Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๒. เมตฺตสุตฺตวณฺณนา

    2. Mettasuttavaṇṇanā

    ๒๒. ทุติเย มา, ภิกฺขเว, ปุญฺญานนฺติ เอตฺถ มาติ ปฎิเสเธ นิปาโตฯ ปุญฺญสโทฺท ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุญฺญํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๘๐) ปุญฺญผเล อาคโตฯ ‘‘อวิชฺชาคโตยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล ปุญฺญเญฺจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๑) กามรูปาวจรสุจริเตฯ ‘‘ปุญฺญูปคํ ภวติ วิญฺญาณ’’นฺติอาทีสุ สุคติวิเสสภูเต อุปปตฺติภเวฯ ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปุญฺญกิริยวตฺถูนิ – ทานมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ, สีลมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ, ภาวนามยํ ปุญฺญกิริยวตฺถู’’ติอาทีสุ (อิติวุ. ๖๐; อ. นิ. ๘.๓๖) กุสลเจตนายํฯ อิธ ปน เตภูมกกุสลธเมฺม เวทิตโพฺพฯ ภายิตฺถาติ เอตฺถ ทุวิธํ ภยํ ญาณภยํ, สารชฺชภยนฺติฯ ตตฺถ ‘‘เยปิ เต, ภิกฺขเว, เทวา ทีฆายุกา วณฺณวโนฺต สุขพหุลา อุเจฺจสุ วิมาเนสุ จิรฎฺฐิติกา , เตปิ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เยภุเยฺยน ภยํ สํเวคํ สนฺตาสํ อาปชฺชนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๓) อาคตํ ญาณภยํฯ ‘‘อหุเทว ภยํ, อหุ ฉมฺภิตตฺตํ, อหุ โลมหํโส’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๑๘) อาคตํ สารชฺชภยํฯ อิธาปิ สารชฺชภยเมวฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ภิกฺขเว, ทีฆรตฺตํ กายวจีสํยโม วตฺตปฎิวตฺตปูรณํ เอกาสนํ, เอกเสยฺยํ, อินฺทฺริยทโม, ธุตธเมฺมหิ จิตฺตสฺส นิคฺคโห, สติสมฺปชญฺญํ, กมฺมฎฺฐานานุโยควเสน วีริยารโมฺภติ เอวมาทีนิ ยานิ ภิกฺขุนา, นิรนฺตรํ ปวเตฺตตพฺพานิ ปุญฺญานิ, เตหิ มา ภายิตฺถ, มา ภยํ สนฺตาสํ อาปชฺชิตฺถ, เอกจฺจสฺส ทิฎฺฐธมฺมสุขสฺส อุปโรธภเยน สมฺปรายิกนิพฺพานสุขทายเกหิ ปุเญฺญหิ มา ภายิตฺถาติฯ นิสฺสเกฺก หิ อิทํ สามิวจนํฯ

    22. Dutiye mā, bhikkhave, puññānanti ettha ti paṭisedhe nipāto. Puññasaddo ‘‘kusalānaṃ, bhikkhave, dhammānaṃ samādānahetu evamidaṃ puññaṃ pavaḍḍhatī’’tiādīsu (dī. ni. 3.380) puññaphale āgato. ‘‘Avijjāgatoyaṃ, bhikkhave, purisapuggalo puññañce saṅkhāraṃ abhisaṅkharotī’’tiādīsu (saṃ. ni. 2.51) kāmarūpāvacarasucarite. ‘‘Puññūpagaṃ bhavati viññāṇa’’ntiādīsu sugativisesabhūte upapattibhave. ‘‘Tīṇimāni, bhikkhave, puññakiriyavatthūni – dānamayaṃ puññakiriyavatthu, sīlamayaṃ puññakiriyavatthu, bhāvanāmayaṃ puññakiriyavatthū’’tiādīsu (itivu. 60; a. ni. 8.36) kusalacetanāyaṃ. Idha pana tebhūmakakusaladhamme veditabbo. Bhāyitthāti ettha duvidhaṃ bhayaṃ ñāṇabhayaṃ, sārajjabhayanti. Tattha ‘‘yepi te, bhikkhave, devā dīghāyukā vaṇṇavanto sukhabahulā uccesu vimānesu ciraṭṭhitikā , tepi tathāgatassa dhammadesanaṃ sutvā yebhuyyena bhayaṃ saṃvegaṃ santāsaṃ āpajjantī’’tiādīsu (a. ni. 4.33) āgataṃ ñāṇabhayaṃ. ‘‘Ahudeva bhayaṃ, ahu chambhitattaṃ, ahu lomahaṃso’’tiādīsu (dī. ni. 2.318) āgataṃ sārajjabhayaṃ. Idhāpi sārajjabhayameva. Ayañhettha attho – bhikkhave, dīgharattaṃ kāyavacīsaṃyamo vattapaṭivattapūraṇaṃ ekāsanaṃ, ekaseyyaṃ, indriyadamo, dhutadhammehi cittassa niggaho, satisampajaññaṃ, kammaṭṭhānānuyogavasena vīriyārambhoti evamādīni yāni bhikkhunā, nirantaraṃ pavattetabbāni puññāni, tehi mā bhāyittha, mā bhayaṃ santāsaṃ āpajjittha, ekaccassa diṭṭhadhammasukhassa uparodhabhayena samparāyikanibbānasukhadāyakehi puññehi mā bhāyitthāti. Nissakke hi idaṃ sāmivacanaṃ.

