Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
องฺคุตฺตรนิกาเย
Aṅguttaranikāye
อฎฺฐกนิปาต-ฎีกา
Aṭṭhakanipāta-ṭīkā
๑. ปฐมปณฺณาสกํ
1. Paṭhamapaṇṇāsakaṃ
๑. เมตฺตาวโคฺค
1. Mettāvaggo
๑. เมตฺตาสุตฺตวณฺณนา
1. Mettāsuttavaṇṇanā
๑. อฎฺฐกนิปาตสฺส ปฐเม วฑฺฒิตายาติ ภาวนาปาริปูริวเสน ปริพฺรูหิตายฯ ปุนปฺปุนํ กตายาติ ภาวนาย พหุลีกรเณน อปราปรํ ปวตฺติตายฯ ยุตฺตยานสทิสกตายาติ ยถา ยุตฺตอาชญฺญยานํ เฉเกน สารถินา อธิฎฺฐิตํ ยถารุจิ ปวตฺตติ, เอวํ ยถารุจิ ปวตฺตารหตํ คมิตายฯ ปติฎฺฐานเฎฺฐนาติ สพฺพสมฺปตฺติอธิฎฺฐานเฎฺฐนฯ ปจฺจุปฎฺฐิตายาติ ภาวนาพหุลีกาเรหิ ปติ ปติ อุปฎฺฐิตาย อวิชหิตายฯ สมนฺตโต จิตายาติ สพฺพภาเคน ภาวนานุรูปํ จยํ คมิตายฯ เตนาห ‘‘อุปจิตายา’’ติฯ สุฎฺฐุ สมารทฺธายาติ อติวิย สมฺมเทว นิพฺพตฺติคตายฯ
1. Aṭṭhakanipātassa paṭhame vaḍḍhitāyāti bhāvanāpāripūrivasena paribrūhitāya. Punappunaṃ katāyāti bhāvanāya bahulīkaraṇena aparāparaṃ pavattitāya. Yuttayānasadisakatāyāti yathā yuttaājaññayānaṃ chekena sārathinā adhiṭṭhitaṃ yathāruci pavattati, evaṃ yathāruci pavattārahataṃ gamitāya. Patiṭṭhānaṭṭhenāti sabbasampattiadhiṭṭhānaṭṭhena. Paccupaṭṭhitāyāti bhāvanābahulīkārehi pati pati upaṭṭhitāya avijahitāya. Samantato citāyāti sabbabhāgena bhāvanānurūpaṃ cayaṃ gamitāya. Tenāha ‘‘upacitāyā’’ti. Suṭṭhu samāraddhāyāti ativiya sammadeva nibbattigatāya.
โย จ เมตฺตํ ภาวยตีติอาทีสุ โย โกจิ คหโฎฺฐ วา ปพฺพชิโต วาฯ เมตฺตนฺติ เมตฺตาฌานํฯ
Yoca mettaṃ bhāvayatītiādīsu yo koci gahaṭṭho vā pabbajito vā. Mettanti mettājhānaṃ.
อปฺปมาณนฺติ ภาวนาวเสน อารมฺมณวเสน จ อปฺปมาณํฯ อสุภภาวนาทโย วิย หิ อารมฺมเณ เอกเทสคฺคหณํ อกตฺวา อนวเสสผรณวเสน อโนธิโส ผรณวเสน จ, อปฺปมาณารมฺมณตาย ปคุณภาวนาวเสน จ อปฺปมาณํฯ ตนู สํโยชนา โหนฺตีติ เมตฺตํ ปาทกํ กตฺวา สมฺมสิตฺวา เหฎฺฐิเม อริยมเคฺค อธิคจฺฉนฺตสฺส สุเขเนว ปฎิฆสํโยชนาทโย ปหียมานา ตนู โหนฺตีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Appamāṇanti bhāvanāvasena ārammaṇavasena ca appamāṇaṃ. Asubhabhāvanādayo viya hi ārammaṇe ekadesaggahaṇaṃ akatvā anavasesapharaṇavasena anodhiso pharaṇavasena ca, appamāṇārammaṇatāya paguṇabhāvanāvasena ca appamāṇaṃ. Tanū saṃyojanā hontīti mettaṃ pādakaṃ katvā sammasitvā heṭṭhime ariyamagge adhigacchantassa sukheneva paṭighasaṃyojanādayo pahīyamānā tanū hontīti evamettha attho daṭṭhabbo.
