Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๔. เมตฺตาสหคตสุตฺตวณฺณนา
4. Mettāsahagatasuttavaṇṇanā
๒๓๕. กีทิสา คติ นิพฺพตฺติ เอติสฺสาติ กิํคติกา, กิํนิฎฺฐาติ วุตฺตํ โหติฯ กีทิสี ปรมา อุตฺตมา โกฎิ เอติสฺสาติ กิํปรมาฯ กีทิสํ ผลํ อานิสํสํ อุทโย เอติสฺสาติ กิํผลาฯ สํสฎฺฐํ สมฺปยุตฺตนฺติ อิทํ สหคต-สทฺทสฺส อตฺถทสฺสนมตฺตํ, อิธ ปน เมตฺตาฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนาปุพฺพภาคโพชฺฌงฺคา จ ‘‘เมตฺตาสหคตํ สติสโมฺพชฺฌงฺค’’นฺติอาทินา วุตฺตาติ เวทิตพฺพํฯ สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ โพชฺฌเงฺคสุ สเพฺพสุ จ พฺรหฺมวิหาเรสุฯ
235. Kīdisā gati nibbatti etissāti kiṃgatikā, kiṃniṭṭhāti vuttaṃ hoti. Kīdisī paramā uttamā koṭi etissāti kiṃparamā. Kīdisaṃ phalaṃ ānisaṃsaṃ udayo etissāti kiṃphalā. Saṃsaṭṭhaṃ sampayuttanti idaṃ sahagata-saddassa atthadassanamattaṃ, idha pana mettājhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanāpubbabhāgabojjhaṅgā ca ‘‘mettāsahagataṃ satisambojjhaṅga’’ntiādinā vuttāti veditabbaṃ. Sabbatthāti sabbesu bojjhaṅgesu sabbesu ca brahmavihāresu.
ปฎิกูเลติ วิรชฺชตีติ ปฎิกูลํ, อนิฎฺฐํฯ น ปฎิกูลํ อปฺปฎิกูลํ, อิฎฺฐํฯ เตนาห ‘‘อิเฎฺฐ วตฺถุสฺมิ’’นฺติฯ เอตฺถาติ อปฺปฎิกูลวตฺถุสฺมิํฯ เอวนฺติ ปฎิกูลสญฺญีฯ สเตฺต อปฺปฎิกูเล อสุภผรณํ, สงฺขาเร อปฺปฎิกูเล อนิจฺจนฺติ มนสิการํ กโรโนฺตฯ อสุภายาติ อสุภสญฺญายฯ อนิจฺจโต วา อุปสํหรตีติ อนิจฺจนฺติ มนสิการํ ปวเตฺตติฯ ‘‘เอเสว นโย’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อปฺปฎิกูลปฎิกูเลสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ฉฬงฺคุเปกฺขนฺติ ฉสุ อารมฺมเณสุ ปหีนานุโรธสฺส อุปฺปตฺติยา ฉฬงฺควนฺตํ อุเปกฺขํฯ
Paṭikūleti virajjatīti paṭikūlaṃ, aniṭṭhaṃ. Na paṭikūlaṃ appaṭikūlaṃ, iṭṭhaṃ. Tenāha ‘‘iṭṭhe vatthusmi’’nti. Etthāti appaṭikūlavatthusmiṃ. Evanti paṭikūlasaññī. Satte appaṭikūle asubhapharaṇaṃ, saṅkhāre appaṭikūle aniccanti manasikāraṃ karonto. Asubhāyāti asubhasaññāya. Aniccato vā upasaṃharatīti aniccanti manasikāraṃ pavatteti. ‘‘Eseva nayo’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘appaṭikūlapaṭikūlesū’’tiādi vuttaṃ. Chaḷaṅgupekkhanti chasu ārammaṇesu pahīnānurodhassa uppattiyā chaḷaṅgavantaṃ upekkhaṃ.
เมตฺตายาติ เมตฺตาภาวนายฯ ปฎิกูลาทีสุ วตฺถูสุ อิจฺฉิตวิหาเรน วิหริตุํ สมตฺถตา อริยานํ เอว, ตตฺถ จ อรหโต เอว อิชฺฌนโต อริยิทฺธิ นามฯ ตสฺสา อริยิทฺธิยา จ ทสฺสิตตฺตา เทสนา วินิวเฎฺฎตพฺพา ปริโยสาเนตพฺพา สิยาฯ อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ น สโกฺกติ อินฺทฺริยานํ อปริปกฺกตฺตา นิกนฺติยา จ ทุปฺปริยาทานโตฯ อยํ เทสนาติ ‘‘เมตฺตาสหคตํ โพชฺฌงฺคํ ภาเวตี’’ติอาทินา อยํ เทสนา อารทฺธาฯ โย หิ เมตฺตาฌานํ ปาทกํ กตฺวา สมฺมสนํ อารภิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ อสโกฺกโนฺต ปริสุเทฺธสุ วณฺณกสิเณสุ วิโมกฺขสงฺขาตํ รูปาวจรชฺฌานํ นิพฺพเตฺตติ, ตํ สนฺธายาห ภควา – ‘‘สุภํ โข ปน วิโมกฺขํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติฯ
Mettāyāti mettābhāvanāya. Paṭikūlādīsu vatthūsu icchitavihārena viharituṃ samatthatā ariyānaṃ eva, tattha ca arahato eva ijjhanato ariyiddhi nāma. Tassā ariyiddhiyā ca dassitattā desanā vinivaṭṭetabbā pariyosānetabbā siyā. Arahattaṃ pāpuṇituṃ na sakkoti indriyānaṃ aparipakkattā nikantiyā ca duppariyādānato. Ayaṃ desanāti ‘‘mettāsahagataṃ bojjhaṅgaṃ bhāvetī’’tiādinā ayaṃ desanā āraddhā. Yo hi mettājhānaṃ pādakaṃ katvā sammasanaṃ ārabhitvā arahattaṃ pāpuṇituṃ asakkonto parisuddhesu vaṇṇakasiṇesu vimokkhasaṅkhātaṃ rūpāvacarajjhānaṃ nibbatteti, taṃ sandhāyāha bhagavā – ‘‘subhaṃ kho pana vimokkhaṃ upasampajja viharatī’’ti.
สุภปรมนฺติ สุภวิโมกฺขปรมํฯ อิธ โลเก เอว ปญฺญา อสฺสฯ เตนาห ‘‘โลกิยปญฺญสฺสาติ อโตฺถ’’ติฯ อรหตฺตปรมาว เมตฺตา อรหตฺตมคฺคสฺส ปาทกตฺตาฯ กรุณาทีสุปิ เอเสว นโยติ กรุณาทิฌานํ ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเร สมฺมสโนฺต อรหตฺตํ ปตฺตุํ สโกฺกติ, ตสฺส อรหตฺถปรมา กรุณา โหติ, เอวํ มุทิตาอุเปกฺขาสุปิ วตฺตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ ปุน เทสนารมฺภปโยชนํ ปน ‘‘อิมินา นเยนา’’ติ เหฎฺฐา อติทิฎฺฐเมวฯ
Subhaparamanti subhavimokkhaparamaṃ. Idha loke eva paññā assa. Tenāha ‘‘lokiyapaññassāti attho’’ti. Arahattaparamāva mettā arahattamaggassa pādakattā. Karuṇādīsupi eseva nayoti karuṇādijhānaṃ pādakaṃ katvā saṅkhāre sammasanto arahattaṃ pattuṃ sakkoti, tassa arahatthaparamā karuṇā hoti, evaṃ muditāupekkhāsupi vattabbanti imamatthaṃ atidisati. Puna desanārambhapayojanaṃ pana ‘‘iminā nayenā’’ti heṭṭhā atidiṭṭhameva.
สุภปรมาทิตาติ เมตฺตากรุณามุทิตาอุเปกฺขานํ สุภปรมตา อากาสานญฺจายตนปรมตา, วิญฺญาณญฺจายตนปรมตา, อากิญฺจญฺญายตนปรมตาฯ ตสฺส ตสฺสาติ สุภวิโมกฺขสฺส เหฎฺฐา ติณฺณํ อรูปชฺฌานานญฺจ ยถากฺกมํ อุปนิสฺสยตฺตาฯ อปฺปฎิกูลปริจยาติ อิฎฺฐารมฺมเณ มนสิการพหุลีการาฯ อปฺปกสิเรเนวาติ สุเขเนวฯ ตตฺถาติ วิสุทฺธตาย อิเฎฺฐสุ วณฺณกสิเณสุฯ จิตฺตนฺติ ภาวนามยจิตฺตํ ปกฺขนฺทติ อปฺปนาวเสนฯ ตโต ปรนฺติ ตโต สุภวิโมกฺขโต ปรํ วิโมกฺขานํ อุปนิสฺสโย นาม น โหติ, เมตฺตาสหคตภาโว ทฎฺฐโพฺพฯ
Subhaparamāditāti mettākaruṇāmuditāupekkhānaṃ subhaparamatā ākāsānañcāyatanaparamatā, viññāṇañcāyatanaparamatā, ākiñcaññāyatanaparamatā. Tassa tassāti subhavimokkhassa heṭṭhā tiṇṇaṃ arūpajjhānānañca yathākkamaṃ upanissayattā. Appaṭikūlaparicayāti iṭṭhārammaṇe manasikārabahulīkārā. Appakasirenevāti sukheneva. Tatthāti visuddhatāya iṭṭhesu vaṇṇakasiṇesu. Cittanti bhāvanāmayacittaṃ pakkhandati appanāvasena. Tato paranti tato subhavimokkhato paraṃ vimokkhānaṃ upanissayo nāma na hoti, mettāsahagatabhāvo daṭṭhabbo.
สตฺตทุกฺขํ สมนุปสฺสนฺตสฺสาติ ทเณฺฑน อภิหฎปฺปตฺตรูปเหตุํ สเตฺตสุ อุปฺปชฺชนกทุกฺขํ ญาเณน วีมํสนฺตสฺสฯ ตยิทํ รูปนิมิตฺตกํ สเตฺตสุ อุปฺปชฺชนกํ ทุกฺขํ ญาเณน กรุณาวิหาริสฺส วิเสสโต ปกฺขนฺทตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อปฺปกสิเรเนว ตตฺถ จิตฺตํ ปกฺขนฺทตี’’ติ, น ปน สพฺพโส อรูเป อานิสํสทสฺสนโตฯ
Sattadukkhaṃ samanupassantassāti daṇḍena abhihaṭappattarūpahetuṃ sattesu uppajjanakadukkhaṃ ñāṇena vīmaṃsantassa. Tayidaṃ rūpanimittakaṃ sattesu uppajjanakaṃ dukkhaṃ ñāṇena karuṇāvihārissa visesato pakkhandatīti katvā vuttaṃ ‘‘appakasireneva tattha cittaṃ pakkhandatī’’ti, na pana sabbaso arūpe ānisaṃsadassanato.
วิญฺญาณํ สมนุปสฺสนฺตสฺสาติ อิทํ ปาโมชฺชคหณมุเขน ตนฺนิสฺสยวิญฺญาณสฺส คหณํ สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ วิญฺญาณคฺคหณปริจิตนฺติ วุตฺตนเยน วิญฺญาณคฺคหเณ ปริจิตํฯ
Viññāṇaṃsamanupassantassāti idaṃ pāmojjagahaṇamukhena tannissayaviññāṇassa gahaṇaṃ sambhavatīti katvā vuttaṃ. Viññāṇaggahaṇaparicitanti vuttanayena viññāṇaggahaṇe paricitaṃ.
อุเปกฺขาวิหาริสฺสาติ อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารํ วิหรโตฯ อาโภคาภาวโตติ สุขาทิวเสน อาภุชนาภาวโตฯ สุข…เป.… สมฺภวโตติ สุขทุกฺขาติ ปรมตฺถกมฺมคฺคหเณ วิมุขตาสมฺภวโตฯ อวิชฺชมานคฺคหณทุกฺขนฺติ ปรมตฺถโต อวิชฺชมานสตฺตปญฺญตฺติคหณปริจิตํ ตสฺส ตสฺส อภาวมตฺตกสฺส คหณมฺปิ ทุกฺขํ กุสลมฺปิ โหติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Upekkhāvihārissāti upekkhābrahmavihāraṃ viharato. Ābhogābhāvatoti sukhādivasena ābhujanābhāvato. Sukha…pe… sambhavatoti sukhadukkhāti paramatthakammaggahaṇe vimukhatāsambhavato. Avijjamānaggahaṇadukkhanti paramatthato avijjamānasattapaññattigahaṇaparicitaṃ tassa tassa abhāvamattakassa gahaṇampi dukkhaṃ kusalampi hoti. Sesaṃ suviññeyyameva.
เมตฺตาสหคตสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mettāsahagatasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๔. เมตฺตาสหคตสุตฺตํ • 4. Mettāsahagatasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. เมตฺตาสหคตสุตฺตวณฺณนา • 4. Mettāsahagatasuttavaṇṇanā