    อิทานิ ตโต อภายิตพฺพภาเว การณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สุขเสฺสต’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุขสโทฺท ‘‘สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโท, สุขา วิราคตา โลเก’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๙๔) สุขมูเล อาคโตฯ ‘‘ยสฺมา จ โข, มหาลิ, รูปํ สุขํ สุขานุปติตํ สุขาวกฺกนฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๐) สุขารมฺมเณฯ ‘‘ยาวญฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว สุขา สคฺคา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๕) สุขปจฺจยฎฺฐาเนฯ ‘‘สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๑๘) สุขเหตุมฺหิฯ ‘‘ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารา เอเต ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๘๒) อพฺยาปเชฺชฯ ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๐๔; ม. นิ. ๒.๒๑๕) นิพฺพาเนฯ ‘‘สุขสฺส จ ปหานา’’ติอาทีสุ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิเทฺทส ๑๒๕) สุขเวทนายํฯ ‘‘อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, สุขมิเจฺจว ภาสิต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๕๓; อิติวุ. ๕๓) อุเปกฺขาเวทนายํฯ ‘‘เทฺวปิ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา ปริยาเยน สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๘๙) อิฎฺฐสุเขฯ ‘‘สุโข วิปาโก ปุญฺญาน’’นฺติอาทีสุ (เปฎโก. ๒๓) สุขวิปาเกฯ อิธาปิ อิฎฺฐวิปาเก เอว ทฎฺฐโพฺพฯ อิฎฺฐสฺสาติอาทีสุ เอสิตพฺพโต อนิฎฺฐปฎิเกฺขปโต จ อิฎฺฐสฺส, กมนียโต มนสฺมิญฺจ กมนโต ปวิสนโต กนฺตสฺส, ปิยายิตพฺพโต สนฺตปฺปนโต จ ปิยสฺส, มานนียโต มนสฺส ปวฑฺฒนโต จ มนาปสฺสาติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ยทิทํ ปุญฺญานีติ ‘‘ปุญฺญานี’’ติ ยทิทํ วจนํ, เอตํ สุขสฺส อิฎฺฐสฺส วิปากสฺส อธิวจนํ นามํ, สุขเมว ตํ ยทิทํ ปุญฺญนฺติ ผเลน การณสฺส อเภทูปจารํ วทติฯ เตน กตูปจิตานํ ปุญฺญานํ อวสฺสํภาวิผลํ สุตฺวา อปฺปมเตฺตน สกฺกจฺจํ ปุญฺญานิ กาตพฺพานีติ ปุญฺญกิริยายํ นิโยเชติ, อาทรญฺจ เนสํ ตตฺถ อุปฺปาเทติฯ

