Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๘. มิคชาลเตฺถรคาถาวณฺณนา
8. Migajālattheragāthāvaṇṇanā
สุเทสิโตติอาทิกา อายสฺมโต มิคชาลเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ วิสาขาย มหาอุปาสิกาย ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, มิคชาโลติสฺส นามํ อโหสิฯ โส วิหารํ คนฺตฺวา อภิณฺหโส ธมฺมสฺสวเนน ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –
Sudesitotiādikā āyasmato migajālattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ visākhāya mahāupāsikāya putto hutvā nibbatti, migajālotissa nāmaṃ ahosi. So vihāraṃ gantvā abhiṇhaso dhammassavanena paṭiladdhasaddho pabbajitvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ patvā aññaṃ byākaronto –
๔๑๗.
417.
‘‘สุเทสิโต จกฺขุมตา, พุเทฺธนาทิจฺจพนฺธุนา;
‘‘Sudesito cakkhumatā, buddhenādiccabandhunā;
สพฺพสํโยชนาตีโต, สพฺพวฎฺฎวินาสโนฯ
Sabbasaṃyojanātīto, sabbavaṭṭavināsano.
๔๑๘.
418.
‘‘นิยฺยานิโก อุตฺตรโณ, ตณฺหามูลวิโสสโน;
‘‘Niyyāniko uttaraṇo, taṇhāmūlavisosano;
วิสมูลํ อาฆาตนํ, เฉตฺวา ปาเปติ นิพฺพุติํฯ
Visamūlaṃ āghātanaṃ, chetvā pāpeti nibbutiṃ.
๔๑๙.
419.
‘‘อญฺญาณมูลเภทาย, กมฺมยนฺตวิฆาฎโน;
‘‘Aññāṇamūlabhedāya, kammayantavighāṭano;
วิญฺญาณานํ ปริคฺคเห, ญาณวชิรนิปาตโนฯ
Viññāṇānaṃ pariggahe, ñāṇavajiranipātano.
๔๒๐.
420.
‘‘เวทนานํ วิญฺญาปโน, อุปาทานปฺปโมจโน;
‘‘Vedanānaṃ viññāpano, upādānappamocano;
ภวํ องฺคารกาสุํว, ญาเณน อนุปสฺสโนฯ
Bhavaṃ aṅgārakāsuṃva, ñāṇena anupassano.
๔๒๑.
421.
‘‘มหารโส สุคมฺภีโร, ชรามจฺจุนิวารโณ;
‘‘Mahāraso sugambhīro, jarāmaccunivāraṇo;
อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, ทุกฺขูปสมโน สิโวฯ
Ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, dukkhūpasamano sivo.
๔๒๒.
422.
‘‘กมฺมํ กมฺมนฺติ ญตฺวาน, วิปากญฺจ วิปากโต;
‘‘Kammaṃ kammanti ñatvāna, vipākañca vipākato;
ปฎิจฺจุปฺปนฺนธมฺมานํ, ยถาวาโลกทสฺสโน;
Paṭiccuppannadhammānaṃ, yathāvālokadassano;
มหาเขมงฺคโม สโนฺต, ปริโยสานภทฺทโก’’ติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;
Mahākhemaṅgamo santo, pariyosānabhaddako’’ti. – imā gāthā abhāsi;