เอวํ กิเลสปฺปหานญฺจ นิพฺพานาธิคมญฺจ เมตฺตาภาวนาย สิขาปฺปตฺตมานิสํสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อเญฺญปิ อานิสํเส ทเสฺสตุํ ‘‘เอกมฺปิ เจ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อทุฎฺฐจิโตฺตติ เมตฺตาพเลน สุฎฺฐุ วิกฺขมฺภิตพฺยาปาทตาย พฺยาปาเทน อทูสิตจิโตฺตฯ เมตฺตายตีติ หิตผรณวเสน เมตฺตํ กโรติฯ กุสลีติ อติสเยน กุสลวา มหาปุโญฺญ, ปฎิฆาทิอนตฺถวิคเมน เขมีฯ สเพฺพ จ ปาเณติ จ-สโทฺท พฺยติเรโกฯ มนสานุกมฺปีติ จิเตฺตน อนุกมฺปโนฺตฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกสตฺตวิสยาปิ ตาว เมตฺตา มหากุสลราสิ, สเพฺพ ปน ปาเณ อตฺตโน ปุตฺตํ วิย หิตผรเณน มนสา อนุกมฺปโนฺต ปหุกํ ปหุํ อนปฺปกํ อปริยนฺตํ จตุสฎฺฐิมหากเปฺปปิ อตฺตโน วิปากปฺปพนฺธํ ปวเตฺตตุํ สมตฺถํ อุฬารํ ปุญฺญํ อริโย ปริสุทฺธจิโตฺต ปุคฺคโลว กโรติ นิปฺผาเทตีติฯ สตฺตภริตนฺติ สเตฺตหิ อวิรฬํ, อากิณฺณมนุสฺสนฺติ อโตฺถฯ
Evaṃ kilesappahānañca nibbānādhigamañca mettābhāvanāya sikhāppattamānisaṃsaṃ dassetvā idāni aññepi ānisaṃse dassetuṃ ‘‘ekampi ce’’tiādi vuttaṃ. Tattha aduṭṭhacittoti mettābalena suṭṭhu vikkhambhitabyāpādatāya byāpādena adūsitacitto. Mettāyatīti hitapharaṇavasena mettaṃ karoti. Kusalīti atisayena kusalavā mahāpuñño, paṭighādianatthavigamena khemī. Sabbe ca pāṇeti ca-saddo byatireko. Manasānukampīti cittena anukampanto. Idaṃ vuttaṃ hoti – ekasattavisayāpi tāva mettā mahākusalarāsi, sabbe pana pāṇe attano puttaṃ viya hitapharaṇena manasā anukampanto pahukaṃ pahuṃ anappakaṃ apariyantaṃ catusaṭṭhimahākappepi attano vipākappabandhaṃ pavattetuṃ samatthaṃ uḷāraṃ puññaṃ ariyo parisuddhacitto puggalova karoti nipphādetīti. Sattabharitanti sattehi aviraḷaṃ, ākiṇṇamanussanti attho.
สงฺคหวตฺถูนีติ (สํ. นิ. ฎี. ๑.๑.๑๒๐) โลกสฺส สงฺคณฺหนการณานิฯ นิปฺผนฺนสสฺสโต นว ภาเค กสฺสกสฺส ทตฺวา รญฺญํ เอกภาคคฺคหณํ ทสมภาคคฺคหณํฯ เอวํ กสฺสกา หฎฺฐตุฎฺฐา สสฺสานิ สมฺปาเทนฺตีติ อาห ‘‘สสฺสสมฺปาทเน เมธาวิตาติ อโตฺถ’’ติฯ ตโต โอรภาเค กิร ฉภาคคฺคหณํ ชาตํฯ ฉมาสิกนฺติ ฉนฺนํ ฉนฺนํ มาสานํ ปโหนกํฯ ปาเสตีติ ปาสคเต วิย กโรติฯ วาจาย ปิยํ วาจาปิยํ, ตสฺส กมฺมํ วาจาเปยฺยํฯ สพฺพโส รฎฺฐสฺส อิทฺธาทิภาวโต เขมํฯ นิรพฺพุทํ โจริยาภาวโตฯ อิทฺธญฺหิ รฎฺฐํ อโจริยํฯ ‘‘นิรคฺคฬ’’นฺติ วุจฺจติ อปารุตฆรภาวโตฯ
Saṅgahavatthūnīti (saṃ. ni. ṭī. 1.1.120) lokassa saṅgaṇhanakāraṇāni. Nipphannasassato nava bhāge kassakassa datvā raññaṃ ekabhāgaggahaṇaṃ dasamabhāgaggahaṇaṃ. Evaṃ kassakā haṭṭhatuṭṭhā sassāni sampādentīti āha ‘‘sassasampādane medhāvitāti attho’’ti. Tato orabhāge kira chabhāgaggahaṇaṃ jātaṃ. Chamāsikanti channaṃ channaṃ māsānaṃ pahonakaṃ. Pāsetīti pāsagate viya karoti. Vācāya piyaṃ vācāpiyaṃ, tassa kammaṃ vācāpeyyaṃ. Sabbaso raṭṭhassa iddhādibhāvato khemaṃ. Nirabbudaṃ coriyābhāvato. Iddhañhi raṭṭhaṃ acoriyaṃ. ‘‘Niraggaḷa’’nti vuccati apārutagharabhāvato.