    Idāni tato abhāyitabbabhāve kāraṇaṃ dassento ‘‘sukhasseta’’ntiādimāha. Tattha sukhasaddo ‘‘sukho buddhānaṃ uppādo, sukhā virāgatā loke’’tiādīsu (dha. pa. 194) sukhamūle āgato. ‘‘Yasmā ca kho, mahāli, rūpaṃ sukhaṃ sukhānupatitaṃ sukhāvakkanta’’ntiādīsu (saṃ. ni. 3.60) sukhārammaṇe. ‘‘Yāvañcidaṃ, bhikkhave, na sukaraṃ akkhānena pāpuṇituṃ yāva sukhā saggā’’tiādīsu (ma. ni. 3.255) sukhapaccayaṭṭhāne. ‘‘Sukho puññassa uccayo’’tiādīsu (dha. pa. 118) sukhahetumhi. ‘‘Diṭṭhadhammasukhavihārā ete dhammā’’tiādīsu (ma. ni. 1.82) abyāpajje. ‘‘Nibbānaṃ paramaṃ sukha’’ntiādīsu (dha. pa. 204; ma. ni. 2.215) nibbāne. ‘‘Sukhassa ca pahānā’’tiādīsu (cūḷani. khaggavisāṇasuttaniddesa 125) sukhavedanāyaṃ. ‘‘Adukkhamasukhaṃ santaṃ, sukhamicceva bhāsita’’ntiādīsu (saṃ. ni. 4.253; itivu. 53) upekkhāvedanāyaṃ. ‘‘Dvepi mayā, ānanda, vedanā vuttā pariyāyena sukhā vedanā, dukkhā vedanā’’tiādīsu (ma. ni. 2.89) iṭṭhasukhe. ‘‘Sukho vipāko puññāna’’ntiādīsu (peṭako. 23) sukhavipāke. Idhāpi iṭṭhavipāke eva daṭṭhabbo. Iṭṭhassātiādīsu esitabbato aniṭṭhapaṭikkhepato ca iṭṭhassa, kamanīyato manasmiñca kamanato pavisanato kantassa, piyāyitabbato santappanato ca piyassa, mānanīyato manassa pavaḍḍhanato ca manāpassāti attho veditabbo. Yadidaṃ puññānīti ‘‘puññānī’’ti yadidaṃ vacanaṃ, etaṃ sukhassa iṭṭhassa vipākassa adhivacanaṃ nāmaṃ, sukhameva taṃ yadidaṃ puññanti phalena kāraṇassa abhedūpacāraṃ vadati. Tena katūpacitānaṃ puññānaṃ avassaṃbhāviphalaṃ sutvā appamattena sakkaccaṃ puññāni kātabbānīti puññakiriyāyaṃ niyojeti, ādarañca nesaṃ tattha uppādeti.

    อิทานิ อตฺตนา สุเนตฺตกาเล กเตน ปุญฺญกเมฺมน ทีฆรตฺตํ ปจฺจนุภูตํ ภวนฺตรปฎิจฺฉนฺนํ อุฬารตมํ ปุญฺญวิปากํ อุทาหริตฺวา ตมตฺถํ ปากฎํ กโรโนฺต ‘‘อภิชานามิ โข ปนาห’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อภิชานามีติ อภิวิสิเฎฺฐน ญาเณน ชานามิ, ปจฺจกฺขโต พุชฺฌามิฯ ทีฆรตฺตนฺติ จิรกาลํฯ ปุญฺญานนฺติ ทานาทิกุสลธมฺมานํฯ สตฺต วสฺสานีติ สตฺต สํวจฺฉรานิ ฯ เมตฺตจิตฺตนฺติ มิชฺชตีติ เมตฺตา, สินิยฺหตีติ อโตฺถฯ มิเตฺต ภวา, มิตฺตสฺส วา เอสา ปวตฺตีติปิ เมตฺตาฯ ลกฺขณาทิโต ปน หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา, หิตูปสํหารรสา, อาฆาตวินยปจฺจุปฎฺฐานา, สตฺตานํ มนาปภาวทสฺสนปทฎฺฐานาฯ พฺยาปาทูปสโม เอติสฺสา สมฺปตฺติ, สิเนหาสมฺภโว วิปตฺติฯ สา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตจิตฺตํฯ ภาเวตฺวาติ เมตฺตาสหคตํ จิตฺตํ, จิตฺตสีเสน สมาธิ วุโตฺตติ เมตฺตาสมาธิํ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารํ อุปฺปาเทตฺวา เจว วเฑฺฒตฺวา จฯ สตฺต สํวฎฺฎวิวฎฺฎกเปฺปติ สตฺต มหากเปฺปฯ สํวฎฺฎ-วิวฎฺฎคฺคหเณเนว หิ สํวฎฺฎฎฺฐายิ-วิวฎฺฎฎฺฐายิโนปิ คหิตาฯ อิมํ โลกนฺติ กามโลกํฯ สํวฎฺฎมาเน สุทนฺติ สํวฎฺฎมาเนฯ สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ วินสฺสมาเนติ อโตฺถฯ ‘‘สํวตฺตมาเน สุท’’นฺติ จ ปฐนฺติฯ กเปฺปติ กาเลฯ กปฺปสีเสน หิ กาโล วุโตฺตฯ กาเล ขียมาเน กโปฺปปิ ขียเตวฯ ยถาห –