ตตฺถ สุเทสิโตติ สุฎฺฐุ เทสิโต, เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถานํ ยาถาวโต วิภาวนวเสน เทสิโตติ อโตฺถฯ อถ วา สุเทสิโตติ สมฺมา เทสิโต, ปวตฺตินิวตฺตีนํ ตทุภยเหตูนญฺจ อวิปรีตโต ปกาสนวเสน ภาสิโต สฺวาขฺยาโตติ อโตฺถฯ จกฺขุมตาติ มํสจกฺขุ, ทิพฺพจกฺขุ, ปญฺญาจกฺขุ, พุทฺธจกฺขุ, สมนฺตจกฺขูติ อิเมหิ ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมตาฯ พุเทฺธนาติ สพฺพญฺญุพุเทฺธนฯ อาทิจฺจพนฺธุนาติ อาทิจฺจโคเตฺตนฯ ทุวิโธ หิ โลเก ขตฺติยวํโส – อาทิจฺจวํโส, โสมวํโสติฯ ตตฺถ อาทิจฺจวํโส, โอกฺกากราชวํโสติ ชานิตพฺพํฯ ตโต สญฺชาตตาย สากิยา อาทิจฺจโคตฺตาติ ภควา ‘‘อาทิจฺจพนฺธู’’ติ วุจฺจติฯ อถ วา อาทิจฺจสฺส พนฺธูติปิ ภควา อาทิจฺจพนฺธุ, สฺวายมโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺตเยวฯ กามราคสํโยชนาทีนํ สเพฺพสํ สํโยชนานํ สมติกฺกมนภาวโต สพฺพสํโยชนาตีโต ตโต เอว กิเลสกมฺมวิปากวฎฺฎานํ วินาสนโต วิทฺธํสนโต สพฺพวฎฺฎวินาสโน, สํสารจารกโต นิยฺยานโต นิยฺยานิโก, สํสารมโหฆโต สมุตฺตรณเฎฺฐน อุตฺตรโณ, กามตณฺหาทีนํ สพฺพตณฺหานํ มูลํ อวิชฺชํ อโยนิโส มนสิการญฺจ วิโสเสติ สุกฺขาเปตีติ ตณฺหามูลวิโสสโน, ติณฺณมฺปิ เวทานํ สมฺปฎิเวธสฺส วิทฺธํสนโต วิสสฺส ทุกฺขสฺส การณตฺตา วิสมูลํ, สตฺตานํ พฺยสนุปฺปตฺติฎฺฐานตาย อาฆาตนํ กมฺมํ กิเลสํ วา เฉตฺวา สมุจฺฉินฺทิตฺวา นิพฺพุติํ นิพฺพานํ ปาเปติฯ
Tattha sudesitoti suṭṭhu desito, veneyyajjhāsayānurūpaṃ diṭṭhadhammikasamparāyikaparamatthānaṃ yāthāvato vibhāvanavasena desitoti attho. Atha vā sudesitoti sammā desito, pavattinivattīnaṃ tadubhayahetūnañca aviparītato pakāsanavasena bhāsito svākhyātoti attho. Cakkhumatāti maṃsacakkhu, dibbacakkhu, paññācakkhu, buddhacakkhu, samantacakkhūti imehi pañcahi cakkhūhi cakkhumatā. Buddhenāti sabbaññubuddhena. Ādiccabandhunāti ādiccagottena. Duvidho hi loke khattiyavaṃso – ādiccavaṃso, somavaṃsoti. Tattha ādiccavaṃso, okkākarājavaṃsoti jānitabbaṃ. Tato sañjātatāya sākiyā ādiccagottāti bhagavā ‘‘ādiccabandhū’’ti vuccati. Atha vā ādiccassa bandhūtipi bhagavā ādiccabandhu, svāyamattho heṭṭhā vuttoyeva. Kāmarāgasaṃyojanādīnaṃ sabbesaṃ saṃyojanānaṃ samatikkamanabhāvato sabbasaṃyojanātīto tato eva kilesakammavipākavaṭṭānaṃ vināsanato viddhaṃsanato sabbavaṭṭavināsano, saṃsāracārakato niyyānato niyyāniko, saṃsāramahoghato samuttaraṇaṭṭhena uttaraṇo, kāmataṇhādīnaṃ sabbataṇhānaṃ mūlaṃ avijjaṃ ayoniso manasikārañca visoseti sukkhāpetīti taṇhāmūlavisosano, tiṇṇampi vedānaṃ sampaṭivedhassa viddhaṃsanato visassa dukkhassa kāraṇattā visamūlaṃ, sattānaṃ byasanuppattiṭṭhānatāya āghātanaṃ kammaṃ kilesaṃ vā chetvā samucchinditvā nibbutiṃ nibbānaṃ pāpeti.