อุทฺธํมูลกํ กตฺวาติ อุมฺมูลํ กตฺวาฯ ทฺวีหิ ปริยเญฺญหีติ มหายญฺญสฺส ปุพฺพภาเค ปจฺฉา จ ปวเตฺตตเพฺพหิ ทฺวีหิ ปริวารยเญฺญหิฯ สตฺต…เป.… ภีสนสฺสาติ สตฺตนวุตาธิกานํ ปญฺจนฺนํ ปสุสตานํ มารเณน เภรวสฺส ปาปภีรุกานํ ภยาวหสฺสฯ ตถา หิ วทนฺติ –
Uddhaṃmūlakaṃ katvāti ummūlaṃ katvā. Dvīhi pariyaññehīti mahāyaññassa pubbabhāge pacchā ca pavattetabbehi dvīhi parivārayaññehi. Satta…pe… bhīsanassāti sattanavutādhikānaṃ pañcannaṃ pasusatānaṃ māraṇena bheravassa pāpabhīrukānaṃ bhayāvahassa. Tathā hi vadanti –
‘‘ฉสตานิ นิยุชฺชนฺติ, ปสูนํ มชฺฌิเม หนิ;
‘‘Chasatāni niyujjanti, pasūnaṃ majjhime hani;
อสฺสเมธสฺส ยญฺญสฺส, อูนานิ ปสูหิ ตีหี’’ติฯ (สํ. นิ. ฎี. ๑.๑.๑๒๐; อ. นิ. ฎี. ๒.๔.๓๙);
Assamedhassa yaññassa, ūnāni pasūhi tīhī’’ti. (saṃ. ni. ṭī. 1.1.120; a. ni. ṭī. 2.4.39);
สมฺมนฺติ ยุคจฺฉิเทฺท ปกฺขิปิตพฺพทณฺฑกํฯ ปาสนฺตีติ ขิปนฺติฯ สํหาริเมหีติ สกเฎหิ วหิตเพฺพหิฯ ปุเพฺพ กิร เอโก ราชา สมฺมาปาสํ ยชโนฺต สรสฺสตินทิตีเร ปถวิยา วิวเร ทิเนฺน นิมุโคฺคเยว อโหสิฯ อนฺธพาลพฺราหฺมณา คตานุคติคตา ‘‘อยํ ตสฺส สคฺคคมนมโคฺค’’ติ สญฺญาย ตตฺถ สมฺมาปาสํ ยญฺญํ ปฎฺฐเปนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘นิมุโคฺคกาสโต ปภุตี’’ติ ฯ อยูโป อปฺปกทิวโส ยาโค, สยูโป พหุทิวสํ สาเธโยฺย สตฺรยาโคฯ มนฺตปทาภิสงฺขตานํ สปฺปิมธูนํ ‘‘วาช’’มิติ สมญฺญาฯ หิรญฺญสุวณฺณโคมหิํสาทิ สตฺตรสกทกฺขิณสฺสฯ สารคพฺภโกฎฺฐาคาราทีสุ นตฺถิ เอตฺถ อคฺคฬาติ นิรคฺคโฬฯ ตตฺถ กิร ยเญฺญ อตฺตโน สาปเตยฺยํ อนวเสสโต อนิคูหิตฺวา นิยฺยาตียติฯ
Sammanti yugacchidde pakkhipitabbadaṇḍakaṃ. Pāsantīti khipanti. Saṃhārimehīti sakaṭehi vahitabbehi. Pubbe kira eko rājā sammāpāsaṃ yajanto sarassatinaditīre pathaviyā vivare dinne nimuggoyeva ahosi. Andhabālabrāhmaṇā gatānugatigatā ‘‘ayaṃ tassa saggagamanamaggo’’ti saññāya tattha sammāpāsaṃ yaññaṃ paṭṭhapenti. Tena vuttaṃ ‘‘nimuggokāsato pabhutī’’ti . Ayūpo appakadivaso yāgo, sayūpo bahudivasaṃ sādheyyo satrayāgo. Mantapadābhisaṅkhatānaṃ sappimadhūnaṃ ‘‘vāja’’miti samaññā. Hiraññasuvaṇṇagomahiṃsādi sattarasakadakkhiṇassa. Sāragabbhakoṭṭhāgārādīsu natthi ettha aggaḷāti niraggaḷo. Tattha kira yaññe attano sāpateyyaṃ anavasesato anigūhitvā niyyātīyati.