    Idāni attanā sunettakāle katena puññakammena dīgharattaṃ paccanubhūtaṃ bhavantarapaṭicchannaṃ uḷāratamaṃ puññavipākaṃ udāharitvā tamatthaṃ pākaṭaṃ karonto ‘‘abhijānāmi kho panāha’’ntiādimāha. Tattha abhijānāmīti abhivisiṭṭhena ñāṇena jānāmi, paccakkhato bujjhāmi. Dīgharattanti cirakālaṃ. Puññānanti dānādikusaladhammānaṃ. Satta vassānīti satta saṃvaccharāni . Mettacittanti mijjatīti mettā, siniyhatīti attho. Mitte bhavā, mittassa vā esā pavattītipi mettā. Lakkhaṇādito pana hitākārappavattilakkhaṇā, hitūpasaṃhārarasā, āghātavinayapaccupaṭṭhānā, sattānaṃ manāpabhāvadassanapadaṭṭhānā. Byāpādūpasamo etissā sampatti, sinehāsambhavo vipatti. Sā etassa atthīti mettacittaṃ. Bhāvetvāti mettāsahagataṃ cittaṃ, cittasīsena samādhi vuttoti mettāsamādhiṃ mettābrahmavihāraṃ uppādetvā ceva vaḍḍhetvā ca. Satta saṃvaṭṭavivaṭṭakappeti satta mahākappe. Saṃvaṭṭa-vivaṭṭaggahaṇeneva hi saṃvaṭṭaṭṭhāyi-vivaṭṭaṭṭhāyinopi gahitā. Imaṃ lokanti kāmalokaṃ. Saṃvaṭṭamāne sudanti saṃvaṭṭamāne. Sudanti nipātamattaṃ vinassamāneti attho. ‘‘Saṃvattamāne suda’’nti ca paṭhanti. Kappeti kāle. Kappasīsena hi kālo vutto. Kāle khīyamāne kappopi khīyateva. Yathāha –

    ‘‘กาโล ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา’’ติฯ (ชา. ๑.๒.๑๙๐);

    ‘‘Kālo ghasati bhūtāni, sabbāneva sahattanā’’ti. (jā. 1.2.190);

    ‘‘อาภสฺสรูปโค โหมี’’ติ วุตฺตตฺตา เตโชสํวฎฺฎวเสเนตฺถ กปฺปวุฎฺฐานํ เวทิตพฺพํฯ อาภสฺสรูปโคติ ตตฺถ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน อาภสฺสรพฺรหฺมโลกํ อุปคจฺฉามีติ อาภสฺสรูปโค โหมิฯ วิวฎฺฎมาเนติ สณฺฐหมาเน, ชายมาเนติ อโตฺถฯ สุญฺญํ พฺรหฺมวิมานํ อุปปชฺชามีติ กสฺสจิ สตฺตสฺส ตตฺถ นิพฺพตฺตสฺส อภาวโต สุญฺญํ, ยํ ปฐมชฺฌานภูมิสงฺขาตํ พฺรหฺมวิมานํ อาทิโต นิพฺพตฺตํ, ตํ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน อุปปชฺชามิ อุเปมิฯ พฺรหฺมาติ กามาวจรสเตฺตหิ เสฎฺฐเฎฺฐน ตถา ตถา พฺรูหิตคุณตาย พฺรหฺมวิหารโต นิพฺพตฺตเฎฺฐน จ พฺรหฺมาฯ พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิเตหิ มหโนฺต พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมาฯ ตโต เอว เต อภิภวิตฺวา ฐิตตฺตา อภิภูฯ เตหิ เกนจิ คุเณน น อภิภูโตติ อนภิภูโตอญฺญทตฺถูติ เอกํสวจเน นิปาโตฯ ทโสติ ทสฺสนสีโล, โส อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ ทสฺสนสมโตฺถ, อภิญฺญาเณน ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสามีติ อโตฺถฯ เสสพฺรหฺมานํ อิทฺธิปาทภาวนาพเลน อตฺตโน จิตฺตญฺจ มม วเส วเตฺตมีติ วสวตฺตี โหมีติ โยเชตพฺพํฯ ตทา กิร โพธิสโตฺต อฎฺฐสมาปตฺติลาภีปิ สมาโน ตถา สตฺตหิตํ อตฺตโน ปารมิปริปูรณญฺจ โอโลเกโนฺต ตาสุ เอว ทฺวีสุ ฌานภูมีสุ นิกนฺติํ อุปฺปาเทตฺวา เมตฺตาพฺรหฺมวิหารวเสน อปราปรํ สํสริฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺตวสฺสานิ…เป.… วสวตฺตี’’ติฯ

