Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๗๒] ๒. มิคโปตกชาตกวณฺณนา
[372] 2. Migapotakajātakavaṇṇanā
อคารา ปจฺจุเปตสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ มหลฺลกํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิเรกํ ทารกํ ปพฺพาเชสิฯ สามเณโร ตํ สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหิตฺวา อปรภาเค อผาสุเกน กาลมกาสิฯ ตสฺส กาลกิริยาย มหลฺลโก โสกาภิภูโต มหเนฺตน สเทฺทน ปริเทวโนฺต วิจริฯ ภิกฺขู สญฺญาเปตุํ อสโกฺกนฺตา ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม มหลฺลโก สามเณรสฺส กาลกิริยาย ปริเทวโนฺต วิจรติ, มรณสฺสติภาวนาย ปริพาหิโร เอโส ภวิสฺสตี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส เอตสฺมิํ มเต ปริเทวโนฺต วิจรี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Agārā paccupetassāti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ mahallakaṃ ārabbha kathesi. So kirekaṃ dārakaṃ pabbājesi. Sāmaṇero taṃ sakkaccaṃ upaṭṭhahitvā aparabhāge aphāsukena kālamakāsi. Tassa kālakiriyāya mahallako sokābhibhūto mahantena saddena paridevanto vicari. Bhikkhū saññāpetuṃ asakkontā dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, asuko nāma mahallako sāmaṇerassa kālakiriyāya paridevanto vicarati, maraṇassatibhāvanāya paribāhiro eso bhavissatī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa etasmiṃ mate paridevanto vicarī’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สกฺกตฺตํ กาเรสิฯ ตทา เอโก กาสิรฎฺฐวาสี พฺราหฺมโณ หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ผลาผเลหิ ยาเปสิฯ โส เอกทิวสํ อรเญฺญ เอกํ มตมาติกํ มิคโปตกํ ทิสฺวา อสฺสมํ อาเนตฺวา โคจรํ ทตฺวา โปเสสิฯ มิคโปตโก วฑฺฒโนฺต อภิรูโป อโหสิ โสภคฺคปฺปโตฺตฯ ตาปโส ตํ อตฺตโน ปุตฺตกํ กตฺวา ปริหรติฯ เอกทิวสํ มิคโปตโก พหุํ ติณํ ขาทิตฺวา อชีรเกน กาลมกาสิฯ ตาปโส ‘‘ปุโตฺต เม มโต’’ติ ปริเทวโนฺต วิจรติฯ ตทา สโกฺก เทวราชา โลกํ ปริคฺคณฺหโนฺต ตํ ตาปสํ ทิสฺวา ‘‘สํเวเชสฺสามิ น’’นฺติ อาคนฺตฺวา อากาเส ฐิโต ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto sakkattaṃ kāresi. Tadā eko kāsiraṭṭhavāsī brāhmaṇo himavantaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā phalāphalehi yāpesi. So ekadivasaṃ araññe ekaṃ matamātikaṃ migapotakaṃ disvā assamaṃ ānetvā gocaraṃ datvā posesi. Migapotako vaḍḍhanto abhirūpo ahosi sobhaggappatto. Tāpaso taṃ attano puttakaṃ katvā pariharati. Ekadivasaṃ migapotako bahuṃ tiṇaṃ khāditvā ajīrakena kālamakāsi. Tāpaso ‘‘putto me mato’’ti paridevanto vicarati. Tadā sakko devarājā lokaṃ pariggaṇhanto taṃ tāpasaṃ disvā ‘‘saṃvejessāmi na’’nti āgantvā ākāse ṭhito paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๑๖.
116.
‘‘อคารา ปจฺจุเปตสฺส, อนคารสฺส เต สโต;
‘‘Agārā paccupetassa, anagārassa te sato;
สมณสฺส น ตํ สาธุ, ยํ เปตมนุโสจสี’’ติฯ
Samaṇassa na taṃ sādhu, yaṃ petamanusocasī’’ti.
ตํ สุตฺวา ตาปโส ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā tāpaso dutiyaṃ gāthamāha –
๑๑๗.
117.
‘‘สํวาเสน หเว สกฺก, มนุสฺสสฺส มิคสฺส วา;
‘‘Saṃvāsena have sakka, manussassa migassa vā;
หทเย ชายเต เปมํ, น ตํ สกฺกา อโสจิตุ’’นฺติฯ
Hadaye jāyate pemaṃ, na taṃ sakkā asocitu’’nti.
ตตฺถ น ตํ สกฺกาติ ตํ มนุสฺสํ วา ติรจฺฉานํ วา น สกฺกา อโสจิตุํ, โสจามิเยวาหนฺติฯ
Tattha na taṃ sakkāti taṃ manussaṃ vā tiracchānaṃ vā na sakkā asocituṃ, socāmiyevāhanti.
ตโต สโกฺก เทฺว คาถา อภาสิ –
Tato sakko dve gāthā abhāsi –
๑๑๘.
118.
‘‘มตํ มริสฺสํ โรทนฺติ, เย รุทนฺติ ลปนฺติ จ;
‘‘Mataṃ marissaṃ rodanti, ye rudanti lapanti ca;
ตสฺมา ตฺวํ อิสิ มา โรทิ, โรทิตํ โมฆมาหุ สโนฺตฯ
Tasmā tvaṃ isi mā rodi, roditaṃ moghamāhu santo.