อญฺญาณสฺส มูลํ อโยนิโส มนสิกาโร อาสวา จ ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) หิ วุตฺตํ, ตสฺส เภทาย วชิรูปมญาเณน ภินฺทนตฺถายฯ อถ วา ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิวจนโต (วิภ. ๒๒๕-๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑) อญฺญาณํ มูลํ เอตสฺสาติ อญฺญาณมูลํ, ภวจกฺกํ, ตสฺส มคฺคญาณวชิเรน ปทาลนตฺถํ เทสิโตติ สมฺพโนฺธฯ กมฺมยนฺตวิฆาฎโนติ กมฺมฆฎิตสฺส อตฺตภาวยนฺตสฺส วิทฺธํสโนฯ วิญฺญาณานํ ปริคฺคเหติ กามภวาทีสุ ยถาสกกมฺมุนา วิญฺญาณคฺคหเณ อุปฎฺฐิเตติ วจนเสโสฯ ตตฺถ ตตฺถ หิ ภเว ปฎิสนฺธิยา คหิตาย ตํตํภวนิสฺสิตวิญฺญาณานิปิ คหิตาเนว โหนฺติฯ ญาณวชิรนิปาตโนติ ญาณวชิรสฺส นิปาโต, ญาณวชิรํ นิปาเตตฺวา เตสํ ปทาเลตาฯ โลกุตฺตรธโมฺม หิ อุปฺปชฺชมาโน สตฺตมภวาทีสุ อุปฺปชฺชนารหานิ วิญฺญาณานิ ภินฺทตฺตเมว อุปฺปชฺชตีติฯ
Aññāṇassa mūlaṃ ayoniso manasikāro āsavā ca ‘‘āsavasamudayā avijjāsamudayo’’ti (ma. ni. 1.103) hi vuttaṃ, tassa bhedāya vajirūpamañāṇena bhindanatthāya. Atha vā ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā’’tiādivacanato (vibha. 225-226; saṃ. ni. 2.1) aññāṇaṃ mūlaṃ etassāti aññāṇamūlaṃ, bhavacakkaṃ, tassa maggañāṇavajirena padālanatthaṃ desitoti sambandho. Kammayantavighāṭanoti kammaghaṭitassa attabhāvayantassa viddhaṃsano. Viññāṇānaṃ pariggaheti kāmabhavādīsu yathāsakakammunā viññāṇaggahaṇe upaṭṭhiteti vacanaseso. Tattha tattha hi bhave paṭisandhiyā gahitāya taṃtaṃbhavanissitaviññāṇānipi gahitāneva honti. Ñāṇavajiranipātanoti ñāṇavajirassa nipāto, ñāṇavajiraṃ nipātetvā tesaṃ padāletā. Lokuttaradhammo hi uppajjamāno sattamabhavādīsu uppajjanārahāni viññāṇāni bhindattameva uppajjatīti.
เวทนานํ วิญฺญาปโนติ สุขาทีนํ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ ยถากฺกมํ ทุกฺขสลฺลานิจฺจวเสน ยาถาวโต ปเวทโกฯ อุปาทานปฺปโมจโนติ กามุปาทานาทีหิ จตูหิปิ อุปาทาเนหิ จิตฺตสนฺตานสฺส วิโมจโกฯ ภวํ องฺคารกาสุํว, ญาเณน อนุปสฺสโนติ กามภวาทินววิธมฺปิ ภวํ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตภาวโต สาธิกโปริสํ องฺคารกาสุํ วิย มคฺคญาเณน อนุปจฺจกฺขโต ทเสฺสตาฯ
Vedanānaṃ viññāpanoti sukhādīnaṃ tissannaṃ vedanānaṃ yathākkamaṃ dukkhasallāniccavasena yāthāvato pavedako. Upādānappamocanoti kāmupādānādīhi catūhipi upādānehi cittasantānassa vimocako. Bhavaṃ aṅgārakāsuṃva, ñāṇena anupassanoti kāmabhavādinavavidhampi bhavaṃ ekādasahi aggīhi ādittabhāvato sādhikaporisaṃ aṅgārakāsuṃ viya maggañāṇena anupaccakkhato dassetā.