จนฺทปฺปภาติ (อิติวุ. อฎฺฐ. ๒๗) จนฺทิมเสฺสว ปภายฯ ตาราคณาว สเพฺพติ ยถา สเพฺพปิ ตาราคณา จนฺทิมโสภาย โสฬสิมฺปิ กลํ นาคฺฆนฺติ, เอวํ เต อสฺสเมธาทโย ยญฺญา เมตฺตสฺส จิตฺตสฺส วุตฺตลกฺขเณน สุภาวิตสฺส โสฬสิมฺปิ กลํ นานุภวนฺติ, น ปาปุณนฺติ, นาคฺฆนฺตีติ อโตฺถฯ
Candappabhāti (itivu. aṭṭha. 27) candimasseva pabhāya. Tārāgaṇāva sabbeti yathā sabbepi tārāgaṇā candimasobhāya soḷasimpi kalaṃ nāgghanti, evaṃ te assamedhādayo yaññā mettassa cittassa vuttalakkhaṇena subhāvitassa soḷasimpi kalaṃ nānubhavanti, na pāpuṇanti, nāgghantīti attho.
อิทานิ อปเรปิ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิเก เมตฺตาภาวนาย อานิสํเส ทเสฺสตุํ ‘‘โย น หนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โยติ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารภาวนานุยุโตฺต ปุคฺคโลฯ น หนฺตีติ เตเนว เมตฺตาภาวนานุภาเวน ทูรวิกฺขมฺภิตพฺยาปาทตาย น กญฺจิ สตฺตํ หิํสติ, เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ น วิพาธติ วาฯ น ฆาเตตีติ ปรํ สมาทเปตฺวา น สเตฺต มาราเปติ น วิพาธาเปติ จฯ น ชินาตีติ สารมฺภวิคฺคาหิกกถาทิวเสน น กญฺจิ ชินาติ สารมฺภเสฺสว อภาวโต, ชานิกรณวเสน วา อฎฺฎกรณาทินา น กญฺจิ ชินาติฯ เตนาห ‘‘น อตฺตนา ปรสฺส ชานิํ กโรตี’’ติฯ น ชาปเยติ ปเรหิ ปโยเชตฺวา ปเรสมฺปิ ธนชานิํ น การาเปยฺยฯ เตนาห ‘‘น ปเรน ปรสฺส ชานิํ กาเรตี’’ติฯ เมตฺตาย วา อํโส อวิเหฐนเฎฺฐน อวยวภูโตติ เมตฺตํโสฯ
Idāni aparepi diṭṭhadhammikasamparāyike mettābhāvanāya ānisaṃse dassetuṃ ‘‘yo na hantī’’tiādi vuttaṃ. Tattha yoti mettābrahmavihārabhāvanānuyutto puggalo. Na hantīti teneva mettābhāvanānubhāvena dūravikkhambhitabyāpādatāya na kañci sattaṃ hiṃsati, leḍḍudaṇḍādīhi na vibādhati vā. Na ghātetīti paraṃ samādapetvā na satte mārāpeti na vibādhāpeti ca. Na jinātīti sārambhaviggāhikakathādivasena na kañci jināti sārambhasseva abhāvato, jānikaraṇavasena vā aṭṭakaraṇādinā na kañci jināti. Tenāha ‘‘na attanā parassa jāniṃ karotī’’ti. Na jāpayeti parehi payojetvā paresampi dhanajāniṃ na kārāpeyya. Tenāha ‘‘na parena parassa jāniṃ kāretī’’ti. Mettāya vā aṃso aviheṭhanaṭṭhena avayavabhūtoti mettaṃso.
เมตฺตาสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mettāsuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. เมตฺตาสุตฺตํ • 1. Mettāsuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. เมตฺตาสุตฺตวณฺณนา • 1. Mettāsuttavaṇṇanā