๑๑๙.
119.
‘‘โรทิเตน หเว พฺรเหฺม, มโต เปโต สมุฎฺฐเห;
‘‘Roditena have brahme, mato peto samuṭṭhahe;
สเพฺพ สงฺคมฺม โรทาม, อญฺญมญฺญสฺส ญาตเก’’ติฯ
Sabbe saṅgamma rodāma, aññamaññassa ñātake’’ti.
ตตฺถ มริสฺสนฺติ โย อิทานิ มริสฺสติ, ตํฯ ลปนฺติ จาติ วิลปนฺติ จฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย โลเก มตญฺจ มริสฺสนฺตญฺจ โรทนฺติ, เต รุทนฺติ เจว วิลปนฺติ จ, เตสํ อสฺสุปจฺฉิชฺชนทิวโส นาม นตฺถิฯ กิํการณา? สทาปิ มตานญฺจ มริสฺสนฺตานญฺจ อตฺถิตายฯ ตสฺมา ตฺวํ อิสิ มา โรทิฯ กิํการณา ? โรทิตํ โมฆมาหุ สโนฺตติ, พุทฺธาทโย ปน ปณฺฑิตา โรทิตํ ‘‘โมฆ’’นฺติ วทนฺติฯ มโต เปโตติ โย เอส มโต เปโตติ วุจฺจติ, ยทิ โส โรทิเตน สมุฎฺฐเหยฺย, เอวํ สเนฺต กิํ นิกฺกมฺมา อจฺฉาม, สเพฺพว สมาคมฺม อญฺญมญฺญสฺส ญาตเก โรทามฯ ยสฺมา ปน เต โรทิตการณา น อุฎฺฐหนฺติ, ตสฺมา โรทิตสฺส โมฆภาวํ สาเธติฯ
Tattha marissanti yo idāni marissati, taṃ. Lapanti cāti vilapanti ca. Idaṃ vuttaṃ hoti – ye loke matañca marissantañca rodanti, te rudanti ceva vilapanti ca, tesaṃ assupacchijjanadivaso nāma natthi. Kiṃkāraṇā? Sadāpi matānañca marissantānañca atthitāya. Tasmā tvaṃ isi mā rodi. Kiṃkāraṇā ? Roditaṃ moghamāhu santoti, buddhādayo pana paṇḍitā roditaṃ ‘‘mogha’’nti vadanti. Mato petoti yo esa mato petoti vuccati, yadi so roditena samuṭṭhaheyya, evaṃ sante kiṃ nikkammā acchāma, sabbeva samāgamma aññamaññassa ñātake rodāma. Yasmā pana te roditakāraṇā na uṭṭhahanti, tasmā roditassa moghabhāvaṃ sādheti.
เอวํ สกฺกสฺส กเถนฺตสฺส ตาปโส ‘‘นิรตฺถกํ โรทิต’’นฺติ สลฺลเกฺขตฺวา สกฺกสฺส ถุติํ กโรโนฺต ติโสฺส คาถา อภาสิ –
Evaṃ sakkassa kathentassa tāpaso ‘‘niratthakaṃ rodita’’nti sallakkhetvā sakkassa thutiṃ karonto tisso gāthā abhāsi –
๑๒๐.
120.
‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;
‘‘Ādittaṃ vata maṃ santaṃ, ghatasittaṃva pāvakaṃ;
วารินา วิย โอสิญฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํฯ
Vārinā viya osiñcaṃ, sabbaṃ nibbāpaye daraṃ.
๑๒๑.
121.
‘‘อพฺพหิ วต เม สลฺลํ, ยมาสิ หทยสฺสิตํ;
‘‘Abbahi vata me sallaṃ, yamāsi hadayassitaṃ;
โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิฯ
Yo me sokaparetassa, puttasokaṃ apānudi.
๑๒๒.
122.
‘‘โสหํ อพฺพูฬฺหสโลฺลสฺมิ, วีตโสโก อนาวิโล;
‘‘Sohaṃ abbūḷhasallosmi, vītasoko anāvilo;
น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน วาสวา’’ติฯ
Na socāmi na rodāmi, tava sutvāna vāsavā’’ti.
ตตฺถ ยมาสีติ ยํ เม อาสิฯ หทยสฺสิตนฺติ หทเย นิสฺสิตํฯ อปานุทีติ นีหริฯ สโกฺก ตาปสสฺส โอวาทํ ทตฺวา สกฎฺฐานเมว คโตฯ
Tattha yamāsīti yaṃ me āsi. Hadayassitanti hadaye nissitaṃ. Apānudīti nīhari. Sakko tāpasassa ovādaṃ datvā sakaṭṭhānameva gato.
สตฺถา อิธํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ตาปโส มหลฺลโก อโหสิ, มิโค สามเณโร, สโกฺก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā idhaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā tāpaso mahallako ahosi, migo sāmaṇero, sakko pana ahameva ahosi’’nti.
มิคโปตกชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ
Migapotakajātakavaṇṇanā dutiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๗๒. มิคโปตกชาตกํ • 372. Migapotakajātakaṃ