สนฺตปณีตภาวโต อติตฺติกรเฎฺฐน มหารโส ปริญฺญาทิวเสน วา มหากิจฺจตาย สามญฺญผลวเสน มหาสมฺปตฺติตาย จ มหารโส, อนุปจิตสมฺภาเรหิ ทุรวคาหตาย อลพฺภเนยฺยปติฎฺฐตาย จ สุฎฺฐุ คมฺภีโร ชรามจฺจุนิวารโณ, อายติํ ภวาภินิปฺผตฺติยา นิวตฺตเนน ชราย มจฺจุโน จ ปฎิเสธโกฯ อิทานิ ยถาวุตฺตคุณวิเสสยุตฺตํ ธมฺมํ สรูปโต ทเสฺสโนฺต ‘‘อริโย อฎฺฐงฺคิโก’’ติ วตฺวา ปุนปิ ตสฺส กติปเย คุเณ วิภาเวตุํ ‘‘ทุกฺขูปสมโน สิโว’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ปริสุทฺธเฎฺฐน อริโย, สมฺมาทิฎฺฐิอาทิอฎฺฐธมฺมสโมธานตาย อฎฺฐงฺคิโก, นิพฺพานคเวสนเฎฺฐน มโคฺค สกลวฎฺฎทุกฺขวูปสมนเฎฺฐน ทุกฺขวูปสมโน, เขมเฎฺฐน สิโวฯ
Santapaṇītabhāvato atittikaraṭṭhena mahāraso pariññādivasena vā mahākiccatāya sāmaññaphalavasena mahāsampattitāya ca mahāraso, anupacitasambhārehi duravagāhatāya alabbhaneyyapatiṭṭhatāya ca suṭṭhu gambhīro jarāmaccunivāraṇo, āyatiṃ bhavābhinipphattiyā nivattanena jarāya maccuno ca paṭisedhako. Idāni yathāvuttaguṇavisesayuttaṃ dhammaṃ sarūpato dassento ‘‘ariyo aṭṭhaṅgiko’’ti vatvā punapi tassa katipaye guṇe vibhāvetuṃ ‘‘dukkhūpasamano sivo’’tiādimāha. Tassattho – parisuddhaṭṭhena ariyo, sammādiṭṭhiādiaṭṭhadhammasamodhānatāya aṭṭhaṅgiko, nibbānagavesanaṭṭhena maggo sakalavaṭṭadukkhavūpasamanaṭṭhena dukkhavūpasamano, khemaṭṭhena sivo.
ยถา อิโต พาหิรกสมเย อสมฺมาสมฺพุทฺธปเวทิตตฺตา กมฺมวิปาโก วิปลฺลาโส สิยาติ เอวํ อวิปลฺลาเสตฺวา ปฎิจฺจุปฺปนฺนธมฺมานํ ปฎิจฺจสมุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ กมฺมํ กมฺมนฺติ วิปากญฺจ วิปากโต ญตฺวาน ปุพฺพภาคญาเณน ชานนเหตุ สสฺสตุเจฺฉทคฺคาหานํ วิธมเนน ยาถาวโต อาโลกทสฺสโน ตกฺกรสฺส โลกุตฺตรญาณาโลกสฺส ทสฺสโนฯ เกนจิ กญฺจิ กทาจิปิ อนุปทฺทุตตฺตา มหาเขมํ นิพฺพานํ คจฺฉติ สเตฺต คเมติ จาติ มหาเขมงฺคโม, สพฺพกิเลสทรถปริฬาหวูปสมนโต สโนฺต, อกุปฺปาย เจโตวิมุตฺติยา อนุปาทิเสสาย จ นิพฺพานธาตุยา ปาปเนน ปริโยสานภทฺทโก สุเทสิโต จกฺขุมตาติ โยชนาฯ
Yathā ito bāhirakasamaye asammāsambuddhapaveditattā kammavipāko vipallāso siyāti evaṃ avipallāsetvā paṭiccuppannadhammānaṃ paṭiccasamuppannesu dhammesu kammaṃ kammanti vipākañca vipākato ñatvāna pubbabhāgañāṇena jānanahetu sassatucchedaggāhānaṃ vidhamanena yāthāvato ālokadassano takkarassa lokuttarañāṇālokassa dassano. Kenaci kañci kadācipi anupaddutattā mahākhemaṃ nibbānaṃ gacchati satte gameti cāti mahākhemaṅgamo, sabbakilesadarathapariḷāhavūpasamanato santo, akuppāya cetovimuttiyā anupādisesāya ca nibbānadhātuyā pāpanena pariyosānabhaddako sudesito cakkhumatāti yojanā.
เอวํ เถโร นานานเยหิ อริยธมฺมํ ปสํสโนฺต ตสฺส ธมฺมสฺส อตฺตนา อธิคตภาวํ อญฺญาปเทเสน ปกาเสสิฯ
Evaṃ thero nānānayehi ariyadhammaṃ pasaṃsanto tassa dhammassa attanā adhigatabhāvaṃ aññāpadesena pakāsesi.
มิคชาลเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Migajālattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๘. มิคชาลเตฺถรคาถา • 8. Migajālattheragāthā