    ‘‘Ābhassarūpago homī’’ti vuttattā tejosaṃvaṭṭavasenettha kappavuṭṭhānaṃ veditabbaṃ. Ābhassarūpagoti tattha paṭisandhiggahaṇavasena ābhassarabrahmalokaṃ upagacchāmīti ābhassarūpago homi. Vivaṭṭamāneti saṇṭhahamāne, jāyamāneti attho. Suññaṃ brahmavimānaṃ upapajjāmīti kassaci sattassa tattha nibbattassa abhāvato suññaṃ, yaṃ paṭhamajjhānabhūmisaṅkhātaṃ brahmavimānaṃ ādito nibbattaṃ, taṃ paṭisandhiggahaṇavasena upapajjāmi upemi. Brahmāti kāmāvacarasattehi seṭṭhaṭṭhena tathā tathā brūhitaguṇatāya brahmavihārato nibbattaṭṭhena ca brahmā. Brahmapārisajjabrahmapurohitehi mahanto brahmāti mahābrahmā. Tato eva te abhibhavitvā ṭhitattā abhibhū. Tehi kenaci guṇena na abhibhūtoti anabhibhūto. Aññadatthūti ekaṃsavacane nipāto. Dasoti dassanasīlo, so atītānāgatapaccuppannānaṃ dassanasamattho, abhiññāṇena passitabbaṃ passāmīti attho. Sesabrahmānaṃ iddhipādabhāvanābalena attano cittañca mama vase vattemīti vasavattī homīti yojetabbaṃ. Tadā kira bodhisatto aṭṭhasamāpattilābhīpi samāno tathā sattahitaṃ attano pāramiparipūraṇañca olokento tāsu eva dvīsu jhānabhūmīsu nikantiṃ uppādetvā mettābrahmavihāravasena aparāparaṃ saṃsari. Tena vuttaṃ ‘‘sattavassāni…pe… vasavattī’’ti.

    เอวํ ภควา รูปาวจรปุญฺญสฺส วิปากมหนฺตตํ ปกาเสตฺวา อิทานิ กามาวจรปุญฺญสฺสาปิ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ฉตฺติํสกฺขตฺตุ’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ สโกฺก อโหสินฺติ ฉตฺติํส วาเร อญฺญตฺถ อนุปปชฺชิตฺวา นิรนฺตรํ สโกฺก เทวานมิโนฺท ตาวติํสเทวราชา อโหสิฯ ราชา อโหสินฺติอาทีสุ จตูหิ อจฺฉริยธเมฺมหิ จตูหิ จ สงฺคหวตฺถูหิ โลกํ รเญฺชตีติ ราชาฯ จกฺกรตนํ วเตฺตติ, จตูหิ สมฺปตฺติจเกฺกหิ วตฺตติ, เตหิ จ ปรํ วเตฺตติ, ปรหิตาย จ อิริยาปถจกฺกานํ วโตฺต เอตสฺมิํ อตฺถีติ จกฺกวตฺตีฯ ราชาติ เจตฺถ สามญฺญํ, จกฺกวตฺตีติ วิเสสํฯ ธเมฺมน จรตีติ ธมฺมิโกฯ ญาเยน สเมน วตฺตตีติ อโตฺถฯ ธเมฺมเนว รชฺชํ ลภิตฺวา ราชา ชาโตติ ธมฺมราชาฯ ปรหิตธมฺมจรเณน วา ธมฺมิโก, อตฺตหิตธมฺมจรเณน ธมฺมราชา, จตุรนฺตาย อิสฺสโรติ จาตุรโนฺต, จตุสมุทฺทนฺตาย จตุพฺพิธทีปวิภูสิตาย จ ปถวิยา อิสฺสโรติ อโตฺถฯ อชฺฌตฺตํ โกปาทิปจฺจตฺถิเก, พหิทฺธา จ สพฺพราชาโน อทเณฺฑน อสเตฺถน วิเชสีติ วิชิตาวีฯ ชนปเท ถาวรภาวํ ธุวภาวํ ปโตฺต, น สกฺกา เกนจิ ตโต จาเลตุํ ชนปโท วา ตมฺหิ ถาวริยปฺปโตฺต อนุยุโตฺต สกมฺมนิรโต อจโล อสมฺปเวธีติ ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺต

    Evaṃ bhagavā rūpāvacarapuññassa vipākamahantataṃ pakāsetvā idāni kāmāvacarapuññassāpi taṃ dassento ‘‘chattiṃsakkhattu’’ntiādimāha. Tattha sakko ahosinti chattiṃsa vāre aññattha anupapajjitvā nirantaraṃ sakko devānamindo tāvatiṃsadevarājā ahosi. Rājā ahosintiādīsu catūhi acchariyadhammehi catūhi ca saṅgahavatthūhi lokaṃ rañjetīti rājā. Cakkaratanaṃ vatteti, catūhi sampatticakkehi vattati, tehi ca paraṃ vatteti, parahitāya ca iriyāpathacakkānaṃ vatto etasmiṃ atthīti cakkavattī. Rājāti cettha sāmaññaṃ, cakkavattīti visesaṃ. Dhammena caratīti dhammiko. Ñāyena samena vattatīti attho. Dhammeneva rajjaṃ labhitvā rājā jātoti dhammarājā. Parahitadhammacaraṇena vā dhammiko, attahitadhammacaraṇena dhammarājā, caturantāya issaroti cāturanto, catusamuddantāya catubbidhadīpavibhūsitāya ca pathaviyā issaroti attho. Ajjhattaṃ kopādipaccatthike, bahiddhā ca sabbarājāno adaṇḍena asatthena vijesīti vijitāvī. Janapade thāvarabhāvaṃ dhuvabhāvaṃ patto, na sakkā kenaci tato cāletuṃ janapado vā tamhi thāvariyappatto anuyutto sakammanirato acalo asampavedhīti janapadatthāvariyappatto.

    จกฺกรตนํ, หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนํ, มณิรตนํ, อิตฺถิรตนํ, คหปติรตนํ, ปริณายกรตนนฺติ อิเมหิ สตฺตหิ รตเนหิ สมุเปโตติ สตฺตรตนสมนฺนาคโตฯ เตสุ หิ ราชา จกฺกวตฺติ จกฺกรตเนน อชิตํ ชินาติ, หตฺถิอสฺสรตเนหิ วิชิเต สุเขเนว อนุวิจรติ, ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ, เสเสหิ อุปโภคสุขมนุภวติฯ ปฐเมน จสฺส อุสฺสาหสตฺติโยโค , ปจฺฉิเมน มนฺตสตฺติโยโค, หตฺถิอสฺสคหปติรตเนหิ ปภูสตฺติโยโค สุปริปุโณฺณ โหติ, อิตฺถิมณิรตเนหิ ติวิธสตฺติโยคผลํฯ โส อิตฺถิมณิรตเนหิ ปริโภคสุขมนุภวติ, เสเสหิ อุปโภคสุขํฯ วิเสสโต จสฺส ปุริมานิ ตีณิ อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ, มชฺฌิมานิ อโลภกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน, ปจฺฉิมเมกํ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ เวทิตพฺพํ ปเทสรชฺชสฺสาติ ขุทฺทกรชฺชสฺสฯ

    Cakkaratanaṃ, hatthiratanaṃ, assaratanaṃ, maṇiratanaṃ, itthiratanaṃ, gahapatiratanaṃ, pariṇāyakaratananti imehi sattahi ratanehi samupetoti sattaratanasamannāgato. Tesu hi rājā cakkavatti cakkaratanena ajitaṃ jināti, hatthiassaratanehi vijite sukheneva anuvicarati, pariṇāyakaratanena vijitamanurakkhati, sesehi upabhogasukhamanubhavati. Paṭhamena cassa ussāhasattiyogo , pacchimena mantasattiyogo, hatthiassagahapatiratanehi pabhūsattiyogo suparipuṇṇo hoti, itthimaṇiratanehi tividhasattiyogaphalaṃ. So itthimaṇiratanehi paribhogasukhamanubhavati, sesehi upabhogasukhaṃ. Visesato cassa purimāni tīṇi adosakusalamūlajanitakammānubhāvena sampajjanti, majjhimāni alobhakusalamūlajanitakammānubhāvena, pacchimamekaṃ amohakusalamūlajanitakammānubhāvenāti veditabbaṃ padesarajjassāti khuddakarajjassa.

    เอตทโหสีติ อตฺตโน สมฺปตฺติโย ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปจฺฉิเม จกฺกวตฺติกาเล เอตํ ‘‘กิสฺส นุ โข เม อิทํ กมฺมสฺส ผล’’นฺติอาทิกํ อโหสิฯ สพฺพตฺถกเมว ตสฺมิํ ตสฺมิมฺปิ ภเว เอตทโหสิเยวฯ ตตฺถายํ จกฺกวตฺติกาลวเสน โยชนาฯ เอวํมหิทฺธิโกติ มณิรตนหตฺถิรตนาทิปฺปมุขาย โกสวาหนสมฺปตฺติยา ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺติยา จ เอวํมหิทฺธิโกฯ เอวํมหานุภาโวติ จกฺกรตนาทิสมนฺนาคเมน กสฺสจิปิ ปีฬํ อกโรโนฺตว สพฺพราชูหิ สิรสา สมฺปฎิจฺฉิตสาสนเวหาสคมนาทีหิ เอวํ มหานุภาโวฯ ทานสฺสาติ อนฺนาทิเทยฺยธมฺมปริจฺจาคสฺสฯ ทมสฺสาติ จกฺขาทิอินฺทฺริยทมนสฺส เจว สมาธานวเสน ราคาทิกิเลสทมนสฺส จฯ สํยมสฺสาติ กายวจีสํยมสฺสฯ ตตฺถ ยํ สมาธานวเสน กิเลสทมนํ, ตํ ภาวนามยํ ปุญฺญํ , ตญฺจ โข เมตฺตาพฺรหฺมวิหารภูตํ อิธาธิเปฺปตํฯ ตสฺมิญฺจ อุปจารปฺปนาเภเทน ทุวิเธ ยํ อปฺปนาปฺปตฺตํ, เตนสฺส ยถาวุตฺตาสุ ทฺวีสุ ฌานภูมีสุ อุปปตฺติ อโหสิฯ อิตเรน ติวิเธนาปิ ยถารหํ ปตฺตจกฺกวตฺติอาทิภาโวติ เวทิตพฺพํฯ

    Etadahosīti attano sampattiyo paccavekkhantassa pacchime cakkavattikāle etaṃ ‘‘kissa nu kho me idaṃ kammassa phala’’ntiādikaṃ ahosi. Sabbatthakameva tasmiṃ tasmimpi bhave etadahosiyeva. Tatthāyaṃ cakkavattikālavasena yojanā. Evaṃmahiddhikoti maṇiratanahatthiratanādippamukhāya kosavāhanasampattiyā janapadatthāvariyappattiyā ca evaṃmahiddhiko. Evaṃmahānubhāvoti cakkaratanādisamannāgamena kassacipi pīḷaṃ akarontova sabbarājūhi sirasā sampaṭicchitasāsanavehāsagamanādīhi evaṃ mahānubhāvo. Dānassāti annādideyyadhammapariccāgassa. Damassāti cakkhādiindriyadamanassa ceva samādhānavasena rāgādikilesadamanassa ca. Saṃyamassāti kāyavacīsaṃyamassa. Tattha yaṃ samādhānavasena kilesadamanaṃ, taṃ bhāvanāmayaṃ puññaṃ , tañca kho mettābrahmavihārabhūtaṃ idhādhippetaṃ. Tasmiñca upacārappanābhedena duvidhe yaṃ appanāppattaṃ, tenassa yathāvuttāsu dvīsu jhānabhūmīsu upapatti ahosi. Itarena tividhenāpi yathārahaṃ pattacakkavattiādibhāvoti veditabbaṃ.

    อิติ ภควา อตฺตานํ กายสกฺขิ กตฺวา ปุญฺญานํ วิปากมหนฺตตํ ปกาเสตฺวา อิทานิ ตเมวตฺถํ คาถาพเนฺธน ทเสฺสโนฺต ‘‘ปุญฺญเมวา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปุญฺญเมว โส สิเกฺขยฺยาติ โย อตฺถกาโม กุลปุโตฺต, โส ปุญฺญผลนิพฺพตฺตนโต, อตฺตโน สนฺตานํ ปุนนโต จ ‘‘ปุญฺญ’’นฺติ ลทฺธนามํ ติวิธํ กุสลเมว สิเกฺขยฺย นิเวเสยฺย อุปจิเนยฺย ปสเวยฺยาติ อโตฺถฯ อายตคฺคนฺติ วิปุลผลตาย อุฬารผลตาย อายตคฺคํ, ปิยมนาปผลตาย วา อายติํ อุตฺตมนฺติ อายตคฺคํ, อาเยน วา โยนิโสมนสิการาทิปฺปจฺจเยน อุฬารตเมน อคฺคนฺติ อายตคฺคํ ฯ ตกาโร ปทสนฺธิกโรฯ อถ วา อาเยน ปุญฺญผเลน อคฺคํ ปธานนฺติ อายตคฺคํฯ ตโต เอว สุขุทฺรยํ สุขวิปากนฺติ อโตฺถฯ

    Iti bhagavā attānaṃ kāyasakkhi katvā puññānaṃ vipākamahantataṃ pakāsetvā idāni tamevatthaṃ gāthābandhena dassento ‘‘puññamevā’’tiādimāha. Tattha puññameva so sikkheyyāti yo atthakāmo kulaputto, so puññaphalanibbattanato, attano santānaṃ punanato ca ‘‘puñña’’nti laddhanāmaṃ tividhaṃ kusalameva sikkheyya niveseyya upacineyya pasaveyyāti attho. Āyatagganti vipulaphalatāya uḷāraphalatāya āyataggaṃ, piyamanāpaphalatāya vā āyatiṃ uttamanti āyataggaṃ, āyena vā yonisomanasikārādippaccayena uḷāratamena agganti āyataggaṃ . Takāro padasandhikaro. Atha vā āyena puññaphalena aggaṃ padhānanti āyataggaṃ. Tato eva sukhudrayaṃ sukhavipākanti attho.

    กตมํ ปน ตํ ปุญฺญํ, กถญฺจ นํ สิเกฺขยฺยาติ อาห ‘‘ทานญฺจ สมจริยญฺจ, เมตฺตจิตฺตญฺจ ภาวเย’’ติฯ ตตฺถ สมจริยนฺติ กายวิสมาทีนิ วเชฺชตฺวา กายสมาทิจริตํ , สุวิสุทฺธํ สีลนฺติ อโตฺถฯ ภาวเยติ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทยฺย วเฑฺฒยฺยฯ เอเต ธเมฺมติ เอเต ทานาทิเก สุจริตธเมฺมฯ สุขสมุทฺทเยติ สุขานิสํเส, อานิสํสผลมฺปิ เนสํ สุขเมวาติ ทเสฺสติฯ อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลกนฺติ กามจฺฉนฺทาทิพฺยาปาทวิรหิตตฺตา อพฺยาปชฺชํ นิทฺทุกฺขํ, ปรปีฬาภาเว ปน วตฺตพฺพํ นตฺถิฯ ฌานสมาปตฺติวเสน สุขพหุลตฺตา สุขํ, เอกนฺตสุขญฺจ พฺรหฺมโลกํ ฌานปุญฺญานํ, อิตรปุญฺญานํ ปน ตทญฺญํ สมฺปตฺติภวสงฺขาตํ สุขํ โลกํ ปณฺฑิโต สปฺปโญฺญ อุปปชฺชติ อุเปติฯ อิติ อิมสฺมิํ สุเตฺต คาถาสุ จ วฎฺฎสมฺปตฺติ เอว กถิตาฯ

    Katamaṃ pana taṃ puññaṃ, kathañca naṃ sikkheyyāti āha ‘‘dānañca samacariyañca, mettacittañca bhāvaye’’ti. Tattha samacariyanti kāyavisamādīni vajjetvā kāyasamādicaritaṃ , suvisuddhaṃ sīlanti attho. Bhāvayeti attano santāne uppādeyya vaḍḍheyya. Ete dhammeti ete dānādike sucaritadhamme. Sukhasamuddayeti sukhānisaṃse, ānisaṃsaphalampi nesaṃ sukhamevāti dasseti. Abyāpajjaṃ sukhaṃ lokanti kāmacchandādibyāpādavirahitattā abyāpajjaṃ niddukkhaṃ, parapīḷābhāve pana vattabbaṃ natthi. Jhānasamāpattivasena sukhabahulattā sukhaṃ, ekantasukhañca brahmalokaṃ jhānapuññānaṃ, itarapuññānaṃ pana tadaññaṃ sampattibhavasaṅkhātaṃ sukhaṃ lokaṃ paṇḍito sappañño upapajjati upeti. Iti imasmiṃ sutte gāthāsu ca vaṭṭasampatti eva kathitā.

    ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๒. เมตฺตสุตฺตํ • 2. Mettasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact