตฺตปฺปพุโทฺธ วิย พฺรหฺมโลกูปโค โหตีติ พฺรหฺมโลกํ อุปปชฺชตีติ อโตฺถฯ

    22. Idāni bojjhaṅgakathānantaraṃ kathitāya bojjhaṅgakathāgatiyā suttantapubbaṅgamāya mettākathāya apubbatthānuvaṇṇanā. Tattha suttante tāva āsevitāyāti ādarena sevitāya. Bhāvitāyāti vaḍḍhitāya. Bahulīkatāyāti punappunaṃ katāya. Yānīkatāyāti yuttayānasadisāya katāya. Vatthukatāyāti patiṭṭhānaṭṭhena vatthu viya katāya. Anuṭṭhitāyāti paccupaṭṭhitāya. Paricitāyāti samantato citāya upacitāya. Susamāraddhāyāti suṭṭhu samāraddhāya sukatāya . Ānisaṃsāti guṇā. Pāṭikaṅkhāti paṭikaṅkhitabbā icchitabbā. Sukhaṃ supatīti yathā sesajanā samparivattamānā kākacchamānā dukkhaṃ supanti, evaṃ asupitvā sukhaṃ supati. Niddaṃ okkantopi samāpattiṃ samāpanno viya hoti. Sukhaṃ paṭibujjhatīti yathā aññe nitthunantā vijambhantā samparivattantā dukkhaṃ paṭibujjhanti, evaṃ apaṭibujjhitvā vikasamānamiva padumaṃ sukhaṃ nibbikāraṃ paṭibujjhati. Na pāpakaṃ supinaṃ passatīti supinaṃ passantopi bhaddakameva supinaṃ passati. Cetiyaṃ vandanto viya pūjaṃ karonto viya dhammaṃ suṇanto viya ca hoti. Yathā panaññe attānaṃ corehi parivāritaṃ viya vāḷehi upaddutaṃ viya papāte patantaṃ viya ca passanti, na evaṃ pāpakaṃ supinaṃ passati. Manussānaṃ piyo hotīti ure āmuttamuttāhāro viya sīse piḷandhamālā viya ca manussānaṃ piyo hoti manāpo. Amanussānaṃ piyo hotīti yatheva ca manussānaṃ, evaṃ amanussānampi piyo hoti. Devatā rakkhantīti puttamiva mātāpitaro devatā rakkhanti. Nāssa aggi vā visaṃ vā satthaṃ vā kamatīti mettāvihārissa kāye aggi vā visaṃ vā satthaṃ vā na kamati na pavisati, nāssa kāyaṃ vikopetīti vuttaṃ hoti. Tuvaṭaṃ cittaṃ samādhiyatīti mettāvihārino khippameva cittaṃ samādhiyati, natthi tassa dandhāyitattaṃ. Mukhavaṇṇo vippasīdatīti bandhanā pamuttatālapakkaṃ viya cassa vippasannavaṇṇaṃ mukhaṃ hoti. Asammūḷho kālaṃ karotīti mettāvihārino sammohamaraṇaṃ nāma natthi, asammūḷho niddaṃ okkamanto viya kālaṃ karoti. Uttari appaṭivijjhantoti mettāsamāpattito uttariṃ arahattaṃ adhigantuṃ asakkonto ito cavitvā suttappabuddho viya brahmalokūpago hotīti brahmalokaṃ upapajjatīti attho.

    เมตฺตานิเทฺทเส อโนธิโส ผรณาติ โอธิ มริยาทา, น โอธิ อโนธิฯ ตโต อโนธิโส, อโนธิโตติ อโตฺถ, นิปฺปเทสโต ผุสนาติ วุตฺตํ โหติฯ โอธิโสติ ปเทสวเสนฯ ทิสาผรณาติ ทิสาสุ ผรณาฯ สเพฺพติ อนวเสสปริยาทานํฯ สตฺตาติปทสฺส อโตฺถ ญาณกถามาติกาวณฺณนายํ วุโตฺต, รุฬฺหีสเทฺทน ปน วีตราเคสุปิ อยํ โวหาโร วตฺตติ วิลีวมเยปิ พีชนิวิเสเส ตาลวณฺฎโวหาโร วิยฯ อเวราติ เวรรหิตาฯ อพฺยาปชฺชาติ พฺยาปาทรหิตาฯ อนีฆาติ นิทฺทุกฺขาฯ อนิคฺฆาติปิ ปาโฐฯ สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตูติ สุขิตา หุตฺวา อตฺตภาวํ วตฺตยนฺตุฯ ‘‘อเวรา’’ติ จ สกสนฺตาเน จ ปเร ปฎิจฺจ, ปรสนฺตาเน จ อิตเร ปฎิจฺจ เวราภาโว ทสฺสิโต, ‘‘อพฺยาปชฺชา’’ติอาทีสุ เวราภาวา ตมฺมูลกพฺยาปาทาภาโว, ‘‘อนีฆา’’ติ พฺยาปาทาภาวา ตมฺมูลกทุกฺขาภาโว, ‘‘สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตู’’ติ ทุกฺขาภาวาสุเขน อตฺตภาวปริหรณํ ทสฺสิตนฺติ เอวเมตฺถ วจนสมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพติฯ อิเมสุ จ ‘‘อเวรา โหนฺตู’’ติอาทีสุ จตูสุปิ วจเนสุ ยํ ยํ ปากฎํ โหติ, ตสฺส ตสฺส วเสน เมตฺตาย ผรติฯ

    Mettāniddese anodhiso pharaṇāti odhi mariyādā, na odhi anodhi. Tato anodhiso, anodhitoti attho, nippadesato phusanāti vuttaṃ hoti. Odhisoti padesavasena. Disāpharaṇāti disāsu pharaṇā. Sabbeti anavasesapariyādānaṃ. Sattātipadassa attho ñāṇakathāmātikāvaṇṇanāyaṃ vutto, ruḷhīsaddena pana vītarāgesupi ayaṃ vohāro vattati vilīvamayepi bījanivisese tālavaṇṭavohāro viya. Averāti verarahitā. Abyāpajjāti byāpādarahitā. Anīghāti niddukkhā. Anigghātipi pāṭho. Sukhī attānaṃpariharantūti sukhitā hutvā attabhāvaṃ vattayantu. ‘‘Averā’’ti ca sakasantāne ca pare paṭicca, parasantāne ca itare paṭicca verābhāvo dassito, ‘‘abyāpajjā’’tiādīsu verābhāvā tammūlakabyāpādābhāvo, ‘‘anīghā’’ti byāpādābhāvā tammūlakadukkhābhāvo, ‘‘sukhī attānaṃ pariharantū’’ti dukkhābhāvāsukhena attabhāvapariharaṇaṃ dassitanti evamettha vacanasambandho veditabboti. Imesu ca ‘‘averā hontū’’tiādīsu catūsupi vacanesu yaṃ yaṃ pākaṭaṃ hoti, tassa tassa vasena mettāya pharati.

    ปาณาติอาทีสุ ปาณนตาย ปาณา, อสฺสาสปสฺสาสายตฺตวุตฺติตายาติ อโตฺถฯ ภูตตฺตา ภูตา, อภินิพฺพตฺตาติ อโตฺถฯ ปุํ วุจฺจติ นิรโย, ตํ ปุํ คลนฺติ คจฺฉนฺตีติ ปุคฺคลาฯ อตฺตภาโว วุจฺจติ สรีรํ, ขนฺธปญฺจกเมว วา, ตํ อุปาทาย ปญฺญตฺติมตฺตสพฺภาวโต, ตสฺมิํ อตฺตภาเว ปริยาปนฺนา ปริจฺฉินฺนา อโนฺตคธาติ อตฺตภาวปริยาปนฺนาฯ ยถา จ สตฺตาติ วจนํ, เอวํ เสสานิปิ รุฬฺหีวเสน อาโรเปตฺวา สพฺพาเนตานิ สพฺพสตฺตเววจนานีติ เวทิตพฺพานิฯ กามญฺจ อญฺญานิปิ ‘‘สเพฺพ ชนฺตู สเพฺพ ชีวา’’ติอาทีนิ สพฺพสตฺตเววจนานิ อตฺถิ, ปากฎวเสน ปน อิมาเนว ปญฺจ คเหตฺวา ‘‘ปญฺจหากาเรหิ อโนธิโส ผรณา เมตฺตาเจโตวิมุตฺตี’’ติ วุจฺจติฯ เย ปน ‘‘สตฺตา ปาณา’’ติอาทีนํ น เกวลํ วจนมตฺตโตว, อถ โข อตฺถโตปิ นานตฺตเมว อิเจฺฉยฺยุํ, เตสํ อโนธิโส ผรณา วิรุชฺฌติฯ ตสฺมา ตถา อตฺถํ อคฺคเหตฺวา อิเมสุ ปญฺจสุ อากาเรสุ อญฺญตรวเสน อโนธิโส เมตฺตาย ผรติฯ

    Pāṇātiādīsu pāṇanatāya pāṇā, assāsapassāsāyattavuttitāyāti attho. Bhūtattā bhūtā, abhinibbattāti attho. Puṃ vuccati nirayo, taṃ puṃ galanti gacchantīti puggalā. Attabhāvo vuccati sarīraṃ, khandhapañcakameva vā, taṃ upādāya paññattimattasabbhāvato, tasmiṃ attabhāve pariyāpannā paricchinnā antogadhāti attabhāvapariyāpannā. Yathā ca sattāti vacanaṃ, evaṃ sesānipi ruḷhīvasena āropetvā sabbānetāni sabbasattavevacanānīti veditabbāni. Kāmañca aññānipi ‘‘sabbe jantū sabbe jīvā’’tiādīni sabbasattavevacanāni atthi, pākaṭavasena pana imāneva pañca gahetvā ‘‘pañcahākārehi anodhiso pharaṇā mettācetovimuttī’’ti vuccati. Ye pana ‘‘sattā pāṇā’’tiādīnaṃ na kevalaṃ vacanamattatova, atha kho atthatopi nānattameva iccheyyuṃ, tesaṃ anodhiso pharaṇā virujjhati. Tasmā tathā atthaṃ aggahetvā imesu pañcasu ākāresu aññataravasena anodhiso mettāya pharati.

    โอธิโส ผรเณ ปน อิตฺถิโย ปุริสาติ ลิงฺควเสน วุตฺตํ, อริยา อนริยาติ อริยปุถุชฺชนวเสน, เทวามนุสฺสา วินิปาติกาติ อุปปตฺติวเสนฯ ทิสาผรเณปิ ทิสาวิภาคํ อกตฺวา สพฺพทิสาสุ ‘‘สเพฺพ สตฺตา’’ติอาทินา นเยน ผรณโต อโนธิโส ผรณา โหติ, สพฺพทิสาสุ ‘‘สพฺพา อิตฺถิโย’’ติอาทินา นเยน ผรณโต โอธิโส ผรณาฯ

    Odhiso pharaṇe pana itthiyo purisāti liṅgavasena vuttaṃ, ariyā anariyāti ariyaputhujjanavasena, devāmanussā vinipātikāti upapattivasena. Disāpharaṇepi disāvibhāgaṃ akatvā sabbadisāsu ‘‘sabbe sattā’’tiādinā nayena pharaṇato anodhiso pharaṇā hoti, sabbadisāsu ‘‘sabbā itthiyo’’tiādinā nayena pharaṇato odhiso pharaṇā.

    ยสฺมา ปน อยํ ติวิธาปิ เมตฺตาผรณา อปฺปนาปตฺตจิตฺตสฺส วเสน วุตฺตา, ตสฺมา ตีสุ วาเรสุ อปฺปนา คเหตพฺพาฯ อโนธิโส ผรเณ ตาว ‘‘สเพฺพ สตฺตา อเวรา โหนฺตู’’ติ เอกา, ‘‘อพฺยาปชฺชา โหนฺตู’’ติ เอกา ‘‘อนีฆา โหนฺตู’’ติ เอกา, ‘‘สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตู’’ติ เอกาฯ ตานิปิ หิ จตฺตาริ หิโตปสํหารวเสเนว วุตฺตานิฯ หิโตปสํหารลกฺขณา หิ เมตฺตาฯ อิติ ‘‘สตฺตา’’ติอาทีสุ ปญฺจสุ อากาเรสุ จตสฺสนฺนํ จตสฺสนฺนํ อปฺปนานํ วเสน วีสติ อปฺปนา โหนฺติ, โอธิโส ผรเณ ‘‘สพฺพา อิตฺถิโย’’ติอาทีสุ สตฺตสุ อากาเรสุ จตสฺสนฺนํ จตสฺสนฺนํ วเสน อฎฺฐวีสติ อปฺปนาฯ ทิสาผรเณ ปน ‘‘สเพฺพ ปุรตฺถิมาย ทิสาย สตฺตา’’ติอาทินา นเยน เอกเมกิสฺสา ทิสาย วีสติ วีสติ กตฺวา เทฺว สตานิ, ‘‘สพฺพา ปุรตฺถิมาย ทิสาย อิตฺถิโย’’ติอาทินา นเยน เอกเมกิสฺสา ทิสาย อฎฺฐวีสติ อฎฺฐวีสติ กตฺวา อสีติ เทฺว สตานีติ จตฺตาริ สตานิ อสีติ จ อปฺปนาฯ อิติ สพฺพานิปิ อิธ วุตฺตานิ อฎฺฐวีสาธิกานิ ปญฺจ อปฺปนาสตานิ โหนฺติฯ ยถา จ เมตฺตาย ติวิเธน ผรณา วุตฺตา, ตถา กรุณามุทิตาอุเปกฺขานมฺปิ วุตฺตาว โหตีติ เวทิตพฺพํฯ

    Yasmā pana ayaṃ tividhāpi mettāpharaṇā appanāpattacittassa vasena vuttā, tasmā tīsu vāresu appanā gahetabbā. Anodhiso pharaṇe tāva ‘‘sabbe sattā averā hontū’’ti ekā, ‘‘abyāpajjā hontū’’ti ekā ‘‘anīghā hontū’’ti ekā, ‘‘sukhī attānaṃ pariharantū’’ti ekā. Tānipi hi cattāri hitopasaṃhāravaseneva vuttāni. Hitopasaṃhāralakkhaṇā hi mettā. Iti ‘‘sattā’’tiādīsu pañcasu ākāresu catassannaṃ catassannaṃ appanānaṃ vasena vīsati appanā honti, odhiso pharaṇe ‘‘sabbā itthiyo’’tiādīsu sattasu ākāresu catassannaṃ catassannaṃ vasena aṭṭhavīsati appanā. Disāpharaṇe pana ‘‘sabbe puratthimāya disāya sattā’’tiādinā nayena ekamekissā disāya vīsati vīsati katvā dve satāni, ‘‘sabbā puratthimāya disāya itthiyo’’tiādinā nayena ekamekissā disāya aṭṭhavīsati aṭṭhavīsati katvā asīti dve satānīti cattāri satāni asīti ca appanā. Iti sabbānipi idha vuttāni aṭṭhavīsādhikāni pañca appanāsatāni honti. Yathā ca mettāya tividhena pharaṇā vuttā, tathā karuṇāmuditāupekkhānampi vuttāva hotīti veditabbaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๔. เมตฺตากถา • 4. Mettākathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact